กรอบแนวทางการนิเทศการศึกษาเชิงบูรณาการสำหรับศึกษานิเทศก์ผู้นำทางการศึกษา
ดร.อนุศร หงษ์ขุนทด
ศึกษานิเทศก์ วิทยฐานะศึกษานิเทศก์เชี่ยวชาญ สพม.นครราชสีมา
Musicmankob@gmail.com
__________________________________
I. บทนำ: นิยามและกรอบแนวคิดหลักของการนิเทศเพื่อพัฒนาการจัดการเรียนรู้
A. การสังเคราะห์นิยามและเป้าหมายสูงสุดของการนิเทศ
การนิเทศการศึกษา (Educational Supervision) ในบริบทของการศึกษา
ยุคใหม่ ได้ก้าวข้ามแนวคิดดั้งเดิมที่เน้นการตรวจสอบหรือการประเมินเพื่อตัดสินคุณค่า
(Evaluation) มาสู่การเป็น “กระบวนการ” (Process) ที่มีเป้าหมายชัดเจนในการ “พัฒนาและปรับปรุงกระบวนการเรียนการสอนของครู” 1
ข้อมูลจากการวิเคราะห์เอกสารทางวิชาการชี้ให้เห็นว่า “หัวใจของการนิเทศ คือ การเรียนรู้ของครู (Teacher Learning)” 2 การนิเทศที่มีประสิทธิภาพจะต้องเป็นกระบวนการที่สร้างแรงจูงใจและสนับสนุนให้ครูเกิดการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีความรู้ที่ทันสมัย ทันต่อเหตุการณ์ และสามารถมองเห็นภาพอนาคตของผู้เรียนซึ่งเป็นผลผลิตทางการศึกษาได้ 2
ดังนั้น แผนการนิเทศจึงต้องมีเป้าหมายหลักในการพัฒนาวิชาชีพครู (Professional Development) โดยมุ่งเน้นการพัฒนาสมรรถนะของครูในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นความรู้ในเนื้อหาวิชา ทักษะการสอน การใช้เทคโนโลยี หรือการวิจัยในชั้นเรียน นอกจากนี้ การสร้างโอกาสให้ครูได้เรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างกัน ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญของแผนนิเทศที่มีประสิทธิภาพ 3
เมื่อสังเคราะห์แนวคิดเหล่านี้เข้าด้วยกัน จะเห็น “ห่วงโซ่คุณค่า” (Value Chain) ของการนิเทศที่ชัดเจน กล่าวคือ การนิเทศไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและจบไป แต่เป็นกระบวนการที่เชื่อมโยงกันเป็นลูกโซ่:
- กระบวนการนิเทศ (The Process) 1 ที่มีคุณภาพ
- นำไปสู่ การเรียนรู้ของครู (Teacher Learning) 2
- ซึ่งสร้าง การพัฒนาวิชาชีพ (Professional Development) 3 อย่างเป็นรูปธรรม
- และส่งผลกระทบสุดท้ายไปยัง คุณภาพของผู้เรียน (Student Quality) 1
กรอบแนวทางใดๆ ที่จะนำเสนอในรายงานฉบับนี้ จึงต้องถูกประเมินโดยตัวชี้วัดที่ครอบคลุมทั้ง 4 ระดับนี้ หากกระบวนการนิเทศ (เช่น การสังเกตชั้นเรียน) ไม่ได้นำไปสู่ “การเรียนรู้ของครู” อย่างแท้จริง (เช่น ครูรู้สึกถูกคุกคามหรือเพียงแค่ “แสดง” ให้ผ่านไป) ห่วงโซ่คุณค่านี้จะขาดสะบั้น และกระบวนการนั้นจะล้มเหลว แม้ว่าจะปฏิบัติตามขั้นตอนอย่างครบถ้วนก็ตาม
B. การนำเสนอกรอบแนวทางการนิเทศเชิงบูรณาการ (The “P-D-I-E” Integrative Framework)
เพื่อให้การนิเทศบรรลุเป้าหมายสูงสุดตามห่วงโซ่คุณค่าที่กล่าวมา รายงานฉบับนี้จึงขอเสนอ “กรอบแนวทางการนิเทศเชิงบูรณาการ” หรือ “P-D-I-E Framework” ซึ่งเป็นวงจรต่อเนื่อง 4 องค์ประกอบ ที่สังเคราะห์จากกระบวนการ รูปแบบ และแผนการนิเทศที่ระบุในเอกสารวิจัยทั้งหมด กรอบแนวทางนี้จะใช้เป็นโครงสร้างหลักของรายงานฉบับนี้
- P = การวางแผน (Planning): การวางรากฐานการนิเทศที่มั่นคง เริ่มตั้งแต่การประเมินความต้องการจำเป็น 4 การกำหนดวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ 3 และการสร้างแผนปฏิบัติการที่ชัดเจน ดังกรณีศึกษาการส่งเสริม Active Learning 2
- D = การวินิจฉัย (Diagnosis): หัวใจสำคัญที่เชื่อมโยงแผนไปสู่การปฏิบัติ ผู้นิเทศต้องประเมินระดับพัฒนาการของครู (Conceptual Level) เพื่อเลือกใช้แนวทางการนิเทศที่เหมาะสม 5
