Site icon Digital Learning Classroom

แนวทางการพัฒนาศึกษานิเทศก์ในมุมมองของผู้บริหารสถานศึกษาในยุคของการเปลี่ยนแปลงของโลกใหม่

แชร์เรื่องนี้

สรุปจุดเด่น/จุดแข็งของการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งศึกษานิเทศก์

จากการวิเคราะห์ข้อมูลความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษา สามารถสรุปจุดเด่นและจุดแข็งของการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งศึกษานิเทศก์ได้ดังนี้

1. ความเข้มแข็งทางวิชาการ

ศึกษานิเทศก์ที่มีจุดเด่นด้านนี้จะแสดงคุณลักษณะดังต่อไปนี้

2. ทักษะการสื่อสารและการประสานงาน

จุดเด่นของศึกษานิเทศก์ในด้านนี้ประกอบด้วย

3. การเป็นที่ปรึกษาและให้ความช่วยเหลือ

ศึกษานิเทศก์ที่เป็นเลิศในด้านนี้มีลักษณะดังนี้

4. การพัฒนาและแบ่งปันความรู้

จุดเด่นในด้านนี้ของศึกษานิเทศก์ได้แก่

5. ทัศนคติและคุณธรรมในการทำงาน

ศึกษานิเทศก์ที่มีจุดเด่นด้านนี้จะแสดงออกซึ่ง

6. การนำทีมและการขับเคลื่อนงาน

จุดเด่นของศึกษานิเทศก์ในบทบาทของการนำและขับเคลื่อนงาน

ศึกษานิเทศก์ที่มีจุดเด่นดังกล่าวเหล่านี้จะสามารถสร้างความเชื่อมั่น ศรัทธา และได้รับการยอมรับจากผู้บริหารสถานศึกษาและครู ซึ่งจะส่งผลให้การพัฒนาคุณภาพการศึกษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดประโยชน์สูงสุดต่อนักเรียนและสถานศึกษา

สรุปจุดด้อย/จุดที่ควรพัฒนาของการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งศึกษานิเทศก์

จากการวิเคราะห์ข้อมูลความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษา สามารถสรุปจุดด้อยและจุดที่ควรพัฒนาของการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งศึกษานิเทศก์ได้อย่างดังนี้

1. การสื่อสารและประสานงานที่ขาดประสิทธิภาพ

ปัญหาในด้านนี้ประกอบด้วย

2. การขาดความเชี่ยวชาญและการพัฒนาตนเอง

จุดด้อยที่สำคัญในด้านนี้ได้แก่

3. การสร้างภาระงานโดยไม่จำเป็นให้กับโรงเรียน

ปัญหาสำคัญในประเด็นนี้คือ

4. การขาดการลงพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ

จุดด้อยในด้านนี้ประกอบด้วย

5. ทัศนคติและวิธีการทำงานที่ไม่เหมาะสม

จุดด้อยในด้านนี้ได้แก่

6. การขาดความรับผิดชอบและจิตวิญญาณในวิชาชีพ

ปัญหาสำคัญในประเด็นนี้คือ

7. การประเมินและติดตามที่ไม่มีประสิทธิภาพ

จุดด้อยในด้านนี้ประกอบด้วย

8. โครงสร้างองค์กรและระบบที่ไม่เอื้อต่อการทำงาน

ประเด็นสำคัญในด้านนี้ได้แก่

ศึกษานิเทศก์ที่มีจุดด้อยเหล่านี้จะส่งผลให้ขาดความน่าเชื่อถือและศรัทธาจากผู้บริหารสถานศึกษาและครู ทำให้การพัฒนาคุณภาพการศึกษาไม่บรรลุผลตามที่ควรจะเป็น หากได้รับการพัฒนาและแก้ไขจุดด้อยเหล่านี้ จะช่วยให้ศึกษานิเทศก์สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และเป็นที่ยอมรับจากผู้บริหารสถานศึกษาและครู ซึ่งจะส่งผลดีต่อคุณภาพการศึกษาโดยรวม

ความคาดหวังต่อการพัฒนาการศึกษาของการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งศึกษานิเทศก์

จากการวิเคราะห์ข้อมูลความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษา สามารถสรุปความคาดหวังต่อการพัฒนาการศึกษาจากการปฏิบัติหน้าที่ของศึกษานิเทศก์ได้ดังนี้

1. การเป็นผู้นำทางวิชาการอย่างแท้จริง

ผู้บริหารสถานศึกษาคาดหวังให้ศึกษานิเทศก์

2. การให้คำปรึกษาและสนับสนุนที่มีประสิทธิภาพ

สถานศึกษาต้องการให้ศึกษานิเทศก์

3. การสื่อสารและประสานงานที่มีประสิทธิภาพ

ความคาดหวังในด้านนี้ประกอบด้วย

4. การนิเทศที่ตอบสนองความต้องการของโรงเรียน

ผู้บริหารคาดหวังให้การนิเทศมีลักษณะดังนี้

5. การลดภาระงานที่ไม่จำเป็น

สถานศึกษาต้องการให้ศึกษานิเทศก์ช่วย

6. การสร้างนวัตกรรมและแนวปฏิบัติที่ดี

ความคาดหวังในด้านนี้ได้แก่

7. การประเมินที่นำไปสู่การพัฒนา

ผู้บริหารสถานศึกษาคาดหวังระบบการประเมินที่

8. การทำงานด้วยจิตวิญญาณของความเป็นนักการศึกษา

ความคาดหวังด้านคุณค่าและจริยธรรมวิชาชีพ

9. การพัฒนาระบบการสนับสนุนที่ยั่งยืน

สถานศึกษาคาดหวังให้ศึกษานิเทศก์ช่วย

ความคาดหวังเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า ผู้บริหารสถานศึกษาต้องการให้ศึกษานิเทศก์เป็นมากกว่าผู้ตรวจสอบหรือผู้ประเมิน แต่ควรเป็น “หุ้นส่วนในการพัฒนา” ที่ทำงานร่วมกับโรงเรียนอย่างใกล้ชิด เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาอย่างยั่งยืน ด้วยความเป็นมืออาชีพ มีหัวใจของความเป็นนักการศึกษา และมีความเข้าใจในบริบทที่แตกต่างของแต่ละโรงเรียน

ข้อเสนอแนะของผู้บริหารในการพัฒนาการศึกษาของการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งศึกษานิเทศก์

จากการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษา สามารถสรุปข้อเสนอแนะในการพัฒนาการปฏิบัติหน้าที่ของศึกษานิเทศก์ได้ดังนี้

1. การพัฒนาความเป็นผู้นำทางวิชาการ

2. การปรับปรุงกระบวนการนิเทศ

3. การลดภาระงานที่ไม่จำเป็น

4. การปรับวิธีการสื่อสารและปฏิสัมพันธ์

5. การเสริมสร้างความเป็นกัลยาณมิตร

6. การทำงานอย่างมีความรับผิดชอบและมีจริยธรรม

7. การพัฒนาระบบการทำงาน

8. การส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาของโรงเรียน

ข้อเสนอแนะเหล่านี้จากผู้บริหารสถานศึกษาสะท้อนให้เห็นความคาดหวังที่มีต่อศึกษานิเทศก์ในฐานะผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา การนำข้อเสนอแนะเหล่านี้ไปปรับใช้จะช่วยให้การปฏิบัติหน้าที่ของศึกษานิเทศก์มีประสิทธิภาพมากขึ้นและเป็นที่ยอมรับจากผู้บริหารสถานศึกษาและครู ซึ่งจะส่งผลดีต่อคุณภาพการศึกษาโดยรวม

