แนวทางการจัดทำผลงานวิจัยเพื่อเลื่อนวิทยฐานะเชี่ยวชาญ (ว.PA): หลักการ 5 ประการสู่การเปลี่ยนแปลงทางวิชาชีพ
บทนำ: พลวัตใหม่ของการวิจัยทางการศึกษาภายใต้เกณฑ์ ว.PA
ในยุคสมัยแห่งการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา การประกาศใช้หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู หรือที่รู้จักกันในนาม “เกณฑ์ ว9/2564” (ว.PA – Performance Agreement) ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนครั้งสำคัญต่อวิถีปฏิบัติทางวิชาการในโรงเรียนทั่วประเทศไทย การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้เป็นเพียงการปรับเปลี่ยนเอกสารหรือวิธีการยื่นคำขอ แต่เป็นการรื้อถอนกรอบความคิดเดิมที่เน้นการสั่งสมผลงานในแฟ้มเอกสาร มาสู่การเน้น “ผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน” (Learning Outcomes) และ “สมรรถนะในการปฏิบัติงานจริง” (Actual Performance) ที่เกิดขึ้นในห้องเรียน 1
สำหรับข้าราชการครูที่มุ่งหวังความก้าวหน้าสู่ระดับ “วิทยฐานะเชี่ยวชาญ” (Expert Teacher – คศ.4) ความท้าทายไม่ได้อยู่ที่การทำวิจัยให้เสร็จสมบูรณ์เพียงอย่างเดียว แต่อยู่ที่การสร้างสรรค์ผลงานทางวิชาการที่สามารถสะท้อนระดับการปฏิบัติที่คาดหวังตามมาตรฐานตำแหน่ง คือความสามารถในการ “คิดค้น ปรับเปลี่ยน” (Invent and Transform) กระบวนการจัดการเรียนรู้ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และส่งผลกระทบเชิงบวกต่อผู้เรียนในวงกว้าง 4 รายงานฉบับนี้จึงถูกจัดทำขึ้นเพื่อทำหน้าที่เป็นเข็มทิศนำทางที่ละเอียดและครอบคลุมที่สุด โดยสังเคราะห์กระบวนการทำงานวิจัยที่ซับซ้อนให้กลายเป็นขั้นตอนปฏิบัติที่จับต้องได้ ผ่านหลักการสำคัญ 5 ประการ ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จในการยกระดับคุณภาพการศึกษาและวิทยฐานะ
การวิจัยเพื่อเลื่อนวิทยฐานะในบริบทใหม่นี้ ไม่ใช่การแยกส่วนระหว่าง “งานสอน” และ “งานทำผลงาน” อีกต่อไป แต่เป็นการหลอมรวมงานทั้งสองส่วนให้เป็นเนื้อเดียวกัน ภายใต้แนวคิด Routine to Research (R2R) ซึ่งสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของสำนักงาน ก.ค.ศ. ที่ต้องการให้ครูใช้ห้องเรียนเป็นฐานในการวิจัย เพื่อแก้ไขปัญหาที่แท้จริงของผู้เรียน มิใช่การทำวิจัยเพื่อเก็บไว้บนหิ้ง 6 เนื้อหาในรายงานฉบับนี้จะเจาะลึกรายละเอียดในทุกมิติ ตั้งแต่การปรับเปลี่ยนทัศนคติ การเลือกเครื่องมือทางปัญญา การวางแผนเชิงกลยุทธ์ ไปจนถึงศิลปะการนำเสนอผลงานที่ไม่เพียงแต่ถูกต้องตามหลักวิชาการ แต่ยังมีจริยธรรมและปราศจากการคัดลอกผลงาน (Plagiarism)
ตารางที่ 1: การเปรียบเทียบระดับความคาดหวังและลักษณะงานวิจัยตามมาตรฐานวิทยฐานะ ว.PA
| วิทยฐานะ | ระดับการปฏิบัติที่คาดหวัง | นัยสำคัญต่องานวิจัยและผลงานวิชาการ |
| ครูชำนาญการ | แก้ไขปัญหา (Solve the Problem) | มุ่งเน้นการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน (Action Research) เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของผู้เรียนรายบุคคลหรือกลุ่มเล็ก โดยใช้นวัตกรรมที่มีอยู่แล้วมาประยุกต์ใช้ |
| ครูชำนาญการพิเศษ | ริเริ่ม พัฒนา (Originate and Improve) | ต้องการงานวิจัยที่แสดงถึงการริเริ่มสร้างนวัตกรรมใหม่ หรือพัฒนารูปแบบการสอนเดิมให้ดียิ่งขึ้น มีกระบวนการที่เป็นระบบ (R&D เบื้องต้น) |
| ครูเชี่ยวชาญ | คิดค้น ปรับเปลี่ยน (Invent and Transform) | ต้องเป็นการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ (Innovation) หรือปรับเปลี่ยนกระบวนการเรียนรู้และระบบการจัดการชั้นเรียนอย่างมีนัยสำคัญ งานวิจัยต้องมีความลุ่มลึกทางทฤษฎี และแสดงผลลัพธ์ที่ยั่งยืน 3 |
| ครูเชี่ยวชาญพิเศษ | สร้างการเปลี่ยนแปลง (Create Impact) | งานวิจัยระดับ Masterpiece ที่ส่งผลกระทบในวงกว้างระดับเขตพื้นที่หรือระดับชาติ เป็นต้นแบบที่ได้รับการยอมรับและเผยแพร่ในวารสารวิชาการ TCI 3 |
จากตารางข้างต้น จะเห็นได้ว่าโจทย์ของ “ครูเชี่ยวชาญ” มีความเฉพาะเจาะจงที่คำว่า “Invent and Transform” ซึ่งหมายความว่า งานวิจัยที่นำเสนอจะต้องไม่เป็นเพียงการนำสื่อการสอนทั่วไปมาทดลองใช้ แต่ต้องแสดงให้เห็นถึงกระบวนการ “คิดค้น” สิ่งใหม่ หรือ “ปรับเปลี่ยน” วิธีการเดิมที่ไม่ตอบโจทย์ ให้กลายเป็นวิธีการใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าเดิมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติและทางปฏิบัติ
หลักการที่ 1: มองงานประจำให้เป็นวิจัย (Routine to Research: R2R)
