Site icon Digital Learning Classroom

TPACK Model และการประยุกต์ใช้เพื่อการจัดการเรียนรู้เชิงรุก

แชร์เรื่องนี้

TPACK Model และการประยุกต์ใช้เพื่อการจัดการเรียนรู้เชิงรุก

คำจำกัดความหลัก (Core Definition)

“TPACK Model คือ กรอบแนวคิดที่แสดงความสัมพันธ์ของความรู้ 3 ด้าน ได้แก่ ความรู้ด้านเนื้อหา (Content Knowledge) ความรู้ด้านวิธีการสอน (Pedagogical Knowledge) และความรู้ด้านเทคโนโลยี (Technological Knowledge) ที่บูรณาการเข้าด้วยกันเพื่อการจัดการเรียนการสอนอย่างมีประสิทธิภาพในยุคดิจิทัล”

คำจำกัดความเชิงทฤษฎี (Theoretical Definition)

“TPACK Model เป็นกรอบความคิดทางทฤษฎีที่พัฒนาโดย Mishra และ Koehler (2006) ต่อยอดจากแนวคิด PCK ของ Shulman เพื่ออธิบายความสัมพันธ์เชิงซ้อนระหว่างองค์ความรู้หลัก 3 ด้าน ที่จำเป็นสำหรับครูในการจัดการเรียนการสอนที่ใช้เทคโนโลยีอย่างมีประสิทธิภาพ”

คำจำกัดความเชิงปฏิบัติ (Operational Definition)


“TPACK Model คือ แนวทางในการพัฒนาสมรรถนะครูที่เน้นการบูรณาการความรู้ 3 ด้าน โดยครูต้องสามารถ

1. เข้าใจเนื้อหาวิชาอย่างลึกซึ้ง
2. เลือกใช้วิธีการสอนที่เหมาะสม
3. ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนการเรียนรู้
4. ผสานความรู้ทั้ง 3 ด้านในการออกแบบและจัดการเรียนการสอน”

คำจำกัดความเชิงระบบ (Systematic Definition)

“TPACK Model เป็นระบบความสัมพันธ์ของความรู้ที่ประกอบด้วย

1. องค์ประกอบหลัก 3 ด้าน (CK, PK, TK)
2. ความรู้ที่เกิดจากการผสานองค์ประกอบ (PCK, TCK, TPK)
3. ความรู้ที่เกิดจากการบูรณาการทั้งหมด (TPACK)
4. บริบทเฉพาะที่ส่งผลต่อการจัดการเรียนการสอน”

คำจำกัดความเชิงพัฒนาการ (Developmental Definition)

“TPACK Model คือ กระบวนการพัฒนาความสามารถของครูที่เกิดจากการบูรณาการความรู้ด้านเนื้อหา วิธีการสอน และเทคโนโลยี ผ่านการฝึกฝน สะท้อนคิด และปรับปรุงการปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับคุณภาพการจัดการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับบริบทที่เปลี่ยนแปลง”

 

TPACK Model และการประยุกต์ใช้เพื่อการจัดการเรียนรู้เชิงรุก จึงสามารถสรุปได้ว่า

TPACK (Technological Pedagogical Content Knowledge) Model เป็นกรอบแนวคิดที่พัฒนาโดย Koehler และ Mishra เพื่อแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างองค์ประกอบสำคัญ 3 ด้านในการจัดการเรียนการสอน ประกอบไปด้วย

1. ความรู้ด้านเนื้อหา (Content Knowledge – CK)

– ความเข้าใจในเนื้อหาวิชาที่สอน
– หลักการและทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
– การเชื่อมโยงความรู้

2. ความรู้ด้านวิธีการสอน (Pedagogical Knowledge – PK)

– กลยุทธ์การสอน
– การจัดการชั้นเรียน
– การประเมินผล

3. ความรู้ด้านเทคโนโลยี (Technological Knowledge – TK)