- I = การปฏิบัติการ (Implementation): การดำเนินกระบวนการนิเทศตาม “รูปแบบ” (Models) ที่ได้เลือกไว้จากการวินิจฉัย เช่น การนิเทศแบบคลินิก (Clinical Supervision) 6 หรือการนิเทศแบบกัลยาณมิตร (Collegial Supervision) ผ่านชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) 7
- E = การประเมินผล (Evaluation): การวัดความสำเร็จของกรอบการนิเทศทั้งหมด 8 โดยใช้ตัวชี้วัดที่สะท้อนผลลัพธ์ทั้งในระดับกระบวนการ ระดับครู และที่สำคัญที่สุด คือระดับนักเรียน 9
กรอบแนวทางนี้มุ่งเปลี่ยนสถานะของการนิเทศจาก “เหตุการณ์” (Event) ที่เกิดขึ้นเป็นครั้งคราว ให้กลายเป็น “วงจร” (Cycle) ของการพัฒนาคุณภาพอย่างต่อเนื่อง โดยมี “การวินิจฉัย” 5 เป็นกลไกสำคัญในการปรับเปลี่ยนการปฏิบัติการให้สอดคล้องกับความต้องการจริงของครู
II. P – การวางรากฐาน: การพัฒนาแผนการนิเทศการศึกษา
A. ขั้นตอนที่ 0: การวิเคราะห์ความต้องการจำเป็น (Step 0: Supervision Needs Assessment)
ก่อนที่จะเริ่มจัดทำแผนการนิเทศการศึกษา (Supervision Plan) 3 กระบวนการที่มีประสิทธิภาพต้องเริ่มต้นจากการศึกษา “ความต้องการจำเป็น” (Needs Assessment) 4 เสมอ การข้ามขั้นตอนนี้ไปและสมมติเอาเองว่าครูต้องการอะไร คือความผิดพลาดประการแรกที่นำไปสู่การนิเทศที่ล้มเหลว
การศึกษาเกี่ยวกับกระบวนการนิเทศภายในโดยใช้ชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) 4 ได้ระบุกระบวนการนิเทศไว้ 5 ด้าน ได้แก่ การวางแผน, การกำหนดกลยุทธ์, การดำเนินการ, การกำกับติดตาม และการประเมินผล
ประเด็นสำคัญจากการศึกษานี้ 4 พบว่า เมื่อวิเคราะห์ค่าดัชนีความต้องการจำเป็น (PNIModified) ลำดับความต้องการในการพัฒนาที่มีค่าสูงสุด คือ “การกำหนดกลยุทธ์การนิเทศภายใน” รองลงมาคือ “การดำเนินการนิเทศภายใน” ในขณะที่ “การวางแผนการนิเทศ” อยู่ในลำดับที่ 3
การค้นพบนี้ชี้ให้เห็นปัญหาที่แท้จริงในภาคสนาม นั่นคือ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ “การไม่มีแผน” แต่อยู่ที่ “การไม่มีกลยุทธ์” ครูและผู้บริหารอาจมีเอกสารที่เรียกว่า “แผนการนิเทศ” แต่พวกเขารู้สึกว่าแผนนั้นขาด “กลยุทธ์” และไม่รู้วิธี “ดำเนินการ” อย่างไรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ดังนั้น แผนการนิเทศ (P) ที่ดี จึงต้องตอบโจทย์ความต้องการด้านกลยุทธ์ (Strategy) และวิธีการปฏิบัติ (Implementation) ให้ชัดเจน ไม่ใช่เพียงแค่กำหนดรายการกิจกรรมที่จะทำ
B. องค์ประกอบหลักของแผนการนิเทศที่มีประสิทธิภาพ
แผนการนิเทศการศึกษา (Supervision Plan) คือ เอกสารที่จัดทำขึ้นอย่างเป็นระบบ เพื่อกำหนดแนวทาง กระบวนการ และกิจกรรมในการให้คำแนะนำ ช่วยเหลือ และสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพการศึกษา 3 แผนที่มีประสิทธิภาพควรประกอบด้วยองค์ประกอบหลักดังต่อไปนี้:
- วัตถุประสงค์และเป้าหมาย (Objectives & Goals): ต้องชัดเจน วัดผลได้ และสอดคล้องกับความต้องการจำเป็นที่ได้จากการวิเคราะห์ในขั้นตอนที่ 0
- วิธีการดำเนินงาน (Methodology): ต้องระบุ “กลยุทธ์” และ “รูปแบบ” ที่จะใช้ (เช่น จะใช้ Clinical Supervision หรือ PLC)
- ระยะเวลา (Timeline): กำหนดกรอบเวลาของกิจกรรมต่างๆ อย่างชัดเจน 3
- ทรัพยากรที่ใช้ (Resources): ระบุงบประมาณ บุคลากร และเครื่องมือที่จำเป็น 3
