ห้องเรียนแห่งความคิดสร้างสรรค์: แนวทางการออกแบบการสอนและการวัดผลตามสภาพจริง
ส่วนที่ 1: ความจำเป็นเร่งด่วนของความคิดสร้างสรรค์ในการศึกษาแห่งศตวรรษที่ 21
ในยุคที่โลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและไม่อาจคาดเดาได้ การศึกษาแบบดั้งเดิมที่เน้นการท่องจำเนื้อหาเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพออีกต่อไป ความสามารถในการปรับตัว แก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ และสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ได้กลายเป็นทักษะที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้เรียนทุกคน 1 รายงานฉบับนี้จะนำเสนอแนวทางการออกแบบการสอนและการวัดผลที่มุ่งเน้นการพัฒนาทักษะความคิดสร้างสรรค์ (Creative Thinking) อย่างเป็นระบบ โดยสังเคราะห์จากทฤษฎีการศึกษา งานวิจัยที่น่าเชื่อถือจากทั่วโลก และแนวปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม เพื่อเป็นแนวทางสำหรับนักการศึกษาในการสร้าง “ห้องเรียนแห่งความคิดสร้างสรรค์” ที่สามารถเตรียมความพร้อมให้ผู้เรียนสำหรับอนาคตได้อย่างแท้จริง
ก้าวข้ามการท่องจำ: บทบาทสำคัญของความคิดสร้างสรรค์
โลกในอนาคตไม่ได้แข่งขันกันด้วย “ความรู้” ที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายผ่านเทคโนโลยี แต่จะแข่งขันกันด้วย “ความคิดสร้างสรรค์” จินตนาการ และความสามารถในการเรียนรู้ที่ไม่สิ้นสุด 2 ความคิดสร้างสรรค์จึงไม่ใช่แค่ทักษะเสริม แต่เป็นสมรรถนะหลักที่จำเป็นต่อการดำเนินชีวิตและการทำงานในศตวรรษที่ 21 ซึ่งเต็มไปด้วยความท้าทายและปัญหาใหม่ๆ ที่รออยู่ 2 การปลูกฝังทักษะการคิดสร้างสรรค์จะช่วยกระตุ้นให้ผู้เรียนพิจารณาความเป็นไปได้ในทุกหนทาง และเลือกวิธีที่ดีที่สุดเพื่อรับมือกับปัญหาที่ซับซ้อน 4
ปรากฏการณ์ที่น่าสนใจคือ “ความขัดแย้งเชิงความคิดสร้างสรรค์” (The Creativity Paradox) ในระบบการศึกษาหลายแห่ง รวมถึงประเทศไทย แม้ว่าระบบการศึกษาและเศรษฐกิจจะเรียกร้องทักษะความคิดสร้างสรรค์ 3 แต่โครงสร้างการเรียนการสอนแบบดั้งเดิมที่เน้นการสอบวัดผลแบบมาตรฐาน คำตอบที่ถูกต้องเพียงหนึ่งเดียว และความกลัวต่อความผิดพลาด กลับเป็นอุปสรรคสำคัญที่บั่นทอนความคิดสร้างสรรค์ของผู้เรียน 1 ข้อมูลจากโครงการประเมินผลนักเรียนร่วมกับนานาชาติ (PISA) ปี 2022 ชี้ให้เห็นว่า คะแนนด้านความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนไทยอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าที่ควรจะเป็นเมื่อเทียบกับสมรรถนะด้านคณิตศาสตร์และการอ่าน 8 ข้อมูลนี้สะท้อนให้เห็นว่า แม้ผู้เรียนจะมีความรู้ทางวิชาการที่ดี แต่ระบบการศึกษาอาจยังไม่สามารถส่งเสริมให้เกิดการนำความรู้นั้นไปประยุกต์ใช้ในเชิงสร้างสรรค์ได้อย่างเต็มศักยภาพ ดังนั้น การปฏิรูปการศึกษาจึงไม่ได้หมายถึงการ “เพิ่ม” วิชาความคิดสร้างสรรค์เข้าไป แต่หมายถึงการ “ออกแบบกระบวนการเรียนรู้ใหม่ทั้งหมด” โดยใช้ความคิดสร้างสรรค์เป็นเครื่องมือในการเรียนรู้ในทุกรายวิชา
ถอดรหัสความคิดสร้างสรรค์: กรอบแนวคิดทางการศึกษา
เพื่อที่จะพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างเป็นรูปธรรม จำเป็นต้องเข้าใจองค์ประกอบของมันเสียก่อน ความคิดสร้างสรรค์ไม่ใช่คุณลักษณะที่เป็นนามธรรมหรือวัดผลไม่ได้ แต่เป็นกระบวนการคิดที่นำไปสู่นวัตกรรม การแก้ปัญหา หรือการสังเคราะห์สิ่งที่แปลกใหม่ มีคุณค่า และเหมาะสม 9 จากแนวคิดของนักทฤษฎีคนสำคัญอย่าง จอย พอล กิลฟอร์ด (Joy Paul Guilford) และ อี. พอล ทอร์แรนซ์ (E. Paul Torrance) สามารถจำแนกองค์ประกอบหลักของความคิดสร้างสรรค์ที่ใช้เป็นกรอบในการจัดการเรียนการสอนและการวัดผลได้ 4 ด้าน ดังนี้ 5:
- ความคิดคล่องแคล่ว (Fluency): คือความสามารถในการผลิตหรือสร้างสรรค์แนวคิด คำตอบ หรือวิธีแก้ปัญหาได้ในปริมาณมากและในเวลาอันรวดเร็ว 5
- ความคิดยืดหยุ่น (Flexibility): คือความสามารถในการคิดหาคำตอบได้หลายประเภท หลายทิศทาง สามารถปรับเปลี่ยนมุมมอง และคิดนอกกรอบจากแนวทางเดิมๆ ได้อย่างอิสระ 5
- ความคิดริเริ่ม (Originality): คือความสามารถในการสร้างสรรค์สิ่งที่แปลกใหม่ ไม่ซ้ำใคร แตกต่างจากความคิดธรรมดาทั่วไป หรือสามารถเชื่อมโยงสิ่งต่างๆ ที่ดูเหมือนไม่เกี่ยวข้องกันให้เกิดเป็นแนวคิดใหม่ได้ 7
- ความคิดละเอียดลออ (Elaboration): คือความสามารถในการขยายความ คิดในรายละเอียดเพื่อตกแต่งหรือทำให้แนวคิดหลักมีความสมบูรณ์และเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น 5
การทำความเข้าใจองค์ประกอบทั้งสี่นี้จะช่วยเปลี่ยนความคิดสร้างสรรค์จากแนวคิดที่จับต้องไม่ได้ ให้กลายเป็นชุดทักษะที่สามารถสอน ฝึกฝน และประเมินผลได้อย่างเป็นระบบ ซึ่งกรอบแนวคิดนี้จะเป็นรากฐานสำคัญในการออกแบบเกณฑ์การประเมิน (Rubrics) ในส่วนที่ 5 ของรายงานฉบับนี้
กรอบความคิดสร้างสรรค์: การบ่มเพาะทัศนคติที่จำเป็น
การส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การสอนเทคนิค แต่ยังรวมถึงการบ่มเพาะทัศนคติและกรอบความคิด (Mindset) ที่เอื้อต่อการแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ งานวิจัยของ เจน เพียร์โต (Jane Piirto) ได้ระบุถึง 5 ทัศนคติหลักของผู้ที่มีความคิดสร้างสรรค์สูง ได้แก่ การมีวินัยในตนเอง, การเปิดรับประสบการณ์ใหม่, การกล้าเสี่ยง, ความอดทนต่อความคลุมเครือ และความไว้วางใจในกลุ่ม 11 นอกจากนี้ กรอบความคิดที่สำคัญอื่นๆ ยังรวมถึงความอยากรู้อยากเห็น การมองโลกในแง่ดี ความพร้อมที่จะร่วมมือกับผู้อื่น และการยอมรับความกำกวมได้ 12
กรอบความคิดที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งคือ “กรอบความคิดแบบเติบโต” (Growth Mindset) ซึ่งผู้เรียนมองว่าความสามารถและความฉลาดสามารถพัฒนาได้ผ่านความพยายามและความมุ่งมั่น พวกเขามองความท้าทายเป็นโอกาสในการเรียนรู้ และไม่ย่อท้อต่อความล้มเหลว 13 การสร้างกรอบความคิดนี้เป็นสิ่งจำเป็น เพราะมันช่วยให้ผู้เรียนกล้าที่จะทดลอง กล้าที่จะผิดพลาด และมองว่าทุกความผิดพลาดคือส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้ที่จะนำไปสู่ความสำเร็จในที่สุด
ส่วนที่ 2: สถาปัตยกรรมของระบบนิเวศแห่งความคิดสร้างสรรค์
การจะปลูกฝังความคิดสร้างสรรค์ให้งอกงามได้นั้น ลำพังเพียงรูปแบบการสอนที่ดียังไม่เพียงพอ แต่ต้องอาศัย “ระบบนิเวศ” (Ecosystem) ที่เกื้อหนุนอย่างรอบด้าน ทั้งในมิติของพื้นที่ทางจิตใจ พื้นที่ทางกายภาพ และบทบาทของผู้สอนที่เปลี่ยนแปลงไป สภาพแวดล้อมเปรียบเสมือน “ครูคนแรก” ที่สื่อสารกับผู้เรียนอย่างทรงพลังว่าการเรียนรู้ในห้องนี้ให้คุณค่ากับอะไร หากสภาพแวดล้อมส่งเสริมการสำรวจ การร่วมมือ และการแสดงออกอย่างอิสระ ผู้เรียนก็จะซึมซับและแสดงพฤติกรรมเหล่านั้นออกมา
พื้นที่ทางจิตใจ: รากฐานแห่งความปลอดภัยและความไว้วางใจ
เงื่อนไขที่สำคัญที่สุดและขาดไม่ได้เลยสำหรับห้องเรียนสร้างสรรค์คือ “ความปลอดภัยทางจิตใจ” (Psychological Safety) 1 ผู้เรียนจะกล้าแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง กล้าทดลองทำสิ่งใหม่ๆ และกล้าเสี่ยงที่จะล้มเหลว ก็ต่อเมื่อพวกเขารู้สึกว่าพื้นที่นั้นปลอดภัยจากการตัดสิน ตำหนิ หรือเยาะเย้ย 1 บทบาทของผู้สอนจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างบรรยากาศที่ปราศจากการตัดสิน และเน้นการเรียนรู้จากความผิดพลาดมากกว่าการลงโทษ 1
การสร้างพื้นที่ทางจิตใจนี้ทำได้ผ่านการกระทำที่เป็นรูปธรรมหลายประการ เช่น การใช้ภาษาเชิงบวก หลีกเลี่ยงคำพูดที่เป็นการห้ามหรือปฏิเสธ เช่น เปลี่ยนจาก “อย่าวิ่ง” เป็น “เดินช้าๆ นะ” 16 การแสดงความเคารพต่อทุกความคิดเห็น แม้จะเป็นความคิดที่ดูแปลกประหลาด และการให้ความไว้วางใจและสนับสนุนผลงานของผู้เรียน 18 เมื่อผู้เรียนรู้สึกว่าความคิดของตนเองมีคุณค่าและได้รับการยอมรับ พวกเขาจะเกิดความเชื่อมั่นและกล้าที่จะเสี่ยงทางปัญญา (Intellectual Risk-Taking) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของกระบวนการสร้างสรรค์ 11