รากฐานที่สำคัญที่สุดของการทำวิจัยในยุค ว.PA คือการเปลี่ยนมุมมองต่อ “ปัญหา” ในห้องเรียน ให้กลายเป็น “โอกาส” ในการสร้างองค์ความรู้ แนวคิด Routine to Research (R2R) ไม่ใช่เพียงแค่เทคนิคการทำงาน แต่เป็นปรัชญาการทำงานที่เชื่อว่า “งานประจำกับการวิจัยคือเรื่องเดียวกัน” การแยกงานวิจัยออกจากงานสอนมักนำไปสู่ความล้มเหลว เพราะครูจะมีภาระงานที่เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ แต่หากครูสามารถผนวกกระบวนการวิจัยเข้าเป็นส่วนหนึ่งของวงจรการสอนปกติ งานวิจัยนั้นจะไม่เพียงแต่สำเร็จได้โดยง่าย แต่ยังเป็นงานวิจัยที่มีคุณค่าอย่างแท้จริง 6
1.1 นิยามใหม่ของปัญหา: จาก Pain Points สู่ Research Questions
ในบริบทของครูเชี่ยวชาญ การมองปัญหาต้องมีความลึกซึ้งกว่าระดับปกติ ปัญหาที่นำมาทำวิจัยไม่ควรเป็นเพียงปัญหาระดับผิวเผิน (Surface Level) เช่น “เด็กไม่ส่งการบ้าน” แต่ต้องวิเคราะห์ลงไปถึงรากเหง้า (Root Cause Analysis) ว่าทำไมกระบวนการเรียนรู้เดิมจึงไม่ประสบความสำเร็จ
กระบวนการแปลงงานประจำให้เป็นโจทย์วิจัยระดับเชี่ยวชาญ:
- การสังเกตเชิงลึก (Deep Observation): ครูต้องทำหน้าที่เป็นนักมานุษยวิทยาในห้องเรียนของตนเอง สังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ การตอบสนองต่อสื่อการสอน และปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียน บันทึกสิ่งที่ “ขัดใจ” หรือสิ่งที่เป็นอุปสรรคต่อการบรรลุตัวชี้วัด 9
- การวิเคราะห์ข้อมูลสารสนเทศ (Data-Driven Problem Identification): ใช้ข้อมูลเชิงประจักษ์ เช่น คะแนนเก็บรายจุดประสงค์ ผลการทดสอบระดับชาติ (O-NET/RT/NT) หรือผลการประเมินสมรรถนะ มาวิเคราะห์หาจุดอ่อนที่เรื้อรัง (Chronic Problems) 5
- ตัวอย่าง: หากพบว่านักเรียนมีคะแนนเฉลี่ยวิชาวิทยาศาสตร์ดี แต่คะแนนในส่วนของการ “วิเคราะห์ข้อมูลและการลงข้อสรุป” ต่ำต่อเนื่องมา 3 ปี นี่คือโจทย์ระดับเชี่ยวชาญที่ต้อง “คิดค้น” วิธีการสอนใหม่เพื่อแก้ปัญหานี้โดยเฉพาะ
- การตั้งคำถามวิจัยที่ท้าทาย: คำถามวิจัยที่ดีต้องนำไปสู่การ “คิดค้นและปรับเปลี่ยน”
- คำถามระดับทั่วไป: “ทำอย่างไรให้นักเรียนจำคำศัพท์ได้?” (นำไปสู่การหาเกมมาเล่น)
- คำถามระดับเชี่ยวชาญ: “รูปแบบการจัดการเรียนรู้ฐานสมรรถนะแบบใด ที่จะสามารถ ปรับเปลี่ยน พฤติกรรมการเรียนรู้คำศัพท์จากการท่องจำ เป็นการใช้งานในบริบทจริงได้อย่างคงทน?” (นำไปสู่การพัฒนานวัตกรรมการสอนแบบใหม่)
1.2 R2R กับความสอดคล้องในระบบ DPA
ความชาญฉลาดของการใช้ R2R คือการที่งานชิ้นเดียวสามารถตอบโจทย์การประเมินได้ทุกมิติในระบบ DPA (Digital Performance Appraisal)
- คลิปวิดีโอการสอน (ด้านที่ 1): คือภาพบันทึกเหตุการณ์จริงของการ “ทดลองใช้นวัตกรรม” (Implementation) ที่พัฒนาขึ้นจากโจทย์วิจัย 10
- ผลลัพธ์การเรียนรู้ (ด้านที่ 2): คือข้อมูล “ตัวแปรตาม” (Dependent Variable) ที่เก็บรวบรวมได้หลังจากการใช้นวัตกรรม ไม่ว่าจะเป็นชิ้นงานนักเรียน คะแนน หรือแบบประเมินพฤติกรรม 10
- รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ (ด้านที่ 3): คือเอกสารที่รวบรวมกระบวนการคิด วิเคราะห์ และสรุปผลทั้งหมด เพื่อยืนยันว่าสิ่งที่ปรากฏในคลิปวิดีโอไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เกิดจากการออกแบบและวิจัยอย่างเป็นระบบ 3
ตารางที่ 2: การบูรณาการ R2R เข้ากับตัวชี้วัด ว.PA ทั้ง 8 ตัวชี้วัด
| ตัวชี้วัด (Indicator) ด้านที่ 1 | การบูรณาการในงานวิจัย R2R |
| 1. ผู้เรียนสามารถเข้าถึงสิ่งที่เรียนและเข้าใจบทเรียน | บทนำของวิจัยที่ระบุปัญหา และการออกแบบนวัตกรรมที่ลดอุปสรรคการเรียนรู้ |
| 2. ผู้เรียนสามารถเชื่อมโยงความรู้เดิมกับความรู้ใหม่ | ขั้นนำเข้าสู่บทเรียนในนวัตกรรม ที่ใช้ทฤษฎี Constructivism หรือ Schema Theory |
| 3. ผู้เรียนได้สร้างความรู้เองหรือสร้างประสบการณ์ใหม่ | ขั้นกิจกรรมการเรียนรู้ (Process) ที่เน้น Active Learning |
| 4. ผู้เรียนได้รับการกระตุ้นและเกิดแรงจูงใจ | การใช้นวัตกรรมประเภท Gamification หรือสื่อ Interactive ที่ดึงดูดความสนใจ 12 |
| 5. ผู้เรียนได้รับการพัฒนาทักษะความเชี่ยวชาญ | การวัดผลตัวแปรตามด้านทักษะปฏิบัติ (Process Skills) |
| 6. ผู้เรียนได้รับข้อมูลสะท้อนกลับเพื่อปรับปรุง | กระบวนการ Formative Assessment ในงานวิจัย |
| 7. ผู้เรียนได้รับการกำกับการเรียนรู้และบรรยากาศที่ดี | การบริหารจัดการชั้นเรียนระหว่างการเก็บข้อมูลวิจัย |
| 8. ผู้เรียนสามารถกำกับการเรียนรู้ของตนเองได้ | การวัดผลด้านคุณลักษณะหรือทักษะ Metacognition ในตัวแปรตาม |