- การพัฒนาวิชาชีพครู (Professional Development): นี่คือองค์ประกอบสำคัญที่มักถูกมองข้าม แผนนิเทศต้องระบุอย่างชัดเจนว่าจะพัฒนาสมรรถนะครูในด้านใด และจะสร้างโอกาสในการเรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างครู (เช่น การอบรมเชิงปฏิบัติการ, การศึกษาดูงาน, หรือการสร้างเครือข่ายครูมืออาชีพ) อย่างไร 3
- การประเมินผลและการสะท้อนคิด (Evaluation and Reflection): ต้องกำหนดกระบวนการประเมินผลที่ชัดเจน ทั้งการประเมินระหว่างดำเนินการ (Formative) และการประเมินผลลัพธ์สุดท้าย (Summative) รวมถึงการส่งเสริมให้ครูและผู้เกี่ยวข้องมีการสะท้อนคิดอย่างสม่ำเสมอ 3
C. กรณีศึกษาการเขียนแผน: การส่งเสริมการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning)
แผนการนิเทศการจัดการศึกษา 2 เรื่อง การส่งเสริมการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) เป็นตัวอย่างของการนำหลักการใน 3 มาปฏิบัติจริง
1. การวิเคราะห์หลักการและเหตุผล (Rationale Analysis):
แผนเริ่มต้นด้วยการสร้างความเชื่อมโยงที่ชัดเจนว่า การพัฒนาคุณภาพการศึกษาต้องอาศัย 3 กระบวนการที่สนับสนุนซึ่งกันและกัน ได้แก่ กระบวนการบริหาร, กระบวนการจัดการเรียนรู้ และกระบวนการนิเทศ 2 จากนั้นระบุ “ปัญหา” หรือ “เป้าหมาย” ที่ต้องการพัฒนาอย่างชัดเจน คือ การส่งเสริม Active Learning ซึ่งเป็นกระบวนการสำคัญที่ให้ผู้เรียนได้ คิด, ลงมือปฏิบัติ และสื่อสาร 2
2. การวิเคราะห์วัตถุประสงค์ (Objectives Analysis):
จุดเด่นของแผนนี้คือการตั้งวัตถุประสงค์ 3 ข้อที่เป็นลำดับขั้น สะท้อนความเข้าใจในกระบวนการเรียนรู้ของครู 2 แทนที่จะตั้งเป้าหมายกว้างๆ ว่า “ครูต้องใช้ Active Learning” แผนนี้กำหนดวัตถุประสงค์ดังนี้ 2:
- เพื่อพัฒนา “ความรู้ความเข้าใจ” เกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) (Knowledge)
- เพื่อพัฒนา “การออกแบบ” การจัดกิจกรรมการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) (Design)
- เพื่อ “ส่งเสริม สนับสนุน” ให้ครูผู้สอนจัดการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) (Implementation)
ลำดับขั้น “ความรู้ – ออกแบบ – ปฏิบัติ” นี้ แสดงให้เห็นว่าแผนการนิเทศใน 2 ไม่ใช่แผน “การประเมิน” แต่เป็นแผน “การพัฒนา” (Developmental Plan) อย่างแท้จริง แผนนี้ทำหน้าที่เสมือน “หลักสูตรสำหรับการพัฒนาครู” (Teacher Development Curriculum) ซึ่งสอดคล้องกับหลักการที่ว่า “หัวใจของการนิเทศคือการเรียนรู้ของครู” 2
3. การวิเคราะห์ขอบเขต (Scope Analysis):
แผนระบุขอบเขตอย่างชัดเจนทั้งในมิติเนื้อหา (การส่งเสริมสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ภายใต้รูปแบบ Active Learning) และกลุ่มเป้าหมาย (ครูผู้ช่วย จำนวน 60 คน) 2 การระบุกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนช่วยให้สามารถออกแบบ “กลยุทธ์” 4 ได้อย่างเหมาะสมกับบริบทของผู้รับการนิเทศ
แผนการนิเทศฉบับนี้ 2 จึงเป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบของการนำผลการวิเคราะห์ความต้องการ (ที่ต้องการกลยุทธ์ 4) มาสร้างเป็นแผนปฏิบัติการที่เน้นการพัฒนาวิชาชีพ (ตามแนวทาง 3) อย่างเป็นรูปธรรม
III. D – การวินิจฉัยและ I – การปฏิบัติการ: รูปแบบและกระบวนการนิเทศ
ส่วนนี้คือหัวใจสำคัญของกรอบแนวทาง P-D-I-E ซึ่งจะอธิบายองค์ประกอบ “การวินิจฉัย” (D) และ “การปฏิบัติการ” (I) โดยการวิเคราะห์รูปแบบ (Models) และกระบวนการ (Processes) ที่ผู้นิเทศสามารถเลือกใช้ได้
A. รูปแบบที่ 1: การนิเทศแบบคลินิก (Clinical Supervision) – วัฏจักรแห่งการพัฒนาร่วมกัน
