จุดมุ่งหมายของการนิเทศการศึกษา: หลักการและการประยุกต์ใช้
บทนำ
การนิเทศการศึกษาเป็นกระบวนการที่มีความซับซ้อนและต้องการความเข้าใจที่ชัดเจนเกี่ยวกับจุดมุ่งหมาย หากขาดความเข้าใจในเรื่องนี้อาจทำให้การปฏิบัติงานด้านการนิเทศไม่บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ แม้ว่าจะมีผู้กล่าวถึงจุดมุ่งหมายของการนิเทศการศึกษาไว้หลายลักษณะที่แตกต่างกัน แต่เมื่อทำการวิเคราะห์และเปรียบเทียบกับลักษณะสำคัญของการนิเทศการศึกษาแล้ว จะพบว่าการนิเทศการศึกษามีจุดมุ่งหมายที่สำคัญ 4 ประการ ซึ่งขาดข้อใดข้อหนึ่งไม่ได้ (สงัด อุทรานันท์,2530)
จุดมุ่งหมายของการนิเทศการศึกษา 4 ประการ
1. เพื่อพัฒนาคน
การนิเทศการศึกษาได้มุ่งเน้นการ “พัฒนาคน” เป็นหลัก โดยเป็นกระบวนการทำงานร่วมกับครูและบุคลากรทางการศึกษา เพื่อให้ครูและบุคลากรเหล่านั้นได้เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในทางที่ดีขึ้น การพัฒนาคนในที่นี้ไม่ใช่การแก้ไขข้อบกพร่อง แต่เป็นการส่งเสริมให้บุคลากรเติบโตและปรับปรุงตนเองอย่างต่อเนื่อง
2. เพื่อพัฒนางาน
เนื่องจากการนิเทศการศึกษามีเป้าหมายสูงสุดอยู่ที่นักเรียน ซึ่งเป็นผลผลิตจากการสอนของครูและบุคลากรทางการศึกษา การนิเทศที่จัดขึ้นจึงมีจุดมุ่งหมายที่จะ “พัฒนางาน” โดยเฉพาะงานสอนให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น การพัฒนางานนี้เป็นผลต่อเนื่องจากการพัฒนาคน เมื่อบุคลากรมีความรู้ความสามารถดีขึ้น งานก็จะมีคุณภาพดีขึ้นตามไปด้วย
3. เพื่อสร้างการประสานสัมพันธ์
การ “สร้างการประสานสัมพันธ์” เป็นผลที่เกิดขึ้นจากการทำงานร่วมกัน การรับผิดชอบร่วมกัน และการผลัดเปลี่ยนกันเป็นผู้นำและผู้ตาม ซึ่งไม่ใช่เป็นการทำงานภายใต้การถูกบังคับ การตรวจตรา หรือการจับผิด การประสานสัมพันธ์ที่ดีจะช่วยสร้างบรรยากาศการทำงานที่เอื้อต่อการพัฒนา และการเรียนรู้ร่วมกัน
4. เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจ
การ “สร้างขวัญและกำลังใจ” ถือเป็นจุดมุ่งหมายที่สำคัญอีกประการหนึ่งของการนิเทศ เนื่องจากขวัญและกำลังใจเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้บุคคลมีความตั้งใจทำงาน หากการนิเทศไม่ได้ทำการสร้างขวัญและให้กำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติงาน การนิเทศการศึกษาก็ย่อมจะประสบผลสำเร็จได้ยาก
ความสำคัญของจุดมุ่งหมายทั้ง 4 ประการ
สงัด อุทรานันท์, (2530) กล่าวว่าการนิเทศการศึกษาที่ดีจะต้องมีจุดมุ่งหมายทั้ง 4 ประการดังกล่าวข้างต้น โดยขาดข้อใดข้อหนึ่งไม่ได้ หากขาดจุดมุ่งหมายใดจุดมุ่งหมายหนึ่งจะทำให้การนิเทศการศึกษาประสบความล้มเหลวได้ จุดมุ่งหมายของการนิเทศทั้ง 4 ประการนี้จึงเป็นข้อบ่งชี้ว่าการดำเนินงานของผู้บริหาร หรือผู้นิเทศนั้นเป็นลักษณะของ “การนิเทศ” หรือไม่
