Digital Learning Classroom
ความรู้ทั่วไป

การบูรณาการระบบบริหารสถานศึกษา เพื่อพัฒนาทักษะการอ่าน การเขียนที่ตอบโจทย์การทดสอบ PISA

แชร์เรื่องนี้

การบริหารสถานศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนของผู้เรียน

บทบาทผู้บริหารในการส่งเสริมและพัฒนาครูเพื่อยกระดับการเรียนรู้

จากการบรรยาย “AI for Education: การเสริมสร้างสมรรถนะการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการบริหารจัดการและการส่งเสริมการอ่านการเขียน” สามารถสรุปแนวทางการบริหารสถานศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนของผู้เรียน ดังนี้

1. ด้านการบริหารวิชาการและความเป็นผู้นำทางวิชาการ (6 ข้อ)

1.1 การพัฒนามาตรฐานการเรียนรู้

  • วางแผน ตรวจสอบ ทบทวน จัดทำ และพัฒนาหลักสูตร
  • ประสานงานวิชาการและนำหลักสูตรไปใช้ให้ผู้เรียนได้พัฒนาสมรรถนะ
  • มุ่งพัฒนาการเรียนรู้เต็มตามศักยภาพของผู้เรียน

1.2 การพัฒนาการจัดการเรียนรู้

  • ปฏิบัติการสอน พัฒนากระบวนการจัดการเรียนรู้
  • วัดและประเมินผลการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
  • มุ่งพัฒนาสมรรถนะ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และความพร้อมในการดำรงชีวิตปัจจุบันและอนาคต

1.3 การส่งเสริมนวัตกรรมและเทคโนโลยี

  • ส่งเสริม สนับสนุน การพัฒนา และการนำสื่อ นวัตกรรม และเทคโนโลยีทางการศึกษามาใช้
  • พัฒนาผู้เรียนให้มีทักษะการคิดและสร้างนวัตกรรมได้

1.4 การนิเทศและประเมินผล

  • นิเทศ กำกับ ติดตาม และประเมินผลการจัดการเรียนรู้ของครู
  • ส่งเสริมกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางวิชาชีพ
  • สร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ

1.5 การวิจัยเพื่อพัฒนา

  • ศึกษา วิเคราะห์ สังเคราะห์ และวิจัยเพื่อแก้ปัญหาและพัฒนา
  • ยกระดับคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา

1.6 การประกันคุณภาพการศึกษา

  • จัดให้มีระบบการประกันคุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษา
  • ปรับปรุงและพัฒนาคุณภาพการศึกษาอย่างต่อเนื่อง

2. ด้านการบริหารจัดการสถานศึกษา (5 ข้อ)

2.1 การบริหารบุคลากร

  • บังคับบัญชาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
  • บริหารกิจการของสถานศึกษาให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และข้อบังคับ

2.2 การบริหารทรัพยากร

  • บริหารงานบุคคล บริหารงบประมาณ และบริหารทั่วไปของสถานศึกษา
  • ดำเนินการตามหลักบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี

2.3 การพัฒนาทักษะและสมรรถนะบุคลากร

  • ส่งเสริมและพัฒนาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาให้มีสมรรถนะเต็มตามศักยภาพ
  • เน้นทักษะการใช้ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ หรือภาษาต่างประเทศอื่น
  • พัฒนาทักษะการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลด้วยวิธีการต่าง ๆ อย่างเหมาะสม

2.4 การพัฒนาผู้เรียน

  • บริหารกิจการผู้เรียน จัดกิจกรรมส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียน
  • พัฒนาให้ผู้เรียนมีสมรรถนะและคุณลักษณะอันพึงประสงค์

2.5 ระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน

  • จัดระบบดูแลช่วยเหลือผู้เรียน เพื่อแก้ปัญหาและพัฒนาผู้เรียน
  • สร้างโอกาสและความเสมอภาคทางการศึกษา ลดความเหลื่อมล้ำ

3. ด้านการบริหารการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์และนวัตกรรม (4 ข้อ)

3.1 การกำหนดนโยบายและแผนกลยุทธ์

  • กำหนดนโยบาย แผน กลยุทธ์ในการพัฒนาสถานศึกษาร่วมกับครู คณะกรรมการสถานศึกษา ผู้ปกครอง ชุมชน และเครือข่าย
  • ใช้ข้อมูลเชิงประจักษ์เป็นฐานในการพัฒนาสถานศึกษาและคุณภาพผู้เรียน

3.2 การนำนโยบายสู่การปฏิบัติ

  • นำนโยบาย แผน กลยุทธ์ในการพัฒนาสถานศึกษาไปปฏิบัติ
  • ส่งเสริม สนับสนุน กำกับ และติดตามให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามแผนที่กำหนด

3.3 การนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้

  • สร้างหรือนำนวัตกรรม เทคโนโลยีดิจิทัล มาใช้ในการพัฒนาสถานศึกษาและผู้เรียน
  • ส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้เรียนมีสมรรถนะและสามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีคุณภาพในอนาคต

3.4 การสร้างการมีส่วนร่วมและทำงานเป็นทีม

  • สร้างการมีส่วนร่วม การทำงานเป็นทีม ในการบริหารการเปลี่ยนแปลงและนวัตกรรม
  • พัฒนาสถานศึกษาอย่างยั่งยืน

การบูรณาการระบบบริหารเพื่อพัฒนาทักษะการอ่าน การเขียนที่ตอบโจทย์การทดสอบ PISA

การบูรณาการทั้ง 3 ด้านของการบริหารสถานศึกษาเข้าด้วยกันอย่างเป็นระบบ จะช่วยยกระดับทักษะการอ่านและการเขียนของผู้เรียนให้สอดคล้องกับการทดสอบตามแนวทาง PISA ซึ่งเน้นการประเมินสมรรถนะการรู้เรื่องการอ่าน (Reading Literacy) ที่มุ่งวัดความสามารถในการทำความเข้าใจ การประเมินและสะท้อนสาระของข้อความ และการนำความรู้ไปใช้ในบริบทที่หลากหลาย

การเชื่อมโยงระบบบริหารเพื่อรองรับการประเมิน PISA

1. การวางรากฐานเชิงนโยบายและกลยุทธ์ (เชื่อมโยงด้านที่ 3)

  • กำหนดนโยบายและเป้าหมายที่ชัดเจนโดยใช้ผลการทดสอบ PISA เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดสำคัญ
  • จัดทำแผนกลยุทธ์ร่วมกับทุกภาคส่วนโดยศึกษาจากกรอบการประเมิน PISA
  • กำหนดเป้าหมายระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาวในการพัฒนาสมรรถนะด้านการอ่านเขียนตามแนว PISA
  • ใช้ข้อมูลเชิงประจักษ์จากผลการประเมินระดับชาติและนานาชาติมาวิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อนของผู้เรียน

2. การพัฒนาระบบวิชาการรองรับ PISA (เชื่อมโยงด้านที่ 1)

  • ปรับหลักสูตรสถานศึกษาให้มุ่งเน้นพัฒนาสมรรถนะด้านการอ่านตามกรอบ PISA ซึ่งครอบคลุม:
    • การเข้าถึงและค้นคืนสาระ (Access and Retrieve)
    • การบูรณาการและตีความ (Integrate and Interpret)
    • การสะท้อนและประเมิน (Reflect and Evaluate)
  • พัฒนากระบวนการเรียนรู้แบบ Active Learning ที่ฝึกทักษะการคิดวิเคราะห์ ประเมินค่า
  • ออกแบบการวัดและประเมินผลให้สอดคล้องกับรูปแบบข้อสอบ PISA ที่เน้นการประยุกต์ใช้ความรู้
  • จัดทำคลังข้อสอบและแบบฝึกตามแนว PISA สำหรับใช้ในการเรียนการสอนและการประเมิน
  • นิเทศ กำกับติดตามการจัดการเรียนรู้ที่พัฒนาสมรรถนะตามแนว PISA อย่างเป็นระบบ

3. การจัดการทรัพยากรและพัฒนาบุคลากร (เชื่อมโยงด้านที่ 2)

  • พัฒนาครูทุกกลุ่มสาระให้เข้าใจกรอบการประเมิน PISA และสามารถจัดการเรียนรู้ที่พัฒนาสมรรถนะได้
  • ส่งเสริมทักษะครูด้านการออกแบบการเรียนรู้และการวัดประเมินผลตามแนว PISA
  • สร้างชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) เพื่อพัฒนาการสอนที่เสริมสร้างสมรรถนะการอ่านเขียน
  • จัดสรรทรัพยากรและงบประมาณสนับสนุนการพัฒนาสื่อ นวัตกรรม และแหล่งเรียนรู้
  • บริหารจัดการโครงสร้างเวลาเรียนให้เอื้อต่อการพัฒนาทักษะการอ่านเขียนอย่างเข้มข้น

4. การนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาบูรณาการ (เชื่อมโยงทั้ง 3 ด้าน)

  • ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและ AI ในการพัฒนาทักษะการอ่านเขียนแบบรายบุคคล
  • สร้างแพลตฟอร์มการเรียนรู้ออนไลน์ที่ฝึกทักษะการอ่านในรูปแบบที่หลากหลาย
  • พัฒนา Digital Content ที่มีลักษณะคล้ายข้อสอบ PISA สำหรับการฝึกฝน
  • ใช้ระบบการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) ติดตามความก้าวหน้าและชี้จุดที่ต้องพัฒนา
  • สร้างนวัตกรรมการสอนที่เน้นการพัฒนาสมรรถนะการรู้เรื่องการอ่านในชีวิตจริง

5. การสร้างความร่วมมือและเครือข่าย (เชื่อมโยงด้านที่ 2 และ 3)