1. นิยามและเป้าหมาย:
การนิเทศแบบคลินิก (Clinical Supervision) เป็นกระบวนการนิเทศที่มุ่งพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในชั้นเรียนโดยตรง 10 โดยมีเป้าหมายหลักคือ “การพัฒนาวิชาชีพ” (Professional Development) และ “การปรับปรุงการปฏิบัติการสอน” (Instructional Performance) ของครู 11 สิ่งสำคัญคือต้องเน้นย้ำว่ากระบวนการนี้เป็น “การพัฒนาร่วมกัน” และไม่ใช่การประเมินเพื่อตัดสิน (Non-evaluative) 11 แม้ว่าการนิเทศแบบคลินิกจะทรงพลัง แต่ก็มีข้อควรระวัง ดังที่ 11 ชี้ให้เห็นว่าผู้นิเทศอาจถูกดึงบทบาทไปทำหน้าที่เป็น “ผู้ให้คำปรึกษา” (Counselor) ในปัญหาส่วนตัวหรือความวิตกกังวลของครู ซึ่งไม่ใช่เป้าหมายหลักของกระบวนการ
2. การสังเคราะห์กระบวนการ (The Process Models):
วรรณกรรมด้านการนิเทศนำเสนอโมเดลการนิเทศแบบคลินิกที่คล้ายคลึงกัน แต่มีความลึกซึ้งที่แตกต่างกัน:
โมเดล 5 ขั้นตอนของ Goldhammer (1969): เป็นโมเดลที่ได้รับความนิยมและเข้าใจง่าย ประกอบด้วย 5 ขั้นตอน ได้แก่ (1) Pre-observation Conference (การประชุมก่อนสังเกต), (2) Classroom Observation (การสังเกตการณ์สอน), (3) Data Analysis and Strategy (การวิเคราะห์ข้อมูลและวางกลยุทธ์), (4) Conference (การประชุมสะท้อนผล), (5) Post-conference Analysis (การวิเคราะห์หลังการประชุม) 14
โมเดล 8 ขั้นตอนของ Cogan (1973): เป็นโมเดลที่ให้รายละเอียดเชิงความสัมพันธ์และการวางแผนที่ลึกซึ้งกว่า ประกอบด้วย 8 ขั้นตอน ได้แก่ (1) Establishing the teacher-supervisor relationship (การสร้างความสัมพันธ์), (2) Planning with the teacher (การวางแผนร่วมกับครู), (3) Planning the strategy of observation (การวางแผนกลยุทธ์การสังเกต), (4) Observing instruction (การสังเกตการสอน), (5) Analyzing the teaching-learning processes (การวิเคราะห์กระบวนการเรียนการสอน), (6) Planning the strategy of the conference (การวางแผนกลยุทธ์การประชุม), (7) The conference (การประชุม), (8) Renewed planning (การวางแผนครั้งใหม่) 16
เมื่อเปรียบเทียบทั้งสองโมเดล โมเดล 5 ขั้นตอนของ Goldhammer 14 คือ “กระบวนการเชิงปฏิบัติ” (Operational Process) ที่บอกว่าต้องทำอะไรบ้าง ในขณะที่โมเดล 8 ขั้นตอนของ Cogan 17 คือ “กระบวนการเชิงสัมพันธ์” (Relational Process) ที่อธิบายว่าต้องทำอย่างไรจึงจะประสบความสำเร็จ Cogan ไม่ได้เพิ่มขั้นตอนที่ซ้ำซ้อน แต่เน้นย้ำ “การวางแผน” ถึง 3 ครั้ง (ขั้นที่ 2, 3, 6) และเริ่มต้นด้วย “ความสัมพันธ์” (ขั้นที่ 1)
ความสำเร็จของการนิเทศแบบคลินิกจึงไม่ได้อยู่ที่ “การสังเกต” (ขั้นที่ 4) แต่อยู่ที่ “คุณภาพของการวางแผนร่วมกัน” ที่เกิดขึ้นทั้งก่อนและหลังการสังเกต การนิเทศแบบคลินิกที่ล้มเหลวส่วนใหญ่ คือการที่ผู้นิเทศข้ามขั้นตอนที่ 1, 2, 3 แล้วกระโดดไปที่ขั้นที่ 4 (การสังเกต) ทันที หรือที่เรียกว่า “snoopervision” 18
3. การบูรณาการกระบวนการ 5 ขั้นตอน พร้อมเครื่องมือปฏิบัติ (The 5-Step Cycle with Practical Tools):
เพื่อวัตถุประสงค์ในการปฏิบัติ รายงานนี้จะยึดโครง 5 ขั้นตอนของ Goldhammer 14 แต่บูรณาการความลึกเชิงสัมพันธ์ของ Cogan 17 เข้าไปในแต่ละขั้นตอน
ขั้นที่ 1: การประชุมวางแผนก่อนการสอน (Pre-conference)
เป้าหมาย: ไม่ใช่การ “ตรวจแผนการสอน” แต่เป็นการ “วางแผนร่วมกัน” 17 สร้างความไว้วางใจ 6 และตกลงกันใน “จุดโฟกัส” (Focus) ที่จะสังเกต 19
