Digital Learning Classroom
วิทยฐานะเชี่ยวชาญศึกษานิเทศก์

แนวทางการพัฒนานวัตกรรมการนิเทศ สำหรับศึกษานิเทศก์

แชร์เรื่องนี้

แนวทางการพัฒนานวัตกรรมการนิเทศ สำหรับศึกษานิเทศก์

คำจำกัดความของนวัตกรรมการนิเทศสามารถอธิบายได้จากหลายมุมมองและนักการศึกษาหลายท่าน ดังนี้

ความหมายทั่วไป

นวัตกรรมการนิเทศ หมายถึง แนวคิด วิธีการ กระบวนการ หรือสิ่งใหม่ๆ ที่นำมาใช้ในการปรับปรุงและพัฒนาการนิเทศการศึกษาให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้นกว่าเดิม

ความหมายเชิงวิชาการ (จากนักวิชาการ)

วัชรา เล่าเรียนดี (2556)

“นวัตกรรมการนิเทศ คือ แนวคิด วิธีการ รูปแบบ กระบวนการใหม่ๆ ที่นำมาใช้ในการนิเทศการสอน เพื่อให้ครูสามารถจัดการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

สงัด อุทรานันท์ (2550)

“นวัตกรรมการนิเทศการศึกษา หมายถึง สิ่งใหม่ๆ ที่นำมาใช้ในการดำเนินการนิเทศการศึกษา ซึ่งอาจเป็นสิ่งใหม่ทั้งหมดหรือบางส่วน อาจเป็นแนวคิดหรือวิธีการที่นำมาปรับปรุงของเดิมให้ดีขึ้น”

องค์ประกอบสำคัญ

ความใหม่ (Novelty)

    •  เป็นสิ่งใหม่ทั้งหมด
    • หรือเป็นการพัฒนาต่อยอดจากของเดิม หรือ
    • เป็นการประยุกต์ใช้ในบริบทใหม่

การพัฒนา (Development)

    • มุ่งปรับปรุงคุณภาพ
    • เพิ่มประสิทธิภาพการนิเทศ
    • แก้ปัญหาที่มีอยู่

 เป้าหมาย (Purpose)

    • พัฒนาการจัดการเรียนการสอน
    • พัฒนาครูผู้สอน
    • ยกระดับคุณภาพการศึกษา

ลักษณะสำคัญของนวัตกรรมการนิเทศ

มีความเป็นระบบ

    •  มีขั้นตอนชัดเจน
    • มีกระบวนการที่สามารถปฏิบัติได้
    • มีการประเมินผลเป็นระยะ

มีความเป็นวิทยาศาสตร์

    • อยู่บนพื้นฐานของทฤษฎี/หลักการ
    • มีการทดลองใช้และพิสูจน์ผล
    • มีข้อมูลสนับสนุน

มีความยั่งยืน

    • สามารถใช้ได้อย่างต่อเนื่อง
    • ปรับเปลี่ยนตามบริบทได้
    • เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

ขอบเขตของนวัตกรรมการนิเทศ

ด้านกระบวนการ

    • วิธีการนิเทศแบบใหม่
    • รูปแบบการนิเทศที่พัฒนาขึ้น
    • กระบวนการติดตามประเมินผล

ด้านเครื่องมือ/สื่อ

    • สื่อดิจิทัลเพื่อการนิเทศ
    • เครื่องมือประเมินรูปแบบใหม่
    • ระบบสารสนเทศเพื่อการนิเทศ

ด้านการบริหารจัดการ

    • ระบบบริหารการนิเทศ
    • โครงสร้างการดำเนินงาน
    • กลไกการขับเคลื่อน

สรุป

นวัตกรรมการนิเทศ หมายถึง “แนวคิด วิธีการ กระบวนการ เครื่องมือ หรือระบบการนิเทศใหม่ๆ ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นอย่างเป็นระบบ บนพื้นฐานทางวิชาการ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการพัฒนาคุณภาพการจัดการเรียนการสอนและการศึกษาโดยรวม”