การมองงานประจำให้เป็นวิจัยจึงไม่ใช่ภาระเพิ่ม แต่เป็นการ “ทำให้งานประจำมีความหมายและมีหลักฐานเชิงประจักษ์” เพื่อนำไปสู่การเลื่อนวิทยฐานะอย่างสง่างาม 6
หลักการที่ 2: ทบทวนงานเดิมและปัญหา (Literature Review & Problem Analysis)
หัวใจสำคัญที่จะทำให้งานวิจัยของครูเชี่ยวชาญมีความแตกต่างจากงานวิจัยทั่วไป คือ “ความลุ่มลึกของเนื้อหา” (Depth of Content) และ “ความถูกต้องตามหลักวิชาการ” (Academic Accuracy) ซึ่งเป็นเกณฑ์การให้คะแนนที่มีน้ำหนักสูงมาก (20 คะแนน) 4 การทบทวนงานเดิมและปัญหาจึงไม่ใช่เพียงพิธีกรรมในการคัดลอกทฤษฎีมาใส่ให้ครบหน้ากระดาษ แต่เป็นกระบวนการทางปัญญาเพื่อค้นหา “ช่องว่างความรู้” (Research Gap) และสร้างฐานที่มั่นคงให้กับนวัตกรรมที่เราจะคิดค้นขึ้น
2.1 กลยุทธ์การสืบค้นและคัดเลือกวรรณกรรม (Search and Select Strategy)
เพื่อให้งานวิจัยมีความทันสมัยและน่าเชื่อถือ ครูต้องก้าวข้ามการค้นหาข้อมูลจากเว็บไซต์ทั่วไป (Blog หรือ Wikipedia) มาสู่การใช้ฐานข้อมูลวิชาการที่ได้มาตรฐาน
- แหล่งข้อมูลที่แนะนำ:
- TCI (Thai-Journal Citation Index): ฐานข้อมูลวารสารวิชาการไทย เป็นแหล่งรวมงานวิจัยบริบทไทยที่สำคัญที่สุด 8
- Google Scholar: แหล่งสืบค้นงานวิจัยระดับโลก ใช้ค้นหาแนวคิดทฤษฎีสากล
- ERIC (Education Resources Information Center): ฐานข้อมูลด้านการศึกษาที่ใหญ่ที่สุดในโลก เหมาะสำหรับครูภาษาอังกฤษหรือผู้ที่ต้องการอ้างอิงงานต่างประเทศ
- เกณฑ์การคัดเลือก (Selection Criteria):
- ความทันสมัย (Recency): ควรเลือกงานวิจัยย้อนหลังไม่เกิน 5-10 ปี เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลยังใช้ได้จริงในยุคปัจจุบัน 13
- ความเกี่ยวข้อง (Relevance): เนื้อหาต้องตรงกับตัวแปรต้น (นวัตกรรม) หรือตัวแปรตาม (ปัญหาที่แก้) โดยตรง
- ความน่าเชื่อถือ (Credibility): ควรมาจากวารสารที่มีการตรวจสอบโดยผู้ทรงคุณวุฒิ (Peer-reviewed)
2.2 กระบวนการทบทวนวรรณกรรมแบบ OECD (Organization, Extraction, Critical analysis, Discussion)
เพื่อให้การเขียนบทที่ 2 ไม่ใช่การ “ตัดแปะ” (Copy-Paste) ควรใช้กระบวนการสังเคราะห์ที่เป็นระบบ 13:
- Organization (การจัดระบบ): สร้าง “ตารางสังเคราะห์งานวิจัย” (Synthesis Matrix) เพื่อจัดกลุ่มประเด็น ไม่ใช่เรียงตามชื่อคน
- Extraction (การสกัดจับใจความ): อ่านและสรุปประเด็นสำคัญ เช่น วัตถุประสงค์ วิธีการ และผลลัพธ์ โดยใช้ภาษาของตนเอง
- Critical Analysis (การวิเคราะห์เชิงวิพากษ์): มองหาจุดแข็ง จุดอ่อน และสิ่งที่ยังขาดหายไปในงานวิจัยเหล่านั้น
- Discussion (การอภิปราย): เขียนเชื่อมโยงเนื้อหาต่างๆ เข้าด้วยกันเพื่อนำไปสู่การสร้างกรอบแนวคิดการวิจัย
ตัวอย่างตารางสังเคราะห์งานวิจัย (Synthesis Matrix)
| ประเด็นสำคัญ | งานวิจัย A (2563) | งานวิจัย B (2564) | งานวิจัย C (2565) | ข้อสรุปสังเคราะห์ |
| รูปแบบนวัตกรรม | ใช้เกม Kahoot | ใช้บอร์ดเกมทำมือ | ใช้เกมมิฟิเคชันบนเว็บไซต์ | การใช้เกมกระตุ้นความสนใจได้ดี แต่รูปแบบดิจิทัลเหมาะกับการเรียนรายบุคคลมากกว่า |
| ผลลัพธ์ต่อผู้เรียน | คะแนนสอบเพิ่มขึ้น | ความสามัคคีเพิ่มขึ้น | ทักษะการแก้ปัญหาเพิ่มขึ้น | เกมส่งผลดีทั้งพุทธิพิสัยและทักษะพิสัย แต่ยังขาดข้อมูลด้านความคงทนของความรู้ |
| ข้อจำกัด | เด็กติดจอมากไป | ใช้เวลาเตรียมการนาน | ต้องใช้อินเทอร์เน็ตแรง | จำเป็นต้องพัฒนานวัตกรรมที่ผสมผสาน (Hybrid) เพื่อลดข้อจำกัดเหล่านี้ |
2.3 การวิเคราะห์ปัญหาเพื่อนำไปสู่การ “ปรับเปลี่ยน”
ในส่วนของบทนำ ครูต้องเขียนแสดงให้เห็นถึง “ความจำเป็น” ที่จะต้องทำงานวิจัยนี้ โดยใช้ข้อมูลจากการทบทวนวรรณกรรมมาสนับสนุน (Back up) การโต้แย้ง 15
- State the Problem: ระบุปัญหาที่เกิดขึ้นในห้องเรียนอย่างชัดเจน (ปัญหาคอขวด)
- Critique Existing Solutions: วิพากษ์ว่าวิธีการแก้ปัญหาแบบเดิมๆ (เช่น การสอนบรรยาย, การทำแบบฝึกหัดซ้ำๆ) มีข้อจำกัดอย่างไร ตามทฤษฎีและงานวิจัยที่ค้นมา
- Propose the Innovation: เสนอทางออกใหม่ (นวัตกรรมของครู) และอธิบายว่ามันจะเข้ามา “ปิดช่องว่าง” หรือแก้ปัญหาที่วิธีเดิมทำไม่ได้อย่างไร นี่คือจุดขายของความเป็น “เชี่ยวชาญ”
หลักการที่ 3: ใช้ทฤษฎีแก้ปัญหา (Theory-Based Innovation Design)
ความแตกต่างระหว่าง “ครูนักปฏิบัติ” กับ “ครูนักวิชาการระดับเชี่ยวชาญ” คือการทำงานที่มีหลักการทฤษฎีรองรับ (Evidence-Based Practice) การสร้างนวัตกรรมเพื่อแก้ปัญหาไม่ได้เกิดจากความรู้สึกหรือสัญชาตญาณเพียงอย่างเดียว แต่ต้องเกิดจากการประยุกต์ใช้ทฤษฎีการเรียนรู้ (Learning Theories) อย่างชาญฉลาด เพื่อให้มั่นใจได้ว่านวัตกรรมนั้นจะมีประสิทธิภาพจริงและสามารถอธิบายผลลัพธ์เชิงวิชาการได้ 2