เครื่องมือ: การใช้คำถามที่มีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญในขั้นตอนนี้ คำถามเหล่านี้ควรช่วยให้ครูได้อธิบายความคิดของตนเอง 19 เช่น:
- “ในบทเรียนนี้ ครูต้องการให้นักเรียนเรียนรู้หรือทำอะไรได้บ้าง” 22
- “ครูและนักเรียนจะรู้ได้อย่างไรว่าพวกเขาได้บรรลุเป้าหมายนั้นแล้ว” (หลักฐานแห่งความเชี่ยวชาญคืออะไร) 19
- “ครูมีแผนจะปรับเปลี่ยนบทเรียนนี้สำหรับนักเรียนกลุ่มต่างๆ (เช่น กลุ่มเก่ง/อ่อน) อย่างไร” 22
- “ครูอยากให้ผู้นิเทศช่วยสังเกตในประเด็นใดเป็นพิเศษ” 20
ขั้นที่ 2: การสังเกตการสอน (Classroom Observation)
เป้าหมาย: การรวบรวมข้อมูลเชิงพรรณนา (Descriptive Data) หรือข้อมูลเชิงปริมาณ (Quantitative Data) ตาม “จุดโฟกัส” ที่ตกลงกันไว้ในขั้นที่ 1 6 ผู้นิเทศต้องมุ่งเน้นการบันทึก “สิ่งที่เกิดขึ้นจริง” โดยปราศจากการตัดสินคุณค่า 23
เครื่องมือ: แบบสังเกตการสอน 24 เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการรวบรวมข้อมูลอย่างเป็นระบบ ควรมีหัวข้อการประเมินที่ชัดเจน (เช่น การวัดและการประเมินผล, การประเมินตามสภาพจริง) แต่ส่วนที่สำคัญที่สุดคือช่อง “ข้อสังเกต/สิ่งที่ต้องพัฒนา” ซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับบันทึกข้อมูลเชิงพรรณนาที่เป็นกลาง
ขั้นที่ 3: การวิเคราะห์และตีความข้อมูล (Analysis and Interpretation)
เป้าหมาย: ทั้งผู้นิเทศและครู (ในอุดมคติคือต่างคนต่างวิเคราะห์ข้อมูลของตนเองก่อน 17) ทำการวิเคราะห์ข้อมูลที่รวบรวมได้ในขั้นที่ 2 6 เพื่อค้นหา “รูปแบบ” (Patterns) และ “เหตุการณ์สำคัญ” (Critical Incidents) ที่เกิดขึ้นในชั้นเรียน 18
เครื่องมือ: การวิเคราะห์ข้อมูลอาจทำได้หลายวิธี เช่น การทำแผนผังการมีส่วนร่วมของนักเรียน การนับความถี่ของคำถาม (เช่น คำถามปลายปิด/ปลายเปิด) หรือการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) จากสิ่งที่ครูและนักเรียนพูด
ขั้นที่ 4: การประชุมสะท้อนผลหลังการสอน (Post-conference)
เป้าหมาย: นี่คือขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการสร้าง “การเรียนรู้ของครู” 2 เป้าหมายไม่ใช่การที่ผู้นิเทศ “ให้ Feedback” (ซึ่งเป็นกระบวนการสื่อสารทางเดียว) แต่เป็นการ “สร้างบทสนทนา” (Dialogue) 25 เพื่อให้ครูเป็นผู้วิเคราะห์การสอนของตนเอง 26 และร่วมกันกำหนด “เป้าหมายใหม่” สำหรับการพัฒนาในครั้งต่อไป 17
เครื่องมือ: คำถามสะท้อนคิด (Reflective Questions) เป็นเครื่องมือหลักของผู้นิเทศในขั้นตอนนี้ 27 แทนที่จะพูดว่า “ครูทำ…ไม่ดี” ผู้นิเทศควรใช้คำถาม เช่น:
- “อะไรคือความสำเร็จของบทเรียนนี้” 27
- “ครูรู้ได้อย่างไรว่านักเรียนบรรลุเป้าหมายที่ตั้งใจไว้” 27
- “ถ้าครูมีโอกาสสอนบทเรียนนี้อีกครั้งให้กับนักเรียนกลุ่มเดิม ครูจะทำอะไรที่แตกต่างออกไป และเพราะเหตุใด” 27
- “ครูได้ปรับเปลี่ยนแผนการสอนระหว่างที่สอนหรือไม่ เพราะเหตุใด” 27
- คำถามเชิงลึกยังสามารถใช้ได้ เช่น “ความสัมพันธ์ที่ครูมีกับนักเรียนในห้องนี้ ช่วยส่งเสริมหรือขัดขวางการเรียนรู้ของพวกเขาหรือไม่” 29
ขั้นที่ 5: การวิเคราะห์กระบวนการนิเทศ (Critique / Post-conference Analysis)
เป้าหมาย: เป็นขั้นตอน “Meta-cognition” ของการนิเทศที่มักถูกลืม คือการที่ทั้งผู้นิเทศและครูสะท้อนคิดเกี่ยวกับ “ตัวกระบวนการนิเทศเอง” 6