  • สร้างความร่วมมือกับผู้ปกครองให้ส่งเสริมนิสัยรักการอ่านที่บ้าน
  • ประสานงานกับหน่วยงานภายนอกและชุมชนในการสร้างสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมการอ่าน
  • แลกเปลี่ยนเรียนรู้และสร้างเครือข่ายกับโรงเรียนที่มีผลการพัฒนาที่ดี
  • จัดทำโครงการร่วมกับหน่วยงานระดับนโยบายในการยกระดับผลการประเมิน PISA
  • เปิดโอกาสให้ผู้เชี่ยวชาญทั้งในและต่างประเทศมาแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์

6. การสร้างระบบประกันคุณภาพและประเมินผล (เชื่อมโยงด้านที่ 1 และ 3)

  • กำหนดให้ทักษะการอ่านเขียนตามแนว PISA เป็นตัวชี้วัดสำคัญในระบบประกันคุณภาพ
  • ดำเนินการทดสอบประเมินภายในที่สอดคล้องกับกรอบการประเมิน PISA อย่างสม่ำเสมอ
  • ใช้ผลการประเมินมาปรับปรุงกระบวนการจัดการเรียนรู้อย่างเป็นระบบ
  • สร้างวัฒนธรรมการใช้ผลการประเมินเพื่อการพัฒนา (Assessment for Learning)
  • จัดทำรายงานการพัฒนาทักษะการอ่านเขียนที่สะท้อนผลตามกรอบ PISA อย่างต่อเนื่อง

การเชื่อมโยงการบริหารทั้งสามด้านเข้าด้วยกันอย่างเป็นระบบและครบวงจร จะช่วยยกระดับคุณภาพการสอนอ่านเขียนให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ส่งผลให้ผู้เรียนพัฒนาสมรรถนะตามแนวทางการประเมิน PISA ได้อย่างมีประสิทธิผล ผู้เรียนไม่เพียงสามารถทำข้อสอบได้ดีขึ้น แต่ยังได้พัฒนาทักษะการอ่านเขียนที่จำเป็นสำหรับการเรียนรู้ตลอดชีวิตและการอยู่ในสังคมดิจิทัลอย่างรู้เท่าทัน

แผนกลยุทธ์และแผนปฏิบัติการพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนตามแนว PISA

กรณีศึกษาความสำเร็จ: โรงเรียนต้นแบบพัฒนาการอ่านเขียนตามแนว PISA

การพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนให้ประสบความสำเร็จตามแนว PISA มีตัวอย่างความสำเร็จจากทั้งในและต่างประเทศ ดังนี้

กรณีศึกษาที่ 1: โรงเรียนรัตนโกสินทร์สมโภชบวรนิเวศศาลายา

โรงเรียนรัตนโกสินทร์สมโภชบวรนิเวศศาลายา จังหวัดนครปฐม สามารถยกระดับผลการประเมินด้านการอ่านได้อย่างก้าวกระโดด โดยใช้กระบวนการบริหารแบบบูรณาการ:

กลยุทธ์ที่ใช้:

  1. สร้างความตระหนักและเป้าหมายร่วมกันทั้งโรงเรียน
  2. พัฒนาหลักสูตรที่เน้น Active Reading ในทุกรายวิชา
  3. จัดกิจกรรม “1 ห้องเรียน 1 นวัตกรรมการอ่าน” โดยครูทุกกลุ่มสาระ
  4. ใช้ PLC ขับเคลื่อนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และพัฒนาการสอน
  5. ประเมินอย่างต่อเนื่องและให้ข้อมูลป้อนกลับเพื่อการพัฒนา

ผลลัพธ์: คะแนนการประเมินด้านการอ่านของโรงเรียนสูงกว่าค่าเฉลี่ยระดับประเทศร้อยละ 15 และนักเรียนมีเจตคติที่ดีต่อการอ่านเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

กรณีศึกษาที่ 2: ประเทศฟินแลนด์และเอสโตเนีย

ประเทศที่ประสบความสำเร็จสูงในการประเมิน PISA ด้านการอ่าน ได้ใช้กลยุทธ์การบริหารที่น่าสนใจ:

กลยุทธ์ที่ใช้:

  1. ให้อิสระแก่โรงเรียนในการพัฒนาหลักสูตรภายใต้กรอบมาตรฐานแห่งชาติ
  2. เน้นการพัฒนาครูอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง
  3. จัดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการอ่านและสร้างวัฒนธรรมการอ่านในสังคม
  4. บูรณาการเทคโนโลยีเข้ากับการเรียนการสอนอย่างมีประสิทธิภาพ
  5. ใช้ระบบการประเมินแบบ Formative Assessment เพื่อพัฒนาผู้เรียนรายบุคคล

ผลลัพธ์: คะแนน PISA ด้านการอ่านของทั้งสองประเทศอยู่ในกลุ่มสูงสุดของโลก โดยมีคะแนนเฉลี่ยสูงกว่า 520 คะแนน

