Site icon Digital Learning Classroom

ศึกษานิเทศก์ในฐานะสถาปนิกแห่งการเปลี่ยนแปลง: การปลูกฝัง Growth Mindset เพื่อการพัฒนาครูเชิงระบบในประเทศไทย

แชร์เรื่องนี้


ศึกษานิเทศก์ในฐานะสถาปนิกแห่งการเปลี่ยนแปลง: การปลูกฝัง Growth Mindset เพื่อการพัฒนาครูเชิงระบบในประเทศไทย

บทนำ: การเปลี่ยนกรอบการพัฒนาครูสู่การปฏิรูปเชิงระบบ

รายงานฉบับนี้เสนอข้อโต้แย้งหลักว่า ความท้าทายที่ฝังรากลึกในการปฏิรูปการศึกษาไทย ซึ่งสะท้อนผ่านอันดับผลการประเมินนักเรียนในระดับนานาชาติที่ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ 1 และความล้มเหลวของมาตรการปฏิรูปจากบนลงล่าง (Top-Down) ในอดีต 2 มีต้นตอมาจากการมุ่งเน้นที่การเปลี่ยนแปลงเชิงขั้นตอนและเปลือกนอก มากกว่าการปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมทางวิชาชีพและกรอบความคิด (Mindset) ของครูอย่างถึงแก่นแท้ กุญแจสำคัญที่จะปลดล็อกการเปลี่ยนแปลงเชิงระบบที่ยั่งยืนนั้น อยู่ที่การเสริมพลังให้ “ศึกษานิเทศก์” ไม่ได้ทำหน้าที่เป็นเพียงผู้ตรวจสอบ แต่เป็น “สถาปนิก” ผู้ออกแบบและสร้างกระบวนการเปลี่ยนผ่านทางวัฒนธรรมและจิตวิทยานี้

รายงานฉบับนี้จะเริ่มต้นด้วยการนิยามบทบาทของศึกษานิเทศก์ยุคใหม่ในฐานะผู้นำการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ จากนั้นจะวางรากฐานทางทฤษฎีที่แข็งแกร่งโดยใช้หลักการพัฒนาองค์กร (Organizational Development: OD) และการบริหารการเปลี่ยนแปลง (Change Management) ต่อมา จะลงลึกในรายละเอียดถึงความสำคัญของการปลูกฝัง “Growth Mindset” ให้กับครู พร้อมนำเสนอชุดเครื่องมือเชิงปฏิบัติสำหรับศึกษานิเทศก์ (เช่น ชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ และการโค้ช) เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว ท้ายที่สุด รายงานจะเชื่อมโยงกรอบความคิดที่เปลี่ยนไปนี้เข้ากับการประยุกต์ใช้ในห้องเรียนอย่างเป็นรูปธรรม โดยมีกรณีศึกษาของนวัตกรรมที่ประสบความสำเร็จในบริบทของไทยเป็นเครื่องยืนยัน และสรุปเป็นแผนการดำเนินงาน (Roadmap) ที่ชัดเจนและนำไปปฏิบัติได้จริง เป้าหมายสูงสุดคือการก้าวข้าม “การปฏิรูปที่เป็นเพียงเหตุการณ์” ไปสู่ “การพัฒนาที่เป็นวัฒนธรรมต่อเนื่อง”

ส่วนที่ 1: ศึกษานิเทศก์ยุคใหม่: จากผู้ตรวจสอบสู่ผู้นำการเปลี่ยนแปลง

ส่วนนี้จะทำการวิเคราะห์บทบาทดั้งเดิมของศึกษานิเทศก์และสร้างนิยามใหม่ให้เป็นผู้นำเชิงกลยุทธ์ที่มีบทบาทหลากหลายและจำเป็นอย่างยิ่งต่อการปฏิรูปการศึกษาในศตวรรษที่ 21

บทบาทในอดีตเทียบกับพันธกิจในศตวรรษที่ 21

ในอดีต บทบาทของศึกษานิเทศก์มักถูกมองว่าเป็นผู้ตรวจสอบหรือผู้ประเมิน ซึ่งมุ่งเน้นการกำกับดูแลให้เป็นไปตามระเบียบ การติดตาม และการบังคับใช้นโยบายจากบนลงล่าง 4 แนวทางดังกล่าวบ่อยครั้งสร้างบรรยากาศของความกังวลและการต่อต้าน ซึ่งกลายเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตทางวิชาชีพอย่างแท้จริง

พันธกิจใหม่ของศึกษานิเทศก์ในยุคปัจจุบันได้เปลี่ยนไปสู่การเป็น “ครูของครู” (The Teacher’s Teacher) ที่ปรึกษาทางวิชาการ และพี่เลี้ยงที่คอยสนับสนุน 6 ภารกิจหลักคือการนิเทศ แนะนำ ชี้แนะ และกระตุ้นให้ครูและผู้บริหารสถานศึกษาเกิดความรู้ความตระหนักและมีทักษะในการบริหารจัดการและการจัดการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ 8 การเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์นี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเปลี่ยนผ่านจากวัฒนธรรมแห่งการปฏิบัติตามคำสั่ง (Compliance Culture) ไปสู่วัฒนธรรมแห่งการเรียนรู้ (Learning Culture)

การเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์นี้สามารถสรุปได้ดังตารางต่อไปนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนนิยามของบทบาทศึกษานิเทศก์อย่างสิ้นเชิง เพื่อให้ผู้กำหนดนโยบายสามารถเห็นภาพการเปลี่ยนแปลงที่จำเป็นได้อย่างชัดเจน

ตารางที่ 1: วิวัฒนาการบทบาทของศึกษานิเทศก์

คุณลักษณะกระบวนทัศน์ดั้งเดิม (ผู้ตรวจสอบ/ผู้ประเมิน)กระบวนทัศน์แห่งการปฏิรูป (โค้ช/ผู้นำการเปลี่ยนแปลง)
เป้าหมายหลักการปฏิบัติตามระเบียบ, การสร้างมาตรฐาน, การควบคุมคุณภาพการเติบโตของครู, การสร้างขีดความสามารถ, การส่งเสริมนวัตกรรม
ความสัมพันธ์หลักเชิงลำดับชั้น, การประเมินเพื่อตัดสินการร่วมมือ, การสร้างความไว้วางใจ (“กัลยาณมิตร”)
วิธีการสำคัญการตรวจเยี่ยม, การสังเกตการณ์, การรายงานผลการโค้ช, การวางแผนร่วมกัน, การอำนวยความสะดวก PLC, การวิจัยเชิงปฏิบัติการ
จุดเน้นในการปฏิสัมพันธ์การค้นหาข้อบกพร่อง, การบังคับใช้นโยบายการระบุความต้องการ, การร่วมสร้างแนวทางแก้ไข, การส่งเสริมการสะท้อนคิด
ตัวชี้วัดความสำเร็จคะแนนสอบมาตรฐาน, รายงานการปฏิบัติตามระเบียบการเปลี่ยนแปลงกรอบความคิดของครู, นวัตกรรมการสอน, การมีส่วนร่วมของผู้เรียน
มุมมองต่อความรู้ศึกษานิเทศก์คือผู้เชี่ยวชาญ, ครูคือผู้รับความรู้ถูกสร้างขึ้นร่วมกันผ่านกระบวนการสืบเสาะหาความรู้

