Site icon Digital Learning Classroom

ปฏิวัติการสอนสู่ความเป็นเลิศ: การออกแบบแผนการจัดการเรียนรู้ยุคใหม่ด้วย AI และ Active Learning สำหรับครูวิทยฐานะเชี่ยวชาญ

แชร์เรื่องนี้


ปฏิวัติการสอนสู่ความเป็นเลิศ: การออกแบบแผนการจัดการเรียนรู้ยุคใหม่ด้วย AI และ Active Learning สำหรับครูวิทยฐานะเชี่ยวชาญ

ส่วนที่ 1: วางรากฐานแผนการจัดการเรียนรู้สู่ยุคดิจิทัล

นิยามใหม่ของแผนการสอน : มากกว่าเอกสารสู่พิมพ์เขียวแห่งการเรียนรู้

ในบริบทการศึกษาไทยปัจจุบัน แผนการจัดการเรียนรู้ไม่ได้เป็นเพียงเอกสารธุรการที่ครูต้องจัดทำให้ครบถ้วนตามระเบียบอีกต่อไป แต่มันได้ถูกยกระดับให้เป็น “พิมพ์เขียวเชิงกลยุทธ์” (Strategic Blueprint) ที่สะท้อนวิสัยทัศน์และทิศทางการจัดการศึกษาของชาติ นโยบายและจุดเน้นของกระทรวงศึกษาธิการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ได้วางกรอบที่ชัดเจนในการ “พลิกโฉมการศึกษาสู่ยุคดิจิทัล” (Transforming Education to Fit in the Digital Era) โดยมุ่งเน้นการยกระดับคุณภาพการศึกษา, การสร้างโอกาสและความเสมอภาค, และการศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะอาชีพและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน.1

ดังนั้น แผนการสอนยุคใหม่จึงต้องเริ่มต้นจากการวิเคราะห์หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน, มาตรฐานการเรียนรู้, และตัวชี้วัดอย่างเป็นระบบและลึกซึ้ง.3 การวิเคราะห์นี้ไม่ใช่แค่การแจกแจงหัวข้อ แต่เป็นการตีความเพื่อบูรณาการตัวชี้วัดต่างๆ เข้าด้วยกันในหน่วยการเรียนรู้เดียว เพื่อให้การสอนกระชับและเชื่อมโยงกันอย่างมีความหมาย.3 ตัวอย่างเช่น ในวิชาวิทยาศาสตร์ระดับประถมศึกษาตอนต้น แทนที่จะสอนแยกกันในหัวข้อ “ลักษณะของสิ่งมีชีวิต” และ “โครงสร้างภายนอกของพืชและสัตว์” ครูสามารถบูรณาการตัวชี้วัดเหล่านี้เข้าด้วยกันเป็นหน่วยการเรียนรู้ที่ใหญ่ขึ้น เช่น “การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของลักษณะ โครงสร้าง และหน้าที่ของสิ่งมีชีวิตรอบตัว”.3 วิธีการนี้ไม่เพียงลดความซ้ำซ้อน แต่ยังส่งเสริมให้ผู้เรียนเห็นภาพรวมขององค์ความรู้

การเปลี่ยนผ่านนี้หมายความว่าแผนการสอนได้กลายสภาพจากเอกสารที่เน้นการปฏิบัติตามข้อกำหนด (Compliance-driven document) ไปสู่เอกสารที่ขับเคลื่อนด้วยผลลัพธ์ (Outcome-driven document) ครูผู้สอนต้องออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ที่ครอบคลุมการพัฒนาผู้เรียนในทุกมิติ ทั้งด้านความรู้ (Knowledge: K), ทักษะ/กระบวนการ (Process/Skills: P), และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (Attitude: A).3 ยิ่งไปกว่านั้น สำหรับสายอาชีวศึกษา แผนการสอนจะถูกยกระดับขึ้นไปอีกขั้น โดยต้องออกแบบกิจกรรมที่เน้นผลลัพธ์การเรียนรู้ (Learning Outcomes) ซึ่งอ้างอิงกับมาตรฐานอาชีพโดยตรง เพื่อผลิตผู้เรียนที่มีทักษะพร้อมปฏิบัติงานจริงในศตวรรษที่ 21.4 การมองแผนการสอนในมิติใหม่นี้จะช่วยเปลี่ยนภาระงานเอกสารให้กลายเป็นการวางแผนกลยุทธ์ทางการสอนที่มีคุณค่าและส่งผลกระทบสูงต่อคุณภาพของผู้เรียนอย่างแท้จริง

จาก Passive สู่ Active Learning: การเปลี่ยนกระบวนทัศน์ครูผู้สอน

การบรรยายหน้าชั้นเรียนแบบดั้งเดิม (Passive Learning) ซึ่งครูเป็นศูนย์กลางและเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ฝ่ายเดียวนั้น ไม่เพียงพออีกต่อไปสำหรับการสร้างทักษะที่จำเป็นสำหรับโลกอนาคต.5 ประสบการณ์ในห้องเรียนชี้ชัดว่า เมื่อครูบรรยายเนื้อหาเพียงอย่างเดียว ผู้เรียนมักจะขาดความสนใจและไม่สามารถเชื่อมโยงความรู้เข้ากับบริบทจริงได้.5 กระบวนทัศน์การสอนจึงต้องเปลี่ยนผ่านไปสู่การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งเป็นการปฏิวัติบทบาทของผู้เรียนจาก “ผู้รับสาร” (Receiver) ให้กลายเป็น “ผู้มีส่วนร่วมในกระบวนการเรียนรู้ทั้งหมด” (Participant).7

หัวใจสำคัญของ Active Learning คือการเปลี่ยนจุดเน้นจาก “เนื้อหาวิชา” ไปสู่ “กระบวนการเรียนรู้”.8 เป้าหมายสูงสุดไม่ใช่การที่ผู้เรียนท่องจำเนื้อหาได้ทั้งหมด แต่คือการที่ผู้เรียนสามารถเชื่อมโยงความรู้เดิมเข้ากับความรู้ใหม่ สร้างองค์ความรู้ขึ้นมาด้วยตนเองผ่านการลงมือปฏิบัติจริง และสามารถนำความรู้นั้นไปประยุกต์ใช้ได้.8 ในกระบวนการนี้ บทบาทของครูจะเปลี่ยนจาก “ผู้สอน” (Sage on the stage) มาเป็น “ผู้อำนวยความสะดวก” (Facilitator) หรือ “ผู้ให้คำปรึกษา” (Guide on the side) ที่คอยกระตุ้น ตั้งคำถาม และจัดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้.7

การปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์นี้ไม่ใช่เพียง “ทางเลือก” หรือ “กระแสนิยม” ทางการศึกษา แต่เป็น “เงื่อนไขที่จำเป็น” (Necessary Condition) เพื่อบรรลุเป้าหมายของหลักสูตรแห่งชาติที่มุ่งพัฒนา “ทักษะแห่งอนาคต” (Future Skills) เช่น ทักษะการคิดวิเคราะห์ (Analytical Skills), ทักษะการใช้เทคโนโลยี (Technology Skills) และทักษะทางสังคม (Soft Skills).1 ทักษะเหล่านี้ไม่สามารถสร้างได้จากการนั่งฟังบรรยาย แต่ต้องเกิดจากการลงมือทำ การแก้ปัญหา การทำงานร่วมกับผู้อื่น และการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ซึ่งล้วนเป็นกิจกรรมที่เป็นแก่นของ Active Learning. งานวิจัยจำนวนมากได้ยืนยันอย่างสอดคล้องกันว่า การเรียนรู้แบบ Active Learning ไม่เพียงแต่ช่วยให้ผู้เรียนเกิดความเข้าใจในเนื้อหาได้ดีกว่าเท่านั้น แต่ยังสร้างผลการเรียนรู้ที่คงทนและสามารถจดจำได้ยาวนานกว่าการเรียนรู้แบบ Passive อย่างมีนัยสำคัญ.11

แก่นแท้ 4 ประการของ Active Learning: กรอบแนวคิดในการออกแบบกิจกรรม

เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านสู่ Active Learning เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและไม่หลงทิศทาง ครูผู้สอนจำเป็นต้องเข้าใจและยึดมั่นในองค์ประกอบหลัก 4 ประการ ซึ่งเป็นเสมือนเสาหลักที่ค้ำจุนการเรียนรู้เชิงรุกที่สมบูรณ์.13 องค์ประกอบทั้งสี่นี้ไม่ได้เป็นเพียงรายการตรวจสอบ แต่เป็นกรอบแนวคิดที่ทรงพลังสำหรับใช้ทั้งในการออกแบบกิจกรรมใหม่และวิเคราะห์จุดอ่อนของกิจกรรมเดิม

  1. การเรียนรู้ผ่านการคิดขั้นสูง (Thinking Based Learning): นี่คือหัวใจของการเรียนรู้ที่แท้จริง Active Learning ไม่ใช่แค่การให้นักเรียนทำกิจกรรมสนุกๆ แต่กิจกรรมนั้นต้องกระตุ้นและ “บังคับ” ให้ผู้เรียนต้องใช้กระบวนการคิดที่ซับซ้อนกว่าการจดจำ เช่น การคิดวิเคราะห์, การสังเคราะห์ข้อมูล, การประเมินค่า, และการคิดสร้างสรรค์ เพื่อสร้างองค์ความรู้ขึ้นมาเป็นของตนเอง.8
  2. การเรียนรู้ผ่านการลงมือทำ (Learning by Doing): ความรู้ที่เกิดจากการฟังเพียงอย่างเดียวมักเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว แต่ความรู้ที่สร้างขึ้นจากการลงมือปฏิบัติจะฝังลึกและคงทน การลงมือทำในที่นี้มีความหมายกว้างกว่าแค่การสร้างชิ้นงานหรือสิ่งประดิษฐ์ แต่ยังรวมถึงการร่วมกันวางแผน, การอภิปราย, การแสดงบทบาทสมมติ, หรือแม้แต่การนำเสนอแนวคิด ซึ่งล้วนเป็นการที่ผู้เรียนได้สร้างความรู้ผ่านประสบการณ์ตรง.8
  3. การเรียนรู้ผ่านการร่วมมือ (Cooperative Learning): ทักษะการทำงานร่วมกับผู้อื่นเป็นหนึ่งในทักษะที่สำคัญที่สุดในศตวรรษที่ 21. กิจกรรม Active Learning ที่ดีจึงควรออกแบบให้ผู้เรียนได้มีปฏิสัมพันธ์กัน, แลกเปลี่ยนความคิดเห็น, เรียนรู้ที่จะรับฟังและเคารพความแตกต่าง และร่วมกันสร้างองค์ความรู้เพื่อบรรลุเป้าหมายร่วมกัน.13
  4. การเรียนรู้ผ่านการสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Based Learning): การเรียนรู้จะมีความหมายที่สุดเมื่อมันเริ่มต้นจากความสงสัยใคร่รู้ของผู้เรียนเอง ครูจึงควรเปลี่ยนจากการเป็นผู้ป้อนคำตอบ มาเป็นผู้กระตุ้นให้ผู้เรียนตั้งคำถาม และออกแบบกระบวนการให้พวกเขาได้สืบค้น, ค้นคว้า, และค้นพบคำตอบด้วยตนเอง.13

