สถาปัตยกรรมของรูปแบบการสอน: การถอดรหัสโมเดลการเรียนรู้สู่การปฏิบัติในห้องเรียน
ดร.อนุศร หงษ์ขุนทด
ศึกษานิเทศก์ วิทยฐานะศึกษานิเทศก์เชี่ยวชาญ สพม.นครราชสีมา
Musicmankob@gmail.com 1 ตุลาคม 2568
__________________________________
ส่วนที่ 1: รากฐานและองค์ประกอบเชิงวิชาการของ “รูปแบบการสอน”
บทนำ: จากแนวคิดสู่ห้องเรียน: นิยาม “รูปแบบการสอน” ในฐานะนวัตกรรมทางการวิจัย (R&D)
ในวงการศึกษา คำว่า “รูปแบบการสอน” (Instructional Model) มักถูกใช้สลับกับ “เทคนิคการสอน” หรือ “วิธีการสอน” อย่างไรก็ตาม ในบริบททางวิชาการและการวิจัย รูปแบบการสอนมีความหมายที่ลึกซึ้งและเป็นระบบมากกว่านั้น รูปแบบการสอนไม่ได้เป็นเพียง “เทคนิค” ที่ครูเลือกใช้ตามสถานการณ์ แต่เป็น “นวัตกรรม” หรือ “ผลิตภัณฑ์” (Product) ที่ถูกสร้างขึ้นอย่างจงใจผ่านกระบวนการวิจัยและพัฒนา (Research and Development หรือ R&D) 1
กระบวนการวิจัยและพัฒนา (R&D) ในทางการศึกษา หมายถึง การสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์หรือนวัตกรรม (เช่น รูปแบบการสอน, ชุดกิจกรรม, สื่อการเรียนรู้) โดยอาศัยกระบวนการวิจัยเป็นฐาน มีการดำเนินการประเมินผลตัวผลิตภัณฑ์อย่างเป็นระบบเพื่อตรวจสอบคุณภาพและประสิทธิภาพก่อนที่จะนำไปเผยแพร่หรือใช้งานจริง 1 ในทางกลับกัน การออกแบบการเรียนการสอน (Instructional Design – ID) คือ “กระบวนการ” (Process) ในการวางแผนอย่างเป็นระบบ โดยนำหลักการเรียนรู้ (Learning Principles) และหลักการสอน (Instruction Principles) มาใช้เพื่อแก้ไขปัญหาหรือเพิ่มประสิทธิภาพของผู้เรียน 2
ดังนั้น “รูปแบบการสอน” ที่มีคุณภาพและเกิดจากการวิจัย จึงเป็น ผลลัพธ์ (Output) หรือ “ผลิตภัณฑ์” ที่ตกผลึกมาจากกระบวนการ ID และ R&D ที่เข้มข้น การที่รูปแบบการสอนนั้นสามารถ “นำไปใช้ซ้ำได้” (Reproducible) และคาดหวังผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงกันได้ ก็เพราะมันมี “สถาปัตยกรรม” หรือองค์ประกอบภายในที่ถูกกำหนดคุณลักษณะเฉพาะ (Specifications) ไว้อย่างชัดเจน และผ่านการตรวจสอบความถูกต้อง (Validate) มาแล้ว องค์ประกอบ 6 ประการที่ผู้ใช้ได้ระบุไว้ (หลักการ, วัตถุประสงค์, ขั้นตอน, เนื้อหา, ระบบสังคม/สนับสนุน, และการวัดผล) จึงไม่ใช่แค่ “ส่วนผสม” ที่นำมาประกอบกัน แต่คือ “พิมพ์เขียว” (Blueprint) ที่สมบูรณ์ของนวัตกรรมทางการศึกษานั้นๆ
บทที่ 1: สถาปัตยกรรม 6 องค์ประกอบ: โครงสร้างมาตรฐานของรูปแบบการสอนที่สมบูรณ์
การประเมินหรือพัฒนารูปแบบการสอนใดๆ ให้มีคุณภาพทางวิชาการและสามารถอ้างอิงได้ จำเป็นต้องมีโครงสร้างที่ชัดเจน กรอบแนวคิด 6 องค์ประกอบนี้จึงเปรียบเสมือน “มาตรฐานทอง” (Gold Standard) ในการวิเคราะห์และออกแบบนวัตกรรมการสอน
1. หลักการ/ปรัชญา (Principles/Philosophy): รากฐานของโมเดล
นี่คือองค์ประกอบที่ตอบคำถามว่า “ทำไม” (Why) รูปแบบนี้จึงถูกสร้างขึ้น มันคือรากฐานทางทฤษฎีที่อธิบายว่า “การเรียนรู้เกิดขึ้นได้อย่างไร” ในมุมมองของโมเดลนี้ เช่น ทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้ (Constructivism) ที่เชื่อว่าผู้เรียนสร้างความรู้เอง 4, หรือทฤษฎีพุทธิปัญญานิยม (Cognitive Theory) ที่เน้นกระบวนการประมวลผลของสมอง 5 ปรัชญานี้จะเป็นตัวกำหนดหน้าตาขององค์ประกอบอื่นๆ ทั้งหมด
2. วัตถุประสงค์ (Objectives/Goals): ผลลัพธ์ที่คาดหวัง
นี่คือองค์ประกอบที่ตอบคำถามว่า “เพื่ออะไร” (What) โมเดลนี้ต้องการพัฒนาผู้เรียนในด้านใดเป็นพิเศษ วัตถุประสงค์ในรูปแบบการสอนสมัยใหม่มักจะก้าวข้าม “ความรู้” (Knowledge) ไปสู่ “ทักษะ” (Skills) หรือ “สมรรถนะ” (Competencies) เช่น ทักษะการแก้ปัญหา 6, ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 7, หรือทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 (4Cs) 8
3. ขั้นตอนการจัดการเรียนการสอน (Phases/Steps): หัวใจของโมเดล
นี่คือองค์ประกอบที่ตอบคำถามว่า “อย่างไร” (How) และถือเป็นหัวใจหลักที่ทำให้โมเดลนั้นแตกต่างกัน เป็นลำดับขั้นตอน (Sequence) ของกิจกรรมการเรียนรู้ที่ชัดเจน เช่น 5E (Engage, Explore, Explain, Elaborate, Evaluate) 10, CIPPA (7 ขั้นตอน) 11, หรือขั้นตอนการแก้ปัญหาของ PBL 12 ขั้นตอนเหล่านี้ต้องสะท้อนหลักการ/ปรัชญา (องค์ประกอบที่ 1) และมุ่งไปสู่วัตถุประสงค์ (องค์ประกอบที่ 2)
4. เนื้อหาสาระ (Content): ประเภทของสาระการเรียนรู้
องค์ประกอบนี้ไม่ได้ระบุว่าต้องสอน “เรื่องอะไร” แต่ระบุว่า “เนื้อหาประเภทใด” (Type) ที่เหมาะสมกับโมเดลนี้ หรือต้องจัดเรียงเนื้อหาอย่างไร เช่น รูปแบบ PBL ต้องใช้ “ปัญหา” (Problem) ที่มีความซับซ้อนเป็นตัวนำ 13, รูปแบบ PjBL ต้องใช้ “โครงงาน” (Project) ที่มีผลผลิตชัดเจน 14, หรือรูปแบบ 5E เหมาะกับเนื้อหาที่ “สืบเสาะ” (Inquiry-based) ได้ 15
5. ระบบสังคมและระบบสนับสนุน (Social & Support System): บริบทและทรัพยากร
องค์ประกอบนี้คือ “สภาพแวดล้อม” (Context) ที่จำเป็นต่อความสำเร็จของโมเดล แบ่งเป็น:
- ระบบสังคม (Social System): กำหนดปฏิสัมพันธ์และบทบาท เช่น ครูเป็นโค้ช/ผู้อำนวยความสะดวก 16, นักเรียนทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม 17
- ระบบสนับสนุน (Support System): ทรัพยากรที่จำเป็น เช่น สื่อ 2, แหล่งข้อมูล, ห้องสมุด, ห้องประชุมกลุ่มย่อย 6, หรือเทคโนโลยี 16
6. การวัดและประเมินผล (Measurement and Evaluation): หลักฐานของความสำเร็จ
องค์ประกอบสุดท้ายนี้คือ “หลักฐาน” (Evidence) ที่ใช้ยืนยันว่าผู้เรียนบรรลุวัตถุประสงค์ (องค์ประกอบที่ 2) หรือไม่ รูปแบบการสอนที่เน้นทักษะ (เช่น PBL, PjBL) ไม่สามารถประเมินด้วยข้อสอบปรนัยได้ แต่จำเป็นต้องใช้การประเมินตามสภาพจริง (Authentic Assessment) 19, การประเมินภาคปฏิบัติ, หรือเกณฑ์การให้คะแนน (Rubrics) 20