ภาระงานที่ไม่ใช่ภารกิจของศึกษานิเทศก์

จากการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษา สามารถระบุภาระงานที่ได้รับมอบหมายแต่ไม่ใช่ภารกิจหลักของศึกษานิเทศก์ ดังนี้

1. งานธุรการและการรวบรวมข้อมูล

2. งานนโยบายที่ไม่สอดคล้องกับบริบท

3. งานบริหารทั่วไปและงานสนับสนุนผู้บริหาร

4. งานประเมินเชิงซ้อน

5. งานอบรมที่ไม่ตรงกับความต้องการ

6. งานเอกสารและรายงานที่ไม่จำเป็น

7. งานที่เป็นภาระให้กับโรงเรียนโดยไม่จำเป็น

8. งานนอกเหนือจากการนิเทศ

ภาระงานเหล่านี้ทำให้ศึกษานิเทศก์ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่หลักในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาได้อย่างเต็มที่ การปรับลดหรือบูรณาการงานเหล่านี้จะช่วยให้ศึกษานิเทศก์มีเวลาและทรัพยากรในการทำหน้าที่หลักในการเป็นผู้นำทางวิชาการและพัฒนาคุณภาพการศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

การวิเคราะห์ SWOT จากความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาต่อการปฏิบัติหน้าที่ของศึกษานิเทศก์

จากการวิเคราะห์ข้อมูลแบบสอบถามที่ได้รับจากผู้บริหารสถานศึกษา ซึ่งส่วนใหญ่มีประสบการณ์การบริหารมากกว่า 10 ปี ผมได้ทำการวิเคราะห์ SWOT เพื่อประเมินสถานการณ์ปัจจุบันของการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งศึกษานิเทศก์ ดังนี้

1. จุดแข็ง (Strengths)

1.1 ความเชี่ยวชาญทางวิชาการ

ผู้บริหารสถานศึกษาให้ความเห็นว่าศึกษานิเทศก์ที่ดีจะมีความเข้มแข็งทางวิชาการ เป็นผู้แตกฉานในหลักวิชา สามารถแปลงหลักวิชาให้เป็นรูปธรรมที่เข้าใจง่าย มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาหลักสูตร แผนการจัดการเรียนรู้ และการจัดการศึกษา ศึกษานิเทศก์ที่มีความเข้มแข็งด้านวิชาการสามารถเป็นผู้นำในการยกระดับการศึกษาได้อย่างแท้จริง

1.2 ทักษะการสื่อสารและประสานงาน

จุดแข็งอีกประการที่ผู้บริหารมองเห็นคือ ทักษะการสื่อสารที่ดี มีศิลปะการพูดจูงใจ “พูดจาไพเราะอ่อนหวาน” และมีความสามารถในการประสานงานที่ยอดเยี่ยม “เก่งประสานงาน 10 ทิศ” ศึกษานิเทศก์ที่มีความสามารถด้านนี้สามารถเชื่อมประสานระหว่างโรงเรียนและเขตพื้นที่การศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

1.3 การให้การสนับสนุนและช่วยเหลือ

หลายความเห็นระบุว่า ศึกษานิเทศก์ที่ดีจะช่วยเหลืออำนวยความสะดวกให้ครูทำงานง่ายขึ้น เอาใจใส่ดูแลโรงเรียนด้วยความจริงใจ เป็นที่พึ่ง เป็นที่ไว้วางใจ และช่วยจัดหาเครื่องมือเพื่อพัฒนาการศึกษา รวมถึงช่วยเหลือโรงเรียนที่ขาดแคลนครูให้สามารถจัดการเรียนการสอนได้

1.4 คุณลักษณะส่วนบุคคลที่ดี

ศึกษานิเทศก์ที่ได้รับการยกย่องจะมีความรับผิดชอบ อุทิศเวลาให้กับราชการ เป็นกัลยาณมิตร ทำงานเป็นทีมได้ดี มีความจริงใจ และให้กำลังใจครู ลักษณะเหล่านี้ช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและเป็นพื้นฐานของการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ

1.5 ความสามารถในการนำและพัฒนา

จุดแข็งอีกประการหนึ่งคือ ความสามารถในการนำพาโรงเรียนและกลุ่มโรงเรียนขับเคลื่อนภารกิจต่างๆ การพัฒนาสื่อที่เป็นประโยชน์แก่โรงเรียน และการถ่ายทอดความรู้ที่มีประสิทธิภาพ “ให้เห็นภาพง่ายๆ เป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป”

2. จุดอ่อน (Weaknesses)

2.1 การขาดความเชี่ยวชาญและการพัฒนาตนเอง

ผู้บริหารหลายท่านระบุว่า ศึกษานิเทศก์บางคน “ไม่มีความรู้ความสามารถในหน้าที่” “ไม่เก่งงานวิชาการจริงๆ” และ “ไม่มีความเป็นผู้นำทางวิชาการ” นอกจากนี้ ยังมีปัญหาการไม่พัฒนาตนเอง ทั้งที่วิชาการเป็นหัวใจสำคัญของงานนิเทศ การขาดความเชี่ยวชาญนี้ทำให้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของโรงเรียนได้

2.2 พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม

จุดอ่อนสำคัญที่ถูกกล่าวถึงคือ การวางตัวไม่เหมาะสม เช่น “ชอบคิดว่าตนเองเก่ง” “มีบุคลิกภาพไม่น่าเชื่อถือ” “ทำตัวเป็นหัวหน้าครู หัวหน้าผอ.” และ “มาโรงเรียนยังกะเจ้านาย” พฤติกรรมเหล่านี้สร้างความไม่พอใจและลดความน่าเชื่อถือ

2.3 การสร้างภาระงานให้โรงเรียน

หลายความคิดเห็นสะท้อนว่า ศึกษานิเทศก์สร้างภาระงานให้โรงเรียนโดยไม่จำเป็น เช่น “เพิ่มภาระงานให้โรงเรียน” “สั่งการบังคับให้ครูทำงาน” “ขอข้อมูลซ้ำซ้อน” และ “เวลามานิเทศถามหาเอกสารร้อยแปดพันเล่ม” การสร้างภาระงานเหล่านี้ทำให้ครูและผู้บริหารมีเวลาน้อยลงในการพัฒนาการเรียนการสอน

2.4 การขาดการสนับสนุนที่แท้จริง

ผู้บริหารสะท้อนว่า ศึกษานิเทศก์บางคน “ไม่แนะนำข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อโรงเรียน” “ไม่เคยลงมารับรู้ปัญหา” “มุ่งแต่จะเอางาน โดยไม่สนใจอย่างอื่น” และ “สร้างภาระให้ครูมากกว่าเป็นที่พึ่ง” ทำให้โรงเรียนรู้สึกไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างแท้จริง