กรอบแนวคิด 4 ประการนี้สามารถใช้เป็นเครื่องมือวินิจฉัยได้เป็นอย่างดี หากครูพบว่ากิจกรรมที่ออกแบบไว้ไม่สามารถดึงดูดความสนใจของผู้เรียนได้ ให้ลองตรวจสอบว่ากิจกรรมนั้นขาดองค์ประกอบข้อใดไปหรือไม่ กิจกรรมนั้นได้เปิดโอกาสให้ผู้เรียน “คิด” (Thinking) อย่างลึกซึ้งหรือไม่? ได้ให้พวกเขา “ทำ” (Doing) อะไรที่เป็นรูปธรรมหรือไม่? ได้สร้างเงื่อนไขให้เกิดการ “ร่วมมือ” (Cooperative) ที่มีความหมายหรือไม่? และมันเริ่มต้นจาก “คำถาม” (Inquiry) ที่ท้าทายหรือไม่? การใช้กรอบแนวคิดนี้จะช่วยให้ครูสามารถออกแบบและปรับปรุงกิจกรรมการเรียนรู้ให้เป็น Active Learning ที่ทรงพลังและมีประสิทธิภาพได้อย่างแท้จริง

ส่วนที่ 2: การรู้จักผู้เรียนอย่างลึกซึ้งด้วยข้อมูลและ AI

เทคนิคการวิเคราะห์ผู้เรียนรายบุคคล (Learner Analysis): รากฐานของการสอนที่แตกต่าง

การจัดการเรียนรู้ที่ประสบความสำเร็จและตอบสนองต่อความต้องการของผู้เรียนได้อย่างแท้จริงนั้น มีจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่สุดคือ “การรู้จักผู้เรียน” อย่างลึกซึ้งเป็นรายบุคคล.14 การวิเคราะห์ผู้เรียนไม่ใช่เพียงการรวบรวมข้อมูลทั่วไป แต่เป็นกระบวนการที่เป็นระบบเพื่อทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่างบุคคลในหลากหลายมิติ ซึ่งเป็นข้อมูลพื้นฐานที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการวางแผนการสอนที่สามารถพัฒนาผู้เรียนได้เต็มตามศักยภาพ

การวิเคราะห์ผู้เรียนควรครอบคลุมมิติที่หลากหลาย ดังนี้ 14:

วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลเหล่านี้สามารถทำได้หลายวิธีผสมผสานกัน เช่น การใช้แบบสอบถาม, การสัมภาษณ์ผู้เรียนและผู้ปกครอง, การสังเกตพฤติกรรมในชั้นเรียน, การสร้างแบบทดสอบเพื่อวัดความรู้พื้นฐานก่อนเรียน, และการศึกษาข้อมูลผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเดิม.14

อย่างไรก็ตาม กระบวนทัศน์ของการวิเคราะห์ผู้เรียนในยุคใหม่ได้เปลี่ยนจากการทำเพียงครั้งเดียวในช่วงต้นภาคเรียน (One-time snapshot) ไปสู่การเป็นกระบวนการที่ต่อเนื่องและเกิดขึ้นตลอดเวลา (Continuous process) ข้อมูลที่ได้จากการสังเกตการณ์ในชั้นเรียน, การประเมินย่อย, หรือการทำงานกลุ่มในแต่ละคาบเรียน ล้วนเป็นข้อมูลใหม่ที่ครูสามารถนำมาปรับปรุงความเข้าใจที่มีต่อผู้เรียนแต่ละคนได้เสมอ การมองการวิเคราะห์ผู้เรียนเป็น “ภาพยนตร์” ที่เคลื่อนไหวตลอดเวลา แทนที่จะเป็นเพียง “ภาพนิ่ง” จะช่วยให้ครูสามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การสอนให้สอดคล้องกับพัฒนาการของผู้เรียนได้อย่างทันท่วงที

เครื่องมือดิจิทัลเพื่อการวิเคราะห์และประเมินเบื้องต้น: ฟังเสียงผู้เรียนแบบเรียลไทม์

ในอดีต การรวบรวมข้อมูลและความคิดเห็นจากนักเรียนทั้งห้องเป็นเรื่องที่ใช้เวลามากและมักจะได้ข้อมูลจากนักเรียนเพียงไม่กี่คนที่กล้าแสดงออก แต่ในปัจจุบัน เทคโนโลยีดิจิทัลได้เข้ามาทลายข้อจำกัดนี้และเปิดโอกาสให้ครูสามารถ “ฟังเสียง” ของผู้เรียนทุกคนได้พร้อมกันแบบเรียลไทม์ เครื่องมือเหล่านี้ไม่เพียงช่วยประหยัดเวลา แต่ยังทำให้การเก็บข้อมูลเป็นประชาธิปไตย (Data Democratization) มากขึ้น

เครื่องมือดิจิทัลที่ครูสามารถนำมาใช้ในการประเมินเบื้องต้นและรวบรวมข้อมูลผู้เรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีดังนี้:

การใช้เครื่องมือเหล่านี้สร้างให้เกิดวงจรข้อมูลป้อนกลับที่รวดเร็ว (Rapid Feedback Loop) ครูสามารถปรับเปลี่ยนการสอนได้ทันทีภายในคาบเรียน แทนที่จะต้องรอผลสอบในอีกหลายสัปดาห์ข้างหน้า สิ่งนี้เปลี่ยนการประเมินผลจากการเป็นเพียงกิจกรรมวัดผลปลายทาง (Summative Assessment) ให้กลายเป็นการประเมินเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ (Formative Assessment) ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการสอน

การใช้ AI เป็นผู้ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลผู้เรียน: จากข้อมูลสู่ปัญญา

ในขณะที่เครื่องมือดิจิทัลช่วยให้การรวบรวมข้อมูลทำได้ง่ายขึ้น ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) คือเครื่องมือที่จะช่วยยกระดับการวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านั้นให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เปลี่ยนจากแค่การเห็น “ข้อมูล” (Data) ไปสู่การค้นพบ “ปัญญา” (Insight) ที่สามารถนำไปใช้ในการตัดสินใจทางการสอนได้จริง AI สามารถทำหน้าที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ข้อมูล (Data Scientist) ประจำชั้นเรียน ช่วยให้ครูมองเห็นรูปแบบและแนวโน้มที่อาจมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า.21

ศักยภาพของ AI ในการวิเคราะห์ผู้เรียนมีดังนี้:

การใช้ AI ในลักษณะนี้ช่วยเปลี่ยนบทบาทของครูจากการเป็นเพียงผู้ให้คะแนน (Grader) ไปสู่การเป็น “นักวินิจฉัยทางการศึกษา” (Educational Diagnostician) ที่ใช้ข้อมูลเป็นฐาน สมุดพกแบบดั้งเดิมอาจบอกได้ว่านักเรียนได้คะแนน “เท่าไหร่” แต่ AI สามารถช่วยครูค้นหาคำตอบว่า “ทำไม” นักเรียนถึงได้คะแนนเท่านั้น การวินิจฉัยที่แม่นยำนำไปสู่การช่วยเหลือที่ตรงจุดและมีประสิทธิภาพ ทำให้ครูสามารถทุ่มเทเวลาและพลังงานไปกับการปฏิสัมพันธ์และส่งเสริมผู้เรียนเป็นรายบุคคลได้มากขึ้น.24

ส่วนที่ 3: กลยุทธ์การออกแบบกิจกรรม Active Learning สำหรับผู้เรียนทุกช่วงวัย

การออกแบบกิจกรรม Active Learning ที่มีประสิทธิภาพนั้นต้องคำนึงถึงพัฒนาการและธรรมชาติการเรียนรู้ของผู้เรียนในแต่ละช่วงวัย กิจกรรมที่ท้าทายสำหรับนักเรียนมัธยมอาจซับซ้อนเกินไปสำหรับเด็กประถม และกิจกรรมที่สนุกสนานสำหรับเด็กปฐมวัยอาจไม่สามารถดึงดูดความสนใจของนักเรียนมัธยมได้ ดังนั้น การเลือกใช้กลยุทธ์และรูปแบบกิจกรรมที่เหมาะสมกับช่วงวัยจึงเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ

ปฐมวัย: เรียนรู้ผ่านการเล่น (Play-Based Learning)

สำหรับเด็กปฐมวัย (อายุ 3-6 ปี) “การเล่น” ไม่ใช่แค่กิจกรรมเพื่อความผ่อนคลาย แต่คือ “งาน” และเป็นกระบวนการเรียนรู้ที่สำคัญที่สุด การจัดการเรียนรู้ในระดับนี้จึงเน้นการบูรณาการสาระการเรียนรู้ต่างๆ ผ่าน “การเล่นอย่างมีความหมาย” (Meaningful Play).26 แผนการจัดประสบการณ์ที่ดีต้องออกแบบกิจกรรมที่ส่งเสริมให้เด็กได้ใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้า, ได้เคลื่อนไหว, สำรวจ, ทดลอง, และแก้ปัญหาด้วยตนเอง โดยมีครูเป็นผู้สนับสนุนและเรียนรู้ไปพร้อมกับเด็ก.27

