Site icon Digital Learning Classroom

การบูรณาการปัญญาประดิษฐ์ เพื่อการวิจัยทางวิชาการ ปฏิบัติการเชิงลึกสำหรับการทำวิจัย 5 บท

แชร์เรื่องนี้

การบูรณาการปัญญาประดิษฐ์ เพื่อการวิจัยทางวิชาการ ปฏิบัติการเชิงลึกสำหรับการทำวิจัย 5 บท

ดร.อนุศร หงษ์ขุนทด
ศึกษานิเทศก์ วิทยฐานะศึกษานิเทศก์เชี่ยวชาญ สพม.นครราชสีมา
Musicmankob@gmail.com 


__________________________________

บทนำ: พลวัตใหม่แห่งการสร้างสรรค์องค์ความรู้ด้วยปัญญาประดิษฐ์

ภูมิทัศน์ของการวิจัยทางวิชาการในศตวรรษที่ 21 กำลังเผชิญกับจุดเปลี่ยนทางประวัติศาสตร์จากการอุบัติขึ้นของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) ซึ่งมิได้ดำรงสถานะเป็นเพียงเครื่องมือทุ่นแรงทางเทคนิคอีกต่อไป แต่ได้ยกระดับขึ้นสู่สถานะของ “ปัญญาเสริม” (Augmented Intelligence) ที่มีศักยภาพในการปฏิวัติกระบวนการสร้างองค์ความรู้ (Knowledge Creation) ตั้งแต่รากฐาน การเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลให้นักวิจัยจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์จากการเป็นเพียงผู้รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล มาเป็น “ผู้กำกับดูแลและสังเคราะห์” (Director and Synthesizer) ที่สามารถบริหารจัดการชุดเครื่องมือ AI ที่มีความหลากหลายและซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ รายงานการวิจัยฉบับนี้มุ่งเน้นที่จะถอดรหัสและวิเคราะห์แนวทางการประยุกต์ใช้ AI ตามการจำแนกประเภท “สายเขียน” “คนงาน” “สรุป Paper” และ “สายตรวจ” เพื่อบูรณาการเข้ากับโครงสร้างมาตรฐานของการวิจัย 5 บทอย่างละเอียดและเป็นระบบ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างพิมพ์เขียวทางยุทธศาสตร์ให้นักวิจัยสามารถผลิตผลงานที่มีคุณภาพสูง มีความถูกต้องตามหลักวิชาการ และธำรงไว้ซึ่งจริยธรรมการวิจัยอย่างเคร่งครัด

การจำแนกประเภทเครื่องมือ AI ที่ปรากฏในบริบทการใช้งานจริงสะท้อนให้เห็นถึงระบบนิเวศ (Ecosystem) ของการวิจัยที่ถูกแบ่งส่วนงานอย่างชัดเจน กลุ่ม “สายเขียน” ทำหน้าที่เป็นเสมือนบรรณาธิการและผู้ร่างความเรียงที่ทรงพลัง กลุ่ม “คนงาน” เปรียบเสมือนผู้ช่วยวิจัยภาคสนามที่ทำหน้าที่ขุดค้นและเชื่อมโยงวรรณกรรมมหาศาล กลุ่ม “สรุป Paper” ทำหน้าที่สังเคราะห์สารัตถะสำคัญเพื่อลดภาระทางปัญญา (Cognitive Load) ของนักวิจัย และกลุ่ม “สายตรวจ” ทำหน้าที่เป็นนายด่านรักษามาตรฐานและตรวจสอบความซื่อสัตย์ทางวิชาการ การทำความเข้าใจกลไกการทำงาน จุดแข็ง และข้อจำกัดของเครื่องมือเหล่านี้ ไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป แต่เป็นสมรรถนะหลัก (Core Competency) ที่จำเป็นสำหรับนักวิจัยในยุคดิจิทัล