2.5 การทำงานเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว

จุดอ่อนสำคัญอีกประการหนึ่งคือ การทำงานเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว เช่น “ถ้าไม่มีเงินงบประมาณก็ไม่อยากทำโครงการ” “ส่วนใหญ่เอางานของโรงเรียนไปเป็นผลงานของตนเอง” และ “นำผลงานของโรงเรียนไปเป็นผลงานตนเอง” พฤติกรรมเหล่านี้สร้างความไม่พอใจและลดความไว้วางใจจากโรงเรียน

3. โอกาส (Opportunities)

3.1 ความต้องการในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา

สังคมและนโยบายการศึกษาในปัจจุบันให้ความสำคัญกับคุณภาพการศึกษาเป็นอย่างมาก ทำให้ศึกษานิเทศก์มีโอกาสในการแสดงบทบาทสำคัญในการพัฒนาการศึกษา ผู้บริหารมีความคาดหวังให้ “ศึกษานิเทศก์เป็นผู้นำวิชาการ” และ “พัฒนาการศึกษา” ซึ่งเป็นโอกาสให้ศึกษานิเทศก์ได้แสดงศักยภาพ

3.2 การพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับการนิเทศ

ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเปิดโอกาสให้ศึกษานิเทศก์สามารถใช้เทคโนโลยีในการทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น มีข้อเสนอแนะให้ “ใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์ เช่น นิเทศออนไลน์” ซึ่งจะช่วยลดภาระการเดินทางและเพิ่มความถี่ในการให้คำปรึกษา

3.3 การส่งเสริมการทำงานเป็นเครือข่าย

แนวคิดการทำงานเป็นเครือข่ายที่กำลังได้รับความนิยมเปิดโอกาสให้ศึกษานิเทศก์สามารถประสานความร่วมมือระหว่างโรงเรียน นำไปสู่การแลกเปลี่ยนเรียนรู้และพัฒนาร่วมกัน สอดคล้องกับความเห็นที่ว่า ศึกษานิเทศก์ควร “นำพาโรงเรียน กลุ่มโรงเรียน ขับเคลื่อนภารกิจต่างๆ”

3.4 โอกาสในการสร้างนวัตกรรมทางการศึกษา

การพัฒนาคุณภาพการศึกษาต้องการนวัตกรรมใหม่ๆ ศึกษานิเทศก์มีโอกาสในการพัฒนาและสนับสนุนนวัตกรรมทางการศึกษา ตามที่มีข้อเสนอว่า “ควรมีนวัตกรรมที่เป็นแบบอย่างให้ครูสักอย่างต่อคน”

3.5 การเรียนรู้ตลอดชีวิตและการพัฒนาวิชาชีพ

แนวคิดการเรียนรู้ตลอดชีวิตและการพัฒนาวิชาชีพต่อเนื่องเปิดโอกาสให้ศึกษานิเทศก์พัฒนาตนเองและสนับสนุนการพัฒนาครู ตามความเห็นที่ว่า “ศึกษานิเทศก์ควรมีการพัฒนาองค์ความรู้อยู่ตลอดเวลา” และ “พัฒนาตนเองพร้อมขยายผลสู่โรงเรียน”

4. อุปสรรค (Threats)

4.1 ภาระงานที่มากเกินไป

อุปสรรคสำคัญที่ศึกษานิเทศก์เผชิญคือ ภาระงานที่มากเกินไป “งานตามคำสั่งจากหน่วยงานต่างๆ ที่มากจนเกินไป จนศึกษานิเทศก์ไม่มีเวลาดูแลโรงเรียน” และ “งานที่นอกเหนือจากการนิเทศ” ทำให้ไม่สามารถทุ่มเทให้กับการพัฒนาคุณภาพการศึกษาได้อย่างเต็มที่

4.2 งบประมาณที่จำกัด

ปัญหาด้านงบประมาณเป็นอุปสรรคสำคัญ “ถ้าไม่มีเงินงบประมาณก็ไม่อยากทำโครงการ” และ “ไม่มีเงินไม่มีงบประมาณไม่ดำเนินการ” สะท้อนให้เห็นว่างบประมาณที่จำกัดส่งผลต่อการทำงานและการริเริ่มโครงการใหม่ๆ

4.3 ระบบอุปถัมภ์และการเมืองในองค์กร

ระบบอุปถัมภ์เป็นอุปสรรคสำคัญ ดังที่มีความเห็นว่า “ใครใกล้นายก็จะดีเด่น” และ “เดินตามหลังและคอยถือกระเป๋า กางร่มให้ รองเขตฯ ผอ.เขตฯ เพื่อเลียนายแล้วได้ดี” ระบบนี้ทำให้การทำงานไม่ได้ขึ้นอยู่กับความสามารถและผลงาน แต่ขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ส่วนตัว

4.4 การขาดการยอมรับและความเชื่อถือ

ศึกษานิเทศก์เผชิญกับการขาดการยอมรับและความเชื่อถือ มีภาพลักษณ์เชิงลบว่าเป็น “ครูที่ขี้เกียจสอนแล้วไปสอบเป็นศึกษานิเทศก์” และ “ศึกษานิเทศก์ถูกด้อยค่าจากผู้บริหารคณะครูเป็นอย่างมาก” ทำให้ยากต่อการสร้างความร่วมมือและการขับเคลื่อนงาน

4.5 การเปลี่ยนแปลงบริบททางการศึกษา

บริบททางการศึกษาที่เปลี่ยนแปลงไปเป็นอุปสรรคที่ท้าทาย “ครูหาความรู้ได้ด้วยตนเอง กว้าง และมากหลากหลายยิ่งขึ้น” ทำให้บทบาทของศึกษานิเทศก์ในการให้ความรู้ลดความสำคัญลง ต้องปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงและเพิ่มมูลค่าในการทำงาน

สรุปและข้อเสนอแนะ

การวิเคราะห์ SWOT จากความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาชี้ให้เห็นว่า ศึกษานิเทศก์มีจุดแข็งในด้านความเชี่ยวชาญทางวิชาการและทักษะการสื่อสารประสานงาน แต่มีจุดอ่อนในด้านการสร้างภาระงานและการขาดการสนับสนุนที่แท้จริง โอกาสสำคัญคือความต้องการในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาและเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า ในขณะที่อุปสรรคสำคัญคือภาระงานที่มากเกินไปและระบบอุปถัมภ์

ข้อเสนอแนะเชิงกลยุทธ์:

  1. กลยุทธ์เชิงรุก (SO): ใช้จุดแข็งด้านความเชี่ยวชาญทางวิชาการและทักษะการสื่อสารประสานงาน ร่วมกับโอกาสด้านเทคโนโลยีและความต้องการพัฒนาคุณภาพการศึกษา โดยพัฒนาระบบนิเทศออนไลน์ที่มีประสิทธิภาพและสร้างเครือข่ายวิชาการระหว่างโรงเรียน

  2. กลยุทธ์เชิงแก้ไข (WO): แก้ไขจุดอ่อนด้านการสร้างภาระงานและการขาดการสนับสนุนที่แท้จริง โดยใช้โอกาสด้านเทคโนโลยีและการทำงานเป็นเครือข่าย พัฒนาระบบข้อมูลที่บูรณาการเพื่อลดการขอข้อมูลซ้ำซ้อน และปรับเปลี่ยนวิธีการนิเทศให้เน้นการสนับสนุนมากกว่าการตรวจสอบ

