ตัวอย่างการเขียน บทที่ 3 เพื่อรายงานผลงานทางวิชาการครูเชี่ยวชาญ
ตัวอย่างการเขียน บทที่ 3 เพื่อรายงานผลงานทางวิชาการครูเชี่ยวชาญ
จากเกณฑ์คะแนนจากแบบประเมินด้านที่ 3 ด้านผลงานทางวิชาการ เพื่อให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู เลื่อนเป็นวิทยฐานะครูเชี่ยวชาญด้านที่ 3 ด้านผลงานทางวิชาการเพื่อให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู เลื่อนเป็นวิทยฐานะครูเชี่ยวชาญ
การประเมินด้านที่ 3 ด้านผลงานทางวิชาการสำหรับวิทยฐานะครูเชี่ยวชาญและวิทยฐานะ ครูเชี่ยวชาญพิเศษ มีองค์ประกอบการประเมิน เกณฑ์การให้คะแนน วิธีการประเมิน และเกณฑ์การตัดสินดังนี้
1. องค์ประกอบการประเมินและเกณฑ์การให้คะแนน
การประเมินและการให้คะแนน จำแนกออกเป็น 2 ส่วน จำนวน 6 ตัวชี้วัด ดังนี้
ส่วนที่ 1 คุณภาพของผลงานทางวิชาการ(คะแนนเต็ม 50 คะแนน)
1.1 ความถูกต้องตามหลักวิชาการ (20 คะแนน)
1.2 ความคาดหวังในระดับการปฏิบัติงานตามมาตรฐานวิทยฐานะ (15 คะแนน)
1) วิทยฐานะครูเชี่ยวชาญ ความคาดหวังในระดับการปฏิบัติงานตามมาตรฐานวิทยฐานะต้องแสดงให้เห็นถึงการคิดค้น ปรับเปลี่ยนนวัตกรรมในการจัดการเรียนรู้ และเป็นแบบอย่างที่ดี
2) วิทยฐานะครูเชี่ยวชาญพิเศษ ความคาดหวังในระดับการปฏิบัติงานตามมาตรฐานวิทยฐานะ ต้องแสดงให้เห็นถึงการสร้างการเปลี่ยนแปลง เผยแพร่และขยายผลในวงวิชาชีพ และเป็นแบบอย่างที่ดี
1.3 ความสมบูรณ์ของเนื้อหาสาระ (10 คะแนน)
1.4 การจัดทำการพิมพ์ รูปเล่ม และการเผยแพร่ (5 คะแนน)
ส่วนที่ 2 ประโยชน์ของผลงานทางวิชาการ (คะแนนเต็ม 50 คะแนน)
2.1 ประโยชน์ต่อผู้เรียน ครูบุคลากรทางการศึกษา สถานศึกษา และชุมชน
2.2 ประโยชน์ต่อความก้าวหน้าในวงวิชาชีพ ต้องสามารถปรับเปลี่ยน และสร้าง การเปลี่ยนแปลงในวงวิชาการและวงวิชาชีพ ตามมาตรฐานวิทยฐานะที่ขอรับการประเมิน
ดังนั้นในการเขียนงานวิจัยควรตอบโจทย์ข้อสังเกตบางประการเกี่ยวกับผลงานทางวิชาการดังนี้
ผลงานทางวิชาการ เรื่อง ……………………………………………………………………………………………………………………. ต้องแปลกใหม่และเป็นประโยชน์แก่วงการศึกษา และวงวิชาการ
บทความนี้จะลงตัวอย่างของการเขียนรายงานในบทที่ 3 เพื่อ ใช้สำหรับเป็นแนวทางในการเขียนรายงานการวิจัยครับ ท่านสามารถนำไปปรับแต่งเพื่อความเหมาะสมกับงานของท่านได้เลยครับ
บทที่ 3 วิธีการวิจัย
ในบทที่ 3 การดำเนินการวิจัย/วิธีดำเนินการวิจัย วิธีการวิจัย ว่าด้วยเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการนำเสนอขั้นตอน กระบวนการดำเนินการ โดยอธิบายในแต่ละขั้นตอนว่า
- ทำอะไร
- ดำเนินการอย่างไรบ้าง
- จนเสร็จสิ้นกระบวนการดำเนินการ
ดังนั้น ในบทนี้จะเป็น…
- แบบแผนการวิจัยและวิธีการวิจัย
- การกล่าวถึงว่าดำเนินการอย่างไร
- จัดทำอย่างไร
- พัฒนาอย่างไร และ
- นำไปใช้อย่างไร
บทที่ 3 วิธีการวิจัย
รายงานการวิจัย เรื่อง…………………………………ผู้รายงานได้ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปนี้
ขั้นตอนที่ 1 การวิจัย (Research: R1) โดยทำการศึกษา และสังเคราะห์แนวคิด รวมถึงทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ และทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนรู้แบบ……………………………………………….