รายงานฉบับนี้จะเจาะลึกรายละเอียดการใช้งานเครื่องมือแต่ละประเภทในแต่ละขั้นตอนของการทำวิจัย โดยเริ่มจากการเปรียบเทียบโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (Large Language Models – LLMs) ที่เป็นหัวใจสำคัญของการประมวลผลข้อความ เพื่อให้นักวิจัยสามารถเลือก “สมองกล” ที่เหมาะสมที่สุดกับบริบทภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ก่อนที่จะนำไปสู่การประยุกต์ใช้ในบทที่ 1 ถึงบทที่ 5 อย่างเป็นรูปธรรม พร้อมตัวอย่างคำสั่ง (Prompts) และกรณีศึกษา (Use Cases) ที่แสดงให้เห็นถึงการใช้งานจริงในบริบทวิชาการ

การวิเคราะห์เปรียบเทียบโมเดลภาษาหลักสำหรับการวิจัย (Comparative Analysis of Core LLMs)

ก่อนจะเข้าสู่การใช้เครื่องมือเฉพาะทาง สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจสมรรถนะของโมเดลภาษาหลักที่เป็นรากฐานของเครื่องมือ “สายเขียน” เนื่องจากแต่ละโมเดลมี “บุคลิกภาพทางปัญญา” (Cognitive Personality) ที่แตกต่างกัน ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพของงานเขียนวิชาการ โดยเฉพาะเมื่อต้องทำงานข้ามภาษาระหว่างไทยและอังกฤษ

คุณสมบัติ (Attributes)Google Gemini (Advanced)Anthropic Claude 3.5 (Sonnet/Opus)OpenAI ChatGPT (GPT-4o)DeepSeek (V3/R1)
สมรรถนะภาษาไทยโดดเด่น (Superior): มีความเข้าใจบริบททางวัฒนธรรมและสำนวนภาษาไทยที่เป็นธรรมชาติที่สุด เหมาะสำหรับการร่างเนื้อหาภาษาไทย 1ดีมาก (Excellent): สามารถเรียบเรียงประโยคยาวๆ ได้ลื่นไหล แต่อาจมีความเป็นทางการน้อยกว่า Gemini เล็กน้อยในบางบริบท 1ปานกลางถึงดี (Moderate-Good): โครงสร้างประโยคอาจดูแข็งหรือไม่เป็นธรรมชาติในภาษาไทยที่ซับซ้อน แต่แปลความหมายได้ถูกต้องดี (Good): รองรับภาษาไทยได้ดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ยังเป็นรอง Gemini ในเรื่องความเป็นธรรมชาติของภาษาพูดและเขียน 2
จุดเด่นเชิงวิจัยความเร็วและการเข้าถึงข้อมูล (Speed & Retrieval): เชื่อมต่อกับ Google Workspace และ Search ได้ดี เหมาะกับการหาข้อมูลปัจจุบันการวิเคราะห์บริบทขนาดใหญ่ (Large Context Window): สามารถอ่านและวิเคราะห์ไฟล์ PDF ทั้งเล่มหรือหลายเล่มพร้อมกันได้ดีที่สุด เหมาะสำหรับการสังเคราะห์ Literature Reviewความอเนกประสงค์ (Versatility): มีฟีเจอร์ Advanced Data Analysis สำหรับวิเคราะห์ข้อมูลและสร้างกราฟ พร้อม GPTs เฉพาะทางจำนวนมากตรรกะและการเขียนโค้ด (Logic & Coding): โมเดล R1 มีความสามารถในการให้เหตุผล (Reasoning) สูงมาก เหมาะสำหรับงานวิเคราะห์สถิติและเขียนโปรแกรม 3
สไตล์การเขียนเน้นความกระชับ ตรงประเด็น และมีโครงสร้างชัดเจนเน้นการเขียนเชิงพรรณนา (Narrative) ที่ลื่นไหล มีความเป็นมนุษย์สูง เหมาะสำหรับการเขียนอภิปรายผล 5มีความยืดหยุ่นสูง สามารถปรับ Tone ได้หลากหลาย แต่บางครั้งอาจดูเป็นหุ่นยนต์ (Robotic) หากไม่ปรับจูน Promptเน้นความแม่นยำทางตรรกะ เหมาะสำหรับการเขียนส่วน Method หรือ Results ที่ต้องการความเป๊ะ 6

