แนวทางการพัฒนาศึกษานิเทศก์ในมุมมองของครูผู้สอนในยุคของการเปลี่ยนแปลงของโลกใหม่
จากผลการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ครั้งที่ 2/2568 สรุปได้ว่า
การเข้าสู่ตำแหน่งศึกษานิเทศก์ จะมีการปรับโครงสร้างและอัตรากำลังตำแหน่งศึกษานิเทศก์ให้มีความชัดเจนและเหมาะสมกับภารกิจ และได้มอบหมายให้สำนักงาน ก.ค.ศ. นำไปพัฒนาหลักเกณฑ์และวิธีการที่เกี่ยวข้องต่อไป
ซึ่งสำนักงาน ก.ค.ศ. ได้รับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อศึกษาและวิเคราะห์ปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างรอบด้าน และได้จัดทำ (ร่าง) หลักเกณฑ์และวิธีการฯที่เกี่ยวข้อง โดยการประชุมในครั้งนี้ที่ประชุม ก.ค.ศ. ได้มีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์สำคัญที่จะเป็นกลไกในการขับเคลื่อนการปฏิรูปวิชาชีพศึกษานิเทศก์ ประกอบด้วย
เพื่อศึกษาและวิเคราะห์ปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างรอบด้าน และได้จัดทำ (ร่าง) หลักเกณฑ์และวิธีการฯที่เกี่ยวข้อง โดยการประชุมในครั้งนี้ที่ประชุม ก.ค.ศ. ได้มีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์สำคัญที่จะเป็นกลไกในการขับเคลื่อนการปฏิรูปวิชาชีพศึกษานิเทศก์ ประกอบด้วย
1) การกำหนดประสบการณ์ และความรู้ ความสามารถ ความชำนาญหรือเชี่ยวชาญระดับสูงตามมาตรฐาน ตำแหน่งศึกษานิเทศก์ (กรณีเป็นผู้ที่มิใช่ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา) กำหนดประสบการณ์ ความรู้ ความสามารถ ความชำนาญหรือเชี่ยวชาญระดับสูงสำหรับผู้ที่มิใช่ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เปิดโอกาสให้ผู้มีวุฒิปริญญาโทหรือปริญญาเอกที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนรู้เข้าสู่ตำแหน่งได้
2) (ร่าง) หลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งศึกษานิเทศก์ กรณีที่มีเหตุผลและความจำเป็นอย่างยิ่งเพื่อประโยชน์แก่ราชการ สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ โดยใช้กระบวนการวัดความรู้ ความสามารถที่ครอบคลุมทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ ในเรื่องเกี่ยวกับวิธีวิทยาการวิจัยทางการศึกษาขั้นสูง ภาวะผู้นำทางวิชาการ ทักษะความเข้าใจและใช้เทคโนโลยีดิจิทัล และทักษะภาษาอังกฤษ สมรรถนะในการปฏิบัติงานของตำแหน่งศึกษานิเทศก์ และประเมินความเหมาะสมกับตำแหน่ง โดยคัดเลือกจากกลุ่มผู้ที่มิใช่ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่มีคุณสมบัติตามมาตรฐานตำแหน่ง
หลักเกณฑ์และวิธีการนี้ให้ใช้ในกรณีที่ดำเนินการคัดเลือกข้าราชการครูฯ เพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งศึกษานิเทศก์ สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.ค.ศ. กำหนด แล้วได้จำนวนผู้ได้รับการคัดเลือกไม่เพียงพอกับ จำนวนตำแหน่งว่าง และ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษา หรือ อ.ก.ค.ศ. ที่ ก.ค.ศ. ตั้ง เห็นว่า เป็นกรณีที่มีเหตุผลและความจำเป็นอย่างยิ่งเพื่อประโยชน์แก่ราชการ
3) (ร่าง) หลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งศึกษานิเทศก์ สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ปรับปรุงวิธีการคัดเลือกบุคคลที่มีความเหมาะสม ตรงตามมาตรฐานตำแหน่งศึกษานิเทศก์ที่กำหนดใหม่
4) การกำหนดอัตราเงินเดือนสำหรับคุณวุฒิที่ ก.ค.ศ. รับรองเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งศึกษานิเทศก์ กรณีที่มีเหตุผลและความจำเป็นอย่างยิ่งเพื่อประโยชน์แก่ราชการ สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ
5) (ร่าง) หลักเกณฑ์และวิธีการพัฒนาก่อนแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งศึกษานิเทศก์ ระบบการพัฒนาศึกษานิเทศก์ ก่อนการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งและกลไกการประเมินสมรรถนะและความพร้อมในการปฏิบัติงาน โดยให้ยกเลิกหลักเกณฑ์และวิธีการพัฒนาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาก่อนแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งศึกษานิเทศก์ (ว 6/2551)
การอนุมัติหลักเกณฑ์ดังกล่าวในวันนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการผลักดันการปฏิรูปวิชาชีพศึกษานิเทศก์ไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งการมีศึกษานิเทศก์ที่มีคุณภาพเข้าสู่ระบบการศึกษา มีความเป็นผู้นำทางวิชาการมีประสบการณ์และสมรรถนะในการนิเทศการศึกษา จะนำไปสู่การพัฒนาปรับปรุงคุณภาพการศึกษาในพื้นที่ได้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งจะส่งผลต่อการยกระดับคุณภาพการเรียนการสอนและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนทั่วประเทศต่อไป
ที่มา: https://otepc.go.th/th/content_page/item/5282-2-2568.html
จึงเป็นที่มาของบทความนี้ สำหรับผู้ที่สนใจเพื่อประกอบแนวทางต่าง ๆ จากมุมมองของครูผู้สอนที่มีต่อ ตำแหน่งศึกษานิเทศก์ โดยมีประเด็นคำถาม ดังนี้
1. จุดเด่น/จุดแข็ง ของการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งศึกษานิเทศก์
2. จุดด้อย/จุดที่ควรพัฒนา ของการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งศึกษานิเทศก์
3. ความคาดหวังต่อการพัฒนาการศึกษา ของการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งศึกษานิเทศก์
4. ข้อเสนอแนะในการพัฒนาการศึกษา ของการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งศึกษานิเทศก์
5. ภาระงานใดบ้างที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ ที่ท่านเห็นว่าไม่ใช่ภารกิจของศึกษานิเทศก์
6. ภาระงานใดบ้างที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ ที่ท่านเห็นว่าไม่ใช่ภารกิจของศึกษานิเทศก์ เพิ่มเติม
จากข้อมูลแบบสอบถาม ผมได้ทำการวิเคราะห์จำนวนผู้ตอบแบบสอบถามตามอายุราชการ/ประสบการณ์ทำงาน ดังนี้
สรุปจำนวนผู้ตอบแบบสอบถามตามอายุราชการ/ประสบการณ์ทำงาน
จำนวนผู้ตอบแบบสอบถามตามอายุราชการ/ประสบการณ์ทำงาน (124 คน)

อายุราชการ/ประสบการณ์ทำงาน | จำนวน (คน) | ร้อยละ |
---|---|---|
มากกว่า 10 ปี | 89 | 71.77% |
ระหว่าง 5-10 ปี | 26 | 20.97% |
น้อยกว่า 5 ปี | 9 | 7.26% |
รวม | 124 | 100% |
จากข้อมูลที่ปรับเพิ่มเป็น 124 คน จะเห็นได้ว่า
- ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี: มีจำนวน 89 คน คิดเป็น 71.77% ของผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด ซึ่งยังคงเป็นกลุ่มที่มีสัดส่วนมากที่สุด
- ผู้มีประสบการณ์ระหว่าง 5-10 ปี: มีจำนวน 26 คน คิดเป็น 20.97% ของผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด
- ผู้มีประสบการณ์น้อยกว่า 5 ปี: มีจำนวน 9 คน คิดเป็น 7.26% ของผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด
ข้อมูลนี้ยังคงสะท้อนให้เห็นว่า ความคิดเห็นในแบบสอบถามส่วนใหญ่มาจากครูที่มีประสบการณ์สูง ซึ่งน่าจะมีความเข้าใจในระบบการทำงานของศึกษานิเทศก์ค่อนข้างดี และได้ทำงานร่วมกับศึกษานิเทศก์มาเป็นระยะเวลานาน ทำให้ข้อมูลที่ได้มีความน่าเชื่อถือและสะท้อนประสบการณ์จริงในการทำงานร่วมกับศึกษานิเทศก์ โดยสามารถนำเสนอผลได้ดังนี้
การวิเคราะห์และสรุปจุดเด่น/จุดแข็งของการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งศึกษานิเทศก์
จากการวิเคราะห์ข้อมูลแบบสอบถามจากครูผู้สอน สามารถสรุปจุดเด่นและจุดแข็งของการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งศึกษานิเทศก์ได้ดังนี้
1. ความเป็นผู้นำทางวิชาการและความเชี่ยวชาญด้านวิชาชีพ
รายละเอียด:
- ศึกษานิเทศก์มีบทบาทสำคัญในฐานะผู้นำทางวิชาการ มีภูมิความรู้ที่ลึกซึ้งในด้านการศึกษา
- มีความเชี่ยวชาญในด้านหลักสูตร การจัดการเรียนรู้ และการวัดประเมินผล
- สามารถเป็นที่พึ่งทางวิชาการ ให้คำปรึกษาแก่ครูและสถานศึกษาได้
ตัวอย่างความคิดเห็นจากแบบสอบถาม:
“เป็นผู้นำทางวิชาชีพ มีภูมิความรู้”
“ต้องเป็นที่พึ่งที่ปรึกษาของครูได้”
“ตำแหน่งดูน่าเชื่อถือ”
2. การเข้าถึงข้อมูลและนโยบายการศึกษา
รายละเอียด:
- ศึกษานิเทศก์มีความใกล้ชิดกับเขตพื้นที่การศึกษาและกระทรวงศึกษาธิการ
- รับรู้นโยบายและแนวทางการจัดการศึกษาล่าสุดอย่างรวดเร็ว
- สามารถประสานนโยบายจากส่วนกลางสู่การปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- เป็นผู้ที่ทันสมัยและทันต่อการเปลี่ยนแปลงในวงการการศึกษา
ตัวอย่างความคิดเห็นจากแบบสอบถาม:
“ใกล้ชิดเขตพื้นที่ ใกล้ชิดกระทรวง”
“ประสานนโยบายสู่การปฏิบัติและติดตามผล”
“รู้นโยบายทันท่วงทีตลอดเวลา”
3. ความคล่องตัวในการปฏิบัติงาน
รายละเอียด:
- มีความอิสระและคล่องตัวในการปฏิบัติงาน ไม่ต้องอยู่ประจำที่โรงเรียนตลอดเวลา
- สามารถเดินทางไปปฏิบัติงานต่างพื้นที่ได้ ทำให้ได้เห็นบริบทโรงเรียนที่หลากหลาย
- มีอิสระในการคิด ตัดสินใจ และวางแผนการทำงาน
- ไม่มีภาระการสอนที่ต้องรับผิดชอบโดยตรง ทำให้มีเวลาในการวางแผนและพัฒนางานมากขึ้น
ตัวอย่างความคิดเห็นจากแบบสอบถาม:
“ไม่ต้องอยู่ที่โรงเรียนตลอดเวลา”
“มีความคล่องตัวในการปฏิบัติงาน ไม่ได้ประจำอยู่ที่สำนักงานตลอดเวลา”
“มีเวลาจากการไม่ต้องจัดการปัญหาเด็กและผู้ปกครอง และอื่นๆ จิปาถะหน้างาน”
4. การเข้าถึงโรงเรียนและเครือข่ายความร่วมมือ
รายละเอียด:
- สามารถเข้าถึงโรงเรียนและสถานศึกษาได้ง่าย ทำให้เห็นภาพรวมของการจัดการศึกษาในเขตพื้นที่
- ได้พบเห็นบริบทโรงเรียนที่หลากหลาย ทำให้เข้าใจความแตกต่างและความต้องการเฉพาะของแต่ละโรงเรียน
- มีโอกาสสร้างเครือข่ายครู ผู้บริหาร และบุคลากรทางการศึกษาที่เข้มแข็ง
- สามารถถ่ายทอดประสบการณ์และแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างโรงเรียนต่างๆ ได้
ตัวอย่างความคิดเห็นจากแบบสอบถาม:
“เข้าถึงโรงเรียนและสถานศึกษาได้ง่าย”
“เห็นบริบทโรงเรียนที่หลากหลาย”
“มีเครือข่ายครู ผู้บริหารที่เข้มแข็ง”
“ได้รับความเชื่อถือจาก ผบร. ครู และโรงเรียน”
5. โอกาสในการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง
รายละเอียด:
- มีโอกาสในการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง ผ่านการอบรม สัมมนา และพัฒนาวิชาชีพ
- ได้สร้างเครือข่ายกับผู้คนในแวดวงการศึกษาที่หลากหลาย
- สามารถเรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ
- มีโอกาสในการเป็นวิทยากรและถ่ายทอดความรู้ให้แก่ครูและบุคลากรทางการศึกษา
ตัวอย่างความคิดเห็นจากแบบสอบถาม:
“มีโอกาสในการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง ในแง่ของการอบรม สัมมนา พัฒนาวิชาชีพ”
“พัฒนาความรุ้กับครู”
“เพิ่มความรู้กับครู”
6. ความสามารถในการส่งเสริมและสนับสนุนครู
รายละเอียด:
- สามารถเป็นผู้แนะนำ สนับสนุนส่งเสริมการศึกษาได้ในหลายรูปแบบ
- มีบทบาทในการพัฒนาทักษะและศักยภาพของครู
- สามารถติดตาม นิเทศ และให้คำแนะนำในการพัฒนาการจัดการเรียนการสอน
- เป็นสื่อกลางในการประสานงานระหว่างครู ผู้บริหาร และหน่วยงานต้นสังกัด
ตัวอย่างความคิดเห็นจากแบบสอบถาม:
“เป็นผู้แนะนำ สนับสนุนส่งเสริมการศึกษาได้ในหลายๆ รูปแบบ เป็นที่พึ่งของครูได้”
“สนับสนุนส่งเสริมทักษะครู”
“ชี้ทางได้ดี”
7. สวัสดิการและความก้าวหน้าในวิชาชีพ
รายละเอียด:
- มีสวัสดิการ เช่น การเบิกค่าเช่าบ้านได้
- มีโอกาสในการเลื่อนเงินเดือนที่สูงขึ้น
- มีตำแหน่งทางวิชาการที่ได้รับการยอมรับในวงการการศึกษา
- มีโอกาสในการพัฒนาวิทยฐานะและความก้าวหน้าในสายงานวิชาการ
ตัวอย่างความคิดเห็นจากแบบสอบถาม:
“มีสวัสดิการ เช่น เบิกค่าเช่าบ้านได้ การเลื่อนเงินเดือนที่มากขึ้น”
“นิเทศการสอนและออกพื้นที่ตามโซนที่รับผิดชอบ”
สรุปภาพรวมจุดเด่น/จุดแข็ง
ศึกษานิเทศก์มีจุดเด่นและจุดแข็งที่สำคัญในหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านความเป็นผู้นำทางวิชาการ การเข้าถึงข้อมูลและนโยบายการศึกษา ความคล่องตัวในการปฏิบัติงาน การเข้าถึงโรงเรียนและเครือข่ายความร่วมมือ โอกาสในการพัฒนาตนเอง และความสามารถในการส่งเสริมและสนับสนุนครู
จุดเด่นและจุดแข็งเหล่านี้เป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ศึกษานิเทศก์สามารถปฏิบัติหน้าที่ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นที่พึ่งทางวิชาการให้กับครูและโรงเรียน และมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนนโยบายการศึกษาสู่การปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม อย่างไรก็ตาม การพัฒนาและเสริมสร้างจุดเด่นเหล่านี้ให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น ยังคงเป็นความท้าทายสำคัญในการพัฒนาวิชาชีพศึกษานิเทศก์ในอนาคต
การวิเคราะห์จุดด้อย/จุดที่ควรพัฒนาของการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งศึกษานิเทศก์
จากการวิเคราะห์ข้อมูลแบบสอบถามจากครูผู้สอน สามารถสรุปจุดด้อยและจุดที่ควรพัฒนาของการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งศึกษานิเทศก์ได้ดังนี้
1. การขาดความชัดเจนในบทบาทหน้าที่
รายละเอียด:
- บทบาทและภาระงานของศึกษานิเทศก์ยังขาดความชัดเจน มีงานจับฉ่าย ไม่มีกรอบการทำงานที่แน่นอน
- อยู่ในตำแหน่งกึ่งกลางระหว่างผู้บริหารกับครู ทำให้ขาดความภาคภูมิใจและความชัดเจนในสถานะ
- ต้องรับผิดชอบงานที่หลากหลาย บางครั้งไม่ตรงกับภารกิจหลักในการนิเทศการศึกษา
ตัวอย่างความคิดเห็นจากแบบสอบถาม:
“ทำงานจับฉ่าย”
“กรอบงานไม่ชัดเจน”
“ศน.เป็นตำแหน่งที่ภาษาโคราชเรียกว่า ‘พอกะเทิน’ มันจะ proud ในตัวเองก็ไม่สุด คือมันไม่ได้เป็นสายบังคับบัญชาโดยตรงเหมือน ผอ. หรือรอง ผอ.”
