Site icon Digital Learning Classroom

แนวทางในการบริหารสถานศึกษาเพื่อการพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรม วิทยฐานะผู้บริหารเชี่ยวชาญ (ว.10/2564)

แชร์เรื่องนี้

แนวทางในการบริหารสถานศึกษาเพื่อการพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรม วิทยฐานะผู้บริหารเชี่ยวชาญ (ว.10/2564)

บทนำ: ภูมิทัศน์ใหม่ของการบริหารการศึกษาและการเปลี่ยนผ่านสู่ “ผู้บริหารนักวิจัย”

ในยุคสมัยที่โลกของการศึกษาหมุนเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วด้วยอัตราเร่งของเทคโนโลยีดิจิทัลและความผันผวนทางสังคม (VUCA World) บทบาทของผู้บริหารสถานศึกษาได้ถูกท้าทายให้ก้าวข้ามจากการเป็นเพียง “ผู้จัดการ” (Manager) ที่คอยดูแลความเรียบร้อยตามระเบียบราชการ ไปสู่การเป็น “ผู้นำการเปลี่ยนแปลง” (Change Agent) และ “นวัตกรทางการบริหาร” (Administrative Innovator) อย่างเต็มรูปแบบ การเปลี่ยนแปลงนี้มิได้เกิดขึ้นเพียงจากกระแสสังคมโลกเท่านั้น แต่ยังถูกกำหนดให้เป็นมาตรฐานวิชาชีพใหม่ผ่านกฎระเบียบของสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษา หรือที่รู้จักกันในนาม “ว 10/2564” หรือระบบ “PA” (Performance Agreement) 1

ระบบการประเมินวิทยฐานะรูปแบบใหม่นี้ ได้วางรากฐานสำคัญที่เปลี่ยนจุดเน้นจากการสั่งสมเอกสารจำนวนมาก มาสู่การมุ่งเน้น “ผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน” (Student Learning Outcomes) และประสิทธิภาพในการบริหารจัดการที่ส่งผลกระทบเชิงประจักษ์ สำหรับผู้บริหารสถานศึกษาที่มุ่งหวังจะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งทางวิชาการในระดับ “เชี่ยวชาญ” (Expert) นั้น ความคาดหวังในระดับการปฏิบัติงานตามมาตรฐานตำแหน่งได้ถูกยกระดับขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากระดับ “ริเริ่มพัฒนา” (Originate and Improve) ในวิทยฐานะชำนาญการพิเศษ ไปสู่ระดับ “คิดค้น ปรับเปลี่ยน” (Invent and Transform) 3 คำนิยามสั้นๆ เพียงสองคำนี้ แบกรับความหมายที่ลึกซึ้งและกว้างไกล กล่าวคือ ผู้บริหารระดับเชี่ยวชาญต้องมีความสามารถในการสังเคราะห์สภาพปัญหาที่ซับซ้อน สร้างสรรค์นวัตกรรมการบริหารรูปแบบใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อนในบริบทนั้น และนำมาปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานหรือวัฒนธรรมองค์กรให้เกิดคุณภาพที่สูงขึ้นอย่างยั่งยืน 4

รายงานการวิจัยฉบับนี้ จัดทำขึ้นเพื่อทำหน้าที่เป็น “ธรรมนูญการปฏิบัติงานวิจัย” (Research Manifesto) สำหรับผู้บริหารสถานศึกษา โดยมุ่งเน้นการถอดรหัสกระบวนการสร้างผลงานทางวิชาการที่ซับซ้อน ให้กลายเป็นยุทธวิธีที่จับต้องได้และปฏิบัติได้จริง ภายใต้กรอบแนวคิดหลัก 5 ประการที่บูรณาการศาสตร์และศิลป์ของการบริหารเข้าด้วยกัน ได้แก่ 1) การเปลี่ยนงานประจำให้เป็นงานวิจัย (Routine to Research: R2R) 2) การทบทวนและวินิจฉัยปัญหาอย่างเป็นระบบ (Problem Diagnosis) 3) การสังเคราะห์ทฤษฎีสู่กรอบแนวคิด (Theoretical Synthesis) 4) การวางแผนและรังสรรค์นวัตกรรม (Innovation Design) และ 5) การปรับปรุงพัฒนางานอย่างมีจริยธรรมทางวิชาการ (Ethical Improvement) เนื้อหาในรายงานฉบับนี้จะเจาะลึกในทุกมิติ เพื่อให้ผู้บริหารสถานศึกษาสามารถผลิตผลงานวิจัยที่ไม่เพียงแต่ผ่านการประเมิน แต่ยังเป็นเครื่องมือทรงพลังในการพลิกโฉมคุณภาพการศึกษาไทย

ส่วนที่ 1: พลวัตของงานวิจัยกับมาตรฐานตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษาเชี่ยวชาญ

การทำความเข้าใจบริบทและข้อกำหนดของกฎหมายเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่สุดของการเดินทางสู่วิทยฐานะเชี่ยวชาญ หากผู้บริหารตีโจทย์ “มาตรฐานตำแหน่ง” ไม่แตก งานวิจัยที่ทุ่มเททำมาอาจกลายเป็นเพียงเอกสารที่ไร้ความหมายในสายตาของกรรมการประเมิน