อย่างไรก็ตาม องค์ประกอบทั้ง 6 นี้ไม่ได้ถูก “ออกแบบ” ตามลำดับ 1 ถึง 6 เสมอไป แนวคิดการออกแบบย้อนกลับ (Backward Design) 21 ได้เผยให้เห็นความสัมพันธ์เชิงลำดับชั้นที่ลึกซึ้งกว่านั้น การออกแบบรูปแบบการสอนที่ “เกิดจากการวิจัย” จะต้องเริ่มต้นจาก องค์ประกอบที่ 2 (กำหนดเป้าหมาย/วัตถุประสงค์) ควบคู่ไปกับ องค์ประกอบที่ 6 (กำหนดร่องรอยหลักฐานและการประเมินผล) ก่อนเป็นอันดับแรก 21 เมื่อผู้ออกแบบรู้แน่ชัดแล้วว่า “เป้าหมายคืออะไร” และ “จะวัดผลอย่างไรให้รู้ว่าถึงเป้าหมาย” แล้วเท่านั้น จึงค่อยย้อนกลับมาออกแบบ องค์ประกอบที่ 3, 4 และ 5 (ขั้นตอน, เนื้อหา, ระบบสนับสนุน) เพื่อเป็น “ยานพาหนะ” ที่จะนำผู้เรียนไปสู่เป้าหมายนั้น นี่คือกระบวนทัศน์ที่ยึดโยงวัตถุประสงค์และการวัดผลเข้าด้วยกันอย่างเหนียวแน่น
ส่วนที่ 2: การวิเคราะห์เชิงลึกรูปแบบการสอนยอดนิยม
ในส่วนนี้ จะเป็นการนำกรอบสถาปัตยกรรม 6 องค์ประกอบ มาวิเคราะห์รูปแบบการสอนที่เป็นที่ยอมรับในวงวิชาการและปรากฏในเอกสารวิจัย
บทที่ 2: โมเดล 5E Inquiry Cycle (การสืบเสาะหาความรู้)
1. หลักการ/ปรัชญา:
รากฐานของ 5E คือทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้ (Constructivism) 4 ซึ่งเชื่อว่าการเรียนรู้เป็นกระบวนการที่ผู้เรียนต้อง “สืบค้น” (Inquiry) และ “สร้าง” (Construct) ความเข้าใจด้วยตนเอง โดยอาศัยประสบการณ์เดิมเป็นพื้นฐาน 4 การเรียนรู้ที่แท้จริงไม่ได้เกิดจากการ “บอกเล่า” ของครู แต่เกิดจากการที่ผู้เรียนได้สำรวจ ตรวจสอบ และค้นคว้าด้วยตนเอง 22
2. วัตถุประสงค์:
เป้าหมายหลักของ 5E คือการพัฒนา “ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์” (Science Process Skills) 7 และ “การคิดวิเคราะห์เชิงวิทยาศาสตร์” (Scientific Analytical Thinking) 23 มากกว่าการท่องจำเนื้อหา
3. ขั้นตอนการสอน (5Es):
หัวใจของโมเดลคือขั้นตอน 5 ลำดับที่ชัดเจน 10:
- Engage (สร้างความสนใจ): การนำเข้าสู่บทเรียนเพื่อกระตุ้นความสงสัย 10 หรือเชื่อมโยงความรู้เดิม
- Explore (สำรวจและค้นหา): นักเรียนลงมือปฏิบัติ ทดลอง หรือค้นคว้าด้วยตนเองเพื่อรวบรวมข้อมูล 24
- Explain (อธิบายและลงข้อสรุป): นักเรียนนำเสนอผลที่ค้นพบ ครูช่วยอธิบายหลักการทางวิชาการที่เชื่อมโยงกับผลนั้น 26
- Elaborate (ขยายความรู้): นักเรียนนำหลักการหรือความรู้ที่ได้เรียนรู้ไปประยุกต์ใช้ในสถานการณ์หรือบริบทใหม่ 26
- Evaluate (ประเมินผล): การประเมินผลว่านักเรียนเกิดการเรียนรู้ทั้งด้านกระบวนการและผลผลิตหรือไม่ 10
4. เนื้อหาสาระ:
เหมาะอย่างยิ่งกับเนื้อหาที่ผู้เรียนสามารถ “ค้นพบ” องค์ความรู้ได้ด้วยตนเองผ่านการทดลองหรือการสืบค้นข้อมูล เช่น วิชาวิทยาศาสตร์แขนงต่างๆ (ฟิสิกส์, ชีววิทยา, เคมี) 15
5. ระบบสังคมและระบบสนับสนุน:
- สังคม: นักเรียนเป็นผู้ปฏิบัติและสืบค้น ครูเปลี่ยนบทบาทจาก “ผู้บรรยาย” เป็น “ผู้อำนวยความสะดวก” (Facilitator) 22 หรือผู้สร้างสถานการณ์ที่ท้าทาย 10
- สนับสนุน: สื่อ วัสดุ อุปกรณ์สำหรับการทดลอง 10 หรือแหล่งข้อมูลสำหรับการสืบค้น เช่น ชุดกิจกรรม หรือสื่อดิจิทัล (เช่น QR Code) 24
6. การวัดและประเมินผล:
การประเมินผลถูกฝังอยู่ในขั้นตอนที่ 5 (Evaluate) 10 แต่ในทางปฏิบัติ การประเมินควรเกิดขึ้นตลอดกระบวนการ และควรเป็นการประเมินตามสภาพจริง เช่น การสังเกตพฤติกรรมการทดลอง, การประเมินแผนผังความคิด, หรือการประเมินการนำเสนอผลงาน 22
จากการวิจัยและพัฒนา (R&D) อย่างต่อเนื่อง พบว่าโมเดล 5E ได้รับการพัฒนาต่อยอดเป็นโมเดล 7E 27 โดยมีการเพิ่มขั้นตอน “Elicit” (ตรวจสอบความรู้เดิม) ก่อนขั้น Engage และ “Extend” (นำความรู้ไปใช้/ต่อยอด) หลังขั้น Evaluate 27 สะท้อนให้เห็นว่าโมเดลการสอนไม่ใช่สิ่งตายตัว แต่เป็นนวัตกรรมที่มีการปรับปรุงเพื่ออุดช่องว่าง (เช่น การตรวจสอบความรู้เดิม) อยู่เสมอ
บทที่ 3: โมเดล CIPPA (ซิปปา)
1. หลักการ/ปรัชญา:
CIPPA ยืนอยู่บนทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้ (Constructivism) อย่างชัดเจน โดยตัวอักษร C (Construct) ย่อมาจากการสร้างความรู้ 29 โมเดลนี้เน้นว่ากิจกรรมการเรียนรู้ที่ดีต้องเปิดโอกาสให้ผู้เรียนสร้างความรู้ด้วยตนเอง
2. วัตถุประสงค์:
วัตถุประสงค์หลักของ CIPPA ถูกระบุไว้ในตัวย่อ P และ A คือการมุ่งพัฒนา “การเรียนรู้กระบวนการ” (Process Learning) และ “การนำความรู้ไปประยุกต์ใช้” (Application) 29 ผู้เรียนไม่เพียงแต่ “รู้” แต่ต้อง “ใช้เป็น” และเชื่อมโยงทฤษฎีสู่การปฏิบัติได้ 30
3. ขั้นตอนการสอน:
จุดสำคัญที่ต้องทำความเข้าใจคือ CIPPA มี “องค์ประกอบ 5 ประการ” (C-I-P-P-A) ซึ่ง ไม่ใช่ ขั้นตอนการสอน แต่เป็น หลักการ ที่ต้องฝังอยู่ในการจัดการเรียนรู้ 17
- C = Construct (การสร้างความรู้)
- I = Interaction (การปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นและสิ่งแวดล้อม)
- P = Physical Participation (การมีส่วนร่วมทางกาย)
- P = Process Learning (การเรียนรู้กระบวนการ)
- A = Application (การนำความรู้ไปประยุกต์ใช้)
เพื่อให้หลักการ 5 ข้อนี้เกิดขึ้นจริง จึงได้มีการออกแบบ “ขั้นตอนการจัดกิจกรรม 7 ขั้นตอน” 11 ดังนี้:
- ขั้นทบทวนความรู้เดิม (Reviewing prior knowledge): ดึงความรู้เดิมเพื่อเตรียมเชื่อมโยง
- ขั้นแสวงหาความรู้ใหม่ (Seeking new knowledge): ผู้เรียนค้นคว้าจากแหล่งข้อมูล
- ขั้นศึกษาทำความเข้าใจ (Studying and understanding): สร้างความหมายของข้อมูลใหม่ เชื่อมโยงกับความรู้เดิม
- ขั้นแลกเปลี่ยนความรู้ (Exchanging knowledge): (I) ใช้กลุ่มตรวจสอบความเข้าใจและขยายความรู้