ตัวอย่างการแยกแยะการนิเทศและการบริหาร
กรณีศึกษาที่ 1: การรายงานความประพฤติไม่เหมาะสม
คณะผู้นิเทศได้ออกไปทำการนิเทศครูในโรงเรียนต่าง ๆ และได้พบว่ามีครูในโรงเรียนแห่งหนึ่งได้ประพฤติตนไม่เหมาะสม คณะผู้นิเทศจึงได้ทำรายงานเสนอต่อผู้บังคับบัญชา และเป็นผลให้ครูผู้นั้นออกจากราชการไป
การวิเคราะห์: กรณีนี้ไม่ใช่การนิเทศการศึกษา แต่เป็นเรื่องของการบริหารการศึกษาซึ่งดำเนินการในลักษณะของการตรวจตราโดยตรง เนื่องจาก:
- ไม่ได้ทำการ “พัฒนาคน” โดยไม่มีการให้คำชี้แจงและเสนอแนะให้ปรับปรุงตนเอง
- ไม่ได้ “พัฒนางาน” เพราะไม่มีการช่วยเหลือให้ครูปรับปรุงการทำงาน
- ไม่เกิด “การประสานสัมพันธ์” ระหว่างครูกับผู้นิเทศ
- ไม่ได้ “สร้างขวัญและกำลังใจ” เลย
กรณีศึกษาที่ 2: การตรวจตราแบบไม่แจ้งล่วงหน้า
ผู้บริหารโรงเรียนท่านหนึ่งได้ทำการเดินตรวจตราดูการปฏิบัติงานของครูตามห้องต่าง ๆ ในตอนเช้าหลังจากเข้าห้องเรียนแล้ว โดยไม่ได้พูดคุยกับครูแต่อย่างใด
การวิเคราะห์: กรณีนี้เป็นมาตรการทางการบริหารงานของผู้บริหารโรงเรียน ไม่ใช่เป็นการนิเทศ เพราะ:
- ไม่ได้ “พัฒนาคน” หรือ “พัฒนางาน” เนื่องจากไม่มีการให้คำแนะนำใด ๆ
- “การประสานสัมพันธ์” ระหว่างผู้บริหารและครูกลับลดลงไม่มีการประสานสัมพันธ์
- “ขวัญและกำลังใจ” ของครูกลับลดลง
กรณีศึกษาที่ 3: การนิเทศในยุคดิจิทัล
สถานการณ์: ผู้นิเทศใช้ระบบ Performance Agreement คือ การประเมินผลการปฏิบัติงานโดยการทำข้อตกลงการปฏิบัติงาน เพื่อติดตามผลการพัฒนาของครู โดยให้ครูประเมินตนเอง และวางแผนพัฒนาร่วมกัน มีการใช้เทคโนโลยีในการสื่อสารและแลกเปลี่ยนประสบการณ์
การวิเคราะห์: เป็นการนิเทศการศึกษาในรูปแบบใหม่ เพราะ:
- พัฒนาคน: ส่งเสริมให้ครูประเมินและพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง
- พัฒนางาน: ใช้เทคโนโลยีในการปรับปรุงการเรียนการสอน
- สร้างการประสานสัมพันธ์: การทำงานร่วมกันผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล
- สร้างขวัญและกำลังใจ: การยอมรับและส่งเสริมการพัฒนาตนเอง
กรณีศึกษาที่ 4: การตรวจสอบผลการทดสอบแบบเก่า
สถานการณ์: ผู้บริหารตรวจสอบผลการทดสอบระดับชาติของนักเรียน และเปรียบเทียบกับเป้าหมายที่กำหนด โดยไม่มีการหารือกับครูเกี่ยวกับสาเหตุ หรือแนวทางปรับปรุง
การวิเคราะห์: เป็นการบริหารจัดการ ไม่ใช่การนิเทศ เพราะ:
- ไม่ได้ “พัฒนาคน” เนื่องจากไม่มีการให้คำแนะนำหรือการพัฒนาร่วมกัน
- ไม่ได้ “พัฒนางาน” เพราะไม่มีการวิเคราะห์สาเหตุหรือหาแนวทางแก้ไข
- ไม่เกิด “การประสานสัมพันธ์” เพราะเป็นการตรวจสอบทางเดียว
- ไม่ได้ “สร้างขวัญและกำลังใจ” อาจทำให้ครูรู้สึกกดดันแทน
กรณีศึกษาที่ 5: การประชุมครูเพื่อแจ้งนโยบายใหม่