– การใช้เครื่องมือดิจิทัล
– แอปพลิเคชัน
– สื่อการสอนที่ทันสมัย

การบูรณาการทั้ง 3 องค์ประกอบเข้าด้วยกันจะเกิดเป็นความรู้ที่ทับซ้อนกัน

– TPK (Technological Pedagogical Knowledge): การใช้เทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนวิธีการสอน
– TCK (Technological Content Knowledge): การใช้เทคโนโลยีในการนำเสนอเนื้อหา
– PCK (Pedagogical Content Knowledge): การเลือกวิธีสอนที่เหมาะกับเนื้อหา

การประยุกต์ใช้ TPACK เพื่อการเรียนรู้เชิงรุก สามารถทำได้ดังนี้

1. วิเคราะห์บริบท

– ธรรมชาติของเนื้อหาวิชา
– ระดับผู้เรียน
– ทรัพยากรที่มี

2. ออกแบบกิจกรรม

– เลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสม
– สร้างกิจกรรมที่ผู้เรียนมีส่วนร่วม
– กำหนดบทบาทผู้สอนและผู้เรียน

3. ดำเนินการสอน

– จัดสภาพแวดล้อมการเรียนรู้
– สนับสนุนการมีปฏิสัมพันธ์
– ให้ข้อมูลย้อนกลับ

หลักการพื้นฐานของ TPACK Model

มีดังนี้

1. หลักการบูรณาการความรู้ (Knowledge Integration)

– ความรู้แต่ละด้านไม่สามารถแยกจากกันโดยสิ้นเชิง
– ต้องผสมผสานความรู้ทั้ง 3 ด้านอย่างสมดุล
– การบูรณาการต้องคำนึงถึงบริบทเฉพาะ

2. หลักการพลวัต (Dynamic Nature)

– ความรู้แต่ละด้านมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
– ต้องปรับตัวตามการพัฒนาของเทคโนโลยี
– ความสัมพันธ์ระหว่างองค์ประกอบไม่คงที่

3. หลักการเฉพาะบริบท (Context-Specific)

– การประยุกต์ใช้ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม
– ต้องพิจารณาปัจจัยทางสังคมและวัฒนธรรม
– ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว

องค์ประกอบสำคัญที่ต้องพิจารณา

1. ความรู้ด้านเนื้อหา (CK)

– โครงสร้างของความรู้ในสาขาวิชา
– แนวคิดหลักและทฤษฎี
– ความเชื่อมโยงระหว่างหัวข้อ

2. ความรู้ด้านวิธีสอน (PK)

– ทฤษฎีการเรียนรู้
– เทคนิคการจัดการชั้นเรียน
– วิธีการประเมินผล

3. ความรู้ด้านเทคโนโลยี (TK)

– ความเข้าใจเครื่องมือดิจิทัล
– ทักษะการใช้เทคโนโลยี
– การติดตามความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยี

ความสัมพันธ์ระหว่างองค์ประกอบ

1. PCK (Pedagogical Content Knowledge)

– การปรับวิธีสอนให้เหมาะกับเนื้อหา
– การคาดการณ์ความเข้าใจผิดของผู้เรียน
– การเลือกตัวอย่างและการอธิบาย

2. TCK (Technological Content Knowledge)

– การใช้เทคโนโลยีนำเสนอเนื้อหา
– การเลือกสื่อที่เหมาะสม
– การสร้างสื่อการสอน

3. TPK (Technological Pedagogical Knowledge)

– การใช้เทคโนโลยีสนับสนุนการสอน
– การจัดการเรียนรู้ออนไลน์
– การประเมินผลด้วยเทคโนโลยี

การพัฒนา TPACK

1. การฝึกอบรม

– การเรียนรู้ตลอดชีวิต
– การแลกเปลี่ยนประสบการณ์
– การทดลองใช้นวัตกรรม

2. การสะท้อนคิด

– วิเคราะห์การปฏิบัติ
– ประเมินผลลัพธ์
– ปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง

3. การสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้

– แบ่งปันความรู้
– ร่วมมือพัฒนาสื่อ
– แก้ปัญหาร่วมกัน

เหตุผลสำคัญที่ผู้สอนควรใช้ TPACK Model ในการออกแบบการจัดการเรียนรู้เชิงรุก 

1. ด้านการออกแบบการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ

– ช่วยให้ผู้สอนวิเคราะห์และเชื่อมโยงองค์ประกอบการสอนอย่างเป็นระบบ
– สร้างความสมดุลระหว่างเนื้อหา วิธีสอน และเทคโนโลยี
– ออกแบบกิจกรรมที่ตอบสนองการเรียนรู้เชิงรุกได้อย่างเหมาะสม

2. ด้านการพัฒนาผู้เรียน

– สนับสนุนการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองของผู้เรียน
– กระตุ้นการคิดขั้นสูงผ่านการใช้เทคโนโลยี
– เพิ่มแรงจูงใจและการมีส่วนร่วมในการเรียน

3. ด้านการใช้เทคโนโลยีอย่างมีความหมาย

– เลือกใช้เทคโนโลยีที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์การเรียนรู้
– บูรณาการเทคโนโลยีเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้เชิงรุก
– สร้างประสบการณ์การเรียนรู้ที่สอดคล้องกับยุคดิจิทัล

4. ด้านการจัดการเรียนการสอนที่ยืดหยุ่น

– ปรับเปลี่ยนวิธีการสอนตามบริบทและความต้องการของผู้เรียน
– รองรับรูปแบบการเรียนรู้ที่หลากหลาย
– ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี

5. ด้านการพัฒนาวิชาชีพครู

– สร้างความเข้าใจในการบูรณาการความรู้ด้านต่างๆ
– พัฒนาสมรรถนะการสอนในยุคดิจิทัล
– ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตของผู้สอน

6. ด้านการประเมินผลที่มีประสิทธิภาพ

– ออกแบบการประเมินที่สอดคล้องกับการเรียนรู้เชิงรุก
– ใช้เทคโนโลยีในการติดตามความก้าวหน้า
– สะท้อนผลการเรียนรู้อย่างเป็นระบบ

7. ด้านการสร้างนวัตกรรมการเรียนรู้

– พัฒนารูปแบบการสอนใหม่ๆ
– สร้างสรรค์สื่อและกิจกรรมที่น่าสนใจ
– ต่อยอดแนวคิดการสอนแบบดั้งเดิม

8. ด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการสอน

– ลดความซ้ำซ้อนในการทำงาน
– ประหยัดเวลาในการเตรียมการสอน
– เพิ่มผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน

9. ด้านการสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้

– แลกเปลี่ยนประสบการณ์กับเพื่อนครู
– พัฒนาการสอนร่วมกัน
– สร้างเครือข่ายการเรียนรู้

10. ด้านการรองรับการเปลี่ยนแปลง

– เตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางการศึกษา
– ปรับตัวกับความต้องการของสังคม
– พัฒนาทักษะที่จำเป็นในอนาคต

ประโยชน์เพิ่มเติมในการนำไปใช้

1. เพิ่มความมั่นใจในการสอน
2. สร้างบรรยากาศการเรียนรู้ที่สนุกสนาน
3. พัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างผู้สอนและผู้เรียน
4. ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต
5. สร้างโอกาสในการพัฒนาวิชาชีพ

แนวทางการสอน ด้วยTPACK Model สู่ง กลยุทธ์ Active Learning โดยใช้Problem-Based Learning

 