- ขั้นสรุปและจัดระเบียบความรู้ (Summarizing and organizing): สรุปเป็นองค์ความรู้ที่จดจำง่าย
- ขั้นแสดงผลงาน (Presenting work): (P) นำเสนอผลงานการสร้างความรู้ของตน
- ขั้นประยุกต์ใช้ความรู้ (Applying knowledge): (A) ฝึกนำความรู้ไปใช้ในสถานการณ์ที่หลากหลาย
กระบวนการในขั้นที่ 1-6 คือการส่งเสริม C, I, P (Physical), P (Process) ในขณะที่ขั้นที่ 7 เน้น A โดยตรง 31
4. เนื้อหาสาระ:
เหมาะกับเนื้อหาที่ต้องการการอภิปราย, การปฏิสัมพันธ์, และการประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง เช่น วิชาสังคมศึกษา (หน้าที่พลเมือง) 32, ภาษาไทย, หรือวิชาที่เน้นการปฏิบัติที่เชื่อมโยงกับชีวิตประจำวัน 30
5. ระบบสังคมและระบบสนับสนุน:
- สังคม: เน้นการปฏิสัมพันธ์ (Interaction) สูงมาก ทั้งระหว่างผู้เรียนด้วยกัน และระหว่างผู้เรียนกับครู 29 ครูต้องเปลี่ยนบทบาทเป็น “ผู้อำนวยความสะดวก” (Facilitator) และผู้ประสานงาน 33
- สนับสนุน: แหล่งข้อมูลที่หลากหลาย 11 และสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการทำงานกลุ่มและการเคลื่อนไหวทางกาย (Physical Participation) 29
6. การวัดและประเมินผล:
เป็นการประเมินตามสภาพจริง โดยเน้นการประเมินใน “ขั้นแสดงผลงาน” (ขั้นที่ 6) 11 และ “ขั้นประยุกต์ใช้” (ขั้นที่ 7) 11 โดยอาจมีการใช้เกณฑ์การประเมิน (Rubrics) เพื่อตรวจสอบคุณภาพของผลงานและการนำไปใช้
บทที่ 4: โมเดลการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem-Based Learning: PBL)
1. หลักการ/ปรัชญา:
PBL มีรากฐานมาจากทฤษฎีพุทธิปัญญานิยม (Cognitive Learning Theory) 5 โดยเฉพาะแนวคิดของ Piaget ที่ว่าการเรียนรู้เกิดจากการปรับโครงสร้างทางปัญญา (Cognitive Structure) เมื่อต้องเผชิญกับปัญหาหรือสถานการณ์ที่ไม่สมดุล นอกจากนี้ยังเชื่อมโยงกับแนวคิด Brain-Based Learning ที่มองว่าสมองเรียนรู้ได้ดีที่สุดเมื่อต้องแก้ปัญหาที่ท้าทาย 5
2. วัตถุประสงค์:
เป้าหมายหลักคือการพัฒนา “ทักษะการแก้ปัญหา” (Problem-Solving Skills) 35, “การคิดวิเคราะห์” (Critical Thinking) 6, และที่สำคัญที่สุดคือ “ทักษะการเรียนรู้ด้วยตนเอง” (Self-Directed Learning) 6
3. ขั้นตอนการสอน:
PBL เป็นโมเดลที่มีความยืดหยุ่นสูง ไม่มีขั้นตอนที่ตายตัวเพียงแบบเดียว เอกสารวิจัยแสดงให้เห็นถึงความหลากหลาย (Variations) ของโมเดลที่ถูกนำไปปรับใช้ เช่น “แบบ 7 ขั้นตอน”, “แบบ 9 ขั้นตอน” และ “แบบ 11 ขั้นตอน” 12 อย่างไรก็ตาม ทุกแบบมี “แกนร่วม” (Common Core) ของกระบวนการคิดที่คล้ายคลึงกัน ดังนี้ 6:
- ทำความเข้าใจปัญหา/ศัพท์ (Clarifying terms)
- ระบุปัญหา/นิยามปัญหา (Problem definition)
- ระดมสมอง/ตั้งสมมติฐาน (Brainstorm / Hypothesis)
- กำหนดวัตถุประสงค์การเรียนรู้ (Learning objectives) (ผู้เรียนกำหนดเองว่าต้องไปรู้อะไรมาเพิ่ม)
- ศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง (Self-study / Research)
- สังเคราะห์/อภิปรายแลกเปลี่ยนความรู้ (Synthesize / Discussion)
- สรุป/ประยุกต์ใช้/แก้ปัญหา (Application / Conclusion)
4. เนื้อหาสาระ:
“ปัญหา” (Problem) หรือ “สถานการณ์” (Scenario) คือหัวใจหลักและเป็นจุดเริ่มต้นของเนื้อหาทั้งหมด 35 คุณภาพของ PBL ขึ้นอยู่กับคุณภาพของการออกแบบปัญหา ครูต้องออกแบบ “ปัญหา” (P1) ที่มีความซับซ้อน, คลุมเครือ (ill-structured) และเชื่อมโยงกับโลกจริง 13 เพื่อกระตุ้นให้ผู้เรียนต้องไป “ค้นคว้า” (K) และในระหว่างกระบวนการนั้น ผู้เรียนจะเจอ “ปัญหาของตนเอง” (P2) (เช่น หาข้อมูลไม่ได้, ข้อมูลขัดแย้งกัน) ซึ่งจุดนี้คือจุดที่การเรียนรู้ที่แท้จริง (K1, K2) เกิดขึ้น 13
5. ระบบสังคมและระบบสนับสนุน:
- สังคม: นี่คือการเปลี่ยนแปลงบทบาทที่สำคัญที่สุด ครูต้องเปลี่ยนจาก “ผู้สอน” (Sage on the Stage) เป็น “ผู้สนับสนุน” หรือ “ที่ปรึกษา” (Facilitator/Guide on the Side) 16 บทบาทหลักของครูคือ “การตั้งคำถาม” เพื่อกระตุ้นการคิด 6 ไม่ใช่การบอกคำตอบ นักเรียนต้องรับผิดชอบการเรียนรู้ของตนเอง 100% 16
- สนับสนุน: มีความจำเป็นอย่างยิ่ง และมักเป็นข้อจำกัดในการนำไปใช้ 6 สิ่งที่ต้องมี ได้แก่: (1) ทรัพยากรการเรียนรู้ที่หลากหลาย (ห้องสมุด, ฐานข้อมูล, ผู้เชี่ยวชาญ) 16, (2) ห้องเรียนกลุ่มย่อย (Small group rooms) 6, (3) เวลาที่เพียงพอ (PBL ใช้เวลามากกว่าการบรรยาย) 6, และ (4) การบริหารจัดการหลักสูตรที่ดี 16
6. การวัดและประเมินผล:
ต้องใช้การประเมินที่หลากหลาย (Multiple Assessments) 6 ประกอบด้วย:
- การประเมินเพื่อพัฒนา (Formative): การให้ข้อมูลย้อนกลับระหว่างกระบวนการ
- การประเมินกระบวนการ (Process): การประเมินทักษะการทำงานกลุ่มและการเรียนรู้ด้วยตนเอง
- การประเมินความรู้รวบยอด (Summative): การประเมินความเข้าใจในเนื้อหาหลังจบกระบวนการ
- การสะท้อนคิด (Reflection): การประเมินการเรียนรู้ของตนเองโดยผู้เรียน 6
บทที่ 5: โมเดลการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐาน (Project-Based Learning: PjBL)
1. หลักการ/ปรัชญา:
มีรากฐานจากทฤษฎีการเรียนรู้จากประสบการณ์ (Experiential Learning) ของ John Dewey และทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้ (Constructivism) 18 ที่เชื่อว่าผู้เรียนเรียนรู้ได้ดีที่สุดผ่านการลงมือทำจริงในโครงงานที่มีความหมาย
2. วัตถุประสงค์:
เป้าหมายหลักคือการพัฒนา “ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21” (21st Century Skills) 8 โดยเฉพาะกลุ่มทักษะ 4Cs:
- Critical Thinking (การคิดวิเคราะห์) 18
- Collaboration (การทำงานร่วมกัน) 18
- Communication (การสื่อสาร)
- Creativity (การสร้างสรรค์) 9
3. ขั้นตอนการสอน:
ขั้นตอนของ PjBL ไม่ใช่กระบวนการคิดเชิงนามธรรม แต่เป็นกระบวนการ “บริหารโครงงาน” (Project Management) ที่เป็นรูปธรรม 14:
- การคิดและเลือกหัวข้อ (Choosing Topic): ผู้เรียนและครูร่วมกันกำหนดหัวข้อที่สนใจ
- การวางแผน (Planning): วางแผนการทำงาน, กำหนดเป้าหมาย, แบ่งหน้าที่
- การดำเนินงาน (Implementation): ลงมือปฏิบัติ, แก้ปัญหา, รวบรวมข้อมูล, สร้างผลงาน
- การเขียนรายงาน (Reporting): สรุปกระบวนการและผลการดำเนินงาน
- การนำเสนอผลงาน (Presentation): เผยแพร่ผลงานสู่สาธารณะ
4. เนื้อหาสาระ:
“โครงงาน” (Project) คือเนื้อหาหลัก ซึ่งต้องเป็นผลงานที่มี “ผลผลิต” (Product) ชัดเจน โครงงานที่เหมาะสมมี 4 ประเภทหลัก 14 ได้แก่:
- โครงงานประเภทสำรวจ (Survey Research Project)
- โครงงานประเภททดลอง (Experimental Research Project)
- โครงงานประเภทสิ่งประดิษฐ์ (Development/Invention Research Project)
- โครงงานประเภททฤษฎี (Theoretical Research Project)
5. ระบบสังคมและระบบสนับสนุน:
- สังคม: เน้นการทำงานร่วมกัน (Collaboration) เป็นทีมสูงมาก 18 ครูทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษา (Advisor) หรือโค้ช (Coach) ตลอดกระบวนการ 39
- สนับสนุน: เวลา, งบประมาณ, เครื่องมือ, และการเข้าถึงแหล่งข้อมูลหรือผู้เชี่ยวชาญภายนอก
6. การวัดและประเมินผล:
เป็นการประเมินผลโครงงาน 38 โดยต้องประเมินทั้ง “ผลผลิต” (Product – ชิ้นงานมีคุณภาพหรือไม่) และ “กระบวนการ” (Process – การทำงานกลุ่ม, การแก้ปัญหา) 36 ผ่านการนำเสนอที่หลากหลาย (เช่น นิทรรศการ, การนำเสนอด้วยวาจา) 14 และมีการประเมินทั้งรายบุคคลและรายกลุ่ม 36
ความแตกต่างที่สำคัญระหว่าง PBL และ PjBL 35 คือจุดเน้น:
- PBL (Problem-Based): ใช้ “ปัญหา” เป็นจุดเริ่มต้นเพื่อ กระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้ (Problem -> Learning) ขั้นตอนจึงเป็น “กระบวนการคิด” (เช่น ตั้งสมมติฐาน, ค้นคว้า) และเน้น กระบวนการ (Process-oriented)
- PBL (Project-Based): ใช้ “โครงงาน” เป็น เป้าหมายปลายทาง เพื่อ ประยุกต์ใช้ความรู้ (Learning -> Project) ขั้นตอนจึงเป็น “กระบวนการจัดการ” (เช่น วางแผน, ดำเนินงาน) และเน้น ผลผลิต (Product-oriented)
บทที่ 6: การสังเคราะห์โมเดลเฉพาะทางและโมเดลเกิดใหม่ (R&D in Action)
การวิจัยและพัฒนา (R&D) ไม่ได้หยุดนิ่งแค่โมเดลหลัก แต่ยังมีการพัฒนาโมเดลเฉพาะทางเพื่อตอบโจทย์บริบทที่แตกต่างกัน
การเรียนรู้โดยใช้การวิจัยเป็นฐาน (Research-Based Learning: RBL):
นี่คือโมเดลที่ใช้ “กระบวนการวิจัย” เป็นเครื่องมือในการเรียนรู้ 40 ผู้เรียนจะถูกฝึกให้คิดและทำเสมือนเป็นนักวิจัย โดยต้องผ่านขั้นตอนต่างๆ เช่น “ขั้นที่ 1 ข้องใจ” (การศึกษาและกำหนดปัญหาการวิจัย) 40 ไปจนถึงการดำเนินการวิจัยและสรุปผล ซึ่งสะท้อนการเรียนรู้ในระดับอุดมศึกษาหรือระดับที่ต้องการทักษะการคิดขั้นสูง
โมเดล EREC IF (EREC IF Model):
โมเดลนี้เป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของการทำ R&D ในบริบทไทย เพื่อพัฒนารูปแบบการสอนที่ส่งเสริมทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 สำหรับนักศึกษาพยาบาล 41 องค์ประกอบของโมเดลนี้ 41 ได้แก่
- Engagement (การมีส่วนร่วม)
- Reflection (การสะท้อนคิด)
- Experience (การเรียนรู้จากประสบการณ์)
- Culture and Language (วัฒนธรรมและภาษา)
- Information Technology (เทคโนโลยีสารสนเทศ)
- Fun and flexibility (ความสนุกสนานและความยืดหยุ่น)
จะเห็นได้ว่าโมเดลนี้ (ซึ่งอ้างอิงจากแหล่งข้อมูลอื่นๆ ด้วย 42) เป็นการ “ปรับประยุกต์” (Adaptation) แนวคิดสากล (เช่น Engagement, Reflection) และผสมผสานเข้ากับบริบทที่จำเป็นสำหรับผู้เรียนยุคใหม่ (IT, Fun) และบริบทเฉพาะทาง (Culture, Language) 44 นี่คือหัวใจของ R&D ที่ไม่ใช่แค่ “สร้างใหม่” แต่คือการ “ปรับใช้” ให้เหมาะสม
ตารางที่ 1: การเปรียบเทียบสถาปัตยกรรมรูปแบบการสอนหลัก (5E, CIPPA, PBL, PjBL)
ตารางนี้สังเคราะห์การวิเคราะห์จากบทที่ 2-5 เพื่อเปรียบเทียบองค์ประกอบสำคัญของ 4 รูปแบบการสอนยอดนิยม ทำหน้าที่เป็นเครื่องมือช่วยในการตัดสินใจสำหรับนักวิชาการและผู้ปฏิบัติงานในการเลือกใช้โมเดลให้ตรงกับวัตถุประสงค์
| องค์ประกอบ (Component) | 5E Inquiry Cycle | CIPPA Model | Problem-Based Learning (PBL) | Project-Based Learning (PjBL) |
| 1. หลักการ/ปรัชญา | Constructivism (ทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้) 4 | Constructivism (ทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้) 29 | Cognitive Theory / Brain-Based Learning (ทฤษฎีพุทธิปัญญานิยม) 5 | Experiential / Constructivism (ทฤษฎีการเรียนรู้จากประสบการณ์) 18 |
| 2. วัตถุประสงค์หลัก | ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 7 | การเรียนรู้กระบวนการ (P) และ การประยุกต์ใช้ (A) 29 | การแก้ปัญหา และ การเรียนรู้ด้วยตนเอง 6 | ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 (4Cs) 18 |
| 3. ขั้นตอนการสอน | 5 ขั้นตอน (Engage, Explore, Explain, Elaborate, Evaluate) 10 | 7 ขั้นตอน (ทบทวน, แสวงหา, ศึกษา, แลกเปลี่ยน, สรุป, แสดงผลงาน, ประยุกต์ใช้) 11 | ยืดหยุ่น 7, 9, หรือ 11 ขั้น (กระบวนการคิดแก้ปัญหา) 12 | 5 ขั้นตอน (การบริหารโครงงาน: เลือก, วางแผน, ดำเนินงาน, รายงาน, นำเสนอ) 14 |
| 4. ลักษณะเนื้อหา | เนื้อหาที่ “สืบเสาะ” หรือ “ค้นพบ” ได้ (เช่น วิทยาศาสตร์) 15 | เนื้อหาที่ “อภิปราย” และ “ประยุกต์” ใช้ในชีวิตจริงได้ 32 | “ปัญหา” (Problem) ที่ซับซ้อน คลุมเครือ เป็นตัวนำ 13 | “โครงงาน” (Project) ที่มีผลผลิตชัดเจน (เช่น สิ่งประดิษฐ์, รายงานสำรวจ) 14 |