2. ปัญหาในการพัฒนาวิชาชีพและความก้าวหน้า
รายละเอียด:
- การนับระยะเวลาในการทำวิทยฐานะต้องเริ่มนับใหม่ ไม่ต่อเนื่องจากตำแหน่งครู
- ขาดโอกาสในการเติบโตในสายงานอื่นๆ เช่น การไปสอบในสายบริหาร
- ต้องอาศัยผลงานจากครูในการเลื่อนวิทยฐานะ ไม่สามารถสร้างผลงานได้ด้วยตนเองเหมือนครูที่สอนในห้องเรียน
- ทำผลงานวิชาการค่อนข้างยาก เนื่องจากลักษณะงานที่ไม่ได้สอนโดยตรง
ตัวอย่างความคิดเห็นจากแบบสอบถาม:
“การนับปีในการทำวิทยฐานะต่อจากครูไม่ได้ ต้องมาเริ่มนับใหม่”
“ไม่มีการเปิดโอกาสในการเติบโตในสายงานอื่นๆ เช่น การไปสอบในสายบริหาร หรือสายงานการศึกษาอื่นๆ”
“เสียเวลาในการพัฒนาวิชาชีพในแง่ของการเลื่อนวิทยฐานะ ซึ่งต้องใช้เวลาตามเงื่อนไขคุณสมบัติเวลา”
3. การขาดทักษะและความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
รายละเอียด:
- ศึกษานิเทศก์บางคนไม่มีความเชี่ยวชาญในสาขาวิชาที่ต้องดูแล (เช่น จบเอกภาษาไทยแต่ต้องดูแลวิทยาศาสตร์)
- ขาดทักษะการสื่อสารที่ดี ทำให้การอธิบายหรือตอบคำถามไม่ชัดเจน บางครั้งสร้างความสับสนมากกว่าเดิม
- ศึกษานิเทศก์ที่อายุน้อยหรือเพิ่งเริ่มทำงาน อาจมีความรู้และประสบการณ์น้อยกว่าครูที่มีประสบการณ์สูง
- บางครั้งไม่มีความแม่นยำในการดำเนินงาน ในขณะที่ครูอาจมีความชำนาญกว่าในบางด้าน
ตัวอย่างความคิดเห็นจากแบบสอบถาม:
“ศน.ที่อายุน้อยๆ เพิ่งทำงาน ความรู้ยังน้อยกว่าครู”
“ขาดทักษะการสื่อสารที่ดี ทำให้เวลาให้คำอธิบายหรือตอบคำถามมักหลุดประเด็นหรือตอบไม่ตรงคำถาม ไม่กระจ่างและบางครั้งอาจสร้างความสับสนมากกว่าเดิม”
“ต้องมีความแม่นยำในการดำเนินงาน บางครั้งครูมีความแม่นยำและชำนาญกว่าในด้านการจัดการเรียนรู้ การวัดประเมินผล”
4. ทัศนคติและพฤติกรรมในการปฏิบัติงาน
รายละเอียด:
- มีภาวะอีโก้สูง มองว่าตนเองมีความรู้มากกว่าครู ไม่รับฟังความคิดเห็น
- เน้นประโยชน์ส่วนตนมากกว่าการพัฒนาคุณภาพการศึกษา
- ผลักภาระงานให้ครูทำแทน โดยตนเองเพียงเอาผลมาสรุป
- ไม่ลงพื้นที่หรือเข้าถึงห้องเรียนเท่าที่ควร ส่วนใหญ่เน้นการติดต่อกับผู้บริหารมากกว่าครูผู้สอน
- หวงความรู้ ไม่ถ่ายทอดหรือแนะนำเทคนิคใหม่ๆ ให้ครู
ตัวอย่างความคิดเห็นจากแบบสอบถาม:
“นำงานของตัวเองโยนให้ครู แล้วตนเองแค่เอาผลแต่ละ รร. มาสรุป”
“บางท่านทำตัวเป็นผู้นำ คิดว่าตัวเองมีความรู้เยอะกว่าครู”
“มีลักษณะการทำงานที่เน้นประโยชน์ส่วนตนมากจนเกินไป เช่น การเร่งงานเพื่อจบโครงการโดยไม่มุ่งเน้นการสร้างกระบวนการเพื่อการพัฒนาอย่างแท้จริง”
“หวงความรู้ หรือไม่แนะนำอะไรเลยเพราะว่ากลัวครูจะเรียนรู้มากกว่า”
5. การขาดการเชื่อมโยงกับครูและห้องเรียน
รายละเอียด:
- การเชื่อมโยงประสานงานระหว่างศึกษานิเทศก์กับครูยังมีความห่างไกลกัน
- ขาดการลงพื้นที่และติดตามงานในห้องเรียนอย่างต่อเนื่อง
- ไม่ได้สัมผัสกับปัญหาจริงที่เกิดขึ้นในชั้นเรียน
- มักพบปะกับครูเฉพาะเมื่อมีงานหรือนโยบายที่ต้องการข้อมูล
ตัวอย่างความคิดเห็นจากแบบสอบถาม:
“การเชื่อมโยงประสานงานระหว่างศน.กับคุณครู อาจจะยังมีความห่างไกลกัน เราจะเจอหน้าศน.ก็ต่อเมื่อมีงานหรือนโยบายอะไรบางอย่างที่ต้องการข้อมูลจากครู หรือการตรวจเยี่ยมโรงเรียน”
“นั่งอยู่แต่ในสำนักงานเขตพื้นที่ไม่ออกมาให้ความรู้หรือติดตามที่โรงเรียน”
“ลงพื้นที่ร่วมแก้ปัญหาไปพร้อมครู มิใช่ส่งเอกสารให้ตอบ”
6. ปัญหาในการขับเคลื่อนนโยบาย
รายละเอียด:
- มีภาระงานจำนวนมากจากนโยบายส่วนกลาง ทำให้ไม่สามารถขับเคลื่อนคุณภาพการศึกษาในพื้นที่ได้อย่างเต็มที่
- รับนโยบายมาส่งต่อให้ครูทำ โดยไม่พิจารณาถึงบริบทพื้นที่หรือความเป็นไปได้ในการดำเนินการ
- การเปลี่ยนแปลงนโยบายบ่อย แต่ไม่มีงบประมาณในการดำเนินงานมาให้ ทำให้ทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพ
- ไม่มีอิสระในเชิงวิชาการ ต้องทำตามนโยบายมากกว่าการพิจารณาความเหมาะสม
ตัวอย่างความคิดเห็นจากแบบสอบถาม:
“มีหน้าที่รับนโยบาย มาส่งต่อให้ครูทำ โดยไม่โต้แย้งถึงบริบทพื้นที่ตนเอง หรือความเป็นไปได้ในการดำเนินการ”
“มีภาระงานจำนวนมาก โดยเฉพาะงานสนองนโยบายจากส่วนกลาง จนทำให้ไม่เกิดการขับเคลื่อนคุณภาพการศึกษาในท้องที่”
“การเปลี่ยนแปลงนโยบายบ่อย มีโครงการต่างๆเพิ่มขึ้นแต่ไม่มีงบประมาณในการดำเนินงานมาให้ ทำให้ดำเนินงานได้ไม่เต็มและสิทธิภาพเท่าที่ควร”
“ไม่มีอิสระในเชิงวิชาการ”
7. การขาดการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง
รายละเอียด:
- ขาดการพัฒนาตนเองทำให้ไม่มีลักษณะของการเป็นผู้นำทางวิชาการอย่างแท้จริง
- ไม่ติดตามความก้าวหน้าทางวิชาการและนวัตกรรมการเรียนการสอน
- ใช้ประสบการณ์เดิมตอนเป็นครูมาใช้ ซึ่งอาจไม่ทันสมัยหรือไม่ถูกต้อง
- ไม่เรียนรู้แนวคิดใหม่ๆ ทำให้มีแนวคิดล้าหลัง
ตัวอย่างความคิดเห็นจากแบบสอบถาม:
“ขาดการพัฒนาตนเองทำให้ไม่มีลักษณะของการเป็นผู้นำทางวิชาการอย่างแท้จริง”
“ไม่เรียนงานที่ปฏิบัติ แนวคิดล้าหลัง”
“มีความแม่นยำในด้านหลักสูตรและวัดผล ไม่ใช้ประสบการณ์เดิมตอนเป็นครูมาใช้ เพราะนั่นอาจเป็นประสบการณ์ที่ไม่ถูกต้อง”
8. การขาดการสนับสนุนและแรงกดดันในการทำงาน
รายละเอียด:
- ต้องตามเก็บงานที่โรงเรียน และพบว่าครูไม่ค่อยให้ความร่วมมือ
- มีแรงกดดันจากหลายฝ่าย รวมถึงงานหนักและความรับผิดชอบสูง
- ขาดการสนับสนุนทั้งในด้านงบประมาณและทรัพยากร
- ได้รับความคาดหวังสูงแต่ไม่ได้รับการสนับสนุนที่เพียงพอ
ตัวอย่างความคิดเห็นจากแบบสอบถาม:
“ต้องตามเก็บงานที่โรงเรียน”
“ครูไม่ค่อยให้ความร่วมมือ”
“แรงกดดันจากหลายฝ่าย รวมถึงงานหนักและรับผิดชอบสูง”
สรุปภาพรวมจุดด้อย/จุดที่ควรพัฒนา
จากการวิเคราะห์ข้อมูล พบว่าจุดด้อยและจุดที่ควรพัฒนาของการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งศึกษานิเทศก์มีหลายประการ ตั้งแต่การขาดความชัดเจนในบทบาทหน้าที่ ปัญหาในการพัฒนาวิชาชีพและความก้าวหน้า การขาดทักษะและความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ทัศนคติและพฤติกรรมในการปฏิบัติงานที่ไม่เหมาะสม การขาดการเชื่อมโยงกับครูและห้องเรียน ปัญหาในการขับเคลื่อนนโยบาย การขาดการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง และการขาดการสนับสนุนและแรงกดดันในการทำงาน
จุดด้อยและจุดที่ควรพัฒนาเหล่านี้เป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้ศึกษานิเทศก์ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพตามที่คาดหวัง การแก้ไขปัญหาเหล่านี้จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งระดับนโยบาย เขตพื้นที่การศึกษา และตัวศึกษานิเทศก์เอง เพื่อให้ศึกษานิเทศก์สามารถปฏิบัติหน้าที่ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นที่ยอมรับของครูและโรงเรียน
การวิเคราะห์ความคาดหวังต่อการพัฒนาการศึกษาของการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งศึกษานิเทศก์
จากการวิเคราะห์ข้อมูลแบบสอบถามจากครูผู้สอน สามารถสรุปความคาดหวังต่อการพัฒนาการศึกษาของการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งศึกษานิเทศก์ได้ดังนี้
1. การเป็นผู้นำทางวิชาการที่แท้จริง
รายละเอียด:
- ครูคาดหวังให้ศึกษานิเทศก์เป็นผู้นำทางวิชาการที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญอย่างลึกซึ้ง
- มีความรอบรู้และรู้ลึกในเรื่องการศึกษา สามารถเป็นที่ปรึกษาและให้คำแนะนำแก่ครู
- เป็นผู้ชี้นำให้เห็นถึงแนวทางการพัฒนาและการแก้ไขปัญหาที่ครูกำลังประสบ
- แม่นยำในนโยบายการศึกษาและสามารถถ่ายทอดได้อย่างชัดเจน
ตัวอย่างความคิดเห็นจากแบบสอบถาม:
“คาดหวังให้ศึกษานิเทศก์เป็นผู้นำทางวิชาการ มีความรอบรู้และรู้ลึกในเรื่องการศึกษาเพื่อเป็นผู้ช่วย ผู้แนะนำแนวทางแก่ครู”
“ต้องการคนที่มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์”
“อยากให้ศึกษานิเทศก์เป็นผู้ชี้นำให้เห็นถึงหนทางการพัฒนาและหนทางการแก้ไขปัญหาที่ครูกำลังประสบ”
2. การเป็นกัลยาณมิตรและพี่เลี้ยงของครู
รายละเอียด:
- ครูคาดหวังให้ศึกษานิเทศก์มีความเป็นกัลยาณมิตรมากกว่าการเป็นผู้ตรวจสอบหรือผู้ตัดสิน
- เข้าถึงใจครูและโรงเรียน เข้าใจบริบทและข้อจำกัดของแต่ละโรงเรียน
- สร้างความไว้วางใจและความร่วมมือในการพัฒนาการศึกษา
- เป็นพี่เลี้ยงที่คอยสนับสนุนและให้กำลังใจครูในการพัฒนาการเรียนการสอน
ตัวอย่างความคิดเห็นจากแบบสอบถาม:
“อยากให้ศึกษานิเทศก์มีความเป็นกัลยาณมิตรมากกว่าการเป็นผู้ที่อยู่เหนือกว่าที่มุ่งเน้นเพียงการตัดสิน”
“ความเป็นกัลยาณมิตร การเข้าถึงใจครู”
“มึความเป็นกัลยาณมิตรกับเพื่อนครู”
3. การพัฒนาการเรียนการสอนและวิชาการ
รายละเอียด:
- ครูคาดหวังให้ศึกษานิเทศก์ช่วยพัฒนาการจัดการเรียนรู้อย่างจริงจัง
- เน้นวิชาการและเทคนิคการสอนที่มีประสิทธิภาพ
- มุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนมากกว่าการทำงานเอกสาร
- นำเสนอนวัตกรรมและวิธีการสอนใหม่ๆ ให้กับครู
ตัวอย่างความคิดเห็นจากแบบสอบถาม:
“พัฒนาการจัดการเรียนรู้อย่างจริงจัง”
“เน้นวิชาการ และเทคนิคการสอน”
“นึกถึง นร. เป็นสำคัญ ไม่ใช่นึกถึงแต่จะส่งงานกระทรวงให้ทัน”
4. การช่วยเหลือและสนับสนุนครูในการพัฒนาวิชาชีพ
รายละเอียด:
- ครูคาดหวังให้ศึกษานิเทศก์ช่วยเหลือในการพัฒนาวิทยฐานะของครู
- ให้คำแนะนำและข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาวิชาชีพ
- สนับสนุนและส่งเสริมให้ครูได้พัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง
- เป็นคู่คิดในการพัฒนาการจัดการเรียนรู้