เครื่องมือ: การสนทนาสั้นๆ หลังจบ Post-conference 26 โดยใช้คำถาม เช่น “การนิเทศในวันนี้มีประโยชน์ต่อครูอย่างไรบ้าง” “การที่ผู้นิเทศโฟกัสที่ประเด็น…ในวันนี้ ช่วยให้ครูเห็นภาพชัดเจนขึ้นหรือไม่” “ในครั้งต่อไป เราควรปรับกระบวนการ Pre-conference หรือการเก็บข้อมูลอย่างไร” ขั้นตอนนี้คือการ “วางแผนครั้งใหม่” (Renewed Planning) 17 สำหรับวงจรนิเทศในอนาคต
B. รูปแบบที่ 2: การนิเทศแบบกัลยาณมิตร (Collegial Supervision) – พลังของชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC)
1. นิยามและเป้าหมาย:
การนิเทศแบบกัลยาณมิตร 30 หรือการนิเทศโดยเพื่อนครู (Peer Supervision) เป็นรูปแบบหนึ่งที่ได้รับการยอมรับว่ามีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อดำเนินการในรูปแบบ “ชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ” (Professional Learning Community – PLC)
PLC หมายถึง กลุ่มนักการศึกษา (ผู้บริหาร, ครู) ที่พบปะกันอย่างสม่ำเสมอ 31 ทำงานร่วมกัน (collaboratively) 7 แบ่งปันประสบการณ์และความเชี่ยวชาญระหว่างกัน 31 โดยมีเป้าหมายร่วมกันในการยกระดับการจัดการเรียนรู้ของครูและคุณภาพการเรียนรู้ของนักเรียน 31
2. กระบวนการของ PLC (The PLC Process):
เอกสารวิชาการ 7 ได้นำเสนอรูปแบบการพัฒนาครูโดยใช้กระบวนการ PLC ซึ่งสามารถสังเคราะห์ขั้นตอนในวงจรการปฏิบัติ (PLC Cycle) ได้ดังนี้:
ระยะที่ 1: การเตรียมการ (Preparation) 7
ระยะที่ 2: การพัฒนาด้วยวงจร PLC (PLC Cycle)
ขั้นที่ 1: ร่วมสร้างกลุ่มและวิเคราะห์ปัญหาจากผลการเรียนรู้ (Analyze Problems): การรวมกลุ่มของครูเพื่อวิเคราะห์ปัญหาที่เกิดขึ้นจริงจากการเรียนรู้ของนักเรียน (เช่น จากผลการทดสอบ, ชิ้นงาน) 7
ขั้นที่ 2: วางแผนและกำหนดเป้าหมายร่วมกัน (Set Shared Goals): กลุ่มร่วมกันกำหนดเป้าหมายที่ต้องการพัฒนาให้ชัดเจน 7
ขั้นที่ 3: สร้างองค์กรการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ / วางแผนสู่ชั้นเรียน (Plan for Class): สมาชิกในกลุ่มร่วมกันออกแบบแผนการจัดการเรียนรู้หรือนวัตกรรมเพื่อแก้ปัญหาที่กำหนดไว้ 7
ขั้นที่ 4: พัฒนางานตามเป้าหมาย / นำไปปฏิบัติ (Implement): ครูนำแผนหรือนวัตกรรมที่ออกแบบร่วมกันไปใช้ในชั้นเรียนของตน 7
ขั้นที่ 5: ร่วมสะท้อนจากผลลัพธ์ / ให้ Feedback (Reflect on Results / Feedback): กลุ่มกลับมาประชุมอีกครั้งเพื่อสะท้อนผลลัพธ์ที่ได้จากการนำไปใช้ โดยอาจใช้ข้อมูลจากการสังเกตชั้นเรียน 31 หรือชิ้นงานนักเรียน 7
ขั้นที่ 6: สรุปบทเรียนเพื่อการพัฒนาต่อ (Summarize Lesson): กลุ่มสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้จากวงจรนี้ เพื่อนำไปพัฒนาต่อยอดในวงจรต่อไป 7
ระยะที่ 3: การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ / เผยแพร่ผลงาน (Dissemination / Best Practices) 7
เมื่อวิเคราะห์กระบวนการ PLC 7 เปรียบเทียบกับกระบวนการนิเทศแบบคลินิก 14 จะเห็นความขนานกันอย่างชัดเจน:
- Clinical (Pre-conf) = PLC (Analyze Problems + Set Goals)
- Clinical (Observation + Analysis) = PLC (Plan for Class + Implement + Reflect)
- Clinical (Post-conf + Critique)= PLC (Feedback + Summarize)
ข้อสรุปเชิงสังเคราะห์ที่สำคัญคือ PLC ไม่ใช่แค่ “การประชุมครู” แต่เป็น “การนิเทศแบบคลินิกในรูปแบบกลุ่ม” (Group Clinical Supervision) ความแตกต่างที่สำคัญคือ “ผู้กระทำ” (Agent) ในการนิเทศแบบคลินิกแบบดั้งเดิมมักเป็น “ผู้นิเทศ” (Supervisor) กับ “ครู” (ความสัมพันธ์แบบ 1:1) ในขณะที่ PLC ผู้กระทำคือ “กลุ่มเพื่อนครู” (ความสัมพันธ์แบบ Many:Many) นี่คือหัวใจของการนิเทศแบบกัลยาณมิตร 30 ที่แท้จริง
