fbpx
Digital Learning Classroom
ความรู้ทั่วไปบทความ

แนวดนตรี SOUL & FUNK

แชร์เรื่องนี้

ดนตรีโซล เป็นรากฐานของดนตรีหลายๆ แนว ซึ่งมันอาจอธิบายถึงความหมายของคำว่า “วิญญาณ” ได้เป็นอย่างดี เพราะ”ดนตรีโซล” มีความโดดเด่นของดนตรีที่เน้นไปทางเสียงร้อง และเอื้อน อย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของคนผิวดำ อาจกล่าวได้ว่าไม่มีชนชาติใดในโลกเลียนแบบได้กันเลยทีเดียว

ไม่เพียงแค่เอกลักษณ์ที่โดดเด่นในเรื่องของเสียงร้องเพียงเท่านั้น เนื้อหาที่มีความโดดเด่นไม่แพ้กัน ก็จะถูกตีแผ่ถึงความลำบากในการใช้ชีวิต จากการที่ได้ตกเป็นทาสผู้รับใช้สูญเสีย ความเป็นอิสระภาพ ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจที่ เสียงร้องจะมีความเศร้า คล้ายๆ กับการคร่ำครวญอย่างเจ็บปวดที่มาจากก้นบึ้งของจิตใจ

ในส่วนของการเล่นเครื่องดนตรีจะไม่ค่อยมีบทบาทที่โดดเด่นที่หวือหวามากนัก สำหรับการเล่น “ดนตรีโซล” ไม่ว่าจะเป็น กีตาร์ เปียโน หรือเครื่องเป่า ความโดดเด่นที่ปรากฏชัด ฟังแล้วรู้ได้ทันทีว่านี่คือ “ดนตรีโซล”  ก็คือ เป็นดนตรีที่คนผิวดำใช้ร้องเพลงกันในโบสถ์แนวทางแบบการประสานเสียงร้องกัน หรือที่เราๆ เรียกกันติดปากว่า “Acapella” เช่น ดนตรีของ Marvin Gaye หรือ Diana Ross เป็นต้น

Marvin Gaye ” What’s Going On ” Live 1972

Diana Ross – Love Hangover, Live on The Midnight Special 1976

ใน วิกิพีเดีย ยังให้ความหมายว่า ดนตรีโซล (Soul music) เป็นแนวเพลงประเภทหนึ่งที่รวมกันระหว่าง  “อาร์แอนด์บี” และ “กอสเปล” ดนตรีแนวนี้ถือกำเนิดในประเทศสหรัฐอเมริกา จากร็อกแอนด์โรลฮอลล์ออฟเฟม ดนตรีโซลมีความหมายว่า “ดนตรีที่เกิดขึ้นโดยคนผิวสี ในอเมริกา ที่เปลี่ยนรูปจากกอสเปลและอาร์แอนด์บี ในจังหวะที่สนุกสนาน โดยไม่มีเนื้อหาเกี่ยวกับทางศาสนา”

ในเวลาต่อมาแนวทางของดนตรีก็ได้ถูกพัฒนาขึ้น โดยมีการนำเอา “ดนตรีโซล” ไปผสมผสานกับเครื่องดนตรีชิ้นอื่นๆ นอกเหนือจากเสียงร้องที่มีความโดดเด่นอยู่ก่อนแล้ว โดยเฉพาะการเน้นไปที่ กีตาร์ กลอง และ “แนวทางการเล่นเบส” ที่มีเทคนิคการเล่นตัวโน้ตในคอร์ดอันโดดเด่นเป็นอย่างมาก ทำให้จังหวะมีความเด่นชัด และลื่นไหลของบทเพลง ส่งผลให้เกิดการสร้างอารมณ์ให้ผู้ฟังได้โยกหัวและเต้นตามในทันทีที่ได้ฟังกันเลยทีเดียว ต่อมาเหล่านักดนตรีทั้งหลายต่างเรียกมันว่า “ดนตรี ฟังก์ (Funk)” หรือ “โซล-ฟังก์ (SOUL & FUNK)” นั้นเอง

อัษฎา อาทรไผท ได้กล่าวถึง คำว่า ฟังก์ (funk) จริงๆ คือ ศัพท์สแลงที่ชาวผิวดำเอาไว้เรียก “กลิ่นกายที่โชยออกมาระหว่างการร่วมเพศ” แต่ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใดมันจึงกลายมาเป็นชื่อแนวดนตรีนี้ได้ หากจะให้วิเคราะห์แล้ว การนำคำว่า ฟังก์ (funk) มาใช้เป็นชื่อแนวดนตรีนั้น น่าจะให้นิยามง่ายๆ ว่า เป็นดนตรีที่มีลักษณะเฉกเช่นเดียวกับความหมายของคำว่า ฟังก์ (funk) นั่นก็คือ “ดิบ ปนสนุก ปนกระตุก ปนเซ็กซี่ มีจังหวะ” ซึ่งนี่ก็เป็นเอกลักษณ์ของดนตรีพี่มืด มาจนถึงแนว disco และ hip hop ที่ล้วนพัฒนามาจาก funk กันทั้งนั้น

ในด้านของศิลปินที่มีความโดเด่นในแนวนี้ได้แก่อย่าง James Brown , Stevie Wonder , Mariah Carey เป็นต้น