แผนกลยุทธ์พัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนตามแนว PISA

วิสัยทัศน์

“พัฒนาผู้เรียนให้มีสมรรถนะด้านการอ่านและการเขียนระดับสูงตามแนว PISA สามารถเข้าใจ วิเคราะห์ ประเมิน และประยุกต์ใช้สารสนเทศได้อย่างมีวิจารณญาณในโลกแห่งการเปลี่ยนแปลง”

พันธกิจ

  1. พัฒนาระบบบริหารจัดการที่มุ่งเน้นผลลัพธ์ด้านสมรรถนะการอ่านและการเขียน
  2. ส่งเสริมการจัดการเรียนรู้ที่พัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนตามแนว PISA
  3. พัฒนาครูให้มีความรู้และทักษะในการจัดการเรียนรู้ด้านการอ่านและการเขียนอย่างมืออาชีพ
  4. บูรณาการเทคโนโลยีและนวัตกรรมในการพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียน
  5. สร้างเครือข่ายความร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการส่งเสริมการอ่านและการเขียน

ประเด็นกลยุทธ์

  1. พัฒนาระบบบริหารจัดการแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์ด้านการอ่านและการเขียน
  2. ยกระดับคุณภาพการจัดการเรียนรู้ที่พัฒนาสมรรถนะด้านการอ่านและการเขียนตามแนว PISA
  3. พัฒนาศักยภาพครูด้านการจัดการเรียนรู้ที่ส่งเสริมการอ่านและการเขียน
  4. ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการพัฒนาการอ่านและการเขียน
  5. สร้างเครือข่ายความร่วมมือในการขับเคลื่อนการพัฒนาการอ่านและการเขียน

แผนปฏิบัติการพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนตามแนว PISA

กลยุทธ์ที่ 1: พัฒนาระบบบริหารจัดการแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์ด้านการอ่านและการเขียน

โครงการที่ 1.1: “PISA Strategic Management System”

วัตถุประสงค์: เพื่อพัฒนาระบบบริหารจัดการที่มุ่งเน้นผลสัมฤทธิ์ด้านการอ่านและการเขียนตามแนว PISA

กิจกรรมสำคัญ:

  1. จัดตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนระดับสถานศึกษา
  2. วิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานด้านการอ่านและการเขียนของผู้เรียน (Baseline Data)
  3. จัดทำแผนพัฒนาการอ่านและการเขียนระยะ 3 ปี
  4. พัฒนาระบบฐานข้อมูลและติดตามความก้าวหน้าด้านการอ่านและการเขียน
  5. กำหนดตัวชี้วัดความสำเร็จด้านการอ่านและการเขียนที่สอดคล้องกับแนว PISA

ระยะเวลา: ไตรมาสที่ 1 (3 เดือนแรกของปีการศึกษา)

ผู้รับผิดชอบ: ผู้อำนวยการโรงเรียน รองผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้

ตัวชี้วัดความสำเร็จ:

  • มีแผนพัฒนาการอ่านและการเขียนระยะ 3 ปีที่ชัดเจน
  • มีระบบฐานข้อมูลด้านการอ่านและการเขียนของผู้เรียนรายบุคคล
  • มีการกำหนดค่าเป้าหมายและตัวชี้วัดความสำเร็จที่ชัดเจน

โครงการที่ 1.2: “Data-Driven Reading & Writing Development”

วัตถุประสงค์: เพื่อใช้ข้อมูลในการขับเคลื่อนการพัฒนาการอ่านและการเขียนที่มีประสิทธิภาพ

กิจกรรมสำคัญ:

  1. พัฒนาเครื่องมือประเมินทักษะการอ่านตามแนว PISA
  2. จัดทำระบบการวิเคราะห์และติดตามความก้าวหน้ารายบุคคล (Individual Progress Monitoring)
  3. จัดประชุมวิเคราะห์ข้อมูลและปรับแผนการสอนทุกเดือน
  4. พัฒนาระบบการรายงานผลที่เข้าใจง่ายสำหรับนักเรียนและผู้ปกครอง
  5. จัดกิจกรรม Data Day เพื่อสะท้อนผลและปรับแผนทุกภาคเรียน

ระยะเวลา: ตลอดปีการศึกษา

ผู้รับผิดชอบ: รองผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ หัวหน้างานวัดและประเมินผล ครูผู้สอนทุกกลุ่มสาระ

ตัวชี้วัดความสำเร็จ:

  • มีเครื่องมือประเมินทักษะการอ่านตามแนว PISA สำหรับใช้ในโรงเรียน
  • มีการประชุมวิเคราะห์ข้อมูลและปรับแผนการสอนอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง
  • ร้อยละ 100 ของนักเรียนมีข้อมูลติดตามความก้าวหน้าด้านการอ่านและการเขียนรายบุคคล