บทที่ 1: การกำหนดปัญหาวิจัยและกรอบแนวคิด (Introduction & Conceptual Framework)

บทนำถือเป็นเข็มทิศนำทางของงานวิจัยทั้งฉบับ ความท้าทายหลักของนักวิจัยคือการระบุ “ช่องว่างทางความรู้” (Research Gap) ที่แท้จริง และการกำหนดคำถามวิจัยที่มีความสำคัญ เครื่องมือ AI ในกลุ่ม “คนงาน” และ “สายเขียน” สามารถเข้ามามีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนกระบวนการนี้จากการคาดเดาเป็นการวิเคราะห์ที่มีหลักฐานเชิงประจักษ์รองรับ

1.1 การสังเคราะห์ช่องว่างทางความรู้ (Synthesizing Research Gaps)

การค้นหา Research Gap ไม่ใช่เพียงการหาว่าใครยังไม่ทำอะไร แต่คือการวิเคราะห์ว่าองค์ความรู้ปัจจุบันยังขาดความสมบูรณ์ในจุดใด เครื่องมือในกลุ่ม “คนงาน” เช่น Perplexity AI และ DeepSeek มีบทบาทสำคัญในขั้นตอนนี้

Perplexity AI ทำหน้าที่เป็น Search Engine อัจฉริยะที่สามารถระบุแหล่งที่มาของข้อมูลได้อย่างแม่นยำ ต่างจาก Search Engine ทั่วไปตรงที่ Perplexity สามารถสังเคราะห์คำตอบจากหลายแหล่งและให้ Citation ทันที 7 นักวิจัยสามารถใช้ Perplexity เพื่อตรวจสอบสถานะปัจจุบันขององค์ความรู้ (State of the Art)

  1. ใช้นักวิจัยตั้งต้นด้วยคำถามกว้างๆ เพื่อสำรวจเทรนด์ เช่น “What are the emerging trends in in 2024-2025?”
  2. เจาะจงหาช่องว่างด้วยคำสั่งเฉพาะ เช่น “Identify controversial or inconclusive findings in recent literature regarding.”
  3. Perplexity จะสรุปประเด็นที่นักวิจัยยังถกเถียงกัน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของ Research Gap

DeepSeek (R1 Model) ซึ่งมีความโดดเด่นด้านการให้เหตุผล (Reasoning) สามารถนำมาใช้ในการวิเคราะห์ตรรกะของปัญหา 8 นักวิจัยสามารถป้อนข้อมูลสถานการณ์ปัจจุบันและให้ DeepSeek ช่วยวิเคราะห์หาสาเหตุของปัญหา (Root Cause Analysis) เพื่อกำหนดเป็นปัญหาวิจัย

1.2 การตรวจสอบฉันทามติทางวิชาการ (Validating Scientific Consensus)

เครื่องมือ Consensus จัดอยู่ในกลุ่ม “คนงาน” ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านวิทยาศาสตร์ เป็นเสมือนมาตรวัดว่าข้อสมมติฐานของเราได้รับการยอมรับมากน้อยเพียงใด 9 การใช้ Consensus ช่วยให้นักวิจัยมั่นใจว่าปัญหาวิจัยที่กำลังจะศึกษานั้นไม่อยู่บนพื้นฐานของความเข้าใจผิด

1.3 การยกร่างกรอบแนวคิดการวิจัย (Drafting Conceptual Framework)

เมื่อได้ตัวแปรต้นและตัวแปรตามแล้ว เครื่องมือ “สายเขียน” อย่าง ChatGPT หรือ Claude 3 สามารถช่วยสร้างกรอบแนวคิดเบื้องต้นได้

เทคนิคการใช้ Prompt:

“Act as a PhD supervisor in [Field]. Based on the Research Question ‘[Insert Question]’, propose a conceptual framework utilizing. Define independent, dependent, and mediating variables. Explain the hypothesized relationships.” 10