 

ประเภทนวัตกรรมการนิเทศการศึกษา โดยประยุกต์จากทฤษฎีการเผยแพร่นวัตกรรม (Diffusion of Innovation Theory) ของ Rogers (2003)

1. นวัตกรรมด้านกระบวนการนิเทศ (Process Innovation)

“นวัตกรรมด้านกระบวนการนิเทศ หมายถึง แนวคิด วิธีการ หรือกระบวนการใหม่ในการนิเทศการศึกษาที่ได้รับการพัฒนาขึ้นอย่างเป็นระบบ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการนิเทศและพัฒนาคุณภาพการจัดการเรียนการสอน” 

สามารถเล่าให้ฟังได้ว่า

นวัตกรรมด้านกระบวนการนิเทศ เปรียบเสมือนการคิดค้นวิธีการใหม่ๆ ในการช่วยพัฒนาครูให้สอนได้ดียิ่งขึ้น คล้ายๆ กับการที่เรามีโค้ชส่วนตัวที่คอยแนะนำและช่วยเหลือเราให้ทำงานได้ดีขึ้นนั่นเองค่ะ

ลองนึกภาพว่า แต่ก่อนการนิเทศอาจจะเป็นแบบที่ศึกษานิเทศก์หรือผู้นิเทศเข้าไปสังเกตการสอนในห้องเรียน จดบันทึก แล้วก็ให้คำแนะนำกับครูแบบทั่วๆ ไป แต่พอเรามีนวัตกรรมด้านกระบวนการนิเทศเข้ามา มันก็เหมือนเรามีเครื่องมือหรือวิธีการใหม่ๆ ที่ช่วยให้การพัฒนาครูมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ยกตัวอย่างเช่น แทนที่จะเป็นการนิเทศแบบเดิมๆ เราอาจจะใช้วิธีการแบบ “เพื่อนช่วยเพื่อน” โดยให้ครูที่มีประสบการณ์จับคู่กับครูที่เพิ่งเริ่มสอน คอยให้คำแนะนำ แชร์ประสบการณ์ และช่วยเหลือกันแบบพี่น้อง หรืออาจจะใช้วิธีการแบบ “ชุมชนแห่งการเรียนรู้” ที่ครูหลายๆ คนมารวมกลุ่มกัน แลกเปลี่ยนความรู้ ช่วยกันคิดวิธีการสอนใหม่ๆ และแก้ปัญหาร่วมกัน

นวัตกรรมเหล่านี้ต้องมีการวางแผนอย่างเป็นระบบนะคะ เหมือนกับการทำอาหาร ที่ต้องมีสูตร มีขั้นตอนชัดเจน จะได้ผลลัพธ์ที่อร่อยและทำซ้ำได้ การนิเทศก็เช่นกัน ต้องมีการวางแผนว่าจะทำอะไร ทำอย่างไร ทำเมื่อไหร่ และวัดผลอย่างไร

ที่สำคัญคือ นวัตกรรมด้านกระบวนการนิเทศที่ดีต้องเหมือนเสื้อที่ใส่สบาย ปรับให้เข้ากับคนใส่ได้ หมายความว่า ต้องยืดหยุ่น ปรับใช้ได้ตามบริบทของแต่ละโรงเรียน แต่ละพื้นที่ และต้องทำให้ทั้งผู้นิเทศและครูรู้สึกสบายใจที่จะทำงานร่วมกัน

เปรียบเหมือนการเดินทาง นวัตกรรมด้านกระบวนการนิเทศก็คือแผนที่และเข็มทิศที่จะพาครูไปถึงจุดหมายของการพัฒนาตนเอง โดยมีผู้นิเทศเป็นเหมือนเพื่อนร่วมทางที่คอยช่วยเหลือ แนะนำ และให้กำลังใจตลอดการเดินทาง