กลยุทธ์ที่ 2: ยกระดับคุณภาพการจัดการเรียนรู้ที่พัฒนาสมรรถนะด้านการอ่านและการเขียนตามแนว PISA

โครงการที่ 2.1: “PISA-Aligned Curriculum Development”

วัตถุประสงค์: เพื่อพัฒนาหลักสูตรและกระบวนการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับกรอบการประเมิน PISA

กิจกรรมสำคัญ:

  1. วิเคราะห์หลักสูตรสถานศึกษาและปรับให้สอดคล้องกับกรอบการประเมิน PISA
  2. พัฒนาหน่วยการเรียนรู้บูรณาการที่เน้นทักษะการอ่านและการเขียนตามแนว PISA
  3. จัดทำคลังข้อสอบและแบบฝึกทักษะตามแนว PISA
  4. กำหนดให้ทุกรายวิชามีองค์ประกอบของการพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียน
  5. พัฒนาเกณฑ์การประเมิน (Rubrics) สำหรับทักษะการอ่านและการเขียนตามแนว PISA

ระยะเวลา: ไตรมาสที่ 1-2 (6 เดือนแรกของปีการศึกษา)

ผู้รับผิดชอบ: ฝ่ายวิชาการ หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ ครูผู้สอนทุกกลุ่มสาระ

ตัวชี้วัดความสำเร็จ:

  • มีหลักสูตรสถานศึกษาที่บูรณาการทักษะการอ่านและการเขียนตามแนว PISA
  • มีหน่วยการเรียนรู้บูรณาการอย่างน้อย 2 หน่วยต่อระดับชั้น
  • มีคลังข้อสอบและแบบฝึกทักษะตามแนว PISA ครบทุกระดับชั้นและทุกกลุ่มสาระ

โครงการที่ 2.2: “Active Reading & Critical Thinking Classroom”

วัตถุประสงค์: เพื่อพัฒนากระบวนการจัดการเรียนรู้ที่ส่งเสริมการอ่านเชิงรุกและการคิดวิเคราะห์

กิจกรรมสำคัญ:

  1. พัฒนารูปแบบการสอนอ่านเชิงรุก (Active Reading) ที่ส่งเสริมการคิดวิเคราะห์
  2. จัดกิจกรรม Reading Workshop ในทุกรายวิชา
  3. พัฒนาทักษะการตั้งคำถามของครูตามแนวคิด Bloom’s Taxonomy
  4. จัดสัปดาห์การอ่านและการเขียนเชิงวิเคราะห์ (Critical Reading & Writing Week)
  5. จัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ “Best Practice in Reading & Writing Instruction”

ระยะเวลา: ตลอดปีการศึกษา

ผู้รับผิดชอบ: หัวหน้างานพัฒนาการเรียนการสอน ครูผู้สอนทุกกลุ่มสาระ

ตัวชี้วัดความสำเร็จ:

  • ร้อยละ 80 ของครูมีการจัดการเรียนรู้แบบ Active Reading
  • ทุกรายวิชามีการจัด Reading Workshop อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง
  • มีการจัดสัปดาห์การอ่านและการเขียนเชิงวิเคราะห์อย่างน้อยภาคเรียนละ 1 ครั้ง

กลยุทธ์ที่ 3: พัฒนาศักยภาพครูด้านการจัดการเรียนรู้ที่ส่งเสริมการอ่านและการเขียน

โครงการที่ 3.1: “PISA Literacy Teacher Development”

วัตถุประสงค์: เพื่อพัฒนาศักยภาพครูในการจัดการเรียนรู้ที่ส่งเสริมการอ่านและการเขียนตามแนว PISA

กิจกรรมสำคัญ:

  1. จัดอบรมเชิงปฏิบัติการ “Understanding PISA Reading Literacy Framework”
  2. พัฒนาครูแกนนำด้านการสอนอ่านและเขียนตามแนว PISA ในแต่ละกลุ่มสาระ
  3. จัดกิจกรรม Coaching & Mentoring โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการสอนอ่านและเขียน
  4. จัดชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) ด้านการพัฒนาการอ่านและการเขียน
  5. ส่งครูศึกษาดูงานโรงเรียนต้นแบบด้านการพัฒนาการอ่านและการเขียน

ระยะเวลา: ไตรมาสที่ 1 (3 เดือนแรกของปีการศึกษา) และต่อเนื่องตลอดปี

ผู้รับผิดชอบ: ฝ่ายบุคลากร หัวหน้างานพัฒนาบุคลากร ครูแกนนำ

ตัวชี้วัดความสำเร็จ:

  • ร้อยละ 100 ของครูได้รับการอบรมด้านการสอนอ่านตามแนว PISA
  • มีครูแกนนำด้านการสอนอ่านและเขียนตามแนว PISA อย่างน้อยกลุ่มสาระละ 2 คน
  • มีการจัดกิจกรรม PLC ด้านการพัฒนาการอ่านและการเขียนอย่างน้อยเดือนละ 2 ครั้ง