สมรรถนะหลักของศึกษานิเทศก์แห่งการเปลี่ยนแปลง

เพื่อให้สามารถปฏิบัติภารกิจใหม่นี้ได้ ศึกษานิเทศก์จำเป็นต้องมีสมรรถนะที่หลากหลายและลึกซึ้ง ดังนี้

การสร้างความไว้วางใจ: “กัลยาณมิตร” รากฐานสำคัญของการเปลี่ยนแปลง

แนวคิดเรื่อง “กัลยาณมิตร” ถูกเน้นย้ำอยู่เสมอในฐานะหัวใจสำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างศึกษานิเทศก์และครู 7 นี่ไม่ใช่เพียงแค่การสร้างมนุษยสัมพันธ์ที่ดี แต่เป็นความจำเป็นเชิงกลยุทธ์ ความสัมพันธ์ที่ตั้งอยู่บนความไว้วางใจ ความเข้าอกเข้าใจ และความเคารพซึ่งกันและกัน จะสร้างพื้นที่ปลอดภัยทางจิตใจ (Psychological Safety) ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับครูที่จะกล้าเปิดเผยความท้าทาย ยอมรับข้อจำกัด และเปิดใจรับฟังความคิดเห็นและแนวทางใหม่ๆ 11 หากปราศจากรากฐานนี้ แม้แต่เทคนิคการนิเทศที่ยอดเยี่ยมที่สุดก็ย่อมล้มเหลว

อย่างไรก็ตาม ระบบการศึกษาในปัจจุบันได้สร้างความขัดแย้งเชิงบทบาท (Role Conflict) ให้กับศึกษานิเทศก์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในขณะที่อุดมคติคือการเป็น “กัลยาณมิตร” ที่คอยสนับสนุนและให้กำลังใจ 8 แต่ในทางปฏิบัติ ศึกษานิเทศก์มักถูกมอบหมายให้มีบทบาทในการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผล ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการเลื่อนวิทยฐานะของครูหรือการประเมินคุณภาพสถานศึกษา 4 สภาวะเช่นนี้บ่อนทำลายความไว้วางใจโดยตรง เพราะครูย่อมไม่กล้าที่จะเปิดเผยปัญหาหรือทดลองสิ่งใหม่ๆ หากกังวลว่าความผิดพลาดหรือความไม่สมบูรณ์แบบจะถูกนำไปใช้ในการตัดสินเชิงลบ ดังนั้น เพื่อให้ศึกษานิเทศก์สามารถทำหน้าที่ผู้นำการเปลี่ยนแปลงได้อย่างเต็มศักยภาพ จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีการทบทวนโครงสร้างบทบาท โดยอาจแยกหน้าที่ด้านการพัฒนา (Developmental function) ออกจากหน้าที่ด้านการประเมิน (Evaluative function) อย่างชัดเจน หรือเปลี่ยนนิยามของการประเมินให้มุ่งเน้นเพื่อการพัฒนา (Formative Assessment) เพียงอย่างเดียว

ในขณะเดียวกัน บทบาทของศึกษานิเทศก์ที่ต้องเข้าไปคลุกคลีกับโรงเรียนหลากหลายบริบท ตั้งแต่โรงเรียนขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่พิเศษ 10 ทำให้พวกเขากลายเป็น “ตัวรับรู้” (Sensor) ที่มีค่าที่สุดในระบบนิเวศการศึกษา พวกเขาสามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับปัญหาหน้างานที่แท้จริงและความต้องการที่แตกต่างกันของแต่ละโรงเรียน 10 ซึ่งเป็นข้อมูลที่ผู้กำหนดนโยบายในส่วนกลางไม่สามารถมองเห็นได้ การสร้างกลไกป้อนกลับ (Feedback Loop) ที่เป็นทางการเพื่อให้ข้อมูลเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณจากศึกษานิเทศก์สามารถส่งผลโดยตรงต่อการทบทวนและปรับปรุงนโยบาย จะทำให้ระบบการศึกษามีความยืดหยุ่นและตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงได้ดียิ่งขึ้น ศึกษานิเทศก์จึงไม่ควรเป็นเพียงผู้ปฏิบัติตามนโยบาย แต่ควรเป็นผู้ร่วมสร้างนโยบายด้วย

ส่วนที่ 2: กรอบแนวคิดสำหรับการเปลี่ยนแปลงเชิงระบบ: การประยุกต์ใช้หลักการพัฒนาองค์กรกับการศึกษา

ส่วนนี้จะนำเสนอรากฐานทางทฤษฎีของรายงาน โดยมีข้อเสนอว่าโรงเรียนต้องถูกทำความเข้าใจและบริหารจัดการในฐานะองค์กรที่ซับซ้อน ไม่ใช่เพียงแค่สถานที่จัดการเรียนการสอน

การทำความเข้าใจโรงเรียนในฐานะองค์กรที่ซับซ้อน

เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน ศึกษานิเทศก์ต้องสามารถวิเคราะห์องค์กรโรงเรียนผ่านมิติที่สำคัญสองประการ:

บทบาทแรกของศึกษานิเทศก์ตามหลักการพัฒนาองค์กรคือการเป็น “ผู้วินิจฉัย” (Diagnostician) 16 พวกเขาต้องช่วยให้บุคลากรในโรงเรียนสามารถระบุบรรทัดฐานทางวัฒนธรรมและปัจจัยด้านบรรยากาศที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของครูและขัดขวางการสร้างนวัตกรรม เช่น วัฒนธรรมที่กลัวความผิดพลาด หรือวัฒนธรรมการทำงานแบบตัวใครตัวมัน แทนที่จะเป็นการร่วมมือกัน

รูปแบบการบริหารการเปลี่ยนแปลงสำหรับบริบททางการศึกษา

การเปลี่ยนแปลงเชิงระบบต้องอาศัยความเข้าใจในรูปแบบการเปลี่ยนแปลงที่แตกต่างกัน:

กุญแจสู่ความสำเร็จของการเปลี่ยนแปลงเชิงระบบอยู่ที่ความสามารถของศึกษานิเทศก์ในการ “สังเคราะห์” ทั้งสองรูปแบบเข้าด้วยกัน พวกเขาต้องสามารถแปลนโยบายจากบนลงล่าง (เช่น หลักสูตรฐานสมรรถนะ) ให้กลายเป็นกระบวนการสืบเสาะหาความรู้และปรับใช้อย่างสร้างสรรค์จากล่างขึ้นบน ซึ่งเหมาะสมกับบริบทเฉพาะของแต่ละโรงเรียน 20