ที่สำคัญ การพัฒนานวัตกรรมด้านกระบวนการนิเทศไม่ใช่การทำครั้งเดียวแล้วจบ แต่ต้องมีการปรับปรุง พัฒนา และต่อยอดอยู่เสมอ เหมือนการปรุงอาหารที่ต้องคอยชิมและปรับรสให้อร่อยยิ่งขึ้น เพื่อให้การพัฒนาครูมีประสิทธิภาพมากขึ้นเรื่อยๆ

สุดท้ายแล้ว ความสำเร็จของนวัตกรรมด้านกระบวนการนิเทศไม่ได้อยู่ที่ตัวนวัตกรรมอย่างเดียว แต่อยู่ที่ความร่วมมือร่วมใจของทุกคน ทั้งผู้บริหาร ผู้นิเทศ และครู ที่ต้องช่วยกันขับเคลื่อนและพัฒนาการศึกษาไปด้วยกัน เช่น

– การนิเทศแบบ PIDRE Model
– การนิเทศแบบ Clinical Supervision
– การนิเทศแบบ Coaching and Mentoring
– การนิเทศแบบ Collaborative Action Research

2. นวัตกรรมด้านเทคโนโลยี (Technological Innovation)

“นวัตกรรมด้านเทคโนโลยีในการนิเทศ (Technological Innovation) หมายถึง การนำเอาเทคโนโลยีสมัยใหม่ เครื่องมือดิจิทัล หรือแพลตฟอร์มต่างๆ มาประยุกต์ใช้ในกระบวนการนิเทศการศึกษา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการพัฒนาคุณภาพการจัดการเรียนการสอน”

สามารถเล่าให้ฟังได้ว่า

ลองนึกภาพว่า เมื่อก่อนการนิเทศต้องเดินทางไปพบกันแบบตัวต่อตัว ต้องจดบันทึกด้วยกระดาษ ต้องรอรวบรวมเอกสาร แต่ปัจจุบันเทคโนโลยีได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานของเราไปอย่างมาก

เปรียบเสมือนเรามี “ผู้ช่วยอัจฉริยะ” ที่ทำให้การนิเทศสะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เหมือนกับที่เราใช้แอพพลิเคชั่นในการสั่งอาหาร จองที่พัก หรือเรียกแท็กซี่ นวัตกรรมด้านเทคโนโลยีก็เข้ามาช่วยให้การนิเทศง่ายขึ้นเช่นกัน

ยกตัวอย่างเช่น ตอนนี้เรามีแพลตฟอร์มการนิเทศออนไลน์ที่ทำให้ศึกษานิเทศก์สามารถเข้าไปสังเกตการสอนของครูได้แบบเรียลไทม์ผ่านวิดีโอคอล ไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง หรือจะเป็นแอพพลิเคชั่นที่ช่วยบันทึกและวิเคราะห์ข้อมูลการนิเทศ ทำให้เห็นพัฒนาการของครูได้ชัดเจน เหมือนมีกล้องวิเศษที่คอยจับภาพความก้าวหน้าให้เราเห็น

นอกจากนี้ ยังมีระบบคลังความรู้ออนไลน์ ที่เปรียบเสมือนห้องสมุดขนาดใหญ่ที่ครูสามารถเข้าไปค้นคว้าหาความรู้ ดูตัวอย่างการสอนที่ดี หรือแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับเพื่อนครูคนอื่นๆ ได้ตลอดเวลา เหมือนมีชุมชนครูออนไลน์ที่พร้อมจะเติบโตไปด้วยกัน

ที่น่าสนใจคือ ตอนนี้เรามีเทคโนโลยี AI ที่เหมือนผู้ช่วยอัจฉริยะที่สามารถวิเคราะห์การสอนของครูและให้คำแนะนำเบื้องต้นได้ หรือจะเป็นเทคโนโลยี AR/VR ที่ทำให้ครูได้ฝึกสอนในสถานการณ์จำลองก่อนสอนจริง เหมือนมีห้องซ้อมสอนเสมือนจริงนั่นเอง