พื้นที่ทางกายภาพ: การออกแบบเพื่อความยืดหยุ่นและการทำงานร่วมกัน
ลักษณะทางกายภาพของห้องเรียนส่งผลโดยตรงต่อพฤติกรรมการเรียนรู้ ห้องเรียนแบบดั้งเดิมที่จัดโต๊ะเป็นแถวหันหน้าเข้าหากระดานดำสื่อสารอย่างชัดเจนถึงรูปแบบการเรียนรู้แบบรับถ่ายทอด (Passive Learning) จากครูเป็นศูนย์กลาง ในทางตรงกันข้าม ห้องเรียนสร้างสรรค์ต้องมีการจัดวางที่ยืดหยุ่นและหลากหลาย สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามลักษณะของกิจกรรม 19
การใช้โต๊ะและเก้าอี้ที่เคลื่อนย้ายง่ายช่วยให้ครูสามารถปรับรูปแบบการจัดที่นั่งได้อย่างรวดเร็วเพื่อรองรับกิจกรรมที่แตกต่างกัน เช่น การทำงานกลุ่มย่อย การอภิปรายแบบวงกลม หรือการทำงานเดี่ยวที่ต้องการสมาธิ 19 นอกจากนี้ การสร้างพื้นที่เฉพาะสำหรับกิจกรรมต่างๆ เช่น มุมอ่านหนังสือ มุมศิลปะสร้างสรรค์ หรือพื้นที่สำหรับนำเสนอผลงาน (Makerspace) จะช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ที่หลากหลายและตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันของผู้เรียน 19 การใช้สีสัน แสงสว่างที่เหมาะสม การนำองค์ประกอบจากธรรมชาติเข้ามาในห้องเรียน และการจัดวางเทคโนโลยีและสื่อการเรียนรู้ให้เข้าถึงง่าย ล้วนเป็นปัจจัยที่ช่วยสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายและกระตุ้นการเรียนรู้ 19
บทบาทที่เปลี่ยนไปของผู้สอน: จากผู้ถ่ายทอดสู่ผู้อำนวยความสะดวก
ในระบบนิเวศแห่งความคิดสร้างสรรค์ บทบาทของครูต้องเปลี่ยนจาก “ปราชญ์หน้าชั้น” (Sage on the Stage) ที่เป็นศูนย์กลางและผู้ถ่ายทอดความรู้แต่เพียงผู้เดียว ไปสู่การเป็น “ผู้อำนวยความสะดวกและโค้ช” (Guide on the Side) ที่คอยสนับสนุนกระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียน 1 บทบาทใหม่นี้ไม่ได้ลดทอนความสำคัญของครูลง แต่เป็นการเปลี่ยนจุดเน้นจากการ “สอน” ไปสู่การ “ออกแบบการเรียนรู้”
บทบาทของผู้อำนวยความสะดวกประกอบด้วย:
- การตั้งคำถามปลายเปิด: แทนที่จะบอกคำตอบ ครูควรกระตุ้นให้ผู้เรียนคิดด้วยการใช้คำถามปลายเปิดที่ส่งเสริมให้เกิดการแสดงความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง 23
- การให้การสนับสนุนแบบนั่งร้าน (Scaffolding): ครูทำหน้าที่เป็น “นั่งร้าน” ที่คอยให้กำลังใจและให้ความช่วยเหลือเมื่อจำเป็น เพื่อให้ผู้เรียนสามารถก้าวไปสู่ระดับที่สูงขึ้นได้ด้วยตนเอง 22
- การเป็นผู้เรียนรู้ร่วมกัน: ครูต้องพร้อมที่จะรับฟังแนวคิดของผู้เรียน และเรียนรู้ไปพร้อมๆ กับพวกเขาในระหว่างกระบวนการสำรวจและค้นพบ 23
การเปลี่ยนบทบาทนี้เป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดความเป็นเจ้าของในการเรียนรู้ (Ownership of Learning) ซึ่งเป็นรากฐานของทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์และรูปแบบการสอนเชิงสร้างสรรค์ทั้งหมด
ส่วนที่ 3: กรอบแนวคิดการจัดการเรียนการสอนเพื่อบ่มเพาะความคิดสร้างสรรค์
เมื่อสร้างระบบนิเวศที่เอื้ออำนวยแล้ว ขั้นต่อไปคือการเลือกใช้กรอบแนวคิดการจัดการเรียนการสอน (Pedagogical Frameworks) ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รายงานส่วนนี้จะนำเสนอกรอบแนวคิดต่างๆ โดยเริ่มจากทฤษฎีพื้นฐานอย่างคอนสตรัคติวิสต์ ไปสู่รูปแบบการสอนที่เน้นการประยุกต์ใช้ที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น เพื่อให้นักการศึกษาสามารถเลือกใช้ได้อย่างเหมาะสมกับบริบทของตน
แนวทางพื้นฐาน: คอนสตรัคติวิสต์ (Constructivism) ในภาคปฏิบัติ
ทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์เป็นรากฐานทางปรัชญาที่สำคัญของรูปแบบการสอนสมัยใหม่ทั้งหมดที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง 24 หลักการสำคัญของทฤษฎีนี้คือ ผู้เรียนไม่ได้เป็นเพียงภาชนะว่างเปล่าที่รอรับการเติมเต็มความรู้ แต่เป็นผู้ “สร้าง” ความรู้ขึ้นมาด้วยตนเองอย่างกระตือรือร้น (Active Builder) ผ่านการเชื่อมโยงข้อมูลใหม่เข้ากับความรู้และประสบการณ์เดิมที่มีอยู่ 26 การเรียนรู้ในมุมมองนี้จึงเป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยการลงมือปฏิบัติ การมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม และการสะท้อนคิด 24
ในห้องเรียนแบบคอนสตรัคติวิสต์ กิจกรรมการเรียนรู้จะเปลี่ยนจากการบรรยายไปสู่การให้ผู้เรียนได้มีประสบการณ์ตรง เช่น การทำโครงงาน การสืบเสาะหาความรู้ หรือการแก้ปัญหาจริง 27 รูปแบบการสอนทั้งหมดที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้ ไม่ว่าจะเป็น IBL, PBL, PjBL, CBL หรือ Design Thinking ล้วนตั้งอยู่บนฐานคิดของคอนสตรัคติวิสต์ เพราะทุกรูปแบบล้วนต้องการให้ผู้เรียนลงมือทำ สร้างสรรค์ และมีปฏิสัมพันธ์เพื่อสร้างความเข้าใจ แทนที่จะเป็นเพียงผู้รับฟังและจดจำ
รูปแบบการสอนที่ขับเคลื่อนด้วยการสืบเสาะ: จุดประกายความอยากรู้
รูปแบบการสอนกลุ่มนี้ใช้ “ความสงสัย” และ “ปัญหา” เป็นตัวขับเคลื่อนกระบวนการเรียนรู้
- การเรียนรู้โดยใช้การสืบเสาะเป็นฐาน (Inquiry-Based Learning: IBL): เป็นแนวทางที่เริ่มต้นจากความอยากรู้อยากเห็นของผู้เรียน โดยใช้คำถาม ปัญหา หรือสถานการณ์เป็นจุดเริ่มต้นในการเรียนรู้ 25 กระบวนการของ IBL ประกอบด้วยการที่ผู้เรียนตั้งคำถาม, ทำการค้นคว้า, ประเมินหลักฐาน และสร้างคำอธิบายของตนเองขึ้นมา 32 IBL มีหลายระดับ ตั้งแต่แบบที่มีโครงสร้างชัดเจนซึ่งครูเป็นผู้กำหนดคำถามและแนวทาง ไปจนถึงแบบปลายเปิดที่ผู้เรียนเป็นผู้กำหนดทิศทางการเรียนรู้ทั้งหมดด้วยตนเอง ทำให้สามารถปรับใช้ให้เหมาะสมกับระดับความพร้อมของผู้เรียนได้ 33
- การเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem-Based Learning: PBL): เป็นรูปแบบหนึ่งของ IBL ที่มีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้น โดยกระบวนการเรียนรู้จะเริ่มต้นจาก “ปัญหา” ที่มีความซับซ้อน เป็นปัญหาปลายเปิด และเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจริงในโลก 7 ผู้เรียนจะทำงานเป็นกลุ่มเพื่อกำหนดวัตถุประสงค์การเรียนรู้, ค้นคว้าหาข้อมูลด้วยตนเอง และนำความรู้ที่ได้มาประยุกต์ใช้เพื่อหาแนวทางแก้ปัญหานั้น 7 หัวใจสำคัญของ PBL ไม่ได้อยู่ที่การได้มาซึ่งคำตอบที่ถูกต้องเพียงหนึ่งเดียว แต่อยู่ที่ “กระบวนการ” แก้ปัญหาและการสร้างองค์ความรู้ที่เกิดขึ้นระหว่างทาง 38
- การเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐาน (Project-Based Learning: PjBL): มีความคล้ายคลึงกับ PBL แต่มีความแตกต่างที่สำคัญคือ PjBL จะมุ่งเน้นไปที่การสร้าง “ผลงาน” หรือ “ชิ้นงาน” ที่จับต้องได้เพื่อนำเสนอต่อสาธารณะหรือผู้ฟังที่เป็นกลุ่มเป้าหมายจริง 40 โครงงานจะเป็นเสมือนยานพาหนะที่นำพาผู้เรียนไปสู่การเรียนรู้เนื้อหาและทักษะที่จำเป็น 41 โดยทั่วไป PjBL มักเป็นกิจกรรมที่ใช้ระยะเวลายาวนานกว่าและมีลักษณะเป็นสหวิทยาการมากกว่า PBL 42
รูปแบบการสอนที่เน้นความคิดสร้างสรรค์: การออกแบบเพื่อนวัตกรรม
รูปแบบการสอนกลุ่มนี้ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อมุ่งเน้นการส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และการสร้างนวัตกรรมโดยตรง
- การเรียนรู้โดยใช้การสร้างสรรค์เป็นฐาน (Creative-Based Learning: CBL): เป็นการต่อยอดจาก PBL แต่จุดเริ่มต้นของกระบวนการไม่ได้มาจากปัญหาที่ครูกำหนดให้ แต่มาจาก “ความสนใจ” หรือ “ความหลงใหล” (Passion) ของผู้เรียนเอง 23 CBL ให้อิสระทางความคิดและการเลือกใช้ทรัพยากรอย่างเต็มที่ โดยมีกระบวนการ 5 ขั้นตอน ได้แก่ 1) การกระตุ้นความสนใจ, 2) การกำหนดสถานการณ์หรือปัญหาตามความสนใจ, 3) การค้นคว้าและสร้างสรรค์ผลงาน, 4) การนำเสนอผลงาน และ 5) การประเมินผล 23
- เจาะลึก: การคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking): เป็นกรอบการทำงานที่ทรงพลัง มีมนุษย์เป็นศูนย์กลาง และเน้นการทำงานซ้ำๆ (Iterative) เพื่อแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ 12 แม้จะถูกพัฒนาขึ้นในโลกของการออกแบบและธุรกิจ แต่ Design Thinking ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่ามีประสิทธิภาพสูงในการนำมาใช้ในบริบททางการศึกษา 46 กระบวนการนี้ประกอบด้วย 5 ขั้นตอนที่ไม่ได้เรียงตามลำดับตายตัว แต่สามารถวนกลับไปมาได้ตามความเหมาะสม 48:
- เข้าใจ (Empathize): เป็นการทำความเข้าใจผู้ใช้งานหรือกลุ่มเป้าหมายอย่างลึกซึ้ง ผ่านการสังเกต สัมภาษณ์ และเข้าไปมีส่วนร่วมในประสบการณ์ของพวกเขา 12 ขั้นตอนนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งเพราะช่วยสร้างความฉลาดทางอารมณ์และทำให้แน่ใจว่าแนวทางการแก้ปัญหานั้นตอบโจทย์ความต้องการที่แท้จริง
- กำหนดปัญหา (Define): นำข้อมูลที่ได้จากขั้น Empathize มาวิเคราะห์และสังเคราะห์เพื่อระบุแก่นของปัญหา และกำหนดเป็น “คำแถลงปัญหา” (Problem Statement) ที่ชัดเจนและมีมนุษย์เป็นศูนย์กลาง 12
- ระดมสมอง (Ideate): เป็นขั้นตอนของการคิดแบบอเนกนัย (Divergent Thinking) เพื่อสร้างสรรค์แนวทางการแก้ปัญหาที่หลากหลายให้ได้มากที่สุด โดยปราศจากการตัดสิน 12 เป็นการท้าทายสมมติฐานเดิมๆ และเปิดรับทุกความเป็นไปได้
- สร้างต้นแบบ (Prototype): เป็นการสร้างแบบจำลองหรือต้นแบบของแนวคิดที่เลือกในรูปแบบที่เรียบง่ายและจับต้องได้ 12 การสร้างต้นแบบช่วยทำให้แนวคิดที่เป็นนามธรรมกลายเป็นรูปธรรม ทำให้สามารถทดสอบและเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว
- ทดสอบ (Test): นำต้นแบบไปให้ผู้ใช้งานจริงได้ทดลองใช้เพื่อเก็บข้อมูลป้อนกลับ (Feedback) แล้วนำข้อมูลนั้นมาปรับปรุงแก้ไขแนวคิดและต้นแบบให้ดียิ่งขึ้น 12 กระบวนการที่ทำซ้ำไปมานี้ช่วยให้ผู้เรียนยอมรับความล้มเหลวในฐานะเครื่องมือในการเรียนรู้
การวิเคราะห์เปรียบเทียบและแนวทางการเลือกใช้
รูปแบบการสอนเหล่านี้ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อทดแทนกัน แต่เป็นเครื่องมือที่แตกต่างกันซึ่งอยู่บน “สเปกตรัมของความเป็นอิสระของผู้เรียน” (Spectrum of Learner Agency) กล่าวคือ ระดับของการชี้นำจากครูเทียบกับความเป็นอิสระของผู้เรียนจะแตกต่างกันไปในแต่ละรูปแบบ ครูสามารถใช้สเปกตรัมนี้เป็นเส้นทางการพัฒนาผู้เรียนได้ โดยอาจเริ่มต้นจากรูปแบบที่มีโครงสร้างชัดเจนเพื่อสร้างทักษะพื้นฐานก่อน แล้วค่อยๆ เพิ่มความเป็นอิสระให้ผู้เรียนมากขึ้นเมื่อพวกเขามีความพร้อมและความเชื่อมั่นในตนเองสูงขึ้น
ตารางที่ 1: การวิเคราะห์เปรียบเทียบกรอบแนวคิดการจัดการเรียนการสอนเชิงสร้างสรรค์
กรอบแนวคิด | ตัวขับเคลื่อนหลัก (Primary Driver) | บทบาทหลักของผู้เรียน (Student Role) | บทบาทหลักของผู้สอน (Teacher Role) | กระบวนการหลัก (Core Process) | ผลลัพธ์โดยทั่วไป (Typical Outcome) |
การเรียนรู้โดยใช้การสืบเสาะเป็นฐาน (IBL) | คำถาม/ความสงสัย 32 | ผู้สืบเสาะ (Investigator) | ผู้ตั้งคำถาม/ผู้อำนวยความสะดวก | ถาม-ค้นคว้า-ประเมิน-สร้างคำอธิบาย 32 | คำตอบ/คำอธิบายที่สร้างขึ้นเอง |
การเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (PBL) | ปัญหาจริงที่ซับซ้อนและปลายเปิด 36 | ผู้แก้ปัญหา (Problem-Solver) | ผู้อำนวยความสะดวก (Facilitator) | เผชิญปัญหา-กำหนดประเด็นการเรียนรู้-ค้นคว้า-ประยุกต์ใช้-นำเสนอ 37 | ข้อเสนอแนะแนวทางการแก้ปัญหา |
การเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐาน (PjBL) | การสร้างผลงานเพื่อนำเสนอต่อสาธารณะ 41 | ผู้สร้างสรรค์/ผู้ผลิต (Creator/Producer) | ผู้จัดการโครงงาน (Project Manager) | ตั้งคำถาม-วางแผน-ค้นคว้า-สร้างผลงาน-นำเสนอ-สะท้อนคิด 40 | ผลงาน/ชิ้นงานที่นำเสนอต่อสาธารณะ |
การเรียนรู้โดยใช้การสร้างสรรค์เป็นฐาน (CBL) | ความสนใจ/ความหลงใหลของผู้เรียน 23 | นักนวัตกรรม (Innovator) | โค้ช (Coach) | กระตุ้น-กำหนดสถานการณ์-ค้นคว้าและสร้างสรรค์-นำเสนอ-ประเมินผล 44 | นวัตกรรม/ผลงานที่เกิดจากความสนใจ |
การคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking) | ความต้องการของผู้ใช้งาน (User’s Need) 50 | นักออกแบบ (Designer) | ผู้นำกระบวนการ (Process Guide) | เข้าใจ-กำหนดปัญหา-ระดมสมอง-สร้างต้นแบบ-ทดสอบ 12 | นวัตกรรมที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งาน |
ส่วนที่ 4: ชุดเครื่องมือสำหรับบ่มเพาะกระบวนการคิดเชิงสร้างสรรค์
ส่วนนี้จะนำเสนอชุดเครื่องมือและเทคนิคการคิดที่เป็นรูปธรรม ซึ่งครูสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในกิจกรรมการเรียนการสอนเพื่อฝึกฝนกระบวนการคิดเชิงสร้างสรรค์ของผู้เรียนได้โดยตรง เทคนิคเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงกิจกรรมเดี่ยวๆ แต่สะท้อนถึง “แรงตึงแบบพลวัตของการรับรู้เชิงสร้างสรรค์” (The Dynamic Tension of Creative Cognition) ซึ่งเป็นกระบวนการที่ผู้เรียนต้องเคลื่อนไหวไปมาระหว่างการคิดแบบขยาย (Divergent Thinking) เพื่อเปิดรับความเป็นไปได้ใหม่ๆ และการคิดแบบสรุปรวบ (Convergent Thinking) เพื่อกลั่นกรองและทำให้แนวคิดเหล่านั้นเป็นจริง
ขยายกรอบความคิด: 5 วิธีคิดเพื่อการสร้างสรรค์
- การคิดเชิงบวก (Positive Thinking): ไม่ใช่เพียงการมองโลกในแง่ดีอย่างไร้เหตุผล แต่เป็นการสร้างกรอบความคิดที่สร้างสรรค์และมีความยืดหยุ่นทางใจ (Resilience) ในห้องเรียน เทคนิคนี้เริ่มต้นจากการใช้ภาษาของครู โดยเปลี่ยนจากการสั่งห้ามมาเป็นการบอกสิ่งที่ต้องการให้ทำ 16 กิจกรรมที่สามารถนำมาใช้ได้แก่ การเขียนบันทึกขอบคุณ (Gratitude Journaling) เพื่อทบทวนเรื่องดีๆ, การฝึกปรับมุมมองต่อเหตุการณ์ลบ และการใช้คำพูดให้กำลังใจตนเอง 51 การสร้างบรรยากาศเชิงบวกจะช่วยลดความกลัวต่อความผิดพลาดและส่งเสริมให้ผู้เรียนกล้าคิดกล้าทำ
- การคิดย้อนศร (Backward Thinking): เป็นเทคนิคการแก้ปัญหาที่เริ่มจาก “เป้าหมายสุดท้าย” แล้วคิดย้อนกลับมาเป็นลำดับขั้นเพื่อหาว่าต้องทำอะไรบ้างจึงจะไปถึงจุดนั้นได้ 53 วิธีนี้ช่วยให้เห็นภาพรวมและวางแผนได้อย่างเป็นระบบ ตัวอย่างกิจกรรมคือ “การวางแผนย้อนกลับ” (Backward Planning) โดยให้ผู้เรียนจินตนาการถึงผลงานที่เสร็จสมบูรณ์แล้ว จากนั้นให้ระบุขั้นตอนที่ต้องทำก่อนหน้านั้นย้อนกลับมาทีละขั้นจนถึงจุดเริ่มต้น 54 นอกจากนี้ แนวคิด “กฎแห่งการย้อนศร” (The Backwards Law) ยังสอนให้รู้ว่าบางครั้งการยอมรับผลลัพธ์เชิงลบอาจช่วยลดความกดดันและนำไปสู่ทางออกที่ไม่คาดคิดได้ 55
- การคิดในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ (Impossible Thinking): เป็นเครื่องมือทรงพลังในการทลาย “ความยึดติดทางความคิด” (Cognitive Fixedness) โดยการตั้งโจทย์หรือสถานการณ์ที่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้หรือไม่สมเหตุสมผล 53 เช่น “ถ้ามนุษย์หายใจในน้ำได้จะเกิดอะไรขึ้น?” หรือ “จงออกแบบโรงเรียนบนดาวอังคาร” การคิดโดยปราศจากข้อจำกัดของความเป็นจริงจะช่วยปลดปล่อยจินตนาการและนำไปสู่แนวคิดที่แปลกใหม่และสร้างสรรค์อย่างแท้จริง ซึ่งในภายหลังสามารถนำแนวคิดเหล่านั้นมาปรับให้สอดคล้องกับความเป็นจริงได้ 56
- การคิดบนหลักของความเป็นจริง (Thinking Based on Principle): เป็นการคิดที่ทำหน้าที่ถ่วงดุลกับการคิดในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ 53 หลังจากระดมความคิดอย่างอิสระแล้ว จำเป็นต้องนำแนวคิดเหล่านั้นกลับมาพิจารณาบนพื้นฐานของข้อมูล หลักการ และข้อจำกัดในโลกแห่งความเป็นจริง 58 การเรียนรู้รูปแบบนี้เน้นให้ผู้เรียนเชื่อมโยงสิ่งที่เรียนเข้ากับสถานการณ์จริง ค้นหาหลักฐานมาสนับสนุนคำตอบ และประเมินความเป็นไปได้ 13 ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของ PBL และขั้นตอน Define และ Test ในกระบวนการ Design Thinking 23
- การคิดนอกกรอบ หรือ การคิดแนวข้าง (Lateral Thinking): คือการแก้ปัญหาด้วยวิธีการทางอ้อมและสร้างสรรค์ โดยใช้เหตุผลที่ไม่ปรากฏชัดในทันที 3 เป็นการคิด “ข้ามกล่องความรู้” เพื่อหาความเชื่อมโยงใหม่ๆ กิจกรรมที่ช่วยฝึกฝนทักษะนี้ ได้แก่ การเล่นเกมปริศนา (Riddles), ปริศนาภาพ (Rebus Puzzles), และการใช้กรอบแนวคิดต่างๆ เช่น “หมวก 6 ใบ” (Six Thinking Hats) ของ เอ็ดเวิร์ด เดอ โบโน่ เพื่อฝึกมองปัญหาจากหลากหลายมุมมองที่แตกต่างกัน 60