3.1 การเลือกทฤษฎีให้สอดคล้องกับยุคสมัยและการ “คิดค้น ปรับเปลี่ยน”
เพื่อให้สอดคล้องกับเกณฑ์ ว.PA ที่เน้น Active Learning ทฤษฎีที่นำมาใช้ต้องเป็นทฤษฎีที่เน้นบทบาทของผู้เรียนเป็นสำคัญ
- Constructivism (ทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้): เชื่อว่าผู้เรียนสร้างความรู้ได้เองผ่านประสบการณ์ เหมาะสำหรับการพัฒนานวัตกรรมประเภทชุดกิจกรรม, การทดลอง, หรือ Project-based Learning
- Constructionism (ทฤษฎีเพื่อการสร้างสรรค์ด้วยปัญญา): เน้นการเรียนรู้ผ่านการสร้างชิ้นงาน (Making) เหมาะสำหรับวิชาคอมพิวเตอร์, ศิลปะ, หรือการงานอาชีพ 2
- Connectivism (ทฤษฎีการเชื่อมโยง): เหมาะสำหรับการจัดการเรียนรู้ในยุคดิจิทัล การใช้ Social Media หรือ Online Platform ในการจัดการเรียนรู้
- Cognitive Load Theory (ทฤษฎีภาระทางปัญญา): ใช้ในการออกแบบสื่อการสอน (Multimedia) ให้ไม่รกเกินไป ช่วยให้สมองของผู้เรียนประมวลผลได้ดีขึ้น เหมาะสำหรับการสร้างบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน หรือคลิปวิดีโอ
3.2 การสร้างกรอบแนวคิดการวิจัย (Conceptual Framework)
กรอบแนวคิดคือ “พิมพ์เขียว” ของงานวิจัยที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร เป็นส่วนที่กรรมการจะใช้ตรวจสอบว่าครูมีความเข้าใจในสิ่งที่ทำมากน้อยเพียงใด 17
องค์ประกอบของกรอบแนวคิด:
- ตัวแปรต้น (Independent Variable): คือ “นวัตกรรม” หรือ “วิธีการสอน” ที่เรา คิดค้นและปรับเปลี่ยน ขึ้นมา
- เทคนิคการเขียน: ต้องระบุชื่อเฉพาะของนวัตกรรม และระบุทฤษฎีพื้นฐานที่ใช้ เช่น “รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ร่วมกับเทคนิคผังกราฟิก (Graphic Organizers)”
- ตัวแปรตาม (Dependent Variable): คือ “ผลลัพธ์” ที่เราต้องการให้เกิดขึ้นกับผู้เรียน ต้องสอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้และปัญหาที่พบ
- เทคนิคการเขียน: ควรครอบคลุมทั้ง 3 ด้าน (K-P-A) เช่น “1. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชา… 2. ทักษะการคิดวิเคราะห์… 3. เจตคติต่อวิชา…”
ตัวอย่างแผนภาพกรอบแนวคิดการวิจัย:
| ตัวแปรต้น (นวัตกรรมการเรียนรู้) | —> ส่งผลต่อ —> | ตัวแปรตาม (ผลลัพธ์ที่คาดหวัง) |
| รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบห้องเรียนกลับด้าน (Flipped Classroom) โดยประยุกต์ใช้ร่วมกับ Gamification Platform แนวคิดพื้นฐาน: – ทฤษฎี Bloom’s Taxonomy (Revised) – ทฤษฎีแรงจูงใจ (Self-Determination Theory) | 1. ด้านพุทธิพิสัย (K): ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาอังกฤษ เรื่อง Tenses 2. ด้านทักษะพิสัย (P): ทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร (Communicative Skills) 3. ด้านจิตพิสัย (A): ความมั่นใจในการใช้ภาษาอังกฤษ |
3.3 การนิยามศัพท์เฉพาะ (Operational Definition)
การนิยามศัพท์ในการวิจัยต้องเป็น “นิยามเชิงปฏิบัติการ” คือต้องระบุว่าตัวแปรนั้น วัดได้อย่างไร ด้วยเครื่องมืออะไร
- ตัวอย่าง: “ทักษะการคิดวิเคราะห์ หมายถึง ความสามารถของผู้เรียนในการจำแนกแยกแยะองค์ประกอบ… ซึ่งวัดได้จากคะแนนการทำแบบทดสอบวัดทักษะการคิดวิเคราะห์ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น จำนวน 20 ข้อ” 17
การเขียนนิยามที่ชัดเจนจะช่วยให้การสร้างเครื่องมือวัดผลในขั้นตอนต่อไปมีความเที่ยงตรง (Validity) สูง
หลักการที่ 4: วางแผนทำทีละนิดเริ่มจากนวัตกรรม (Incremental Planning & Research Methodology)
ความผิดพลาดของครูส่วนใหญ่ คือ การพยายามทำทุกอย่างพร้อมกันในเวลาอันสั้น ซึ่งนำไปสู่ความเครียดและงานที่ขาดคุณภาพ หลักการทำงานวิจัยระดับเชี่ยวชาญให้สำเร็จคือการใช้กลยุทธ์ “แบ่งแยกและพิชิต” (Divide and Conquer) โดยวางแผนการดำเนินงานแบบระยะยาว (Long-term Planning) และทำสะสมไปทีละเล็กละน้อยตามวงจรการวิจัยและพัฒนา (R&D) 19
4.1 วงจร R&D 4 ระยะ (The 4-Phase R&D Cycle)
เพื่อให้สอดคล้องกับเกณฑ์ ว.PA ที่ต้องการเห็นพัฒนาการและการปรับเปลี่ยน แนะนำให้แบ่งการวิจัยออกเป็น 4 ระยะ ดังนี้ 19:
ระยะที่ 1: การศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐาน (Research / Analysis)
เป้าหมาย: เพื่อหาโจทย์วิจัยและทิศทางการพัฒนานวัตกรรม
กิจกรรม:
- วิเคราะห์สภาพปัญหาและบริบทของโรงเรียน (SWOT Analysis)
- สัมภาษณ์ผู้เรียนและเพื่อนครู
- ศึกษาเอกสาร หลักสูตร และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง (Literature Review)