  3. กลยุทธ์เชิงป้องกัน (ST): ใช้จุดแข็งด้านความเชี่ยวชาญทางวิชาการและคุณลักษณะส่วนบุคคลที่ดี เพื่อป้องกันอุปสรรคด้านการขาดการยอมรับและภาระงานที่มากเกินไป โดยพัฒนาตนเองให้เป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านที่โรงเรียนต้องการและสร้างผลงานที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาการศึกษาอย่างเป็นรูปธรรม

  4. กลยุทธ์เชิงรับ (WT): ลดจุดอ่อนด้านการทำงานเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวและพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เพื่อหลีกเลี่ยงอุปสรรคด้านระบบอุปถัมภ์และการขาดการยอมรับ โดยสร้างจรรยาบรรณวิชาชีพที่เข้มแข็ง ปฏิบัติตนอย่างมืออาชีพ และทำงานด้วยความโปร่งใส ยุติธรรม

การพัฒนาการปฏิบัติหน้าที่ของศึกษานิเทศก์ตามแนวทางข้างต้นจะช่วยยกระดับคุณภาพการทำงาน สร้างความเชื่อมั่นและการยอมรับจากผู้บริหารสถานศึกษาและครู ซึ่งจะส่งผลดีต่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษาโดยรวม

 

ตารางวิเคราะห์ SWOT จากความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาต่อการปฏิบัติหน้าที่ของศึกษานิเทศก์

จุดแข็ง (Strengths)จุดอ่อน (Weaknesses)
1. ความเชี่ยวชาญทางวิชาการ 
– มีความแตกฉานในหลักวิชา
– แปลงหลักวิชาให้เป็นรูปธรรมเข้าใจง่าย
– มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาหลักสูตรและแผนการสอน
– เป็นผู้นำในการยกระดับการศึกษา
1. การขาดความเชี่ยวชาญและการพัฒนาตนเอง 
– ไม่มีความรู้ความสามารถในหน้าที่
– ไม่เก่งงานวิชาการจริงๆ
– ขาดความเป็นผู้นำทางวิชาการ
– ไม่พัฒนาตนเอง
2. ทักษะการสื่อสารและประสานงาน 
– มีทักษะการสื่อสารที่ดี มีศิลปะการพูดจูงใจ
– พูดจาไพเราะอ่อนหวาน
– เก่งประสานงาน 10 ทิศ
– เชื่อมประสานระหว่างโรงเรียนและเขตพื้นที่
2. พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม 
– ชอบคิดว่าตนเองเก่ง
– มีบุคลิกภาพไม่น่าเชื่อถือ
– ทำตัวเป็นหัวหน้าครู หัวหน้าผอ.
– มาโรงเรียนยังกะเจ้านาย
3. การให้การสนับสนุนและช่วยเหลือ 
– ช่วยเหลืออำนวยความสะดวกให้ครู
– เอาใจใส่ดูแลโรงเรียนด้วยความจริงใจ
– เป็นที่พึ่ง เป็นที่ไว้วางใจ
– ช่วยเหลือโรงเรียนที่ขาดแคลนครู
3. การสร้างภาระงานให้โรงเรียน 
– เพิ่มภาระงานให้โรงเรียน
– สั่งการบังคับให้ครูทำงาน
– ขอข้อมูลซ้ำซ้อน
– ถามหาเอกสารจำนวนมากเมื่อมานิเทศ
4. คุณลักษณะส่วนบุคคลที่ดี 
– มีความรับผิดชอบ อุทิศเวลา
– เป็นกัลยาณมิตร
– ทำงานเป็นทีมได้ดี
– มีความจริงใจ ให้กำลังใจครู
4. การขาดการสนับสนุนที่แท้จริง 
– ไม่แนะนำข้อมูลที่เป็นประโยชน์
– ไม่เคยลงมารับรู้ปัญหา
– มุ่งแต่จะเอางาน
– สร้างภาระมากกว่าเป็นที่พึ่ง
5. ความสามารถในการนำและพัฒนา 
– นำพาโรงเรียนขับเคลื่อนภารกิจต่างๆ
– พัฒนาสื่อที่เป็นประโยชน์แก่โรงเรียน
– ถ่ายทอดความรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
– มีวิธีปฏิบัติหลากหลายตามบริบท
5. การทำงานเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว 
– ทำงานเฉพาะเมื่อมีงบประมาณ
– เอางานของโรงเรียนไปเป็นผลงานตนเอง
– ไม่หวังประโยชน์ต่อการพัฒนาการศึกษา
– เบียดบังทรัพยากรของโรงเรียน
โอกาส (Opportunities)อุปสรรค (Threats)
1. ความต้องการในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา 
– นโยบายให้ความสำคัญกับคุณภาพการศึกษา
– ความคาดหวังให้เป็นผู้นำวิชาการ
– โอกาสในการแสดงศักยภาพ
– การปฏิรูปการศึกษา
1. ภาระงานที่มากเกินไป
– งานตามคำสั่งจากหน่วยงานต่างๆ มากเกินไป
– งานนอกเหนือจากการนิเทศ
– งานด่วนที่ต้องรีบดำเนินการ
– งานฝากจากคนอื่น
2. การพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับการนิเทศ 
– นิเทศออนไลน์
– ระบบฐานข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ
– สื่อดิจิทัลที่หลากหลาย
– การสื่อสารที่รวดเร็ว
2. งบประมาณที่จำกัด 
– ไม่มีงบประมาณในการดำเนินโครงการ
– ต้องอาศัยทรัพยากรจากโรงเรียน
– การจัดสรรงบประมาณที่ไม่เหมาะสม
– การใช้งบประมาณไม่ตรงกับความต้องการ
3. การส่งเสริมการทำงานเป็นเครือข่าย 
– เครือข่ายระหว่างโรงเรียน
– การแลกเปลี่ยนเรียนรู้
– ความร่วมมือกับหน่วยงานภายนอก
– ชุมชนแห่งการเรียนรู้วิชาชีพ (PLC)
3. ระบบอุปถัมภ์และการเมืองในองค์กร
– “ใครใกล้นายก็จะดีเด่น”
– การเดินตามหลังและคอยถือกระเป๋าผู้บริหาร
– ระบบที่ไม่ให้ความสำคัญกับความสามารถ
– การทำงานที่ขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ส่วนตัว
4. โอกาสในการสร้างนวัตกรรมทางการศึกษา 
– การพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ
– การสนับสนุนนวัตกรรมของครู
– แนวทางการจัดการเรียนรู้ที่หลากหลาย
– การแก้ปัญหาด้วยนวัตกรรม
4. การขาดการยอมรับและความเชื่อถือ 
– ภาพลักษณ์เชิงลบว่าเป็น “ครูที่ขี้เกียจสอน”
– การถูกด้อยค่าจากผู้บริหารและครู
– ความไม่เชื่อมั่นในความสามารถ
– การต่อต้านจากโรงเรียน
5. การเรียนรู้ตลอดชีวิตและการพัฒนาวิชาชีพ
– การพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง
– การสนับสนุนการพัฒนาครู
– การขยายผลความรู้สู่โรงเรียน
– การสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้
5. การเปลี่ยนแปลงบริบททางการศึกษา 
– ครูหาความรู้ได้ด้วยตนเองมากขึ้น
– เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
– บริบทโรงเรียนที่แตกต่างและซับซ้อน
– ความต้องการทางการศึกษาที่เปลี่ยนไป