เครื่องมือระดมความคิดสร้างสรรค์ในภาคปฏิบัติ
- “จะเกิดอะไรขึ้นถ้า…?” (What If?): เป็นคำถามทรงพลังที่ใช้จุดประกายการคิดแบบขยาย (Divergent Thinking) และการสร้างสมมติฐาน 11 การใช้คำถาม “What If?” ในห้องเรียนช่วยให้ผู้เรียนได้สำรวจความเป็นไปได้และผลที่ตามมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด กิจกรรมมีได้หลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่การดัดแปลงนิทาน (“จะเกิดอะไรขึ้นถ้าราพันเซลตัดผมตัวเอง?”) ไปจนถึงการตั้งคำถามเชิงวิทยาศาสตร์ (“จะเกิดอะไรขึ้นถ้าโลกไม่มีแรงโน้มถ่วง?”) 62 สามารถใช้เป็นหัวข้อในการอภิปราย, การเขียนเรื่องราว หรือแม้แต่การแสดงละคร 64
- “มีอะไรอีกบ้าง?” (What Else?): เป็นเครื่องมือที่ใช้เพื่อผลักดันให้ผู้เรียนคิดไกลกว่าคำตอบแรกที่ผุดขึ้นมาในหัว ซึ่งมักจะเป็นคำตอบที่ธรรมดาที่สุด การถามว่า “มีอะไรอีก?” ซ้ำๆ จะช่วยส่งเสริมความคิดคล่องแคล่ว (Fluency) และความคิดยืดหยุ่น (Flexibility) 66 กิจกรรมที่สนับสนุนเทคนิคนี้คือการระดมสมองที่เน้นปริมาณมากกว่าคุณภาพในตอนแรก, การทำ “Chalk Talk” ที่ให้ทุกคนเขียนไอเดียลงบนกระดานพร้อมกันอย่างเงียบๆ เพื่อลดการปิดกั้น, และการท้าทายให้นักเรียนหาทางออกของปัญหาอย่างน้อย 3 แนวทางที่แตกต่างกันเสมอ 67
- “นำสองสิ่งมารวมกันได้อย่างไร?” (What 2 Combine?): เทคนิคนี้มุ่งเน้นไปที่การสังเคราะห์และสร้างนวัตกรรมโดยการผสมผสานสิ่งที่ไม่น่าจะเข้ากันได้ 3 ในเชิงรูปธรรม สามารถนำมาใช้ในการสอนการเขียนโดยฝึก “การรวมประโยค” (Sentence Combining) เพื่อสร้างประโยคที่มีความซับซ้อนและสละสลวยมากขึ้น 68 ในเชิงนามธรรม เทคนิคนี้คือหัวใจของการคิดเชิงสหวิทยาการ เช่น การให้นักเรียน “รวม” ความรู้ทางคณิตศาสตร์และศิลปะเพื่อออกแบบสวนสนุก หรือ “รวม” แนวคิดที่แตกต่างกันสองอย่างเพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ในกิจกรรมแบบโครงงาน 70
ส่วนที่ 5: การวัดผลในสิ่งที่สำคัญ: การประเมินความคิดสร้างสรรค์ตามสภาพจริง
ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดประการหนึ่งในการนำความคิดสร้างสรรค์มาสู่ห้องเรียนคือ “การวัดผล” การใช้แบบทดสอบปรนัยแบบดั้งเดิมไม่สามารถประเมินทักษะที่ซับซ้อนอย่างการทำงานร่วมกัน, การคิดนอกกรอบ หรือความสามารถในการสร้างสรรค์ผลงานได้ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องเปลี่ยนกระบวนทัศน์ไปสู่ “การประเมินตามสภาพจริง” (Authentic Assessment) ซึ่งเป็นแนวทางการประเมินที่ไม่ได้แยกออกจากการเรียนรู้ แต่เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้ที่ช่วยส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียนอย่างต่อเนื่อง
หลักการของการประเมินตามสภาพจริง
การประเมินตามสภาพจริงคือการประเมินความสามารถของผู้เรียนในการนำความรู้และทักษะไปประยุกต์ใช้ในบริบทหรือสถานการณ์ที่ใกล้เคียงกับชีวิตจริง 72 โดยมีหลักการสำคัญดังนี้:
- เน้นการปฏิบัติ: การประเมินมุ่งเน้นให้ผู้เรียนได้ “ลงมือทำ” และสร้างสรรค์ผลงานที่แสดงให้เห็นถึงความเข้าใจและความสามารถที่แท้จริง 74
- เป็นกระบวนการต่อเนื่อง: การประเมินไม่ได้เกิดขึ้นแค่ตอนท้ายสุด แต่เป็นกระบวนการต่อเนื่องที่เกิดขึ้นตลอดการเรียนรู้ (Formative Assessment) เพื่อให้ข้อมูลป้อนกลับแก่ผู้เรียนสำหรับนำไปพัฒนาปรับปรุง 72
- ใช้เครื่องมือหลากหลาย: ไม่ได้จำกัดอยู่แค่แบบทดสอบ แต่ใช้เครื่องมือที่หลากหลาย เช่น การสังเกต, การสัมภาษณ์, แฟ้มสะสมงาน, และการประเมินชิ้นงาน 74
- มีผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง: เปิดโอกาสให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการประเมินตนเอง (Self-Assessment) และประเมินเพื่อน (Peer Assessment) ซึ่งกระบวนการนี้จะช่วยส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้เชิงลึกและการคิดเชิงวิพากษ์ (Metacognition) 76
การประเมินตามสภาพจริงเปลี่ยนบทบาทของการประเมินจากเครื่องมือ “ตัดสิน” ผลการเรียนรู้ ไปสู่การเป็นเครื่องมือ “เพื่อ” การเรียนรู้ (Assessment for Learning) และ “ในฐานะ” การเรียนรู้ (Assessment as Learning) 72 ซึ่งการสะท้อนคิดและประเมินตนเองนี้เองคือจุดที่การเรียนรู้ที่ลึกซึ้งที่สุดจะเกิดขึ้น
วิธีการและเครื่องมือหลัก
- การประเมินโดยใช้แฟ้มสะสมงาน (Portfolio Assessment): แฟ้มสะสมงานคือการรวบรวมผลงานของผู้เรียนอย่างมีเป้าหมาย เพื่อแสดงให้เห็นถึงความพยายาม, ความก้าวหน้า และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้ตลอดช่วงระยะเวลาหนึ่ง 77 สิ่งที่ทำให้แฟ้มสะสมงานทรงพลังไม่ใช่แค่การรวบรวมชิ้นงาน แต่คือการที่ผู้เรียนต้อง “สะท้อนคิด” (Reflection) เกี่ยวกับกระบวนการทำงานและสิ่งที่ได้เรียนรู้จากผลงานแต่ละชิ้น 77 แฟ้มสะสมงานดิจิทัล (Digital Portfolios) ยังสามารถรวบรวมหลักฐานการเรียนรู้ที่หลากหลาย เช่น วิดีโอการนำเสนอ, บล็อก, หรือไฟล์เสียง ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการประเมินความคิดสร้างสรรค์ที่แสดงออกได้หลายรูปแบบ 79
- การประเมินจากภาระงาน (Performance Tasks): คือการมอบหมายงานที่ท้าทายให้ผู้เรียนต้องแสดงออกถึงความสามารถผ่านการสร้างชิ้นงาน (เช่น แบบจำลอง, วิดีโอ, แผนธุรกิจ) หรือการแสดง (เช่น การโต้วาที, การนำเสนอ, การแสดงละคร) 72 ภาระงานเหล่านี้เป็นหัวใจสำคัญของ PjBL และ PBL และเป็นเวทีให้ผู้เรียนได้บูรณาการความรู้และทักษะต่างๆ เพื่อแก้ปัญหาหรือสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ
- การออกแบบเกณฑ์การให้คะแนน (Rubric Design): รูบริคเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้การประเมินทักษะที่ซับซ้อนมีความชัดเจน, เป็นปรนัย และโปร่งใสมากขึ้น 81 รูบริคที่มีประสิทธิภาพสำหรับการประเมินความคิดสร้างสรรค์ควรมีลักษณะดังนี้:
- เป็นแบบแยกองค์ประกอบ (Analytic Rubric): ควรแยกประเมินในแต่ละมิติหรือเกณฑ์ย่อยๆ เช่น ความคิดริเริ่ม, กระบวนการทำงาน, การทำงานร่วมกัน แทนที่จะให้คะแนนรวมเพียงคะแนนเดียว 72
- ใช้คำอธิบายที่เป็นรูปธรรม: คำอธิบายในแต่ละระดับคะแนนควรชัดเจน, สังเกตได้ และวัดผลได้จริง หลีกเลี่ยงคำที่เป็นนามธรรม 72
- สอดคล้องกับองค์ประกอบของความคิดสร้างสรรค์: เกณฑ์การประเมินควรสะท้อนองค์ประกอบหลักของความคิดสร้างสรรค์ ได้แก่ ความคิดคล่องแคล่ว, ยืดหยุ่น, ริเริ่ม และละเอียดลออ 5
- สื่อสารกับผู้เรียนล่วงหน้า: ครูควรให้รูบริคแก่ผู้เรียน “ก่อน” เริ่มทำภาระงาน เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจเป้าหมายและเกณฑ์ความสำเร็จอย่างชัดเจน และสามารถใช้รูบริคเป็นแนวทางในการพัฒนาผลงานของตนเองได้ 72
ตัวอย่างเกณฑ์การให้คะแนนแบบแยกองค์ประกอบ
ตารางต่อไปนี้คือตัวอย่างรูบริคสำหรับประเมินโครงงานที่ใช้กระบวนการคิดเชิงออกแบบ ซึ่งครูสามารถนำไปปรับใช้ให้เข้ากับบริบทของตนเองได้
ตารางที่ 2: ตัวอย่างเกณฑ์การให้คะแนน (Analytic Rubric) สำหรับโครงงานแก้ปัญหาชุมชน
เกณฑ์การประเมิน (Criteria) | ระดับ 4: ดีเยี่ยม (Exceeding) | ระดับ 3: ดี (Meeting) | ระดับ 2: พอใช้ (Approaching) | ระดับ 1: ต้องปรับปรุง (Beginning) |
1. การสืบเสาะและเข้าใจปัญหา (Inquiry & Empathy) | แสดงความเข้าใจปัญหาของผู้ใช้งานอย่างลึกซึ้งและรอบด้าน ผ่านการรวบรวมข้อมูลจากหลากหลายแหล่งและวิธีการอย่างเป็นระบบ | แสดงความเข้าใจปัญหาของผู้ใช้งานได้ชัดเจน ผ่านการรวบรวมข้อมูลจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ | แสดงความเข้าใจปัญหาของผู้ใช้งานในระดับพื้นฐาน โดยรวบรวมข้อมูลจากแหล่งข้อมูลที่จำกัด | ไม่สามารถอธิบายปัญหาของผู้ใช้งานได้อย่างชัดเจน หรือข้อมูลที่รวบรวมมาไม่เกี่ยวข้อง |