โครงการที่ 3.2: “Classroom Research & Innovation for Reading Development”

วัตถุประสงค์: เพื่อส่งเสริมการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมการสอนอ่านและเขียนในชั้นเรียน

กิจกรรมสำคัญ:

  1. อบรมเชิงปฏิบัติการ “Classroom Research for Reading & Writing Development”
  2. สนับสนุนครูทำวิจัยในชั้นเรียนเพื่อพัฒนาการอ่านและการเขียน
  3. จัดประกวดนวัตกรรมการสอนอ่านและเขียนตามแนว PISA
  4. จัดตลาดนัดแลกเปลี่ยนเรียนรู้นวัตกรรมการสอนอ่านและเขียน
  5. รวบรวมและเผยแพร่ผลงานวิจัยและนวัตกรรมการสอนอ่านและเขียนที่มีคุณภาพ

ระยะเวลา: ตลอดปีการศึกษา (สรุปผลปลายภาคเรียนที่ 2)

ผู้รับผิดชอบ: หัวหน้างานวิจัยและพัฒนา ครูผู้สอนทุกกลุ่มสาระ

ตัวชี้วัดความสำเร็จ:

  • ร้อยละ 80 ของครูมีงานวิจัยในชั้นเรียนด้านการพัฒนาการอ่านและการเขียน
  • มีนวัตกรรมการสอนอ่านและเขียนอย่างน้อยกลุ่มสาระละ 3 นวัตกรรม
  • มีการจัดตลาดนัดแลกเปลี่ยนเรียนรู้นวัตกรรมอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง

กลยุทธ์ที่ 4: ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการพัฒนาการอ่านและการเขียน

โครงการที่ 4.1: “Digital Literacy Platform”

วัตถุประสงค์: เพื่อพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลสำหรับพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนของผู้เรียน

กิจกรรมสำคัญ:

  1. พัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์สำหรับฝึกทักษะการอ่านตามแนว PISA
  2. จัดทำคลังสื่อดิจิทัลสำหรับพัฒนาการอ่านและการเขียน
  3. พัฒนาระบบติดตามความก้าวหน้าและวิเคราะห์ข้อมูลรายบุคคล
  4. จัดอบรมการใช้แพลตฟอร์มสำหรับครู นักเรียน และผู้ปกครอง
  5. เชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับเครือข่ายโรงเรียนและหน่วยงานต้นสังกัด

ระยะเวลา: ไตรมาสที่ 1-2 (พัฒนาระบบ) และใช้ต่อเนื่องตลอดปี

ผู้รับผิดชอบ: ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ ครูผู้สอนทุกกลุ่มสาระ

ตัวชี้วัดความสำเร็จ:

  • มีแพลตฟอร์มออนไลน์สำหรับพัฒนาการอ่านและการเขียนที่พร้อมใช้งาน
  • มีคลังสื่อดิจิทัลสำหรับพัฒนาการอ่านและการเขียนครบทุกระดับชั้น
  • ร้อยละ 90 ของนักเรียนเข้าใช้งานแพลตฟอร์มอย่างสม่ำเสมอ

โครงการที่ 4.2: “AI for Reading & Writing Development”

วัตถุประสงค์: เพื่อประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AI ในการพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนของผู้เรียนแบบรายบุคคล

กิจกรรมสำคัญ:

  1. ศึกษาและพัฒนาระบบ AI สำหรับวิเคราะห์และให้ข้อมูลป้อนกลับด้านการอ่านและการเขียน
  2. จัดทำโปรแกรม Adaptive Learning สำหรับพัฒนาการอ่านและการเขียนตามระดับความสามารถ
  3. พัฒนา Chatbot และระบบช่วยเหลือในการอ่านและการเขียน
  4. ใช้ Big Data วิเคราะห์และทำนายผลการเรียนรู้ด้านการอ่านและการเขียน
  5. สร้างชุมชนออนไลน์สำหรับแลกเปลี่ยนเรียนรู้และพัฒนาการอ่านและการเขียน

ระยะเวลา: ไตรมาสที่ 2-4 (เริ่มใช้ในภาคเรียนที่ 2)

ผู้รับผิดชอบ: ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ ครูผู้สอนทุกกลุ่มสาระ ผู้เชี่ยวชาญด้าน AI

ตัวชี้วัดความสำเร็จ:

  • มีระบบ AI สำหรับวิเคราะห์และให้ข้อมูลป้อนกลับด้านการอ่านและการเขียน
  • มีโปรแกรม Adaptive Learning สำหรับพัฒนาการอ่านและการเขียน
  • มีการนำ Big Data มาใช้ในการวางแผนพัฒนาการอ่านและการเขียน

กลยุทธ์ที่ 5: สร้างเครือข่ายความร่วมมือในการขับเคลื่อนการพัฒนาการอ่านและการเขียน

โครงการที่ 5.1: “Reading & Writing Community Network”