C. รูปแบบที่ 3: การนิเทศแบบพัฒนาการ (Developmental Supervision) – แนวคิดหลักในการบูรณาการ
ทั้งการนิเทศแบบคลินิกและ PLC จะไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพหากปราศจากแนวคิดหลักที่สามนี้ นั่นคือ “การนิเทศแบบพัฒนาการ” (Developmental Supervision) ของ Glickman 5
แนวคิดนี้ตั้งอยู่บนสมมติฐานที่ว่า “One size fits all” ใช้ไม่ได้กับการนิเทศ ผู้นิเทศที่มีประสิทธิภาพต้องสามารถ “วินิจฉัย” (Diagnose) ระดับแนวคิด (Conceptual Level – CL) หรือระดับพัฒนาการของครูก่อน แล้วจึงเลือก “แนวทาง” (Approach) การนิเทศที่เหมาะสมกับครูคนนั้น 5
Glickman ได้เสนอ 3 แนวทางหลักในการนิเทศ 5:
- แนวทางชี้แนะ (Directive Approach):
- พฤติกรรม: การชี้แนะ (Directing), การกำหนดมาตรฐาน (Standardizing) ผู้นิเทศเป็นแหล่งข้อมูลหลักและให้ทางเลือกที่จำกัด
- ใช้เมื่อไหร่: เหมาะสำหรับครูที่มีระดับแนวคิด (CL) ต่ำ เช่น ครูบรรจุใหม่, ครูที่กำลังสับสน, หรือครูที่ขาดแรงจูงใจอย่างมาก
- แนวทางร่วมมือ (Collaborative Approach):
- พฤติกรรม: การนำเสนอ (Presenting), การแก้ปัญหาร่วมกัน (Problem Solving), การเจรจาต่อรอง (Negotiating) ผู้นิเทศและครูทำงานร่วมกันในฐานะผู้ร่วมแก้ปัญหา
- ใช้เมื่อไหร่: เหมาะสำหรับครูที่มีระดับแนวคิด (CL) ปานกลาง ซึ่งเป็นครูกลุ่มใหญ่ในโรงเรียน
- แนวทางไม่ชี้แนะ (Nondirective Approach):
- พฤติกรรม: การรับฟัง (Listening), การทำให้ชัดเจน (Clarifying), การให้กำลังใจ (Encouraging), การสะท้อนกลับ (Reflecting) ผู้นิเทศทำหน้าที่เป็น “กระจกเงา” กระตุ้นให้ครูวิเคราะห์และค้นพบคำตอบด้วยตนเอง
- ใช้เมื่อไหร่: เหมาะสำหรับครูที่มีระดับแนวคิด (CL) สูง เช่น ครูผู้เชี่ยวชาญ หรือทีมครูที่มีวุฒิภาวะสูง
เป้าหมายสูงสุดของการนิเทศแบบพัฒนาการ คือการค่อยๆ พัฒนาครูให้ก้าวจากระดับ CL ต่ำไปสู่ CL ปานกลางและสูง โดยการค่อยๆ ลดการชี้นำ (Directive) และเพิ่มการตัดสินใจด้วยตนเองของครู (Nondirective) 5
ประเด็นที่สำคัญอย่างยิ่งยวดคือ ข้อมูลจาก 32 ยืนยันว่า “การต่อต้าน” (Resistance) ของครูต่อกระบวนการนิเทศ มักเกิดจาก “ความไม่สอดคล้อง” (Mismatch) ระหว่างรูปแบบการนิเทศที่ผู้บริหารใช้ กับระดับพัฒนาการของครู การใช้แนวทางชี้แนะ (Directive) กับครูผู้เชี่ยวชาญ (High CL) จะนำไปสู่การต่อต้าน ในทางกลับกัน การใช้แนวทางไม่ชี้แนะ (Nondirective) กับครูใหม่ (Low CL) ที่กำลังต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ถือเป็นการละเลยความรับผิดชอบของผู้นิเทศ
IV. การวิเคราะห์เปรียบเทียบและความสัมพันธ์เชิงบูรณาการ
ส่วนนี้จะสังเคราะห์ข้อมูลทั้งหมดเพื่อตอบคำถามหลักของกรอบแนวทาง P-D-I-E ว่า: เราจะ “บูรณาการ” (Integrate) รูปแบบต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้น (Clinical, PLC, Developmental) เข้าด้วยกันอย่างไรในภาคปฏิบัติ
A. ตารางเปรียบเทียบรูปแบบการนิเทศการศึกษา
เพื่อช่วยให้ผู้นิเทศสามารถ “วินิจฉัย” (Diagnose) และ “เลือก” (Implement) รูปแบบการนิเทศได้อย่างเหมาะสม ตารางต่อไปนี้จะสรุปการวิเคราะห์เปรียบเทียบแนวทางหลักๆ ที่ได้จากข้อมูล
ตารางที่ 1: การวิเคราะห์เปรียบเทียบรูปแบบการนิเทศการศึกษา
| มิติการเปรียบเทียบ (Dimension) | แนวทางชี้แนะ (Directive Approach) | การนิเทศแบบคลินิก (Clinical Supervision) | การนิเทศแบบกัลยาณมิตร (Collegial/PLC) [7, 31] |