แต่ก็เหมือนกับการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ทั่วไป ที่ต้องมีการเตรียมความพร้อมทั้งด้านอุปกรณ์และการพัฒนาทักษะของผู้ใช้ เหมือนกับตอนที่เราเริ่มใช้สมาร์ทโฟนใหม่ๆ ก็ต้องเรียนรู้วิธีการใช้งานกันสักพัก

ที่สำคัญคือ เทคโนโลยีเหล่านี้ไม่ได้มาแทนที่การนิเทศแบบเดิมทั้งหมด แต่มาเสริมให้การนิเทศมีประสิทธิภาพมากขึ้น เหมือนกับที่เรายังชอบพบปะพูดคุยกันแบบตัวต่อตัว แต่ก็มีตัวช่วยทางเทคโนโลยีที่ทำให้การสื่อสารและทำงานร่วมกันง่ายขึ้น

มองไปข้างหน้า เทคโนโลยีจะยิ่งฉลาดขึ้นและช่วยให้การนิเทศมีประสิทธิภาพมากขึ้นเรื่อยๆ แต่สิ่งสำคัญคือต้องรู้จักเลือกใช้ให้เหมาะสมกับบริบทและความต้องการ เหมือนกับการเลือกใช้เครื่องมือให้เหมาะกับงาน จึงจะเกิดประโยชน์สูงสุด

ในท้ายที่สุด นวัตกรรมด้านเทคโนโลยีก็เหมือนเครื่องมือดีๆ ที่จะช่วยให้การพัฒนาครูและการศึกษาของเราก้าวหน้าไปได้อย่างรวดเร็วและมีคุณภาพมากขึ้น แต่ก็ต้องอาศัยความร่วมมือและการเรียนรู้ร่วมกันของทุกฝ่าย เช่น

– ระบบนิเทศออนไลน์ (e-Supervision)
– แพลตฟอร์มการนิเทศดิจิทัล
– แอปพลิเคชันติดตามการนิเทศ
– ระบบฐานข้อมูลการนิเทศ

3. นวัตกรรมด้านการมีส่วนร่วม (Participatory Innovation)

“นวัตกรรมด้านกระบวนการนิเทศ หมายถึง แนวคิด วิธีการ หรือกระบวนการใหม่ในการนิเทศการศึกษาที่ได้รับการพัฒนาขึ้นอย่างเป็นระบบ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการนิเทศและพัฒนาคุณภาพการจัดการเรียนการสอน”

ลองนึกภาพว่า การนิเทศแบบเดิมๆ อาจเหมือนการที่มีผู้เชี่ยวชาญคนเดียวมาให้คำแนะนำครู คล้ายๆ กับหมอที่ตรวจคนไข้ แต่นวัตกรรมด้านการมีส่วนร่วมนี่เปลี่ยนภาพนั้นไปเลยค่ะ

เปรียบเสมือนการเปลี่ยนจากการทำงานแบบเดี่ยวมาเป็นการทำงานเป็นทีม เหมือนกับการทำอาหารในครอบครัวใหญ่ ที่ทุกคนช่วยกัน คนนี้ช่วยล้างผัก คนนั้นช่วยหั่น อีกคนช่วยปรุง ทุกคนได้แชร์ความคิดว่าจะทำอะไร ทำอย่างไร และช่วยกันชิมว่าอร่อยหรือต้องปรับปรุงตรงไหน

ในการนิเทศแบบมีส่วนร่วม เราจะเห็นภาพของครูที่มารวมตัวกันเป็นกลุ่ม เหมือนชมรมหรือครอบครัวใหญ่ ที่เรียกว่า “ชุมชนแห่งการเรียนรู้” หรือ PLC ครูที่มีประสบการณ์มากกว่าก็จะแบ่งปันเทคนิคการสอน ครูรุ่นใหม่ก็อาจจะแชร์ไอเดียเรื่องการใช้เทคโนโลยี ทุกคนได้เรียนรู้และเติบโตไปด้วยกัน