1.1 การถอดรหัสมาตรฐาน “คิดค้น ปรับเปลี่ยน” (Decoding ‘Invent and Transform’)

ในอดีต ตามเกณฑ์ ว 17/2552 หรือ ว 21/2560 งานวิจัยของผู้บริหารมักมุ่งเน้นการทำโครงการพัฒนาหรือรายงานการประเมินโครงการ แต่ในเกณฑ์ ว 10/2564 (ว.PA) คำว่า “คิดค้น ปรับเปลี่ยน” เรียกร้องให้เกิด “นวัตกรรมการบริหาร” (Administrative Innovation) ที่ชัดเจน 1 สิ่งนี้หมายความว่า ผู้บริหารระดับเชี่ยวชาญต้องไม่เพียงแค่นำรูปแบบการบริหารของผู้อื่นมาปรับใช้ (Adapt) ซึ่งเป็นระดับของชำนาญการพิเศษ แต่ต้องสามารถ “สร้างโมเดลใหม่” (Create New Model) หรือ “กระบวนการใหม่” (New Process) ที่แก้ปัญหาเฉพาะเจาะจงของโรงเรียนตนเองได้

นวัตกรรมในบริบทของผู้บริหารสถานศึกษา สามารถจำแนกออกได้เป็น 3 ประเภทหลัก ซึ่งผู้บริหารต้องตัดสินใจเลือกให้สอดคล้องกับจุดแข็งของตนเองและปัญหาของสถานศึกษา 5:

  1. นวัตกรรมรูปแบบการบริหาร (Management Model Innovation): เป็นการสร้างระบบการบริหารงานใหม่ทั้งระบบ หรือเฉพาะด้าน เช่น รูปแบบการบริหารวิชาการแบบพลวัต, รูปแบบการพัฒนาครูโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน (School-Based Training Model)
  2. นวัตกรรมกระบวนการ (Process Innovation): เป็นการปรับเปลี่ยนขั้นตอนการทำงานให้กระชับ รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การพัฒนากระบวนการนิเทศภายในด้วยระบบออนไลน์ (Digital Supervision), ระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนเชิงรุก
  3. นวัตกรรมเชิงกลยุทธ์ (Strategic Innovation): เป็นการสร้างกลยุทธ์ใหม่ในการขับเคลื่อนองค์กรสู่เป้าหมาย เช่น กลยุทธ์การบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็กเพื่อความอยู่รอด, ยุทธศาสตร์การระดมทรัพยากรแบบมีส่วนร่วม

ตารางที่ 1 แสดงการเปรียบเทียบระดับความคาดหวังในแต่ละวิทยฐานะ เพื่อให้เห็นความแตกต่างของความลุ่มลึกในงานวิจัย

วิทยฐานะระดับการปฏิบัติที่คาดหวัง (Keywords)ลักษณะของงานวิจัย/นวัตกรรมตัวอย่างหัวข้อวิจัย
ชำนาญการแก้ไขปัญหา (Solve Problems)แก้ปัญหาเฉพาะหน้าในงานประจำการแก้ปัญหาการมาสายของครูโดยใช้ระบบสแกนนิ้ว
ชำนาญการพิเศษริเริ่ม พัฒนา (Originate and Improve)ริเริ่มโครงการใหม่ หรือพัฒนางานเดิมให้ดีขึ้นการพัฒนาระบบนิเทศภายในเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์
เชี่ยวชาญคิดค้น ปรับเปลี่ยน (Invent and Transform)สร้างนวัตกรรม/โมเดลใหม่ เพื่อเปลี่ยนระบบงานการพัฒนารูปแบบการบริหาร “SMART Model” เพื่อพลิกโฉมคุณภาพผู้เรียนสู่พลเมืองดิจิทัล
เชี่ยวชาญพิเศษสร้างการเปลี่ยนแปลง (Create Impact)นวัตกรรมที่ส่งผลกระทบในวงกว้าง (ระดับเขต/ชาติ)การประเมินผลกระทบรูปแบบการบริหารเครือข่ายความร่วมมือฯ

ที่มา: สังเคราะห์จากหลักเกณฑ์ ก.ค.ศ. ว 10/2564 และคู่มือการประเมินวิทยฐานะ 1

1.2 ความเชื่อมโยงระหว่าง PA และงานวิจัย: การบูรณาการแบบไร้รอยต่อ

จุดแข็งที่สุดของระบบ ว.PA คือการอนุญาตให้ผู้บริหารนำ “งานในหน้าที่” มาเป็น “งานวิจัย” ได้โดยตรง ผ่านกลไกที่เรียกว่า “ประเด็นท้าทาย” (Challenge).2 ผู้บริหารไม่จำเป็นต้องแยกทำวิจัยต่างหากจากงานบริหาร แต่ควรใช้กระบวนการวิจัยเป็นเครื่องมือในการบรรลุข้อตกลงในการพัฒนางาน