สถานการณ์: ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเรียกประชุมครูทั้งเขตเพื่อแจ้งนโยบายการศึกษาใหม่ และสั่งให้ครูปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด โดยไม่เปิดโอกาสให้ครูแสดงความคิดเห็น หรือซักถาม
การวิเคราะห์: เป็นการบริหารการศึกษา ไม่ใช่การนิเทศ เพราะ:
- ไม่ได้ “พัฒนาคน” เนื่องจากเป็นการสั่งการทางเดียว ไม่มีการพัฒนาความรู้ความเข้าใจ
- ไม่ได้ “พัฒนางาน” เพราะไม่มีการแลกเปลี่ยนหรือปรับปรุงวิธีการทำงาน
- ไม่เกิด “การประสานสัมพันธ์” เพราะไม่มีการสื่อสารสองทาง
- ไม่ได้ “สร้างขวัญและกำลังใจ” เพราะครูไม่มีส่วนร่วมในการตัดสินใจ
กรณีศึกษาที่ 6: การใช้กล้องวงจรปิดตรวจสอบการสอน
สถานการณ์: โรงเรียนติดตั้งกล้องวงจรปิดในห้องเรียนและใช้ระบบดูการสอนของครูผ่านจอมอนิเตอร์ในห้องผู้บริหาร โดยอ้างว่าเป็นการนิเทศการสอน
การวิเคราะห์: เป็นการควบคุมและตรวจสอบ ไม่ใช่การนิเทศ เพราะ:
- ไม่ได้ “พัฒนาคน” เนื่องจากไม่มีการให้คำแนะนำหรือแลกเปลี่ยนประสบการณ์
- ไม่ได้ “พัฒนางาน” เพราะไม่มีการวิเคราะห์หรือปรับปรุงการสอนร่วมกัน
- ไม่เกิด “การประสานสัมพันธ์” เพราะเป็นการเฝ้าระวังทางเดียว
- ไม่ได้ “สร้างขวัญและกำลังใจ” เพราะทำให้ครูรู้สึกถูกจับตาและไม่ไว้วางใจ
กรณีศึกษาที่ 7: การจัดเวิร์กช็อปพัฒนาการสอนร่วมกัน
สถานการณ์: ศึกษานิเทศก์จัดเวิร์กช็อป “การพัฒนาสื่อการสอนดิจิทัล” โดยให้ครูแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ร่วมกันสร้างสื่อ และนำเสนอผลงาน พร้อมทั้งให้คำแนะนำและข้อเสนอแนะเชิงสร้างสรรค์
การวิเคราะห์: เป็นการนิเทศการศึกษาที่แท้จริง เพราะ:
- พัฒนาคน: ครูได้เรียนรู้ทักษะใหม่และแลกเปลี่ยนประสบการณ์
- พัฒนางาน: การสอนมีประสิทธิภาพดีขึ้นจากการใช้สื่อดิจิทัล
- สร้างการประสานสัมพันธ์: ครูทำงานร่วมกันและสร้างเครือข่ายการเรียนรู้
- สร้างขวัญและกำลังใจ: ครูรู้สึกภาคภูมิใจในผลงานและได้รับการยอมรับ
กรณีศึกษาที่ 8: การตรวจแบบทดสอบและให้คะแนนแทนครู
สถานการณ์: ผู้นิเทศเข้าไปในห้องเรียนแล้วนำแบบทดสอบของนักเรียนไปตรวจให้คะแนนเอง โดยอ้างว่าต้องการตรวจสอบมาตรฐานการให้คะแนนของครู
การวิเคราะห์: เป็นการบริหารจัดการ ไม่ใช่การนิเทศ เพราะ:
- ไม่ได้ “พัฒนาคน” เนื่องจากไม่มีการสอนหรือพัฒนาทักษะการประเมินผลให้กับครู
- ไม่ได้ “พัฒนางาน” เพราะไม่มีการปรับปรุงวิธีการประเมินร่วมกัน
- ไม่เกิด “การประสานสัมพันธ์” เพราะเป็นการแทรกแซงการทำงานของครู
- ไม่ได้ “สร้างขวัญและกำลังใจ” เพราะทำให้ครูรู้สึกไม่ไว้วางใจและถูกดูถูก
กรณีศึกษาที่ 9: การนิเทศผ่านระบบออนไลน์แบบมีส่วนร่วม
สถานการณ์: ศึกษานิเทศก์ใช้แพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อติดตามการพัฒนาของครู โดยครูสามารถอัปโหลดวิดีโอการสอน แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และได้รับคำแนะนำแบบเรียลไทม์ มีการประเมินร่วมกันและวางแผนพัฒนาต่อ