การวิเคราะห์ TOWS Matrix การปฏิบัติหน้าที่ของศึกษานิเทศก์

การวิเคราะห์สาเหตุและแนวทางแก้ไขปัญหาการปฏิบัติหน้าที่ของศึกษานิเทศก์

จากข้อมูลการสำรวจความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาและการวิเคราะห์ TOWS Matrix ขอนำเสนอการวิเคราะห์สาเหตุและแนวทางแก้ไขปัญหา ดังนี้

1. การวิเคราะห์สาเหตุของปัญหา

1.1 การกำหนดบทบาทและภารกิจที่ไม่ชัดเจน

สาเหตุ: ศึกษานิเทศก์มีภาระงานที่มากเกินไปและหลากหลาย ทั้งงานนิเทศ งานนโยบาย งานประเมิน และงานธุรการต่างๆ ทำให้ไม่สามารถทุ่มเทกับงานหลักคือการพัฒนาคุณภาพการศึกษา ในขณะเดียวกัน บทบาทของศึกษานิเทศก์ก็ไม่ได้รับการนิยามที่ชัดเจนว่าควรเป็น “ผู้ตรวจสอบ” หรือ “ผู้สนับสนุน” เมื่อบทบาทไม่ชัดเจน การปฏิบัติงานจึงมีความขัดแย้งในตัวเอง

1.2 ระบบการบริหารและโครงสร้างองค์กร

สาเหตุ: ระบบอุปถัมภ์และการเมืองในองค์กรเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการทำงานของศึกษานิเทศก์ การที่ “ใครใกล้นายก็จะดีเด่น” หรือต้อง “เดินตามหลังและคอยถือกระเป๋า” สะท้อนว่าการประเมินผลงานไม่ได้ขึ้นอยู่กับความสามารถและผลงานที่แท้จริง แต่ขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ส่วนตัว ทำให้ศึกษานิเทศก์บางคนไม่เห็นความจำเป็นในการพัฒนาตนเองหรือทุ่มเทกับงาน

1.3 วัฒนธรรมการทำงานและทัศนคติ

สาเหตุ: ทั้งศึกษานิเทศก์และผู้บริหารสถานศึกษามีทัศนคติและความคาดหวังที่ไม่ตรงกัน ศึกษานิเทศก์บางคนมองว่าตนเป็น “ผู้ตรวจสอบ” จึงแสดงออกในลักษณะที่เหนือกว่า “มาโรงเรียนยังกะเจ้านาย” ในขณะที่ผู้บริหารสถานศึกษาคาดหวังให้ศึกษานิเทศก์เป็น “ผู้สนับสนุน” ที่ช่วยเหลือและให้คำแนะนำ ความไม่สอดคล้องนี้นำไปสู่ความขัดแย้งและการไม่ยอมรับ

1.4 การขาดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

สาเหตุ: ระบบการพัฒนาศึกษานิเทศก์ยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ ทั้งในด้านความรู้ทางวิชาการ เทคนิคการนิเทศ และทักษะการสื่อสาร ในขณะที่การเปลี่ยนแปลงทางการศึกษาเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว การที่ “ไม่พัฒนาตนเอง” ทำให้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของโรงเรียนได้

1.5 ข้อจำกัดด้านทรัพยากรและงบประมาณ

สาเหตุ: งบประมาณที่จำกัดเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการทำงานของศึกษานิเทศก์ การที่ “ถ้าไม่มีเงินงบประมาณก็ไม่อยากทำโครงการ” สะท้อนว่า ศึกษานิเทศก์ไม่มีทรัพยากรเพียงพอในการทำงาน จึงต้องพึ่งพาทรัพยากรจากโรงเรียน ซึ่งนำไปสู่ความรู้สึกว่าศึกษานิเทศก์ “เบียดบังทรัพยากรของโรงเรียน”

2. แนวทางการแก้ไขปัญหาเร่งด่วน

2.1 ปรับโครงสร้างภาระงานของศึกษานิเทศก์

แนวทาง: ทบทวนและจัดลำดับความสำคัญของภาระงาน ลดงานธุรการและงานที่ไม่จำเป็น เพื่อให้ศึกษานิเทศก์มีเวลาเพียงพอสำหรับงานนิเทศที่มีคุณภาพ กำหนดขอบเขตงานที่ชัดเจนและสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาคุณภาพการศึกษา

2.2 พัฒนาระบบข้อมูลที่บูรณาการ

แนวทาง: สร้างระบบฐานข้อมูลกลางที่โรงเรียนสามารถกรอกข้อมูลเพียงครั้งเดียวและหน่วยงานต่างๆ สามารถเข้าถึงได้ เพื่อลดการขอข้อมูลซ้ำซ้อน และลดภาระงานเอกสารของครูและผู้บริหาร ใช้เทคโนโลยีในการจัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูล

2.3 ปรับวิธีการนิเทศ

แนวทาง: ปรับเปลี่ยนวิธีการนิเทศจากการตรวจสอบเอกสารเป็นการให้คำปรึกษาและสนับสนุน แจ้งแผนการนิเทศล่วงหน้าและระบุวัตถุประสงค์ให้ชัดเจน ใช้การนิเทศออนไลน์เพื่อลดการรบกวนการจัดการเรียนการสอน และเพิ่มความถี่ในการให้คำปรึกษา

2.4 จัดอบรมเชิงปฏิบัติการเรื่องการสื่อสารและมนุษยสัมพันธ์

แนวทาง: จัดอบรมเชิงปฏิบัติการด้านการสื่อสาร มนุษยสัมพันธ์ และเทคนิคการให้คำปรึกษาแก่ศึกษานิเทศก์ทุกคนโดยเร่งด่วน เน้นการสื่อสารที่สร้างสรรค์ การให้ข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ และการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับโรงเรียน

2.5 สร้างระบบการประเมินผลการทำงานที่โปร่งใสและเป็นธรรม

แนวทาง: พัฒนาเกณฑ์การประเมินผลการปฏิบัติงานของศึกษานิเทศก์ที่เน้นคุณภาพของงานและผลกระทบต่อการพัฒนาการศึกษา ให้ผู้บริหารสถานศึกษาและครูมีส่วนร่วมในการประเมิน เพื่อลดอิทธิพลของระบบอุปถัมภ์

3. แนวทางการแก้ไขปัญหาระยะยาว

3.1 ปฏิรูประบบการคัดเลือกและพัฒนาศึกษานิเทศก์

แนวทาง: ปรับปรุงกระบวนการคัดเลือกศึกษานิเทศก์ให้เน้นความเชี่ยวชาญทางวิชาการและความสามารถในการนิเทศ กำหนดให้มีการพัฒนาต่อเนื่องด้วยระบบ ID Plan (Individual Development Plan) และเชื่อมโยงกับความก้าวหน้าในวิชาชีพ สร้างระบบพี่เลี้ยงโดยให้ศึกษานิเทศก์ที่มีประสบการณ์เป็นพี่เลี้ยงให้กับรุ่นใหม่

