แนวทางการขอมีหรือเลื่อนวิทยฐานะ ชำนาญการพิเศษ หรือเชี่ยวชาญ หรือเชี่ยวชาญพิเศษ (สายงานการสอน) ว17/2552+ว9/2564
เมื่อครูชำนาญการพิเศษ มีคุณสมบัติครบ ต้องการขอมี หรือเลื่อนวิทยฐานะ แนวทางการขอมีหรือเลื่อนวิทยฐานะ ชำนาญการพิเศษ หรือเชี่ยวชาญ หรือเชี่ยวชาญพิเศษ (สายงานการสอน) ว17/2552+ว9/2564
กรณีใช้ ว17+PA
1. บันทึกข้อความขอประเมิน ว17+PA
2. กคศ.3
3. กคศ.11
4. แบบสรุปคะแนน ว17 (กคศ.12 เฉพาะส่วนที่1)
มีแนวทางในการขอดังนี้
1. การยื่นคำขอในปีงบประมาณ พศ. 2566 (วันที่ 1 ตุลาคม 2565 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2566) ให้เสนอหลักฐานเพื่อประกอบการพิจารณา ดังนี้
1.1 รายงานผลการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน (ด้านที่ 3 หรือด้านที่ 3 ส่วนที่ 1 แล้วแต่กรณี) ตามหลักเกณฑ์และวิธีการฯ ว 17/2552 ในปีการศึกษา 2562 และปีการศึกษา 2563 ที่ผ่านเกณฑ์
หรือรายงานผลงานที่เกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ ตำแหน่งครู รายปีการศึกษา (วฐ. 2) ตามหลักเกณฑ์และวิธีการฯ ว 21/2560 ที่ผ่านเกณฑ์ จำนวน 2 ปีการศึกษา โดยให้รายงานในรูปแบบไฟล์ PDF
1.2 ผลการพัฒนางานตามข้อตกลง ในรอบการประเมินของปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 (วันที่ 1 ตุลาคม 2564 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2565) จำนวน 1 รอบการประเมิน ที่ผ่านเกณฑ์ ในรูปแบบไฟล์ PDF
1.3 แผนการจัดการเรียนรู้ในรูปแบบไฟล์ PDF ที่ใช้จัดการเรียนรู้ ตามที่ปรากฎในไฟล์วีดิทัศน์บันทึกการสอน ในวิชา/สาขา/กลุ่มสาระการเรียนรู้ จำนวน 1 ไฟล์
1.4 ไฟล์วีดิทัศน์ จำนวน 2 ไฟล์ ประกอบด้วย
1.4.1 ไฟล์วีดิทัศน์บันทึกการสอน ซึ่งสอดคล้องกับแผนการจัดการเรียนรู้ที่เสนอในข้อ (1.3) จำนวน 1 ไฟล์
1.4.2 ไฟล์วีดิทัศน์ที่แสดงให้เห็นถึงสภาพปัญหา ที่มา หรือแรงบันดาลใจในการจัดการเรียนรู้ ที่เสนอในข้อ (1.3) จำนวน 1 ไฟล์
1.5 ผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน ซึ่งเป็นผลงาน หรือผลการปฏิบัติของผู้เรียนที่ปรากฏภายหลังจากการจัดการเรียนรู้ และการจัดการขั้นเรียน ตามไฟส์วิดีทัศน์บันทึกการสอน ที่เสนอในช้อ (1.4.1) จำนวนไม่เกิน 3 ไฟล์
1.6 ผลงานทางวิชาการในรูปแบบไฟล์ PDF เฉพาะการขอเลื่อนเป็นวิทยฐานะครูเชี่ยวชาญ และครูเชี่ยวชาญพิเศษ ตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่กำหนดไว้ในหมวด 4
2. การยื่นคำขอในปีงบประมาณ พศ. 2567 (วันที่ 1 ตุลาคม 2566 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2567) ให้เสนอหลักฐานเพื่อประกอบการพิจารณา ดังนี้