ขั้นตอนที่ 2 การพัฒนา (Development: D1) เป็นขั้นตอนการออกแบบ รูปแบบ…………………………………………..และหาประสิทธิภาพของรูปแบบ………………………………………………. รวมถึงการพัฒนาเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
ขั้นตอนที่ 3 การวิจัย (Research: R2) นำรูปแบบ…………………………………………..ไปทดลองใช้จริง และศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อรูปแบบ…………………………………………..
ขั้นตอนที่ 4 การพัฒนา (Development: D2) เป็นขั้นตอนการประเมินผลรูปแบบ………………………………………….. และปรับปรุงรูปแบบ…………………………………………..
รูปแบบการดำเนินการวิจัย
ผู้รายงานใช้กระบวนการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) สำหรับออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ และการประเมินประสิทธิผลการใช้รูปแบบ……………………………………………………………….. ซึ่งผู้รายงานดำเนินตามวิธีดำเนินการ 4 ขั้นตอน ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 การวิจัย (Research: R1)
ผู้รายงานทำการวิเคราะห์สภาพการจัดการความรู้ เพื่อจัดกิจกรรมการเรียนการสอนสำหรับรูปแบบ………………………………………………………………………………. ดังนี้
- ทบทวนวรรณกรรมเกี่ยวกับแนวคิด ทฤษฎี เอกสาร นิยามคำศัพท์ และงานวิจัยเกี่ยวข้องกับแนวคิดและทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการเรียนรู้เชิงรุก และรูปแบบการจัดการเรียนรู้ เพื่อหาแนวทางในการกำหนดกรอบแนวคิด และกำหนดรูปแบบของขั้นตอนการเรียนการสอนเชิงรุก และแนวทางการประยุกต์ใช้สรุปเป็นแนวทางการทำวิจัย และพัฒนารูปแบบ……………………………………………………………………
- ทบทวนวรรณกรรมเกี่ยวกับแนวคิด ทฤษฎี เอกสาร นิยามคำศัพท์และงานวิจัยเกี่ยวข้องกับแนวคิดพื้นฐานจากรูปแบบการเรียนการสอน กับเนื้อหาและหลักสูตรการจัดการเรียนการสอนวิชา………. เพื่อหาแนวทางในการกำหนดกรอบแนวคิด และกำหนดรูปแบบของขั้นตอนการเรียนการสอนเชิงรุก
- วิเคราะห์ปัญหา และสาเหตุจากการเรียนการสอน โดยการศึกษาและวิเคราะห์ผลการเรียนของผู้เรียน และศึกษารายละเอียดในหลักสูตรของสถานศึกษา เพื่อวิเคราะห์เนื้อหาสาระ และผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง หรือจุดประสงค์ และกิจกรรมที่เป็นปัญหา ในขั้นตอนนี้ผู้รายงานทำการศึกษาหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 หลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้……………. มาตรฐานการเรียนรู้และมาตรฐานการเรียนรู้ช่วงชั้น ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง โครงสร้างรายวิชา คำอธิบายรายวิชา จัดทำหน่วยการเรียนรู้ เพื่อนำมาวางแผนการจัดการเรียนรู้ และแผนการพัฒนารูปแบบ……………………………………………………….