3.2 พัฒนาศูนย์ความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง

แนวทาง: จัดตั้งศูนย์ความเชี่ยวชาญเฉพาะทางในด้านต่างๆ เช่น การพัฒนาหลักสูตร การวัดและประเมินผล เทคโนโลยีการศึกษา ฯลฯ โดยให้ศึกษานิเทศก์พัฒนาความเชี่ยวชาญในด้านที่ตนถนัดและสนใจ เพื่อให้สามารถให้คำปรึกษาและช่วยเหลือโรงเรียนได้อย่างลึกซึ้ง

3.3 สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เน้นคุณภาพและความร่วมมือ

แนวทาง: ปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กรให้เน้นคุณภาพของงานและความร่วมมือมากกว่าการใช้อำนาจและระบบอุปถัมภ์ สร้างค่านิยมในการทำงานเพื่อประโยชน์ส่วนรวม และยกย่องเชิดชูศึกษานิเทศก์ที่มีผลงานดีเด่นในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา

3.4 พัฒนาเครือข่ายความร่วมมือ

แนวทาง: สร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างโรงเรียน ศึกษานิเทศก์ สถาบันอุดมศึกษา และหน่วยงานอื่นๆ เพื่อระดมทรัพยากรและองค์ความรู้ในการพัฒนาการศึกษา ใช้กระบวนการ PLC (Professional Learning Community) ในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และสร้างองค์ความรู้ร่วมกัน

3.5 พัฒนานวัตกรรมการนิเทศ

แนวทาง: ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมการนิเทศที่สอดคล้องกับบริบทและความต้องการของสถานศึกษา เช่น การนิเทศออนไลน์ การโค้ชแบบเพื่อนช่วยเพื่อน การใช้ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลและให้ข้อเสนอแนะ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการนิเทศในยุคดิจิทัล

3.6 ปรับโครงสร้างการบริหารและระบบงบประมาณ

แนวทาง: ทบทวนและปรับปรุงโครงสร้างการบริหารให้กระจายอำนาจและความรับผิดชอบมากขึ้น ลดขั้นตอนการทำงานที่ไม่จำเป็น และให้ศึกษานิเทศก์มีอิสระในการทำงานมากขึ้น พัฒนาระบบงบประมาณที่มีความยืดหยุ่นและเพียงพอสำหรับการพัฒนาคุณภาพการศึกษา

3.7 พัฒนาระบบการติดตามและประเมินผลที่เน้นการพัฒนา

แนวทาง: ปรับเปลี่ยนระบบการติดตามและประเมินผลจากการตรวจสอบเป็นการพัฒนา เน้นการประเมินเพื่อปรับปรุงและพัฒนามากกว่าการตัดสิน ใช้ข้อมูลจากหลายแหล่งและหลายวิธีในการประเมิน และให้ข้อมูลย้อนกลับที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนา

4. บทสรุป

ปัญหาในการปฏิบัติหน้าที่ของศึกษานิเทศก์มีสาเหตุหลายประการ ทั้งจากโครงสร้างการทำงาน ระบบการบริหาร วัฒนธรรมองค์กร การพัฒนาบุคลากร และข้อจำกัดด้านทรัพยากร การแก้ไขปัญหาต้องดำเนินการทั้งในระยะเร่งด่วนและระยะยาว โดยมุ่งเน้นการปรับเปลี่ยนบทบาทของศึกษานิเทศก์ให้เป็น “ผู้สนับสนุน” มากกว่า “ผู้ตรวจสอบ” ลดภาระงานที่ไม่จำเป็น พัฒนาความเชี่ยวชาญและทักษะที่จำเป็น ปรับปรุงระบบการบริหารและวัฒนธรรมองค์กร และสร้างเครือข่ายความร่วมมือในการพัฒนาการศึกษา

การพัฒนาคุณภาพการศึกษาเป็นภารกิจที่สำคัญและท้าทาย ศึกษานิเทศก์ในฐานะผู้มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนและพัฒนาอย่างเหมาะสม เพื่อให้สามารถทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นที่ยอมรับของผู้บริหารสถานศึกษาและครู ซึ่งจะส่งผลดีต่อคุณภาพการศึกษาโดยรวม

การวิเคราะห์ TOWS Matrix การปฏิบัติหน้าที่ของศึกษานิเทศก์

จุดแข็ง (S) 
1. ความเชี่ยวชาญทางวิชาการ 
2. ทักษะการสื่อสารและประสานงาน 
3. การให้การสนับสนุนและช่วยเหลือ 
4. คุณลักษณะส่วนบุคคลที่ดี 
5. ความสามารถในการนำและพัฒนา
จุดอ่อน (W) 
1. การขาดความเชี่ยวชาญและการพัฒนาตนเอง 
2. พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม 
3. การสร้างภาระงานให้โรงเรียน 
4. การขาดการสนับสนุนที่แท้จริง 
5. การทำงานเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว
โอกาส (O) 
1. ความต้องการในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา 
2. การพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับการนิเทศ 
3. การส่งเสริมการทำงานเป็นเครือข่าย 
4. โอกาสในการสร้างนวัตกรรมทางการศึกษา 
5. การเรียนรู้ตลอดชีวิตและการพัฒนาวิชาชีพ
กลยุทธ์เชิงรุก (SO) 
1. พัฒนาระบบนิเทศออนไลน์ที่ใช้ความเชี่ยวชาญและทักษะการสื่อสาร (S1, S2, O2) 
2. สร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างโรงเรียนโดยใช้ความสามารถในการประสานงาน (S2, S5, O3) 
3. พัฒนานวัตกรรมทางการศึกษาที่ตอบสนองความต้องการของโรงเรียน (S1, S3, O4) 
4. สร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) โดยใช้คุณลักษณะส่วนบุคคลที่ดี (S4, O5) 
5. จัดทำโครงการพัฒนาที่ตอบสนองนโยบายการยกระดับคุณภาพการศึกษา (S5, O1)
กลยุทธ์เชิงแก้ไข (WO) 
1. จัดระบบพัฒนาศึกษานิเทศก์อย่างต่อเนื่องโดยใช้เทคโนโลยีและเครือข่าย (W1, O2, O3, O5) 
2. ปรับเปลี่ยนวิธีการนิเทศให้เน้นการสนับสนุนมากกว่าการตรวจสอบ (W2, W3, O1) 
3. พัฒนาระบบข้อมูลที่บูรณาการเพื่อลดการขอข้อมูลซ้ำซ้อน (W3, O2) 
4. สร้างนวัตกรรมการนิเทศที่ตอบสนองความต้องการเฉพาะของโรงเรียน (W4, O4) 
5. ส่งเสริมการทำงานเพื่อประโยชน์ส่วนรวมผ่านระบบการยกย่องเชิดชูเกียรติ (W5, O1)
อุปสรรค (T) 
1. ภาระงานที่มากเกินไป 
2. งบประมาณที่จำกัด 
3. ระบบอุปถัมภ์และการเมืองในองค์กร 
4. การขาดการยอมรับและความเชื่อถือ 
5. การเปลี่ยนแปลงบริบททางการศึกษา
กลยุทธ์เชิงป้องกัน (ST) 
1. ใช้ความเชี่ยวชาญเฉพาะทางเพื่อจัดลำดับความสำคัญของงาน (S1, T1) 
2. สร้างสรรค์วิธีการทำงานที่ใช้ทรัพยากรน้อยแต่มีประสิทธิภาพสูง (S5, T2) 
3. ใช้ทักษะการสื่อสารและคุณลักษณะส่วนบุคคลเพื่อสร้างความเชื่อถือ (S2, S4, T4) 
4. ทำงานด้วยความโปร่งใส ยุติธรรม เพื่อลดผลกระทบจากระบบอุปถัมภ์ (S4, T3) 
5. ปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงโดยใช้ความสามารถในการนำและพัฒนา (S5, T5)
กลยุทธ์เชิงรับ (WT) 
1. ลดความซ้ำซ้อนของงานและปรับปรุงกระบวนการทำงาน (W3, T1) 
2. แสวงหาความร่วมมือกับภาคส่วนอื่นเพื่อการใช้ทรัพยากรร่วมกัน (W5, T2) 
3. สร้างจรรยาบรรณวิชาชีพที่เข้มแข็งและปฏิบัติตนอย่างมืออาชีพ (W2, T3, T4) 
4. ปรับเปลี่ยนบทบาทจาก “ผู้ตรวจสอบ” เป็น “โค้ช” หรือ “ที่ปรึกษา” (W4, T4, T5) 
5. พัฒนาความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านที่ตอบสนองบริบทที่เปลี่ยนแปลง (W1, T5)