ผลผลิต: บทที่ 1 (บทนำ) และ บทที่ 2 (เอกสารที่เกี่ยวข้อง) ร่างแรก
ระยะที่ 2: การออกแบบและพัฒนานวัตกรรม (Design / Development)
เป้าหมาย: สร้างเครื่องมือที่พร้อมใช้งานและมีคุณภาพ
กิจกรรม:
- สร้างแผนการจัดการเรียนรู้ (Lesson Plans) ที่สอดคล้องกับกรอบแนวคิด
- ผลิตสื่อ/นวัตกรรม (Innovation) เช่น ชุดกิจกรรม, แอปพลิเคชัน, บทเรียนออนไลน์
- สร้างเครื่องมือวัดผล (Instruments) เช่น แบบทดสอบ, แบบสอบถาม
การตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือ: นำไปให้ผู้เชี่ยวชาญ 3-5 ท่าน ตรวจสอบความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา (Content Validity) เพื่อหาค่า IOC (Index of Item-Objective Congruence) 17
การทดลองนำร่อง (Pilot Study): นำไปทดลองใช้กับนักเรียนกลุ่มเล็ก (ไม่ใช่กลุ่มตัวอย่างจริง) เพื่อหาค่าความเชื่อมั่น (Reliability) และประสิทธิภาพ (E1/E2)
ผลผลิต: นวัตกรรมฉบับสมบูรณ์, เครื่องมือวัดผลที่ผ่านการตรวจสอบ, บทที่ 3 (วิธีดำเนินงาน)
ระยะที่ 3: การทดลองใช้จริง (Implementation / Experimentation)
เป้าหมาย: นำนวัตกรรมไปใช้แก้ปัญหาและเก็บรวบรวมข้อมูล
กิจกรรม:
- ทดสอบก่อนเรียน (Pre-test)
- ดำเนินการสอนตามแผนที่กำหนด (ระยะเวลานานพอสมควร เช่น 1 ภาคเรียน หรือ 1 หน่วยการเรียนรู้ใหญ่)
บันทึกวิดีโอการสอน: เลือกคาบที่ดีที่สุดเพื่อใช้ส่งประเมิน ว.PA ด้านที่ 1 และ 2 10
ทดสอบหลังเรียน (Post-test) และประเมินความพึงพอใจ
ผลผลิต: ข้อมูลดิบ (Raw Data), คลิปวิดีโอการสอน, ผลงานนักเรียน
ระยะที่ 4: การประเมินผลและเขียนรายงาน (Evaluation / Reporting)
เป้าหมาย: สรุปองค์ความรู้และจัดทำรูปเล่ม
กิจกรรม:
- วิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติ (Statistical Analysis) เปรียบเทียบก่อน-หลัง
- เขียนบทที่ 4 (ผลการวิเคราะห์) และบทที่ 5 (สรุปและอภิปราย)
- จัดทำรูปเล่มและพิสูจน์อักษร
ผลผลิต: รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ (PDF), บทคัดย่อ
4.2 ตารางแผนการดำเนินงานวิจัย (Research Gantt Chart)
การทำปฏิทินวิจัยจะช่วยให้ครูบริหารจัดการเวลาได้ดีขึ้นและไม่กระทบงานประจำ 20
| กิจกรรม / เดือน | เดือน 1-2 | เดือน 3-4 | เดือน 5 (เปิดเทอม) | เดือน 6-8 | เดือน 9 | เดือน 10 |
| 1. วิเคราะห์ปัญหา & ทบทวนวรรณกรรม | █ | |||||
| 2. เขียนเค้าโครงวิจัย (Proposal) | █ | |||||
| 3. สร้างนวัตกรรมและเครื่องมือ | ██ | |||||
| 4. ให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจ (IOC) & Pilot | █ | |||||
| 5. ทดลองใช้จริงในห้องเรียน (เก็บข้อมูล) | █ | ██ | ||||
| 6. ถ่ายทำคลิปวิดีโอการสอน (ว.PA) | █ | |||||
| 7. วิเคราะห์ข้อมูล & เขียนรายงาน | ██ | |||||
| 8. ตรวจทาน & จัดทำรูปเล่ม PDF | █ |
การวางแผนเช่นนี้จะช่วยให้งานวิจัยเดินหน้าไปพร้อมกับการจัดการเรียนการสอนตามปกติ (Routine) โดยไม่ต้องเร่งรีบทำตอนใกล้ส่ง
หลักการที่ 5: ดูตัวอย่างแล้วปรับอย่าคัดลอก (Adaptation & Avoiding Plagiarism)
ในโลกวิชาการ “ความซื่อสัตย์” (Integrity) คือคุณค่าสูงสุด สำหรับตำแหน่งครูเชี่ยวชาญ การละเมิดลิขสิทธิ์หรือการคัดลอกผลงาน (Plagiarism) เป็นความผิดวินัยร้ายแรงที่สามารถทำให้ถูกถอดถอนวิทยฐานะและเรียกคืนเงินประจำตำแหน่งย้อนหลังได้ 22 ดังนั้น หลักการสุดท้ายนี้จึงเน้นเรื่องเทคนิคการเขียนงานวิชาการที่ปลอดภัย ถูกต้อง และแสดงถึงภูมิปัญญาของผู้เขียนเอง
5.1 ความเข้าใจเรื่อง Plagiarism ในยุคดิจิทัล
Plagiarism ไม่ได้หมายถึงแค่การ Copy-Paste ทั้งย่อหน้าเท่านั้น แต่ยังรวมถึง:
- Patchwriting: การคัดลอกประโยคมาแล้วเปลี่ยนคำบางคำ (synonyms) แต่โครงสร้างประโยคยังเหมือนเดิม 23
- Self-Plagiarism: การนำผลงานเก่าของตัวเอง (เช่น วิทยานิพนธ์ ป.โท) มาส่งซ้ำ หรือคัดลอกเนื้อหาเดิมมาใส่โดยไม่อ้างอิงว่าเคยตีพิมพ์แล้ว 24
- Idea Plagiarism: การนำแนวคิดหรือโมเดลของคนอื่นมาใช้โดยไม่ให้เครดิต
5.2 ศิลปะการถอดความ (Paraphrasing Techniques)
การ Paraphrase คือทักษะที่สำคัญที่สุดในการเขียนทบทวนวรรณกรรม มันคือการ “เล่าเรื่องใหม่” ด้วยความเข้าใจของเราเอง เทคนิคที่แนะนำคือ 25:
- อ่านจนเข้าใจ (Deep Reading): อ่านต้นฉบับซ้ำๆ จนเข้าใจแก่นของเรื่องโดยไม่ต้องมองเนื้อหา
- จดบันทึกคำสำคัญ (Keywords Note-taking): ปิดต้นฉบับ แล้วจดเฉพาะคำสำคัญออกมา
- เขียนใหม่ (Rewrite): เขียนประโยคใหม่จากคำสำคัญเหล่านั้น โดยใช้โครงสร้างประโยคและสำนวนของตนเอง
- ตรวจสอบ (Check): เปรียบเทียบกับต้นฉบับเพื่อให้แน่ใจว่าใจความถูกต้องแต่ภาษาไม่เหมือนกัน