| 5. ระบบสังคม/บทบาทครู | ผู้ท้าทาย, ผู้อำนวยความสะดวก [22, 26] | ผู้อำนวยความสะดวก, ผู้ประสานงาน 33 | ที่ปรึกษา, ผู้กระตุ้นด้วยคำถาม (หลีกเลี่ยงการบอกคำตอบ) 16 | ที่ปรึกษา, โค้ช (ให้คำแนะนำตลอดกระบวนการ) 39 |
| 6. การวัดและประเมินผล | เน้นที่ขั้น Evaluate, ประเมินกระบวนการและผลผลิต 10 | เน้นที่ขั้นแสดงผลงาน (ขั้น 6) และ ขั้นประยุกต์ใช้ (ขั้น 7) 11 | ประเมิน 3 ด้าน: Formative, Process (การทำงานกลุ่ม), Summative (ความรู้) 6 | การประเมินผลโครงงาน (ประเมินทั้ง Product และ Process) [36, 38] |
ส่วนที่ 3: การออกแบบการวัดและประเมินผลเพื่อการพัฒนา
องค์ประกอบที่ 6 (การวัดและประเมินผล) คือส่วนที่สำคัญที่สุดในการเชื่อมโยงการออกแบบการสอน (ID) เข้ากับการปฏิบัติจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อวัตถุประสงค์ของโมเดลเปลี่ยนจากการวัด “ความรู้” ไปสู่การวัด “ทักษะ” และ “สมรรถนะ”
บทที่ 7: การประเมินผลตามสภาพจริง (Authentic Assessment) และการประเมินฐานสมรรถนะ (CBA)
การใช้รูปแบบการสอนสมัยใหม่ เช่น PjBL 18 หรือ PBL 6 ซึ่งมีวัตถุประสงค์ (องค์ประกอบที่ 2) เพื่อพัฒนาทักษะการทำงานร่วมกัน, การแก้ปัญหา หรือทักษะ 4Cs บังคับ ให้ผู้สอนต้องเปลี่ยนวิธีการประเมินผล (องค์ประกอบที่ 6) ไม่สามารถใช้ข้อสอบปรนัย (Multiple Choice) เพื่อวัดทักษะการทำงานร่วมกันได้อีกต่อไป
นี่คือจุดที่ “การประเมินตามสภาพจริง” (Authentic Assessment) เข้ามามีบทบาท Authentic Assessment ถูกนิยามว่าเป็นการประเมินที่เน้นวัด “ทักษะ” (Skills), “กระบวนการ” (Process), และ “การทำงานร่วมกัน” (Collaboration) 19 ซึ่งสอดคล้องโดยตรงกับวัตถุประสงค์ของโมเดลเหล่านี้
หลักการสำคัญของ Authentic Assessment 45 ได้แก่:
- ประเมินจากการปฏิบัติ (Performance-based): ประเมินทักษะและความสามารถจากการลงมือปฏิบัติจริง หรือการสร้างสรรค์ผลผลิต 45
- ประเมินระหว่างเรียน (Formative Assessment): เป็นการประเมินเพื่อ “เพิ่ม” คุณภาพ ไม่ใช่เพื่อ “ตัดสิน” 45 โดยให้ข้อมูลป้อนกลับ (Feedback) แก่ผู้เรียนในระหว่างกระบวนการทำงาน เพื่อให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตนเองได้ (Assessment as Learning) 45 ซึ่งต่างจากการประเมินรวบยอด (Summative) ที่มักเกิดตอนปลายภาค
- เกณฑ์ที่ชัดเจน (Criteria Known): ผู้เรียนต้องรับทราบเกณฑ์การประเมินล่วงหน้า 45
- ใช้เครื่องมือหลากหลาย (Multiple Indicators): ใช้การประเมินหลายส่วนประกอบกัน เช่น แฟ้มสะสมงาน (Portfolio), การสังเกต, การสัมภาษณ์ 45
การประเมินฐานสมรรถนะ (Competency-Based Assessment – CBA) 46 คือการยกระดับ Authentic Assessment ให้มุ่งเน้นผลลัพธ์ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น โดย CBA ไม่เพียงประเมินว่าผู้เรียน “ทำได้” หรือ “ทำไม่ได้” แต่สนใจ “ระดับความชำนาญ” (Mastery) 46 กระบวนการของ CBA จึงเกี่ยวข้องกับการกำหนดสมรรถนะที่ต้องการ (เช่น การสื่อสาร, การจัดการตนเอง) 47, การประเมินสมรรถนะปัจจุบันของผู้เรียน, การร่วมกันกำหนดเป้าหมายการพัฒนา, และการใช้เครื่องมือประเมินที่หลากหลายตามสภาพจริง 20
บทที่ 8: เทคนิคการสร้างเกณฑ์การประเมิน (Rubrics) สำหรับการประเมินภาคปฏิบัติ
หาก Authentic Assessment คือ “แนวคิด” Rubrics ก็คือ “เครื่องมือ” ที่ทำให้แนวคิดนั้นเกิดขึ้นได้จริงและมีความน่าเชื่อถือ Rubrics คือเครื่องมือที่ใช้ “วัด” สิ่งที่เป็นนามธรรม (เช่น พฤติกรรมการทำงานกลุ่ม 49, ความคิดสร้างสรรค์) ให้กลายเป็น “คะแนน” ที่เป็นรูปธรรมและสะท้อนคุณภาพของงานได้อย่างเที่ยงตรง 50 การพัฒนารูปแบบการสอน (R&D) จึงไม่สามารถสมบูรณ์ได้หากปราศจากการพัฒนา Rubrics ที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของโมเดลนั้นๆ
แนวทางการออกแบบ Rubrics ที่มีคุณภาพ 50 ประกอบด้วย:
- ระบุสิ่งที่ต้องการประเมิน: เช่น สมรรถนะด้านการสื่อสาร 48, ทักษะการทดลอง 50
- ระบุตัวบ่งชี้ (Indicators): แยกประเด็นย่อยที่จะพิจารณา 50
- กำหนดระดับคุณภาพ: เช่น 1-3 คะแนน, 1-5 คะแนน 20
- กำหนดคำอธิบายลักษณะ (Descriptors): นี่คือส่วนที่สำคัญที่สุด ต้องอธิบายพฤติกรรมหรือคุณภาพของงานในแต่ละระดับคะแนนอย่างเป็นรูปธรรมและชัดเจน 49
ตัวอย่างการกำหนดเกณฑ์ (Descriptors) จากเอกสารวิจัย:
ตัวอย่างที่ 1: Rubric ประเมินทักษะการทดลอง (แบ่งตามประเด็นย่อย) 50
- พฤติกรรม: (1) ดำเนินการทดลองเป็นขั้นตอน, (2) ใช้อุปกรณ์ถูกต้อง, (3) อ่านค่าถูกต้อง, (4) ทำการทดลองด้วยความระมัดระวัง
- เกณฑ์: 3 คะแนน (ปฏิบัติครบ 4 ข้อ), 2 คะแนน (ปฏิบัติ 2-3 ข้อ), 1 คะแนน (ปฏิบัติ 1 ข้อ)
ตัวอย่างที่ 2: Rubric ประเมินพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม (แบบภาพรวม) 49
- เกณฑ์: 3 (ดีมาก), 2 (พอใช้), 1 (ควรปรับปรุง)
- คำอธิบาย (ระดับ 1): ไม่มีความคิดสร้างสรรค์, ไม่ช่วยเหลือกันในกลุ่ม, ไม่ตรงต่อเวลา
ตัวอย่างที่ 3: Rubric ประเมินสมรรถนะ (วัดระดับความชำนาญ) 20
เกณฑ์: 5 ระดับ
คำอธิบาย:
- 1 คะแนน: ปฏิบัติได้ถูกต้องเมื่อได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด
- 2 คะแนน: ปฏิบัติได้ถูกต้องเมื่อได้รับคำแนะนำ
- 3 คะแนน: ปฏิบัติได้ถูกต้องด้วยตนเอง
- 4 คะแนน: ปฏิบัติได้ถูกต้องและมีความตั้งใจในการปฏิบัติ
- 5 คะแนน: ปฏิบัติได้ถูกต้อง มีความตั้งใจ และพยายามพัฒนาความสามารถของตนเองให้ดียิ่งขึ้น
ส่วนที่ 4: คลังกิจกรรมและแผนการสอน (A Toolkit of Activities and Lesson Plans)
ส่วนนี้จะนำเสนอตัวอย่างแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ประยุกต์ใช้โมเดลต่างๆ เพื่อให้ผู้สอนสามารถนำไปปรับใช้ได้จริง