2.1 รายงานผลการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน (ด้านที่ 3 หรือด้านที่ 3 ส่วบที่ 1 แล้วแต่กรณี) ตามหลักเกณฑ์และวิธีการๆ ว 17/2552 ในปีการศึกษา 2562 และปีการศึกษา 2563 ที่ผ่านเกณฑ์
หรือรายงานผลงานที่เกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ ตำแหน่งครู รายปีการศึกษา (วฐ. 2) ตามหลักเกณฑ์และวิธีการฯ ว 21/2560 ที่ผ่านเกณฑ์ จำนวน 1 ปีการศึกษา โดยให้รายงานในรูปแบบไฟล์ PDF
2.2 ผลการพัฒนางานตามข้อตกลง ในรอบการประเมินของปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 (วันที่ 1 ตุลาคม 2564 ถึงวันที่ 30 กันยายบ 2565)
และรอบการประเมินของปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 (วันที่ 1 ตุลาคม 2565 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2566) ที่ผ่านเกณฑ์ทั้ง 2 รอบการประเมิน ในรูปแบบไฟล์ PDF
2.3 แผนการจัตการเรียนรู้ที่ใช้จัดการเรียนรู้
-
-
- ตามข้อ (1.3) ในรูปแบบไฟล์ PDF จำนวน 1 ไฟล์ ไฟล์วีดิทัศน์
- ตามข้อ (1.4) จำนวน 2 ไฟล์
- และผลลัพธ์การเรียนรู้ยงผู้เรียน (ตามข้อ 1.5) จำนวนไม่เกิน 3 ไฟล์
-
สำหรับการขอเลื่อนเป็นวิทยฐานะครูเชี่ยวชาญ และครูเชี่ยวชาญพิเศษ ต้องมีผลงานทางวิชาการ ตามข้อ (1.6) ในรูปแบบไฟล์ PDF มาประกอบการพิจารณาด้วย
3. การยื่นคำขอในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 เป็นต้นไป ให้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่กำหนดไว้ในหมวด 3 หรือหมวด 4 แล้วแต่กรณี
ให้สถานศึกษาตรวจสอบและรับรองคุณสมบัติ รวมทั้งหลักฐานของผู้ขอตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่ ก.ค.ศ. กำหนด และตามแนวปฏิบัติฯ ข้อ 5.2 ก่อนนำข้อมูลคำขอพร้อมทั้งหลักฐานดังกล่าวเข้าสู่ระบบ DPA
เพื่อส่งผ่านไปยังหน่วยงาน หน่วยงานการศึกษา หรือส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดไว้ในหมวด 3 หรือหมวด 4 แล้วแต่กรณี
แบบรายงานผลการปฏิบัติงานของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในการขอมีหรือเลื่อนวิทยฐานะ ชำนาญการพิเศษ หรือเชี่ยวชาญ หรือเชี่ยวชาญพิเศษ (สายงานการสอน) ก.ค.ศ. 3/1 (หน้า 51 ตาม ว17/2552)
1. ข้อมูลผู้ขอรับการประเมิน
ชื่อ………………………………………………….. นามสกุล……………………………………………………………….
ตำแหน่ง …………………………………….วิทยฐานะ………………………………..ตำแหน่งเลขที่………………
สถานศึกษา/หน่วยงานการศึกษา……………………………………..อำเภอ/เขต………………………………….
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา…………………………………….ส่วนราชการ……………………………………..
รับเงินเดือนอันดับ คศ. ……………………………ขั้น………………………………….บาท
ขอมีหรือเลื่อนเป็นวิทยฐานะ……………………………………………………………………………………………..