การวิเคราะห์: เป็นการนิเทศการศึกษาในรูปแบบใหม่ เพราะ:
- พัฒนาคน: ครูได้รับการพัฒนาทั้งทักษะการสอนและทักษะดิจิทัล
- พัฒนางาน: การสอนปรับปรุงจากข้อเสนอแนะและการสะท้อนกลับ
- สร้างการประสานสัมพันธ์: เกิดชุมชนการเรียนรู้ออนไลน์ระหว่างครูและผู้นิเทศ
- สร้างขวัญและกำลังใจ: ครูรู้สึกได้รับการสนับสนุนและมีการยอมรับความก้าวหน้า
กรณีศึกษาที่ 10: การส่งใบสั่งการปรับปรุงการสอน
สถานการณ์: หลังจากเข้าสังเกตการสอน ผู้นิเทศส่งใบสั่งการให้ครูปรับปรุงการสอนตามรายการที่ระบุไว้ พร้อมกำหนดระยะเวลาให้ดำเนินการเสร็จ โดยไม่มีการหารือหรือให้คำปรึกษา
การวิเคราะห์: เป็นการบริหารแบบสั่งการ ไม่ใช่การนิเทศ เพราะ:
- ไม่ได้ “พัฒนาคน” เนื่องจากไม่มีการอธิบายเหตุผล หรือให้คำแนะนำในการพัฒนา
- ไม่ได้ “พัฒนางาน” เพราะไม่มีการวิเคราะห์ร่วมกันหรือหาทางออกที่เหมาะสม
- ไม่เกิด “การประสานสัมพันธ์” เพราะเป็นการสั่งการทางเดียว
- ไม่ได้ “สร้างขวัญและกำลังใจ” เพราะทำให้ครูรู้สึกถูกบังคับและไม่มีส่วนร่วม
กรณีศึกษาที่ 11: การวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนร่วมกัน
สถานการณ์: ศึกษานิเทศก์ร่วมกับครูดำเนินการวิจัยปฏิบัติการ (Action Research) เพื่อแก้ปัญหาการเรียนรู้ของนักเรียน โดยร่วมกันวางแผน ทดลองใช้วิธีการสอนใหม่ สังเกตผล วิเคราะห์ข้อมูล และปรับปรุงแนวทางต่อไป
การวิเคราะห์: เป็นการนิเทศการศึกษาระดับสูง เพราะ:
- พัฒนาคน: ครูพัฒนาทักษะการวิจัยและการสะท้อนกลับการปฏิบัติ
- พัฒนางาน: การสอนได้รับการปรับปรุงอย่างเป็นระบบจากหลักฐานเชิงประจักษ์
- สร้างการประสานสัมพันธ์: ความร่วมมือที่แน่นแฟ้นในการแก้ปัญหาและพัฒนา
- สร้างขวัญและกำลังใจ: ครูรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความรู้และนวัตกรรม
กรณีศึกษาที่ 12: การตรวจสอบเอกสารการสอนแบบเน้นรายละเอียด
สถานการณ์: ผู้นิเทศตรวจสอบแผนการสอน ใบงาน และเอกสารประกอบการสอนของครูอย่างละเอียด โดยชี้ข้อผิดพลาดทางไวยากรณ์ รูปแบบ และรายละเอียดปลีกย่อย แต่ไม่ได้สนใจเนื้อหาหรือวิธีการสอน
การวิเคราะห์: เป็นการตรวจสอบเอกสาร ไม่ใช่การนิเทศ เพราะ:
- ไม่ได้ “พัฒนาคน” เนื่องจากเน้นการแก้ไขข้อผิดพลาดมากกว่าการพัฒนาความสามารถ
- ไม่ได้ “พัฒนางาน” เพราะไม่ได้ช่วยปรับปรุงคุณภาพการเรียนการสอน
- ไม่เกิด “การประสานสัมพันธ์” เพราะเป็นการวิจารณ์ในแง่ลบ
- ไม่ได้ “สร้างขวัญและกำลังใจ” เพราะทำให้ครูรู้สึกท้อแท้และไม่มั่นใจ
จุดมุ่งหมายของการนิเทศการศึกษาตามระเบียบราชการ
เปรียบเทียบระเบียบอดีตและปัจจุบัน
การพัฒนาจุดมุ่งหมายของการนิเทศการศึกษาในระเบียบราชการแสดงให้เห็นการเปลี่ยนแปลงตามยุคสมัย
หัวข้อ | พ.ศ. 2519 (อดีต) | พ.ศ. 2562-ปัจจุบัน |