การวินิจฉัยและเอาชนะอุปสรรคเชิงระบบในบริบทของไทย

ศึกษานิเทศก์ต้องเผชิญและจัดการกับอุปสรรคเชิงระบบที่สำคัญ ดังนี้:

การวิเคราะห์บทบาทของศึกษานิเทศก์ผ่านกรอบการพัฒนาองค์กรเผยให้เห็นช่องว่างที่สำคัญ กล่าวคือ แม้ระบบจะคาดหวังให้ศึกษานิเทศก์เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง แต่สมรรถนะที่กำหนดไว้สำหรับตำแหน่งนี้ 8 กลับมุ่งเน้นไปที่ความสามารถทางวิชาการ การวิจัย และ ICT โดยแทบไม่ได้กล่าวถึงสมรรถนะด้านการพัฒนาองค์กรหรือการบริหารการเปลี่ยนแปลงโดยตรงเลย นี่จึงเป็นจุดที่ต้องมีการพัฒนาอย่างเร่งด่วน โดยหลักสูตรการพัฒนาศึกษานิเทศก์จำเป็นต้องบรรจุเนื้อหาเกี่ยวกับการวินิจฉัยองค์กร การบริหารผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย การแก้ไขความขัดแย้ง และภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้พวกเขามีเครื่องมือที่เหมาะสมกับภารกิจที่ได้รับมอบหมาย

นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาการปฏิรูปการศึกษาไทยในอดีตผ่านรูปแบบการเปลี่ยนแปลงของเคิร์ต เลวิน 18 จะพบว่าความล้มเหลวส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นในขั้นตอนสุดท้าย คือ “การสร้างให้แข็งตัว” (Refreeze) กล่าวคือ แม้จะมีการ “ละลายพฤติกรรม” (สร้างความตระหนักถึงปัญหา) และ “เปลี่ยนแปลง” (นำเสนอนโยบายหรือจัดการอบรม) แต่พฤติกรรมใหม่ๆ กลับไม่ถูกฝังเข้าไปในวัฒนธรรม ระบบ และโครงสร้างการให้รางวัลของโรงเรียนอย่างแท้จริง 1 ระบบยังคงให้รางวัลแก่การปฏิบัติตามระเบียบ การทำเอกสาร หรือความอาวุโส มากกว่าการสร้างนวัตกรรมการสอนหรือการทำงานร่วมกัน 19 ส่งผลให้เมื่อแรงกดดันจากภายนอกลดลง ทุกอย่างก็กลับคืนสู่สภาพเดิม (Snap-back) ดังนั้น บทบาทของศึกษานิเทศก์จึงต้องขยายไปสู่การเป็นสถาปนิกของกระบวนการ “Refreeze” โดยทำงานร่วมกับผู้บริหารโรงเรียนเพื่อออกแบบระบบภายในใหม่ ตั้งแต่ระเบียบวาระการประชุมไปจนถึงเกณฑ์การประเมินครู เพื่อให้ระบบทั้งหมดสอดคล้องและส่งเสริมพฤติกรรมที่พึงประสงค์อย่างยั่งยืน

ส่วนที่ 3: ตัวเร่งปฏิกิริยาแห่งการเปลี่ยนแปลง: การปลูกฝัง Growth Mindset ในนักการศึกษา

ส่วนนี้จะนำเสนอว่า “กรอบความคิด” (Mindset) ไม่ใช่เรื่องนามธรรม แต่เป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลักที่สำคัญและจำเป็นที่สุด ซึ่งจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอื่นๆ ที่ต้องการ

นิยามของ Growth Mindset ในบริบทของการสอน

ผลกระทบของกรอบความคิดต่อการปฏิบัติการสอน

บทบาทของศึกษานิเทศก์ในการส่งเสริม Growth Mindset

กรอบความคิดของครูสามารถถูกพิจารณาให้เป็น “ตัวชี้วัดนำ” (Leading Indicator) ที่สามารถวัดผลได้สำหรับความสำเร็จทางการศึกษา ในขณะที่ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนเป็น “ตัวชี้วัดตาม” (Lagging Indicator) การเปลี่ยนแปลงในทางบวกของกรอบความคิดของครู 26 ย่อมนำไปสู่การปรับปรุงวิธีการสอนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การใช้ Active Learning 27 ซึ่งจะส่งผลให้ผลลัพธ์ของผู้เรียนดีขึ้นในอนาคต ดังนั้น ศึกษานิเทศก์ควรมีเครื่องมือ (เช่น แบบสำรวจที่น่าเชื่อถือ หรือเกณฑ์การสังเกต) เพื่อวินิจฉัยและติดตามระดับ Growth Mindset ของคณาจารย์ในโรงเรียน ข้อมูลนี้จะช่วยให้สามารถให้การสนับสนุนเชิงรุกได้ก่อนที่ปัญหาด้านผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนจะปรากฏชัด

อย่างไรก็ตาม ความพยายามของศึกษานิเทศก์ในการปลูกฝัง Growth Mindset อาจถูกบ่อนทำลายโดยโครงสร้างของระบบการศึกษาเอง ระบบที่เน้นการสอบแข่งขันที่มีเดิมพันสูง (High-stakes testing) เช่น O-NET 19 หลักสูตรที่ตายตัว และระบบการเลื่อนวิทยฐานะที่เน้นเอกสาร 19 ล้วนส่งเสริม Fixed Mindset โดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะมันให้รางวัลแก่ “ผลลัพธ์ที่ถูกต้อง” มากกว่า “กระบวนการเรียนรู้” และลงโทษ “ความเสี่ยง” ที่จะทดลองสิ่งใหม่ๆ ดังนั้น การปฏิรูปในระดับนโยบายจึงต้องดำเนินควบคู่กันไป เช่น การเปลี่ยนสู่การประเมินฐานสมรรถนะ การให้อิสระด้านหลักสูตรมากขึ้นดังเช่นในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา (Sandbox) 32 และการออกแบบระบบประเมินครูที่ให้คุณค่ากับกระบวนการ การทำงานร่วมกัน และการกล้าทดลองทาง παιδαγωγία

ส่วนที่ 4: ชุดเครื่องมือเชิงกลยุทธ์ของศึกษานิเทศก์เพื่อการพัฒนาที่ขับเคลื่อนด้วยกรอบความคิด

ส่วนนี้จะเปลี่ยนจากทฤษฎีสู่การปฏิบัติ โดยนำเสนอกลไกสำคัญที่ศึกษานิเทศก์สามารถใช้เพื่อขับเคลื่อนและรักษาวัฒนธรรมแห่งการเติบโต

ชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC): เครื่องยนต์แห่งความร่วมมือ

ชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (Professional Learning Community: PLC) ไม่ใช่แค่การประชุม แต่เป็นกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ร่วมกันอย่างมีวินัย โดยมุ่งเน้นที่การเรียนรู้ของนักเรียนเป็นสำคัญ 33 PLC จะเปลี่ยนครูจากการทำงานอย่างโดดเดี่ยวไปสู่ความรับผิดชอบร่วมกัน โดยกระบวนการนี้ต้องขับเคลื่อนจากล่างขึ้นบน (Bottom-up) เพื่อแก้ไขปัญหาที่ครูเผชิญจริงในห้องเรียน 35

รูปแบบหนึ่งที่มีประสิทธิภาพคือการใช้ “การศึกษาชั้นเรียน” (Lesson Study) เป็นแกนกลางของ PLC ซึ่งประกอบด้วย 3 ขั้นตอนหลัก คือ 1) การร่วมกันวางแผนการสอน 2) ครูคนหนึ่งนำแผนไปสอน ขณะที่สมาชิกคนอื่นร่วมสังเกตการณ์ (โดยมุ่งเน้นที่การเรียนรู้ของนักเรียน ไม่ใช่การประเมินครู) และ 3) การร่วมกันสะท้อนผลจากข้อมูลที่สังเกตได้ เพื่อนำไปปรับปรุงบทเรียนให้ดียิ่งขึ้น 34

บทบาทของศึกษานิเทศก์ไม่ใช่การเป็นผู้นำ PLC แต่เป็นการเป็น “ผู้อำนวยความสะดวก” (Facilitator) ซึ่งรวมถึงการช่วยกำหนดกติกาการทำงานร่วมกัน การตั้งคำถามนำที่ดี การวิเคราะห์ผลงานนักเรียนเพื่อใช้เป็นหลักฐาน และการทำให้วงสนทนามีทิศทางและเกิดประโยชน์สูงสุด 11 นอกจากนี้ ศึกษานิเทศก์ยังสามารถเชื่อมโยงกลุ่ม PLC จากต่างโรงเรียนเข้าด้วยกันเพื่อสร้างเครือข่ายที่กว้างขวางขึ้น 9

แม้ว่า PLC จะถูกนำมาใช้ในประเทศไทยแล้ว แต่การปฏิบัติมักมีความคลาดเคลื่อนและเป็นไปอย่างผิวเผิน โดยมักกลายเป็นการประชุมเชิงบริหารหรือการรับคำสั่งจากผู้บริหาร ซึ่งขัดต่อเจตนารมณ์ดั้งเดิม 33 ดังนั้น บทบาทที่สำคัญที่สุดของศึกษานิเทศก์คือการเป็น “ผู้พิทักษ์กระบวนการ” (Guardian of the Process) พวกเขาต้องให้ความรู้และโค้ชทั้งผู้บริหารและครูเกี่ยวกับวิธีการดำเนินงาน PLC ที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันไม่ให้มันกลายเป็นภาระงานเอกสารอีกชิ้นหนึ่ง

ตารางที่ 2: กรอบการดำเนินงาน PLC แบบแบ่งระยะสำหรับศึกษานิเทศก์

ระยะวัตถุประสงค์หลักบทบาทและการดำเนินการของศึกษานิเทศก์บทบาทและการดำเนินการของทีมครูข้อควรระวัง
1. สร้างฐานและกำหนดจุดเน้นสร้างความไว้วางใจและระบุปัญหาที่เกี่ยวกับผู้เรียนอย่างแท้จริงอำนวยความสะดวกในการสร้างทีม; เป็นแบบอย่างของความเปราะบาง; นำการวิเคราะห์ข้อมูล (เช่น ผลงานนักเรียน) เพื่อระบุปัญหาสำคัญสร้างกติกาของทีม; แบ่งปันความท้าทายอย่างเปิดเผย; วิเคราะห์ข้อมูลผู้เรียนเพื่อตกลงร่วมกันถึงปัญหาที่เฉพาะเจาะจงและวัดผลได้การเลือกปัญหาที่กว้างเกินไป หรือเป็นปัญหาเพื่อความสะดวกของครู ไม่ใช่เพื่อการเรียนรู้ของนักเรียน
2. สืบเสาะและวางแผนร่วมกันร่วมกันพัฒนาบทเรียนหรือแนวทางแก้ไขโดยอิงหลักการ/งานวิจัยจัดหาหรือแนะนำงานวิจัย/แหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้อง; นำกระบวนการวางแผนแบบ “Lesson Study”; ตั้งคำถามเพื่อให้แผนมีความชัดเจนและสังเกตได้ค้นคว้ากลยุทธ์ที่เป็นไปได้; ร่วมกันเขียนแผนการสอนอย่างละเอียด โดยคาดการณ์การตอบสนองและแนวคิดที่คลาดเคลื่อนของนักเรียนการสร้างแผนทั่วๆ ไป โดยขาดการคิดวิเคราะห์อย่างลึกซึ้งถึงการกระทำและความคิดของนักเรียน
3. ปฏิบัติและสังเกตการณ์นำแผนไปใช้และเก็บรวบรวมหลักฐานการเรียนรู้ของนักเรียนทำหน้าที่ผู้สังเกตการณ์ที่ไม่ตัดสิน โดยเก็บข้อมูลที่เป็นรูปธรรมเกี่ยวกับการกระทำและการสนทนาของนักเรียนสมาชิกคนหนึ่งสอนตามแผน ขณะที่คนอื่นๆ สังเกตการเรียนรู้ของนักเรียน; เก็บรวบรวมหลักฐานตามที่ตกลงกันไว้ (เช่น บันทึก, ภาพถ่ายผลงาน)ผู้สังเกตการณ์เผลอไปตัดสินการสอนของครู แทนที่จะเก็บข้อมูลการเรียนรู้ของนักเรียน
4. วิเคราะห์และสะท้อนผลวิเคราะห์หลักฐานและสรุปบทเรียนเพื่อการปฏิบัติในอนาคตอำนวยความสะดวกในกระบวนการสะท้อนผลที่มีโครงสร้าง; รับฟังทุกความเห็น; มุ่งเน้นที่หลักฐานและผลกระทบต่อการเรียนรู้ของนักเรียนร่วมกันวิเคราะห์ข้อมูลที่สังเกตได้; อภิปรายว่าอะไรได้ผล/ไม่ได้ผล และ “เพราะอะไร” โดยอิงจากหลักฐาน; กำหนดขั้นตอนต่อไปในการปรับปรุงบทเรียนวงสนทนากลายเป็นการบ่น หรือแสดงความเห็นโดยปราศจากหลักฐาน
5. ขยายผลและแบ่งปันจัดทำเอกสารและแบ่งปันสิ่งที่ได้เรียนรู้เพื่อสร้างองค์ความรู้ขององค์กรช่วยทีมจัดทำเอกสารการเรียนรู้ในรูปแบบที่แบ่งปันได้; เชื่อมโยงทีมกับ PLC อื่นๆ; อำนวยความสะดวกในการนำเสนอผลงานในระดับโรงเรียนปรับปรุงบทเรียน/กลยุทธ์จากการสะท้อนผล; แบ่งปันสิ่งที่ค้นพบกับเพื่อนร่วมงาน; สร้างฐานความรู้ของโรงเรียนการเรียนรู้จำกัดอยู่แค่ในทีม ไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อชุมชนในโรงเรียนในวงกว้าง