2. ผลการปฏิบัติงาน (ด้านที่ 3) มีดังนี้
(ให้รายงานข้อมูลตามหัวข้อที่กำหนด และแนบเอกสารหลักฐานอ้างอิงแต่ละข้อเพื่อประกอบการพิจารณาด้วย)
ส่วนที่ 1 ผลการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน
1. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
1.1 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในสาขา/สาขาวิชา/กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เสนอขอรับการประเมินของปีปัจจุบัน
– ชื่อวิชาที่สอน……………………………………………………………………
– คะแนนทีเฉลี่ย* (Average T score) ของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียน = ………
– คะแนนทีเฉลี่ย* (Average T score) ของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน = ………
1.2 ค่าทีเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของสาขา/สาขาวิชา/กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่สอน
– คะแนนทีเฉลี่ย* (Average T score) ของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนปลายภาคเรียน/ปลายปีการศึกษาที่แล้ว = …………………………………
– คะแนนทีเฉลี่ย* (Average T score) ของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนปลายภาคเรียน/ปลายปีการศึกษาปัจจุบัน = ……………………………..
1. 3 ผลการประเมินและหรือการทดสอบของสาขา/สาขาวิชา/กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่สอนในระดับเขต/ประเทศ
– คะแนนเฉลี่ยของผลการประเมินและหรือการทดสอบของสาขา/สาขาวิชา/กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่สอนในระดับเขต/ประเทศ ปีการศึกษาที่ผ่านมา = …………
– คะแนนเฉลี่ยของผลการประเมินและหรือการทดสอบของสาขา/สาขาวิชา/กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่สอนในระดับเขต/ประเทศ ปีการศึกษาปัจจุบัน = …………..
* ให้คิดคะแนนทีเฉลี่ยตามเอกสารแนบ และส่งประกอบการพิจารณาด้วย
หมายเหตุ:
1) ผู้ขอรับการประเมินในสาขา/สาขาวิชา/กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่ไม่มีการทดสอบระดับเขต/ประเทศ ให้รายงานเฉพาะข้อ 1.1 และข้อ 1.2 เท่านั้น
2) ผู้ขอรับการประเมินที่สอนระดับปฐมวัย ให้รายงานผลการประเมินมาตรฐานคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2546 ที่ครอบคลุมพัฒนาการด้านร่างกาย อารมณ์และจิตใจ สังคม และสติปัญญา (ไม่ต้องรายงานผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนข้อ 1.1 ข้อ 1.2 และ ข้อ 1.3)
3) ผู้ขอรับการประเมินที่สอนการศึกษาพิเศษในกรณีเรียนร่วมและขอในสาขาการศึกษาพิเศษที่ไม่มีการวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนให้รายงานผลการพัฒนาผู้เรียนรายบุคคล ตามที่กำหนดในแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล (IEP) โดยต้องมีผู้เรียนเรียนร่วมในความดูแล ทั้ง 2 ปี รวมกันไม่น้อยกว่า 3 คน (ไม่ต้องรายงานผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนข้อ 1.1 ข้อ 1.2 และ ข้อ 1.3)
4) ผู้ขอรับการประเมินที่สอนการศึกษาพิเศษ ให้รายงานผลการพัฒนาผู้เรียนรายบุคคลที่ครอบคลุมพัฒนาการด้านสุขภาพร่างกาย สติปัญญา อารมณ์และสังคม โดยเปรียบเทียบผลก่อนและหลังการพัฒนาว่าผู้เรียนแต่ละคนมีความก้าวหน้าในด้านใด ระดับใด และอย่างไร ตามที่กำหนดไว้ในแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล (IEP) (ไม่ต้องรายงานผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนข้อ 1.1 ข้อ 1.2 และ ข้อ 1.3)
2. ผลการพัฒนาผู้เรียนด้านอื่น ๆ
ให้รายงานในรอบ 2 ปีที่ทำการสอนในวิชาที่เสนอขอรับการประเมิน ดังนี้
2.1 ผู้เรียนในสาขา/สาขาวิชา/กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เสนอขอ จำนวน…………………คน
2.2 ผู้เรียนมีการพัฒนาด้านสุขภาพ ร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ และสังคมตามหลักสูตร/แผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล (IEP) และตามที่สถานศึกษากำหนด
ในระดับดี จำนวน………….คน คิดเป็นร้อยละ…………
2.3 ผู้เรียนมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามหลักสูตรและตามที่สถานศึกษากำหนดในระดับดี จำนวน………….คน คิดเป็นร้อยละ…………
3. ปริมาณและสภาพของงาน (ณ วันที่ยื่นคำขอรับการประเมิน)
3.1 ปริมาณงาน
– จำนวนชั่วโมงที่สอนต่อสัปดาห์…………….ชั่วโมง
– จำนวนกลุ่มสาระการเรียนรู้/กลุ่มประสบการณ์/สาขาวิชา และระดับชั้นที่สอน…..
– จำนวนแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล (IEP)…………ฉบับ (สำหรับผู้ขอรับการประเมินที่สอนการศึกษาพิเศษ)
– จำนวนผู้เรียนที่สอน………………..คน
– จำนวนครั้งที่ผู้สอนใช้แหล่งเรียนรู้ประกอบการจัดกิจกรรมประจำวันต่อปี……………. ครั้ง (สำหรับผู้ขอรับการประเมินที่สอนระดับปฐมวัย)
– ปฏิบัติงานอื่น (ถ้ามี)โปรดระบุ……………………………………………………
3.2 สภาพของงาน
-
- รับผิดชอบนักเรียนที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษ
- รับผิดชอบนักเรียนที่มีความต้องการพิเศษหลายประเภทความพิการ และมีลักษณะอาการรุนแรง
- รับผิดชอบนักเรียนที่มีความหลากหลายทางเศรษฐกิจ/วัฒนธรรม
- สถานศึกษาตั้งอยู่บนพื้นที่ปกติ
- สถานศึกษาที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ภูเขา หรือเกาะหรือติดกับรอยตะเข็บชายแดน
- สถานศึกษาที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีลักษณะพิเศษ เช่น กันดาร เสี่ยงภัย ตามประกาศของทางราชการ เป็นต้น
เอกสารแนบแบบ ก.ค.ศ. 3/1
คำอธิบายการหาคะแนนทีเฉลี่ย (Average T score) ของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียน และหลังเรียน และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนปลายภาคเรียน/ปลายปีการศึกษาที่แล้ว และปีการศึกษาปัจจุบัน
ให้แปลงคะแนนที่ได้จากการทดสอบเป็นคะแนนทีเฉลี่ย (T score) ของกลุ่มสาระการเรียนรู้/กลุ่มประสบการณ์/สาขาวิชา เดียวกัน ที่เป็นคะแนนก่อนเรียนและหลังเรียน หรือคะแนนของผู้เรียนปลายภาคเรียน/ปลายปีการศึกษาที่แล้วและปลายภาคเรียน/ปลายปีการศึกษาปัจจุบัน
วิธีการแปลงคะแนนให้เป็นคะแนนทีเฉลี่ย (Average T score)
1. ให้นำคะแนนก่อนเรียนและคะแนนหลังเรียนของนักเรียนทุกคนมาเรียงต่อกันให้เป็นคะแนนชุดเดียวกัน (คะแนนเต็มก่อนเรียนและหลังเรียน อาจไม่เท่ากันก็ได้) แล้วนำคะแนนมาบวกกันหาผลรวม
2. ให้นำคะแนนผลรวมจากข้อ 1 มาคำนวณหาค่าเฉลี่ย (X) (Mean) โดยหารด้วยจำนวนนักเรียนทั้งหมด(จำนวนนักเรียนก่อนเรียนและจำนวนนักเรียนหลังเรียนรวมกัน)
(กรณีที่นักเรียนไม่มีคะแนนก่อนเรียนหรือหลังเรียนอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือทั้ง 2 อย่างไม่ต้องนำมาคำนวณ)
ให้นำคะแนนจากข้อ 1 มาคำนวณหาค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.)