- เลือกเนื้อหาที่เหมาะสมแบ่งเป็นบทเป็นตอน หรือเป็นเรื่อง เพื่อแก้ปัญหาที่พบ ในขั้นตอนนี้ผู้รายงานทำการแบ่งเนื้อหาการเรียนรู้ แบบฝึกระหว่างเรียนและการสร้างแบบทดสอบก่อนเรียน หลังเรียนจากการวิเคราะห์มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดต่าง ๆ จากวิชา………..ระดับชั้น……………… กลุ่มสาระการเรียนรู้……………….. โดยอ้างอิงจากหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551 เพื่อใช้เป็นกิจกรรมการเรียนรู้ ดังนี้
4.1 …………………………………………………………………………………………………………………………………………..
4.2 …………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ขั้นตอนที่ 2 การพัฒนา (Development: D1)
ผู้รายงานทำการพัฒนา รูปแบบ…………………………….. ดังนี้
การออกแบบ (Design)
- รูปแบบ…………………………………………………………………………………………………………………
1.1 สร้างต้นแบบร่างจำลองรูปแบบ…………………………….. โดยการกำหนดกรอบแนวคิดพื้นฐานจากรูปแบบการเรียนรู้เชิงรุก เพื่อใช้เป็นโครงสร้างพื้นฐานในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนในห้องเรียน
1.2 นำรูปแบบ…………………… ที่ร่างไว้ ให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบ เพื่อทำการปรับปรุงแก้ไขตามคำแนะนำ
1.3 นำรูปแบบ…………………….. ที่ได้ทำการปรับปรุงแก้ไขเรียบร้อยแล้วส่งให้ผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ มีประสบการณ์ด้านการออกแบบรูปแบบการเรียนการสอน และการจัดการเรียนการสอนวิชา………. จำนวน ………..คน ทำการประเมิน
- ชุดฝึกทักษะ (หรือสื่อที่ต้องการ)…………………..
2.1 ศึกษารายละเอียดของเนื้อหา จุดประสงค์การเรียนรู้ของกลุ่มสาระการเรียนรู้………ตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียน……………………. ปีการศึกษา ………… เพื่อให้เข้าใจหลักการ จุดหมาย โครงสร้างแนวดำเนินการ การวัดและประเมินผล
2.2 แบ่งเนื้อหา ……………….ภาคเรียนที่ ………. ออกเป็น …….. หน่วย จำนวน …… ชั่วโมง โดยเลือกพัฒนาชุดฝึกทักษะ (หรือสื่อที่ต้องการ)………………….. ประกอบหน่วยการเรียนรู้ที่ …………… ดังนี้
ชุดที่ 1 เรื่อง …………………………….. จำนวน ………… ชั่วโมง
ชุดที่ 2 เรื่อง …………………………….. จำนวน ………… ชั่วโมง
รวม …. ชั่วโมง
- แบบประเมินทักษะ………………. (ถ้ามี)
3.1 ผู้รายงานทำการวิเคราะห์หลักสูตร จุดประสงค์การเรียนรู้ และเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง โดยการสร้างตารางวิเคราะห์หลักสูตรเพื่อสร้างแบบประเมินทักษะ…………. ให้มีความเที่ยงตรงตามเนื้อหา และจุดประสงค์โดยครอบคลุมตามจุดประสงค์การเรียนรู้ที่ตั้งไว้