วัตถุประสงค์: เพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือในการส่งเสริมการอ่านและการเขียนทั้งในและนอกโรงเรียน

กิจกรรมสำคัญ:

  1. จัดตั้งเครือข่ายโรงเรียนพัฒนาการอ่านและการเขียนตามแนว PISA
  2. สร้างความร่วมมือกับผู้ปกครองในการส่งเสริมการอ่านที่บ้าน (Home Reading Program)
  3. ประสานความร่วมมือกับห้องสมุดประชาชน สถาบันอุดมศึกษา และหน่วยงานท้องถิ่น
  4. จัดกิจกรรม “Reading Family” สร้างความร่วมมือระหว่างโรงเรียนและครอบครัว
  5. จัดตั้งกลุ่ม “PISA Reading Champions” เพื่อเป็นแกนนำในการพัฒนาการอ่านและการเขียน

ระยะเวลา: ตลอดปีการศึกษา

ผู้รับผิดชอบ: ฝ่ายกิจการนักเรียน ฝ่ายชุมชนสัมพันธ์ ครูผู้สอนทุกกลุ่มสาระ

<antArtifact identifier=”strategic-plan”

การประยุกต์ใช้แผนพัฒนาทักษะการอ่านเขียนตามบริบทโรงเรียน

การปรับใช้ตามขนาดและทรัพยากรของโรงเรียน

โรงเรียนขนาดเล็ก

  • เน้นกระบวนการไม่ซับซ้อนแต่มีประสิทธิภาพ
  • จัดทีมบูรณาการข้ามกลุ่มสาระ
  • ใช้ระบบพี่สอนน้องและเพื่อนช่วยเพื่อน
  • นำร่องกับบางระดับชั้นก่อนขยายผล
  • ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า
  • ใช้แอปพลิเคชันฟรีพัฒนาการอ่าน
  • แลกเปลี่ยนทรัพยากรกับโรงเรียนใกล้เคียง
  • สร้างสื่อราคาประหยัดที่มีประสิทธิภาพ
  • เน้นการมีส่วนร่วมของชุมชนอย่างเข้มข้น
  • ใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นเป็นแหล่งเรียนรู้
  • ระดมทรัพยากรจากชุมชน

โรงเรียนขนาดกลาง

  • สร้างระบบที่เข้มแข็งแต่ยืดหยุ่น
  • กระจายความรับผิดชอบตามกลุ่มสาระ
  • พัฒนาครูแกนนำกลุ่มสาระละ 1-2 คน
  • ใช้เทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพ
  • พัฒนาห้องเรียนต้นแบบการใช้เทคโนโลยี
  • ใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ที่มีอยู่
  • สร้างเครือข่ายในระดับท้องถิ่น
  • ร่วมมือกับหน่วยงานในท้องถิ่น
  • สร้างเครือข่ายโรงเรียนในพื้นที่

โรงเรียนขนาดใหญ่และใหญ่พิเศษ

  • สร้างระบบที่ซับซ้อนและครอบคลุม
  • จัดโครงสร้างการบริหารหลายระดับ
  • พัฒนาครูแกนนำครบทุกกลุ่มสาระและระดับชั้น
  • พัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมเฉพาะ
  • พัฒนาแพลตฟอร์มหรือแอปของโรงเรียน
  • ใช้ Big Data วิเคราะห์และติดตามผล
  • สร้างเครือข่ายความร่วมมือระดับกว้าง
  • ร่วมมือกับสถาบันอุดมศึกษาและหน่วยงานวิจัย
  • สร้างเครือข่ายระดับภูมิภาคหรือประเทศ

การรับมือกับความท้าทาย

ด้านครูผู้สอน

  • ความท้าทาย: ครูขาดความเข้าใจกรอบ PISA หรือทักษะการสอนแบบใหม่
  • แนวทางแก้ไข:
  • จัดทำคู่มือเข้าใจง่ายเกี่ยวกับ PISA
  • อบรมเชิงปฏิบัติการต่อเนื่อง เน้นการประยุกต์ใช้จริง
  • จัดระบบพี่เลี้ยงและโค้ชโดยครูที่มีประสบการณ์

ด้านผู้เรียน

  • ความท้าทาย: นักเรียนขาดแรงจูงใจ มีพื้นฐานแตกต่างกัน
  • แนวทางแก้ไข:
  • จัดกิจกรรมกระตุ้นแรงจูงใจตามความสนใจ
  • คัดกรองและช่วยเหลือผู้มีปัญหาการอ่านตั้งแต่เริ่มต้น
  • จัดกลุ่มเรียนรู้ตามระดับความสามารถ

ด้านทรัพยากร

  • ความท้าทาย: ขาดแคลนงบประมาณ สื่อ หรือเทคโนโลยี
  • แนวทางแก้ไข:
  • จัดลำดับความสำคัญการใช้ทรัพยากร
  • ใช้ทรัพยากรออนไลน์ฟรีที่มีคุณภาพ
  • สร้างเครือข่ายแลกเปลี่ยนทรัพยากร