ในเอกสารข้อตกลง PA ส่วนที่ 2 (ประเด็นท้าทาย) ผู้บริหารต้องระบุสภาพปัญหา วิธีการดำเนินการ และผลลัพธ์ ส่วนนี้เองคือ “โครงร่างการวิจัยย่อ” (Mini Research Proposal).3 เมื่อผู้บริหารดำเนินการตามวงรอบปีงบประมาณ โดยมีการเก็บข้อมูล (Data Collection) วิเคราะห์ผล (Analysis) และสรุปรายงาน (Reporting) สิ่งที่ได้ออกมาคือ “รายงานการวิจัย” ที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งสะท้อนผลการปฏิบัติงานจริง มิใช่การทำเอกสารเท็จเพื่อขอผลงาน

ส่วนที่ 2: ยุทธศาสตร์ที่ 1 – เปลี่ยนงานประจำให้เป็นงานวิจัย (Transforming Routine to Research: R2R)

หัวใจสำคัญของการเขียนงานวิจัยสำหรับผู้บริหารระดับเชี่ยวชาญ คือการเริ่มต้นจาก “หน้างานจริง” แนวคิด R2R (Routine to Research) มิได้เป็นเพียงเทคนิคการทำงาน แต่เป็นปรัชญาการบริหารที่มองว่า “ทุกปัญหามีคำตอบ และคำตอบนั้นต้องค้นหาด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์”.6

2.1 การสำรวจ “ขุมทรัพย์” ในภาระงาน 5 ด้าน

งานวิจัยของผู้บริหารมักถูกเข้าใจผิดว่าต้องทำเรื่องใหญ่โตระดับนโยบายเสมอไป แต่แท้จริงแล้ว งานวิจัยที่ดีที่สุดมักเกิดจากปัญหาเล็กๆ ที่ส่งผลกระทบมหาศาล (Butterfly Effect) ในภาระงานทั้ง 5 ด้านของผู้บริหาร 2

ด้านที่ 1: การบริหารวิชาการและความเป็นผู้นำทางวิชาการ

นี่คือ “หัวใจ” ของสถานศึกษา งานวิจัยในด้านนี้มีน้ำหนักมากที่สุดในการประเมินวิทยฐานะเชี่ยวชาญ เพราะส่งผลโดยตรงต่อผู้เรียน

ตัวอย่างงานประจำ: การตรวจสอบแผนการสอน, การสังเกตการสอน, การวัดผลประเมินผล

ด้านที่ 2: การบริหารจัดการสถานศึกษา

ครอบคลุมงานบริหารทั่วไป ธุรการ การเงิน และพัสดุ ซึ่งมักเป็น “คอขวด” ของการทำงาน

ตัวอย่างงานประจำ: การเบิกจ่ายงบประมาณ, ระบบสารบรรณ, การดูแลอาคารสถานที่

ด้านที่ 3: การบริหารการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์และนวัตกรรม

ด้านนี้คือพื้นที่แสดงฝีมือของ “นวัตกร” โดยตรง เป็นการนำวิสัยทัศน์สู่การปฏิบัติ

ตัวอย่างงานประจำ: การจัดทำแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษา (School Plan), การขับเคลื่อนนโยบายกระทรวง

ด้านที่ 4: การบริหารงานชุมชนและเครือข่าย

ตัวอย่างงานประจำ: การประชุมผู้ปกครอง, การระดมทุนผ้าป่า, ความสัมพันธ์ชุมชน

ด้านที่ 5: การพัฒนาตนเองและวิชาชีพ

ตัวอย่างงานประจำ: การทำ ID Plan, การทำ PLC

2.2 เทคนิคการเปลี่ยน “บ่น” เป็น “วิจัย” (From Complaint to Inquiry)

บ่อยครั้งที่ปัญหาในโรงเรียนถูกมองเป็นเรื่องน่าเบื่อหน่าย ผู้บริหารระดับเชี่ยวชาญต้องเปลี่ยนทัศนคติจากการ “บ่นถึงปัญหา” เป็นการ “ตั้งคำถามวิจัย” 9

เสียงบ่น: “เด็กสมัยนี้ติดมือถือ ไม่สนใจเรียนเลย”

คำถามวิจัย: ปัจจัยใดที่ส่งผลต่อพฤติกรรมการใช้สื่อโซเชียลมีเดียของนักเรียน? และเราจะใช้เทคโนโลยีที่เด็กชอบมาเป็นเครื่องมือการเรียนรู้ได้อย่างไร?

เสียงบ่น: “ครูรุ่นใหม่สอนดีแต่ลาออกบ่อย ครูเก่าก็สอนแบบเดิมๆ ไม่ยอมเปลี่ยน”

คำถามวิจัย: รูปแบบการบริหารทรัพยากรมนุษย์แบบใดที่จะสร้างความผูกพันในองค์กร (Engagement) และกระตุ้นให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ข้ามรุ่น (Intergenerational Learning)?

