Site icon Digital Learning Classroom

ตัวอย่างการเขียนแผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก เรื่อง: การเขียนเรียงความ ตามแนวทาง TIP Model

แชร์เรื่องนี้

ตัวอย่างการเขียนแผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก เรื่อง: การเขียนเรียงความ ตามแนวทาง TIP Model

โมเดลการเขียนเรียงความด้วยเทคโนโลยีตามแนวคิด 5E และ TIP Model
Power by claude.ai โดย ดร.อนุศร หงษ์ขุนทด, 2568

แผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก เรื่อง: การเขียนเรียงความ

รายวิชา: ภาษาไทย
ระดับชั้น: มัธยมศึกษาปีที่ 2
หน่วยการเรียนรู้: การเขียนเพื่อการสื่อสาร
เรื่อง: การเขียนเรียงความ
เวลา: 3 ชั่วโมง

1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด

2. จุดประสงค์การเรียนรู้

3. สาระสำคัญ

การเขียนเรียงความเป็นทักษะการเขียนที่ต้องอาศัยการวางแผน การจัดลำดับความคิด และการใช้ภาษาอย่างมีประสิทธิภาพ เรียงความที่ดีประกอบด้วยส่วนนำ เนื้อเรื่อง และส่วนสรุป ที่มีความสอดคล้องเชื่อมโยงกัน การฝึกเขียนเรียงความช่วยพัฒนาความคิดและทักษะการสื่อสารของนักเรียน

4. กิจกรรมการเรียนรู้

ชั่วโมงที่ 1: การวางโครงเรื่องเรียงความ

ขั้นนำ: สร้างความสนใจ (Engagement) – 15 นาที

  1. ครูเปิดวิดีโอตัวอย่างการเขียนเรียงความที่ได้รับรางวัลจาก OBEC Content Center
  2. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายถึงลักษณะเด่นของเรียงความที่ดี
  3. ครูแนะนำเทคนิคการเขียนเรียงความและแจ้งวัตถุประสงค์การเรียนรู้

ขั้นสำรวจ: สืบค้นและรวบรวมข้อมูล (Exploration) – 20 นาที

  1. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน
  2. นักเรียนใช้แอปพลิเคชัน MindMeister สร้างแผนผังความคิดเกี่ยวกับองค์ประกอบของเรียงความที่ดี
  3. นักเรียนศึกษาตัวอย่างเรียงความจากแหล่งเรียนรู้ออนไลน์ที่ครูแนะนำ
  4. นักเรียนวิเคราะห์โครงสร้างและองค์ประกอบของเรียงความตัวอย่าง

ขั้นอธิบาย: วิเคราะห์และนำเสนอข้อมูล (Explanation) – 25 นาที

  1. แต่ละกลุ่มนำเสนอแผนผังความคิดที่สร้างขึ้นผ่านจอโปรเจคเตอร์
  2. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายและสรุปองค์ประกอบสำคัญของเรียงความที่ดี
  3. ครูสาธิตการใช้ Google Docs ในการวางโครงเรื่องเรียงความ โดยใช้ฟีเจอร์ต่างๆ เช่น การใช้ Comment, การจัดรูปแบบเอกสาร

ชั่วโมงที่ 2: การพัฒนางานเขียนด้วยเทคโนโลยี

ขั้นขยายความรู้: ประยุกต์ใช้ความรู้ (Elaboration) – 50 นาที

  1. ครูทบทวนองค์ประกอบของเรียงความที่ดีจากชั่วโมงที่แล้ว
  2. นักเรียนแต่ละคนเริ่มเขียนเรียงความในหัวข้อ “โลกในอนาคต” โดยใช้ Google Docs
  3. ครูสาธิตการใช้เครื่องมือตรวจสอบไวยากรณ์และคำผิดใน Google Docs
  4. นักเรียนแลกเปลี่ยนลิงก์ของไฟล์ Google Docs กับเพื่อนในกลุ่มเพื่อให้ความเห็นและข้อเสนอแนะ
  5. นักเรียนปรับปรุงร่างเรียงความตามข้อเสนอแนะของเพื่อนและครู
  6. ครูแนะนำการใช้งาน Canva สำหรับการสร้างสรรค์การนำเสนอเรียงความในรูปแบบที่น่าสนใจ

ชั่วโมงที่ 3: การนำเสนอและประเมินผลงานเขียน

ขั้นประเมินผล: นำเสนอและสะท้อนคิด (Evaluation) – 50 นาที

  1. นักเรียนอัปโหลดเรียงความฉบับสมบูรณ์และการนำเสนอที่สร้างด้วย Canva ลงใน Padlet ที่ครูเตรียมไว้
  2. นักเรียนแต่ละคนมีเวลา 2-3 นาทีในการนำเสนอเรียงความของตนหน้าชั้นเรียน โดยใช้การนำเสนอจาก Canva ประกอบ
  3. เพื่อนๆ ในชั้นเรียนให้ข้อเสนอแนะและความคิดเห็นต่อผลงานผ่าน Padlet
  4. ครูและนักเรียนร่วมกันคัดเลือกผลงานที่โดดเด่นตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้
  5. นักเรียนสะท้อนการเรียนรู้ของตนเองผ่านแบบสะท้อนคิดออนไลน์ใน Google Forms
  6. ครูสรุปประเด็นสำคัญและให้ข้อเสนอแนะเพื่อการพัฒนาการเขียนเรียงความต่อไป