ขั้นตอน PBLกิจกรรมการเรียนรู้เทคโนโลยีที่ใช้ (TK)วิธีการสอน (PK)การจัดการเนื้อหา (CK)
1. เตรียมความพร้อม– ปฐมนิเทศการใช้เทคโนโลยี
– แนะนำกระบวนการ PBL
– สร้างกลุ่มเรียนรู้
– Google Classroom
– Zoom
– Microsoft Teams
– การสาธิต
– การอธิบาย
– การฝึกปฏิบัติ
– โครงสร้างรายวิชา
– ขอบเขตเนื้อหา
– วัตถุประสงค์การเรียนรู้
2. นำเสนอปัญหา– นำเสนอสถานการณ์
– วิเคราะห์ปัญหา
– กำหนดประเด็น
– Padlet
– Mentimeter
– Miro
– การตั้งคำถาม
– การอภิปราย
– การระดมสมอง
– สถานการณ์ปัญหา
– กรณีศึกษา
– ข้อมูลพื้นฐาน
3. วางแผนแก้ปัญหา– แบ่งกลุ่มศึกษา
– วางแผนงาน
– แบ่งหน้าที่
– Trello
– Google Docs
– MS Planner
– การทำงานกลุ่ม
– การวางแผน
– การมอบหมายงาน
– แหล่งข้อมูล
– เครื่องมือวิจัย
– กรอบการศึกษา
4. ดำเนินการแก้ปัญหา– ค้นคว้าข้อมูล
– ทดลองแก้ปัญหา
– บันทึกผล
– Google Drive
– Wakelet
– Evernote
– การศึกษาค้นคว้า
– การทดลอง
– การบันทึก
– เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
– ทฤษฎีที่ใช้
– วิธีการแก้ปัญหา
5. นำเสนอผลงาน– สรุปวิธีแก้ปัญหา
– นำเสนอผลงาน
– แลกเปลี่ยนเรียนรู้
– Canva
– Flipgrid
– Google Sites
– การนำเสนอ
– การอภิปราย
– การสะท้อนคิด
– ผลการศึกษา
– ข้อค้นพบ
– การประยุกต์ใช้

การประเมินผล

ประเภทการประเมินเครื่องมือที่ใช้วิธีการประเมินสิ่งที่ประเมิน
ระหว่างเรียน– Google Forms
– Rubric ออนไลน์
– ClassDojo
– สังเกต
– ตรวจผลงาน
– ประเมินพฤติกรรม
– การมีส่วนร่วม
– การทำงานกลุ่ม
– ความก้าวหน้า
ผลงาน– Portfolio ดิจิทัล
– แบบประเมินออนไลน์
– Peer Assessment
– ประเมินผลงาน
– ประเมินการนำเสนอ
– ประเมินตนเอง
– คุณภาพผลงาน
– การนำเสนอ
– การใช้เทคโนโลยี

ตารางแสดงการบูรณาการ TCK PCK TPK และกิจกรรม

การบูรณาการลักษณะการผสานความรู้กิจกรรมการเรียนรู้ตัวอย่างการประยุกต์ใช้
TCK (เทคโนโลยี + เนื้อหา)– การใช้เทคโนโลยีนำเสนอเนื้อหา
– การจัดการเนื้อหาด้วยเทคโนโลยี
– การสร้างสื่อดิจิทัล
1. การสร้างสื่อมัลติมีเดีย
– Infographic เนื้อหา
– วิดีโอสรุปความรู้
– แผนผังความคิดดิจิทัล
2. การจัดทำฐานข้อมูล
– รวบรวมเอกสาร
– จัดหมวดหมู่ความรู้
– สร้างคลังข้อมูล
– ใช้ Canva สร้าง Infographic
– ใช้ Powtoon สร้างวิดีโอ
– ใช้ MindMeister สร้างแผนผัง
– ใช้ Google Drive จัดการเอกสาร
PCK (วิธีสอน + เนื้อหา)– การปรับเนื้อหาให้เหมาะกับผู้เรียน
– การเลือกวิธีสอนที่เหมาะกับเนื้อหา
– การจัดลำดับการสอน
1. การวิเคราะห์เนื้อหา
– แยกประเด็นสำคัญ
– จัดลำดับความยาก
– เชื่อมโยงความรู้
2. การออกแบบกิจกรรม
– กำหนดขั้นตอน
– สร้างใบงาน
– ออกแบบการประเมิน
– ใช้กรณีศึกษาจริง
– จัดทำแผนผังมโนทัศน์
– สร้างสถานการณ์จำลอง
– ออกแบบโครงงาน
TPK (เทคโนโลยี + วิธีสอน)– การใช้เทคโนโลยีสนับสนุนการสอน
– การจัดการชั้นเรียนออนไลน์
– การประเมินผลด้วยเทคโนโลยี
1. การจัดการเรียนออนไลน์
– สร้างห้องเรียนเสมือน
– จัดกิจกรรมกลุ่ม
– มอบหมายงาน
2. การติดตามผู้เรียน
– ตรวจสอบความก้าวหน้า
– ให้ข้อมูลย้อนกลับ
– ประเมินผลงาน
– ใช้ Zoom จัดการเรียน
– ใช้ Padlet ระดมความคิด
– ใช้ Kahoot! ทดสอบ
– ใช้ Google Classroom บริหารชั้นเรียน