2. การระดมสมองและความคิดริเริ่ม (Ideation & Originality) | นำเสนอแนวทางการแก้ปัญหาที่หลากหลาย (Fluency) และแตกต่างกันในเชิงประเภท (Flexibility) โดยมีแนวคิดอย่างน้อยหนึ่งอย่างที่แปลกใหม่และไม่เคยมีมาก่อน (Originality) | นำเสนอแนวทางการแก้ปัญหาได้หลายแนวทาง และมีบางแนวคิดที่แสดงถึงความพยายามในการคิดนอกกรอบ | นำเสนอแนวทางการแก้ปัญหาได้เพียง 1-2 แนวทาง ซึ่งเป็นแนวทางที่พบเห็นได้ทั่วไป | ไม่สามารถนำเสนอแนวทางการแก้ปัญหาที่ชัดเจนได้ |
3. การสร้างต้นแบบและทดลอง (Prototyping & Iteration) | สร้างต้นแบบที่สามารถสื่อสารแนวคิดได้ชัดเจน มีกระบวนการทดสอบและเก็บข้อมูลป้อนกลับอย่างเป็นระบบ และนำข้อมูลมาปรับปรุงแก้ไขต้นแบบอย่างเห็นได้ชัด | สร้างต้นแบบที่สามารถทดสอบแนวคิดได้ และนำข้อมูลป้อนกลับที่ได้รับมาปรับปรุงแก้ไขในเบื้องต้น | สร้างต้นแบบที่ยังไม่สมบูรณ์พอที่จะทดสอบแนวคิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือไม่ได้นำข้อมูลป้อนกลับมาใช้ในการปรับปรุง | ไม่ได้สร้างต้นแบบ หรือต้นแบบไม่สอดคล้องกับแนวคิดที่นำเสนอ |
4. การทำงานร่วมกันและการสื่อสาร (Collaboration & Communication) | ทำงานร่วมกับสมาชิกในกลุ่มอย่างมีประสิทธิภาพ มีการแบ่งหน้าที่และช่วยเหลือซึ่งกันและกันอย่างสม่ำเสมอ สามารถนำเสนอผลงานได้อย่างชัดเจน น่าสนใจ และโน้มน้าวใจผู้ฟัง | ทำงานร่วมกับสมาชิกในกลุ่มได้ดีเป็นส่วนใหญ่ และสามารถนำเสนอผลงานได้ชัดเจน เข้าใจง่าย | มีส่วนร่วมในการทำงานกลุ่มบ้าง แต่ยังขาดความต่อเนื่องในการสื่อสาร การนำเสนอผลงานยังขาดความชัดเจน | ไม่ให้ความร่วมมือในการทำงานกลุ่ม หรือไม่สามารถนำเสนอผลงานให้ผู้อื่นเข้าใจได้ |
5. ความละเอียดลออและผลงานสำเร็จ (Elaboration & Craftsmanship) | ผลงานสุดท้ายมีความสมบูรณ์ในทุกรายละเอียด มีความประณีต สวยงาม และแสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในการเก็บรายละเอียดต่างๆ อย่างชัดเจน | ผลงานสุดท้ายมีความสมบูรณ์และใช้งานได้ตามวัตถุประสงค์ มีการเก็บรายละเอียดที่ดีในภาพรวม | ผลงานสุดท้ายยังขาดความสมบูรณ์ในบางส่วน และยังต้องการการเก็บรายละเอียดเพิ่มเติม | ผลงานสุดท้ายไม่สมบูรณ์ หรือไม่สามารถใช้งานได้ตามวัตถุประสงค์ |
ส่วนที่ 6: จากทฤษฎีสู่การปฏิบัติ: กรณีศึกษาจากทั่วโลกและการประยุกต์ใช้ในบริบทไทย
การเปลี่ยนแปลงการเรียนการสอนเพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ รายงานส่วนสุดท้ายนี้จะเชื่อมโยงทฤษฎีและแนวปฏิบัติทั้งหมดเข้ากับตัวอย่างจริงจากนานาชาติและบริบทของประเทศไทย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและเสนอแนะแนวทางที่เป็นรูปธรรมสำหรับนักการศึกษาในการเริ่มต้นการเดินทางครั้งนี้ การสร้างการศึกษาเชิงสร้างสรรค์ไม่ใช่ภาระของครูคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นภารกิจเชิงระบบที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน
กรณีศึกษาจากทั่วโลก
ปัจจุบันมีขบวนการระดับนานาชาติที่มุ่งส่งเสริมและประเมินความคิดสร้างสรรค์ในการศึกษา โดยมีองค์กรอย่าง OECD เป็นผู้นำในการดำเนินโครงการวิจัยและพัฒนากรอบการทำงานร่วมกัน 82 งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยและสถาบันการศึกษาทั่วโลกได้แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในการนำรูปแบบการสอนเชิงสร้างสรรค์ไปปรับใช้ในหลากหลายสาขาวิชาและระดับชั้น 83 ตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมเหล่านี้ช่วยสร้างแรงบันดาลใจและเป็นเครื่องยืนยันว่าแนวคิดดังกล่าวสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง:
- Project-Based Learning: นักเรียนชั้นประถมศึกษาออกแบบและสร้างสวนผักในโรงเรียน 1, นักเรียนมัธยมศึกษาออกแบบที่อยู่อาศัยสำหรับสัตว์ในสวนสัตว์ 35, หรือนักเรียนเคมีชั้นมัธยมปลายทำโครงงานตรวจสอบคุณภาพน้ำในชุมชน 41
- Problem-Based Learning: นักเรียนมนุษยศาสตร์ศึกษาปัญหาการวางผังเมืองโดยการลงพื้นที่สัมภาษณ์คนในชุมชน 35, หรือนักเรียนคณิตศาสตร์รับบทเป็นหน่วยถอดรหัสเพื่อแก้ปัญหาการเข้ารหัสลับ 35
- Design Thinking: นักเรียนชั้นประถมศึกษาใช้กระบวนการ Design Thinking เพื่อออกแบบของเล่นให้เพื่อน 85, นักเรียนมัธยมศึกษาออกแบบแคมเปญรณรงค์เพื่อแก้ปัญหาสังคม 86, หรือนักเรียนชีววิทยาเสนอแนวทางการปรับตัวของสิ่งมีชีวิตเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 87
กรณีศึกษาเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า เมื่อผู้เรียนได้รับโอกาสในการแก้ปัญหาจริงและสร้างสรรค์ผลงานที่มีความหมาย พวกเขาไม่เพียงแต่จะได้เรียนรู้เนื้อหาวิชาในเชิงลึก แต่ยังได้พัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ การทำงานร่วมกัน และความคิดสร้างสรรค์ไปพร้อมกันด้วย
บริบทของประเทศไทย: ความท้าทายและโอกาส
สำหรับประเทศไทย หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 ได้ระบุ “สมรรถนะในการคิด” (ซึ่งรวมถึงการคิดวิเคราะห์, สังเคราะห์, สร้างสรรค์ และอย่างมีวิจารณญาณ) เป็นหนึ่งในสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 5 นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยในประเทศจำนวนมากที่ศึกษาและพัฒนารูปแบบการสอนเพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ เช่น การใช้ CBL ในวิชาวิทยาการคำนวณ 10, การใช้กิจกรรมสัมมนาร่วมกับการคิดสร้างสรรค์ในวิชาสังคมศึกษา 88, และการใช้เทคนิค Mind Mapping ในวิชาภาษาไทย 89
อย่างไรก็ตาม ดังที่กล่าวไปข้างต้น ผลการประเมิน PISA ปี 2022 ได้ชี้ให้เห็นถึงช่องว่างระหว่างเป้าหมายเชิงนโยบายกับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริง 8 นี่คือทั้งความท้าทายและโอกาสครั้งสำคัญของระบบการศึกษาไทย ความท้าทายคือการก้าวข้ามอุปสรรคเชิงโครงสร้างและวัฒนธรรมการเรียนรู้แบบดั้งเดิม ส่วนโอกาสคือการนำองค์ความรู้และแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดจากทั่วโลกที่รวบรวมไว้ในรายงานฉบับนี้ มาปรับใช้และขยายผลให้เกิดขึ้นจริงในวงกว้าง เพื่อยกระดับศักยภาพของผู้เรียนไทยให้สามารถแข่งขันและสร้างสรรค์ในเวทีโลกได้อย่างเต็มภาคภูมิ
แผนที่นำทางสู่การปฏิบัติ (Roadmap for Implementation)
การเปลี่ยนแปลงต้องเริ่มต้นจากการลงมือทำ โดยมีแนวทางสำหรับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในแต่ละระดับดังนี้:
สำหรับครูผู้สอน:
- เริ่มต้นจากสิ่งเล็กๆ: ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนทุกอย่างในคราวเดียว ลองนำเทคนิคการคิดหรือเครื่องมือระดมสมองจากส่วนที่ 4 ไปใช้ในกิจกรรมการสอนปกติ เช่น การใช้คำถาม “What If?” เพื่อเปิดประเด็นการอภิปราย
- ทดลองใช้รูปแบบการสอนใหม่ใน 1 โครงงาน: เลือกหนึ่งหน่วยการเรียนรู้แล้วลองปรับรูปแบบการสอนเป็น PjBL หรือ Design Thinking 87 เพื่อสร้างประสบการณ์และความมั่นใจ
- สร้างวัฒนธรรมแห่งความปลอดภัย: ให้ความสำคัญกับการสร้างบรรยากาศในห้องเรียนตามแนวทางในส่วนที่ 2 โดยเริ่มจากการใช้ภาษาเชิงบวกและเปิดใจรับฟังทุกความคิดเห็น
- ใช้รูบริคเป็นเครื่องมือนำทาง: นำรูบริค (ส่วนที่ 5) มาใช้ในเชิงพัฒนา (Formative) โดยให้ผู้เรียนใช้ในการประเมินตนเองและให้ข้อมูลป้อนกลับแก่เพื่อนตลอดกระบวนการทำงาน
สำหรับผู้บริหารสถานศึกษา:
- ส่งเสริมการพัฒนาวิชาชีพ: จัดอบรมเชิงปฏิบัติการและสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) เพื่อให้ครูได้เรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับการสอนเชิงสร้างสรรค์ 45
- ลงทุนในทรัพยากรและสภาพแวดล้อม: สนับสนุนการปรับเปลี่ยนพื้นที่ทางกายภาพของห้องเรียนให้มีความยืดหยุ่น และจัดหาทรัพยากรที่จำเป็นสำหรับการทำโครงงานและการสร้างสรรค์ 19
- เป็นผู้นำด้านวัฒนธรรมองค์กร: สร้างวัฒนธรรมทั้งโรงเรียนที่ให้คุณค่ากับความคิดสร้างสรรค์, ยกย่องการกล้าทดลอง และมองความผิดพลาดเป็นโอกาสในการเรียนรู้ 15
- ปรับนโยบายให้สอดคล้องกัน: ทบทวนนโยบายการวัดผลและประเมินผลของโรงเรียนให้สนับสนุนการประเมินตามสภาพจริง และลดแรงกดดันจากการสอบที่เน้นการท่องจำเพียงอย่างเดียว 5