ตัวอย่างความคิดเห็นจากแบบสอบถาม:
“ช่วยครูพัฒนาวิทยฐานะ”
“เป็นคู่คิดให้กับครูด้านการพัฒนาการจัดการเรียนรู้”
“พาครูคิดและทำเป็นแบบอย่าง”
5. การนิเทศที่เน้นคุณภาพและการมีส่วนร่วม
รายละเอียด:
- ครูคาดหวังให้ศึกษานิเทศก์ได้นิเทศอย่างเต็มที่ ลงห้องเรียนมากกว่าตามงานนโยบาย
- ให้ความสำคัญกับการนิเทศที่ส่งผลต่อการพัฒนาการเรียนการสอนจริงๆ
- ร่วมแก้ปัญหาไปกับครู ไม่ใช่เพียงมอบหมายงานหรือประเมิน
- มีข้อมูลเชิงลึกในการแก้ปัญหา ไม่เทียบเคียงกับโรงเรียนอื่น
ตัวอย่างความคิดเห็นจากแบบสอบถาม:
“ศึกษานิเทศก์ควรได้นิเทศอย่างเต็มที่ ลงห้องเรียนมากกว่าตามงานนโยบาย”
“ลงพื้นที่ร่วมแก้ปัญหา ไปกับคุณครู”
“มีข้อมูลเชิงลึกในการแก้ปัญหา โดยไม่เทียบเคียงกับ รร. ใดๆ”
6. การกล้าเป็นกระบอกเสียงและผู้นำการเปลี่ยนแปลง
รายละเอียด:
- ครูคาดหวังให้ศึกษานิเทศก์กล้าที่จะเป็นกระบอกเสียงให้ครูในพื้นที่
- กล้าที่จะคัดกรองหรือปรับนโยบายให้เหมาะสมกับบริบทของพื้นที่
- มีความคล่องตัวและอิสระในการปฏิบัติงาน ในการพัฒนานิเทศการศึกษา
- เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงที่มุ่งเน้นคุณภาพการศึกษา
ตัวอย่างความคิดเห็นจากแบบสอบถาม:
“กล้าที่จะเป็นกระบอกเสียงให้ครูในพื้นที่”
“ศน. มีความคล่องตัวในการปฏิบัติงาน มีอิสระในการคิด การตัดสินใจในการพัฒนานิเทศการศึกษาในโรงเรียน มากกว่างานตอบสนองนโยบายจากส่วนกลาง”
“ทันสมัย เท่าทันโลก ทันเหตุการณ์ พร้อมปรับตัว พัฒนาตนเองตลอดเวลา และควรเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง”
7. การมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
รายละเอียด:
- ครูคาดหวังให้ศึกษานิเทศก์มีความรู้ความเชี่ยวชาญตรงตามสาขาวิชาที่นิเทศ
- มีความสามารถในการนิเทศและให้คำปรึกษาในระดับสูง
- มีความแม่นยำในด้านหลักสูตรและการวัดประเมินผล
- พัฒนาตนเองให้มีความเชี่ยวชาญอย่างต่อเนื่อง
ตัวอย่างความคิดเห็นจากแบบสอบถาม:
“ศน. มีความรู้ความสามารถในการนิเทศ ตรงตามความถนัด (สาระวิชา)”
“มีความรู้ความเชี่ยวชาญในการนิเทศ ตรงตามสาขาวิชา”
“มีความสามารถในการนิเทศและให้คำปรึกษาในระดับสูงขึ้น”
8. การบูรณาการนโยบายและการทำงานที่มีประสิทธิภาพ
รายละเอียด:
- ครูคาดหวังให้ศึกษานิเทศก์ไม่เพียงส่งต่อนโยบายแต่ต้องทำความเข้าใจและตกผลึกความรู้ก่อน
- คำนึงถึงภาระงานที่มอบหมายให้โรงเรียน โดยเฉพาะโรงเรียนขนาดเล็กที่มีครูน้อย
- บูรณาการงานต่างๆ เพื่อลดความซ้ำซ้อนและภาระของครู
- มีการวางแผนและดำเนินงานอย่างเป็นระบบ
ตัวอย่างความคิดเห็นจากแบบสอบถาม:
“ไม่โยนงานมาให้ครู คือ ตนเองทำความเข้าใจให้ถ่องแท้ ตกผลึกในระดับปฐมภูมิก่อน แล้วค่อยให้ครูมาทำในส่วนของโรงเรียน”
“คำนึงถึงภาระงานที่มอบ ลง รร. ด้วย เพราะโรงเรียนขนาดเล็ก ครูน้อย ผู้รับผิดชอบงานภาระมาก”
“เลือกนำนโยบายมาลงกับ รร ที่มีความพร้อม ความเหมาะสม และกระจายงานไปให้ทั่วถึงสำหรับ รร ในพื้นที่ที่ตนต้องดูแลรับผิดชอบ”
9. การพัฒนาวิชาชีพศึกษานิเทศก์
รายละเอียด:
- ครูคาดหวังให้มีการพัฒนาวิชาชีพศึกษานิเทศก์อย่างต่อเนื่อง
- มีการ upskill/reskill เพื่อให้มีความเชี่ยวชาญในการนิเทศการศึกษา
- พัฒนาบุคลิกภาพ จิตวิทยา และลดทิฐิ
- มีความใฝ่รู้สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ
ตัวอย่างความคิดเห็นจากแบบสอบถาม:
“พัฒนาวงการวิชาชีพควบคู่กับการพัฒนาตนเอง”
“มีการพัฒนาวิชาชีพ ศน. อย่างต่อเนื่อง up skill/re skill เพื่อให้มีความเชี่ยวชาญในการนิทศการศึกษา”
“พัฒนาบุคลิกภาพ จิตวิทยา ลดทิฐิ มีความใฝ่รู้สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ เพื่อนำเสนอ และนำมาพัฒนาคุณภาพการศึกษาให้ดีขึ้น”
10. การสร้างภาพลักษณ์และการยอมรับ
รายละเอียด:
- ครูคาดหวังให้มีการสร้างบทบาทศึกษานิเทศก์ให้เป็นที่ยอมรับ
- ลบภาพจำของครูที่มีต่อศึกษานิเทศก์ในแง่ลบ
- ดึงคนเก่ง สนับสนุนคนมีความสามารถให้เข้าสู่ตำแหน่งศึกษานิเทศก์
- สร้างความภาคภูมิใจในวิชาชีพศึกษานิเทศก์
ตัวอย่างความคิดเห็นจากแบบสอบถาม:
“สร้างบทบาทศึกษานิเทศก์ให้เป็นที่ยอมรับ ไม่ใช่เป็นคนที่มีหน้าที่ทวงงานจากครู ต้องลบภาพจำของครูที่มีต่อศึกษานิเทศก์ให้ได้”
“ดึงคนเก่ง สนับสนุนคนมีความสามารถให้เข้าสู่ตำแหน่งศึกษานิเทศก์”
“ส่งเสริมความก้าวหน้าให้กับศึกษานิเทศก์”
สรุปภาพรวมความคาดหวัง
จากการวิเคราะห์ข้อมูล พบว่าครูมีความคาดหวังสูงต่อบทบาทและการปฏิบัติหน้าที่ของศึกษานิเทศก์ในหลายด้าน ทั้งการเป็นผู้นำทางวิชาการที่แท้จริง การเป็นกัลยาณมิตรและพี่เลี้ยงของครู การพัฒนาการเรียนการสอนและวิชาการ การช่วยเหลือและสนับสนุนครูในการพัฒนาวิชาชีพ การนิเทศที่เน้นคุณภาพและการมีส่วนร่วม การกล้าเป็นกระบอกเสียงและผู้นำการเปลี่ยนแปลง การมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน การบูรณาการนโยบายและการทำงานที่มีประสิทธิภาพ การพัฒนาวิชาชีพศึกษานิเทศก์ และการสร้างภาพลักษณ์และการยอมรับ
ความคาดหวังเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า ครูต้องการให้ศึกษานิเทศก์กลับมาทำหน้าที่หลักในการเป็นผู้นำทางวิชาการและพี่เลี้ยงให้กับครู โดยมุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอนและผู้เรียนเป็นสำคัญ มากกว่าการเป็นเพียงผู้ส่งต่อนโยบายหรือผู้ติดตามงานเอกสาร การตอบสนองต่อความคาดหวังเหล่านี้จำเป็นต้องมีการปรับปรุงทั้งในระดับระบบ โครงสร้าง และการพัฒนาตัวศึกษานิเทศก์เอง เพื่อให้ศึกษานิเทศก์สามารถเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาได้อย่างแท้จริง
การวิเคราะห์ข้อเสนอแนะในการพัฒนาการศึกษาของการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งศึกษานิเทศก์
จากการวิเคราะห์ข้อมูลแบบสอบถามจากครูผู้สอน สามารถสรุปข้อเสนอแนะในการพัฒนาการศึกษาของการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งศึกษานิเทศก์ได้ดังนี้
1. การพัฒนาบทบาทและการเข้าถึงโรงเรียน
รายละเอียด:
- ศึกษานิเทศก์ควรเข้าถึงสถานศึกษาให้บ่อยขึ้น มีการกำหนดตารางในการลงพื้นที่ที่ชัดเจน
- เน้นการกำกับ ติดตาม ให้คำแนะนำ ข้อเสนอแนะ แนวทางการดำเนินงานและการแก้ปัญหา
- ลงชุมชนและโรงเรียนมากขึ้น เพื่อเข้าใจบริบทและความต้องการที่แท้จริง
- ช่วยเหลือครูอย่างเป็นรูปธรรม มากกว่าการเน้นเพียงการประเมินหรือการตรวจสอบ
ตัวอย่างความคิดเห็นจากแบบสอบถาม:
“ควรมีการกำหนดตารางในการลงพื้นที่”
“เข้าถึงสถานศึกษาให้บ่อย”
“กำกับ ติดตาม ให้คำแนะนำ ข้อเสนอแนะ แนวทางการดำเนินงาน การแก้ปัญหา ลงชุมชนมากขึ้น”
2. การพัฒนาความเป็นกัลยาณมิตรและการสื่อสาร
รายละเอียด:
- ศึกษานิเทศก์ควรพัฒนาความเป็นกัลยาณมิตรกับครู เน้นการรับฟังและเข้าใจปัญหา
- ปรับปรุงวิธีการสื่อสารให้ชัดเจน ตรงประเด็น และสร้างความเข้าใจที่ตรงกัน
- พัฒนาบุคลิกภาพ จิตวิทยา ลดทิฐิ และมีความใฝ่รู้อยู่เสมอ
- มีอัธยาศัยไมตรีที่ดีต่อครู สร้างบรรยากาศการทำงานร่วมกันที่ดี
ตัวอย่างความคิดเห็นจากแบบสอบถาม:
“เป็นกัลยาณมิตร”
“เพิ่มความเป็นโค้ช”
“พัฒนาบุคลิกภาพ จิตวิทยา ลดทิฐิ มีความใฝ่รู้สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ”
“ต้องมีอัธยาศัยไมตรีที่ดีต่อครู”
3. การเพิ่มประสิทธิภาพในการนิเทศและสนับสนุนครู
รายละเอียด:
- ศึกษานิเทศก์ควรช่วยเหลือครูในการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนและการแก้ปัญหา
- นำเสนอสื่อ นวัตกรรม และเทคโนโลยีใหม่ๆ ในการจัดการเรียนการสอน
- นำ AI มาประยุกต์ใช้ในการแก้ไขปัญหาการศึกษา
- เป็นผู้นำทางวิชาการ ให้คำปรึกษา และช่วยพัฒนาวิทยฐานะของครู
ตัวอย่างความคิดเห็นจากแบบสอบถาม:
“ช่วยเหลือครู”
“เน้นวิชาการ”
“มีการนำเสนอสื่อใหม่ๆ”
“นำ AI เข้ามาแก้ไขปัญหาการศึกษา”
4. การพัฒนาความเชี่ยวชาญและความเป็นผู้นำ
รายละเอียด:
- ศึกษานิเทศก์ควรศึกษาเพิ่มเติมและพัฒนาความรู้ความเชี่ยวชาญในสาขาวิชาที่รับผิดชอบ
- เป็นผู้นำครูในการพัฒนาการศึกษา มีวิสัยทัศน์และความคิดสร้างสรรค์
- ท่านศึกษานิเทศก์ต้องมีความรู้รอบด้าน แม่นยำในนโยบายการศึกษา
- พัฒนาความเป็นผู้นำทางวิชาการ สามารถนำโรงเรียนไปสู่ความเป็นเลิศ
ตัวอย่างความคิดเห็นจากแบบสอบถาม:
“ศึกษาเพิ่มเติม”
“เป็นผู้นำครู”
“เป็นผู้แนะแนวทางให้โรงเรียนไปสู่ความเป็นเลิศ”
“ท่านศึกษานิเทศต้องมีความรู้รอบด้าน”
5. การปรับปรุงการทำงานร่วมกับโรงเรียน
รายละเอียด:
- ศึกษานิเทศก์ควรรับฟังความคิดเห็นของครู แล้วช่วยเสนอความคิดเห็นร่วมกัน
- ประสานงานกับทางโรงเรียนอย่างกัลยาณมิตร ไม่ใช่สั่งการให้โรงเรียนทำในสิ่งที่นอกเหนือจากภาระงาน
- ให้คำแนะนำกับทางโรงเรียนเมื่อโรงเรียนต้องการ เป็นที่พึ่งของครู
- สร้างการมีส่วนร่วมและความร่วมมือในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา
ตัวอย่างความคิดเห็นจากแบบสอบถาม:
“รับฟังความคิดเห็นของครู แล้วช่วยเสนอความคิดเห็นร่วมกัน”
“ประสานงานกับทางโรงเรียนอย่างกัลยาณมิตร”
“ให้คำแนะนำกับทางโรงเรียนเมื่อโรงเรียนต้องการ”
6. การพัฒนาระบบการนิเทศและติดตาม
รายละเอียด:
- ศึกษานิเทศก์ควรประสงค์เป็น ศน. แล้วไม่เคลื่อนย้าย เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการทำงาน
- แนะแนวได้ เติมเต็มความรู้และประสบการณ์ให้กับครู
- มีระบบการนิเทศที่เน้นการพัฒนามากกว่าการประเมิน
- มีการติดตามและประเมินผลอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง
ตัวอย่างความคิดเห็นจากแบบสอบถาม:
“ประสงค์เป็น ศน. แล้ว ไม่เคลื่อนย้าย”
“แนะแนวได้”
“แนะได้”
“เติมเต็ม”
7. การกำหนดภาระงานและบทบาทที่ชัดเจน
รายละเอียด:
- ควรมีการกำหนดภาระงานที่ชัดเจน ขอบข่ายและสิทธิ์ในการปฏิเสธงานที่ไม่เกี่ยวข้อง
- เน้นภารกิจการนิเทศด้านการศึกษา การอบรมและพัฒนาครู และการติดตามช่วยเหลือโรงเรียน
- ให้ความสำคัญกับภารกิจการเป็นที่พึ่งของครู มากกว่างานเอกสารหรือนโยบาย
- ลดภาระงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาการเรียนการสอน
ตัวอย่างความคิดเห็นจากแบบสอบถาม:
“ควรมีการกำหนดภาระงานที่ขัดเจน ขอบข่ายและความสิทธิ์ในการปฏิเสธงาน”
“ภารกิจการนิเทศก์ด้านการศึกษา”
“ภารกิจการอบรมและพัฒนาครู”
“ภารกิจติดตามและช่วยเหลือโรงเรียน”
“ภารกิจการเป็นที่พึ่งของครู”
8. การปรับปรุงระบบการศึกษาและการพัฒนาครู
รายละเอียด:
- ควรมุ่งเน้นการพัฒนาการศึกษาที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ มากกว่าการสนองนโยบาย
- ส่งเสริมการพัฒนาทักษะวิชาการครู และเป็นผู้นำวิชาการให้ครู
- เห็นความสำคัญของการพัฒนาครู และการยกระดับคุณภาพการศึกษา
- สนับสนุนให้มีการพัฒนาคุณภาพการศึกษามากกว่าการประเมินต่างๆ
ตัวอย่างความคิดเห็นจากแบบสอบถาม:
“อยากให้ ศน. ในเขตของตนเองเป็นผู้นำวิชาการครู”
“ให้คำแนะนำ ปรึกษาที่ดี”
“เห็นความสำคของการพัฒนาครู”
“มากกว่าการประเมินต่างๆ หากส่งเสริมทักษะครูในสาขาวิชาต่างๆน่าจะเป็นผลดีกับนักเรียน”
9. การสร้างเครือข่ายและความร่วมมือ
รายละเอียด:
- ส่งเสริมการสร้างเครือข่ายและความร่วมมือระหว่างโรงเรียน ครู และศึกษานิเทศก์
- สร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) ที่เข้มแข็ง
- ส่งเสริมให้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และแบ่งปันประสบการณ์ระหว่างครูและโรงเรียน
- พัฒนาเครือข่ายการนิเทศที่หลากหลายและครอบคลุม
ตัวอย่างความคิดเห็นจากแบบสอบถาม:
“เข้าถึงความต้องการของนักเรียน ผู้ปกครอง และชุมชน ให้มากกว่าเข้าถึง สถานศึกษา ผู้บริหาร และครู”
“สุขาดีมีความสุข”
“เข้าถึง ความต้องการของนักเรียน ผู้ปกครอง และชุมชน ให้มากกว่าเข้าถึง สถานศึกษา ผู้บริหาร และครู”
10. การใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม
รายละเอียด:
- ส่งเสริมการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ในการพัฒนาการเรียนการสอน
- นำ AI และเทคโนโลยีสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้ในการแก้ไขปัญหาการศึกษา
- พัฒนาสื่อและนวัตกรรมการสอนที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ
- สนับสนุนให้ครูใช้เทคโนโลยีในการพัฒนาการเรียนการสอน
ตัวอย่างความคิดเห็นจากแบบสอบถาม:
“มีการนำเสนอสื่อใหม่ๆ”
“นำ AI เข้ามาแก้ไขปัญหาการศึกษา”
“แนะนำบ้างค่ะ”
“ถามให้ตอบตรงตามคำถาม”
“ออกให้ความรู้บ้างค่ะ”
สรุปภาพรวมข้อเสนอแนะ
จากการวิเคราะห์ข้อมูล พบว่าข้อเสนอแนะในการพัฒนาการศึกษาของการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งศึกษานิเทศก์มีหลากหลายด้าน ทั้งการพัฒนาบทบาทและการเข้าถึงโรงเรียน การพัฒนาความเป็นกัลยาณมิตรและการสื่อสาร การเพิ่มประสิทธิภาพในการนิเทศและสนับสนุนครู การพัฒนาความเชี่ยวชาญและความเป็นผู้นำ การปรับปรุงการทำงานร่วมกับโรงเรียน การพัฒนาระบบการนิเทศและติดตาม การกำหนดภาระงานและบทบาทที่ชัดเจน การปรับปรุงระบบการศึกษาและการพัฒนาครู การสร้างเครือข่ายและความร่วมมือ และการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม
ข้อเสนอแนะเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า มีความต้องการให้ศึกษานิเทศก์ปรับเปลี่ยนบทบาทจากผู้ติดตามและทวงงานเป็นผู้นำทางวิชาการและเป็นกัลยาณมิตรที่ช่วยเหลือและสนับสนุนครูในการพัฒนาการเรียนการสอน เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีแก่ผู้เรียนซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญของการจัดการศึกษา การนำข้อเสนอแนะเหล่านี้ไปปฏิบัติจะช่วยให้ศึกษานิเทศก์สามารถทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นที่ยอมรับของครูและโรงเรียน อันจะส่งผลต่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษาในภาพรวม
การวิเคราะห์ภาระงานที่ไม่ใช่ภารกิจของศึกษานิเทศก์ในภาพรวม
จากการวิเคราะห์ข้อมูลความคิดเห็นของครูในเอกสาร พบว่ามีภาระงานหลายประเภทที่ได้รับมอบหมายให้ศึกษานิเทศก์ปฏิบัติ แต่ครูเห็นว่าไม่ใช่ภารกิจหลักที่แท้จริงของศึกษานิเทศก์ สามารถสรุปในภาพรวมได้ดังนี้:
1. งานเอกสารและงานธุรการ
- งานเอกสารที่ไม่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาการเรียนการสอน
- งานสำนักงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับการนิเทศการศึกษา
- การรวบรวมเอกสารและการรายงานที่เน้นเพียงการส่งต่อภาระงานให้ครูทำแล้วนำมาสรุป
2. งานรับสนองนโยบายจากส่วนกลางที่ไม่สอดคล้องกับบริบทพื้นที่
- การส่งต่อนโยบายจากส่วนกลางให้ครูปฏิบัติโดยไม่พิจารณาความเหมาะสมกับบริบทพื้นที่
- การดำเนินโครงการตามนโยบายที่ไม่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอนโดยตรง
- การกำกับติดตามนโยบายที่ไม่มีผลกระทบต่อการพัฒนาผู้เรียน
- การบังคับใช้นโยบายกับทุกโรงเรียนโดยไม่คำนึงถึงความพร้อมและความเหมาะสม
3. งานประเมินและการตัดสินผลงาน
- การประเมินผลงานทางวิชาการของครูที่เน้นการตัดสินมากกว่าการให้คำแนะนำและพัฒนา
- การประเมินเพื่อรางวัลต่างๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาคุณภาพการศึกษา
4. งานส่วนตัวของผู้บริหาร
- งานที่เป็นภารกิจส่วนตัวของผู้อำนวยการหรือรองผู้อำนวยการเขตพื้นที่
- การเป็นตัวกลางในการสั่งการจากผู้บริหารสู่ครู โดยไม่มีการกลั่นกรองหรือปรับให้เหมาะสม
5. การจัดอบรมที่ขาดคุณภาพ
- การจัดอบรมในเรื่องที่ศึกษานิเทศก์เองยังไม่มีความเข้าใจที่ดีพอ
- การพาครูออกนอกโรงเรียนเพื่ออบรมบ่อยครั้ง โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อการเรียนการสอน
6. การผลักภาระงานให้ครู
- การโยนงานให้ครูทำแล้วเพียงนำผลมาสรุป
- การให้ครูทำงานเอกสารจำนวนมากที่ไม่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาการเรียนการสอน
- การติดตามงานในลักษณะที่เพิ่มภาระให้ครูและลดเวลาในการพัฒนาผู้เรียน
7. การสั่งการและเลือกสถานศึกษาโดยไม่มีการปรึกษาหารือ
- การสั่งให้โรงเรียนทำงานที่นอกเหนือจากภารกิจหลัก
- การเลือกสถานศึกษาเข้าร่วมโครงการโดยไม่สอบถามความพร้อมหรือความเห็น
- การทำงานแบบไม่มีการวางแผนร่วมกันกับสถานศึกษา
ข้อสังเกตสำคัญ: ครูส่วนใหญ่มองว่าภารกิจหลักของศึกษานิเทศก์ควรเน้นที่การเป็นผู้นำทางวิชาการ การพัฒนาการเรียนการสอน การเป็นที่ปรึกษาให้ครู และการช่วยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในโรงเรียน มากกว่าการเป็นผู้ติดตามงานนโยบายและงานเอกสาร ครูต้องการให้ศึกษานิเทศก์ลงพื้นที่จริง เข้าใจบริบทของโรงเรียน และทำงานร่วมกับครูในลักษณะของการเป็นกัลยาณมิตรมากกว่าการเป็นผู้สั่งการหรือตรวจสอบ
ตารางผลการวิเคราะห์ SWOT ของการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งศึกษานิเทศก์
S – Strengths (จุดแข็ง) | W – Weaknesses (จุดอ่อน) |
---|---|
– ความเป็นผู้นำทางวิชาการและความเชี่ยวชาญด้านวิชาชีพ – มีภูมิความรู้ด้านการศึกษา สามารถเป็นที่พึ่งทางวิชาการให้แก่ครูและสถานศึกษาการเข้าถึงข้อมูลและนโยบายการศึกษา – ใกล้ชิดกับเขตพื้นที่การศึกษาและกระทรวงศึกษาธิการ ทำให้รับรู้นโยบายล่าสุดได้รวดเร็วความคล่องตัวในการปฏิบัติงาน – มีอิสระและความยืดหยุ่นในการทำงาน ไม่ต้องอยู่ประจำที่เดียวการเข้าถึงโรงเรียนและเครือข่ายความร่วมมือ – สามารถเข้าถึงโรงเรียนได้ง่าย เห็นบริบทที่หลากหลาย มีเครือข่ายกว้างขวางโอกาสในการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง – ได้รับการอบรม สัมมนา และพัฒนาวิชาชีพอย่างต่อเนื่องความสามารถในการส่งเสริมและสนับสนุนครู – สามารถเป็นผู้แนะนำ ส่งเสริม ติดตาม และให้คำปรึกษาแก่ครูสวัสดิการและความก้าวหน้าในวิชาชีพ – มีสวัสดิการ เช่น การเบิกค่าเช่าบ้าน และโอกาสในการเลื่อนเงินเดือนที่สูงขึ้น | – การขาดความชัดเจนในบทบาทหน้าที่ – ภาระงานไม่ชัดเจน มีงานจับฉ่าย กรอบการทำงานไม่แน่นอนปัญหาในการพัฒนาวิชาชีพและความก้าวหน้า – การนับระยะเวลาวิทยฐานะต้องเริ่มใหม่ ขาดโอกาสในการเติบโตการขาดทักษะและความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน – บางคนต้องดูแลสาขาวิชาที่ไม่ตรงกับความเชี่ยวชาญ ขาดทักษะการสื่อสารที่ดีทัศนคติและพฤติกรรมในการปฏิบัติงาน – มีอีโก้สูง เน้นประโยชน์ส่วนตน ผลักภาระงานให้ครู ไม่ลงพื้นที่เท่าที่ควรการขาดการเชื่อมโยงกับครูและห้องเรียน – มีช่องว่างระหว่างศึกษานิเทศก์กับครู ไม่สัมผัสปัญหาจริงในชั้นเรียนปัญหาในการขับเคลื่อนนโยบาย – ภาระงานจากนโยบายส่วนกลางมาก ไม่ได้พิจารณาบริบทพื้นที่ ขาดงบประมาณการขาดการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง – บางคนไม่ติดตามความก้าวหน้าทางวิชาการและนวัตกรรม ใช้ประสบการณ์เดิมการขาดการสนับสนุนและแรงกดดันในการทำงาน – ต้องตามเก็บงาน ครูไม่ร่วมมือ มีแรงกดดันจากหลายฝ่าย |
O – Opportunities (โอกาส) | T – Threats (อุปสรรค) |
---|---|