การโค้ชและการเป็นพี่เลี้ยงเพื่อการปฏิบัติที่ลึกซึ้ง

การใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อการเรียนรู้ที่ต่อเนื่องและเป็นส่วนตัว

เครื่องมือทั้งสามอย่างนี้—PLC, การโค้ช และแพลตฟอร์มดิจิทัล—ไม่ใช่ทางเลือกที่แยกจากกัน แต่เป็นระบบที่ทำงานเสริมกันอย่างครบวงจร PLC ช่วยระบุปัญหาและกลยุทธ์ใหม่ การโค้ชช่วยให้ครูนำกลยุทธ์นั้นไปปฏิบัติได้อย่างมั่นใจ และแพลตฟอร์มดิจิทัลช่วยสนับสนุนและขยายผลการเรียนรู้ ศึกษานิเทศก์จึงต้องได้รับการฝึกฝนให้สามารถใช้เครื่องมือเหล่านี้เป็นชุดกลยุทธ์ที่เชื่อมโยงกัน เพื่อสร้างวงจรการพัฒนาที่ต่อเนื่องและทรงพลัง

ส่วนที่ 5: การแปลกรอบความคิดสู่การปฏิบัติ: ห้องเรียนที่ถูกจินตนาการใหม่

ส่วนนี้จะเชื่อมโยงการเปลี่ยนแปลงภายใน (กรอบความคิด) และกระบวนการทางวิชาชีพ (ชุดเครื่องมือ) ไปสู่เป้าหมายสูงสุด นั่นคือการเปลี่ยนแปลงการเรียนการสอนในห้องเรียน

จากการสอนที่เน้นครูเป็นศูนย์กลางสู่การเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง

Growth Mindset จะนำครูไปสู่การเปลี่ยนบทบาทจาก “ผู้รู้หน้าชั้น” (Sage on the Stage) ไปเป็น “ผู้อำนวยความสะดวกข้างกาย” (Guide on the Side) โดยปริยาย เพราะพวกเขาเข้าใจว่าการเรียนรู้เป็นกระบวนการสร้างองค์ความรู้ที่ผู้เรียนต้องลงมือทำ ไม่ใช่การรับข้อมูลแต่เพียงฝ่ายเดียว

ครูผู้มีทักษะแบบ T-Shaped ในทางปฏิบัติ

รูปแบบบุคลากรแบบ “T-Shaped” ถูกนำเสนอในฐานะภาพแทนของครูในอุดมคติ ซึ่งเป็นผลลัพธ์จากกระบวนการพัฒนานี้ แกนแนวตั้งของตัว “T” หมายถึงความเชี่ยวชาญเชิงลึกในสาขาวิชาและศาสตร์การสอน ส่วนแกนแนวนอนหมายถึงทักษะข้ามศาสตร์และความสามารถในการทำงานร่วมกับผู้อื่นในวงกว้าง 44

ตารางที่ 3: สมรรถนะหลักของครูผู้มีทักษะแบบ T-Shaped

แกนแนวตั้ง: ความเชี่ยวชาญเชิงลึก (ความรู้ในสาขาวิชาและศาสตร์การสอน)แกนแนวนอน: สมรรถนะในวงกว้าง (ทักษะการทำงานร่วมกันและการปรับตัว)
• ความรู้ที่ลึกซึ้งและทันสมัยในสาขาวิชาที่สอน (เช่น คณิตศาสตร์, วิทยาศาสตร์)การทำงานร่วมกันและการสื่อสาร: • มีส่วนร่วมอย่างแข็งขันใน PLC • เข้าร่วมการโค้ชโดยเพื่อนครู • สื่อสารกับผู้ปกครอง/ชุมชนอย่างมีประสิทธิภาพ • ทำงานในทีมสหวิทยาการ
• ความเชี่ยวชาญในเนื้อหาผสมผสานกับวิธีสอน (Pedagogical Content Knowledge)ความรู้ด้านดิจิทัลและสื่อ: • บูรณาการเทคโนโลยีเพื่อยกระดับการเรียนรู้ • สอนให้นักเรียนเป็นผู้บริโภคและผู้สร้างสื่อดิจิทัลอย่างมีวิจารณญาณ • ใช้เครื่องมือดิจิทัลเพื่อการเรียนรู้ทางวิชาชีพ
• ทักษะในการออกแบบและจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง (PBL, IBL)การคิดเชิงวิพากษ์และการแก้ปัญหา: • ออกแบบการเรียนรู้ที่ต้องใช้การคิดขั้นสูง • โค้ชนักเรียนให้ผ่านปัญหาที่ซับซ้อนและคลุมเครือ • สร้างวัฒนธรรมแห่งการสืบเสาะในห้องเรียน
• ความเชี่ยวชาญในการประเมินผลตามสภาพจริง (รูบริก, แฟ้มสะสมงาน, การประเมินภาคปฏิบัติ)ความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม: • ปรับหลักสูตรให้เข้ากับบริบทท้องถิ่นและความสนใจของนักเรียน • ทดลองใช้กลยุทธ์และเครื่องมือการสอนใหม่ๆ • ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และการแสดงออกของนักเรียน
• ความสามารถในการจัดการเรียนรู้ที่แตกต่างสำหรับผู้เรียนที่หลากหลายความฉลาดทางอารมณ์และสังคม และกรอบความคิด: • สร้างความสัมพันธ์ที่เข้มแข็งและไว้วางใจกับนักเรียน • จัดการบรรยากาศในชั้นเรียนให้ปลอดภัยและสนับสนุน • เป็นแบบอย่างและสอนเรื่องความอดทน, ความเข้าอกเข้าใจ, และ Growth Mindset

การพัฒนาครูให้มีทักษะแบบ T-Shaped ไม่ใช่เพียงแค่ทำให้ครูมีความสามารถรอบด้านมากขึ้น แต่ยังเป็นกลยุทธ์โดยตรงในการแก้ปัญหาเชิงระบบของหลักสูตรที่เนื้อหาอัดแน่นและแยกส่วน 47 ครูที่มีทักษะตามแกนแนวนอนจะสามารถทำงานร่วมกับเพื่อนครูต่างสาขาวิชาเพื่อออกแบบหน่วยการเรียนรู้เชิงบูรณาการที่สอนเนื้อหาและทักษะจากหลายวิชาไปพร้อมๆ กัน 47 เช่น โครงงานสำรวจคุณภาพน้ำในชุมชนที่บูรณาการทั้งวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภาษาไทย และสังคมศึกษาเข้าด้วยกัน แนวทางนี้ช่วยให้การจัดการเรียนรู้มีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับชีวิตจริง และน่าสนใจยิ่งขึ้น ศึกษานิเทศก์จึงควรส่งเสริม PLC แบบสหวิทยาการให้เป็นกลไกหลักในการพัฒนาหน่วยการเรียนรู้เชิงบูรณาการเหล่านี้