โดยสรุป การสร้างห้องเรียนแห่งความคิดสร้างสรรค์นั้นเป็นมากกว่าการเลือกใช้เทคนิคการสอนใหม่ๆ แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์ทางการศึกษาอย่างลึกซึ้ง ซึ่งต้องอาศัยความเข้าใจในทฤษฎี, การออกแบบระบบนิเวศที่เกื้อหนุน, การเลือกใช้กรอบการสอนที่เหมาะสม, การฝึกฝนกระบวนการคิดที่หลากหลาย และการวัดผลที่สอดคล้องกับเป้าหมายอย่างแท้จริง แม้จะเป็นการเดินทางที่ท้าทาย แต่ผลลัพธ์ที่ได้คือผู้เรียนที่มีความพร้อมสำหรับอนาคต มีความสามารถในการสร้างสรรค์นวัตกรรม และมีพลังที่จะเปลี่ยนแปลงโลกให้ดีขึ้นได้
ผลงานที่อ้างอิง
- ความคิดสร้างสรรค์ในห้องเรียน: หัวใจของการเรียนรู้แห่งศตวรรษที่ 21 – Break …, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://breakthroughprovidence.org/learning/%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B9%8C%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%AD/
- 3 ห้องเรียนฝึกความคิดสร้างสรรค์ ที่ครูไม่ต้องอ่านตำราและเขียนกระดานหน้าห้อง – The Potential, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://thepotential.org/knowledge/creativity-and-innovation/
- การพัฒนาและประเมินความคิดสร้างสรรค์ในสถานศึกษา Creative Thinking Development and Evaluation in Schools, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://opac1.lib.buu.ac.th/medias3/edu27n1p1-14.pdf
- ความคิดสร้างสรรค์: เกิดขึ้นเองหรือพัฒนาได้ Creative Thinking – Academic Journal of Phetchaburi Rajabhat University – มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://journal.pbru.ac.th/admin/upload/article/9616-2024-01-09.pdf
- Strengthening Thai 7th Grade Student Creative Thinking Skills: A Curriculum Development Model – ResearchGate, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.researchgate.net/publication/332154735_Strengthening_thai_7th_grade_student_creative_thinking_skills_A_curriculum_development_model
- ห้องเรียนที่สร้างสรรค์คือสวรรค์และแสงสว่าง – มูลนิธิสื่อชาวบ้าน (มะขามป้อม), เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://makhampom.org/creative-classroom-story/
- Creative Thinking Skill Approach Through Problem-Based Learning: Pedagogy and Practice in the Engineering Classroom – KNILT, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://knilt.arcc.albany.edu/images/c/ce/Creative-Thinking-Skills-Approach_Though_Problem-Based_Learning.pdf
- PISA Results 2022 (Volume III) – Factsheets: Thailand | OECD, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.oecd.org/en/publications/pisa-results-2022-volume-iii-factsheets_041a90f1-en/thailand_ff214311-en.html
- การคิดสร้างสรรค์ A Creative Thinking – ThaiJo, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://he01.tci-thaijo.org/index.php/slc/article/download/221813/152901/
- การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความคิดสร้างสรรค์โดยใช้วิธีการจัดการเรียนรู้ – RSUIR at Rangsit University, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://rsuir-library.rsu.ac.th/bitstream/123456789/2152/1/JACKKRIT%20YEANYING.pdf
- Cultivating Creativity in Standards-Based Classrooms – Edutopia, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.edutopia.org/blog/cultivating-creativity-standards-based-classrooms-marilyn-price-mitchell
- What is Design Thinking? — updated 2025 | IxDF, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.interaction-design.org/literature/topics/design-thinking
- การเรียนรู้เชิงสร้างสรรค์(Creative Learning), เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 http://www.curriculumandlearning.com/upload/Books/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B9%8C%20V_1596104583.1.pdf
- Brief เสวนาสาธารณะ Creative Thinking in Schools โรงเรียนคิดสร้างสรรค์ – สำนักพิมพ์ bookscape, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://bookscape.co/brief-creative-thinking-in-schools
- 9 Classroom Strategies for Creative Student Engagement – Acacia University, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://acacia.edu/blog/9-classroom-strategies-for-creative-student-engagement/
- เทคนิคการสร้างวินัยเชิงบวกในชั้นเรียน – Aksorn.com, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.aksorn.com/positive-discipline
- เพียงคุณครูใช้คำพูดเชิงบวกกับนักเรียน ก็สามารถเปิดรับการเรียนรู้ได้100%, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://se-edlearning.com/use-positive-words-with-students/
- การสร้างบรรยากาศในการเรียนให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ Creating a Creative Atmosphere – ThaiJO, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://so09.tci-thaijo.org/index.php/nsc/article/download/13/10
- การออกแบบห้องเรียนสร้างสรรค์ เทคนิคการจัดพื้นที่เพื่อเสริมสร้างการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://breakthroughprovidence.org/education/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2/
- เค้าโครงห้องเรียนก่อนวัยเรียนและการออกแบบห้องเรียนสำหรับสถานรับเลี้ยงเด็ก, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://xihakidz.com/th/%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%A7/
- การออกแบบห้องเรียนอนุบาลและแนวคิดสำหรับสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่สร้างสรรค์และมีประโยชน์, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://xiairworld.com/th/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87/
- ความคิดสร้างสรรค์ในห้องเรียน | Rakluke Executive Functions [EF], เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.rlg-ef.com/%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B9%8C%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%AD/
- Creative-based Learning การเรียนรู้โดยใช้การคิดสร้างสรรค์เป็นฐาน, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://active-learning.thailandpod.org/learning-activities/creative-based-learning
- Constructivist Learning & Creative Writing | WriteStories’ Impact – Scriptive, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.scriptive.us/post/why-creative-writing-thrives-in-constructivist-learning-environments-a-case-for-scriptives-writestories
- Inquiry-based learning – Wikipedia, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://en.wikipedia.org/wiki/Inquiry-based_learning
- Constructivism in Education: What Is Constructivism? | NU – National University, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.nu.edu/blog/what-is-constructivism-in-education/
- Constructivism – Office of Curriculum, Assessment and Teaching …, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.buffalo.edu/catt/teach/develop/theory/constructivism.html
- Constructivism: Actively Building Arts Education – The Kennedy Center, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.kennedy-center.org/education/resources-for-educators/classroom-resources/articles-and-how-tos/articles/educators/advocacy/constructivism-actively-building-arts-education/