ตัวอย่างการเปรียบเทียบ:
- ต้นฉบับ: “การเรียนรู้แบบ Active Learning ช่วยให้นักเรียนมีส่วนร่วมในชั้นเรียนมากขึ้น และลดความเบื่อหน่ายในการเรียนบรรยาย”
- Patchwriting (ผิด): “การจัดการเรียนรู้เชิงรุกช่วยให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในห้องเรียนเยอะขึ้น และลดความน่าเบื่อจากการสอนบรรยาย” (แค่เปลี่ยนคำ แต่โครงสร้างเดิม)
- Paraphrasing (ถูก): “เพื่อแก้ปัญหาความจำเจจากการสอนแบบดั้งเดิมและกระตุ้นปฏิสัมพันธ์ของผู้เรียน แนวคิดการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญหรือการเรียนรู้เชิงรุกจึงถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลาย (อ้างอิง, ปี)”
5.3 การอ้างอิงแบบ APA 7th Edition (ฉบับภาษาไทย)
ระบบการอ้างอิงที่นิยมใช้และเป็นมาตรฐานสากลคือ APA Style ซึ่งปัจจุบันเป็นฉบับที่ 7 (7th Edition) ความถูกต้องแม่นยำในการอ้างอิงสะท้อนถึงความละเอียดรอบคอบของ “ผู้เชี่ยวชาญ” 27
ตารางที่ 3: ตัวอย่างรูปแบบการอ้างอิง APA 7th (ภาษาไทย)
| ประเภทแหล่งข้อมูล | รูปแบบรายการอ้างอิง (บรรณานุกรมท้ายเล่ม) | การอ้างอิงในเนื้อหา (In-text) |
| หนังสือ | ชื่อผู้แต่ง. (ปีพิมพ์). ชื่อหนังสือ (ตัวเอียง) (พิมพ์ครั้งที่). สำนักพิมพ์. | (ชื่อผู้แต่ง, ปีพิมพ์) หรือ ชื่อผู้แต่ง (ปีพิมพ์) |
| บทความวารสาร | ชื่อผู้แต่ง. (ปีพิมพ์). ชื่อบทความ. ชื่อวารสาร (ตัวเอียง), ปีที่(ฉบับที่), เลขหน้า-เลขหน้า. | (สมชาย ใจดี, 2565) |
| เว็บไซต์ | ชื่อผู้แต่ง/หน่วยงาน. (ปี, วัน เดือน). ชื่อบทความ (ตัวเอียง). ชื่อเว็บไซต์. URL | (กระทรวงศึกษาธิการ, 2566) |
| วิทยานิพนธ์ | ชื่อผู้แต่ง. (ปีพิมพ์). ชื่อวิทยานิพนธ์ (ตัวเอียง) [วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต/ดุษฎีบัณฑิต, ชื่อสถาบัน]. ชื่อฐานข้อมูล. | (วิภาวี รักเรียน, 2564) |
ข้อควรระวัง: ต้องระวังเรื่องการสะกดชื่อผู้แต่งให้ถูกต้อง และทุกชื่อที่ปรากฏในเนื้อหา ต้อง มีรายชื่ออยู่ในบรรณานุกรมท้ายเล่ม (Reference List) เสมอ ห้ามขาดห้ามเกิน
ตัวอย่างการนำไอเดียไปเขียนรายงานวิจัยเป็นขั้นตอน (Step-by-Step Implementation Guide)
เพื่อให้เห็นภาพการนำหลักการทั้ง 5 ข้อไปสู่การปฏิบัติจริง ส่วนนี้จะจำลองกระบวนการเขียนรายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์สำหรับครูเชี่ยวชาญ โดยสมมติโจทย์วิจัยเรื่อง “การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบห้องเรียนกลับด้าน (Flipped Classroom) ร่วมกับสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์ วิชาสังคมศึกษา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5”
ขั้นตอนที่ 1: การเตรียมการและเขียนเค้าโครง (Phase 1: Planning)
ตั้งชื่อเรื่อง: ให้ครอบคลุม ตัวแปรต้น (Flipped Classroom + Social Media), ตัวแปรตาม (ทักษะคิดวิเคราะห์), และกลุ่มเป้าหมาย (ม.5) 18
เขียนบทนำ (Chapter 1):
- ย่อหน้า 1: สภาพสังคมโลก/ศตวรรษที่ 21 ที่ต้องการคนคิดวิเคราะห์เป็น
- ย่อหน้า 2: ปัญหาการสอนสังคมศึกษาแบบเดิม (ท่องจำ) และผลคะแนน PISA/O-NET ที่ต่ำลง (Data Support)
- ย่อหน้า 3: เสนอแนวทาง Flipped Classroom ว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร (ลดเวลาบรรยาย เพิ่มเวลาคิด)
- ย่อหน้า 4: วัตถุประสงค์การวิจัย (เพื่อสร้าง… เพื่อเปรียบเทียบ… เพื่อศึกษา…)
ขั้นตอนที่ 2: การสังเคราะห์วรรณกรรม (Phase 2: Reviewing)
เขียนบทที่ 2 (Chapter 2):
- ค้นหางานวิจัยเกี่ยวกับ Flipped Classroom และ Critical Thinking ใน TCI
- เขียนสังเคราะห์นิยาม “ทักษะการคิดวิเคราะห์” จากนักทฤษฎี 3-5 คน แล้วสรุปเป็นนิยามของตนเองเพื่อใช้สร้างแบบวัด
- สร้างกรอบแนวคิดการวิจัย (Conceptual Framework) ที่แสดง Input-Process-Output อย่างชัดเจน
ขั้นตอนที่ 3: การสร้างและตรวจสอบเครื่องมือ (Phase 3: Developing)
เขียนบทที่ 3 (Chapter 3) ส่วนแรก:
- อธิบายขั้นตอนการสร้างแผนการสอน Flipped Classroom
- อธิบายการสร้างคลิปวิดีโอสอนเนื้อหา (สำหรับให้เด็กดูที่บ้าน)
- อธิบายการสร้างแบบทดสอบวัดการคิดวิเคราะห์
- ระบุสูตรสถิติที่ใช้หาคุณภาพเครื่องมือ (IOC, KR-20, t-test) 30
ขั้นตอนที่ 4: การเก็บข้อมูลและวิเคราะห์ (Phase 4: Action & Analysis)
ปฏิบัติการสอนจริง: สอนตามแผนที่วางไว้ บันทึกวิดีโอ และเก็บคะแนน
เขียนบทที่ 4 (Chapter 4):
นำเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยตาราง (Table)
- ตารางที่ 4.1: เปรียบเทียบคะแนนก่อนเรียนและหลังเรียน (แสดงค่า Mean, S.D., t-value, Sig.)