นอกจากนี้ ยังมีการสร้างเครือข่ายระหว่างโรงเรียน เหมือนการมีเพื่อนบ้านที่ดีที่คอยช่วยเหลือกัน บางทีโรงเรียนนี้เก่งเรื่องวิทยาศาสตร์ อีกโรงเรียนเก่งเรื่องภาษา ก็แลกเปลี่ยนความรู้กัน เหมือนการแลกเปลี่ยนสูตรอาหารอร่อยๆ ระหว่างบ้าน

สิ่งที่สำคัญมากๆ ในการทำงานแบบมีส่วนร่วมคือ บรรยากาศของความเป็นกันเอง เหมือนการนั่งคุยกันในครอบครัว ไม่มีใครรู้สึกอึดอัดหรือกดดัน ทุกคนกล้าที่จะแสดงความคิดเห็น กล้าที่จะลองผิดลองถูก และพร้อมที่จะเรียนรู้ไปด้วยกัน

แม้แต่ผู้บริหารโรงเรียนก็เข้ามามีส่วนร่วม ไม่ใช่แค่นั่งอยู่ในห้องทำงาน แต่ลงมาร่วมคิด ร่วมทำ เหมือนหัวหน้าครอบครัวที่คอยสนับสนุนและให้กำลังใจลูกๆ ในบ้าน

ที่น่าสนใจคือ บางครั้งเราก็เชิญผู้ปกครองหรือชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมด้วย เพราะเขาอาจมีความรู้หรือภูมิปัญญาที่เป็นประโยชน์ เหมือนการที่เราเชิญคุณยายมาสอนทำขนมไทย หรือเชิญคุณลุงที่เป็นช่างมาสอนงานช่าง

การทำงานแบบนี้อาจจะดูวุ่นวายกว่าการทำคนเดียว แต่ผลลัพธ์ที่ได้มักจะดีกว่าและยั่งยืนกว่า เหมือนกับที่เราทำอาหารกันหลายคน อาจจะมีเสียงดังบ้าง มีความเห็นต่างกันบ้าง แต่สุดท้ายอาหารที่ได้มักจะอร่อยและทุกคนก็มีความสุขที่ได้ทำร่วมกัน

สิ่งสำคัญที่ทำให้การทำงานแบบมีส่วนร่วมประสบความสำเร็จคือ การเปิดใจ การรับฟังซึ่งกันและกัน และการมองเห้นคุณค่าของทุกคน เหมือนกับที่ในครอบครัว ทุกคนมีความสำคัญและมีส่วนทำให้ครอบครัวอบอุ่นและเข้มแข็ง

ในที่สุดแล้ว นวัตกรรมด้านการมีส่วนร่วมไม่ใช่แค่วิธีการทำงานใหม่ๆ แต่เป็นการสร้างวัฒนธรรมของการช่วยเหลือและพัฒนาไปด้วยกัน เพื่อให้การศึกษาของเราดีขึ้นอย่างยั่งยืน เช่น

 

– การนิเทศแบบชุมชนแห่งการเรียนรู้ (PLC)
– การนิเทศแบบเครือข่าย (Network Supervision)
– การนิเทศแบบกัลยาณมิตร
– การนิเทศแบบร่วมพัฒนาวิชาชีพ

4. นวัตกรรมด้านเครื่องมือและสื่อ (Tool & Media Innovation)

– คู่มือการนิเทศดิจิทัล
– แบบประเมินออนไลน์
– สื่อมัลติมีเดียเพื่อการนิเทศ
– เครื่องมือสะท้อนผลการนิเทศ

5. นวัตกรรมด้านการบริหารจัดการ (Management Innovation)