8. ให้นำคะแนนทีเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นมาคำนวณหาค่าร้อยละ เช่น คะแนนทีเฉลี่ยก่อนเรียนเท่ากับ 60 คะแนนทีเฉลี่ยหลังเรียน เท่ากับ 80 คะแนนทีเฉลี่ยเพิ่มขึ้น เท่ากับ 20 คิดเป็น ร้อยละ 33.33 แล้วเปรียบเทียบค่าร้อยละของคะแนนทีเฉลี่ยที่สูงขึ้น ตามเกณฑ์ ดังนี้ (กรณีที่คะแนนทีเฉลี่ยไม่เพิ่มขึ้นหรือลดลง จะไม่ได้คะแนนข้อนี้)
8.1 ให้นำคะแนนคะแนนทีเฉลี่ยก่อนเรียนและหลังเรียน กรอกลงใน ข้อ 1.1 ตามแบบ ก.ค.ศ. 3/1
8.2 ให้กรอกคะแนนทีเฉลี่ยปลายภาคเรียน/ปลายปีการศึกษาที่แล้ว และปลายภาคเรียน/ปลายปีการศึกษาปัจจุบันที่คำนวณได้ ลงใน ข้อ 1.2 ตามแบบ ก.ค.ศ. 3/1
คำชี้แจงการประเมินด้านที่ 3 ด้านผลการปฏิบัติงาน สายงานการสอน
การประเมินด้านที่ 3 ด้านผลการปฏิบัติงาน มีองค์ประกอบการประเมินเกณฑ์การให้คะแนน เกณฑ์การตัดสิน และวิธีการประเมิน ดังนี้
การประเมินด้านที่ 3 ด้านผลการปฏิบัติงาน มีองค์ประกอบการประเมินเกณฑ์การให้คะแนน เกณฑ์การตัดสิน และวิธีการประเมิน ดังนี้
1. องค์ประกอบการประเมิน
การประเมินด้านที่ 3 ด้านผลการปฏิบัติงาน คะแนนเต็ม 100 คะแนน ประกอบด้วย 2 ส่วน ดังนี้
ส่วนที่ 1 ผลการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน คะแนนเต็ม 60 คะแนน
มีรายการประเมิน 3 รายการ จำนวน 6 ตัวบ่งชี้ ดังนี้
1) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน (30 คะแนน) มีจำนวน 3 ตัวบ่งชี้
สำหรับการประเมินผู้สอนการศึกษาปฐมวัย กำหนดตัวบ่งชี้ มีจำนวน 3 ตัวบ่งชี้
-
-
- โดยให้ใช้ผู้เรียนที่มีพัฒนาการตามมาตรฐานคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (10 คะแนน)
- ระดับ/คะแนนพัฒนาการก่อนพัฒนา (10 คะแนน)
- และหลังพัฒนาในปีปัจจุบัน สูงกว่าปีที่ผ่านมา
- และผลการประเมินพัฒนาการระดับเขต/ประเทศ (10 คะแนน) แทนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
-
สำหรับการประเมินผู้สอนการศึกษาพิเศษ กำหนดตัวบ่งชี้ มีจำนวน 2 ตัวบ่งชี้ ในแต่ละประเภทของความพิการ
-
-
- โดยให้ใช้ความสามารถในการเรียนรู้ และพัฒนาการด้านต่างๆ (20 คะแนน)
- และให้บริการที่จัดให้กับผู้เรียน (10 คะแนน) แทนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
-
2) ผลการพัฒนาผู้เรียนด้านอื่น ๆ (20 คะแนน) มีจำนวน 2 ตัวบ่งชี้
สำหรับการศึกษาระดับปฐมวัย มีจำนวน 1 ตัวบ่งชี้
3) ปริมาณและสภาพของงาน (10 คะแนน) มีจำนวน 2 ตัวบ่งชี้