- ตารางที่ 4.2: ผลประเมินความพึงพอใจ
แปลผลใต้ตารางด้วยภาษาที่เป็นกลาง เช่น “จากตารางที่ 4.1 พบว่า นักเรียนมีคะแนนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ.05”
ขั้นตอนที่ 5: การสรุปและอภิปราย (Phase 5: Conclusion)
เขียนบทที่ 5 (Chapter 5):
สรุปผล: ตอบวัตถุประสงค์ให้ครบทุกข้อ
อภิปรายผล (Discussion): ส่วนนี้สำคัญที่สุด แสดงกึ๋นของผู้เชี่ยวชาญ ต้องอธิบายว่า ทำไม คะแนนถึงสูงขึ้น
ตัวอย่าง: “การที่ทักษะการคิดวิเคราะห์สูงขึ้น เนื่องจากการใช้ห้องเรียนกลับด้านเปิดโอกาสให้นักเรียนได้ศึกษาเนื้อหามาก่อนล่วงหน้า ทำให้ในห้องเรียนมีเวลาสำหรับกิจกรรมอภิปรายกลุ่มและการวิเคราะห์กรณีศึกษามากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของ Bergmann & Sams (2012) ที่กล่าวว่า…” 17
ข้อเสนอแนะ: เสนอแนะเชิงนโยบาย หรือการนำไปประยุกต์ใช้ในรายวิชาอื่น
บทสรุป
การเดินทางสู่เส้นทาง “ครูเชี่ยวชาญ” ตามเกณฑ์ ว.PA เปรียบเสมือนการเดินทางไกลที่ต้องอาศัยทั้งเข็มทิศ (ทฤษฎี) และแผนที่ (กระบวนการวิจัย) ที่แม่นยำ การยึดมั่นในหลักการทั้ง 5 ข้อ ได้แก่ 1. มองงานประจำให้เป็นวิจัย (R2R) เพื่อสร้างฐานที่มั่นคงจากห้องเรียน, 2. ทบทวนงานเดิม เพื่อต่อยอดความรู้, 3. ใช้ทฤษฎีนำทาง เพื่อสร้างนวัตกรรมที่น่าเชื่อถือ, 4. วางแผนอย่างเป็นระบบ เพื่อความสำเร็จที่ยั่งยืน, และ 5. ยึดมั่นในจริยธรรมทางวิชาการ คือสูตรสำเร็จที่ไม่เพียงแต่จะพาครูไปถึงเป้าหมายทางวิทยฐานะเท่านั้น แต่ยังนำไปสู่เป้าหมายสูงสุดของวิชาชีพครู นั่นคือ “คุณภาพของผู้เรียน” ที่ได้รับการพัฒนาอย่างเต็มศักยภาพผ่านกระบวนการจัดการเรียนรู้ที่มีคุณภาพและผ่านการวิจัยมาเป็นอย่างดี
รายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์ที่ผ่านกระบวนการเหล่านี้ จะเป็นประจักษ์พยานสำคัญที่ยืนยันสถานะความเป็น “ผู้เชี่ยวชาญ” ที่แท้จริง ไม่ใช่เพียงในนามบัตร แต่ในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อเด็กและเยาวชนของชาติสืบไป
หมายเหตุ: ข้อมูลในรายงานฉบับนี้อ้างอิงและสังเคราะห์จากเอกสารหลักเกณฑ์ของ ก.ค.ศ. และแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศทางวิชาการ เพื่อเป็นแนวทางประกอบการพัฒนาตนเองและวิชาชีพของข้าราชการครู
Works cited
- หมวด 4 หลักเกณฑ์และวิธีการให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา …, accessed December 5, 2025, https://krukob.com/web/v9/
- แบ่งปันไอเดียสร้างห้องเรียนสมรรถนะตามเกณฑ์ วPA เส้นทางสู่ครูเชี่ยวชาญ วPA – Starfishlabz, accessed December 5, 2025, https://www.starfishlabz.com/blog/1275-%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B8%99%E0%B8%B0%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%93%E0%B8%91%E0%B9%8C-%E0%B8%A7pa-%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%8D-%E0%B8%A7pa
- หลักเกณฑ์ ว 9/2564, accessed December 5, 2025, https://www.cpn1.go.th/2021/wp-content/uploads/2021/06/%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%93%E0%B8%91%E0%B9%8C-%E0%B8%A7-9-PA.pdf
- เกณฑ์คะแนนจากแบบประเมินด้านที่ 3 ด้านผลงานทางวิชาการเพื่อให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู เลื่อนเป็นวิทยฐานะครูเชี่ยวชาญ » – Digital Learning Classroom, accessed December 5, 2025, https://krukob.com/web/v9-9/
- คู่มือหรือแนวทางการปฏิบัติงาน ของครูและบุคลากรทางการศึกษา, accessed December 5, 2025, http://www.thaischool.in.th/_files_school/86100300/data/86100300_1_20250714-155213.pdf
- R2R (Routine to Research) – จากงานประจำสู่งานวิจัย เพื่อความก้าวหน้าอย่างมีชั้นเชิง, accessed December 5, 2025, http://tpso4.m-society.go.th/images/DatabaseTPSO4/News_TPSO/Activities/2562/R2R-k.supunnee.pdf
- Routine Research to – Reg.cmu, accessed December 5, 2025, https://www1.reg.cmu.ac.th/KMs/km-files/km-important/km-important-46532.pdf
- WSK : Human Resources – การพัฒนางานตามข้อตกลง (PA) – Google Sites, accessed December 5, 2025, https://sites.google.com/wsk.ac.th/hrwsk/wsk-PA
- การวิจัยสถาบัน (Institutional Research) R2R (Routine to Research) – กองการบริหารงานบุคคล, accessed December 5, 2025, https://www.personnel.nu.ac.th/home/images/data/file/hrm/2560/04/06.pdf
- คำนวณคุณสมบัติส่ง วPA แบบออนไลน์ ได้ที่นี่ – ครูเชียงราย, accessed December 5, 2025, https://www.kruchiangrai.net/2023/12/07/%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%93%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%87-%E0%B8%A7pa/