แนวทางในการแก้ไขปัญหาการปฏิบัติหน้าที่ของศึกษานิเทศก์

จากการวิเคราะห์ SWOT และ TOWS Matrix พบว่ามีปัญหาหลายประการที่ต้องได้รับการแก้ไขทั้งในระยะเร่งด่วนและระยะยาว ขอเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาอย่างละเอียด ดังนี้

แนวทางการแก้ไขปัญหาเร่งด่วน (ภายใน 1 ปี)

1. การปรับโครงสร้างภาระงานและบทบาทหน้าที่

ปัญหา: ศึกษานิเทศก์มีภาระงานที่มากเกินไป หลากหลาย และมีงานที่ไม่ใช่ภารกิจหลักจำนวนมาก

แนวทางแก้ไข:

2. การพัฒนาระบบข้อมูลและลดความซ้ำซ้อน

ปัญหา: มีการขอข้อมูลซ้ำซ้อน สร้างภาระให้กับโรงเรียนในการรายงานข้อมูลหลายครั้ง

แนวทางแก้ไข:

3. การปรับวิธีการนิเทศและการติดตาม

ปัญหา: วิธีการนิเทศแบบจู่โจม เน้นการตรวจเอกสาร และสร้างภาระให้ครูและผู้บริหาร

แนวทางแก้ไข:

4. การพัฒนาทักษะการสื่อสารและมนุษยสัมพันธ์

ปัญหา: การสื่อสารที่ไม่เหมาะสม การวางตัว และพฤติกรรมที่สร้างความไม่พอใจให้กับผู้บริหารและครู

แนวทางแก้ไข:

5. การพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานร่วมกับผู้บริหารสถานศึกษา

ปัญหา: การขาดความร่วมมือที่ดีระหว่างศึกษานิเทศก์และผู้บริหารสถานศึกษา

แนวทางแก้ไข:

แนวทางการแก้ไขปัญหาระยะยาว (2-5 ปี)

1. การปฏิรูประบบการคัดเลือกและพัฒนาศึกษานิเทศก์

ปัญหา: ศึกษานิเทศก์บางคนขาดความเชี่ยวชาญและความเป็นผู้นำทางวิชาการ

แนวทางแก้ไข:

2. การพัฒนาศูนย์ความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง

ปัญหา: ศึกษานิเทศก์ต้องดูแลงานหลากหลายด้านทำให้ไม่สามารถเชี่ยวชาญได้ลึกซึ้ง

แนวทางแก้ไข:

3. การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เน้นคุณภาพและความร่วมมือ

ปัญหา: ระบบอุปถัมภ์และการทำงานเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว

แนวทางแก้ไข:

4. การพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือเพื่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษา

ปัญหา: การทำงานแบบแยกส่วนและขาดความร่วมมือที่เข้มแข็ง

แนวทางแก้ไข:

5. การพัฒนานวัตกรรมการนิเทศและการใช้เทคโนโลยี

ปัญหา: รูปแบบการนิเทศที่ล้าสมัยและไม่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลง

แนวทางแก้ไข:

6. การปรับโครงสร้างและระบบงบประมาณ

ปัญหา: โครงสร้างการบริหารที่ซับซ้อนและงบประมาณที่จำกัด

แนวทางแก้ไข:

การแก้ไขปัญหาทั้งในระยะเร่งด่วนและระยะยาวจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งผู้บริหารระดับสูง ศึกษานิเทศก์ ผู้บริหารสถานศึกษา และครู รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การปรับเปลี่ยนต้องเริ่มจากการสร้างความเข้าใจร่วมกันถึงบทบาทและเป้าหมายของการนิเทศ และมุ่งสู่การพัฒนาระบบการนิเทศที่มีคุณภาพ เป็นมิตร และก่อให้เกิดการพัฒนาการศึกษาอย่างยั่งยืน

จำนวนผู้ตอบแบบสอบถามตามประสบการณ์การทำงาน

อายุราชการ/ประสบการณ์ทำงานจำนวน (คน)ร้อยละ
มากกว่า 10 ปี7689.41%
ระหว่าง 5-10 ปี910.59%
น้อยกว่า 5 ปี00.00%
รวม85100.00%

หมายเหตุ: ข้อมูลจากการสำรวจความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาต่อการปฏิบัติหน้าที่ของศึกษานิเทศก์

จากกราฟจะเห็นได้ว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นผู้บริหารสถานศึกษาที่มีประสบการณ์การทำงานมากกว่า 10 ปี คิดเป็นร้อยละ 89.41 ของผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด ขณะที่มีผู้บริหารที่มีประสบการณ์ระหว่าง 5-10 ปี คิดเป็นร้อยละ 10.59 และไม่มีผู้บริหารที่มีประสบการณ์น้อยกว่า 5 ปีตอบแบบสอบถาม

ข้อมูลนี้แสดงให้เห็นว่าความคิดเห็นที่ได้จากการสำรวจมาจากผู้บริหารที่มีประสบการณ์สูง ซึ่งน่าจะสามารถให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของศึกษานิเทศก์ได้อย่างมีคุณภาพ เนื่องจากพวกเขาได้ทำงานร่วมกับศึกษานิเทศก์มาเป็นระยะเวลานาน

สรุปภาพรวมการวิเคราะห์การปฏิบัติหน้าที่ของศึกษานิเทศก์

จากการวิเคราะห์ข้อมูลความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาจำนวน 85 คน ซึ่งส่วนใหญ่ (89.41%) มีประสบการณ์การทำงานมากกว่า 10 ปี ต่อการปฏิบัติหน้าที่ของศึกษานิเทศก์ พบประเด็นสำคัญที่สะท้อนให้เห็นทั้งจุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรคในการทำงานของศึกษานิเทศก์