2.3 การเก็บรวบรวมข้อมูลจากหน้างาน (Data Mining in Routine Work)

ข้อได้เปรียบสูงสุดของ R2R คือ ข้อมูล (Data) อยู่ในมือของผู้บริหารอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องสร้างสถานการณ์เทียม การเขียนรายงานวิจัยที่ดีต้องแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการดึงข้อมูลเหล่านี้มาใช้ 11

ผู้บริหารระดับเชี่ยวชาญต้องออกแบบระบบจัดเก็บข้อมูลเหล่านี้ให้เป็นดิจิทัล (Digitalization) เช่น การใช้ Google Forms ในการนิเทศ หรือใช้ Dashboard ในการติดตามงบประมาณ เพื่อให้สามารถดึงข้อมูลมาวิเคราะห์ทางสถิติได้ทันทีเมื่อต้องการเขียนรายงานวิจัย

ส่วนที่ 3: ยุทธศาสตร์ที่ 2 – ศิลปะแห่งการทบทวนและวินิจฉัยปัญหา (Strategy of Problem Diagnosis)

เมื่อได้โจทย์วิจัยจากงานประจำแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการเขียน “บทนำ” (Chapter 1) ซึ่งถือเป็นหน้าต่างบานแรกที่จะทำให้กรรมการประเมินเห็น “กึ๋น” ของผู้บริหาร การทบทวนปัญหาสำหรับวิทยฐานะเชี่ยวชาญต้องไม่ใช่การเขียนแบบกว้างๆ แต่ต้องเป็นการ “วินิจฉัย” (Diagnose) ที่แม่นยำ ลุ่มลึก และเชื่อมโยงหลายมิติ

3.1 การวิเคราะห์บริบทแบบ “Sandwich Analysis”

การเขียนที่มาและความสำคัญของปัญหาที่ดี ควรใช้เทคนิคการวิเคราะห์แบบแซนด์วิช (Sandwich Analysis) คือการประกบปัญหาของโรงเรียนด้วยนโยบายระดับบนและทฤษฎีวิชาการ 12

3.2 เครื่องมือบริหารเพื่อการวิเคราะห์สาเหตุที่แท้จริง (Root Cause Analysis Tools)

การระบุปัญหาเพียงอย่างเดียวยังไม่พอสำหรับระดับเชี่ยวชาญ ผู้บริหารต้องแสดงให้เห็นกระบวนการวิเคราะห์หาสาเหตุที่แท้จริง (Root Cause) เพื่อยืนยันว่านวัตกรรมที่จะสร้างขึ้นนั้น “เกาถูกที่คัน” เครื่องมือที่ควรนำเสนอในรายงานการวิจัย ได้แก่:

  1. SWOT Analysis: วิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรค นำไปสู่การสร้างกลยุทธ์ (TOWS Matrix)
  2. Fishbone Diagram (แผนภูมิก้างปลา): จำแนกสาเหตุปัญหาตามหลัก 4M (Man, Money, Material, Management) ซึ่งสำหรับงานวิจัยผู้บริหาร สาเหตุมักจะพุ่งเป้าไปที่ Management เพื่อเปิดช่องให้เราสร้างนวัตกรรมการบริหารเข้าไปแก้ปัญหา 8
  3. Why-Why Analysis: การถามว่า “ทำไม” 5 ครั้ง เพื่อขุดลงไปถึงรากเหง้าของปัญหา เช่น คะแนนต่ำ -> เพราะเด็กไม่อ่านหนังสือ -> เพราะหนังสือไม่น่าสนใจ -> เพราะครูใช้แต่หนังสือเรียนเก่า -> เพราะโรงเรียนขาดระบบการจัดหาสื่อที่ทันสมัย (นี่คือปัญหาการบริหาร)

3.3 การสังเคราะห์เป็น “ประเด็นท้าทาย” ที่ทรงพลัง

เมื่อวิเคราะห์จนตกผลึกแล้ว ผู้บริหารต้องเขียนสรุปเป็น “ประเด็นท้าทาย” (Research Problem) ที่ชัดเจน คมคาย และแสดงถึงความจำเป็นเร่งด่วน ตัวอย่างการเขียนประเด็นท้าทายในระดับเชี่ยวชาญ:

“จากวิกฤตการณ์ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่ตกต่ำและปัญหาความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัลที่ค้นพบ ผู้วิจัยในฐานะผู้บริหารสถานศึกษาจึงตระหนักถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการ ‘คิดค้นและปรับเปลี่ยน’ ระบบนิเวศการเรียนรู้ใหม่ โดยมุ่งเน้นการพัฒนารูปแบบการบริหารสถานศึกษาเชิงนวัตกรรมดิจิทัล (Digital Innovation School Management) เพื่อเป็นคานงัดสำคัญในการยกระดับคุณภาพผู้เรียนให้สอดคล้องกับทักษะแห่งอนาคตและนโยบายเรียนดีมีความสุขอย่างยั่งยืน”

ส่วนที่ 4: ยุทธศาสตร์ที่ 3 – การสังเคราะห์ทฤษฎีและกรอบแนวคิด (Theoretical Synthesis)