บทที่ 9: แผนกิจกรรม 5E สำหรับวิชาวิทยาศาสตร์ (ตัวอย่าง: สถานะของสสาร)
25
- วิชา: วิทยาศาสตร์ ระดับประถมศึกษา/มัธยมศึกษาตอนต้น
- เรื่อง: สถานะของสสาร (Solids, Liquids, Gases)
- วัตถุประสงค์: นักเรียนสามารถอธิบายการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร โดยเชื่อมโยงกับการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ของอนุภาค (โมเลกุล) เมื่อได้รับหรือสูญเสียพลังงานความร้อน 25
ขั้นที่ 1: Engage (สร้างความสนใจ)
- กิจกรรม: ครูเริ่มชั้นเรียนด้วยการเป่าหมากฝรั่งให้พอง หรือเป่าลูกโป่ง 51
- คำถามกระตุ้นคิด: “อะไรอยู่ในลูกโป่งนี้?”, “อากาศคืออะไร?”, “ทำไมลูกโป่งถึงพองออก?” 51 เพื่อนำเข้าสู่แนวคิดของ “ก๊าซ” ซึ่งเป็นสิ่งที่มองไม่เห็นแต่อยู่รอบตัวเรา
ขั้นที่ 2: Explore (สำรวจและค้นหา)
- กิจกรรม: “Station Lab” ให้นักเรียนแบ่งกลุ่มหมุนเวียนฐาน 25
- ฐาน “Explore It”: ทำการทดลองเปรียบเทียบการละลายของน้ำแข็ง 28 โดยจับเวลาก้อนน้ำแข็ง 1 ก้อนที่อยู่ในแก้วเปล่า (สัมผัสอากาศ) กับอีก 1 ก้อนที่อยู่ในแก้วที่มีน้ำ สังเกตและบันทึกผล
- ฐาน “Watch It”: ดูวิดีโอสั้นๆ ที่อธิบายการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร (การระเหย, การควบแน่น) และตอบคำถาม 25
- ฐาน “Read It”: อ่านบทความสั้นๆ (Science Reading) เกี่ยวกับสถานะของสสาร 3 สถานะ และการเปลี่ยนสถานะ (การเยือกแข็ง, การหลอมเหลว ฯลฯ) 52
ขั้นที่ 3: Explain (อธิบายและลงข้อสรุป)
- กิจกรรม: แต่ละกลุ่มนำเสนอผลการค้นพบจากฐาน Explore (เช่น “น้ำแข็งในน้ำละลายเร็วกว่า”) ครูใช้สื่อ (วิดีโอ, ภาพ) อธิบายเชื่อมโยงสิ่งที่นักเรียนสังเกตเห็น เข้ากับหลักการทางวิทยาศาสตร์เรื่อง “การเคลื่อนที่ของอนุภาค” (Molecular Motion) 28 ว่าเมื่ออนุภาคได้รับพลังงานความร้อน (เช่น จากน้ำ) จะเคลื่อนที่เร็วขึ้นและเปลี่ยนสถานะ
ขั้นที่ 4: Elaborate (ขยายความรู้)
- กิจกรรม: “จำลองสถานะของสสาร” (Human Molecules) 53 ให้นักเรียนทั้งห้องแสดงบทบาทสมมติเป็นอนุภาค:
- ครูสั่ง “ของแข็ง” (Solid): นักเรียนยืนชิดกันเป็นระเบียบ และสั่นอยู่กับที่เล็กน้อย 53
- ครูสั่ง “ของเหลว” (Liquid): นักเรียนยืนใกล้กัน แต่ไม่เป็นระเบียบ เคลื่อนที่ไหลผ่านกันไปมาได้ 53
- ครูสั่ง “ก๊าซ” (Gas): นักเรียนวิ่งกระจายตัวทั่วห้อง ไม่สัมผัสกัน และเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว 53
- กิจกรรมนี้ช่วยให้นักเรียน “รู้สึก” ถึงระดับพลังงานและการจัดเรียงตัวของอนุภาคในแต่ละสถานะ
ขั้นที่ 5: Evaluate (ประเมินผล)
- กิจกรรม: ประเมินจากการสังเกตพฤติกรรมในกิจกรรม “จำลองสถานะ” และการตรวจ “ชุดกิจกรรม” (Activity Packet) หรือใบงานที่นักเรียนบันทึกผลการทดลองและตอบคำถาม 28
บทที่ 10: แผนกิจกรรม CIPPA สำหรับวิชาสังคมศึกษา (ตัวอย่าง: หน้าที่พลเมือง)
11
- วิชา: สังคมศึกษา (หน้าที่พลเมือง)
- เรื่อง: สิทธิและหน้าที่ของพลเมืองดี
- วัตถุประสงค์: (A) นักเรียนสามารถวิเคราะห์สิทธิและหน้าที่ของพลเมืองดี และ (P) ประยุกต์ใช้ความรู้ในการเสนอแนวทางแก้ปัญหาในโรงเรียนหรือชุมชน 32
ขั้นที่ 1: ทบทวนความรู้เดิม
- กิจกรรม: ครูตั้งคำถามให้นักเรียนอภิปราย “สิทธิ” ที่นักเรียนมีในโรงเรียน (เช่น สิทธิที่จะเรียน, สิทธิที่จะแสดงความเห็น)
ขั้นที่ 2: แสวงหาความรู้ใหม่
- กิจกรรม: ครูนำเสนอวิดีโอหรือข่าวเกี่ยวกับปัญหาในชุมชน/โรงเรียน (เช่น ปัญหาขยะ, ปัญหาการไม่ปฏิบัติตามกฎจราจร) ให้นักเรียนดู
ขั้นที่ 3: ศึกษาและเชื่อมโยง
- กิจกรรม: (C) แบ่งกลุ่มให้นักเรียนศึกษาค้นคว้า “หน้าที่ของพลเมืองดี” จากแหล่งข้อมูลที่ครูเตรียมให้ (เช่น สาระสำคัญจากรัฐธรรมนูญ, บทความ) และเชื่อมโยงว่าหน้าที่นั้นเกี่ยวข้องกับปัญหาที่ดูในขั้นที่ 2 อย่างไร
ขั้นที่ 4: แลกเปลี่ยนความรู้
- กิจกรรม: (I) นักเรียนอภิปรายกลุ่มย่อยในหัวข้อ “ถ้าคนในโรงเรียน/ชุมชน ไม่ปฏิบัติหน้าที่ (เช่น ไม่ทิ้งขยะให้เป็นที่, ไม่เคารพสิทธิผู้อื่น) จะเกิดผลกระทบอะไรบ้าง?” แต่ละคนแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
ขั้นที่ 5: สรุปและจัดระเบียบความรู้
- กิจกรรม: (C, P-Process) แต่ละกลุ่มร่วมกันสรุปองค์ความรู้ที่ได้ทั้งหมดเป็นแผนผังความคิด (Mind Map) ในหัวข้อ “แนวทางการปฏิบัติตนเป็นพลเมืองดีเพื่อแก้ปัญหา… (ปัญหาที่เลือก)”
ขั้นที่ 6: แสดงผลงาน
- กิจกรรม: (P-Physical) แต่ละกลุ่มนำเสนอ Mind Map ของตนเองหน้าชั้นเรียน 11 เพื่อนกลุ่มอื่นและครูร่วมกันซักถามและให้ข้อมูลย้อนกลับ
ขั้นที่ 7: ประยุกต์ใช้ความรู้
- กิจกรรม: (A) ครูมอบหมายให้นักเรียน (กลุ่มเดิมหรือรายบุคคล) เขียน “โครงการ” ขนาดเล็ก 1 หน้ากระดาษ เพื่อเสนอแนวทางการแก้ปัญหา 1 อย่างที่เกิดขึ้นจริงในโรงเรียน (เช่น ปัญหาขยะในโรงอาหาร) โดยระบุว่าจะต้องใช้ “สิทธิ” และ “หน้าที่” อะไรบ้างในการขับเคลื่อนโครงการนั้น 11
บทที่ 11: แผนกิจกรรม PBL/PjBL สำหรับการเรียนรู้เชิงบูรณาการ (STEM/ทักษะชีวิต)
13
บทนี้จะแสดงความแตกต่างระหว่าง PBL และ PjBL โดยใช้โจทย์เดียวกันคือ “ปัญหาขยะในโรงเรียน”
แนวคิดที่ 1: การใช้ Problem-Based Learning (PBL)
- เป้าหมาย: พัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์และแก้ปัญหา (เน้นกระบวนการ)
- ปัญหา (P1): ครูนำเสนอสถานการณ์ 13 “ข้อมูลจากฝ่ายอาคารสถานที่ระบุว่า ปริมาณขยะพลาสติกในโรงเรียนเพิ่มขึ้น 30% ในเทอมนี้ ซึ่งส่งผลต่องบประมาณการกำจัดขยะและสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง เราจะมีแนวทางเชิงนโยบายและนวัตกรรมใดบ้างในการจัดการปัญหานี้อย่างยั่งยืน?“
- กระบวนการ (PBL Steps 12):
- กลุ่มย่อยทำความเข้าใจปัญหา: “ขยะพลาสติก” หมายถึงอะไรบ้าง? “ยั่งยืน” แปลว่าอะไร?