3.2 ศึกษาวิธีการสร้างแบบประเมินทักษะ………………………………… และเอกสารที่เกี่ยวข้องกลุ่มสาระการเรียนรู้……………….. และศึกษาการสร้างแบบประเมินทักษะ…………………………………ตามแนวทางการสร้างของ …………………………………………
3.3 นำแบบแบบประเมินทักษะ………………………………………. ที่สร้างขึ้นเสนอผู้เชี่ยวชาญ จำนวน ……….. ท่าน เพื่อพิจารณานำมาปรับปรุงแก้ไข แล้วส่งให้ตรวจสอบอีกครั้ง
3.4 นำแบบแบบประเมินทักษะ……………………………….. เสนอผู้เชี่ยวชาญพิจารณาหาค่าความสอดคล้อง (IOC) ระหว่างแบบประเมินกับจุดประสงค์ ที่มีค่าตั้งแต่ 0.6 ขึ้นไป
3.5 นำแบบประเมินทักษะ……………………………………………ไปใช้กับกลุ่มทดลองต่อไป
- การสร้างแบบสอบถามความพึงพอใจ
4.1 สร้างแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อรูปแบบ……………………………………………. แบบมาตรส่วนประมาณค่า (Rating Scale) ดังนี้
5 หมายถึง มากที่สุด
4 หมายถึง มาก
3 หมายถึง ปานกลาง
2 หมายถึง น้อย
1 หมายถึง น้อยที่สุด
เกณฑ์การแปลความหมาย ดังนี้
ระดับ 5 มีค่าเฉลี่ย 4.51–5.00 หมายถึง ความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด
ระดับ 4 มีค่าเฉลี่ย 3.51–4.50 หมายถึง ความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก
ระดับ 3 มีค่าเฉลี่ย 2.51–3.50 หมายถึง ความพึงพอใจอยู่ในระดับปานกลาง
ระดับ 2 มีค่าเฉลี่ย 1.51–2.50 หมายถึง ความพึงพอใจอยู่ในระดับน้อย
ระดับ 1 มีค่าเฉลี่ย 1.00–1.50 หมายถึง ความพึงพอใจอยู่ในระดับน้อยที่สุด
4.2 ออกแบบสอบถามความพึงพอใจโดยออกแบบข้อคำถามให้เหมาะสมกับรูปแบบ……… แบ่งข้อคำถามจำนวน…………..ข้อดังนี้
1)…………………………………………………………………………………………………………………
2)…………………………………………………………………………………………………………………
ขั้นตอนที่ 3 การวิจัย (Research: R2)
ผู้รายงานทำการนำรูปแบบ………………… ไปใช้ดังนี้
- นำรูปแบบ………………… ที่ได้รับการตรวจสอบแก้ไขข้อบกพร่องตามที่ผู้เชี่ยวชาญให้ข้อเสนอแนะแล้วไปทดสอบหาประสิทธิภาพดังนี้
1.1 การทดลองแบบหนึ่งต่อหนึ่ง (One-to-One Testing)…………………ผู้รายงานได้ปรับปรุงรูปแบบ………………… ตามข้อเสนอแนะดังกล่าว แล้วนำไปทดลองกับกลุ่มทดลองแบบบกลุ่มเล็กต่อไป
1.2 การทดลองแบบกลุ่มเล็ก (Small-Group Testing)………………………ผู้รายงานได้ปรับปรุงรูปแบบ…………………………………………..ตามข้อเสนอแนะดังกล่าว แล้วนำไปทดลองใช้จริงกับกลุ่มตัวอย่างต่อไป
1.3 การทดลองภาคสนาม (Field Testing) เป็นการนำรูปแบบ……………………….และแผนการจัดการเรียนรู้มาปรับปรุงแก้ไขแล้วจากการทดลองแบบกลุ่มเล็ก ทดลองกับนักเรียนชั้น…………………………. ที่ไม่ใช่กลุ่มตัวอย่างจำนวน …..คน โมีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 ที่ตั้งไว้ คือ …../…..