กิจกรรม 6 หลักสำหรับเด็กปฐมวัย ประกอบด้วย 28:

  1. กิจกรรมเสริมสร้างประสบการณ์: เปิดโอกาสให้เด็กได้เรียนรู้และแสวงหาความรู้ด้วยตนเองผ่านกิจกรรม Play & Learn.
  2. กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ: ส่งเสริมพัฒนาการด้านร่างกายผ่านการเคลื่อนไหวประกอบเพลงและดนตรี
  3. กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์: เปิดโอกาสให้เด็กได้แสดงออกทางความคิดและจินตนาการอย่างอิสระผ่านงานศิลปะ
  4. การเล่นตามมุม: จัดมุมประสบการณ์ต่างๆ เช่น มุมหนังสือ, มุมบล็อก, มุมบทบาทสมมติ เพื่อให้เด็กได้เลือกเล่นตามความสนใจ
  5. การละเล่นกลางแจ้ง: ส่งเสริมพัฒนาการกล้ามเนื้อมัดใหญ่และทักษะทางสังคมผ่านการเล่นนอกห้องเรียน
  6. กิจกรรมเกมการศึกษา: ฝึกทักษะการสังเกต, การจำแนก, การเปรียบเทียบ และการแก้ปัญหาผ่านเกมที่ออกแบบมาเพื่อการเรียนรู้

ตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมคือ กิจกรรมทำอาหาร เช่น การทำลูกชิ้น.29 ในกิจกรรมนี้ เด็กไม่ได้เป็นเพียงผู้สังเกต แต่ได้ลงมือทำจริงในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การตวงส่วนผสม (เรียนรู้คณิตศาสตร์เบื้องต้น), การสังเกตการเปลี่ยนแปลงของสี ขนาด และรูปร่างของวัตถุดิบเมื่อผ่านความร้อน (เรียนรู้วิทยาศาสตร์เบื้องต้น), ไปจนถึงการทำงานร่วมกับเพื่อน (พัฒนาทักษะทางสังคม).29 การออกแบบการเล่นให้มีเป้าหมายการเรียนรู้ที่ชัดเจนเช่นนี้ คือหัวใจของการจัดการเรียนรู้เชิงรุกสำหรับเด็กปฐมวัย

ประถมศึกษา: สร้างการมีส่วนร่วมและทักษะการทำงานกลุ่ม

เมื่อเข้าสู่ระดับประถมศึกษา ผู้เรียนเริ่มมีพัฒนาการด้านความคิดและสังคมที่ซับซ้อนขึ้น กิจกรรม Active Learning จึงควรเน้นไปที่การส่งเสริมการมีส่วนร่วมในชั้นเรียนและพัฒนาทักษะการทำงานร่วมกับผู้อื่น (Cooperative Learning) อย่างเป็นระบบ กลยุทธ์ที่ใช้ในระดับนี้มักถูกออกแบบมาเพื่อสร้างความมั่นใจในการแสดงความคิดเห็นและค่อยๆ พัฒนาทักษะการทำงานกลุ่มที่ซับซ้อนขึ้น

เทคนิคที่นิยมและมีประสิทธิภาพสำหรับระดับประถมศึกษา ได้แก่:

เทคนิคเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงวิธีการจัดการทำงานกลุ่ม แต่เป็นการออกแบบกระบวนการที่ช่วยพัฒนาทั้งทักษะทางปัญญา (การสร้างและขัดเกลาความคิด) และทักษะทางสังคม (การสื่อสารและการทำงานร่วมกัน) ไปพร้อมๆ กัน ซึ่งเป็นรากฐานที่สำคัญสำหรับการเรียนรู้ในระดับที่สูงขึ้น

มัธยมศึกษา: พัฒนาทักษะการคิดขั้นสูง (Higher-Order Thinking Skills)

สำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษา ซึ่งอยู่ในช่วงวัยที่มีพัฒนาการทางสติปัญญาสูงและสามารถคิดเชิงนามธรรมได้ดี กิจกรรม Active Learning ต้องมีความท้าทายและมุ่งเน้นการพัฒนาทักษะการคิดขั้นสูง (Higher-Order Thinking Skills) เช่น การวิเคราะห์, การสังเคราะห์, การประเมินค่า, และการสร้างสรรค์.34 เป้าหมายในระดับนี้คือการเปลี่ยนผู้เรียนจากการเป็นผู้ “เรียนรู้เกี่ยวกับวิชา” ไปสู่การเป็นผู้ที่สามารถ “คิดและปฏิบัติได้เหมือนผู้เชี่ยวชาญในสาขาวิชานั้นๆ”

รูปแบบการสอนและกลยุทธ์ที่เหมาะสมสำหรับระดับมัธยมศึกษา ได้แก่:

การใช้กลยุทธ์เหล่านี้จะช่วยเปลี่ยนบทบาทของผู้เรียนอย่างสิ้นเชิง พวกเขาไม่ได้เป็นเพียง “นักเรียนในชั้นเรียนประวัติศาสตร์” แต่กำลังฝึกฝนที่จะเป็น “นักประวัติศาสตร์” ที่ต้องวิเคราะห์หลักฐานและตีความเหตุการณ์ หรือไม่ได้เป็นเพียง “นักเรียนในชั้นเรียนวิทยาศาสตร์” แต่กำลังเป็น “นักวิทยาศาสตร์” ที่ต้องตั้งสมมติฐานและออกแบบการทดลอง วิธีการนี้สร้างการมีส่วนร่วมที่ลึกซึ้งและเตรียมความพร้อมให้ผู้เรียนสำหรับโลกของการศึกษาในระดับอุดมศึกษาและการทำงานในอนาคต


Table 1: สรุปกลยุทธ์ Active Learning และตัวอย่างกิจกรรมตามระดับชั้น

ระดับชั้นเป้าหมายการพัฒนาหลักกลยุทธ์/รูปแบบการสอนตัวอย่างกิจกรรมที่เป็นรูปธรรมแหล่งข้อมูลอ้างอิง
ปฐมวัยพัฒนาการรอบด้านผ่านการเล่นPlay-Based Learning, กิจกรรม 6 หลักกิจกรรมทำอาหาร (ทำลูกชิ้น), เล่นบทบาทสมมติ (เล่นขายของ), กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์, เกมการศึกษาจับคู่ภาพ28
ประถมศึกษาทักษะการทำงานร่วมกันและการสื่อสารCooperative Learning, Problem-Based Learning (PBL)Think-Pair-Share แก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์, สร้าง Mind Map สรุปนิทานที่อ่าน, Team-Pair-Solo ในการเขียนเรียงความ, ทำโครงงานสำรวจพืชในโรงเรียน30
มัธยมศึกษาทักษะการคิดขั้นสูงและการประยุกต์ใช้ความรู้5Es, Phenomenon-Based Learning (PheBL), Inquiry-Based Learningวิเคราะห์ข่าว/สถานการณ์ปัจจุบันโดยใช้กรณีศึกษา, ทำโครงงานสำรวจปัญหาสิ่งแวดล้อมในชุมชน, จัดการโต้วาทีในประเด็นทางสังคม, ออกแบบการทดลองทางวิทยาศาสตร์13

ส่วนที่ 4: พลังของ AI ในการสร้างสรรค์แผนและสื่อการสอน

การมาถึงของ Generative AI ได้เปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ของการสร้างสรรค์เนื้อหาไปอย่างสิ้นเชิง และสำหรับวงการศึกษา นี่คือเครื่องมือปฏิวัติที่สามารถปลดปล่อยครูจากภาระงานที่ต้องใช้เวลามาก ช่วยจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ และยกระดับคุณภาพของแผนการสอนและสื่อการเรียนรู้ได้อย่างก้าวกระโดด การเรียนรู้ที่จะสื่อสารและสั่งการ AI อย่างมีประสิทธิภาพจึงกลายเป็นทักษะใหม่ที่จำเป็นสำหรับครูในยุคดิจิทัล

หลักการเขียนคำสั่ง (Prompt Engineering) สำหรับครู: ศิลปะการสื่อสารกับ AI

คุณภาพของผลลัพธ์ที่ได้จาก AI ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความสามารถของ AI เพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับ “คุณภาพของคำสั่ง” (Prompt) ที่ผู้ใช้ป้อนเข้าไปเป็นสำคัญ.37 การเขียน Prompt ที่ดีเปรียบเสมือนการมีผู้ช่วยที่เชี่ยวชาญอยู่ข้างกาย แต่การเขียน Prompt ที่คลุมเครือก็เหมือนการสั่งงานผู้ช่วยที่ไม่เข้าใจเป้าหมาย การเขียน Prompt จึงไม่ใช่แค่ทักษะทางเทคนิค แต่เป็นรูปแบบใหม่ของการออกแบบการสอน (Pedagogical Design) ที่บังคับให้ครูต้องตกผลึกความคิดและเป้าหมายการสอนของตนเองให้ชัดเจนที่สุด

โครงสร้างของ Prompt ที่มีประสิทธิภาพสำหรับงานด้านการศึกษา ควรประกอบด้วย 4 องค์ประกอบหลัก (หรือที่เรียกว่า PTCF Framework) 38:

  1. Persona (บทบาท): กำหนดบทบาทให้ AI เป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนั้นๆ เพื่อให้ AI เข้าใจมุมมองและใช้ชุดคำศัพท์ที่เหมาะสม การขึ้นต้นประโยคว่า “ในฐานะที่คุณเป็น…” เป็นวิธีที่ง่ายและทรงพลัง
  1. Task (งานที่มอบหมาย): ระบุสิ่งที่ต้องการให้ AI ทำอย่างชัดเจนและเฉพาะเจาะจงที่สุด
  1. Context (บริบท): ให้ข้อมูลแวดล้อมที่จำเป็นทั้งหมดเพื่อให้ AI สามารถสร้างผลลัพธ์ที่ตรงกับสถานการณ์จริงได้มากที่สุด บริบทที่สำคัญได้แก่ ระดับชั้น, จำนวนนักเรียน, ระยะเวลา, หัวข้อ, ความรู้เดิมของนักเรียน, และข้อจำกัดต่างๆ.37
  1. Format (รูปแบบผลลัพธ์): กำหนดรูปแบบของผลลัพธ์ที่ต้องการให้ชัดเจน เช่น ตาราง, รายการ (bullet points), ข้อความสรุป, โครงร่างสไลด์ PowerPoint, หรือแม้กระทั่งโค้ดสำหรับสร้างกิจกรรม.41