5. สื่อและแหล่งการเรียนรู้

  1. วิดีโอตัวอย่างการเขียนเรียงความที่ได้รับรางวัลจาก OBEC Content Center
  2. แอปพลิเคชัน MindMeister สำหรับสร้างแผนผังความคิด
  3. Google Docs สำหรับการเขียนและแก้ไขเรียงความ
  4. Canva สำหรับการสร้างการนำเสนอเรียงความ
  5. Padlet สำหรับแชร์ผลงานและให้ความเห็น
  6. Google Forms สำหรับแบบสะท้อนคิด
  7. คอมพิวเตอร์หรือแท็บเล็ตที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
  8. ตัวอย่างเรียงความดีเด่นจากแหล่งเรียนรู้ออนไลน์

6. การวัดและประเมินผล

  1. การประเมินด้านความรู้ (K):
    • แบบทดสอบความรู้เกี่ยวกับองค์ประกอบของเรียงความ (10 คะแนน)
    • การวิเคราะห์โครงสร้างเรียงความตัวอย่าง (10 คะแนน)
  2. การประเมินด้านทักษะกระบวนการ (P):
    • การเขียนเรียงความตามองค์ประกอบที่ถูกต้อง (20 คะแนน)
    • การใช้เทคโนโลยีในการพัฒนาและนำเสนองานเขียน (10 คะแนน)
  3. การประเมินด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A):
    • การมีส่วนร่วมในกิจกรรมและการให้ข้อเสนอแนะ (5 คะแนน)
    • การสะท้อนคิดและการพัฒนางานตามข้อเสนอแนะ (5 คะแนน)

7. บันทึกหลังการสอน

ผลการจัดการเรียนรู้: …………………………….. ปัญหาและอุปสรรค: …………………………….. แนวทางแก้ไขและพัฒนา:……………………………..

สรุปและการประยุกต์ใช้โมเดล TIP ในการออกแบบการจัดการเรียนรู้เชิงรุก

จากตัวอย่างแผนการจัดการเรียนรู้ เราสามารถเห็นแนวทางการนำโมเดล TIP (Technology Integration Planning) มาบูรณาการกับกระบวนการจัดการเรียนรู้เชิงรุกตามรูปแบบ 5E (Engagement, Exploration, Explanation, Elaboration, Evaluation) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งมีองค์ประกอบสำคัญดังนี้:

1. การวางแผนอย่างเป็นระบบ

โมเดล TIP ช่วยให้ครูวางแผนการบูรณาการเทคโนโลยีในการสอนอย่างเป็นระบบ โดยคำนึงถึงปัจจัยสำคัญ ได้แก่ ความรู้ด้านเนื้อหา วิธีการสอน และเทคโนโลยี (TPCK) รวมถึงการพิจารณาความได้เปรียบของการใช้เทคโนโลยี การกำหนดวัตถุประสงค์ และการออกแบบกลยุทธ์การบูรณาการที่เหมาะสม

2. การใช้เทคโนโลยีที่หลากหลายและเหมาะสม

แต่ละแผนการเรียนรู้ใช้เทคโนโลยีที่หลากหลายและเหมาะสมกับเนื้อหา ได้แก่:

3. การส่งเสริมการเรียนรู้เชิงรุก

แผนการสอนเน้นให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในกระบวนการเรียนรู้อย่างกระตือรือร้น ได้สำรวจ สืบค้น วิเคราะห์ และสร้างสรรค์ผลงานด้วยตนเอง โดยมีเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือสนับสนุน ส่งผลให้นักเรียนเกิดทักษะการคิดขั้นสูงและสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ได้จริง

4. การประเมินผลที่หลากหลาย

แผนการสอน มีการประเมินผลที่หลากหลายวิธี ทั้งการประเมินด้านความรู้ ทักษะกระบวนการ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยใช้เทคโนโลยีช่วยในการประเมิน เช่น Kahoot, Quizizz, Google Forms และ Padlet ทำให้การประเมินผลมีประสิทธิภาพและสามารถให้ข้อมูลย้อนกลับแก่ผู้เรียนได้อย่างรวดเร็ว

5. การปรับปรุงและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

โมเดล TIP เน้นการประเมินและปรับปรุงการใช้เทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งช่วยให้ครูสามารถพัฒนาการสอนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยการบันทึกหลังการสอนและวางแผนการปรับปรุงในครั้งต่อไป

ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมในการนำโมเดล TIP ไปใช้

  1. เริ่มต้นจากทรัพยากรที่มีอยู่: เลือกใช้เทคโนโลยีที่โรงเรียนมีอยู่ก่อน เพื่อให้สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง ก่อนที่จะขยายไปสู่เทคโนโลยีใหม่ๆ
  2. เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ: เลือกเทคโนโลยีที่จะใช้ในการสอนอย่างพิถีพิถัน โดยพิจารณาว่าเทคโนโลยีนั้นจะช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ได้อย่างไร ไม่จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีหลายประเภทในคราวเดียว
  3. ฝึกอบรมและพัฒนาครู: จัดอบรมให้ครูมีความรู้และทักษะในการใช้เทคโนโลยีที่จะนำมาใช้ในการสอน เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  4. สร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้: ส่งเสริมให้ครูแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวปฏิบัติที่ดีในการบูรณาการเทคโนโลยีในการสอน
  5. ติดตามและประเมินผลอย่างต่อเนื่อง: มีระบบการติดตามและประเมินผลการใช้เทคโนโลยีในการสอน เพื่อนำข้อมูลมาปรับปรุงและพัฒนาการสอนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

โมเดล TIP เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการช่วยให้ครูวางแผนและออกแบบการจัดการเรียนรู้ที่บูรณาการเทคโนโลยีอย่างเป็นระบบ ซึ่งจะช่วยให้นักเรียนได้เรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความสุขในการเรียน สามารถพัฒนาทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 และนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริงได้

Comments

comments

Powered by Facebook Comments

Exit mobile version