– การปรับปรุงระบบการพัฒนาวิชาชีพ – โอกาสในการปรับปรุงระบบการนับระยะเวลาเพื่อเลื่อนวิทยฐานะและเส้นทางความก้าวหน้าการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน – การนำเทคโนโลยีและ AI มาประยุกต์ใช้ในการนิเทศและพัฒนาการศึกษาการสร้างภาพลักษณ์และการยอมรับ – การปรับบทบาทให้เป็นพี่เลี้ยงและที่ปรึกษามากกว่าผู้ตรวจสอบการพัฒนาระบบการคัดเลือกและพัฒนา – ปรับปรุงเกณฑ์การคัดเลือกให้ตรงตามความเชี่ยวชาญและพัฒนาหลักสูตรเฉพาะการพัฒนาเครือข่ายและชุมชนการเรียนรู้ – สร้างเครือข่ายครู ผู้บริหาร และชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพที่เข้มแข็งการพัฒนารูปแบบการนิเทศที่หลากหลาย – พัฒนาวิธีการนิเทศที่หลากหลายตามบริบทและความต้องการของโรงเรียนการเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงทางการศึกษา – โอกาสในการเป็นผู้นำการปฏิรูปการศึกษาและพัฒนาคุณภาพผู้เรียน | – ความคาดหวังที่สูงและหลากหลาย – ครูมีความคาดหวังสูงต่อความรู้และความช่วยเหลือจากศึกษานิเทศก์นโยบายและงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับการนิเทศ – ภาระงานจำนวนมากโดยเฉพาะงานสนองนโยบายที่ไม่ใช่ภารกิจหลักการเปลี่ยนแปลงนโยบายและการขาดความต่อเนื่อง – นโยบายเปลี่ยนบ่อย ขาดความต่อเนื่อง และงบประมาณไม่เพียงพอทัศนคติเชิงลบต่อตำแหน่ง – ภาพลักษณ์ของศึกษานิเทศก์ในมุมมองของครูเป็นเพียงผู้ทวงงานการขาดความร่วมมือจากครูและโรงเรียน – ครูและโรงเรียนอาจไม่ให้ความร่วมมือในการพัฒนาหรือการนิเทศแรงกดดันและความรับผิดชอบ – แรงกดดันจากหลายฝ่าย รวมถึงงานหนักและความรับผิดชอบสูงการขาดการสนับสนุนจากระดับนโยบาย – ขาดการสนับสนุนจากระดับนโยบายในการพัฒนาระบบการนิเทศ |
ผลการวิเคราะห์ SWOT ความคิดเห็นของครูต่อบทบาทศึกษานิเทศก์
จากข้อมูลการตอบแบบสอบถามของครูเกี่ยวกับบทบาทของศึกษานิเทศก์ ผมได้วิเคราะห์และจัดทำการวิเคราะห์ SWOT พร้อมคำอธิบายและข้อเสนอแนะในการพัฒนา ดังนี้
S – Strengths (จุดแข็ง)
1. ความคล่องตัวในการปฏิบัติงาน
– ไม่ต้องอยู่ที่โรงเรียนตลอดเวลา สามารถเดินทางไปปฏิบัติงานต่างพื้นที่ได้
– มีอิสระในการคิดและตัดสินใจในการทำงาน
2. การเข้าถึงข้อมูลและเครือข่าย
– ใกล้ชิดเขตพื้นที่และกระทรวง ทำให้รับรู้นโยบายได้รวดเร็ว
– มีโอกาสเห็นบริบทโรงเรียนที่หลากหลาย
– มีเครือข่ายครู ผู้บริหารที่เข้มแข็ง
3. โอกาสในการพัฒนาตนเอง
– มีโอกาสในการอบรม สัมมนา พัฒนาวิชาชีพอย่างต่อเนื่อง
– ได้สร้างเครือข่ายกับผู้คนในแวดวงการศึกษา
4. สถานะและการได้รับการยอมรับ
– มีตำแหน่งที่ได้รับความเชื่อถือจากผู้บริหาร ครู และโรงเรียน
– มีสถานะเป็นผู้นำทางวิชาการ
W – Weaknesses (จุดอ่อน)
1. การขาดความชัดเจนในบทบาทหน้าที่
– ภาระงานไม่ชัดเจน มีงานจับฉ่าย
– อยู่ในตำแหน่งกึ่งกลางระหว่างผู้บริหารกับครู ขาดความภาคภูมิใจในตำแหน่ง
2. ปัญหาในการพัฒนาวิชาชีพและความก้าวหน้า
– การนับปีในการทำวิทยฐานะต้องเริ่มนับใหม่ ไม่ต่อเนื่องจากตำแหน่งครู
– ต้องอาศัยผลงานจากครูในการเลื่อนวิทยฐานะ ไม่สามารถสร้างผลงานได้เอง
3. การขาดทักษะและความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
– ศึกษานิเทศก์บางคนไม่มีความเชี่ยวชาญในสาขาวิชาที่ต้องดูแล
– ขาดทักษะการสื่อสารที่ดี ทำให้อธิบายหรือตอบคำถามไม่ชัดเจน
4. ทัศนคติและการปฏิบัติงาน
– มีภาวะอีโก้สูง มองว่าตนเองมีความรู้มากกว่าครู
– เน้นประโยชน์ส่วนตนมากกว่าการพัฒนาคุณภาพการศึกษา
– ผลักภาระงานให้ครูทำแทน ขาดการมีส่วนร่วมในการปฏิบัติงาน
O – Opportunities (โอกาส)
1. การปรับปรุงระบบการพัฒนาวิชาชีพ
– โอกาสในการปรับปรุงระบบการนับระยะเวลาเพื่อเลื่อนวิทยฐานะ
– การปรับปรุงเส้นทางความก้าวหน้าในวิชาชีพศึกษานิเทศก์
2. การเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
– โอกาสในการนำเทคโนโลยีและ AI มาประยุกต์ใช้ในการนิเทศ
– การพัฒนาทักษะการโค้ชและการเป็นที่ปรึกษาให้กับครู
3. การสร้างภาพลักษณ์และการยอมรับ
– การสร้างบทบาทใหม่ของศึกษานิเทศก์ที่มุ่งเน้นการเป็นพี่เลี้ยงและที่ปรึกษา
– โอกาสในการพัฒนาความเป็นกัลยาณมิตรกับครู
4. การพัฒนาระบบการคัดเลือกและพัฒนา
– โอกาสในการปรับปรุงระบบการคัดเลือกศึกษานิเทศก์ให้ตรงตามความเชี่ยวชาญ
– การพัฒนาหลักสูตรเฉพาะเพื่อเตรียมความพร้อมให้กับศึกษานิเทศก์
T – Threats (อุปสรรค)
1. ความคาดหวังที่สูงและหลากหลาย
– ครูมีความคาดหวังสูงต่อความรู้และความเชี่ยวชาญของศึกษานิเทศก์
– ต้องตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของครูและโรงเรียน
2. นโยบายและงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับการนิเทศ
– ภาระงานจำนวนมากโดยเฉพาะงานสนองนโยบายจากส่วนกลาง
– ต้องทำงานที่ไม่ใช่ภารกิจหลักของศึกษานิเทศก์
3. การเปลี่ยนแปลงนโยบายและการขาดความต่อเนื่อง
– การเปลี่ยนแปลงนโยบายบ่อย ทำให้การทำงานขาดความต่อเนื่อง
– การขาดงบประมาณในการดำเนินงานตามนโยบายและโครงการต่างๆ
4. ทัศนคติเชิงลบต่อตำแหน่ง
– ภาพลักษณ์ของศึกษานิเทศก์ในมุมมองของครูเป็นเพียงผู้ทวงงาน
– การมองว่าตำแหน่งศึกษานิเทศก์เป็นทางเลือกสำหรับครูที่เบื่องานสอน
ผลการวิเคราะห์ TOWS Matrix สำหรับการพัฒนาบทบาทศึกษานิเทศก์
S – Strengths (จุดแข็ง) S1: ความเป็นผู้นำทางวิชาการ S2: การเข้าถึงข้อมูลและนโยบาย S3: ความคล่องตัวในการปฏิบัติงาน S4: การเข้าถึงโรงเรียนและเครือข่าย S5: โอกาสพัฒนาตนเองต่อเนื่อง S6: ความสามารถในการสนับสนุนครู S7: สวัสดิการและความก้าวหน้า | W – Weaknesses (จุดอ่อน) W1: ความไม่ชัดเจนในบทบาทหน้าที่ W2: ปัญหาการพัฒนาวิชาชีพ W3: การขาดความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน W4: ทัศนคติและพฤติกรรมการทำงาน W5: การขาดการเชื่อมโยงกับครู W6: ปัญหาการขับเคลื่อนนโยบาย W7: การขาดการพัฒนาตนเอง W8: การขาดการสนับสนุนในการทำงาน | |
O – Opportunities (โอกาส) O1: การปรับปรุงระบบการพัฒนาวิชาชีพ O2: การเพิ่มประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยี O3: การสร้างภาพลักษณ์และการยอมรับ O4: การพัฒนาระบบคัดเลือกและพัฒนา O5: การพัฒนาเครือข่ายและชุมชนการเรียนรู้ O6: การพัฒนารูปแบบการนิเทศหลากหลาย O7: การเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง | SO Strategies (กลยุทธ์เชิงรุก) SO1: พัฒนาระบบนิเทศแบบบูรณาการและเครือข่ายความร่วมมือ (S3, S4, S6, O2, O5, O6) – ใช้ความคล่องตัวในการปฏิบัติงานและเครือข่ายที่แข็งแกร่งในการสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) ระหว่างโรงเรียน – พัฒนาระบบนิเทศที่ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเข้าถึงและการสนับสนุน SO2: ยกระดับบทบาทการเป็นผู้นำทางวิชาการ (S1, S2, S5, O3, O7) – ใช้โอกาสในการพัฒนาตนเองและความใกล้ชิดกับกระทรวงในการพัฒนาความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน – สร้างเครือข่ายผู้นำทางวิชาการที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้สู่ครู SO3: พัฒนาระบบสนับสนุนการพัฒนาวิชาชีพครูแบบองค์รวม (S1, S5, S6, O1, O4, O7) – พัฒนาระบบพี่เลี้ยงและการโค้ชที่เน้นการพัฒนาวิชาชีพครูแบบรอบด้าน – จัดทำแผนพัฒนาวิชาชีพรายบุคคลสำหรับครูที่เชื่อมโยงกับระบบการเลื่อนวิทยฐานะ SO4: สร้างนวัตกรรมการนิเทศเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา (S1, S3, S5, O2, O6, O7) – พัฒนารูปแบบการนิเทศออนไลน์และระบบการให้คำปรึกษาแบบเรียลไทม์ – สร้างคลังความรู้และแหล่งเรียนรู้ดิจิทัลสำหรับการพัฒนาการเรียนการสอน | WO Strategies (กลยุทธ์เชิงแก้ไข) WO1: พัฒนาระบบความก้าวหน้าทางวิชาชีพและการสร้างแรงจูงใจ (W1, W2, O1, O3, O4) – ปรับปรุงระบบการพัฒนาวิชาชีพโดยแก้ไขปัญหาการขาดความก้าวหน้าในวิชาชีพ – พัฒนาเกณฑ์การประเมินผลงานที่เหมาะสมกับบทบาทของศึกษานิเทศก์ WO2: พัฒนาทักษะและความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน (W3, W5, W7, O2, O4, O6) – ใช้โอกาสในการพัฒนาระบบการคัดเลือกและพัฒนาศึกษานิเทศก์เฉพาะด้าน – พัฒนาหลักสูตรเฉพาะสำหรับการพัฒนาทักษะการสื่อสาร การโค้ช และการให้คำปรึกษา WO3: สร้างระบบการทำงานที่ชัดเจนและมีประสิทธิภาพ (W1, W4, W6, O2, O4) – พัฒนาคู่มือการปฏิบัติงานและมาตรฐานการปฏิบัติงานของศึกษานิเทศก์ – ใช้เทคโนโลยีในการติดตาม บริหารจัดการ และประเมินผลการทำงาน WO4: พัฒนาระบบการเชื่อมโยงระหว่างศึกษานิเทศก์กับครู (W4, W5, W8, O3, O5, O6) – สร้างเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้และการสื่อสารแบบสองทางระหว่างศึกษานิเทศก์และครู – พัฒนาระบบพี่เลี้ยงและการนิเทศแบบกัลยาณมิตรที่เน้นการมีส่วนร่วม |