ลักษณะการนิเทศ | เน้นการควบคุมและตรวจสอบ | เน้นการพัฒนาและสนับสนุน |
เป้าหมายหลัก | การปฏิบัติตามหลักสูตรที่กำหนด | การพัฒนาศักยภาพครูและคุณภาพการเรียนรู้ |
การมีส่วนร่วม | บทบาทครูเป็นผู้รับการนิเทศ | การทำงานร่วมกันแบบมีส่วนร่วม |
การใช้เทคโนโลยี | ไม่มีการระบุ | เน้นการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรม |
การประเมิน | เน้นการประเมินผลลัพธ์ | เน้นการประเมินกระบวนการและพัฒนาต่อเนื่อง |
จุดมุ่งหมายตามระเบียบ พ.ศ. 2519
ตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยศึกษานิเทศก์ พ.ศ. 2519 ได้กำหนดจุดมุ่งหมายไว้ 5 ประการ
- เพื่อช่วยให้ครูดำเนินการสอนตามหลักสูตร และให้ได้ผลตามที่กำหนดไว้ในหลักสูตร
- เพื่อให้ครูได้ตระหนักถึงปัญหาเกี่ยวกับการเรียนการสอน และการจัดการศึกษา ทั้งให้สามารถแก้ปัญหาเหล่านั้นได้ เพื่อก่อให้เกิดผลดีต่อการศึกษาของนักเรียน
- เพื่อพัฒนาหลักสูตรและการเรียนการสอน ให้มีประสิทธิภาพสอดคล้องกับความต้องการและความจำเป็น
- เพื่อรักษา พิจารณา ส่งเสริม ควบคุมคุณภาพและมาตรฐานการศึกษา ในทุกระดับ
- เพื่อให้ความช่วยเหลือและประสานงานในทางวิชาการ แก่กรมเจ้าสังกัด กระทรวง และสถานศึกษา หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนงานองค์การระหว่างประเทศ
จุดมุ่งหมายในยุคปัจจุบัน (พ.ศ. 2562-ปัจจุบัน)
ตามนโยบายและจุดเน้นของกระทรวงศึกษาธิการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568-2569 และนโยบายที่ผ่านมา การนิเทศการศึกษาในปัจจุบันมีจุดมุ่งหมายที่เปลี่ยนแปลงไป ดังนี้
- การพัฒนาสมรรถนะครูด้านเทคโนโลยีดิจิทัล ตามกรอบระดับสมรรถนะดิจิทัล (Digital Competency)
- การส่งเสริมการใช้ระบบการประเมินดิจิทัล โดยใช้ระบบ Digital Performance Appraisal (DPA)
- การพัฒนาครูให้เป็นผู้วางแผนเส้นทางการเรียนรู้ ตามความสนใจและความถนัดของผู้เรียน
- การลดภาระครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยมุ่งผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนเป็นสำคัญ
- การส่งเสริมการวัดสมรรถนะครูด้านการวัดและประเมินผล เพื่อนำผลไปใช้ในการพัฒนา
ตัวอย่างการแยกแยะการนิเทศและการบริหาร
เปรียบเทียบแนวทางอดีตและปัจจุบัน
ประเด็น | อดีต (พ.ศ. 2519-2550) | ปัจจุบัน (พ.ศ. 2551-ปัจจุบัน) |
วิธีการเข้าชั้นเรียน | เข้าตรวจสอบโดยไม่แจ้งล่วงหน้า | นัดหมายและวางแผนร่วมกัน |
การให้ข้อมูลย้อนกลับ | รายงานข้อบกพร่องต่อผู้บังคับบัญชา | ให้คำแนะนำและหาแนวทางแก้ไขร่วมกัน |
การติดตาม | ตรวจสอบการปฏิบัติตามคำสั่ง | ติดตามผลการพัฒนาและให้การสนับสนุน |
การประเมิน | ประเมินเพื่อการควบคุม | ประเมินเพื่อการพัฒนา |
ตารางเปรียบเทียบการนิเทศและการบริหาร
กรณีศึกษา | ลักษณะการปฏิบัติ | ประเภท | พัฒนาคน | พัฒนางาน | ประสานสัมพันธ์ | สร้างขวัญ | เหตุผล |