ตารางการบูรณาการในแต่ละขั้นตอน PBL

ขั้นตอน PBLTCKPCKTPK
1. เตรียมความพร้อม– จัดทำคู่มือออนไลน์
– สร้างวิดีโอแนะนำ
– วิเคราะห์พื้นฐานผู้เรียน
– ปรับเนื้อหาเบื้องต้น
– แนะนำการใช้เครื่องมือ
– สร้างช่องทางสื่อสาร
2. นำเสนอปัญหา– สร้างสื่อมัลติมีเดีย
– จัดทำกรณีศึกษา
– ออกแบบสถานการณ์
– เตรียมคำถามกระตุ้น
– ใช้เครื่องมือนำเสนอ
– จัดกิจกรรมออนไลน์
3. วางแผนแก้ปัญหา– รวบรวมแหล่งข้อมูล
– สร้างฐานข้อมูล
– แนะนำวิธีวางแผน
– กำหนดเป้าหมาย
– ใช้เครื่องมือวางแผน
– ติดตามความก้าวหน้า
4. ดำเนินการ– จัดทำเครื่องมือเก็บข้อมูล
– สร้างแบบบันทึก
– ให้คำแนะนำการทำงาน
– สนับสนุนการเรียนรู้
– ใช้เครื่องมือรวบรวมข้อมูล
– แลกเปลี่ยนความคิด
5. นำเสนอผลงาน– สร้างสื่อนำเสนอ
– จัดทำ Portfolio
– ให้คำแนะนำการนำเสนอ
– ประเมินผลงาน
– ใช้แพลตฟอร์มนำเสนอ
– แลกเปลี่ยนเรียนรู้

ตัวอย่างแผนการจัดการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 2
เรื่อง: ระบบนิเวศในท้องถิ่น (1 ชั่วโมง)

1. ขั้นเตรียมความพร้อม (5 นาที)

– กิจกรรมผู้เรียน

* เข้าชั้นเรียนออนไลน์ผ่าน Google Meet
* ตอบคำถามสั้นๆ ผ่าน Mentimeter เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตในท้องถิ่น
* แบ่งกลุ่มผ่าน Breakout Rooms

2. ขั้นนำเสนอปัญหา (10 นาที)

– กิจกรรมผู้เรียน

* ดูวิดีโอสั้นเกี่ยวกับปัญหาระบบนิเวศในท้องถิ่น
* ร่วมระดมความคิดผ่าน Padlet

– ระบุปัญหาที่พบ
– ผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิต
– ความเชื่อมโยงในระบบนิเวศ

3. ขั้นวางแผนแก้ปัญหา (15 นาที)

– กิจกรรมผู้เรียน

* แต่ละกลุ่มใช้ Miro วางแผนการศึกษา:

– กำหนดหัวข้อย่อย
– แบ่งหน้าที่สมาชิก
– วางแผนเก็บข้อมูล

* นำเสนอแผนสั้นๆ ให้เพื่อนแสดงความคิดเห็น

4. ขั้นดำเนินการแก้ปัญหา (20 นาที)

– กิจกรรมผู้เรียน

* ค้นคว้าข้อมูลจากแหล่งที่กำหนด
* บันทึกข้อมูลใน Google Docs ร่วมกัน
* ปรึกษาครูผ่าน Chat เมื่อมีคำถาม
* รวบรวมข้อมูลเพื่อสรุปแนวทางแก้ไข

5. ขั้นนำเสนอผลงาน (10 นาที)

– กิจกรรมผู้เรียน

* สร้าง Mind Map ด้วย Canva
* นำเสนอแนวทางแก้ไขปัญหา
* รับฟังและให้ข้อเสนอแนะกลุ่มอื่น
* สรุปแนวทางที่เป็นไปได้

การใช้ TPACK Model

1. ด้านเนื้อหา (CK)

– ความรู้เรื่องระบบนิเวศ
– ความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิต
– ปัจจัยทางกายภาพและชีวภาพ
– การอนุรักษ์ระบบนิเวศ

2. ด้านวิธีการสอน (PK)

– Problem-Based Learning
– Group Discussion
– Inquiry-Based Learning
– Collaborative Learning

3. ด้านเทคโนโลยี (TK)

– Google Meet
– Mentimeter
– Padlet
– Miro
– Canva

การบูรณาการ

1. TCK

– ใช้วิดีโอแสดงระบบนิเวศ
– ใช้แผนที่ดิจิทัลศึกษาพื้นที่
– ใช้แอพวิเคราะห์ข้อมูล

2. PCK

– เชื่อมโยงความรู้กับท้องถิ่น
– ใช้ตัวอย่างที่พบเห็น
– แนะนำวิธีสังเกตธรรมชาติ

3. TPK

– ใช้เทคโนโลยีกระตุ้นการมีส่วนร่วม
– จัดการเรียนรู้แบบร่วมมือออนไลน์
– ประเมินผลแบบ Real-time

การประเมินผล

1. สังเกตการมีส่วนร่วม
2. ตรวจสอบผลงานกลุ่ม
3. ประเมินการนำเสนอ
4. ทดสอบความเข้าใจผ่าน Quiz

ผลที่คาดว่าจะได้รับ

1. เข้าใจระบบนิเวศท้องถิ่น
2. พัฒนาทักษะการแก้ปัญหา
3. ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้
4. ใช้เทคโนโลยีอย่างมีประสิทธิภาพ

 

ตัวอย่างตารางแสดงแผนการจัดการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ม.2

เรื่อง: ระบบนิเวศในท้องถิ่น (1 ชั่วโมง)