T – Threats (อุปสรรค) T1: ความคาดหวังที่สูงและหลากหลาย T2: นโยบายและงานที่ไม่เกี่ยวข้อง T3: การเปลี่ยนแปลงนโยบายบ่อย T4: ทัศนคติเชิงลบต่อตำแหน่ง T5: การขาดความร่วมมือจากครู T6: แรงกดดันและความรับผิดชอบสูง T7: การขาดการสนับสนุนจากนโยบาย | ST Strategies (กลยุทธ์เชิงป้องกัน) ST1: ปรับบทบาทการทำงานให้สอดคล้องกับความต้องการของครูและโรงเรียน (S1, S3, S4, T1, T4, T5) – ใช้ความคล่องตัวในการทำงานเพื่อพัฒนาแนวทางการนิเทศที่ตอบสนองความต้องการหลากหลาย – ใช้สถานะผู้นำทางวิชาการในการสร้างทัศนคติเชิงบวกต่อบทบาทของศึกษานิเทศก์ ST2: พัฒนาระบบการบริหารจัดการนโยบายและภาระงาน(S2, S3, S6, T2, T3, T6) – ใช้ความใกล้ชิดกับเขตพื้นที่และกระทรวงในการกลั่นกรองและจัดลำดับความสำคัญของนโยบาย – พัฒนากลไกการบูรณาการนโยบายและการทำงานเพื่อลดความซ้ำซ้อนและภาระงาน ST3: สร้างระบบการทำงานแบบมีส่วนร่วมกับครูและโรงเรียน (S1, S4, S6, T1, T4, T5) – พัฒนาระบบการทำงานแบบมีส่วนร่วมที่ให้ครูมีบทบาทในการออกแบบและประเมินผลการนิเทศ – สร้างกระบวนการรับฟังความคิดเห็นและความต้องการของครูอย่างเป็นระบบ ST4: พัฒนาความเป็นมืออาชีพและศักยภาพในการแก้ปัญหา (S1, S5, S6, T1, T6, T7) – พัฒนาความสามารถในการวิเคราะห์ปัญหาและการให้คำแนะนำที่เป็นรูปธรรม – เสริมสร้างทักษะการบริหารความเครียดและการทำงานภายใต้แรงกดดัน | WT Strategies (กลยุทธ์เชิงรับ) WT1: สร้างความชัดเจนในบทบาทหน้าที่และกรอบการทำงาน (W1, W6, T2, T6) – กำหนดกรอบภาระงานที่ชัดเจนเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดความชัดเจนในบทบาท – พัฒนาคู่มือการปฏิบัติงานที่ระบุขอบเขตความรับผิดชอบอย่างชัดเจน WT2: ปรับปรุงภาพลักษณ์และความสัมพันธ์กับครูและโรงเรียน (W4, W5, T4, T5) – พัฒนากลยุทธ์การสื่อสารและการสร้างความสัมพันธ์เพื่อแก้ไขปัญหาทัศนคติเชิงลบ – สร้างการมีส่วนร่วมของครูในกระบวนการนิเทศและการพัฒนาคุณภาพการศึกษา WT3: พัฒนาระบบสนับสนุนการทำงานของศึกษานิเทศก์ (W2, W3, W8, T6, T7) – แสวงหาความร่วมมือกับหน่วยงานภายนอกเพื่อสนับสนุนทรัพยากรและการพัฒนา – สร้างชุมชนวิชาชีพสำหรับศึกษานิเทศก์เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้และให้กำลังใจซึ่งกันและกัน WT4: พัฒนาระบบการจัดการนโยบายและการทำงานเชิงบูรณาการ (W1, W6, T2, T3) – พัฒนากลไกการบูรณาการนโยบายและลดความซ้ำซ้อนของงาน – จัดลำดับความสำคัญของงานและพัฒนาระบบการติดตามที่มีประสิทธิภาพ |
การวิเคราะห์ TOWS Matrix
1. กลยุทธ์เชิงรุก (SO Strategies) – การใช้จุดแข็งเพื่อคว้าโอกาส
SO1: พัฒนาระบบนิเทศแบบบูรณาการและเครือข่ายความร่วมมือ
- ใช้ความคล่องตัวในการปฏิบัติงานและเครือข่ายที่แข็งแกร่งของศึกษานิเทศก์ในการสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) ระหว่างโรงเรียนต่างๆ
- พัฒนาระบบนิเทศที่ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อเพิ่มการเข้าถึงและประสิทธิภาพ
SO2: ยกระดับบทบาทการเป็นผู้นำทางวิชาการ
- ใช้โอกาสในการพัฒนาตนเองและความใกล้ชิดกับกระทรวงในการพัฒนาความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
- สร้างเครือข่ายผู้นำทางวิชาการที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้สู่ครู
2. กลยุทธ์เชิงแก้ไข (WO Strategies) – การใช้โอกาสเพื่อแก้ไขจุดอ่อน
WO1: พัฒนาระบบความก้าวหน้าทางวิชาชีพและการสร้างแรงจูงใจ
- ใช้โอกาสในการปรับปรุงระบบการพัฒนาวิชาชีพเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดความก้าวหน้าในวิชาชีพ
- พัฒนาเกณฑ์การประเมินผลงานที่เหมาะสมกับบทบาทของศึกษานิเทศก์
WO2: พัฒนาทักษะและความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
- ใช้โอกาสในการพัฒนาระบบการคัดเลือกและพัฒนาศึกษานิเทศก์เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
- พัฒนาหลักสูตรเฉพาะสำหรับการพัฒนาทักษะการสื่อสาร การโค้ช และการให้คำปรึกษา
3. กลยุทธ์เชิงป้องกัน (ST Strategies) – การใช้จุดแข็งเพื่อหลีกเลี่ยงภัยคุกคาม
ST1: ปรับบทบาทการทำงานให้สอดคล้องกับความต้องการของครูและโรงเรียน
- ใช้ความคล่องตัวในการปฏิบัติงานและการเข้าถึงข้อมูลเพื่อพัฒนาแนวทางการนิเทศที่ตอบสนองความต้องการหลากหลาย
- ใช้สถานะผู้นำทางวิชาการในการสร้างทัศนคติเชิงบวกต่อบทบาทของศึกษานิเทศก์
ST2: พัฒนาระบบการบริหารจัดการนโยบายและภาระงาน
- ใช้ความใกล้ชิดกับเขตพื้นที่และกระทรวงในการกลั่นกรองและจัดลำดับความสำคัญของนโยบายต่างๆ
- พัฒนากลไกการบูรณาการนโยบายและการทำงานเพื่อลดความซ้ำซ้อนและภาระงาน
4. กลยุทธ์เชิงรับ (WT Strategies) – การลดจุดอ่อนและหลีกเลี่ยงภัยคุกคาม
WT1: สร้างความชัดเจนในบทบาทหน้าที่และกรอบการทำงาน
- กำหนดกรอบภาระงานที่ชัดเจนเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดความชัดเจนในบทบาทและลดภาระงานที่ไม่เกี่ยวข้อง
- พัฒนาคู่มือการปฏิบัติงานที่ระบุขอบเขตความรับผิดชอบอย่างชัดเจน
WT2: ปรับปรุงภาพลักษณ์และความสัมพันธ์กับครูและโรงเรียน
- พัฒนากลยุทธ์การสื่อสารและการสร้างความสัมพันธ์เพื่อแก้ไขปัญหาทัศนคติเชิงลบต่อตำแหน่ง
- สร้างการมีส่วนร่วมของครูในกระบวนการนิเทศและการพัฒนาคุณภาพการศึกษา
ผลการวิเคราะห์สาเหตุของปัญหา
1. ปัญหาด้านระบบและโครงสร้าง
สาเหตุ
- ระบบการคัดเลือกและการพัฒนา การคัดเลือกศึกษานิเทศก์ไม่ได้เน้นความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ทำให้ได้ศึกษานิเทศก์ที่ต้องดูแลสาขาวิชาที่ไม่ตรงกับความเชี่ยวชาญ
- ระบบการเลื่อนวิทยฐานะ ระบบปัจจุบันไม่ส่งเสริมความต่อเนื่องในการพัฒนาวิชาชีพ การต้องเริ่มนับระยะเวลาใหม่ทำให้ขาดแรงจูงใจในการเปลี่ยนสายงาน
- กรอบภาระงานไม่ชัดเจน ไม่มีการกำหนดขอบเขตและสัดส่วนภาระงานที่ชัดเจน ทำให้ศึกษานิเทศก์ต้องทำงานหลากหลายที่ไม่ใช่ภารกิจหลัก
2. ปัญหาด้านทักษะและความสามารถ
สาเหตุ
- การขาดการพัฒนาอย่างเป็นระบบ ไม่มีหลักสูตรเฉพาะสำหรับพัฒนาทักษะที่จำเป็นสำหรับศึกษานิเทศก์ เช่น ทักษะการสื่อสาร การโค้ช การให้คำปรึกษา
- การขาดประสบการณ์เฉพาะด้าน ศึกษานิเทศก์บางคนอาจมีประสบการณ์การสอนไม่เพียงพอหรือไม่หลากหลายพอที่จะให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์แก่ครู
- การขาดการติดตามความก้าวหน้าทางวิชาการ ศึกษานิเทศก์บางคนอาจไม่ได้ติดตามความก้าวหน้าทางวิชาการและนวัตกรรมการเรียนการสอนอย่างต่อเนื่อง
3. ปัญหาด้านทัศนคติและความสัมพันธ์
สาเหตุ
- ความไม่สมดุลในความสัมพันธ์เชิงอำนาจ ศึกษานิเทศก์อาจใช้อำนาจและสถานะในการสั่งการมากกว่าการให้คำปรึกษาและสนับสนุน
- การขาดความเข้าใจในบริบทของโรงเรียน ศึกษานิเทศก์อาจไม่เข้าใจบริบทและข้อจำกัดของโรงเรียนเพียงพอ ทำให้คำแนะนำไม่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง
- ปัญหาการสื่อสารและความเข้าใจ การสื่อสารที่ไม่มีประสิทธิภาพทำให้เกิดความเข้าใจผิดและความขัดแย้งระหว่างศึกษานิเทศก์และครู
4. ปัญหาด้านนโยบายและการบริหารจัดการ
สาเหตุ
- การเปลี่ยนแปลงนโยบายบ่อยครั้ง การเปลี่ยนแปลงนโยบายจากส่วนกลางบ่อยครั้งทำให้การทำงานขาดความต่อเนื่องและเป็นภาระต่อทั้งศึกษานิเทศก์และครู
- การขาดการบูรณาการนโยบาย นโยบายจากส่วนต่างๆ ไม่ได้รับการบูรณาการ ทำให้มีความซ้ำซ้อนและเพิ่มภาระงานโดยไม่จำเป็น
- การขาดงบประมาณและทรัพยากร การขาดงบประมาณและทรัพยากรที่เพียงพอทำให้การดำเนินงานไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร
แนวทางการแก้ไขปัญหา
แนวทางแก้ไขเร่งด่วน (ภายใน 1 ปี)
-
จัดทำคู่มือและกรอบการปฏิบัติงานที่ชัดเจน
- กำหนดขอบเขตและสัดส่วนภาระงานด้านการนิเทศและงานอื่นๆ อย่างชัดเจน (70:30)
- ระบุภารกิจหลักและภารกิจรองเพื่อให้ศึกษานิเทศก์สามารถจัดลำดับความสำคัญของงานได้
-
พัฒนาทักษะเร่งด่วนที่จำเป็น
- จัดอบรมเชิงปฏิบัติการด้านการสื่อสาร การสร้างความสัมพันธ์ และการให้คำปรึกษา
- พัฒนาทักษะการใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
-
สร้างเครือข่ายและทีมงานตามความเชี่ยวชาญ
- จัดกลุ่มศึกษานิเทศก์ตามความเชี่ยวชาญเพื่อทำงานเป็นทีมและถ่ายทอดองค์ความรู้ซึ่งกันและกัน
- สร้างเครือข่ายร่วมกับครูแกนนำในแต่ละสาขาวิชาเพื่อเสริมความเชี่ยวชาญ
-
ปรับปรุงกระบวนการนิเทศและการสื่อสาร
- พัฒนารูปแบบการนิเทศที่เน้นการมีส่วนร่วมและการให้คำปรึกษามากกว่าการสั่งการ
- จัดทำช่องทางการสื่อสารระหว่างศึกษานิเทศก์และครูที่มีประสิทธิภาพและเป็นกันเอง
แนวทางแก้ไขระยะยาว (ภายใน 3-5 ปี)
-
ปฏิรูประบบการคัดเลือกและพัฒนาศึกษานิเทศก์
- กำหนดเกณฑ์การคัดเลือกที่เน้นความเชี่ยวชาญในสาขาวิชาและประสบการณ์การสอนที่ประสบความสำเร็จ
- พัฒนาหลักสูตรเฉพาะสำหรับการเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่ตำแหน่งและการพัฒนาต่อเนื่อง
-
ปรับปรุงระบบการเลื่อนวิทยฐานะและความก้าวหน้าในวิชาชีพ
- ปรับเกณฑ์การนับระยะเวลาเพื่อการเลื่อนวิทยฐานะให้มีความต่อเนื่องจากตำแหน่งครู
- พัฒนาเส้นทางความก้าวหน้าในวิชาชีพที่หลากหลายและชัดเจน
-
พัฒนาระบบการบริหารจัดการนโยบายและโครงการ
- สร้างกลไกการกลั่นกรอง บูรณาการ และจัดลำดับความสำคัญของนโยบายและโครงการต่างๆ
- พัฒนาระบบการติดตามและประเมินผลที่มีประสิทธิภาพและลดภาระงานเอกสาร
-
สร้างระบบนิเทศที่ตอบสนองความต้องการและบริบทของโรงเรียน
- พัฒนารูปแบบการนิเทศที่หลากหลายตามบริบทและความต้องการของโรงเรียน
- สร้างระบบการวินิจฉัยปัญหาและความต้องการของโรงเรียนเพื่อวางแผนการนิเทศที่เหมาะสม
-
พัฒนาระบบการสร้างและการจัดการความรู้
- จัดทำฐานข้อมูลองค์ความรู้ นวัตกรรม และแนวปฏิบัติที่ดีในการจัดการเรียนการสอนและการนิเทศ
- ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมการนิเทศและการจัดการเรียนการสอน
แผนการดำเนินงานเชิงรุก
แผนการดำเนินงานระยะสั้น (1 ปี)
-
ไตรมาสที่ 1 การกำหนดทิศทางและการเตรียมความพร้อม
- จัดทำคู่มือและกรอบการปฏิบัติงานที่ชัดเจน
- สำรวจความต้องการพัฒนาของศึกษานิเทศก์และครู
- วางแผนการพัฒนาทักษะเร่งด่วน
-
ไตรมาสที่ 2 การพัฒนาทักษะและการสร้างเครือข่าย
- จัดอบรมเชิงปฏิบัติการด้านการสื่อสารและการให้คำปรึกษา