- การนำไปใช้จริงเพื่อแก้ปัญหา ในขั้นนี้ผู้รายงานทำการศึกษาโดยใช้รูปแบบ……………………………หลังจากได้พัฒนาปรับปรุงจนมีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 ที่กำหนดแล้ว ผู้รายงานนำรูปแบบ…………………………………………..ที่สร้างขึ้นไปทดลองใช้กับนักเรียนระดับชั้น………….. ภาคเรียนที่ ……..ปีการศึกษา ……………….โรงเรียน…………….. อำเภอ…………………. จังหวัด……………………… จำนวน ………… คน เพื่อศึกษา…………………. โดยใช้ระยะเวลาในการทดลอง ……… สัปดาห์ สัปดาห์ละ …… วัน วันละ ….. ชั่วโมงรวมทั้งหมด ……………. ชั่วโมง
การเก็บรวบรวมข้อมูล
การวิจัยครั้งนี้ ใช้แบบแผนการทดลองแบบ (Pre Experimental Design) แบบแผนการวิจัยแบบกลุ่มเดียวทดสอบก่อนเรียนและทดสอบหลังเรียน (One – Group Pretest-Posttest Design) สำหรับขั้นตอนในการเก็บข้อมูลการทดลองของกลุ่มตัวอย่างในการทดลองใช้รูปแบบ……………………………. เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และความพึงพอใจ
ขั้นตอนที่ 4 การพัฒนา (Development: D2)
การประเมินผลของรูปแบบ……………………..ใช้สถิติเพื่อการประเมินผลเพื่อนำไปสู่การพัฒนา (Development: D2) ในครั้งต่อไปดังนี้
การวิเคราะห์ข้อมูล
- ข้อมูลเชิงคุณภาพ ใช้วิธีการวิเคราะห์เนื้อหา (Content analysis) และจัดกลุ่มข้อมูลตามประเด็นที่ต้องการศึกษา โดยการนำข้อมูลเชิงคุณภาพมาวิเคราะห์ความถี่และจัดกลุ่ม (Qualitative themes) และแปลความหมายโดยใช้หลักการให้เหตุผลเชิงตรรกะ (Logical reasoning)
- ข้อมูลเชิงปริมาณใช้สถิติเชิงบรรยาย (Descriptive statistics) ประกอบด้วย ความถี่ (Frequency) ร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard deviation)
ขั้นตอนที่ 4 การพัฒนา (Development: D2)
การประเมินผลของรูปแบบ……………………..ใช้สถิติเพื่อการประเมินผลเพื่อนำไปสู่การพัฒนา (Development: D2) ในครั้งต่อไปดังนี้
การวิเคราะห์ข้อมูล
- ข้อมูลเชิงคุณภาพ ใช้วิธีการวิเคราะห์เนื้อหา (Content analysis) และจัดกลุ่มข้อมูลตามประเด็นที่ต้องการศึกษา โดยการนำข้อมูลเชิงคุณภาพมาวิเคราะห์ความถี่และจัดกลุ่ม (Qualitative themes) และแปลความหมายโดยใช้หลักการให้เหตุผลเชิงตรรกะ (Logical reasoning)
- ข้อมูลเชิงปริมาณใช้สถิติเชิงบรรยาย (Descriptive statistics) ประกอบด้วย ความถี่ (Frequency) ร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard deviation)
สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล
สถิติพื้นฐานในการวิเคราะห์ข้อมูล
-
- หาค่าสถิติร้อยละ
- ค่าเฉลี่ย (Mean)
- ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน
สถิติที่ใช้ในการหาคุณภาพเครื่องมือ
-
- การหาความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหาของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแต่ละข้อโดยใช้สูตรการหาค่าเฉลี่ยความสอดคล้อง (IOC) เพื่อหาค่าเฉลี่ยดัชนีความสอดคล้องของผู้เชี่ยวชาญทั้งหมด
- การหาค่าความยากง่าย (Difficulty) หรือคุณภาพทางด้านความยากง่าย (P) ของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
- การหาค่าอำนาจจำแนก (r) ของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
- การหาค่าความเชื่อมั่น (reliability) ทั้งฉบับของแบบทดสอบ
- การทดสอบประสิทธิภาพสื่อหรือชุดการสอน
สถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐาน
การเปรียบเทียบความแตกต่างของคะแนนการทดสอบก่อนเรียน และหลังเรียน โดยคํานวณจากสูตร ………………………………
เผื่อท่านใดสงสัยสามารถเข้ากลุ่มแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันครับ
ดร.อนุศร หงษ์ขุนทด
Comments
Powered by Facebook Comments