1. รายงานความประพฤติไม่เหมาะสม | ผู้นิเทศรายงานครูที่ประพฤติไม่เหมาะสมต่อผู้บังคับบัญชา | xการบริหาร | x | x | x | x | ไม่มีการพัฒนาหรือให้คำแนะนำ |
2. การตรวจตราแบบไม่แจ้งล่วงหน้า | ผู้บริหารเดินตรวจสอบการทำงานโดยไม่พูดคุย | xการบริหาร | x | x | x | x | เป็นการตรวจสอบควบคุม |
3. การนิเทศในยุคดิจิทัล | ใช้ระบบ DPA ประเมินและวางแผนพัฒนาร่วมกัน | การนิเทศ | / | / | / | / | มีการพัฒนาอย่างเป็นระบบ |
4. การตรวจสอบผลทดสอบ | ตรวจสอบผลการทดสอบโดยไม่หารือแนวทางแก้ไข | xการบริหาร | x | x | x | x | เป็นการตรวจสอบผลลัพธ์เพียงอย่างเดียว |
5. การประชุมแจ้งนโยบาย | เรียกประชุมครูเพื่อสั่งให้ปฏิบัติตามนโยบายใหม่ | xการบริหาร | x | x | x | x | เป็นการสั่งการทางเดียว |
6. การใช้กล้องวงจรปิด | ติดตั้งกล้องเพื่อดูการสอนผ่านจอมอนิเตอร์ | xการบริหาร | x | x | x | x | เป็นการเฝ้าระวังไม่ใช่พัฒนา |
7. การจัดเวิร์กช็อป | จัดการอบรมเพื่อแลกเปลี่ยนและพัฒนาทักษะ | การนิเทศ | / | / | / | / | มีการเรียนรู้และพัฒนาร่วมกัน |
8. การตรวจแบบทดสอบแทนครู | นำแบบทดสอบไปตรวจให้คะแนนเองเพื่อตรวจสอบมาตรฐาน | xการบริหาร | x | x | x | x | เป็นการแทรกแซงงานครู |
9. การนิเทศออนไลน์ | ใช้แพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อติดตามและให้คำแนะนำ | การนิเทศ | / | / | / | / | สร้างชุมชนการเรียนรู้ |
10. การส่งใบสั่งการ | ส่งใบสั่งการให้ปรับปรุงการสอนโดยไม่หารือ | xการบริหาร | x | x | x | x | เป็นการบังคับไม่ใช่พัฒนา |
11. การวิจัยปฏิบัติการ | ร่วมกันทำวิจัยเพื่อแก้ปัญหาการเรียนการสอน | การนิเทศ | / | / | / | / | สร้างความรู้และนวัตกรรมร่วมกัน |
12. การตรวจเอกสาร | ตรวจสอบเอกสารการสอนโดยเน้นรายละเอียดปลีกย่อย | xการบริหาร | x | x | x | x | เน้นความผิดพลาดมากกว่าการพัฒนา |
สรุปลักษณะเด่นของแต่ละประเภท
ลักษณะ | การนิเทศการศึกษา | การบริหารการศึกษา |
วัตถุประสงค์ | พัฒนาและปรับปรุง | ควบคุมและตรวจสอบ |
กระบวนการ | มีส่วนร่วมและสื่อสารสองทาง | สั่งการและควบคุมทางเดียว |
ความสัมพันธ์ | เป็นหุ้นส่วนการเรียนรู้ | เป็นผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชา |
การให้ข้อมูลย้อนกลับ | เชิงสร้างสรรค์และสนับสนุน | เชิงวิจารณ์และชี้ข้อผิดพลาด |
การติดตาม | ติดตามการพัฒนาและให้การสนับสนุน | ติดตามการปฏิบัติตามคำสั่ง |
ผลลัพธ์ | การเรียนรู้และการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง | การปฏิบัติตามระเบียบและข้อกำหนด |
บรรยากาศ | เปิดกว้าง ไว้วางใจ และสร้างสรรค์ | เป็นทางการ เครียดตึงเครียด และกดดัน |
การแก้ปัญหา | ร่วมกันวิเคราะห์และหาทางออก | สั่งการให้แก้ไขตามที่กำหนด |