- จัดตั้งเครือข่ายและทีมงานตามความเชี่ยวชาญ
- พัฒนาช่องทางการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ
-
ไตรมาสที่ 3 การทดลองรูปแบบการนิเทศใหม่
- ทดลองใช้รูปแบบการนิเทศที่เน้นการมีส่วนร่วมและการให้คำปรึกษา
- ประเมินผลและปรับปรุงรูปแบบการนิเทศ
- จัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างศึกษานิเทศก์และครู
-
ไตรมาสที่ 4 การประเมินผลและการวางแผนระยะยาว
- ประเมินผลการดำเนินงานในปีแรก
- รวบรวมข้อมูลเพื่อวางแผนการปรับปรุงระบบการคัดเลือกและพัฒนา
- จัดทำแผนการดำเนินงานระยะยาว
แผนการดำเนินงานระยะกลาง (2-3 ปี)
ปีที่ 2 การพัฒนาระบบและโครงสร้าง
-
- พัฒนาหลักสูตรเฉพาะสำหรับการพัฒนาศึกษานิเทศก์
- ปรับปรุงเกณฑ์การคัดเลือกและการประเมินผลการปฏิบัติงาน
- พัฒนาระบบการบริหารจัดการนโยบายและโครงการ
ปีที่ 3 การสร้างนวัตกรรมและการขยายผล
-
- พัฒนานวัตกรรมการนิเทศที่ตอบสนองความต้องการหลากหลาย
- สร้างเครือข่ายวิชาชีพที่เข้มแข็งทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ
- ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมการนิเทศ
แผนการดำเนินงานระยะยาว (4-5 ปี)
ปีที่ 4-5: การปฏิรูประบบและการสร้างความยั่งยืน
-
- ปฏิรูประบบการเลื่อนวิทยฐานะและความก้าวหน้าในวิชาชีพ
- พัฒนาระบบการสร้างและการจัดการความรู้
- สร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้และการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
ข้อเสนอแนะเพื่อการพัฒนา
1. การพัฒนาระบบและโครงสร้าง
- ปรับปรุงระบบการเลื่อนวิทยฐานะ
- กำหนดเกณฑ์การเลื่อนวิทยฐานะที่ชัดเจนและเหมาะสมกับบทบาทหน้าที่
- อนุญาตให้นับเวลาในการทำวิทยฐานะต่อเนื่องจากตำแหน่งครู
- กำหนดกรอบภาระงานที่ชัดเจน
- จัดทำมาตรฐานการปฏิบัติงานของศึกษานิเทศก์ที่ชัดเจน
- กำหนดสัดส่วนภาระงานด้านการนิเทศและงานอื่นๆ ให้เหมาะสม
- ปรับปรุงระบบการคัดเลือกและพัฒนา
- กำหนดเกณฑ์การคัดเลือกที่เน้นความเชี่ยวชาญในสาขาวิชา
- จัดทำหลักสูตรพัฒนาศึกษานิเทศก์ที่เน้นทักษะการนิเทศ การโค้ช และการเป็นพี่เลี้ยง
2. การพัฒนาสมรรถนะและทักษะ
- เสริมสร้างความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
- ส่งเสริมให้ศึกษานิเทศก์พัฒนาความเชี่ยวชาญในสาขาวิชาที่รับผิดชอบ
- จัดโปรแกรมการพัฒนาตามความต้องการและความสนใจ
- พัฒนาทักษะการสื่อสารและการทำงานร่วมกับครู
- จัดอบรมเชิงปฏิบัติการด้านการสื่อสารและการสร้างความสัมพันธ์
- พัฒนาทักษะการให้คำปรึกษาและการโค้ช
- ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม
- ส่งเสริมการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการนิเทศ
- พัฒนาระบบการนิเทศทางไกลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
3. การปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมและทัศนคติ
- สร้างความเป็นกัลยาณมิตรและการทำงานแบบมีส่วนร่วม
- ส่งเสริมการทำงานแบบมีส่วนร่วมระหว่างศึกษานิเทศก์และครู
- จัดกิจกรรมสร้างความสัมพันธ์และความเข้าใจอันดีระหว่างศึกษานิเทศก์และครู
- ปรับเปลี่ยนบทบาทจากผู้ตรวจสอบเป็นผู้สนับสนุนและพี่เลี้ยง
- ส่งเสริมการนิเทศแบบชี้แนะและสร้างพลัง (Coaching and Empowerment)
- พัฒนารูปแบบการนิเทศที่เน้นการมีส่วนร่วมและการแลกเปลี่ยนเรียนรู้
- สร้างแรงจูงใจและความภาคภูมิใจในวิชาชีพ
- ยกย่องและเชิดชูเกียรติศึกษานิเทศก์ที่มีผลงานดีเด่น
- สร้างเครือข่ายและชุมชนวิชาชีพของศึกษานิเทศก์
4. การพัฒนาระบบการทำงานและการบริหารจัดการ
- ปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพ
- ลดขั้นตอนและเอกสารที่ไม่จำเป็น
- พัฒนาระบบการติดตามและรายงานผลที่มีประสิทธิภาพ
- พัฒนาระบบการสื่อสารระหว่างเขตพื้นที่ ศึกษานิเทศก์ และโรงเรียน
- จัดระบบการสื่อสารที่ชัดเจนและมีประสิทธิภาพ
- ส่งเสริมการสื่อสารแบบสองทางเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากครูและโรงเรียน
- กำหนดแผนการนิเทศที่เป็นระบบและตอบสนองความต้องการของโรงเรียน
- จัดทำแผนการนิเทศที่สอดคล้องกับสภาพปัญหาและความต้องการของโรงเรียน
- ติดตามและประเมินผลการนิเทศเพื่อปรับปรุงและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
สรุปความคิดเห็นเพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาการปฏิบัติงานของศึกษานิเทศก์ในอนาคต
จากข้อมูลแบบสอบถาม ผู้ตอบได้แสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาการปฏิบัติงานของศึกษานิเทศก์ในอนาคต ซึ่งสามารถสรุปได้ดังนี้:
1. ด้านบทบาทและภารกิจหลัก
การกำหนดบทบาทที่ชัดเจน
- ศึกษานิเทศก์ควรตระหนักถึงบทบาทของตนเองให้ชัดเจน ว่าเป็นผู้นำทางวิชาการ ไม่ใช่ผู้ทวงงานจากครู
- ควรมีการกำหนดภาระงานที่ชัดเจน ขอบข่ายและสิทธิ์ในการปฏิเสธงานที่ไม่เกี่ยวข้อง
- ควรเปลี่ยนภาพลักษณ์จากผู้ติดตามงานเป็นที่ปรึกษาและผู้ให้การสนับสนุนแก่ครู
การเน้นภารกิจทางวิชาการ
- ควรมุ่งเน้นการนิเทศการเรียนการสอนมากกว่าการติดตามงานตามนโยบาย
- เน้นการพัฒนาทักษะของครูในด้านการจัดการเรียนรู้ วิธีการสอน และการวัดประเมินผล
- เป็นผู้นำในการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนการสอน
2. ด้านความสัมพันธ์กับครูและโรงเรียน
การสร้างความเป็นกัลยาณมิตร
- พัฒนาความเป็นกัลยาณมิตรกับครู สร้างความไว้วางใจและการยอมรับ
- ลดภาวะอีโก้และการใช้อำนาจ มุ่งสร้างความร่วมมือมากกว่าการสั่งการ
- รับฟังความคิดเห็นของครูและเข้าใจบริบทของโรงเรียน
การลงพื้นที่และการติดตามช่วยเหลือ
- เพิ่มความถี่ในการลงพื้นที่โรงเรียน เข้าถึงห้องเรียนและตัวครูโดยตรง
- ร่วมแก้ปัญหากับครูในพื้นที่ ไม่ใช่เพียงแค่ตรวจเยี่ยมหรือประเมิน
- กำหนดตารางการลงพื้นที่อย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง
3. ด้านการพัฒนาศักยภาพของศึกษานิเทศก์
การพัฒนาความเชี่ยวชาญ
- ศึกษานิเทศก์ควรมีความรู้ความเชี่ยวชาญในสาขาวิชาที่นิเทศอย่างลึกซึ้ง
- จัดให้มีศึกษานิเทศก์ตามกลุ่มสาระวิชา เช่น ศน.วิทยาศาสตร์, ศน.ภาษาไทย เป็นต้น
- พัฒนาตนเองอยู่เสมอ ติดตามความก้าวหน้าทางวิชาการและนวัตกรรมการสอน
การพัฒนาทักษะการสื่อสารและการโค้ช
- พัฒนาทักษะการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ ชัดเจน และตรงประเด็น
- เพิ่มความสามารถในการเป็นโค้ชและที่ปรึกษาให้กับครู
- พัฒนาการนิเทศแบบชี้แนะและการสร้างพลัง (Coaching and Empowerment)
4. ด้านความก้าวหน้าในวิชาชีพ
การปรับปรุงระบบการเลื่อนวิทยฐานะ
- ปรับให้สามารถนับเวลาในการทำวิทยฐานะต่อเนื่องจากตำแหน่งครูได้
- พัฒนาเกณฑ์การประเมินผลงานที่เหมาะสมกับบทบาทของศึกษานิเทศก์
- ส่งเสริมให้มีความก้าวหน้าในสายงานที่ชัดเจนและเป็นธรรม
การดึงดูดผู้มีความสามารถ
- ดึงคนเก่ง สนับสนุนผู้มีความสามารถให้เข้าสู่ตำแหน่งศึกษานิเทศก์
- สร้างแรงจูงใจและความภาคภูมิใจในวิชาชีพศึกษานิเทศก์
- สร้างการยอมรับในความสำคัญของบทบาทศึกษานิเทศก์ต่อการพัฒนาการศึกษา
5. ด้านการบริหารจัดการและนโยบาย
การจัดการนโยบายและภาระงาน
- ลดการส่งต่อนโยบายที่ไม่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาการเรียนการสอนให้แก่โรงเรียน
- พิจารณาความเหมาะสมของนโยบายกับบริบทของโรงเรียนก่อนนำไปปฏิบัติ
- บูรณาการนโยบายต่างๆ เพื่อลดความซ้ำซ้อนและภาระงานของครู
การสื่อสารและการประสานงาน
- พัฒนาระบบการสื่อสารที่ชัดเจนและมีประสิทธิภาพ
- สร้างความชัดเจนในการประสานงานระหว่างเขตพื้นที่ ศึกษานิเทศก์ และโรงเรียน
- ส่งเสริมการสื่อสารแบบสองทางเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากครูและโรงเรียน
ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม
ผู้ตอบแบบสอบถามยังได้ให้ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมว่า ควรมีการพัฒนาระบบการนิเทศที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ โดยคำนึงถึงประโยชน์ที่นักเรียนจะได้รับเป็นหลัก ไม่ใช่เพียงเพื่อตอบสนองนโยบายหรือตัวชี้วัดของเขตพื้นที่ นอกจากนี้ ศึกษานิเทศก์ควรเป็นผู้ที่สามารถนำครูคิดและเป็นแบบอย่างในการพัฒนาการเรียนการสอน รวมถึงการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้ในการแก้ไขปัญหาการศึกษา
ทั้งนี้ การพัฒนาการปฏิบัติงานของศึกษานิเทศก์ในอนาคตจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งระดับนโยบาย เขตพื้นที่การศึกษา และตัวศึกษานิเทศก์เอง โดยมีเป้าหมายร่วมกันคือการพัฒนาคุณภาพการศึกษาและการเรียนรู้ของนักเรียนเป็นสำคัญ
สรุปภาระงานที่ไม่ใช่ภารกิจของศึกษานิเทศก์ตามความคิดเห็นของผู้ตอบแบบสอบถาม
จากการวิเคราะห์ข้อมูลแบบสอบถาม ผู้ตอบได้ระบุภาระงานที่เห็นว่าไม่ใช่ภารกิจของศึกษานิเทศก์ ดังนี้:
ภาระงานที่ไม่ใช่ภารกิจของศึกษานิเทศก์
-
งานธุรการและงานสำนักงาน
- งานการเงิน-พัสดุ
- งานเอกสารที่ไม่เกี่ยวข้องกับการนิเทศการศึกษา
- งานที่เป็นลักษณะงานสำนักงานทั่วไป
-
งานนโยบายที่ไม่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาการศึกษา
- งานตามนโยบายต่างๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเรียนการสอน
- การสั่งการหรือบังคับให้ครูทำงานตามนโยบายที่ไม่สอดคล้องกับบริบทโรงเรียน
- นโยบายที่ไม่เกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อนของกระทรวงศึกษาธิการ
- โครงการที่ไม่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานของ สพฐ.