ด้านเวลา

  • ความท้าทาย: เวลาจำกัด ครูมีภาระงานมาก
  • แนวทางแก้ไข:
  • บูรณาการทักษะการอ่านในทุกรายวิชา
  • ปรับลดภาระงานอื่นๆ ของครู
  • ใช้เทคโนโลยีลดงานที่ไม่จำเป็น

การเชื่อมโยงกับระบบประกันคุณภาพการศึกษา

  1. กำหนดมาตรฐานและตัวบ่งชี้
  • ทักษะการอ่านตามแนว PISA เป็นตัวบ่งชี้สำคัญด้านคุณภาพผู้เรียน
  • เชื่อมโยงกับมาตรฐานการศึกษาของชาติ
  1. การประเมินตนเอง
  • ใช้ผลการประเมินทักษะการอ่านเป็นส่วนหนึ่งของการประเมินตนเอง
  • วิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน และแนวทางพัฒนา
  1. การติดตามและประเมินผล
  • บูรณาการการติดตามเข้ากับระบบนิเทศภายใน
  • รายงานผลในรายงานการประเมินตนเอง (SAR)

สู่ความยั่งยืนในการพัฒนา

  1. สร้างวัฒนธรรมการอ่านและการเรียนรู้
  • ปลูกฝังนิสัยรักการอ่านตั้งแต่วัยเยาว์
  • สร้างบรรยากาศและสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการอ่าน
  1. พัฒนาระบบและกลไกที่เข้มแข็ง
  • สร้างระบบการพัฒนาที่ไม่ขึ้นกับตัวบุคคล
  • จัดทำคู่มือและแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน
  • พัฒนาฐานข้อมูลและองค์ความรู้อย่างต่อเนื่อง
  1. สร้างผู้นำการเปลี่ยนแปลงรุ่นใหม่
  • พัฒนาครูแกนนำรุ่นใหม่อย่างต่อเนื่อง
  • สร้างโอกาสให้ครูรุ่นใหม่ได้แสดงศักยภาพ
  • ส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาตนเองของครูอย่างต่อเนื่อง
  1. บูรณาการเข้ากับการพัฒนาในทุกมิติ
  • เชื่อมโยงการพัฒนาทักษะการอ่านกับการพัฒนาด้านอื่นๆ
  • ใช้การอ่านและการเขียนเป็นเครื่องมือพัฒนาทักษะอื่นๆ
  • พัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนในบริบทที่หลากหลายและมีความหมาย
  1. รักษาแรงขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง
  • กำหนดเป้าหมายและความท้าทายใหม่ๆ อยู่เสมอ
  • จัดกิจกรรมกระตุ้นและสร้างแรงบันดาลใจต่อเนื่อง
  • เฉลิมฉลองความสำเร็จและยกย่องความพยายามอย่างสม่ำเสมอ

บทสรุป: คุณค่าของการพัฒนาทักษะการอ่านตามแนว PISA

การบริหารจัดการเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนตามแนว PISA ไม่เพียงช่วยยกระดับผลการทดสอบเท่านั้น แต่ยังสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนต่อผู้เรียนและระบบการศึกษา:

  1. พัฒนาพลเมืองแห่งศตวรรษที่ 21
  • ผู้เรียนมีทักษะการคิดวิเคราะห์และการสื่อสารระดับสูง
  • สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเองตลอดชีวิต
  • รู้เท่าทันสื่อและสารสนเทศในยุคดิจิทัล
  1. ยกระดับคุณภาพการศึกษาทั้งระบบ
  • พัฒนาวิชาชีพครูให้มีความเชี่ยวชาญยิ่งขึ้น
  • สร้างนวัตกรรมการจัดการเรียนรู้
  • เกิดวัฒนธรรมคุณภาพในสถานศึกษา
  1. สร้างสังคมแห่งการเรียนรู้
  • ปลูกฝังวัฒนธรรมการอ่านในสังคม
  • เชื่อมโยงการเรียนรู้ระหว่างโรงเรียนและชุมชน
  • สร้างเครือข่ายการพัฒนาที่ยั่งยืน

การลงทุนพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนตามแนว PISA จึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า สร้างผลกระทบเชิงบวกในวงกว้าง และเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพเพื่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน

ด้วยการบูรณาการหลักการบริหารสถานศึกษาทั้ง 3 ด้าน ผู้บริหารจะสามารถขับเคลื่อนการพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนของผู้เรียนให้บรรลุเป้าหมาย สอดคล้องกับการประเมินระดับนานาชาติ และสร้างทักษะสำคัญที่จำเป็นสำหรับการเรียนรู้ตลอดชีวิตของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21​​​​​​​​​​​​​​​​

Comments

comments

Powered by Facebook Comments

ติดต่อ ดร.อนุศร หงษ์ขุนทด
error: Content is protected !!