- Constructivism as a Theory for Teaching and Learning – Simply Psychology, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.simplypsychology.org/constructivism.html
- 14 Ways to Run Constructivist Activities to Enhance Peer Learning – Kritik, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.kritik.io/blog-post/14-ways-to-run-constructivist-activities-to-enhance-peer-learning
- Inquiry-based learning – Department of Education, Australian Government, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.education.gov.au/australian-curriculum/national-stem-education-resources-toolkit/i-want-know-about-stem-education/what-works-best-when-teaching-stem/inquiry-based-learning
- Inquiry-Based Learning | Centre for Teaching and Learning, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.queensu.ca/ctl/resources/instructors/instructional-strategies/inquiry-based-learning
- Inquiry-based Learning | Foundations of Education – Lumen Learning, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://courses.lumenlearning.com/olemiss-education/chapter/inquiry-based-learning/
- Inquiry-Based Learning | Curriculum and Instructional Support – Central Michigan University, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.cmich.edu/offices-departments/curriculum-instructional-support/explore-instructional-methods/inquiry-based-learning
- What is Problem-Based Learning (PBL) – The Hun School of Princeton, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.hunschool.org/resources/problem-based-learning
- Problem-Based Learning (PBL) – Center for Innovation in Teaching & Learning, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://citl.illinois.edu/citl-101/teaching-learning/resources/teaching-strategies/problem-based-learning-(pbl)
- การเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem–based Learning: PBL), เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://ph.kku.ac.th/thai/images/file/km/pbl-he-58-1.pdf
- Project-Based vs. Problem-Based Learning: Which is Right for Your Math Classroom?, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://newtechnetwork.org/resources/project-based-vs-problem-based-learning/
- EP8 :รู้จัก Problem Based Learningเมื่อครูใช้ปัญหาสร้างการเรียนรู้แบบ Active Learning, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.youtube.com/watch?v=-3bPFc9fzeY
- Project-based learning – Institute for Teaching and Learning Innovation – University of Queensland, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://itali.uq.edu.au/teaching-guidance/teaching-practices/active-learning/project-based-learning
- What is Project Based Learning? | PBLWorks, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.pblworks.org/what-is-pbl
- Project-Based Learning and Problem-Based Learning: Can They Co-Exist? – Defined Learning | Blog, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://blog.definedlearning.com/blog/project-based-learning-problem-based-learning-can-co-exist
- Project-based Learning, Explained | Worcester Polytechnic Institute, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.wpi.edu/news/explainers/project-based-learning
- การส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ด้วยการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสาน ร่วมกับการเรียนรู้แบบสร้างสรรค์ – บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยขอนแก่น Graduate School Khon Kaen University., เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://app.gs.kku.ac.th/gs/th/publicationfile/item/21th-ngrc-2020/HMO9/HMO9.pdf
- The Importance of Design Thinking in Education: Sparking Creativity in Children – Blog, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://entrepreneurship.asu.edu/blog/2024/06/27/the-importance-of-design-thinking-in-education-sparking-creativity-in-children/
- Design Thinking Resources for Educators – Innovation Training, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.innovationtraining.org/design-thinking-for-educators-resources/
- What is Design Thinking in Education? – Designing Schools, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://designingschools.org/what-is-design-thinking-in-education/
- The 5 Stages in the Design Thinking Process | IxDF – The Interaction Design Foundation, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.interaction-design.org/literature/article/5-stages-in-the-design-thinking-process
- Design Thinking in the Elementary School Classroom, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://edtech-class.com/2021/06/16/design-thinking-in-the-elementary-school-classroom/
- What Is Design Thinking & Why Is It Important? – Harvard Business School Online, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://online.hbs.edu/blog/post/what-is-design-thinking
- 7 ชุดความคิดพลิกห้องเรียน: 3. ชุดความคิดเชิงบวก – BOOKSCAPE, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://bookscape.co/positivity-mindset-03
- ห้องเรียนเชิงบวก (Positive Classroom) – drpanom – WordPress.com, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://drpanom.wordpress.com/2020/12/19/%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%9A%E0%B8%A7%E0%B8%81-positive-classroom/
- Design Thinking การคิดเชิงออกแบบ – ศูนย์บรรณสารและสื่อการศึกษา, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://library.wu.ac.th/km/design-thinking-%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%9A/
- Lateral thinking for children – games and activities – Michael Muxworthy, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://michaelmuxworthy.com/classic-lateral-thinking-examples/lateral-thinking-for-children-games-and-activities/
- กฎแห่งการย้อนศร | Anontawong’s Musings, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://anontawong.com/2024/08/18/backwards-law/
- รู้จักทักษะการแก้ปัญหา problem solving ปั้นเด็กให้ก้าวทันโลกอนาคต – Code Genius, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://codegeniusacademy.com/problem-solving/
- 4 กิจกรรม ฝึกความคิดสร้างสรรค์ – Inskru, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://inskru.com/idea/-MjSmqtfInznLU8pyghd/
- ทำความรู้จัก Thinking Based Learning แนวทางการเรียนที่กำลังมาแรง – Starfishlabz, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.starfishlabz.com/blog/1832-%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81-thinking-based-learning-%E0%B9%81%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%81%E0%B8%B3%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%87
- สรุปการเข้าอบรบเรื่อง การจัดการเรียนการสอนเพื่อปลูกฝังผู้เรียน มีความคิดใหม่ – ERP-MJU – มหาวิทยาลัยแม่โจ้, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://erp.mju.ac.th/acticleDetail.aspx?qid=1332