เวลาขั้นตอนกิจกรรมผู้เรียนการบูรณาการ TPACKเทคโนโลยีที่ใช้การประเมินผล
5 นาทีขั้นเตรียมความพร้อม– เข้าชั้นเรียนออนไลน์
– ตอบคำถามสั้นเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตในท้องถิ่น
– แบ่งกลุ่ม
TCK: ใช้คำถามกระตุ้นความรู้เดิม
PCK: เชื่อมโยงกับประสบการณ์
TPK: จัดกลุ่มออนไลน์
– Google Meet
– Mentimeter
– Breakout Rooms
– การเข้าชั้นเรียน
– การมีส่วนร่วม
10 นาทีขั้นนำเสนอปัญหา– ดูวิดีโอปัญหาระบบนิเวศ
– ระดมความคิดระบุปัญหา
– วิเคราะห์ผลกระทบ
TCK: ใช้วิดีโอนำเสนอสถานการณ์
PCK: ตั้งคำถามกระตุ้นคิด
TPK: ใช้เครื่องมือระดมความคิด
– YouTube
– Padlet
– คุณภาพการวิเคราะห์
– การแสดงความคิดเห็น
15 นาทีขั้นวางแผนแก้ปัญหา– วางแผนการศึกษา
– แบ่งหน้าที่
– นำเสนอแผน
TCK: ใช้เครื่องมือวางแผน
PCK: แนะนำวิธีวางแผน
TPK: ร่วมมือออนไลน์
– Miro
– Google Docs
– แผนการทำงาน
– การแบ่งหน้าที่
20 นาทีขั้นดำเนินการ– ค้นคว้าข้อมูล
– บันทึกข้อมูลร่วมกัน
– สรุปแนวทางแก้ไข
TCK: ใช้แหล่งข้อมูลออนไลน์
PCK: แนะนำการสืบค้น
TPK: ทำงานร่วมกันออนไลน์
– Google Docs
– Chat
– คุณภาพข้อมูล
– การทำงานกลุ่ม
10 นาทีขั้นนำเสนอผลงาน– สร้าง Mind Map
– นำเสนอแนวทางแก้ไข
– แลกเปลี่ยนความคิดเห็น
TCK: ใช้เครื่องมือนำเสนอ
PCK: แนะนำการนำเสนอ
TPK: แลกเปลี่ยนเรียนรู้ออนไลน์
– Canva
– Google Meet
– ผลงาน
– การนำเสนอ

ตารางการประเมินผล

ประเด็นการประเมินเครื่องมือเกณฑ์การประเมินสัดส่วนคะแนน
การมีส่วนร่วมแบบสังเกตพฤติกรรม– การแสดงความคิดเห็น
– การทำงานกลุ่ม
– การใช้เทคโนโลยี
30%
ผลงานกลุ่มRubric– ความถูกต้องของเนื้อหา
– ความคิดสร้างสรรค์
– การบูรณาการความรู้
40%
การนำเสนอแบบประเมินการนำเสนอ– ความชัดเจน
– การใช้สื่อ
– การตอบคำถาม
30%

สื่อและแหล่งเรียนรู้

ประเภทรายการวัตถุประสงค์
สื่อดิจิทัล– วิดีโอระบบนิเวศ
– ภาพถ่ายท้องถิ่น
– แผนที่ดิจิทัล
– สร้างความเข้าใจ
– เชื่อมโยงกับท้องถิ่น
เครื่องมือออนไลน์– Google Workspace
– Mentimeter
– Padlet
– Miro
– Canva
– สนับสนุนการเรียนรู้
– ส่งเสริมการมีส่วนร่วม
แหล่งข้อมูล– เว็บไซต์อ้างอิง
– ฐานข้อมูลท้องถิ่น
– สืบค้นข้อมูล
– อ้างอิงทางวิชาการ