- กฏ 6 ข้อ ที่ครูควรทำก่อนการขอมี หรือเลื่อนวิทยฐานะ ว9/2564 (PA) » – Digital Learning Classroom, accessed December 5, 2025, https://krukob.com/web/dpa-9/
- การสอนของครูสู่ผลลัพธ์ของผู้เรียนตามเกณฑ์ วPA – Starfishlabz, accessed December 5, 2025, https://www.starfishlabz.com/blog/1402-%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%9E%E0%B8%98%E0%B9%8C%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%93%E0%B8%91%E0%B9%8C-%E0%B8%A7pa
- การทบทวนวรรณกรรมของงานวิจัยในชั้นเรียน+แจกแบบวิเคราะห์เอกสาร – Inskru, accessed December 5, 2025, https://inskru.com/idea/-OBF5MyxulW8VMMH9OmJ/
- “การทบทวนวรรณกรรม” รากฐานแห่งคุณภาพของงานวิ, accessed December 5, 2025, https://mac.ru.ac.th/wp-content/uploads/2018/05/%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%881-%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1-power-point.pdf
- เทคนิคการเขียนรายงานการวิจัยเพื่อการพัฒนาและสร้างนวัตกรรม ในระดับเชี่ยวชาญ », accessed December 5, 2025, https://krukob.com/web/dpa-59/
- รายงานการวิจัยบุคลากร (R2R) เรื่อง การพัฒนาประสิ – มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม, accessed December 5, 2025, https://fulltext.rmu.ac.th/fulltext/2561/M126185/Phooklang%20Nattagrit.pdf
- ขั้นตอนการทาวิจัยในองค์กร R2R, accessed December 5, 2025, http://fofa.swu.ac.th/th/images/FOFA/PR/R2R(1).pdf
- ตัวอย่างการเขียน บทที่ 2 เพื่อรายงานผลงานทางวิชาการครูเชี่ยวชาญ », accessed December 5, 2025, https://krukob.com/web/research-2/
- การวิจัยและพัฒนา(R&D)ที่ใช้ในการเลื่อนวิทยฐานะครูเชี่ยวชาญ(คศ.4), accessed December 5, 2025, https://www.xn--12co8bkb4ccba6b3geffwj63b.com/r-and-d-for-expert-teacher-promotion/
- ตัวอย่างการเขียน บทที่ 5 เพื่อรายงานผลงานทางวิชาการครูเชี่ยวชาญ », accessed December 5, 2025, https://krukob.com/web/research-5/
- การเขียนโครงร่างงานวิจัย R2R, accessed December 5, 2025, https://www.tm.mahidol.ac.th/nursing/wp-content/uploads/sites/70/2024/06/R2R-proposal-writing_Saranath2016.pdf
- “การเขียนผลงานวิชาการ โดยไม่เป็นการละเมิด ลิ, accessed December 5, 2025, https://res.vu.ac.th/wp/wp-content/uploads/2024/01/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3-%E0%B9%82%E0%B8%94%E0%B8%A2%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99_240124_113114-1.pdf
- เขียนงานวิชาการอย่างไรให้ไม่โดนข้อหาคัดลอกวรรณกรรม Plagiarism!, accessed December 5, 2025, https://il.mahidol.ac.th/th/i-learning-clinic/general-articles/%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%A3/
- การละเมิดลิขสิทธิ์ผลงานวิชาการและการใช้งานโปรแกรม CopyCatch ในการตรวจสอบการคัดลอกผลงานทางวิชาการ, accessed December 5, 2025, http://copycatch.in.th/20170901-copycatch-presentation.pdf
- หลักการเขียนภาษาอังกฤษ: การใช้คำ การเขียนประโยค ย่อหน้า และข้อความต่อเนื่อง – Summary, paraphrase, and synthesis writing, accessed December 5, 2025, https://www.stou.ac.th/thai/grad_stdy/masters/%E0%B8%9D%E0%B8%AA%E0%B8%AA/%E0%B8%9D%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%A5%E0%B8%99%E0%B9%8C/unit3/U3_4/02.html
- How to Paraphrase in 5 Easy Steps | Scribbr – YouTube, accessed December 5, 2025, https://www.youtube.com/watch?v=oiM0x0ApVL8
- รูปแบบและตัวอย่าง การเขียนอ้างอิงและบรรณานุกรมรูปแบบ APA 7th edition – ห้องสมุด มหาวิทยาลัยสยาม, accessed December 5, 2025, https://e-library.siam.edu/wp-content/uploads/2023/10/APA7-SiamU.pdf
- การเขียนรายการบรรณานุกรม ตามแบบ APA ฉบับพิมพ์ครั้งที่7 – AMS LIBRARY – มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, accessed December 5, 2025, https://library.ams.cmu.ac.th/library/fileUpload/APA7edition_AMS-Library.pdf
- การเขียนบรรณานุกรม รูปแบบ APA 7th – สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยนเรศวร, accessed December 5, 2025, https://www.nupress.grad.nu.ac.th/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A1/
- เทคนิคการทำงานวิจัยจากงานประจำ (R2R), accessed December 5, 2025, https://www.ubu.ac.th/web/mod/km/files/cf202307311211488737.pdf
Comments
comments
Powered by Facebook Comments