การประเมินผลกระทบต่อการเรียนรู้ของนักเรียน

ศึกษานิเทศก์ต้องชี้นำให้ครูเปลี่ยนจากการประเมินผลแบบดั้งเดิมที่เน้นการทดสอบความจำ ไปสู่การประเมินผลตามสภาพจริงที่สามารถวัดทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ได้ ซึ่งรวมถึงการประเมินจากภาคปฏิบัติ การใช้รูบริกสำหรับโครงงาน แฟ้มสะสมงาน และการสังเกตการณ์ในชั้นเรียนที่มุ่งเน้นการมีส่วนร่วม การคิดเชิงวิพากษ์ และการทำงานร่วมกันของนักเรียน 47 เป้าหมายคือการประเมิน “กระบวนการ” เรียนรู้ ไม่ใช่แค่ “ผลลัพธ์” สุดท้าย

ส่วนที่ 6: แบบจำลองแห่งความสำเร็จ: กรณีศึกษาจากนวัตกรรมการศึกษาไทย

ส่วนนี้จะนำเสนอตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมเพื่อยืนยันว่าการเปลี่ยนแปลงที่เสนอนั้นไม่ใช่แค่ทฤษฎี แต่สามารถเกิดขึ้นได้จริงในบริบทของประเทศไทย

“พื้นที่นวัตกรรมการศึกษา” (Education Sandbox): บทเรียนจากความเป็นอิสระและนวัตกรรม

โครงการ “พื้นที่นวัตกรรมการศึกษา” ซึ่งจัดตั้งขึ้นตาม พ.ร.บ. พื้นที่นวัตกรรมการศึกษา พ.ศ. 2562 ได้มอบความเป็นอิสระให้แก่พื้นที่ที่ได้รับคัดเลือก (เช่น ระยอง, ศรีสะเกษ, สตูล) ในการบริหารจัดการหลักสูตร การพัฒนาครู และการบริหารโรงเรียน 32 พื้นที่เหล่านี้ทำหน้าที่เสมือนห้องปฏิบัติการที่มีชีวิตสำหรับการปฏิรูป ตัวอย่างเช่น จังหวัดระยองได้พัฒนาหลักสูตรของตนเองในชื่อ “ระยอง มาโคร” และจัดตั้งสถาบันพัฒนาครูขึ้นโดยเฉพาะ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงพลังของแนวทางการแก้ปัญหาที่สอดคล้องกับบริบทของท้องถิ่น 49 ในพื้นที่นวัตกรรมฯ บทบาทของศึกษานิเทศก์ได้เปลี่ยนจากการบังคับใช้มาตรฐานกลางไปสู่การสนับสนุนนวัตกรรมในพื้นที่ ทำหน้าที่เป็นหุ้นส่วนการวิจัย และช่วยบันทึกและขยายผลแนวปฏิบัติที่ประสบความสำเร็จ 14

การถอดบทเรียนจาก “โรงเรียนมีชัยพัฒนา”

กรณีศึกษาของโรงเรียนมีชัยพัฒนาแสดงให้เห็นถึงการจินตนาการนิยามและเป้าหมายของโรงเรียนขึ้นใหม่ทั้งหมด โดยโรงเรียนได้กลายเป็นศูนย์กลางการพัฒนาชุมชน และนักเรียนได้รับบทบาทสำคัญในการบริหารจัดการ 50 หลักการสำคัญคือ “การเสริมพลัง” (Empowerment) นักเรียนได้เรียนรู้ทักษะชีวิตและทักษะทางธุรกิจที่จำเป็นผ่านการบริหารจัดการกิจการต่างๆ ของโรงเรียน ตั้งแต่การจัดซื้อจัดจ้างไปจนถึงการมีส่วนร่วมในการคัดเลือกครู การเสริมพลังให้นักเรียนเช่นนี้ย่อมสะท้อนถึงวัฒนธรรมที่ต้องเสริมพลังให้ครูกล้าคิดริเริ่มและมีความเป็นเจ้าของเช่นเดียวกัน แม้ว่าทุกโรงเรียนอาจไม่สามารถลอกเลียนแบบจำลองนี้ได้ทั้งหมด แต่หลักการพื้นฐานสามารถนำไปปรับใช้ได้ ศึกษานิเทศก์สามารถชี้นำให้โรงเรียนมองหาโอกาสในการสร้างภาวะผู้นำที่แท้จริงให้กับนักเรียน และเชื่อมโยงการเรียนรู้ในห้องเรียนเข้ากับโครงงานที่ตอบสนองต่อความต้องการของชุมชน

การสังเคราะห์แนวปฏิบัติที่ดีจากโครงการนำร่อง

การวิเคราะห์โครงการปฏิรูปอื่นๆ เช่น “โรงเรียนปฏิรูปการเรียนรู้” พบว่าปัจจัยแห่งความสำเร็จที่ปรากฏร่วมกันอย่างสม่ำเสมอคือ การบริหารจัดการโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน (School-Based Management: SBM) การมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย การใช้วงจรคุณภาพ PDCA และการส่งเสริมการวิจัยเชิงปฏิบัติการในบริบทของโรงเรียนและชุมชน 51 กรณีศึกษาเหล่านี้ล้วนเน้นย้ำถึงความสำคัญของภาวะผู้นำที่เข้มแข็ง การมีส่วนร่วมของชุมชน การมุ่งเน้นการเรียนรู้ที่ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง และวัฒนธรรมแห่งการพัฒนาอย่างต่อเนื่องผ่านการทำงานร่วมกัน 32

บทเรียนจากกรณีศึกษาเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่า “ความเป็นอิสระ” เป็นเงื่อนไขที่จำเป็นแต่ยังไม่เพียงพอสำหรับนวัตกรรม โรงเรียนที่ได้รับอิสระแต่ขาดขีดความสามารถในการบริหารจัดการอาจไม่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงได้จริง 32 นี่คือจุดที่บทบาทของศึกษานิเทศก์มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด พวกเขาคือกลไกหลักในการ “สร้างขีดความสามารถ” ให้กับโรงเรียน เพื่อให้สามารถใช้อิสระที่ได้รับมาอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ แบบจำลองที่ประสบความสำเร็จทุกแห่งล้วนมีการทลายกำแพงระหว่างโรงเรียน ชุมชน และภาคส่วนอื่นๆ 32 ศึกษานิเทศก์จึงต้องพัฒนาสมรรถนะใหม่ในการเป็น “ผู้ประสานงานและเชื่อมโยงทรัพยากรในชุมชน” เพื่อช่วยให้ครูสามารถสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ที่แท้จริงและหยั่งรากในบริบทท้องถิ่นได้