Gemini (สำหรับการเขียนภาษาไทย): หากต้องการอธิบายกรอบแนวคิดเป็นภาษาไทยที่สละสลวย การใช้ Gemini จะให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติกว่า โดยสามารถสั่งให้ “อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร X และ Y ตามทฤษฎี Z ในบริบทของสังคมไทย” 1

บทที่ 2: การทบทวนวรรณกรรม (Literature Review)

บทที่ 2 คือหัวใจของการใช้เครื่องมือ AI ในกลุ่ม “คนงาน” และ “สรุป Paper” อย่างเข้มข้นที่สุด กระบวนการนี้เปลี่ยนจากการ “ไล่ล่าหาเปเปอร์” (Paper Hunting) เป็นการ “ทำแผนที่ความรู้” (Knowledge Mapping) และการ “สังเคราะห์เชิงลึก” (Deep Synthesis)

2.1 ยุทธศาสตร์การค้นหาและเชื่อมโยงวรรณกรรม (Discovery & Mapping Strategies)

การใช้ Google Scholar เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพออีกต่อไป เครื่องมือ AI สมัยใหม่ช่วยให้นักวิจัยเห็นความเชื่อมโยงที่ซ่อนอยู่

1. Elicit: การค้นหาเชิงความหมาย (Semantic Search)

Elicit เป็นเครื่องมือที่ขาดไม่ได้สำหรับการทำ Systematic Review 11 จุดเด่นคือการค้นหาด้วย “คำถามวิจัย” แทน “คีย์เวิร์ด” ซึ่ง Elicit ใช้ Language Model ทำความเข้าใจบริบทของคำถามและดึงเปเปอร์ที่เกี่ยวข้องมาแสดง แม้เปเปอร์นั้นจะไม่ได้ใช้คำศัพท์ตรงกับที่เราค้นหาก็ตาม

2. Litmaps และ Research Rabbit: การทำแผนที่เครือข่าย (Network Mapping)

ทั้งสองเครื่องมือนี้ใช้หลักการ Citation Network เพื่อค้นหางานวิจัยที่เกี่ยวข้องกัน แต่มีจุดเด่นต่างกัน:

3. Inciteful และ Connected Papers: การเชื่อมโยงเชิงลึก

2.2 การตรวจสอบความน่าเชื่อถือด้วย Scite (Verification)

เมื่อค้นพบงานวิจัยแล้ว ปัญหาคลาสสิกคือการอ้างอิงงานที่ถูกถอน (Retracted) หรือมีข้อขัดแย้ง Scite.ai คือเครื่องมือ “คนงาน” ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบบริบทการอ้างอิง (Smart Citations) 19

2.3 การอ่านและสรุปความด้วยกลุ่ม “สรุป Paper” (Reading & Summarizing)

การจัดการกับกองภูเขา PDF เป็นภาระใหญ่ เครื่องมือกลุ่มนี้ช่วยย่อยข้อมูลให้เข้าใจง่ายขึ้น

1. ScienceOS และ SciSpace: ผู้ช่วยอ่านอัจฉริยะ

2. Scholarcy:

ทำหน้าที่เป็น “Flashcard Generator” ที่สกัดสาระสำคัญของเปเปอร์ออกมาเป็นบัตรรายการสรุป ทำให้นักวิจัยสามารถสแกนเนื้อหาสำคัญ (Key Concepts, Findings, Limitations) ได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องอ่านทั้งเล่ม เหมาะสำหรับการคัดกรองเปเปอร์เบื้องต้น 24

3. การจัดการบรรณานุกรม (EndNote, Zotero, Papers)

แม้จะเป็นเครื่องมือดั้งเดิม แต่เวอร์ชันใหม่มีการผนวก AI เข้ามา

2.4 การร่างเนื้อหา Literature Review ด้วย Jenni AI

เมื่อรวบรวมและสังเคราะห์ข้อมูลแล้ว ขั้นตอนการเขียน “สายเขียน” จะเข้ามามีบทบาท

Jenni AI เป็นเครื่องมือที่ออกแบบมาเพื่อการเขียนวิชาการโดยเฉพาะ 26

บทที่ 3: ระเบียบวิธีวิจัย (Research Methodology)