สรุปหลักการสำคัญในการใช้ TPACK ร่วมกับ Project-Based Learning

องค์ประกอบหลักการสำคัญการบูรณาการ TPACKการประยุกต์ใช้ใน PBL
1. หลักการพื้นฐาน– การบูรณาการความรู้
– การเรียนรู้ผ่านโครงงาน
– การเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
CK: เนื้อหาที่เหมาะสม
PK: วิธีสอนแบบโครงงาน
TK: เทคโนโลยีสนับสนุน
– กำหนดโจทย์โครงงาน
– ออกแบบกิจกรรม
– เลือกใช้เทคโนโลยี
2. การออกแบบการเรียนรู้– วิเคราะห์บริบท
– กำหนดเป้าหมาย
– วางแผนกิจกรรม
TCK: สื่อการสอนดิจิทัล
PCK: ปรับเนื้อหาเหมาะสม
TPK: เครื่องมือสนับสนุน
– วิเคราะห์ความต้องการ
– กำหนดผลลัพธ์
– สร้างแผนดำเนินงาน
3. กระบวนการเรียนรู้– เตรียมความพร้อม
– ดำเนินกิจกรรม
– ประเมินผล
TPACK: บูรณาการครบด้าน
– เนื้อหาถูกต้อง
– กิจกรรมเหมาะสม
– เทคโนโลยีสนับสนุน
– จัดกิจกรรมตามแผน
– สนับสนุนการเรียนรู้
– ติดตามความก้าวหน้า
4. บทบาทผู้สอน– อำนวยความสะดวก
– ให้คำแนะนำ
– สนับสนุนการเรียนรู้
– ออกแบบการสอน
– เลือกใช้เทคโนโลยี
– ประเมินผล
– ให้คำปรึกษา
– แก้ไขปัญหา
– ให้ข้อมูลย้อนกลับ
5. การประเมินผล– ประเมินตามสภาพจริง
– ใช้เครื่องมือหลากหลาย
– ให้ข้อมูลย้อนกลับ
– ประเมินความรู้
– ประเมินทักษะ
– ประเมินผลงาน
– Rubrics
– Portfolio
– การนำเสนอ

ตารางการบูรณาการเทคโนโลยีในขั้นตอน PBL

ขั้นตอน PBLการบูรณาการ TPACKเทคโนโลยีที่ใช้ผลลัพธ์การเรียนรู้
1. กำหนดปัญหา/โจทย์TCK: นำเสนอสถานการณ์
PCK: ออกแบบโจทย์
TPK: สื่อสารออนไลน์
– Video Conference
– Padlet
– Mind Mapping Tools
– เข้าใจโจทย์
– วิเคราะห์ปัญหา
– วางแผนงาน
2. ค้นคว้าและรวบรวมข้อมูลTCK: แหล่งข้อมูลออนไลน์
PCK: แนะนำการสืบค้น
TPK: เครื่องมือรวบรวมข้อมูล
– Google Scholar
– Wakelet
– Google Drive
– ทักษะการค้นคว้า
– การจัดการข้อมูล
– การวิเคราะห์
3. ดำเนินโครงงานTCK: เครื่องมือสร้างงาน
PCK: สนับสนุนการเรียนรู้
TPK: ทำงานร่วมกัน
– Project Management Tools
– Collaboration Platforms
– Creation Tools
– ทักษะการทำงาน
– การแก้ปัญหา
– การสร้างสรรค์
4. นำเสนอผลงานTCK: สื่อนำเสนอ
PCK: เทคนิคนำเสนอ
TPK: แพลตฟอร์มนำเสนอ
– Presentation Tools
– Video Creation
– Website Builders
– การสื่อสาร
– การนำเสนอ
– การประเมิน

ตารางปัจจัยความสำเร็จ

ด้านปัจจัยสำคัญการสนับสนุนการพัฒนา
การเตรียมการ– วางแผนรอบคอบ
– เตรียมทรัพยากร
– พัฒนาทักษะ
– สนับสนุนทางวิชาการ
– จัดเตรียมเทคโนโลยี
– อบรมผู้เกี่ยวข้อง
– ปรับปรุงแผน
– พัฒนาสื่อ
– เพิ่มพูนทักษะ
การดำเนินการ– ติดตามต่อเนื่อง
– แก้ปัญหาทันที
– ปรับเปลี่ยนยืดหยุ่น
– ให้คำปรึกษา
– สนับสนุนทางเทคนิค
– อำนวยความสะดวก
– ปรับปรุงกระบวนการ
– พัฒนาเครื่องมือ
– สร้างนวัตกรรม
การประเมินผล– หลากหลายวิธี
– ต่อเนื่อง
– ให้ข้อมูลย้อนกลับ
– พัฒนาเครื่องมือ
– รวบรวมข้อมูล
– วิเคราะห์ผล
– ปรับปรุงการประเมิน
– พัฒนาเกณฑ์
– สร้างมาตรฐาน

Comments

comments

Powered by Facebook Comments

Exit mobile version