ส่วนที่ 2 ผลงานทางวิชาการ คะแนนเต็ม 40 คะแนน มีรายการประเมิน 2 รายการ จำนวน 6 ตัวบ่งชี้ ดังนี้
1) คุณภาพของผลงานทางวิชาการ (20 คะแนน) มีจำนวน 4 ตัวบ่งชี้
2) ประโยชน์ของผลงานทางวิชาการ (20 คะแนน) มีจำนวน 2 ตัวบ่งชี้
2. เกณฑ์การให้คะแนน
2.1 การประเมินด้านที่ 3 ส่วนที่ 1 ผลการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน กำหนดให้มีเกณฑ์การประเมินเป็นระดับคุณภาพ 4 ระดับ คือ ระดับ 4 ระดับ 3 ระดับ 2 และระดับ 1
ในแต่ละระดับคุณภาพกำหนดค่าคะแนน ดังนี้
2..2 การประเมินด้านที่ 3 ส่วนที่ 2 ผลงานทางวิชาการ พิจารณาจาก
1) คุณภาพของผลงานทางวิชาการ
– ความถูกต้องตามหลักวิชาการ (7 คะแนน)
– ความสมบูรณ์ของเนื้อหาสาระ (6 คะแนน)
– ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ (4 คะแนน)
– การจัดทำ การพิมพ์และรูปเล่ม (3 คะแนน)
2) ประโยชน์ของผลงานทางวิชาการ
– ประโยชน์ต่อผู้เรียน ครู บุคลากรทางการศึกษา การจัดการศึกษาหน่วยงานการศึกษาและชุมชน (10 คะแนน)
– ประโยชน์ต่อความก้าวหน้าทางวิชาการและการเผยแพร่ในวงวิชาการ (10 คะแนน)
กรอบการประเมินด้านที่ 3 ด้านผลการปฏิบัติงาน สายงานการสอน
หมายเหตุ ตัวบ่งชี้ที่ 1 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน ตัวบ่งชี้ที่ 2 ค่าทีเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของวิชาที่สอน และตัวบ่งชี้ที่ 3 ผลการประเมินและหรือการทดสอบ
ของวิชาที่สอน/กลุ่มสาระการเรียนรู้ในระดับเขต/ประเทศ ใช้ประเมินสำหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาสังกัด สพฐ. ส่วนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
สังกัดส่วนราชการอื่นให้ใช้ตัวบ่งชี้ที่ 1 และตัวบ่งชี้ที่ 2 โดยกำหนดคะแนนตัวบ่งชี้ละ 15 คะแนน
โหลดไฟล์เพื่อแก้ไข จาก https://www.facebook.com/Phitchayaphak.sompanya
https://drive.google.com/drive/folders/1O7AHHz6tIBbXKzDnpqx9JpmdYDSvg_sy
ตัวอย่าง ก.ค.ศ.3 ของครูสมฤทัย แจ้งสว่าง ที่ส่งตอนทำชำนาญการตั้งแต่ปี 54 (นานนนนน..มากแล้วค่ะ)
ถ้าจะส่งขอชำนาญการ ด้วย ว17+PA ใช้ฟอร์มนี้นะคะ ส่วน ก.ค.ศ.3 ส่วนที่ 1 สำหรับขอชำนาญการพิเศษค่ะ
ไฟล์งานตัวอย่างก.ค.ศ.3 ครูสมฤทัย แจ้งสว่าง
https://docs.google.com/…/1t9x3lCkZjy9pPqex2f54…/edit…
ไฟล์word แบบฟอร์ม ก.ค.ศ.3 แก้ไขได้
https://docs.google.com/…/0B4Geurk1st3pQlo0RWxP…/edit…
Comments
Powered by Facebook Comments