James Brown – I Feel Good

Stevie Wonder – Superstition @ live

Mariah Carey – Fantasy

สรุปได้ว่า ดนตรีแนว “โซล-ฟังก์ (SOUL & FUNK)” มีรากฐานมาจากดนตรีหลายๆ แนว โดยมีความโดดเด่นของดนตรีที่เน้นไปทางเสียงร้อง และเอื้อนอย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของคนผิวดำ อีกทั้งยังมีการนำเอาไปผสมผสานกับ กีตาร์ กลอง โดยเฉพาะ “แนวทางการเล่นเบส” ที่มีเทคนิคการเล่นตัวโน้ตในคอร์ดโดดเด่นเป็นอย่างมาก เพื่อให้จังหวะมีความเด่นชัด กระชับ และลื่นไหล สร้างอารมณ์ให้ผู้ฟังได้เต้นตาม มีลักษณะตามความหมายของคำว่า ฟังก์ (funk) นั่นก็คือ “ดิบ ปนสนุก ปนกระตุก ปนเซ็กซี่ มีจังหวะ” ซึ่งนี่ก็ถือเป็นเอกลักษณ์ของดนตรีที่โดดเด่น ซึ่งต่อมาเหล่านักดนตรีต่างเรียกมันว่า “ดนตรี ฟังก์ (Funk)” หรือ “โซล-ฟังก์ (SOUL & FUNK)” นั้นเอง

แถมอีกนิด “ดนตรี ฟังก์ (Funk)” หรือ “โซล-ฟังก์ (SOUL & FUNK)” ถ้าไม่พูดถึงวงนี้คงไม่ได้ ผู้เขียนอยากนำเสนอครับ นั้นก็คือ   วงเอิร์ธ, วินด์แอนด์ไฟร์ (Earth, Wind & Fire) ที่เป็นตัวแทนที่สื่อถึงแนว “โซล-ฟังก์ (SOUL & FUNK)” ได้ชัดเจนที่สุดในมุมมองของผู้เขียน

ใน วิกิพีเดีย กล่าวถึง วงเอิร์ธ, วินด์แอนด์ไฟร์ (Earth, Wind & Fire) เป็นวงอเมริกันแนวโซลฟังก์ ดิสโก้ อาร์แอนด์บี มีผลงานมาตั้งต้นยุค70’s ถึงต้นยุค80’s ก่อตั้งวงในชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ ในปี ค.ศ. 1970 โดยมีนักร้องนำที่ไม่เคยเปลี่ยนเลยคือ เมอริซ ไวต์ (Maurice White) โดดเด่นมากๆ ในเพลงเร็วมีจังหวะสนุกสนานมากๆ วงนี้มีเพลงฮิตติดชาร์ตหลายเพลง

เป็นวงที่ได้รับ 10 รางวัลแกรมมี่และ 4 รางวัลอเมริกันมิวสิกอวอร์ดส การันตีด้วยการมีชื่ออยู่ทั้งใน “ร็อกแอนด์โรลฮอลออฟเฟม” และ “โวคอลกรุปฮอลออฟเฟม มียอดขายอัลบั้มมากกว่า 90 ล้านชุดทั่วโลก และยังติดอันดับศิลปินดนตรีที่มียอดขายมากที่สุด อันดับ 17 ของรายชื่อวงอเมริกาที่มียอดขายดีที่สุดตลอดกาล ในปี ค.ศ. 1998 วีเอชวันให้พวกเขาติดอันดับ 60 ในหัวข้อ 100 ศิลปินที่ยอดเยี่ยมที่สุดในร็อกแอนด์โรล

แนวเพลงของวงโดดเด่นมากๆ โดยมีองค์ประกอบของ “เพลงแอฟริกัน”  “ละตินอเมริกา”  “ฟังก์” “โซล”  “ป็อปร็อก” “แจ๊ซ” และแนวเพลงอื่น  ที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้ นั้นก็ คือ สีสันจากในส่วนของดนตรีที่มีชีวิตชีวามากๆ นั้นก็คือ “เครื่องเป่า” นั้นเอง

รวมถึงความแตกต่างและโดดเด่นของโทนเสียงร้องฟอลเซตโตจาก “ฟิลลิป ไบลีย์” และโทนเสียงร้องเทเนอร์ของ “เมอริซ ไวต์” ที่มีความกลมกลืนกันได้เป็นอย่างดี ฟังกี่ครั้งก็ไม่อาจลืมเลือน และทางวงยังมีการใช้ “เครื่องดนตรีคาลิมบา” ในทุกอัลบั้มของวงอีกด้วย จึงไม่ต้องแปลกใจที่วงนี้ยังอยู่ยั้งยืนยงมากกว่า 40 ปี จนถึงทุกวันนี้ครับ

Earth, Wind & Fire – September

แถมอีกเพลงก่อนจากกันในบทความนี้ครับ โดยเพลงนี้ออกปี1979 อันดับ2 บิลบอร์ดชาร์ต อันดับ4 UKชาร์ตครับน่าสนใจมากๆ ครับ

Earth, Wind & Fire – After The Love Has Gone (From “Live In Japan”)

 

 

Comments

comments

Powered by Facebook Comments

ติดต่อ ดร.อนุศร หงษ์ขุนทด
error: Content is protected !!