บทที่ 3 ต้องการความแม่นยำและความรัดกุมในการออกแบบ การใช้ AI ในบทนี้เน้นไปที่การตรวจสอบความสมเหตุสมผล (Validity) และการสร้างเครื่องมือ

3.1 การตรวจสอบการออกแบบวิจัย (Research Design Validation)

นักวิจัยสามารถใช้ ChatGPT หรือ Claude 3 ในบทบาทของ “ผู้ทรงคุณวุฒิ” (Peer Reviewer) เพื่อวิพากษ์วิธีวิจัยที่ร่างไว้

3.2 การพัฒนาเครื่องมือวิจัย (Instrument Development)

การสร้างแบบสอบถามหรือแบบสัมภาษณ์เป็นงานที่ละเอียดอ่อน AI สามารถช่วยร่างโครงสร้างและตรวจสอบความครอบคลุม

การสร้างแบบสอบถาม: ใช้ Claude 3 (ซึ่งเก่งภาษาไทย) ร่างข้อคำถามจากนิยามศัพท์

Prompt: “สร้างข้อคำถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ จำนวน 10 ข้อ เพื่อวัดตัวแปร ‘ความผูกพันในองค์กร’ โดยอิงตามแนวคิดของ Allen and Meyer ให้มีทั้งข้อความทางบวกและทางลบ พร้อมระบุว่าแต่ละข้อวัดองค์ประกอบด้านใด”

การสร้างแบบสัมภาษณ์: ใช้ ChatGPT ช่วยคิดคำถามเจาะลึก (Probing Questions) เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกจากผู้ให้ข้อมูลหลัก

3.3 การคำนวณขนาดตัวอย่าง (Sampling)

แม้นักวิจัยจะใช้สูตร Yamane หรือ Cochran แต่ AI สามารถช่วยอธิบายที่มาและความเหมาะสมได้

บทที่ 4: ผลการวิเคราะห์ข้อมูล (Results)

ในยุค Data-Driven Research บทบาทของ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลมีความโดดเด่นอย่างมาก ทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ

4.1 การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณ (Quantitative Analysis)

1. Formula Bot:

สำหรับนักวิจัยที่ใช้ Excel หรือ Google Sheets Formula Bot เป็นตัวช่วยสำคัญในการจัดการข้อมูล 28 นักวิจัยสามารถพิมพ์คำสั่งภาษาธรรมชาติ เช่น “Calculate the correlation coefficient between column A and B, but only for rows where column C is ‘Male'” แล้ว AI จะแปลงเป็นสูตร Excel ที่ซับซ้อนให้ทันที ช่วยลดความผิดพลาดในการเขียนสูตร (Syntax Error)

2. ChatGPT Advanced Data Analysis & DeepSeek:

4.2 การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพ (Qualitative Analysis)

Claude 3 เป็นพระเอกในด้านนี้เนื่องจากมี Context Window ขนาดใหญ่ (รองรับข้อความได้ยาวมาก) 5

กระบวนการ: นักวิจัยสามารถนำบทถอดเทปสัมภาษณ์ (Transcripts) หลายฉบับใส่เข้าไป (โดยลบข้อมูลระบุตัวตนออกก่อนเพื่อจริยธรรม) และสั่งให้ Claude ทำ Thematic Analysis

Prompt: “Analyze the attached interview transcripts. Identify recurring themes related to. Generate a hierarchy of themes and sub-themes. Provide representative quotes for each theme in Thai.” 31

ข้อควรระวัง: AI เป็นเพียงผู้ช่วยในการ “จัดกลุ่ม” (Coding) เบื้องต้น นักวิจัยต้องอ่านทวนและตีความความหมายซ่อนเร้น (Latent Meaning) ด้วยตนเองอีกครั้งเสมอ

บทที่ 5: สรุปผล อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ (Conclusion & Discussion)

บทสุดท้ายคือการสังเคราะห์ผลการวิจัยเข้ากับองค์ความรู้เดิม เป็นส่วนที่ต้องใช้ทักษะการเขียนเชิงวิชาการขั้นสูง