การฝึกฝนการเขียน Prompt ตามโครงสร้างนี้ จะช่วยให้ครูสามารถเปลี่ยน AI จากเครื่องมือค้นหาข้อมูลทั่วไป ให้กลายเป็นผู้ช่วยออกแบบการสอนที่ทรงพลังและเข้าใจความต้องการได้อย่างลึกซึ้ง

คู่มือการใช้ Gemini สร้างแผนการสอนฉบับสมบูรณ์

Gemini ซึ่งเป็นโมเดลภาษาขนาดใหญ่จาก Google ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยเหลืองานด้านการศึกษาโดยเฉพาะ และสามารถเป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมในการสร้างแผนการสอนได้อย่างรวดเร็วและมีคุณภาพ.42 ครูสามารถใช้หลักการ Prompt Engineering ที่กล่าวมาข้างต้นเพื่อสั่งการ Gemini ให้สร้างแผนการสอนที่ครบถ้วนตามองค์ประกอบที่ต้องการ ตั้งแต่จุดประสงค์การเรียนรู้, กิจกรรมนำ-สอน-สรุป, ไปจนถึงสื่อและการประเมินผล.39

จุดเด่นที่แท้จริงของ AI อย่าง Gemini คือความสามารถในการเป็น “คู่คิด” (Thought Partner) สำหรับการออกแบบการสอนที่แตกต่าง (Differentiated Instruction) เพื่อตอบโจทย์ผู้เรียนที่มีความหลากหลายในห้องเรียน.44 ครูสามารถเริ่มต้นด้วยการสร้างแผนการสอนพื้นฐาน จากนั้นใช้คำสั่งต่อเนื่องเพื่อปรับแก้แผนนั้นสำหรับผู้เรียนกลุ่มต่างๆ เช่น:

ความสามารถในการสร้าง, ปรับแก้, และระดมสมองได้อย่างไม่สิ้นสุดนี้ ทำให้ AI ช่วยลดช่องว่างระหว่าง “อุดมคติ” ของการสอนที่แตกต่าง กับ “ความเป็นจริง” ของภาระงานครู ทำให้การตอบโจทย์ความต้องการของผู้เรียนรายบุคคลเป็นสิ่งที่ทำได้จริงและมีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดคือครูต้องทำหน้าที่เป็นผู้ตรวจสอบและบรรณาธิการขั้นสุดท้ายเสมอ โดยนำผลลัพธ์ที่ได้จาก AI มาปรับแก้ให้สอดคล้องกับบริบทเฉพาะของห้องเรียนและนักเรียนของตนเอง.45


Table 2: “คลังคำสั่ง Gemini สำหรับครู” (Gemini Prompt Cookbook for Teachers)

เป้าหมายPrompt Template (โครงสร้างคำสั่ง)ตัวอย่างการใช้งานจริง
1. สร้างแผนการสอน Active Learningในฐานะที่คุณเป็นครูผู้เชี่ยวชาญด้าน [ชื่อวิชา] และการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) กรุณาสร้างแผนการจัดการเรียนรู้ 1 คาบ (50 นาที) สำหรับนักเรียนชั้น [ระดับชั้น] จำนวน [จำนวน] คน ในหัวข้อ “[ชื่อเรื่อง]” โดยมีองค์ประกอบครบถ้วนดังนี้: 1. จุดประสงค์การเรียนรู้ (K, P, A) 2. กิจกรรมนำเข้าสู่บทเรียน (Engage) 5 นาที 3. กิจกรรมการเรียนรู้ (Explore & Explain) 30 นาที ที่เน้นเทคนิค 4. กิจกรรมสรุปบทเรียน (Elaborate & Evaluate) 15 นาที 5. สื่อการสอนที่จำเป็น 6. วิธีการวัดและประเมินผลตามสภาพจริงในฐานะที่คุณเป็นครูผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์และการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) กรุณาสร้างแผนการจัดการเรียนรู้ 1 คาบ (50 นาที) สำหรับนักเรียนชั้น ม.1 จำนวน 30 คน ในหัวข้อ “การจำแนกสารรอบตัว” โดยมีองค์ประกอบครบถ้วน…
2. ออกแบบใบงานช่วยออกแบบใบงานสำหรับนักเรียนชั้น [ระดับชั้น] ในหัวข้อ “[ชื่อเรื่อง]” โดยใบงานควรมี 3 ส่วน: ส่วนที่ 1 เป็นคำถามทดสอบความเข้าใจพื้นฐาน, ส่วนที่ 2 เป็นกิจกรรมให้วิเคราะห์ [กรณีศึกษา/ข้อมูล/รูปภาพ], และส่วนที่ 3 เป็นคำถามปลายเปิดเพื่อสะท้อนคิดและประยุกต์ใช้ความรู้ช่วยออกแบบใบงานสำหรับนักเรียนชั้น ป.5 ในหัวข้อ “สิทธิเด็ก” โดยใบงานควรมี 3 ส่วน: ส่วนที่ 1 เป็นคำถามทดสอบความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับสิทธิ 4 ประการ, ส่วนที่ 2 เป็นกิจกรรมให้วิเคราะห์สถานการณ์สมมติว่ามีการละเมิดสิทธิเด็กหรือไม่ อย่างไร, และส่วนที่ 3 เป็นคำถามปลายเปิดเพื่อสะท้อนคิดว่า “นักเรียนจะปกป้องสิทธิของตนเองและผู้อื่นได้อย่างไร”
3. สร้างเกณฑ์การประเมิน (Rubric)ช่วยสร้างเกณฑ์การให้คะแนน (Scoring Rubric) แบบ Analytic สำหรับประเมิน [ชิ้นงาน/ภาระงาน เช่น การนำเสนอหน้าชั้นเรียน] ของนักเรียนชั้น [ระดับชั้น] โดยมีเกณฑ์การประเมินใน 4 ด้านคือ [ระบุเกณฑ์ เช่น เนื้อหา, การนำเสนอ, ความคิดสร้างสรรค์, การทำงานกลุ่ม] และกำหนดระดับคุณภาพ 4 ระดับ (ดีมาก, ดี, พอใช้, ปรับปรุง) พร้อมคำอธิบายพฤติกรรมในแต่ละระดับอย่างชัดเจนช่วยสร้างเกณฑ์การให้คะแนน (Scoring Rubric) แบบ Analytic สำหรับประเมินการนำเสนอโครงงานวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้น ม.2 โดยมีเกณฑ์การประเมินใน 4 ด้านคือ ความถูกต้องของเนื้อหา, กระบวนการสืบเสาะ, การนำเสนอและตอบคำถาม, และความคิดสร้างสรรค์ของโครงงาน และกำหนดระดับคุณภาพ 4 ระดับ…
4. คิดคำถามอภิปรายในฐานะนักการศึกษาผู้เชี่ยวชาญ ช่วยสร้างชุดคำถาม 5 ข้อเพื่อใช้ในการอภิปรายในชั้นเรียนหัวข้อ “[ชื่อเรื่อง]” สำหรับนักเรียนชั้น [ระดับชั้น] โดยคำถามควรกระตุ้นการคิดขั้นสูง (การวิเคราะห์, การประเมิน, การสร้างสรรค์) และเชื่อมโยงเนื้อหากับชีวิตประจำวันของผู้เรียนในฐานะนักการศึกษาผู้เชี่ยวชาญ ช่วยสร้างชุดคำถาม 5 ข้อเพื่อใช้ในการอภิปรายในชั้นเรียนหัวข้อ “ความสำคัญของระบอบประชาธิปไตย” สำหรับนักเรียนชั้น ม.3 โดยคำถามควรกระตุ้นการคิดขั้นสูง…
5. สร้างสื่อการสอน (Infographic)ช่วยร่างเนื้อหาและโครงสร้างสำหรับ Infographic ในหัวข้อ “[ชื่อเรื่อง]” สำหรับนักเรียนชั้น [ระดับชั้น] โดยแบ่งเนื้อหาเป็น [จำนวน] ส่วนหลักๆ พร้อมแนะนำไอคอนหรือรูปภาพที่ควรใช้ประกอบในแต่ละส่วน เพื่อให้เข้าใจง่ายและน่าสนใจช่วยร่างเนื้อหาและโครงสร้างสำหรับ Infographic ในหัวข้อ “วัฏจักรของน้ำ” สำหรับนักเรียนชั้น ป.4 โดยแบ่งเนื้อหาเป็น 4 ส่วนหลักๆ คือ การระเหย, การควบแน่น, การเกิดฝน, และการรวมตัวของน้ำ พร้อมแนะนำไอคอนหรือรูปภาพที่ควรใช้ประกอบในแต่ละส่วน…

การออกแบบสื่อการสอนที่น่าสนใจด้วย Canva และ AI

แผนการสอนที่ดีต้องมาพร้อมกับสื่อการสอนที่มีคุณภาพและสามารถดึงดูดความสนใจของผู้เรียนได้ ในอดีต การสร้างสื่อที่สวยงามและดูเป็นมืออาชีพอาจเป็นเรื่องท้าทายสำหรับครูที่ไม่มีทักษะด้านการออกแบบ แต่ปัจจุบัน แพลตฟอร์มอย่าง Canva ได้เข้ามาทลายกำแพงนี้ ทำให้ครูทุกคนสามารถเป็นนักออกแบบสื่อการสอนได้อย่างง่ายดาย