ในบทที่ 2 ของรายงานการวิจัย (เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง) ผู้บริหารระดับเชี่ยวชาญต้องแสดงความเป็น “ปราชญ์ผู้รอบรู้” (Scholar) ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยคือการ “ตัดแปะ” (Copy-Paste) ทฤษฎีมาวางต่อกันโดยไม่มีการวิเคราะห์ สังเคราะห์ หรือร้อยเรียง การหาดูทฤษฎีในระดับเชี่ยวชาญคือการ “สนทนากับความรู้” เพื่อสร้างกรอบแนวคิดของตนเอง 12

4.1 การเลือกทฤษฎี: สร้างฐานรากที่มั่นคงให้กับนวัตกรรม

งานวิจัยทางการบริหารต้องมี “ทฤษฎีแม่บท” (Grand Theory) และ “ทฤษฎีรอง” (Supporting Theory) เสมอ เพื่อให้การออกแบบนวัตกรรมมีความน่าเชื่อถือทางวิชาการ

กลุ่มทฤษฎีการบริหารจัดการ (Administrative Theories)

วงจรคุณภาพ PDCA (Deming Cycle): ทฤษฎีอมตะที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง เหมาะเป็นฐานของกระบวนการดำเนินงาน (Plan-Do-Check-Act).14

ทฤษฎีภาวะผู้นำ (Leadership Theories)

กลุ่มทฤษฎีเฉพาะทาง (Content-Specific Theories)

4.2 ศิลปะการสังเคราะห์งานวิจัย (Research Synthesis)

แทนที่จะสรุปงานวิจัยทีละเรื่อง (นาย ก. ศึกษาเรื่อง… พบว่า… / นาย ข. ศึกษาเรื่อง… พบว่า…) ผู้บริหารควรเขียนในลักษณะ “สังเคราะห์ตามประเด็น” (Thematic Synthesis) เช่น:

“จากการศึกษางานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับรูปแบบการบริหารสถานศึกษาเพื่อความเป็นเลิศ (Best Practice Models) ของนักวิชาการทั้งในและต่างประเทศ อาทิ 17, และ 14 พบจุดร่วมที่สำคัญประการหนึ่งคือ ‘การมีส่วนร่วม’ (Participation) เป็นปัจจัยความสำเร็จที่ขาดไม่ได้ อย่างไรก็ตาม งานวิจัยส่วนใหญ่ยังขาดการบูรณาการเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ากับกระบวนการมีส่วนร่วมอย่างเป็นระบบ ซึ่งเป็นช่องว่างความรู้ (Knowledge Gap) ที่งานวิจัยฉบับนี้มุ่งจะเติมเต็ม…”

4.3 การสร้างกรอบแนวคิดการวิจัย (Conceptual Framework Design)

กรอบแนวคิดคือ “พิมพ์เขียว” ของงานวิจัย ที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร สำหรับงานวิจัยผู้บริหารระดับเชี่ยวชาญ นิยมใช้กรอบแนวคิดแบบระบบ (System Approach) หรือแบบเหตุและผล

ตัวอย่างโครงสร้างกรอบแนวคิด

ตัวแปรต้น (Independent Variable): คือ “นวัตกรรม” ที่เราสร้างขึ้น เช่น รูปแบบการบริหารจัดการแบบ D-TECH Model.

ตัวแปรตาม (Dependent Variables): คือ “ผลลัพธ์” ที่คาดหวัง แบ่งเป็นระดับ:

  1. ระดับกระบวนการ: ประสิทธิภาพการบริหารงาน, บรรยากาศในโรงเรียน.
  2. ระดับครู: สมรรถนะการจัดการเรียนรู้, ความพึงพอใจ, การใช้สื่อเทคโนโลยี.21
  3. ระดับผู้เรียน: ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน, คุณลักษณะอันพึงประสงค์, ทักษะในศตวรรษที่ 21.

การเขียนกรอบแนวคิดต้องระบุทฤษฎีที่ใช้กำกับแต่ละตัวแปรอย่างชัดเจน เพื่อแสดงถึงความแม่นยำทางวิชาการ

ส่วนที่ 5: ยุทธศาสตร์ที่ 4 – การวางแผนและรังสรรค์นวัตกรรม (Planning & Innovation Design)

ขั้นตอนนี้คือหัวใจของการประเมินวิทยฐานะเชี่ยวชาญ กรรมการจะพิจารณาว่าท่าน “คิดค้น ปรับเปลี่ยน” จริงหรือไม่ ผ่านความสมบูรณ์ของนวัตกรรมและกระบวนการวิจัยที่ใช้สร้างมันขึ้นมา

5.1 ระเบียบวิธีวิจัย: เส้นทางสู่คำตอบที่น่าเชื่อถือ

งานวิจัยของผู้บริหารสถานศึกษานิยมใช้ระเบียบวิธีวิจัย 2 รูปแบบหลัก หรือผสมผสานกัน:

  1. การวิจัยและพัฒนา (Research and Development: R&D): เป็นรูปแบบที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการสร้าง “นวัตกรรม” หรือ “รูปแบบ” (Model) ใหม่ มีขั้นตอนมาตรฐาน 4 ระยะ (R1-D1-R2-D2) 5
  1. การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม (Participatory Action Research: PAR): เน้นกระบวนการที่ผู้บริหารและครูร่วมมือกันแก้ปัญหา เป็นวงจร PAOR (Plan-Act-Observe-Reflect) เหมาะสำหรับการเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กร แต่สำหรับระดับเชี่ยวชาญ ควรยกระดับ PAR ให้ได้ผลผลิตเป็น “รูปแบบการปฏิบัติที่เป็นเลิศ” (Best Practice Model) ในตอนท้าย.7

5.2 สถาปัตยกรรมของนวัตกรรม (Innovation Architecture)

นวัตกรรมของผู้บริหารต้องมี “ชื่อ” (Branding) และ “องค์ประกอบ” ที่ชัดเจน เพื่อให้ง่ายต่อการสื่อสารและนำไปขยายผล การตั้งชื่อโมเดลนิยมใช้ตัวย่อภาษาอังกฤษ (Acronym) ที่สื่อความหมายเชิงบวก

กรณีศึกษา: การสร้างโมเดล “D-TECH”

สมมติว่าผู้บริหารต้องการแก้ปัญหาครูสอนแบบเดิมๆ และนักเรียนขาดทักษะดิจิทัล ท่านอาจสังเคราะห์โมเดลชื่อ “D-TECH Model” ขึ้นมา โดยแต่ละตัวอักษรแทนขั้นตอนหรือกลยุทธ์การบริหาร

5.3 กระบวนการสร้างและตรวจสอบคุณภาพ (Validity & Reliability)

นวัตกรรมที่ “คิดค้น” ขึ้นเอง ต้องผ่านการตรวจสอบคุณภาพก่อนนำไปใช้ เพื่อป้องกันข้อครหาว่า “คิดเองเออเอง”

  1. การตรวจสอบความตรงเชิงเนื้อหา (Content Validity): นำร่างนวัตกรรมและเครื่องมือวิจัยเสนอต่อผู้เชี่ยวชาญ (Experts) จำนวน 3-5 ท่าน (เช่น อาจารย์มหาวิทยาลัย, ศึกษานิเทศก์เชี่ยวชาญ, ผอ.เชี่ยวชาญ) เพื่อหาค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) ค่าที่ยอมรับได้คือ 0.50 ขึ้นไป.9
  2. การหาประสิทธิภาพ (Efficiency): นำไปทดลองใช้กับกลุ่มเล็ก (Pilot Study) หรือเทียบกับเกณฑ์มาตรฐาน (E1/E2) เพื่อดูความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติ

5.4 การวางแผนการทดลองใช้ (Implementation Plan)

ในขั้นตอนนี้ต้องระบุให้ชัดเจนว่า จะนำนวัตกรรมไปใช้กับใคร (Population/Sample) เมื่อไหร่ และอย่างไร

ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง: สำหรับโรงเรียนขนาดเล็ก-กลาง มักใช้ประชากรทั้งหมด (ครูทุกคน/นักเรียนทุกคน) แต่ถ้าเป็นโรงเรียนขนาดใหญ่ อาจเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เช่น เลือกเฉพาะระดับชั้น ม.1 ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก

เครื่องมือเก็บรวบรวมข้อมูล: ต้องมีความหลากหลาย (Triangulation) 12

ส่วนที่ 6: ยุทธศาสตร์ที่ 5 – การปรับปรุงพัฒนางานอย่างมีจริยธรรม (Improvement & Ethics)

ขั้นตอนสุดท้ายคือการนำผลการวิจัยมาเขียนรายงาน (Chapter 4-5) และการปรับปรุงงาน นี่คือบทพิสูจน์ความเป็น “มืออาชีพ” ของผู้บริหารระดับเชี่ยวชาญ ซึ่งต้องยึดมั่นในความถูกต้องทางวิชาการและจริยธรรม

6.1 การวิเคราะห์และนำเสนอข้อมูล (Data Analysis & Visualization)

การนำเสนอผลการวิจัยในบทที่ 4 ไม่ควรมีแค่ตารางตัวเลขที่แห้งแล้ง แต่ต้องมีการ “เล่าเรื่องจากข้อมูล” (Data Storytelling)

สถิติที่ใช้

การนำเสนอ: ใช้กราฟแท่งหรือกราฟเส้นประกอบตาราง เพื่อให้เห็นพัฒนาการที่ชัดเจน เช่น กราฟเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนปี 2566 vs 256723

6.2 การอภิปรายผล: เชื่อมโยงกลับสู่ทฤษฎี

บทที่ 5 (สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ) คือส่วนที่แสดงวุฒิภาวะทางวิชาการมากที่สุด การอภิปรายผล (Discussion) ไม่ใช่การสรุปผลซ้ำ แต่คือการอธิบายว่า “ทำไม” ผลจึงออกมาเป็นเช่นนั้น