ตัวชี้วัดการนิเทศ และการบริหาร
ตัวชี้วัด | การนิเทศ | การบริหาร |
การมีส่วนร่วม | ครูมีส่วนร่วมในการวางแผนและตัดสินใจ | ครูเป็นผู้รับคำสั่งและปฏิบัติตาม |
การสื่อสาร | สื่อสารสองทาง มีการแลกเปลี่ยน | สื่อสารทางเดียว จากบนลงล่าง |
จุดเน้น | เน้นกระบวนการและการพัฒนา | เน้นผลลัพธ์และการควบคุม |
เวลา | ใช้เวลาต่อเนื่องและเป็นระบบ | ใช้เวลาตามจำนวนครั้งที่กำหนด |
เครื่องมือ | ใช้เครื่องมือหลากหลายเพื่อการพัฒนา | ใช้เครื่องมือเพื่อการตรวจสอบและควบคุม |
การประเมิน | ประเมินเพื่อการพัฒนา (Formative) | ประเมินเพื่อการตัดสิน (Summative) |
จุดมุ่งหมายของการนิเทศการศึกษาในอนาคต
แนวโน้มการพัฒนาการนิเทศในยุคดิจิทัล
ในยุคที่เทคโนโลยี AI และการศึกษา 4.0 กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในการศึกษา จุดมุ่งหมายของการนิเทศการศึกษาในอนาคตควรมีการปรับเปลี่ยนดังนี้
1. การนิเทศที่ขับเคลื่อนด้วย AI และข้อมูล
- การวิเคราะห์ข้อมูลการเรียนรู้แบบเรียลไทม์ เพื่อให้คำแนะนำที่เฉพาะเจาะจง
- การใช้ AI ในการติดตามและประเมินผลการพัฒนา ของครูและนักเรียน
- การปรับแต่งการนิเทศตามข้อมูลเฉพาะบุคคล (Personalized Supervision)
2. การนิเทศแบบปรับเหมาะ (Adaptive Supervision)
การใช้เทคโนโลยี AI ในการปรับเหมาะการเรียนการสอน จะส่งผลต่อการนิเทศที่ต้อง:
- ปรับรูปแบบการนิเทศตามความต้องการของแต่ละครู
- ให้การสนับสนุนที่เหมาะสมกับระดับพัฒนาการของครู
- สร้างเส้นทางการพัฒนาที่เฉพาะเจาะจง
3. การนิเทศในระบบนิเวศการเรียนรู้ดิจิทัล
- การนิเทศผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์และระบบคลาวด์
- การสร้างชุมชนการเรียนรู้ออนไลน์ระหว่างครูและผู้นิเทศ
- การใช้เครื่องมือดิจิทัลในการติดตามและประเมินผล
4. การนิเทศเพื่อการพัฒนาทักษะแห่งอนาคต
ตามรายงานของ World Economic Forum เรื่องการสร้างอนาคตของการเรียนรู้ การนิเทศต้องมุ่งเน้น:
- การพัฒนาทักษะดิจิทัลและการใช้ AI ของครู
- การส่งเสริมการคิดเชิงวิพากษ์และการแก้ปัญหา
- การพัฒนาทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิต
5. การนิเทศเพื่อความเท่าเทียมและการเข้าถึง
AI จะช่วยลดช่องว่างระหว่างความสามารถการเรียนรู้และภูมิหลัง การนิเทศต้อง:
- ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ
- สนับสนุนการเข้าถึงการศึกษาสำหรับทุกกลุ่ม
- พัฒนาความสามารถในการใช้เทคโนโลยีช่วยเหลือ
จุดมุ่งหมายที่ควรเป็นในอนาคต
จากแนวโน้มการพัฒนาข้างต้น จุดมุ่งหมายของการนิเทศการศึกษาในอนาคตควรเป็น:
- เพื่อพัฒนาคนในยุคดิจิทัล – การพัฒนาครูให้มีสมรรถนะดิจิทัลและสามารถใช้ AI เป็นเครื่องมือในการสอน
- เพื่อพัฒนางานด้วยนวัตกรรม – การสร้างนวัตกรรมการเรียนการสอนที่ใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสม
- เพื่อสร้างการประสานสัมพันธ์ในโลกดิจิทัล – การสร้างเครือข่ายการเรียนรู้และการทำงานร่วมกันผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล
- เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจผ่านการยอมรับความหลากหลาย – การส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาที่เคารพในความแตกต่างและความสามารถเฉพาะบุคคล
- เพื่อสร้างความยั่งยืนและการเรียนรู้ตลอดชีวิต – การส่งเสริมให้ครูและนักเรียนมีความสามารถในการเรียนรู้และปรับตัวอย่างต่อเนื่อง
บทสรุป
จุดมุ่งหมายของการนิเทศการศึกษาทั้ง 4 ประการ คือ การพัฒนาคน การพัฒนางาน การสร้างการประสานสัมพันธ์ และการสร้างขวัญและกำลังใจ เป็นหลักการสำคัญที่ผู้นิเทศทุกคนต้องเข้าใจและนำไปปฏิบัติ การขาดจุดมุ่งหมายประการใดประการหนึ่งจะทำให้การนิเทศไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้
การเข้าใจจุดมุ่งหมายเหล่านี้จะช่วยให้ผู้นิเทศสามารถแยกแยะได้ว่าการดำเนินงานใดเป็น “การนิเทศ” และการดำเนินงานใดเป็น “การบริหาร” ซึ่งจะนำไปสู่การปฏิบัติงานที่มีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษา
ดร.อนุศร หงษ์ขุนทด
ศึกษานิเทศก์ วิทยฐานะศึกษานิเทศก์เชี่ยวชาญ
4 มิถุนายน 2568
แหล่งอ้างอิง
แหล่งข้อมูลหลัก:
- สงัด อุทรานันท์. (2530). การนิเทศการศึกษา หลักการ ทฤษฎี และปฏิบัติ (ฉบับปรับปรุงเพิ่มเติม). กรุงเทพมหานคร. โรงพิมพ์มิตรสยาม.
เอกสารราชการ:
- กรมสามัญศึกษา, หน่วยศึกษานิเทศก์. (2519). ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยศึกษานิเทศก์ พ.ศ. 2519. กระทรวงศึกษาธิการ.
- กระทรวงศึกษาธิการ. (2567). ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง นโยบายการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568-2569. ราชกิจจานุเบกษา.
- สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2567). นโยบายและจุดเน้นของกระทรวงศึกษาธิการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567.
แหล่งข้อมูลเกี่ยวกับการศึกษาในอนาคต:
- สำนักเทคโนโลยีการศึกษา มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. (2567). เทคโนโลยี AI เปลี่ยนโฉมหน้าการศึกษา: 5 โปรแกรม AI ที่ควรจับตามอง.
- สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. (2565). แผนปฏิบัติการด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (พ.ศ. 2565 – 2570). AI Thailand.
- World Economic Forum. (2024). The Future of Learning: The Role of AI in Education 4.0. WEF Report.
- วารสารวิชาการจินตาสิทธิ์. (2566). การใช้เทคโนโลยี AI ในการเรียนการสอนแบบปรับเหมาะ (Adaptive Learning).
Comments
comments
Powered by Facebook Comments