Canva for Education เป็นเวอร์ชันพิเศษที่เปิดให้ครูและนักเรียนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานใช้งานได้ฟรี 100%.46 แพลตฟอร์มนี้เปรียบเสมือนกล่องเครื่องมือวิเศษที่ช่วยให้การสร้างสื่อการสอนเป็นเรื่องง่ายและสนุกสนาน ด้วยจุดเด่นดังนี้:

การใช้ Canva ช่วยให้ครูสามารถยกระดับคุณภาพของสื่อการสอนได้อย่างก้าวกระโดด ทำให้เนื้อหาที่ซับซ้อนกลายเป็นเรื่องที่เข้าใจง่ายผ่านการนำเสนอด้วยภาพ (Visual Communication) ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการมีส่วนร่วมและความสนใจของผู้เรียนในชั้นเรียน.46

ส่วนที่ 5: การประเมินผลตามสภาพจริงอย่างมืออาชีพ

การประเมินผลเป็นองค์ประกอบที่ขาดไม่ได้ของกระบวนการจัดการเรียนรู้ แต่การประเมินในยุคใหม่ต้องก้าวข้ามการใช้แบบทดสอบปรนัยที่เน้นการวัดความจำเพียงอย่างเดียว ไปสู่ การประเมินตามสภาพจริง (Authentic Assessment) ที่สามารถวัดความสามารถของผู้เรียนในการประยุกต์ใช้ความรู้และทักษะในสถานการณ์ที่ซับซ้อนและมีความหมายเหมือนชีวิตจริง

หลักการและแนวคิดของการประเมินตามสภาพจริง (Authentic Assessment)

การประเมินตามสภาพจริง คือ กระบวนการรวบรวมข้อมูลอย่างเป็นระบบจากการสังเกต, การตรวจสอบผลงาน, หรือการปฏิบัติของผู้เรียน ในบริบทและสถานการณ์ที่ใกล้เคียงกับโลกแห่งความเป็นจริง.52 หัวใจสำคัญของการประเมินรูปแบบนี้คือการเปลี่ยนคำถามจาก “นักเรียนรู้อะไรบ้าง?” (What do students know?) ไปสู่ “นักเรียนสามารถทำอะไรได้บ้างจากสิ่งที่รู้?” (What can students do with what they know?).

หลักการสำคัญของการประเมินตามสภาพจริง ได้แก่:

การประเมินตามสภาพจริงช่วยลดช่องว่างระหว่างห้องเรียนกับโลกภายนอก ทำให้ผู้เรียนเห็นคุณค่าและความหมายของสิ่งที่กำลังเรียน และเตรียมความพร้อมให้พวกเขาสามารถนำความรู้และทักษะไปใช้ในชีวิตจริงได้อย่างมั่นใจ

เครื่องมือและวิธีการประเมินที่หลากหลาย

การประเมินตามสภาพจริงต้องอาศัยเครื่องมือและวิธีการที่หลากหลายเพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับความสามารถของผู้เรียนให้ได้รอบด้านและน่าเชื่อถือที่สุด การใช้เครื่องมือหลายชนิดร่วมกันเปรียบเสมือนการ “สามเส้า” (Triangulation) เพื่อตรวจสอบความสามารถของผู้เรียนจากหลายมุมมอง ทำให้ได้ภาพที่สมบูรณ์และชัดเจนกว่าการใช้เครื่องมือเพียงชนิดเดียว

เครื่องมือและวิธีการประเมินตามสภาพจริงที่สำคัญ มีดังนี้ 53:

การเลือกใช้เครื่องมือใดขึ้นอยู่กับสิ่งที่ต้องการวัด (Learning Outcome) ครูควรเลือกใช้เครื่องมือที่หลากหลายผสมผสานกันเพื่อให้ได้ข้อมูลที่สะท้อนความสามารถที่แท้จริงของผู้เรียนได้อย่างครอบคลุมที่สุด

การสร้างเกณฑ์การให้คะแนน (Rubrics) ที่มีคุณภาพ

ในการประเมินที่เน้นการปฏิบัติงานหรือชิ้นงานซึ่งไม่มีคำตอบที่ถูกผิดตายตัว “เกณฑ์การให้คะแนน” หรือ Rubric คือเครื่องมือที่จำเป็นอย่างยิ่งที่จะช่วยให้การประเมินมีความชัดเจน, โปร่งใส, และยุติธรรม.59 Rubric ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือสำหรับให้คะแนนของครู แต่เป็น “เครื่องมือสอน” ที่ทรงพลังสำหรับผู้เรียนด้วย

องค์ประกอบสำคัญของ Rubric ที่มีคุณภาพ ประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก 58:

  1. เกณฑ์การประเมิน (Criteria): คือ ประเด็นหรือคุณลักษณะสำคัญที่ใช้ในการพิจารณาคุณภาพของชิ้นงานหรือการปฏิบัติงานนั้นๆ ควรเป็นหัวใจสำคัญของสิ่งที่ต้องการวัด (Learning Outcome) เช่น ในการประเมินงานเขียนเรียงความ เกณฑ์อาจประกอบด้วย เนื้อหา, การจัดลำดับความคิด, การใช้ภาษา, และความคิดสร้างสรรค์
  2. ระดับคุณภาพ/คะแนน (Performance Levels): คือ มาตรวัดที่ใช้อธิบายระดับความสามารถ โดยอาจกำหนดเป็นตัวเลข (เช่น 4, 3, 2, 1) หรือเป็นคำอธิบายเชิงคุณภาพ (เช่น ดีเยี่ยม, ดี, พอใช้, ต้องปรับปรุง)
  3. คำอธิบายคุณภาพในแต่ละระดับ (Descriptors): นี่คือส่วนที่สำคัญที่สุดของ Rubric เป็นการบรรยายพฤติกรรมหรือลักษณะของงานที่สังเกตเห็นได้ในแต่ละระดับคุณภาพของแต่ละเกณฑ์ คำอธิบายที่ดีต้องมีความเป็นรูปธรรม, ชัดเจน, สังเกตและวัดผลได้ และใช้ภาษาที่ผู้เรียนเข้าใจง่าย.58

พลังที่แท้จริงของ Rubric จะเกิดขึ้นเมื่อครูได้นำเสนอและอธิบายให้นักเรียนเข้าใจ “ก่อน” ที่จะเริ่มลงมือทำงาน.62 เมื่อนักเรียนเข้าใจอย่างชัดเจนว่า “งานที่ดีเยี่ยม” มีหน้าตาเป็นอย่างไร พวกเขาสามารถใช้ Rubric เป็นแนวทางในการทำงาน, เป็นเครื่องมือในการประเมินตนเองและเพื่อน, และเป็นแนวทางในการปรับปรุงงานของตนเองให้มีคุณภาพสูงขึ้น สิ่งนี้เปลี่ยน Rubric จากเครื่องมือตัดสินผลปลายทางของครู ให้กลายเป็นเครื่องมือชี้นำกระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียนตลอดเส้นทาง

การใช้ AI ช่วยในการประเมินผล: สู่การให้ข้อมูลป้อนกลับที่ทันท่วงที

แม้ว่าการประเมินตามสภาพจริงจะให้ข้อมูลเชิงลึกที่มีคุณค่า แต่ก็มักใช้เวลาและพลังงานของครูในการตรวจและให้ข้อมูลป้อนกลับเป็นอย่างมาก เทคโนโลยี AI สามารถเข้ามามีบทบาทสำคัญในการช่วยลดภาระงานของครู และทำให้กระบวนการประเมินผลมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการให้ข้อมูลป้อนกลับ (Feedback) ที่รวดเร็ว ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งที่ช่วยขับเคลื่อนการเรียนรู้

บทบาทของ AI ในการช่วยประเมินผล มีดังนี้:

การใช้ AI ในลักษณะนี้ช่วยสร้าง “วงจรข้อมูลป้อนกลับ” (Feedback Loop) ที่มีประสิทธิภาพในระดับที่ครูคนเดียวไม่สามารถทำได้ AI จะรับหน้าที่ให้ข้อมูลป้อนกลับในระดับพื้นฐาน (Lower-order feedback) เช่น ความถูกต้องของไวยากรณ์ ซึ่งจะช่วยปลดปล่อยเวลาอันมีค่าของครูให้สามารถทุ่มเทไปกับการให้ข้อมูลป้อนกลับในระดับที่สูงขึ้น (Higher-order feedback) เช่น การวิเคราะห์แนวคิด, ความแข็งแกร่งของเหตุผล, หรือความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ AI ยังทำได้ไม่ดีเท่ามนุษย์ อย่างไรก็ตาม ครูต้องตระหนักถึงข้อจำกัดและความเสี่ยงของ AI เสมอ โดยเฉพาะเรื่องความลำเอียง (Bias) ที่อาจแฝงอยู่ในอัลกอริทึม ดังนั้น การประเมินโดย AI จึงควรถูกใช้เป็น “เครื่องมือสนับสนุน” การตัดสินใจของครู ไม่ใช่ใช้แทนที่การประเมินโดยครูทั้งหมด.67

ส่วนที่ 6: การยกระดับผลงานสู่ “วิทยฐานะเชี่ยวชาญ” ด้วยนวัตกรรม AI

สำหรับครูผู้สอนที่มุ่งมั่นสู่ความก้าวหน้าในวิชาชีพจนถึงระดับ “วิทยฐานะเชี่ยวชาญ” (ครู คศ.4) การประเมินไม่ได้หยุดอยู่แค่การเป็นผู้สอนที่มีประสิทธิภาพ แต่คาดหวังให้ครูสามารถก้าวขึ้นมาเป็น “ผู้นำการเปลี่ยนแปลง” ในห้องเรียนของตนเองได้ การนำเทคโนโลยี AI มาประยุกต์ใช้อย่างเป็นระบบและมีหลักการ ไม่เพียงแต่จะช่วยพัฒนานักเรียน แต่ยังสามารถนำเสนอเป็น “นวัตกรรมการจัดการเรียนรู้” ที่โดดเด่นและสอดคล้องกับเกณฑ์การประเมินข้อตกลงในการพัฒนางาน (Performance Agreement: PA) ในระดับสูงได้เป็นอย่างดี