6.3 การปรับปรุงงานอื่น ไม่คัดลอก (Originality & Anti-Plagiarism)

มาตรฐานจริยธรรมที่สำคัญที่สุดในเกณฑ์ ว.PA คือ ผลงานต้องไม่คัดลอก (Plagiarism)

6.4 การเผยแพร่และการนำไปใช้ประโยชน์ (Dissemination & Utilization)

ผู้บริหารเชี่ยวชาญต้องเป็นแบบอย่างที่ดี ผลงานวิจัยเมื่อเสร็จสิ้นแล้วต้องได้รับการเผยแพร่ เพื่อสร้างประโยชน์ต่อวงวิชาการ

ส่วนที่ 7: กรณีศึกษาและตัวอย่างขั้นตอนการเขียนรายงานการวิจัย (Comprehensive Case Study)

เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนที่สุด ขอนำเสนอกรณีศึกษาจำลอง (Mock-up) ของรายงานการวิจัยที่สมบูรณ์ตามแนวทาง 5 ขั้นตอน

ชื่อเรื่อง: การพัฒนารูปแบบการบริหารสถานศึกษาเชิงนวัตกรรม “SMART-TECH Model” เพื่อส่งเสริมสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ของครูและทักษะดิจิทัลของผู้เรียน โรงเรียนสุวรรณวิทยา

ขั้นตอนการเขียนทีละบท:

บทที่ 1 บทนำ (Introduction)

บทที่ 2 เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง (Literature Review)

บทที่ 3 วิธีดำเนินการวิจัย (Methodology)

ระเบียบวิธี: ใช้ R&D 4 ขั้นตอน (Plan Innovation)

บทที่ 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล (Results)

บทที่ 5 สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ (Discussion)

บทสรุป

การก้าวขึ้นสู่ตำแหน่ง “ผู้บริหารสถานศึกษาเชี่ยวชาญ” ภายใต้ระบบ ว.PA มิใช่เป็นเพียงความสำเร็จส่วนบุคคล แต่เป็นการประกาศเจตนารมณ์ในการเป็นผู้นำทางวิชาการที่พร้อมจะ “คิดค้นและปรับเปลี่ยน” เพื่อคุณภาพของผู้เรียนอย่างแท้จริง รายงานการวิจัยที่ผ่านกระบวนการ R2R, การทบทวนปัญหาอย่างลึกซึ้ง, การสังเคราะห์ทฤษฎีที่แม่นยำ, การสร้างนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ และการปรับปรุงงานอย่างมีจริยธรรม จะเป็นมรดกทางปัญญาที่สำคัญยิ่งกว่าตำแหน่งวิทยฐานะ เพราะมันคือ “พิมพ์เขียวแห่งความสำเร็จ” ที่จะถูกส่งต่อไปยังครู นักเรียน และสังคม เพื่อสร้างการศึกษาไทยให้เข้มแข็งและยั่งยืนสืบไป