ส่วนที่ 7: แผนการดำเนินงานเพื่อการปฏิรูปเชิงระบบ: ข้อเสนอแนะและภาพอนาคต

ส่วนสุดท้ายนี้จะสังเคราะห์ข้อค้นพบทั้งหมดของรายงานให้กลายเป็นแผนปฏิบัติการที่ชัดเจนในหลายระดับ

ข้อเสนอแนะเชิงปฏิบัติสำหรับศึกษานิเทศก์

ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายสำหรับกระทรวงศึกษาธิการและสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา

ภาพอนาคต: สู่วัฒนธรรมแห่งการเติบโตที่ยั่งยืนด้วยตนเอง

วิสัยทัศน์สูงสุดคือระบบนิเวศการศึกษาที่การพัฒนาอย่างต่อเนื่องและการเติบโตทางวิชาชีพไม่ได้ถูกขับเคลื่อนจากคำสั่งภายนอก แต่ได้ฝังลึกเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมการทำงานในทุกๆ วันของทุกโรงเรียน ในอนาคตดังกล่าว บทบาทของศึกษานิเทศก์จะวิวัฒนาการไปอีกขั้น จาก “สถาปนิกแห่งการเปลี่ยนแปลง” ไปสู่ “นักถักทอเครือข่ายและผู้จัดการความรู้” (Network Weaver and Knowledge Manager) ซึ่งทำหน้าที่เชื่อมโยงชุมชนการเรียนรู้ที่เข้มแข็งและยั่งยืนของแต่ละโรงเรียนเข้าด้วยกัน เพื่อแบ่งปันนวัตกรรมและรับมือกับความท้าทายทางการศึกษารุ่นต่อไป และในที่สุด ระบบการศึกษาทั้งหมดจะกลายเป็น “องค์กรแห่งการเรียนรู้” (Learning Organization) อย่างแท้จริง 21