ถอดรหัสเกณฑ์ วPA สำหรับวิทยฐานะเชี่ยวชาญ: จากผู้ปรับใช้สู่ผู้ริเริ่ม

เส้นทางความก้าวหน้าทางวิชาชีพครูสะท้อนถึงระดับความคาดหวังที่สูงขึ้นตามลำดับ ในระดับชำนาญการ (คศ.2) และชำนาญการพิเศษ (คศ.3) เน้นที่ความสามารถในการ “ปรับประยุกต์” และ “แก้ไขปัญหา” คุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน แต่สำหรับระดับ เชี่ยวชาญ (คศ.4) ระดับการปฏิบัติที่คาดหวังคือความสามารถในการ “ริเริ่มพัฒนา” คุณภาพการเรียนของผู้เรียนได้.69

คำว่า “ริเริ่มพัฒนา” คือหัวใจสำคัญที่แตกต่างจากระดับก่อนหน้าอย่างชัดเจน การเป็นครูเชี่ยวชาญไม่ได้หมายถึงแค่การนำเทคนิคการสอนที่ดีที่สุดมาใช้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่หมายถึงการเป็นผู้สร้างสรรค์นวัตกรรม (Innovator) และเป็นนักวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน (Action Researcher) ที่สามารถระบุปัญหาการเรียนรู้ที่ท้าทาย, ออกแบบและสร้าง “นวัตกรรมการจัดการเรียนรู้” ขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหานั้นอย่างเป็นระบบ, และพิสูจน์ให้เห็นถึงผลลัพธ์เชิงประจักษ์ที่เกิดขึ้นกับผู้เรียน.70

ตามเกณฑ์การประเมิน ด้านที่ 3 ผลงานทางวิชาการ สำหรับวิทยฐานะเชี่ยวชาญ กำหนดให้ครูต้องนำเสนอ “งานวิจัยเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้ หรือนวัตกรรมการจัดการเรียนรู้” จำนวน 1 รายการ.70 ผลงานดังกล่าวต้องแสดงให้เห็นถึงการ “สร้างการเปลี่ยนแปลง” ในวงวิชาชีพ และสามารถ “เผยแพร่และขยายผล” ได้.71 ดังนั้น การทำผลงานเพื่อขอเลื่อนวิทยฐานะเชี่ยวชาญจึงไม่ใช่แค่การสอนที่ดี แต่คือการสร้างองค์ความรู้ใหม่ที่เกิดจากการปฏิบัติและเป็นประโยชน์ต่อวงการศึกษา

การใช้ AI เป็นนวัตกรรมในการทำวิจัยในชั้นเรียน

การนำ AI มาใช้ในการจัดการเรียนการสอนอย่างมีเป้าหมายและเป็นระบบ สามารถนำเสนอเป็น “นวัตกรรม” ที่ตอบโจทย์ “ประเด็นท้าทาย” ในการประเมิน วPA ได้อย่างสมบูรณ์แบบ.72 การใช้นวัตกรรม AI ไม่ได้หมายถึงแค่การใช้ Gemini ช่วยเขียนแผนการสอน แต่คือการออกแบบกระบวนการเรียนรู้ใหม่ที่ใช้ AI เป็นเครื่องมือหลักในการแก้ปัญหาการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นจริงในชั้นเรียน และทำการวิจัยเพื่อวัดผลกระทบของนวัตกรรมนั้น

การวางกรอบการใช้ AI ให้เป็นงานวิจัยในชั้นเรียน (Action Research) สามารถทำได้โดยยึดตามวงจรการวิจัย ดังนี้:

  1. ระบุปัญหา (Identify a Problem): เริ่มต้นจาก “ประเด็นท้าทาย” ที่พบจริงในห้องเรียน เช่น นักเรียนขาดทักษะการทำงานร่วมกัน, นักเรียนไม่สามารถสรุปใจความสำคัญจากเรื่องที่อ่านได้, หรือนักเรียนขาดแรงจูงใจในการเรียนวิชาคณิตศาสตร์.72
  2. ออกแบบนวัตกรรม (Design an Innovation): ออกแบบวิธีการหรือกระบวนการสอนใหม่ที่ใช้ AI เป็นเครื่องมือสำคัญในการแก้ปัญหาดังกล่าว ตัวอย่างนวัตกรรม เช่น:
  1. นำนวัตกรรมไปใช้ (Implement the Innovation): นำกระบวนการสอนที่ออกแบบใหม่ไปใช้ในชั้นเรียนจริงตามแผนที่วางไว้
  2. รวบรวมข้อมูล (Collect Data): เก็บข้อมูลเชิงประจักษ์เพื่อวัดผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับผู้เรียน ทั้งข้อมูลเชิงปริมาณ (เช่น คะแนนแบบทดสอบก่อน-หลัง, จำนวนครั้งที่ส่งงาน) และข้อมูลเชิงคุณภาพ (เช่น การสัมภาษณ์, การวิเคราะห์ชิ้นงาน, แบบสังเกตพฤติกรรม).
  3. วิเคราะห์และสรุปผล (Analyze and Conclude): วิเคราะห์ข้อมูลที่รวบรวมได้เพื่อตอบคำถามวิจัยว่านวัตกรรมที่สร้างขึ้นสามารถแก้ปัญหาและส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นกับผู้เรียนได้จริงหรือไม่ อย่างไร.70 สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการแสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับผู้เรียนอย่างเป็นรูปธรรม.76

การดำเนินงานตามกระบวนการนี้จะเปลี่ยนการใช้เครื่องมือ AI ทั่วไปให้กลายเป็นผลงานทางวิชาการที่ลุ่มลึก, มีหลักการ, และสอดคล้องกับเกณฑ์การประเมินวิทยฐานะเชี่ยวชาญทุกประการ

ตัวอย่างโครงร่างผลงานทางวิชาการ (ระดับเชี่ยวชาญ)

เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้น นี่คือตัวอย่างโครงร่างงานวิจัยในชั้นเรียนที่นำเสนอการใช้ AI เป็นนวัตกรรมหลัก สำหรับการขอเลื่อนวิทยฐานะครูเชี่ยวชาญ


ชื่องานวิจัย: การพัฒนาทักษะการสืบสอบเชิงวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบโครงงานเป็นฐาน (Project-Based Learning) ร่วมกับแพลตฟอร์ม AI ช่วยสร้างและสรุปข้อมูล

บทที่ 1 บทนำ

  1. เพื่อเปรียบเทียบทักษะการสืบสอบเชิงวิทยาศาสตร์ของนักเรียนก่อนและหลังได้รับการจัดการเรียนรู้ฯ
  2. เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ฯ

บทที่ 2 เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง

บทที่ 3 วิธีดำเนินการวิจัย

  1. แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 5 แผน
  2. แบบทดสอบวัดทักษะการสืบสอบเชิงวิทยาศาสตร์ (ฉบับก่อนเรียนและหลังเรียน)
  3. แบบประเมินชิ้นงานโครงงาน (ใช้ Rubric)
  4. แบบสอบถามความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้

บทที่ 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล

บทที่ 5 สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ

  1. ข้อเสนอแนะในการนำผลวิจัยไปใช้: เสนอแนวทางสำหรับครูท่านอื่นในการนำนวัตกรรมนี้ไปปรับใช้ในบริบทของตนเอง
  2. ข้อเสนอแนะในการทำวิจัยครั้งต่อไป: เสนอประเด็นที่ควรศึกษาเพิ่มเติม เช่น การเปรียบเทียบประสิทธิภาพระหว่างการใช้ AI กับไม่ใช้ AI ในกลุ่มควบคุม หรือการศึกษาผลกระทบในระยะยาว.70

Table 3: เช็กลิสต์ตรวจสอบคุณภาพแผนการสอนและผลงานทางวิชาการตามเกณฑ์วิทยฐานะเชี่ยวชาญ

เกณฑ์การประเมิน (ตามมาตรฐานวิทยฐานะเชี่ยวชาญ)สิ่งที่ต้องแสดงให้เห็นในแผนการสอน/ผลงานวิจัยแหล่งข้อมูลอ้างอิง
1. การริเริ่ม พัฒนา และสร้างนวัตกรรม– ระบุ “ประเด็นท้าทาย” หรือปัญหาการเรียนรู้ที่ชัดเจนและสำคัญ – ออกแบบ “นวัตกรรมการจัดการเรียนรู้” (เช่น การใช้ AI ในรูปแบบเฉพาะ) ที่มีขั้นตอนและหลักการชัดเจนเพื่อแก้ปัญหานั้น – นวัตกรรมที่สร้างขึ้นต้องมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ แตกต่างจากการสอนแบบเดิมๆ69
2. การแสดงให้เห็นการเปลี่ยนแปลงในตัวผู้เรียน– มีข้อมูลเชิงประจักษ์ (Quantitative/Qualitative Data) ที่แสดงให้เห็นว่าผู้เรียนเกิดการพัฒนาหรือเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น – มีการเปรียบเทียบผลลัพธ์ก่อนและหลังการใช้นวัตกรรมอย่างชัดเจน – ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับผู้เรียนต้องสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการวิจัย70
3. ความถูกต้องตามหลักวิชาการ– มีการอ้างอิงทฤษฎี, หลักการ, และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องอย่างถูกต้องและทันสมัย – กระบวนการวิจัย, การสร้างเครื่องมือ, และการวิเคราะห์ข้อมูลมีความน่าเชื่อถือตามหลักสถิติและการวิจัย – การเขียนรายงานมีโครงสร้างครบถ้วนทั้ง 5 บท และใช้ภาษาทางวิชาการที่ถูกต้อง71
4. ประโยชน์ต่อวงวิชาชีพและการขยายผล– ผลงานวิจัยต้องสามารถสร้างองค์ความรู้ใหม่หรือแนวปฏิบัติใหม่ที่เป็นประโยชน์ต่อครูท่านอื่น – มีส่วน “ข้อเสนอแนะในการนำผลวิจัยไปใช้” ที่เป็นรูปธรรมและสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง – มีการเผยแพร่ผลงานในวงวิชาชีพ เช่น การนำเสนอในที่ประชุมวิชาการ หรือการตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ71