Works cited

  1. แนวทางการยื่นขอมี หรือเลื่อนวิทยฐานะ ตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษา วิทยฐานะเชี่ยวชาญ ว 10/2564 », accessed December 5, 2025, https://krukob.com/web/v10-2564/
  2. หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตาแหน่งและวิทยฐานะ ข้าราชการครูและบุคลากรทงการศึกษา ตาแหน่งผู้บริหารสถานศึกษา – สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาหนองบัวลำภู เขต 1, accessed December 5, 2025, https://nb1.go.th/web/pdf/pa_director.pdf
  3. คำนำ, accessed December 5, 2025, https://idcneu.com/edneupr/training/vpa/docs/book_pa1.pdf
  4. หลักเกณฑ์ ว 9/2564, accessed December 5, 2025, https://www.cpn1.go.th/2021/wp-content/uploads/2021/06/%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%93%E0%B8%91%E0%B9%8C-%E0%B8%A7-9-PA.pdf
  5. แนวทางการสังเคราะห์และพัฒนางานวิจัยเพื่อเลื่อนวิทยฐานะเชี่ยวชาญ …, accessed December 5, 2025, https://krukob.com/web/news-128/
  6. การเริ่มดำเนินการ R2R ควรเริ่มจากอะไร – คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี, accessed December 5, 2025, https://www.rama.mahidol.ac.th/health_service/th/km/07sep2015-1049
  7. R2R (Routine to Research) – จากงานประจำสู่งานวิจัย เพื่อความก้าวหน้าอย่างมีชั้นเชิง, accessed December 5, 2025, http://tpso4.m-society.go.th/images/DatabaseTPSO4/News_TPSO/Activities/2562/R2R-k.supunnee.pdf
  8. รายงานการวิจัยบุคลากร (R2R) เรื่อง ประสิทธิภาพของการปฏิบัติหน้าที่และการให้บริการงานธุรการ สานักงานคณบดีคณะเทคโนโลยี – มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม, accessed December 5, 2025, https://fulltext.rmu.ac.th/fulltext/2562/M127099/Hachaiyaphum%20Supaporn.pdf
  9. R2R (Routine to Research) งานประจำสู่งานวิจัย – ศูนย์สุขภาพจิตที่ 3, accessed December 5, 2025, https://mhc3.dmh.go.th/file/manual/E-Book_R2R_%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%88%E0%B8%B3%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%A2.pdf
  10. โครงการอบรมออนไลน์ เรื่อง เทคนิคการพัฒนางานประจำสู่งานวิจัย สำหรับสายสนับสนุนในระบบการศึกษาไทย (Routine to Research for Supporting Staff in the Thai Education System), accessed December 5, 2025, https://thailandpod.org/training/2025/R2R/course.html
  11. เรื่อง “One-sheet R2R proposal แผนที่สาหรับการวิจัยจากงานประจา”, accessed December 5, 2025, https://regis.rmutp.ac.th/academic/wp-content/uploads/2022/03/%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%9B%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87-One-sheet-R2R.pdf
  12. เทคนิคการเขียนรายงานการวิจัยเพื่อการพัฒนาและสร้างนวัตกรรม ในระดับเชี่ยวชาญ », accessed December 5, 2025, https://krukob.com/web/dpa-59/
  13. บทบาทผู้บริหารสถานศึกษาในยุคดิจิทัลด้วย Prompt Process – Starfishlabz, accessed December 5, 2025, https://www.starfishlabz.com/blog/1648-%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A8%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%84%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2-prompt-process
  14. แบบรายงานผลการปฏิบัติงานที่เปนเลิศ (best practice), accessed December 5, 2025, http://fth1.com/uppic/80100831/news/80100831_1_20250723-102828.pdf
  15. ภาวะผู้นำทางวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษาที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการสอนของครู สหวิทยาเขตหนองสองห้อง–พล สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาขอนแก่น | วารสารพุทธปรัชญาวิวัฒน์ – Open Journal Systems, accessed December 5, 2025, https://ojs.mbu.ac.th/index.php/jbpe/article/view/2455
  16. ภาวะผู้นำของผู้บริหารสถานศึกษาที่ส่งผลต่อการปฏิบัติงานของครูผู้สอน – ระบบสารสนเทศบัณฑิตวิทยาลัย – มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร, accessed December 5, 2025, https://gsmis.snru.ac.th/e-thesis/file_att1/2021112962421229109_fulltext.pdf
  17. รายงานการวิจัยบุคลากร (R2R) เรื่อง แนวทางการส่งเ – มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม, accessed December 5, 2025, https://fulltext.rmu.ac.th/fulltext/2562/M127716/Lavong%20Anucha.pdf
  18. การพัฒนาสมรรถนะผู้บริหารสถานศึกษาวิทยฐานะเชี่ยวชาญ ของกระทรวงศึกษาธิการ The Development of a Competencies – ThaiJo, accessed December 5, 2025, https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jsrc/article/download/256173/177384/1025990
  19. 174 เทคโนโลยีในการบริหารสถานศึกษา The Use of Technology in Educational, accessed December 5, 2025, http://journalgrad.ssru.ac.th/index.php/miniconference/article/view/5273/3861
  20. นวัตกรรมการบริหารจัดการสถานศึกษาในการพัฒนาผู้เรียน ให้เกิดผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ตามมาตรฐานการศึกษาของชาติ: กรณีตัวอย่างโรงเรียนเทศบาล 5 เด่นห้า – ONEC Backoffice for Administrator, accessed December 5, 2025, http://backoffice.onec.go.th/uploads/Book/1892-file.pdf
  21. แบบรายงานผลการปฏิบัติที่เป็นเลิศ-Best-Practice-โรงเรียนบ้านมะเดื่อ-1 – ++เครือข่ายวิชาการครู สควค.ภาคกลาง++, accessed December 5, 2025, https://www.psmt-central.org/wp-content/uploads/2024/07/%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%8F%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%A8-Best-Practice-%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD-1.pdf
  22. ตัวอย่างการเขียน บทที่ 5 เพื่อรายงานผลงานทางวิชาการครูเชี่ยวชาญ », accessed December 5, 2025, https://krukob.com/web/research-5/
  23. แบบรายงานผลการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice), accessed December 5, 2025, https://www.phayao2.go.th/wp-content/uploads/2024/07/%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%8F%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%A8-obec-cc-%E0%B8%AD%E0%B8%B3%E0%B9%84%E0%B8%9E.pdf
  24. แนวทางการขับเคลื่อน OBEC Content Center, accessed December 5, 2025, https://www.surasak.ac.th/web/ssmfile/%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3/OBEC%20CC/2.%E0%B9%81%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%82%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%20OBEC%20CC%20%E0%B8%9B%E0%B8%B5%202567.pdf
  25. นำเสนอผลงานวิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) ของสถานศึกษา ปีการศึกษา 2567 – 2568, accessed December 5, 2025, http://wpwschool.ac.th/news-detail_18609_366439
  26. รายงานผลการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) 2567, accessed December 5, 2025, https://www.spmmsk.go.th/2025/01/30/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%8F%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B9%80/

Comments

comments

Powered by Facebook Comments

Exit mobile version