– ระบบบริหารการนิเทศแบบ PDCA
– การนิเทศแบบ Results-Based Management
– การนิเทศแบบ Project-Based Supervision
– ระบบประกันคุณภาพการนิเทศ

คุณลักษณะของนวัตกรรมที่มีผลต่อการยอมรับ 

1. ประโยชน์เชิงเปรียบเทียบ (Relative Advantage)

– ต้องดีกว่าวิธีการเดิมที่ใช้อยู่
– เห็นผลชัดเจนในการพัฒนาครู
– คุ้มค่าต่อการลงทุน

2. ความเข้ากันได้ (Compatibility)

– สอดคล้องกับบริบทของโรงเรียน
– เหมาะสมกับวัฒนธรรมองค์กร
– ตอบสนองความต้องการของครู

3. ความซับซ้อน (Complexity)

– ไม่ยุ่งยากซับซ้อนเกินไป
– ใช้งานง่าย สะดวก
– มีคู่มือชัดเจน

4. ความสามารถในการทดลองใช้ (Trialability)

– สามารถทดลองใช้ในวงจำกัดได้
– ปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม
– มีความยืดหยุ่น

5. ความสามารถในการสังเกตผล (Observability)

– เห็นผลการเปลี่ยนแปลงชัดเจน
– วัดและประเมินผลได้
– มีหลักฐานเชิงประจักษ์

การเลือกใช้นวัตกรรมการนิเทศควรพิจารณา

1. ความสอดคล้องกับบริบท
2. ความพร้อมของทรัพยากร
3. การยอมรับของผู้ใช้
4. ความคุ้มค่าในการพัฒนา

 

ขั้นตอนการพัฒนานวัตกรรมการนิเทศ

1. การศึกษาสภาพปัญหาและความต้องการ

  •  วิเคราะห์สภาพปัจจุบัน ปัญหา และความต้องการในการนิเทศ
  • รวบรวมข้อมูลจากครู ผู้บริหาร และผู้เกี่ยวข้อง
  • กำหนดประเด็นที่ต้องการพัฒนา

2. การออกแบบนวัตกรรม

  •  ศึกษาแนวคิด ทฤษฎี และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
  • กำหนดวัตถุประสงค์และเป้าหมายของนวัตกรรม
  • ออกแบบรูปแบบ/วิธีการนิเทศใหม่ๆ
  • จัดทำเครื่องมือและคู่มือการใช้นวัตกรรม

3. การทดลองใช้นวัตกรรม

  • ทดลองใช้กับกลุ่มเป้าหมายขนาดเล็ก
  • เก็บรวบรวมข้อมูล สังเกตผล
  • ปรับปรุงแก้ไขตามข้อค้นพบ

4. การนำไปใช้จริง

  •  ขยายผลการใช้นวัตกรรมในวงกว้าง
  •  ติดตามประเมินผลอย่างเป็นระบบ
  • สรุปและรายงานผลการใช้

ตัวอย่างนวัตกรรมการนิเทศที่น่าสนใจ

1. รูปแบบการนิเทศออนไลน์ (Online Supervision Model)

  •  ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการนิเทศ เช่น การประชุมออนไลน์
  • มีระบบจัดการข้อมูลการนิเทศแบบออนไลน์
  • ใช้สื่อมัลติมีเดียในการให้คำแนะนำ

2. การนิเทศแบบชุมชนแห่งการเรียนรู้วิชาชีพ (PLC Supervision)

  •  จัดกลุ่มครูตามกลุ่มสาระ/ความสนใจ
  • แลกเปลี่ยนเรียนรู้และสะท้อนผลการปฏิบัติ
  • พัฒนาบทเรียนร่วมกัน

3. การนิเทศแบบพี่เลี้ยง (Mentoring Supervision)

  • จับคู่ครูที่มีประสบการณ์กับครูใหม่
  • ให้คำปรึกษาแนะนำอย่างใกล้ชิด
  • สร้างความสัมพันธ์แบบกัลยาณมิตร