- ภารกิจที่ไม่เหมาะกับบางสถานศึกษาหรือบางเขตพื้นที่
-
งานประเมินและการตรวจสอบที่ไม่เกี่ยวข้องกับการนิเทศ
- การประเมินผลงานทางวิชาการของครู (ควรเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการเฉพาะ)
- งานกำกับติดตามนโยบายที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเรียนการสอน
- การประเมินเพื่อรับรางวัลต่างๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาการเรียนการสอนโดยตรง
-
งานส่วนตัวของผู้บริหาร
- ภารกิจทำงานส่วนตัวของผู้อำนวยการหรือรองผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษา
- การทำงานที่เป็นงานฝากส่วนตัวจากผู้บริหาร
-
การจัดทำข้อมูลหรือเอกสารที่ซ้ำซ้อน
- การเรียกเก็บข้อมูลจากโรงเรียนซ้ำซ้อน
- การทวงงานและติดตามเอกสารที่ไม่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาการเรียนการสอน
ข้อสังเกตเพิ่มเติม
ผู้ตอบแบบสอบถามได้แสดงความคิดเห็นว่า ศึกษานิเทศก์หลายท่านไม่ได้ทำหน้าที่หลักของตนเองอย่างแท้จริง แต่กลับเน้นการทำงานตามนโยบายเป็นหลัก ทำให้บทบาทในการนิเทศ ติดตาม ให้คำแนะนำ และพัฒนาครูลดน้อยลง หลายคนมองว่าศึกษานิเทศก์กลายเป็นผู้ส่งต่อนโยบายและทวงงานจากครูมากกว่าการเป็นผู้นำทางวิชาการที่คอยช่วยเหลือและพัฒนาการเรียนการสอน
ผู้ตอบแบบสอบถามหลายท่านเสนอแนะว่า ควรกำหนดภาระงานที่ชัดเจนของศึกษานิเทศก์ โดยเน้นที่ภารกิจหลัก คือ:
- การนิเทศด้านการศึกษา
- การอบรมและพัฒนาครู
- การติดตามและช่วยเหลือโรงเรียน
- การเป็นที่พึ่งและที่ปรึกษาให้กับครูในด้านวิชาการ
ทั้งนี้ ควรมีการกำหนดขอบเขตและสิทธิ์ในการปฏิเสธงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับภารกิจหลักได้ เพื่อให้ศึกษานิเทศก์สามารถทำหน้าที่หลักของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
สรุปความคิดเห็นเพื่อพัฒนาการปฏิบัติงานของศึกษานิเทศก์ในอนาคต
จากข้อมูลแบบสอบถาม ผู้ตอบได้เสนอความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาการปฏิบัติงานของศึกษานิเทศก์ในอนาคต ดังนี้:
1. การปรับบทบาทและภาพลักษณ์
- ศึกษานิเทศก์ควรเป็นผู้นำทางวิชาการที่แท้จริง ไม่ใช่เพียงผู้ส่งต่อนโยบายหรือทวงงาน
- เน้นความเป็นกัลยาณมิตรกับครู มากกว่าการเป็นผู้ตรวจสอบหรือผู้บังคับบัญชา
- สร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้เป็นที่พึ่งทางวิชาการของครู โดยลบภาพจำเดิมที่มักเป็นเพียงผู้ติดตามงาน
2. การพัฒนาความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
- กำหนดให้มีศึกษานิเทศก์ตามกลุ่มสาระวิชา เพื่อให้มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
- พัฒนาองค์ความรู้ให้ทันสมัย เท่าทันการเปลี่ยนแปลงและนวัตกรรมทางการศึกษา
- นำเทคโนโลยีและ AI มาประยุกต์ใช้ในการแก้ไขปัญหาการศึกษา
3. การปรับปรุงระบบและโครงสร้างการทำงาน
- กำหนดภาระงานที่ชัดเจน แยกงานหลักและงานรองออกจากกัน
- ปรับปรุงระบบการเลื่อนวิทยฐานะให้นับต่อเนื่องจากตำแหน่งครู
- เปิดโอกาสให้มีความก้าวหน้าในสายงานอื่นๆ เช่น การไปสอบในสายบริหาร
4. การพัฒนาแนวทางการนิเทศ
- เน้นการลงพื้นที่และการนิเทศที่ห้องเรียนมากกว่าการตามงานนโยบาย
- พัฒนารูปแบบการนิเทศที่ช่วยแก้ปัญหาและพัฒนาครูอย่างเป็นรูปธรรม
- ร่วมแก้ปัญหาไปพร้อมครู ไม่ใช่เพียงส่งเอกสารให้ตอบหรือรายงาน
5. การสร้างเครือข่ายและการมีส่วนร่วม
- สร้างเครือข่ายครูของตัวเอง เพื่อเป็นกลไกในการพัฒนาการศึกษา
- ดึงคนเก่งและผู้มีความสามารถให้เข้าสู่ตำแหน่งศึกษานิเทศก์
- ทำงานร่วมกับครูในลักษณะเป็นทีมเดียวกัน มากกว่าการสั่งการจากเบื้องบน
6. การเพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสารและประสานงาน
- พัฒนาทักษะการสื่อสารให้ชัดเจน ตรงประเด็น และสร้างความเข้าใจ
- สร้างช่องทางการสื่อสารที่เข้าถึงได้ง่ายระหว่างศึกษานิเทศก์และครู
- ปรับปรุงการสื่อสารนโยบายให้เข้าใจง่ายและเห็นแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน
7. การพัฒนาจิตวิญญาณความเป็นครู
- ศึกษานิเทศก์ควรมีจิตใจเมตตา แบ่งปันความรู้ที่มีให้กับครูและนักเรียน
- มองเป้าหมายหลักที่การพัฒนาผู้เรียน ไม่ใช่เพียงการส่งงานให้ทันตามกำหนด
- มีความภาคภูมิใจในบทบาทการเป็นผู้พัฒนาวงการวิชาชีพ
8. การบริหารจัดการนโยบาย
- กลั่นกรองและเลือกนโยบายที่เหมาะสมกับบริบทของโรงเรียน
- ไม่ผลักภาระงานทั้งหมดให้ครู แต่ควรทำความเข้าใจและตกผลึกความรู้ก่อน
- บูรณาการนโยบายต่างๆ เพื่อลดความซ้ำซ้อนและภาระงานของครู
ข้อเสนอแนะเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า ผู้ตอบแบบสอบถามต้องการให้ศึกษานิเทศก์กลับมาทำหน้าที่หลักในการเป็นผู้นำทางวิชาการและพี่เลี้ยงให้กับครู โดยมุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอนและผู้เรียนเป็นสำคัญ มากกว่าการเป็นเพียงผู้ส่งต่อนโยบายหรือผู้ติดตามงานเอกสาร
สรุป
จากการวิเคราะห์ SWOT คำตอบจากแบบสอบถามในมุมมองของครู พบว่า ศึกษานิเทศก์มีจุดแข็งในด้านความคล่องตัวในการปฏิบัติงาน การเข้าถึงข้อมูลและเครือข่าย และโอกาสในการพัฒนาตนเอง แต่ยังมีจุดอ่อนในด้านความชัดเจนของบทบาทหน้าที่ การพัฒนาวิชาชีพและความก้าวหน้า รวมถึงทักษะและทัศนคติในการปฏิบัติงาน
การพัฒนาศึกษานิเทศก์ในอนาคตควรมุ่งเน้นการปรับปรุงระบบและโครงสร้าง การพัฒนาสมรรถนะและทักษะ การปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมและทัศนคติ และการพัฒนาระบบการทำงานและการบริหารจัดการ เพื่อให้ศึกษานิเทศก์สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นที่ยอมรับของครูและโรงเรียน ซึ่งจะส่งผลต่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษาในที่สุด
การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งระดับนโยบาย เขตพื้นที่การศึกษา และตัวศึกษานิเทศก์เอง โดยมีเป้าหมายร่วมกันคือการพัฒนาคุณภาพการศึกษาและการเรียนรู้ของนักเรียนเป็นสำคัญ
ดังนั้นในกการพัฒนาบทบาทของศึกษานิเทศก์ให้มีประสิทธิภาพและเป็นที่ยอมรับในมุมมองของผม ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายโดยเฉพาะในระดับนโยบายมีความจำเป็นต้องดำเนินการอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง โดยแก้ไขปัญหาทั้งในระดับระบบและโครงสร้าง การพัฒนาทักษะและความสามารถ การปรับเปลี่ยนทัศนคติและความสัมพันธ์ และการพัฒนาระบบการบริหารจัดการ
การแก้ไขปัญหาเร่งด่วนมุ่งเน้นการสร้างความชัดเจนในบทบาทหน้าที่ การพัฒนาทักษะที่จำเป็น และการปรับปรุงกระบวนการนิเทศและการสื่อสาร ในขณะที่การแก้ไขปัญหาระยะยาวมุ่งเน้นการปฏิรูประบบการคัดเลือกและพัฒนา การปรับปรุงระบบการเลื่อนวิทยฐานะ และการพัฒนาระบบการบริหารจัดการนโยบายและโครงการต่างๆ
การดำเนินการตามแนวทางดังกล่าวจะช่วยให้ศึกษานิเทศก์สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นที่ยอมรับของครูและโรงเรียน ซึ่งจะส่งผลต่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษาในภาพรวม
ขอขอบคุณข้อมูลจากพี่น้องเพื่อครูทุกท่านที่ช่วยแสดงความคิดเห็นเข้ามาครับ
ข้อมูลนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผม และวิเคราะห์ผลตามหลักวิชาการ และใช้ AI ในการประมวล ร่วมกับความคิดเห็นส่วนตัวของผมเท่านั้นครับ
ดร.อนุศร หงษ์ขุนทด
28 กุมภาพันธ์ 2568
Comments
Powered by Facebook Comments