บทสรุปและข้อเสนอแนะ

การปฏิวัติการจัดการเรียนรู้ในยุคดิจิทัลไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นความจำเป็นเร่งด่วนสำหรับครูไทยทุกระดับ การเปลี่ยนกระบวนทัศน์จาก Passive สู่ Active Learning โดยมี AI เป็นเครื่องมือสนับสนุนที่ทรงพลัง คือกุญแจสำคัญในการปลดล็อกศักยภาพของผู้เรียนและเตรียมความพร้อมให้พวกเขาสู่โลกแห่งอนาคต

รายงานฉบับนี้ได้นำเสนอแนวทางอย่างเป็นระบบและครบวงจร ตั้งแต่การวางรากฐานแผนการสอนยุคใหม่ที่สอดคล้องกับนโยบายชาติ, การทำความเข้าใจผู้เรียนอย่างลึกซึ้งด้วยข้อมูล, การออกแบบกิจกรรม Active Learning ที่เหมาะสมกับทุกช่วงวัย, ไปจนถึงการใช้เครื่องมือ AI อย่าง Gemini และ Canva เพื่อสร้างสรรค์แผนและสื่อการสอนอย่างมืออาชีพและประหยัดเวลา นอกจากนี้ ยังได้ชี้ให้เห็นถึงแนวทางการประเมินผลตามสภาพจริงที่สามารถวัดความสามารถที่แท้จริงของผู้เรียน และที่สำคัญที่สุดคือการนำเสนอแนวทางการยกระดับการปฏิบัติงานในชั้นเรียนให้กลายเป็น “นวัตกรรมการจัดการเรียนรู้” ที่สามารถใช้ในการขอเลื่อนวิทยฐานะครูเชี่ยวชาญได้อย่างสง่างาม

ข้อเสนอแนะเชิงปฏิบัติ:

  1. เริ่มต้นจากสิ่งเล็กๆ: ครูไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงการสอนทั้งหมดในคราวเดียว แต่สามารถเริ่มต้นจากการนำเทคนิค Active Learning ง่ายๆ เช่น Think-Pair-Share หรือการใช้ Kahoot! มาปรับใช้ใน 1-2 คาบต่อสัปดาห์ เพื่อสร้างความคุ้นเคยทั้งสำหรับตนเองและผู้เรียน
  2. สร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ (PLC): การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นได้ง่ายและยั่งยืนขึ้นเมื่อทำเป็นทีม ครูควรจับกลุ่มกับเพื่อนร่วมงานเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้, ร่วมกันออกแบบแผนการสอน, และให้ข้อมูลป้อนกลับซึ่งกันและกัน
  3. ฝึกฝนการใช้ AI อย่างสม่ำเสมอ: ทักษะการเขียน Prompt และการใช้เครื่องมือ AI จะพัฒนาขึ้นจากการใช้งานจริง ลองใช้ Gemini ช่วยในงานเล็กๆ น้อยๆ ในแต่ละวัน เช่น การร่างอีเมล, การสรุปบทความ, หรือการคิดไอเดียกิจกรรม เพื่อสร้างความคล่องแคล่ว
  4. มองทุกปัญหาในชั้นเรียนเป็นโอกาสในการวิจัย: เปลี่ยนมุมมองจาก “ปัญหา” ให้เป็น “ประเด็นท้าทาย” ที่น่าสนใจ ทุกครั้งที่พบว่านักเรียนมีปัญหาการเรียนรู้ นั่นคือจุดเริ่มต้นของงานวิจัยในชั้นเรียนที่มีคุณค่าซึ่งสามารถนำไปสู่การสร้างนวัตกรรมและผลงานทางวิชาการได้

โลกการศึกษากำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ครูผู้สอนที่เปิดใจเรียนรู้และกล้าที่จะทดลองสิ่งใหม่ๆ โดยนำพลังของเทคโนโลยี AI และหลักการของ Active Learning มาผสานกับการทำงาน จะไม่เพียงแต่สามารถยกระดับคุณภาพการเรียนรู้ของนักเรียนได้อย่างมหาศาล แต่ยังสามารถสร้างความก้าวหน้าในเส้นทางวิชาชีพของตนเองสู่ความเป็นเลิศได้อย่างยั่งยืน