4. การนิเทศแบบ Coaching

  • ใช้เทคนิคการโค้ชเพื่อพัฒนาครู
  • ตั้งคำถามกระตุ้นการคิด
  • ให้ข้อมูลย้อนกลับเชิงสร้างสรรค์

ปัจจัยแห่งความสำเร็จ

  •  การมีส่วนร่วมของผู้เกี่ยวข้อง
  • การสนับสนุนจากผู้บริหาร
  • ความต่อเนื่องในการดำเนินงาน
  • การติดตามประเมินผลอย่างเป็นระบบ

ตัวอย่างหัวข้องานวิจัยเกี่ยวกับการพัฒนานวัตกรรมการนิเทศ แยกตามประเภท ดังนี้

1. นวัตกรรมด้านกระบวนการนิเทศ

1.1 การพัฒนารูปแบบการนิเทศแบบ PIDRE เพื่อส่งเสริมสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครูประถมศึกษา

1.2 การพัฒนากระบวนการนิเทศแบบคลินิกร่วมกับการโค้ชเพื่อพัฒนาทักษะการสอนคิดวิเคราะห์ของครูมัธยมศึกษา

1.3 รูปแบบการนิเทศแบบร่วมพัฒนาวิชาชีพเพื่อส่งเสริมความสามารถในการจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning

1.4 การพัฒนากระบวนการนิเทศแบบ Coaching and Mentoring เพื่อพัฒนาสมรรถนะการวัดและประเมินผลของครู

1.5 รูปแบบการนิเทศแบบ Collaborative Action Research เพื่อพัฒนานวัตกรรมการจัดการเรียนรู้ของครู

1.6 การพัฒนากระบวนการนิเทศแบบสะท้อนคิดเพื่อส่งเสริมความสามารถในการจัดการเรียนรู้เชิงรุก

1.7 รูปแบบการนิเทศแบบ Lesson Study เพื่อพัฒนาสมรรถนะการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ

1.8 การพัฒนากระบวนการนิเทศแบบมีส่วนร่วมเพื่อส่งเสริมการจัดการเรียนรู้ตามแนวทาง STEM Education

1.9 รูปแบบการนิเทศแบบ Professional Learning Community เพื่อพัฒนาสมรรถนะการวิจัยในชั้นเรียน

1.10 การพัฒนากระบวนการนิเทศแบบ Cognitive Coaching เพื่อส่งเสริมการจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21

2. นวัตกรรมด้านเทคโนโลยี

2.1 การพัฒนาระบบนิเทศออนไลน์แบบผสมผสานเพื่อพัฒนาสมรรถนะการจัดการเรียนรู้ดิจิทัล

2.2 การพัฒนาแพลตฟอร์มการนิเทศดิจิทัลเพื่อส่งเสริมการจัดการเรียนการสอนออนไลน์

2.3 การพัฒนาแอปพลิเคชันติดตามการนิเทศเพื่อพัฒนาระบบการนิเทศภายในโรงเรียน

2.4 การพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อการนิเทศแบบ Real-time Monitoring

2.5 การพัฒนาระบบนิเทศอัจฉริยะด้วย AI เพื่อส่งเสริมการจัดการเรียนรู้เชิงลึก

2.6 การพัฒนาแพลตฟอร์มการนิเทศแบบ Virtual Classroom Observation

2.7 การพัฒนาระบบการนิเทศผ่าน Mobile Application เพื่อส่งเสริมการจัดการเรียนรู้แบบ Hybrid Learning

2.8 การพัฒนาระบบการนิเทศด้วย AR เพื่อพัฒนาทักษะการสอนวิทยาศาสตร์

2.9 การพัฒนาแพลตฟอร์มการนิเทศแบบ Digital Portfolio เพื่อส่งเสริมการพัฒนาวิชาชีพครู