- ระดมสมอง/ตั้งสมมติฐาน: ปัญหาน่าจะเกิดจาก… (เช่น ร้านค้าใช้พลาสติกเยอะ, นักเรียนขาดความตระหนัก)
- กำหนดวัตถุประสงค์การเรียนรู้: “สิ่งที่เราต้องไปสืบค้น” (เช่น ประเภทขยะในโรงเรียน, แนวทางการจัดการของที่อื่น, นวัตกรรมการรีไซเคิล)
- ศึกษาด้วยตนเอง: นักเรียนแยกย้ายไปค้นคว้า (อาจพบ P2: ปัญหาในการเก็บข้อมูล)
- สังเคราะห์: นำข้อมูลกลับมาอภิปราย วิเคราะห์ข้อดี-ข้อเสียของแต่ละแนวทาง
- สรุปผล: นำเสนอเป็น “รายงานข้อเสนอแนะเชิงนโยบายและนวัตกรรม” (ผลลัพธ์คือ “แนวทาง” หรือ “ความรู้” ที่ตกผลึก)
แนวคิดที่ 2: การใช้ Project-Based Learning (PjBL)
- เป้าหมาย: พัฒนาทักษะ 4Cs และการบริหารจัดการ (เน้นผลผลิต)
- โครงงาน (Project): ครูและนักเรียนร่วมกันกำหนด “โครงงาน” ที่ต้องการทำ 37 เช่น:
- สาย STEM: โครงงาน “การพัฒนาต้นแบบเครื่องคัดแยกขยะอัตโนมัติสำหรับโรงอาหาร” (โครงงานสิ่งประดิษฐ์) 38
- สายสังคม/ศิลป์: โครงงาน “การรณรงค์สร้างความตระหนักรู้เพื่อลดขยะพลาสติกในโรงเรียน” (โครงงานสำรวจ/รณรงค์)
- กระบวนการ (PjBL Steps 14):
- เลือกหัวข้อ/วางแผน: กลุ่มเลือกโครงงาน (เช่น เลือกทำสาย STEM), วางแผนการทำงาน, ออกแบบต้นแบบ
- ดำเนินงาน: ลงมือสร้างต้นแบบ, ทดลอง, เก็บข้อมูล, แก้ไขปัญหาที่พบ
- เขียนรายงาน: สรุปขั้นตอนการสร้างและผลการทดสอบประสิทธิภาพ
- นำเสนอผลงาน: (Product) นำ “ต้นแบบเครื่องคัดแยกขยะ” มาสาธิตให้ผู้อื่นชม และนำเสนอผลการดำเนินงาน 38
บทสรุป: อนาคตของการวิจัยและพัฒนา (R&D) รูปแบบการสอนในบริบทการศึกษาไทย
รายงานฉบับนี้ได้ทำการวิเคราะห์ “สถาปัตยกรรมของรูปแบบการสอน” โดยถอดรหัสผ่านองค์ประกอบหลัก 6 ประการ (หลักการ, วัตถุประสงค์, ขั้นตอน, เนื้อหา, ระบบสังคม/สนับสนุน, และการวัดผล) การวิเคราะห์รูปแบบการสอนยอดนิยม (5E, CIPPA, PBL, PjBL) แสดงให้เห็นว่า แม้แต่ละโมเดลจะมีจุดเน้นและขั้นตอนที่แตกต่างกัน แต่ทุกโมเดลที่ประสบความสำเร็จล้วนมีสถาปัตยกรรมภายในที่สอดคล้องกันอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเชื่อมโยงที่ขาดไม่ได้ระหว่าง “วัตถุประสงค์” (องค์ประกอบที่ 2) และ “การวัดและประเมินผล” (องค์ประกอบที่ 6) ตามแนวคิด Backward Design 21
การที่รูปแบบการสอนสมัยใหม่มุ่งเน้นการพัฒนาทักษะและสมรรถนะ 8 ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการประเมินผล ทำให้ “การประเมินตามสภาพจริง” (Authentic Assessment) 19 และ “เกณฑ์การประเมิน” (Rubrics) 20 กลายเป็นเครื่องมือที่จำเป็นอย่างยิ่งยวด
สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ได้จากการสังเคราะห์ครั้งนี้ คือ “รูปแบบการสอน” ไม่ใช่สิ่งสำเร็จรูปที่สามารถ “นำเข้า” (Import) จากต่างประเทศแล้วจะประสบความสำเร็จได้ทันที แต่เป็น “นวัตกรรม” ที่ต้องผ่านกระบวนการวิจัยและพัฒนา (R&D) 1 เพื่อ “ปรับ” (Adapt) หรือ “พัฒนา” (Develop) ให้สอดคล้องกับบริบทของผู้เรียนและสังคมไทย ดังตัวอย่างที่ชัดเจนของโมเดล EREC IF 41 ที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ในบริบทเฉพาะ
ดังนั้น ภารกิจเร่งด่วนของครู อาจารย์ และนักวิชาการไทย จึงไม่ใช่เพียงการเปลี่ยนบทบาทเป็น “ผู้ใช้” (User) รูปแบบการสอน แต่ต้องก้าวขึ้นมาเป็น “นักวิจัยและพัฒนา” (Researcher and Developer) 3 เพื่อสร้างสรรค์และปรับปรุงรูปแบบการสอนของเราเอง ให้สามารถตอบโจทย์การพัฒนาคุณภาพผู้เรียน 55 ในยุคแห่งการเรียนรู้ฐานสมรรถนะ 46 และทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 56 ได้อย่างแท้จริง
Works cited
- รูปแบบการวิจัยและพัฒนา (Research and Development : R & D) – ThaiJo, accessed November 1, 2025, https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/psru/article/download/17066/15379
- หลักการออกแบบการเรียนการสอน (Instructional Design) ⋆ TouchPoint, accessed November 1, 2025, https://touchpoint.in.th/instructional-design/
- บทที่ ๑ แนวคิดการออกแบบและการจัดการเรียนรู้, accessed November 1, 2025, http://kanjadkan69.blogspot.com/2018/02/blog-post_15.html
- บทที่ 2 เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง, accessed November 1, 2025, https://archive.lib.cmu.ac.th/full/T/2556/edel40556rk_ch2.pdf
- การเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem–based Learning: PBL) – Teacher Nu, accessed November 1, 2025, https://www.teachernu.com/2021/06/21/19/4127/
- การเรียนการสอนโดยใช้ปัญหาเป็นหลัก (Problem-Based Learning): – ThaiJO, accessed November 1, 2025, https://he02.tci-thaijo.org/index.php/tnaph/article/download/97687/76086/
- ผลของการใช้วงจรการเรียนรู้ 5E ร่วมกับเทคนิคการใช้คำถามตามแนวคิดของออสบอร์นที่มีต่อทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์ของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น – Chula Digital Collections, accessed November 1, 2025, https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/35486/
- แนวคิดของการประเมินทักษะการเรียนรูในศตวรรษ – STOU, accessed November 1, 2025, https://www.stou.ac.th/offices/ore/info/cae/uploads/contentdoc/doc1.pdf
- โครงการวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนการสอนมหาวิท, accessed November 1, 2025, https://lc.rsu.ac.th/files/proposals/463.pdf
- การสอนแบบสืบเสาะหาความรู้(5Es), accessed November 1, 2025, http://www.thaischool.in.th/_files_school/84101600/workteacher/84101600_1_20210404-210214.pdf
- โมเดลซิปปา ( CIPPA Model – การจัดการความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม …, accessed November 1, 2025, https://www.gotoknow.org/posts/547887
- การเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem–based Learning: PBL), accessed November 1, 2025, https://ph.kku.ac.th/thai/images/file/km/pbl-he-58-1.pdf
- Problem Based Learning: การเรียนรู้ที่เด็กสร้างความรู้ด้วยตัวเองที่ลำปลายมาศพัฒนา, accessed November 1, 2025, https://thepotential.org/knowledge/problem-based-learning/
- Project based learning คืออะไร การเรียนรู้ยุคใหม่ในศตวรรษที่ 21 – Code Genius, accessed November 1, 2025, https://codegeniusacademy.com/project-based-learning/
- ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้(5E) – ครูบ้านนอกดอทคอม, accessed November 1, 2025, https://www.kroobannok.com/tag-%E0%B8%8A%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89(5E).html
- การเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem-Based Learning), accessed November 1, 2025, https://tmed.psu.ac.th/files/articles/PBL.pdf
- วิธีสอนแบบซิปปา (cippa model), accessed November 1, 2025, http://chittaponchuenta.blogspot.com/2018/04/cippa-model.html
- การส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ผ่านกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงาน* – promoting creativity through project-based learning activities – ThaiJo, accessed November 1, 2025, https://so11.tci-thaijo.org/index.php/jkp/article/download/1466/288/5318
- การประเมินตามสภาพจริง Authentic Assessment – Active Learning in Online Teaching, accessed November 1, 2025, https://active-learning.thailandpod.org/assessments/authentic-assessment
- การประเมินตามสภาพจริงอิงสมรรถนะ, accessed November 1, 2025, http://www.curriculumandlearning.com/upload/Books/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B8%99%E0%B8%B0_1559626644.pdf
- การ ออกแบบ การ เรียน รู้ อิง มาตรฐาน – Rattanakaan, accessed November 1, 2025, https://rattanakaan.files.wordpress.com/2010/10/e0b881e0b8b2e0b8a3e0b8ade0b8ade0b881e0b981e0b89ae0b89ae0b881e0b8b2e0b8a3e0b980e0b8a3e0b8b5e0b8a2e0b899e0b8a3e0b8b9e0b989e0b8ade0b8b4.pdf
- ความรู้เกิดขึ้นได้อย่างไรเมื่อผู้เรียนต้องการสร้างความรู้ด้วยตนเอง (Constructivist Theory) », accessed November 1, 2025, https://krukob.com/web/news-115/
- ผลของการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es) ร่วมกับแนวคิด MACRO – ThaiJO, accessed November 1, 2025, https://so02.tci-thaijo.org/index.php/JRKSA/article/download/262530/177144/1052299
- ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์โดยใช้รูปเเบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ร่วมกับ QR Code เรื่อง การจัดกลุ่มสิ่งมีชีวิต กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 – 030อรุณี สุดตะพรม – Page 7 – PubHTML5, accessed November 1, 2025, https://pubhtml5.com/dnfmj/xnyo/%E0%B8%8A%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%82%E0%B8%94%E0%B8%A2%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B9%80%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89_(5E)_%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A_QR_Code_%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87_%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95_%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B9%82%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%A2%E0%B8%B5_%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%96%E0%B8%A1%E0%B8%A8%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88_4/7
- Solids, Liquids, and Gases Lesson Plan – A Complete Science Lesson Using the 5E Method of Instruction, accessed November 1, 2025, https://keslerscience.com/solids-liquids-and-gases-lesson-plan-a-complete-science-lesson-using-the-5e-method-of-instruction
- ด้วยการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5E) ร่วมกับ – มหาวิทยาลัยบูรพา, accessed November 1, 2025, https://buuir.buu.ac.th/bitstream/1234567890/10781/1/56910202.pdf
- ผลการจัดการเรียนรู้แบบวัฏจักรสืบเสาะหาความ – ThaiJO, accessed November 1, 2025, https://he02.tci-thaijo.org/index.php/Veridian-E-Journal/article/download/40206/33157
- 5 e Science Lesson Plan States of Matter | PDF | Ice – Scribd, accessed November 1, 2025, https://www.scribd.com/document/429855659/5-e-Science-Lesson-Plan-States-of-Matter
- CIPPA MODEL – GotoKnow, accessed November 1, 2025, https://www.gotoknow.org/posts/318341
- ก การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ด้วยรูปแบบ CIPPA และ – มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี, accessed November 1, 2025, https://digital_collect.lib.buu.ac.th/dcms/files/58920575.pdf
- รูปแบบการเรียนการสอนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง : โมเดลซิปปา (CIPPA Model) หรือรูปแบบการประสาน – วิชาการออกแบบและการจัดการเรียนรู้ในชั้นเรียน, accessed November 1, 2025, http://ispang.blogspot.com/p/cippa-model-cippa-model-30-1.html
- การพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบซิปปา เรื่อง สิทธิหน้าที่ความเป็น พลเมืองดี ของนักเรียนประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นปีที่1 – มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม, accessed November 1, 2025, https://fulltext.rmu.ac.th/fulltext/2562/M127004/Kotruchin%20Chamanporn.pdf
- สัปดาห์ที่ 4 – การออกแบบและการจัดการเรียนรู้, accessed November 1, 2025, http://siriwanmorada.blogspot.com/p/3-1.html
- ผลการวิเคราะหํข้อมูล ในบทนี้ผู้วิจัยได้เสนอ – จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, accessed November 1, 2025, https://cuir.car.chula.ac.th/dspace/bitstream/123456789/65351/5/Chatree_th_ch4_p.pdf
- PBL: Project-Based Learning หรือ Problem-Based Learning – เข้าใจให้ถูกต้องก่อนนำไปใช้, accessed November 1, 2025, https://il.mahidol.ac.th/th/i-learning-clinic/lecturer-and-learning-management-articles/pbl-project-based-learning-%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD-problem-based-learning-%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B9%83%E0%B8%88%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%96%E0%B8%B9/
- การเรียนการสอนโดยผู้เรียนใช้โครงงานเป็นฐานร่วมกับการใช้ทฤษฎี การสร้างความรู้ด้วยตนเอง และการเสริมต่อการเรียนรู้ Project-Based Learning with Constructivism and Scaffolding – thaijo.org, accessed November 1, 2025, https://so05.tci-thaijo.org/index.php/SocialJournal2rmutto/article/download/252533/171353
- ดู ผลการใช้การเรียนรู้แบบโครงงานสะเต็มเพื่อส่งเสริมทักษะศตวรรษที่ 21 ในนักศึกษาวิทยาลัยพยาบาล, accessed November 1, 2025, https://he02.tci-thaijo.org/index.php/Nubuu/article/view/166248/120167
- วิธีสอนแบบใช้โครงงานเป็นฐาน (Project Based Learning), accessed November 1, 2025, http://sciso.sakaeo.buu.ac.th/scisobuusk/wp-content/uploads/2016/09/3.%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99_Project-base-Learning-1.pdf
- Project-based Learning การเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐาน, accessed November 1, 2025, https://active-learning.thailandpod.org/learning-activities/project-based-learning
- บทที่2 เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง, accessed November 1, 2025, https://archive.lib.cmu.ac.th/full/T/2561/citl90561wipew_ch2.pdf
- การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนที่ส่งเสริมทักษะ แห่ง … – ThaiJO, accessed November 1, 2025, https://he02.tci-thaijo.org/index.php/tnaph/article/download/121758/92782/
- The Journal of Technology Studies – Scholarly Communication, accessed November 1, 2025, https://scholar.lib.vt.edu/ejournals/JOTS/v33/v33.pdf
- Online Course Best Practices as Precision Teaching: Case Study of Quality Systems Courses – ERIC, accessed November 1, 2025, https://files.eric.ed.gov/fulltext/EJ847364.pdf
- การพัฒนาระบบการสอนแบบกระฉับกระเฉงเพื่อการพัฒนาการเรียน ในพุทธศตวรรษที่26 สำหรับครูสาระการเรียนสังคมศึกษาศาสนาและ วัฒนธรรม เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาในจังหวัดนครราชสีมา – ThaiJo, accessed November 1, 2025, https://so06.tci-thaijo.org/index.php/bim/article/download/266587/181706
- การวัดและประเมินผลตามสภาพจริง (Authentic Assessment) – Learning …, accessed November 1, 2025, https://li.kmutt.ac.th/authentic-assessment/knowledge/
- การออกแบบการเรียนรู้ฐานสมรรถนะ : แนวคิด – TCI, accessed November 1, 2025, https://search.tci-thailand.org/article.html?b3BlbkFydGljbGUmaWQ9NzMxNzQ0
- คู่มือการวัดและประเมินผลตามหลักสูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะ ของสถานศึกษานาร่องในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาจังหวัดสตูล, accessed November 1, 2025, http://sandbox.satunpeo.go.th/edusb/assets/EII/PARTICIPANT_COOPERATION/b18938ec46ffbdf2871361e644d52555.pdf
- แบบประเมินสมรรถนะสำคัญของผู้เรียนสำหรับครูผู้สอนประเมินผู้เรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 », accessed November 1, 2025, https://krukob.com/web/assignment/
- การประเมินตามสภาพจริง (Authentic Assessment) – ACT, accessed November 1, 2025, https://www.act.ac.th/doc/download/academics/7.rubilc.pdf
- การประเมินการเรียนรู ตามสภาพจริง, accessed November 1, 2025, https://registrar.ku.ac.th/wp-content/uploads/2022/06/%E0%B8%81%E0%B8%A1%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%93_%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%8764.pdf
- Phases of Matter | 5E Lesson Plan for Grades K-2 [PDF] – Generation Genius, accessed November 1, 2025, https://www.generationgenius.com/wp-content/uploads/2019/02/Phases-of-Matter-Lesson-Plan-GG.pdf
- States of Matter 5E Science Lesson Changing States of Matter worksheet gas laws – TPT, accessed November 1, 2025, https://www.teacherspayteachers.com/Product/States-of-Matter-5E-Science-Lesson-Changing-States-of-Matter-worksheet-gas-laws–2269386
- WOW Factor Lesson Plans on States of Matter that Your Students Will Love, accessed November 1, 2025, https://www.brightinthemiddle.com/lesson-plans-on-states-of-matter/
- การเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐาน (Project-based Learning ) | XCL American School of Bangkok, accessed November 1, 2025, https://www.asbsk.ac.th/th/curriculum/project-based-learning/
- ก ทักษะการจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ของครู – มหาวิทยาลัยบูรพา, accessed November 1, 2025, https://buuir.buu.ac.th/bitstream/1234567890/7379/1/Fulltext.pdf
- ทักษะของครูในศตวรรษที่21 สังกัดสำนักงำนเขตพื, accessed November 1, 2025, https://mbuisc.ac.th/mbuiscethesis/down/2560/5820440432002.pdf
Comments
comments
Powered by Facebook Comments