สถานการณ์ปัจจุบัน

ศึกษานิเทศก์มีบทบาทสำคัญในระบบการศึกษาที่จะช่วยขับเคลื่อนนโยบายสู่การปฏิบัติและสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพการศึกษา อย่างไรก็ตาม ผลการสำรวจชี้ให้เห็นความไม่สอดคล้องกันระหว่างความคาดหวังของผู้บริหารสถานศึกษาและการปฏิบัติหน้าที่จริงของศึกษานิเทศก์

จุดแข็งที่โดดเด่นของศึกษานิเทศก์คือความเชี่ยวชาญทางวิชาการ ทักษะการสื่อสาร และความสามารถในการสนับสนุนช่วยเหลือโรงเรียน ขณะที่จุดอ่อนสำคัญได้แก่ การสร้างภาระงานให้โรงเรียน การขาดการพัฒนาตนเอง และพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในการปฏิบัติหน้าที่

สาเหตุของปัญหา

สาเหตุหลักของปัญหาที่พบมาจากหลายปัจจัย อาทิ

  1. โครงสร้างและระบบการทำงาน – ศึกษานิเทศก์มีภาระงานที่หลากหลายและมากเกินไป ทั้งงานนิเทศ งานนโยบาย งานประเมิน และงานธุรการต่างๆ ทำให้ไม่สามารถมุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพการศึกษาซึ่งเป็นภารกิจหลักได้อย่างเต็มที่

  2. วัฒนธรรมองค์กรและระบบอุปถัมภ์ – ระบบอุปถัมภ์และการเมืองในองค์กรส่งผลให้การประเมินผลงานไม่ได้ขึ้นอยู่กับความสามารถและผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริง แต่ขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ส่วนตัว ทำให้ขาดแรงจูงใจในการพัฒนางาน

  3. การขาดการพัฒนาบุคลากรอย่างเป็นระบบ – ไม่มีระบบการพัฒนาศึกษานิเทศก์ที่มีประสิทธิภาพ ทำให้บางคนขาดความเชี่ยวชาญและไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงทางการศึกษา

  4. ข้อจำกัดด้านทรัพยากรและงบประมาณ – ทรัพยากรและงบประมาณที่จำกัดส่งผลให้ศึกษานิเทศก์ต้องพึ่งพาทรัพยากรจากโรงเรียน ซึ่งสร้างความรู้สึกเชิงลบ

  5. ความไม่ชัดเจนในบทบาทหน้าที่ – ความไม่ชัดเจนว่าศึกษานิเทศก์ควรเป็น “ผู้ตรวจสอบ” หรือ “ผู้สนับสนุน” ทำให้เกิดความขัดแย้งในการปฏิบัติงาน

ทิศทางการแก้ไขปัญหา

การแก้ไขปัญหาจำเป็นต้องดำเนินการทั้งในระยะเร่งด่วนและระยะยาว

มาตรการเร่งด่วน (1 ปี)

  1. ปรับโครงสร้างภาระงาน – ลดงานธุรการและงานที่ไม่จำเป็น กำหนดขอบเขตงานที่ชัดเจน
  2. พัฒนาระบบข้อมูลที่บูรณาการ – สร้างระบบฐานข้อมูลกลางเพื่อลดการขอข้อมูลซ้ำซ้อน
  3. ปรับวิธีการนิเทศ – เน้นการให้คำปรึกษาและสนับสนุนมากกว่าการตรวจสอบ แจ้งแผนล่วงหน้า
  4. พัฒนาทักษะการสื่อสาร – จัดอบรมด้านทักษะการสื่อสาร การฟังอย่างตั้งใจ และการให้ข้อมูลย้อนกลับเชิงบวก
  5. ปรับปรุงระบบการประเมินผล – สร้างเกณฑ์การประเมินที่โปร่งใสและเป็นธรรม

มาตรการระยะยาว (2-5 ปี)

  1. ปฏิรูประบบการคัดเลือกและพัฒนา – ปรับปรุงกระบวนการคัดเลือกและพัฒนาศึกษานิเทศก์อย่างเป็นระบบ
  2. พัฒนาศูนย์ความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง – ส่งเสริมให้ศึกษานิเทศก์พัฒนาความเชี่ยวชาญในด้านที่ตนถนัด
  3. สร้างวัฒนธรรมคุณภาพ – ปลูกฝังค่านิยมและวัฒนธรรมองค์กรที่เน้นคุณภาพ โปร่งใส และการทำงานเพื่อส่วนรวม
  4. พัฒนาเครือข่ายความร่วมมือ – สร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างโรงเรียน ศึกษานิเทศก์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
  5. พัฒนานวัตกรรมการนิเทศ – ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมการนิเทศที่สอดคล้องกับบริบทปัจจุบัน

การพัฒนาความร่วมมือกับผู้บริหารสถานศึกษา

ตามเกณฑ์ ว10/2564 ผู้บริหารสถานศึกษาต้องแสดงสมรรถนะในการบริหารงาน 4 ด้านหลัก ได้แก่ ด้านวิชาการ ด้านการจัดการสถานศึกษา ด้านการบริหารการเปลี่ยนแปลง และด้านการบริหารชุมชนและเครือข่าย ศึกษานิเทศก์สามารถสนับสนุนผู้บริหารในทุกด้านได้ เช่น:

  1. ด้านวิชาการ – ช่วยพัฒนาหลักสูตร การจัดการเรียนรู้ และการวัดประเมินผล
  2. ด้านการจัดการ – ให้คำปรึกษาในการวางแผนพัฒนา การนิเทศภายใน และการพัฒนาคุณภาพ
  3. ด้านการเปลี่ยนแปลง – สนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมและการบริหารการเปลี่ยนแปลง
  4. ด้านชุมชน – ช่วยสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับชุมชนและแหล่งเรียนรู้

บทสรุป

การแก้ไขปัญหาในการปฏิบัติหน้าที่ของศึกษานิเทศก์จำเป็นต้องอาศัยการปรับเปลี่ยนทั้งเชิงโครงสร้าง วัฒนธรรม และการพัฒนาบุคลากร โดยการขับเคลื่อนที่สำคัญคือการปรับบทบาทของศึกษานิเทศก์ให้เป็น “หุ้นส่วนการพัฒนา” ที่ทำงานร่วมกับผู้บริหารและครูด้วยความเป็นกัลยาณมิตร

ศึกษานิเทศก์ในอนาคตควรเป็นผู้นำทางวิชาการที่มีความเชี่ยวชาญ เป็นที่ปรึกษาที่โรงเรียนไว้วางใจ และเป็นผู้สนับสนุนที่ช่วยให้โรงเรียนพัฒนาได้ตามศักยภาพและบริบทของตนเอง ซึ่งจะส่งผลต่อการยกระดับคุณภาพการศึกษาของประเทศโดยรวม

ข้อมูลทั้งหมดนี้ เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัว และผลการวิเคราะห์จากการตอบแบบสอบถามของผู้บริหารสถานศึกษา ร่วมกับ AI เท่านั้น หากมีข้อผิดพลาด หรือข้อความที่ไม่เหมาะสมผู้เขียนต้องขออภัยมา​ณ ที่นี้

ดร.อนุศร หงษ์ขุนทด
28 กุมภาพันธ์ 2568

Comments

comments

Powered by Facebook Comments

Exit mobile version