ผลงานที่อ้างอิง

  1. ปฏิรูปการศึกษาไทย – ความล้มเหลวและความสำ เร็จ, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 19, 2025 https://www.thaihealthreport.com/file_book/innnSp.pdf
  2. ชำแหละการศึกษาไทย: การเมืองฉุดปฏิรูป ทำอันดับรั้งท้ายโลก – Policy Watch, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 19, 2025 https://policywatch.thaipbs.or.th/article/education-21
  3. รำยงำนสภำวะกำรศึกษำไทย ป 2557/2558 จะปฏิรูปกำรศึกษำไทย ให้ทันโลกในศตวรรษที่21 ได้อย ำงไร โดย – เทศบาลเมืองลำพูน, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 19, 2025  https://lamphuncity.go.th/wp-content/uploads/2020/05/ปฎิรูปการศึกษาไทย-ที่21.pdf
  4. อนาคตภาพการนิเทศการศึกษา สำหรับศึกษานิเทศก์ – ThaiJo, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 19, 2025 https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jra/article/download/261953/178610/1045492
  5. ก สภาพ ปัญหา และแนวทางการปรับปรุงการนิเทศภาย – มหาวิทยาลัยบูรพา, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 19, 2025 https://digital_collect.lib.buu.ac.th/dcms/files/57990016.pdf
  6. ศึกษานิเทศก์ ในการศึกษาไทย คืออะไร ? – ครูเชียงราย, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 19, 2025 https://www.kruchiangrai.net/2022/05/13/ศึกษานิเทศก์/
  7. โครงการศึกษานิเทศก์ดีของแผ่นดิน, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 19, 2025 https://www.thaisuprateacher.org/project/โครงการศึกษานิเทศก์ดีข/
  8. บทบาทศึกษานิเทศก์กับการส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต – บ้านเมือง, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 19, 2025 https://www.banmuang.co.th/column/politic/7042
  9. คู่มือการปฏิบัติงานรายบุคคลของศึกษานิเทศก์ – Thai Education, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 19, 2025 https://www.thaieducation.net/csystem/pdf_news/200.pdf
  10. Focus on classroom เป้าหมายคุณภาพด้านการศึกษาของ “ศึกษานิเทศก์” – YouTube, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 19, 2025 https://www.youtube.com/watch?v=_FkFIjYRVgo
  11. นวัตกรรมการนิเทศการศึกษา, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 19, 2025 https://www.nbipeo.go.th/files/663990dd89308_นวัตกรรม_การนิเทศการศึกษา_%28ศึกษานิเทศก์%29_แบบอย่างที่ดี_ปี_2566.pdf
  12. 4 เทคนิค สร้างครูเป็นโค้ช กุญแจสู่สมรรถนะ – Aksorn.com, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 19, 2025 https://www.aksorn.com/4techniques-create-teacher-as-coach
  13. กลุ่มนิเทศติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษา – ศึกษานิเทศก์ – Google Sites, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 19, 2025 https://sites.google.com/secondary11.go.th/supervisor/ศกษานเทศก
  14. “ทำ ทัน ที” การนิเทศอย่างท้าทายสู่ความสำเร็จ, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 19, 2025 https://www.edusandbox.com/17th-may-2022-do-it-now/
  15. ชวนครูสร้างพื้นที่ปลอดภัย ช่วยให้นักเรียนกล้าเสี่ยงที่ผิดพลาด แล้วเขาจะเติบโต – ignitethailand, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 19, 2025 https://www.ignitethailand.org/content/5755/ignite
  16. Health Behavior and Health Education | Part Four, Chapter Fifteen: Organizational Development Theory, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 19, 2025 https://www.med.upenn.edu/hbhe4/part4-ch15-organizational-development-theory.shtml
  17. Organization development – Wikipedia, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 19, 2025 https://en.wikipedia.org/wiki/Organization_development
  18. Managing Change in Education: Practical Strategies to Improve Change Outcomes in K–12 – RTI International, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 19, 2025 https://www.rti.org/publication/managing-change-education-practical-strategies-improve-change-outcomes-k-12/fulltext.pdf
  19. การปฏิรูปการศึกษาของประเทศไทย Educational Reform in Thailand – ThaiJo, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 19, 2025 https://li01.tci-thaijo.org/index.php/pnujr/article/view/53675/44508
  20. Organizational Change in Schools – ERIC, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 19, 2025 https://files.eric.ed.gov/fulltext/EJ1322155.pdf
  21. Strategies for Management of Change in Educational Management at Basic Education: A case of schools in Phitsanulok Wareerat Kaew – ThaiScience, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 19, 2025 https://thaiscience.info/Journals/Article/NUJ/10896597.pdf
  22. ข้อเสนอแนะประเทศไทย (2) : กรณีปฏิรูปการศึกษาไทย ตอนเหลียวหลัง ก่อนหยั่งสู่อนาคต, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 19, 2025 https://mgronline.com/daily/detail/9560000084309
  23. ปฏิรูปการศึกษาไทย เสียงผู้เรียนต้องมีความหมาย เน้นสิทธิและมีส่วนร่วม -, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 19, 2025 https://www.tcc.or.th/reform-education-act/
  24. กลยุทธ์การบริหารโรงเรียนเผื่อสร้างนวัตกรรมการจัดการเรียนรู้ – Chula Digital Collections, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 19, 2025 https://digital.car.chula.ac.th/cgi/viewcontent.cgi?article=3459&context=educujournal
  25. Academic Leadership of School Administrators Affecting Change Management in Schools Under the Secondary Educational Service Area Office Nakhon Phanom | UBRU International Journal Ubon Ratchathani Rajabhat University – thaijo.org, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 19, 2025 https://so04.tci-thaijo.org/index.php/ubruij/article/view/280040
  26. ครูไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบ ก็สอน GROWTH MINDSET เด็กๆ ได้ – The Potential, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 19, 2025 https://thepotential.org/knowledge/growth-mindset-teacher/
  27. ครูยุคใหม่กับการศึกษาสำหรับศตวรรษที่ 21: ปรับตัวอย่างไรให้ทันโลก – Starfishlabz, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 19, 2025 https://www.starfishlabz.com/blog/1935-ครูยุคใหม่กับการศึกษาสำหรับศตวรรษที่-21-ปรับตัวอย่างไรให้ทันโลก
  28. กระตุ้นให้เด็กคิดวิเคราะห์ ครูต้องเลิกถามว่า เข้าใจไหม และ ไม่รีบเฉลยคำตอบ – Aksorn.com, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 19, 2025 https://www.aksorn.com/think-critically
  29. ‘กล้าที่จะไม่สอน’ สร้างห้องเรียนที่ปราศจากความกลัว – ก่อการครู, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 19, 2025 http://korkankru.com/bualuang-areabasedapproach04/
  30. ข้อเสนอ ‘ปฏิรูปการศึกษา’ คลายปมปัญหาที่ฉุดรั้งเด็กไทย : ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ – The Potential, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 19, 2025 https://thepotential.org/social-issues/recommendations-for-education-reform/
  31. (Active Learning) – สพฐ, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 19, 2025 https://academic.obec.go.th/images/document/1603180137_d_1.pdf
  32. โรงเรียน Sandbox ผลลัพธ์ความร่วมมือคนในพื้นที่ รัฐ เอกชน สู่ ร.ร. ดีใกล้บ้าน – TDRI, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 19, 2025 https://tdri.or.th/2021/03/education-sandbox-event-visualnote/
  33. PLC ไม่ใช่แค่การประชุม แต่คือ ‘วิถีของโรงเรียน’ – Starfishlabz, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 19, 2025 https://www.starfishlabz.com/blog/837-plc-ไม่ใช่แค่การประชุม-แต่คือ-ว-ถ-ของโรงเร-ยน
  34. การสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้วิชาชีพ (PLC) จากกา – thaijo.org, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 19, 2025 https://so04.tci-thaijo.org/index.php/neuarj/article/download/248309/174003/
  35. เจาะลึกทีละขั้นตอน PLC ทำตามได้ไม่ยาก! – Learn Education, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 19, 2025  https://www.learneducation.co.th/เจาะลึกทีละขั้นตอน-plc-ทำต/
  36. เอกสาร “แนวทางการขับเคลื่อนกระบวนการ PLC (Professional Learning Community), เข้าถึงเมื่อ กันยายน 19, 2025 https://www.smart.nongkhai2.go.th/wp-content/uploads/2019/07/plc-อรอุมา.pdf
  37. การส่งเสริมกระบวนการ PLC ให้มีประสิทธิผล – หอสมุดคุรุสภา, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 19, 2025 https://elibrary.ksp.or.th/index.php?lvl=cmspage&pageid=4&id_article=281
  38. แชร์แนวคิดศึกษานิเทศก์ยุคใหม่ คิดอย่างไรถึงก้าวทันโลก? – Starfishlabz, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 19, 2025 https://www.starfishlabz.com/blog/1339-แชร์แนวคิดศึกษานิเทศก์ยุคใหม่-ค-ดอย-างไรถ-งก-าวท-นโลก
  39. แนวทางพัฒนาครูยุคใหม่ สร้างครูที่พร้อมนำนวัตกรรมมาใช้ – Break Through Providence, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 19, 2025 https://breakthroughprovidence.org/education/แนวทางพัฒนาครูยุคใหม่-ส/
  40. Digital Learning: การเรียนรู้ในยุคดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงอนาคตของการศึกษา, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 19, 2025 https://codegeniusacademy.com/digital-learning/
  41. การศึกษาการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการจัดการเรียนรู้ของครูในสถานศึกษา สังกัด – มหาวิทยาลัยนเรศวร, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 19, 2025 https://nuir.lib.nu.ac.th/dspace/bitstream/123456789/6379/3/RattanawadeeTingtrong.pdf
  42. การใช้เทคโนโลยีทางการศึกษา – ศูนย์ สารสนเทศ และ นวัตกรรม ดิจิทัล, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 19, 2025  https://info-center.neu.ac.th/การใช้เทคโนโลยีทางการศ/
  43. ความสำเร็จของโรงเรียนนำร่องการพัฒนาทักษะ, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 19, 2025  https://www.thaihealth.or.th/ความสำเร็จของโรงเรียนน/
  44. T-Shaped Skills: Transforming Organizations for the Future – Nestor, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 19, 2025 https://nestorup.com/blog/t-shaped-skills/
  45. What Does it Mean to be a T-Shaped Employee? – High Speed Training, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 19, 2025 https://www.highspeedtraining.co.uk/hub/t-shaped-employee/
  46. T-Shaped Skills in Agile Explained (With Examples) – Dee Project Manager, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 19, 2025 https://deeprojectmanager.com/t-shaped-skills-in-agile/
  47. แนวทางการจัดทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 19, 2025 https://ops.moe.go.th/wp-content/uploads/2023/05/1.-แนวทางการจัดทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่-21.pdf
  48. ครูยุคใหม่คือ มืออาชีพ กระตือรือร้น+มีความสามารถรอบด้าน – SD PERSPECTIVES, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 19, 2025 https://www.sdperspectives.com/alternative/23027-the-role-of-teachers-in-the-21st-century/
  49. ยกระดับการศึกษาไทย สู่ความเป็นสากล | คุยกันวันใหม่ – YouTube, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 19, 2025 https://www.youtube.com/watch?v=xYpwdCWotEw
  50. ‘สาม’ หัวดีกว่าหัวเดียว: นวัตกรรมการศึกษาของรัฐ ทุน และชุมชน | กสศ., เข้าถึงเมื่อ กันยายน 19, 2025 https://www.eef.or.th/educational-cooperation/
  51. ∫—π∑÷°ª√– ∫°“√≥å – ONEC Backoffice for Administrator, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 19, 2025 http://backoffice.onec.go.th/uploads/Book/337-file.pdf
  52. The Learning Organization Development Guidelines of School Administrators Under Primary Education Service Area Office 1 | Interdisciplinary Academic and Research Journal – ThaiJO, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 19, 2025 https://so03.tci-thaijo.org/index.php/IARJ/article/view/264236

Comments

comments

Powered by Facebook Comments

Exit mobile version