5.1 การเขียนอภิปรายผล (Discussion Drafting)

การอภิปรายผลที่ดีต้องเชื่อมโยงผลวิจัย (บทที่ 4) กลับไปหาวรรณกรรม (บทที่ 2)

ScienceOS และ Elicit: ใช้ค้นหางานวิจัยมาสนับสนุนหรือขัดแย้งกับผลของเรา

Prompt: “Find studies published after 2020 that contradict my finding that [Insert Finding]. Summarize their arguments.” 22 การนำผลงานที่ขัดแย้งมาอภิปรายจะทำให้งานวิจัยดูมีความเป็นกลางและรอบด้าน

Claude 3: ใช้ร่างเนื้อหาการอภิปราย โดยป้อนผลการวิจัยและทฤษฎีหลักเข้าไป แล้วให้ Claude ช่วยร่างคำอธิบายความสัมพันธ์

Prompt: “Discuss the finding that [Finding] in light of. How does this result extend or challenge the existing literature? Write in a formal academic tone in Thai.”

5.2 การตรวจสอบคุณภาพงานเขียนด้วยกลุ่ม “สายตรวจ” และ “สายเขียน”

เมื่อร่างงานเสร็จสิ้น ขั้นตอนสุดท้ายคือการตรวจสอบคุณภาพ (Quality Assurance) ซึ่งมีเครื่องมือเฉพาะทางทำหน้าที่นี้

1. การตรวจสอบภาษาและโทนวิชาการ (Academic Tone & Grammar)

2. การตรวจสอบการคัดลอกผลงาน (Plagiarism Check)

3. การตรวจสอบความเป็นมนุษย์ (AI Detection)

ส่วนที่ 6: บทสรุปและข้อเสนอแนะเชิงจริยธรรม (Conclusion & Ethical Recommendations)

การบูรณาการ AI เข้าสู่กระบวนการวิจัย 5 บท ไม่ใช่ทางลัด (Shortcut) สู่ความสำเร็จ แต่เป็นกระบวนการเสริมประสิทธิภาพ (Efficiency Enhancer) ที่ต้องมาพร้อมกับความรับผิดชอบ

6.1 กับดักและข้อควรระวัง (Pitfalls & Cautions)

  1. ภาพลวงตาของความจริง (AI Hallucination): โดยเฉพาะการสร้างอ้างอิงปลอมจาก ChatGPT หากไม่ได้เชื่อมต่อฐานข้อมูล นักวิจัยต้องใช้เครื่องมือที่มี Grounding เช่น Perplexity, Scite, หรือ Elicit ในการหา Reference เสมอ
  2. อคติของอัลกอริทึม (Algorithmic Bias): เครื่องมือ AI มักถูกเทรนด้วยข้อมูลภาษาอังกฤษและบริบทตะวันตก การนำมาใช้กับบริบทไทยต้องใช้วิจารณญาณและตรวจสอบความเหมาะสมทางวัฒนธรรม
  3. ความเป็นส่วนตัวของข้อมูล (Data Privacy): ห้ามอัปโหลดข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ให้สัมภาษณ์ หรือข้อมูลดิบที่มีความอ่อนไหวลงใน Public LLMs (เช่น ChatGPT แบบฟรี) เด็ดขาด ควรใช้ Enterprise Version หรือเครื่องมือที่รับรองความปลอดภัยข้อมูล

6.2 อนาคตของการวิจัย (Future Outlook)

แนวโน้มในอนาคตชี้ไปที่การทำงานร่วมกันแบบ Human-AI Collaboration ที่ไร้รอยต่อ เครื่องมืออย่าง ScienceOS ที่มีความเป็น Agent (สามารถวางแผนและทำงานหลายขั้นตอนได้เอง) หรือ Inciteful ที่เชื่อมโยงกราฟความรู้แบบพลวัต จะเข้ามาแทนที่การสืบค้นแบบเดิม ท้ายที่สุด คุณค่าของงานวิจัยจะไม่ได้อยู่ที่ “การหาข้อมูล” (Information Retrieval) แต่อยู่ที่ “การตั้งคำถาม” (Inquiry) และ “การตีความ” (Interpretation) ซึ่งยังคงเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ของปัญญามนุษย์