2.10 การพัฒนาระบบนิเทศออนไลน์แบบ Interactive Feedback เพื่อพัฒนาสมรรถนะการสอน

3. นวัตกรรมด้านการมีส่วนร่วม

3.1 การพัฒนารูปแบบการนิเทศแบบชุมชนแห่งการเรียนรู้เพื่อพัฒนาสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุก

3.2 การพัฒนาเครือข่ายการนิเทศแบบมีส่วนร่วมเพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาระดับเขตพื้นที่

3.3 การพัฒนารูปแบบการนิเทศแบบกัลยาณมิตรเพื่อส่งเสริมการจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning

3.4 การพัฒนาระบบการนิเทศแบบเครือข่ายความร่วมมือระหว่างโรงเรียน

3.5 การพัฒนารูปแบบการนิเทศแบบร่วมพัฒนาวิชาชีพระหว่างโรงเรียนและมหาวิทยาลัย

3.6 การพัฒนาเครือข่ายการนิเทศแบบ School as Learning Community

3.7 การพัฒนารูปแบบการนิเทศแบบมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายในชุมชน

3.8 การพัฒนาระบบการนิเทศแบบร่วมมือรวมพลังเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา

3.9 การพัฒนารูปแบบการนิเทศแบบบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน

3.10 การพัฒนาเครือข่ายการนิเทศแบบพี่เลี้ยงวิชาการระหว่างโรงเรียน

4. นวัตกรรมด้านเครื่องมือและสื่อ

4.1 การพัฒนาคู่มือการนิเทศดิจิทัลเพื่อส่งเสริมการจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning

4.2 การพัฒนาแบบประเมินออนไลน์สำหรับการนิเทศการสอนแบบ Real-time

4.3 การพัฒนาสื่อมัลติมีเดียเพื่อการนิเทศการจัดการเรียนรู้แบบ STEM Education

4.4 การพัฒนาเครื่องมือสะท้อนผลการนิเทศแบบดิจิทัล

4.5 การพัฒนาชุดเครื่องมือการนิเทศแบบ 360 องศา

4.6 การพัฒนาแบบบันทึกการนิเทศออนไลน์แบบมีปฏิสัมพันธ์

4.7 การพัฒนาสื่อการนิเทศแบบ Augmented Reality

4.8 การพัฒนาเครื่องมือประเมินสมรรถนะการสอนแบบดิจิทัล

4.9 การพัฒนาชุดเครื่องมือการนิเทศเพื่อส่งเสริมการวิจัยในชั้นเรียน

4.10 การพัฒนาระบบการบันทึกวิดีโอการสอนเพื่อการนิเทศแบบย้อนหลัง

5. นวัตกรรมด้านการบริหารจัดการ

5.1 การพัฒนาระบบบริหารการนิเทศแบบ PDCA เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษา

5.2 การพัฒนารูปแบบการนิเทศแบบ Results-Based Management

5.3 การพัฒนาระบบการนิเทศแบบ Project-Based Supervision

5.4 การพัฒนาระบบประกันคุณภาพการนิเทศภายในสถานศึกษา

5.5 การพัฒนาระบบบริหารการนิเทศแบบ Matrix Organization

5.6 การพัฒนารูปแบบการบริหารการนิเทศแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์

5.7 การพัฒนาระบบการนิเทศแบบ Balanced Scorecard

5.8 การพัฒนาระบบบริหารการนิเทศแบบ Knowledge Management

5.9 การพัฒนารูปแบบการบริหารการนิเทศแบบ School-Based Management

5.10 การพัฒนาระบบการนิเทศแบบ Quality Management System

 

อ้างอิง:
Rogers, E. M. (2003). Diffusion of innovations (5th ed.). New York: Free Press.

Comments

comments

Powered by Facebook Comments

ติดต่อ ดร.อนุศร หงษ์ขุนทด
error: Content is protected !!