ผลงานที่อ้างอิง

  1. 3 หลักการตามนโยบายการศึกษาไทย ปี 2567 – Starfishlabz, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.starfishlabz.com/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7/1228-3-%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A8%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2-%E0%B8%9B%E0%B8%B5-2567
  2. นโยบายและจุดเน้นของกระทรวงศึกษาธิการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.moe.go.th/360policy-and-focus-moe-fiscal-year-2024/
  3. bunyawat.ac.th, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://bunyawat.ac.th/wp-content/uploads/2024/05/Lesson-Plan-67.docx
  4. EP.1 โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการการออกแบบการจัดการเรียนรู้หลักสูตรรายวิชา พ.ศ. 2567 – YouTube, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.youtube.com/watch?v=eJVjtLL0CGo
  5. Active Learning เมื่อรูปแบบการสอนไม่หยุดอยู่กับที่ – Kenan Foundation Asia, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.kenan-asia.org/th/uncategorized-th/active-learning-%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88/
  6. Active learning และ passive learning ส่ง ผล ต่อ ผู้ เรียน ต่าง กัน มาก, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://surasitsongma.dusit.ac.th/wp-content/uploads/2017/05/active-learning-%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0-passive-learning-%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%81.pdf
  7. รู้จัก Active Learning คืออะไร ช่วยเสริมการเรียนรู้ในเชิงรุกอย่างไร – Jobsdb, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://th.jobsdb.com/th/career-advice/article/what-is-active-learning
  8. Upskill เรื่อง Active Learning กับ Concept และ Keywords สำคัญที่ครูจำเป็นต้องรู้ – Aksorn.com, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.aksorn.com/ac1-upskill-active-learning
  9. รวมแนวทางการออกแบบ และเขียนแผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) », เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://krukob.com/web/news-111/
  10. การสอนให้ Active ตาม 8 องค์ประกอบ – Starfishlabz, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.starfishlabz.com/blog/879-%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89-active-%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A1-8-%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B9%8C%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%9A
  11. ความสัมพันธ์ระหว่างการเรียนรู้แบบผสานวิธี ห – ThaiJo, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://so06.tci-thaijo.org/index.php/tla_bulletin/article/download/109383/86059/
  12. แนวทางการจัดการเรียนรู้เชิงรุก, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.sesalpglpn.go.th/wp-content/uploads/2021/05/book49-64.pdf
  13. Intrend ให้แบบไม่ OUT กับ 5 รูปแบบการสอน Active Learning ที่ครูต้องใช้ในยุคนี้ – Aksorn.com, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.aksorn.com/activelearning-5method
  14. www.kruchiangrai.net, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.kruchiangrai.net/wp-content/uploads/2020/12/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B8%AB%E0%B9%8C%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%84%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%A72562.doc
  15. วิเคราะห์ผู้เรียนรายบุคคลม.1 2566 – PubHTML5, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://pubhtml5.com/cxat/hpkt/
  16. การวิเคราะห์ผู้เรียนรายบุคคล.docx, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.nssc.ac.th/main/wp-content/uploads/2019/05/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B8%AB%E0%B9%8C%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%84%E0%B8%84%E0%B8%A5.docx
  17. แบบรายงานการวิเคราะห์ผู้เรียนรายบุคคล – โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาภาคใต้, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.triamudomsouth.ac.th/images/files/std_analyzed_individual.doc
  18. 5 สุดยอดเครื่องมือช่วยการประเมินเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ – Starfishlabz, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.starfishlabz.com/blog/1882-5-%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%92%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89
  19. 5 เครื่องมือประเมินประสิทธิภาพการสอนสำหรับปี 2025: เครื่องมือไหนที่ใช่ มาดูกันเลย – Starfishlabz, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.starfishlabz.com/blog/1885-5-%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%9B%E0%B8%B5-2025-%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%88-%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%A2
  20. แหล่งข้อมูลและเครื่องมือการจัดการชั้นเรียน – Google for Education, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://edu.google.com/intl/ALL_th/workspace-for-education/products/classroom/
  21. การวิเคราะห์ผู้เรียน ด้วยเทคโนโลยีAI, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 http://www.curriculumandlearning.com/upload/Books/AI%20for%20learning%20design_1572702108.pdf
  22. AI เพื่องานวัดและประเมินผลทางการศึกษา เครื่องมือสำหรับการวิเคราะห์ ตัด …, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.trueplookpanya.com/knowledge/content/94918/-edu-
  23. ครูไทยต้องรู้! 7 วิธีใช้ AI ช่วยสอนให้เด็กเข้าใจง่ายขึ้น 10 เท่า!, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://kruthaidev.com/news/4561/
  24. ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในด้านการศึกษา – Intel, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.thailand.intel.com/content/www/th/th/learn/ai-in-education.html
  25. AI ช่วยให้ผู้สอนจัดการห้องเรียนได้อย่างไร | Lenovo ประเทศไทย, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.lenovo.com/th/th/education/ai-in-education/classroom-management-with-ai/
  26. แนวทางการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ระดับปฐมวัย, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://academic.obec.go.th/web/images/news/1661483574_d_3.pdf
  27. 03-การออกแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้เชิงรุก(Active Learning)ฯ.pdf, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 http://ms.ac.th/doc/2566/best/01/03-%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B9%8C%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%81(Active%20Learning)%E0%B8%AF.pdf
  28. www.charuwat.ac.th, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.charuwat.ac.th/17378591/%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%9B%E0%B8%90%E0%B8%A1%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%A2
  29. แผนการจัดประสบการณ์ Active Learning ปฐมวัย, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 http://www.thaischool.in.th/_files_school/67106067/workteacher/67106067_1_20230818-111953.pdf
  30. สุดยอด 5 ไอเดียกิจกรรม เสริมการเรียนรู้ Active Learning – Starfishlabz, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.starfishlabz.com/blog/1355-%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%94-5-%E0%B9%84%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1-%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89-active-learning
  31. Active Learning, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://lic.chula.ac.th/images/Active%20Learning/Active%20Learning_01.pdf
  32. การเรียนรู้แบบ Active Learning – ตัวอย่างกิจกรรมเพื่อส่งเสริม Active Learning – Google Sites, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://sites.google.com/chaiyaphum1.go.th/active-learning/%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B8%99/%E0%B8%95%E0%B8%A7%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%88%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%A1-active-learning
  33. (Active Learning) – สพฐ, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://academic.obec.go.th/images/document/1603180137_d_1.pdf
  34. Active Learning : การจัดการเรียนรู้ที่ตอบโจทย์การจัดกา – ThaiJO, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://so02.tci-thaijo.org/index.php/suedujournal/article/download/245317/168931/
  35. กลยุทธ์เปลี่ยนห้องเรียนแบบ Passive ให้เป็น Active Learning – Aksorn, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.aksorn.com/ac1-change-passive-to-active-learning
  36. เทคนิคที่ใช้เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้แบบ Active Learning (สรุปเนื้อหาจาก Online Seminar), เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.ipst.ac.th/knowledge/39642/20230410-active-learning.html
  37. ตัวอย่าง Prompt สำหรับครู สำหรับการเขียนแผนการสอน – ครูไทยเดฟ, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://kruthaidev.com/news/4673/
  38. วิธีการเขียนคำสั่ง ‘Prompt’ สำหรับผู้ใช้ Gemini for Google Workspace – DEMETER ICT, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://dmit.co.th/th/google-workspace-updates-th/how-to-write-prompt-gemini-for-google-workspace/
  39. Gemini Academy : เทคนิคการเขียน Prompt – YouTube, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.youtube.com/watch?v=e10Y1rqor2M
  40. คู่มือ Prompt สำหรับให้ AI เขียนแผนการสอน – ครูไทยเดฟ, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://kruthaidev.com/news/4677/
  41. ครบสูตรการสอนยุคใหม่ เขียนแผน สร้างสื่อ เสริมพลังในการเรียนรู้ด้วย AI – Starfishlabz, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.starfishlabz.com/blog/1929-%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%9A%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%84%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88-%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%9C%E0%B8%99-%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD-%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2-ai
  42. ขยายขีดความสามารถในการสอนของคุณด้วย Gemini Academy, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://grow.google/intl/ALL_th/gemini-academy/
  43. Prompt Gemini สร้าง แผนการจัดการเรียนรู้ ที่มีรายละเอียดครบถ้วนและเป็นทางการสำหรับการจัดการเรียนรู้ของ สกร. (กศน. เดิม) โดยเน้นโครงสร้างที่ชัดเจนและภาษาที่เหมาะสมกับครูผู้สอน – Nonthachai, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://nonthachai.com/?p=844
  44. 8 คำสั่ง Prompt ChatGPT ระดับสูง สร้างแผนการสอนอัจฉริยะในยุค AI, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.benziogpt.com/blog/chatgpt-teaching-plan-advanced-prompts
  45. ดูข้อมูลเกี่ยวกับ Gemini ใน Google Classroom – Classroom ความช่วยเหลือ, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://support.google.com/edu/classroom/answer/15410566?hl=th-in
  46. Canva สำหรับครูและนักเรียน – คุณครูและนักเรียนระดับอนุบาลถึงมัธยมศึกษาใช้งานฟรี 100%, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.canva.com/th_th/education/
  47. สร้างชุดสื่อระดับมืออาชีพออนไลน์โดยใช้เครื่องมือสร้างชุดสื่อของ Canva, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.canva.com/th_th/create/media-kits/
  48. สร้างแผนการสอนศิลปะสุดเจิดจรัสด้วย Canva, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.canva.com/th_th/create/art-lesson-plans/
  49. เทมเพลตสื่อการสอนปรับแต่งฟรี ตอบโจทย์ทุกความต้องการ | Canva, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.canva.com/th_th/templates/s/teaching-media/
  50. รู้จัก Canva | คู่มือการใช้งาน Canva for Education, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://docs.tlic.cmu.ac.th/canva-for-education
  51. Canva สำหรับคุณครู | เครื่องมือและเท็มเพลตฟรีสำหรับชั้นเรียน, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.canva.com/th_th/education/teachers/
  52. วิธีการวัดและประเมินผลตามสภาพจริงอย่างมีประสิทธิภาพ, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.trueplookpanya.com/dhamma/content/73500
  53. การประเมินตามสภาพจริงอิงสมรรถนะ, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 http://www.curriculumandlearning.com/upload/Books/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B8%99%E0%B8%B0_1559626644.pdf
  54. Authentic Assessment – Stony Brook University, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.stonybrook.edu/celt/academic-assessment/assessment_tools_methods/authentic_assessment.php
  55. การใช้การประเมินผล – ตามสภาพจริง, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.culi.chula.ac.th/Images/asset/pasaa_paritat_journal/file-24-184-xumlfv216885.pdf
  56. การประเมินตามสภาพจริง Authentic Assessment, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://ojs.lib.buu.ac.th/index.php/education2/article/view/5936/3111
  57. Authentic Assessment – Center for Innovative Teaching & Learning, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://citl.indiana.edu/teaching-resources/assessing-student-learning/authentic-assessment/index.html
  58. การวัดและประเมินผลตามสภาพจริง (Authentic Assessment) – Learning Institute, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://li.kmutt.ac.th/authentic-assessment/knowledge/
  59. Authentic Assessment | Institute for Teaching Excellence – NJIT, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.njit.edu/ite/authentic-assessment
  60. การประเมินการเรียนรู้ต ามสภาพจริง วัน ที่ 15 กรกฎาคม 2559 ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย สงขลา, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://academic.rmutsv.ac.th/sites/academic.rmutsv.ac.th/files/04.pdf
  61. Alternative Authentic Assessment Methods | Center for Excellence in Teaching and Learning, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://cetl.uconn.edu/resources/teaching-and-learning-assessment/teaching-and-learning-assessment-overview/assessment-design/alternative-authentic-assessment-methods/
  62. Authentic Assessment | Teaching and Learning | Western Michigan University, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://wmich.edu/x/teaching-learning/teaching-resources/authentic-assessment
  63. เกณฑ์การให้คะแนน (Scoring Rubrics) ความน า ความหมายของ Rubric – sobphrae1, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://sobphrae1.wordpress.com/wp-content/uploads/2014/01/scorring-rubric.pdf
  64. เกณฑ์การให้คะแนนแบบรูบิก (SCORING RUBRIC), เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.slc.ac.th/slcmain/img/actical/news/2567/72/Scoring%20Rubric.pdf
  65. AI เพื่องานวัดและประเมินผลทางการศึกษา เครื่องมือสำหรับการวิเคราะห์ ตัดเกรด และการพัฒนานักเรียน, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.trueplookpanya.com/knowledge/content/94918
  66. AI กับการประเมินผล เปลี่ยนวิธีวัดผลการเรียนรู้ – ครูเชียงราย, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.kruchiangrai.net/2024/09/26/ai-%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%A5-%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2/
  67. ตัวอย่าง แนวทางการใช้ AI เพื่อประเมินผลการเรียนรู้, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://banrukcom.net/expert/index.php?op=sales_item&sub_id=117
  68. คู่มือการใช้AI, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://nitedcr1.go.th/wp-content/uploads/2025/03/OBEC-AI-Guidance_.pdf
  69. PA)และ การประเมินเพื่อมีหรือเลื่อนวิทยฐานะข้าราชการครู พนักงานครู และบุคลากรทางการศึกษาองค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.kohpanyee.go.th/storage/uploads/100-%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%A1%201%20%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%88%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B9%8C%2011.pdf
  70. เทคนิคการเขียนรายงานการวิจัยเพื่อการพัฒนาและสร้างนวัตกรรม ในระดับเชี่ยวชาญ », เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://krukob.com/web/dpa-59/
  71. ตัวอย่างการเขียน บทที่ 4 เพื่อรายงานผลงานทางวิชาการครูเชี่ยวชาญ », เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://krukob.com/web/research-4/
  72. แจกตัวอย่าง Prompt การเขียนประเด็นท้าทาย ว.PA ใช้กับ AI ได้จริง – ครูเชียงราย, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.kruchiangrai.net/2025/06/18/%E0%B9%81%E0%B8%88%E0%B8%81-prompt-%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%A2-%E0%B8%A7pa/
  73. คลินิกวิทยฐานะ วPA Season2 EP2 : การใช้ AI สร้างสรรค์นวัตกรรมการสอน สำหรับผู้ขอวิทยฐานะ เชี่ยวชาญ – YouTube, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.youtube.com/watch?v=9Lx-Eql8gEk
  74. แนวทางการประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการจัดการศึกษา – DSpace at Srinakharinwirot University, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 http://ir-ithesis.swu.ac.th/dspace/bitstream/123456789/3015/1/gs651160121.pdf
  75. คลินิกวิทยฐานะ วPA Season2 EP4 : การใช้ AI สร้างสรรค์นวัตกรรมการเรียนรู้ ภาค2 (สาธิต) – YouTube, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.youtube.com/watch?v=CMGhMrPi-GY
  76. ห้องเรียนอารมณ์ดี : เจาะลึก รายละเอียด เชี่ยวชาญ แบบครบข้อ พร้อมวิธีใช้ Ai …, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.youtube.com/watch?v=XX7nGGDybvk
  77. Project-Based Learning, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://svec.go.th/httpdoc/downloads/jaroon2.pdf
  78. แนวทางการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์รังสรรค์ สำหรับการเรียนการสอนในระดับอุดมศึกษา – bangkokthonburi university research document – มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://research.bkkthon.ac.th/abstac/ab_04092567131755.pdf
  79. ผลงาน ครู คศ.4 – Trick2Pass, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://trick2pass.com/teacher_ks4/
  80. การศึกษาข้อบกพร่องของผลงานทางวิชาการ ที่เสนอเพื่อขอเลื่อนเป็นวิทยฐานะผู้อ่านวยการเชี่ยวชาญ, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://research.otepc.go.th/files/OTEPC00023_0kceg2ey.pdf

Comments

comments

Powered by Facebook Comments

Exit mobile version