การใช้เครื่องมือตามแนวทางในรายงานนี้ จะช่วยให้นักวิจัยสามารถผลิตผลงานที่มีมาตรฐานสูง ทันสมัย และมีคุณูปการต่อวงวิชาการ ท่ามกลางคลื่นลมแห่งการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีได้อย่างมั่นคง


Works cited

  1. Gemini vs ChatGPT vs Claude: Find Your Perfect AI Assistant! – Jenosize, accessed December 5, 2025, https://www.jenosize.com/en/ideas/transformation-and-technology/gemini-vs-chatgpt-vs-claude
  2. Which one is the best and better, ChatGPT or DeepSeek? – Quora, accessed December 5, 2025, https://www.quora.com/Which-one-is-the-best-and-better-ChatGPT-or-DeepSeek
  3. DeepSeek vs. ChatGPT: AI Model Comparison Guide for 2025 – DataCamp, accessed December 5, 2025, https://www.datacamp.com/blog/deepseek-vs-chatgpt
  4. DeepSeek R1 takes #1 overall on a Creative Short Story Writing Benchmark – Reddit, accessed December 5, 2025, https://www.reddit.com/r/LocalLLaMA/comments/1ieooqe/deepseek_r1_takes_1_overall_on_a_creative_short/
  5. Who Wrote it Better? A Definitive Guide to Claude vs. ChatGPT vs. Gemini – Blog, accessed December 5, 2025, https://blog.type.ai/post/claude-vs-gpt
  6. AI Writing Battle: DeepSeek vs. ChatGPT | by Woyera – Medium, accessed December 5, 2025, https://medium.com/@woyera/ai-writing-battle-deepseek-vs-chatgpt-64fca5878319
  7. The Best AI Tools for Deep Research in 2025: A Comprehensive Comparison, accessed December 5, 2025, https://deepresearcher.site/blog/best-ai-tools-deep-research-2025
  8. I Tested DeepSeek vs. ChatGPT in the Ultimate AI Showdown – G2 Learning Hub, accessed December 5, 2025, https://learn.g2.com/deepseek-vs-chatgpt
  9. Elicit vs Consensus : Detailed Comparison 2025 – Paperguide, accessed December 5, 2025, https://paperguide.ai/blog/elicit-vs-consensus/
  10. ChatGPT Prompts for Research and Analysis – Program in Professional Writing, accessed December 5, 2025, https://prowriting.web.illinois.edu/wp-content/uploads/2025/01/GuyHartDavis_2023_Chapter5ChatGPTPrompt_KillerChatGPTPromptsH.pdf
  11. Elicit – Saint Leo University Center for Teaching and Learning Excellence, accessed December 5, 2025, https://faculty.saintleo.edu/elicit/
  12. Best AI tools for literature review? : r/PhdProductivity – Reddit, accessed December 5, 2025, https://www.reddit.com/r/PhdProductivity/comments/1o08x1y/best_ai_tools_for_literature_review/
  13. Navigating the Research Process with Elicit, accessed December 5, 2025, https://www.scu.edu/media/offices/provost/writing-center/resources/Finding-Sources-Elicit.pdf
  14. Tools for Literature Mapping – The Digital Orientalist, accessed December 5, 2025, https://digitalorientalist.com/2025/03/18/tools-for-literature-mapping/
  15. Litmaps vs ResearchRabbit vs Connected Papers: The Best Lit Review Tool in 2025, accessed December 5, 2025, https://effortlessacademic.com/litmaps-vs-researchrabbit-vs-connected-papers-the-best-literature-review-tool-in-2025/
  16. Comprehensive Comparison of Litmap and Research Rabbit for Researchers, accessed December 5, 2025, https://www.scidart.com/blog/comprehensive-comparison-of-litmap-and-research-rabbit-for-researchers/
  17. 3 new tools to try for Literature mapping — Connected Papers, Inciteful and Litmaps, accessed December 5, 2025, https://aarontay.medium.com/3-new-tools-to-try-for-literature-mapping-connected-papers-inciteful-and-litmaps-a399f27622a