- Unlocking Creativity: Lateral Thinking Activities for Gifted and Talented Learners, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://highpotentialeducation.com.au/unlocking-creativity-lateral-thinking-activities-for-gifted-and-talented-learners/
- Lesson Share: Teenagers: Lateral thinking | Article – Onestopenglish, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.onestopenglish.com/lesson-share-/lesson-share-teenagers-lateral-thinking/145220.article
- What If – Drama Resource, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://dramaresource.com/what-if/
- Top tips: What If? activities – STEM Learning, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.stem.org.uk/explorify/top-tips-what-if-activities
- Discussion Activity – What If? Speaking Activity Prompt Cards and Assi – Presto Plans, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.shop.prestoplans.com/products/discussion-prompts-and-activities-what-if
- “What If” Stories – Team J’s Classroom Fun, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://teamjclassroomfun.com/what-if-stories/
- 9 Creative Thinking Activities for Students | HMH, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.hmhco.com/blog/creative-thinking-activities-for-students
- 10 Tools for Your Students’ Creativity Toolbox | Edutopia, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.edutopia.org/article/10-tools-your-students-creativity-toolbox/
- Sentence Combining | Reading Rockets, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.readingrockets.org/classroom/classroom-strategies/sentence-combining
- How To Teach Sentence Combining – Voyager Sopris Learning, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.voyagersopris.com/vsl/blog/combining-sentences
- 10 Strategies to Build on Student Collaboration in the Classroom | GSEHD, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://gsehd.gwu.edu/articles/10-strategies-build-student-collaboration-classroom
- How to Utilize the Combination Learning Model – Graduate Programs for Educators, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.graduateprogram.org/blog/how-to-utilize-the-combination-learning-model/
- การวัดและประเมินผลตามสภาพจริง (Authentic Assessment) – Learning Institute, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://li.kmutt.ac.th/authentic-assessment/knowledge/
- การประเมินการเรียนรู ตามสภาพจริง, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://registrar.ku.ac.th/wp-content/uploads/2022/06/%E0%B8%81%E0%B8%A1%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%93_%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%8764.pdf
- การประเมินตามสภาพจริง Authentic Assessment – Active Learning in Online Teaching, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://active-learning.thailandpod.org/assessments/authentic-assessment
- การใช้การประเมินผล – ตามสภาพจริง, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.culi.chula.ac.th/Images/asset/pasaa_paritat_journal/file-24-184-xumlfv216885.pdf
- How to feedback? สะท้อนผลยังไง พัฒนานักเรียนอย่างแท้จริง – Starfishlabz, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.starfishlabz.com/blog/744-how-to-feedback-%E0%B8%AA%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B8%A2%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%87-%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%92%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%97%E0%B9%89%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%87
- Critical Thinking, Creative Writing, and Portfolio Assessment | Essays in Education – OpenRiver, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://openriver.winona.edu/cgi/viewcontent.cgi?article=1060&context=eie
- (PDF) Analysis of portfolio for critical thinking and creativity development among education students – ResearchGate, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.researchgate.net/publication/387242733_Analysis_of_portfolio_for_critical_thinking_and_creativity_development_among_education_students
- Portfolio Assessment Guidance for Teachers and Students – ManageBac, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.managebac.com/files/Portfolio-Assessment-Guidance-for-Teachers-and-Students.pdf
- 8 Approaches to Assessing Creativity in Online Assessments – TAO Testing, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.taotesting.com/blog/8-approaches-to-assessing-creativity-in-online-assessments/
- An Analytical Rubric for Assessing Creativity in Creative Writing – Academy Publication, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.academypublication.com/issues/past/tpls/vol03/12/09.pdf
- Teaching, Learning and Assessing Creative and Critical Thinking Skills | OECD, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.oecd.org/en/about/projects/teaching-learning-and-assessing-creative-and-critical-thinking-skills.html
- UNLOCKING POTENTIAL: 17 case studies in creative thinking, innovation & STEAM in the classroom and in the cloud – Umcs, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://phavi.umcs.pl/at/attachments/2025/0227/084219-unlocking-potential-17-case-studies.pdf
- Case Study Platform and Global Creativity in Education Award – YouTube, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.youtube.com/watch?v=xtme06Sg4Gc
- Design Thinking for Kids – Prisma Online School, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://www.joinprisma.com/blog/design-thinking-for-kids
- Design Thinking Curriculum in Schools 2025 – Techradiance, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://techradiance.in/design-thinking-curriculum-in-schools/
- What Is Design Thinking, and How Can It Be Used in Classroom Teaching?, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://richardjamesrogers.com/2023/12/17/what-is-design-thinking-and-how-can-it-be-used-in-classroom-teaching/
- การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ด้วยการจัดการเรียนรู้โดยการสัมมนาร่วมกับกิจกรรมการคิดสร้างสรรค์ – SURE Home, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://sure.su.ac.th/xmlui/handle/123456789/10593
- Thai Language Curriculum to Enhance Creativity Thinking Skills for Primary School Students – ERIC, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://files.eric.ed.gov/fulltext/EJ1353020.pdf
- Guidelines for Developing Innovative Thinking Skills of Teachers in Samut Prakan Vocational Colleges, Thailand, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 16, 2025 https://journals.eikipub.com/index.php/jetm/article/download/313/206/896
Comments
comments
Powered by Facebook Comments