  18. Tools to help with literature review mapping – 3 new tools | Singapore Management University (SMU), accessed December 5, 2025, https://library.smu.edu.sg/topics-insights/tools-help-literature-review-mapping-3-new-tools
  19. A smart citation index that displays the context of citations and classifies their intent using deep learning – scite, accessed December 5, 2025, https://scite.ai/reports/scite-a-smart-citation-index-keppkgL5
  20. Scite: AI for Research, accessed December 5, 2025, https://scite.ai/
  21. (PDF) Evaluating the Accuracy of scite, a Smart Citation Index – ResearchGate, accessed December 5, 2025, https://www.researchgate.net/publication/373908759_Evaluating_the_Accuracy_of_scite_a_Smart_Citation_Index
  22. Getting started with scienceOS., accessed December 5, 2025, https://www.scienceos.ai/articles/beginners-guide/
  23. How to summarize a paper with AI. – scienceOS, accessed December 5, 2025, https://www.scienceos.ai/articles/ai-tool-to-summarize-a-research-paper/
  24. AnswerThis vs SciSpace vs Jenni AI vs ThesisAI: Which AI Tool Is Best for Students and Researchers?, accessed December 5, 2025, https://medium.com/smartcomputing/answerthis-vs-scispace-vs-jenni-ai-vs-thesisai-which-ai-tool-is-best-for-students-and-researchers-6ac8c8d3adcf
  25. Zotero vs Papers: Which reference manager to choose [2025] – Paperpile, accessed December 5, 2025, https://paperpile.com/r/zotero-vs-papers/
  26. Using AI in Academic Writing: Tips for Maintaining Originality – Jenni AI, accessed December 5, 2025, https://jenni.ai/blog/using-ai-in-academic-writing-originality
  27. Jenni AI Review: Features, Pricing and Free Jenni AI Alternatives – Paperpal, accessed December 5, 2025, https://paperpal.com/blog/researcher-resources/jenni-ai-review-and-alternatives
  28. Formula Bot: AI for Data Analysis, accessed December 5, 2025, https://www.formulabot.com/
  29. How to Use ChatGPT’s Advanced Data Analysis Feature – MIT Sloan Teaching & Learning Technologies, accessed December 5, 2025, https://mitsloanedtech.mit.edu/ai/tools/how-to-use-chatgpts-advanced-data-analysis-feature/
  30. 10 Practical DeepSeek R1 Prompts for Coding – DEV Community, accessed December 5, 2025, https://dev.to/apilover/10-practical-deepseek-r1-prompts-for-coding-16c3
  31. using AI for qualitative data analysis : r/dataanalysis – Reddit, accessed December 5, 2025, https://www.reddit.com/r/dataanalysis/comments/1m1q7ls/using_ai_for_qualitative_data_analysis/
  32. Trinka: AI Writing and Grammar Checker Tool, accessed December 5, 2025, https://www.trinka.ai/
  33. Plagiarism Checker | Leading Plagiarism Detection – Trinka AI, accessed December 5, 2025, https://www.trinka.ai/features/plagiarism-check
  34. Scientific Writing AI – Yomu AI, accessed December 5, 2025, https://www.yomu.ai/blog/scientific-writing-ai
  35. Free Online Plagiarism Checker For Students and Academics – Paperpal, accessed December 5, 2025, https://paperpal.com/tools/plagiarism-checker
  36. Turnitin Draft Coach™ – Google Workspace Marketplace, accessed December 5, 2025, https://workspace.google.com/marketplace/app/turnitin_draft_coach/249033953412
  37. Akarawisut – Library and Information Center, accessed December 5, 2025, https://library.nida.ac.th/th/online_database/akarawisut/
  38. Online Plagiarism Checker – Free & Accurate Plagiarism Detector – GPTZero, accessed December 5, 2025, https://gptzero.me/plagiarism-checker

Comments

comments

Powered by Facebook Comments

Exit mobile version