| เป้าหมายหลัก | การปฏิบัติตามมาตรฐาน (Compliance), การแก้ปัญหาที่ชัดเจนอย่างรวดเร็ว | การปรับปรุงการสอนเชิงเทคนิค (Instructional Improvement), การพัฒนาทักษะเฉพาะบุคคล 11 | การสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้ร่วมกัน (Shared Learning Culture), การแก้ปัญหาที่ซับซ้อนทั้งระบบ [7, 31] |
| บทบาทผู้นิเทศ | ผู้ชี้แนะ, ผู้สั่งการ, ผู้ให้ข้อมูล (Director, Informer) 5 | ผู้อำนวยความสะดวก, ผู้ร่วมแก้ปัญหา (Facilitator, Collaborator) [5, 17] | ผู้ประสานงาน, สมาชิกกลุ่ม, ผู้กระตุ้นการสะท้อนคิด (Coordinator, Member, Reflector) [5, 7] |
| บทบาทผู้รับการนิเทศ | ผู้รับฟัง, ผู้ปฏิบัติตาม (Listener, Implementer) | ผู้ร่วมวางแผน, ผู้วิเคราะห์ร่วม (Co-planner, Co-analyzer) 17 | ผู้มีส่วนร่วมอย่างแข็งขัน, ผู้แบ่งปันความเชี่ยวชาญ (Contributor, Shared Expert) 31 |
| กระบวนการหลัก | ชี้แนะ – ปฏิบัติ -ประเมินผล (ตรงไปตรงมา) | Pre-conference – Observe – Post-conference (วงจร 5-8 ขั้นตอน) [14, 17] | วิเคราะห์ปัญหา -วางแผนร่วม – ปฏิบัติ – สะท้อนผล (วงจร PLC) 7 |
| สถานการณ์ที่เหมาะสม [5, 32] | ครูใหม่, ครูที่กำลังสับสน (Low CL), สถานการณ์วิกฤตที่ต้องการการตัดสินใจที่รวดเร็ว | ครูส่วนใหญ่ (Moderate CL), ครูที่ต้องการพัฒนาร่วมกันแบบ 1:1, การแก้ปัญหาการสอนที่เฉพาะเจาะจง | ครูผู้เชี่ยวชาญ, ทีมที่เข้มแข็ง (High CL), การแก้ปัญหาที่ต้องการการทำงานร่วมกันทั้งระบบ |
B. กรอบแนวทางเชิงบูรณาการ: การใช้การนิเทศแบบพัฒนาการเป็นแกนกลาง (D $\rightarrow$ I)
การสังเคราะห์ที่สำคัญที่สุดของรายงานฉบับนี้คือ ผู้นิเทศที่มีประสิทธิภาพ “ไม่ยึดติด” กับรูปแบบการปฏิบัติการ (Implementation model) เพียงรูปแบบเดียว (เช่น “โรงเรียนเราจะใช้ PLC เท่านั้น”) แต่พวกเขาจะใช้ “การนิเทศแบบพัฒนาการ” (Glickman’s Model) 5 เป็น “เครื่องมือวินิจฉัย” (Diagnostic Tool) (ตัว D ใน P-D-I-E) เพื่อ “เลือก” รูปแบบการปฏิบัติการ (ตัว I ใน P-D-I-E) ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับครูแต่ละคนหรือแต่ละทีม
นี่คือวิธีที่ “การวินิจฉัย” (D) เชื่อมโยงกับ “การปฏิบัติการ” (I) ในกรอบ P-D-I-E:
สถานการณ์จำลองที่ 1: ครูใหม่ (Low CL)
- P (Plan): แผนการนิเทศ 3 ระบุเป้าหมายพัฒนาครูใหม่
- D (Diagnosis) 5: ผู้นิเทศวินิจฉัยว่า ครู A เป็นครูบรรจุใหม่ (Low CL) ที่กำลังมีปัญหารุนแรงกับการบริหารจัดการชั้นเรียน
- I (Implementation) 5: ผู้นิเทศ “เลือก” ใช้ Directive Approach โดยอาจจะ:
- ให้แนวปฏิบัติ (Standardizing) ที่ชัดเจนว่าต้องทำอย่างไร
- สาธิตการสอน (Modeling) ให้ดู
- ให้แผนการจัดการชั้นเรียนสำเร็จรูปไปใช้ก่อน (Directing)
สถานการณ์จำลองที่ 2: ครูทั่วไป (Moderate CL)
- P (Plan): แผนการนิเทศ 2 ระบุเป้าหมายส่งเสริม Active Learning
- D (Diagnosis) 5: ผู้นิเทศวินิจฉัยว่า ครู B มีประสบการณ์ 5 ปี (Moderate CL) มีความมุ่งมั่น และต้องการพัฒนาเทคนิคการใช้ Active Learning
- I (Implementation) 5: ผู้นิเทศ “เลือก” ใช้ Collaborative Approach โดยการประยุกต์ใช้กระบวนการ Clinical Supervision 6 อย่างเต็มรูปแบบ:
- จัด Pre-conference เพื่อร่วมกัน “ออกแบบ” (ตามวัตถุประสงค์ข้อ 2 ของแผน 2) กิจกรรม Active Learning 19
- เข้าสังเกตการสอน
- จัด Post-conference เพื่อ “สะท้อนผล” การใช้ Active Learning นั้น 27
สถานการณ์จำลองที่ 3: ทีมครูผู้เชี่ยวชาญ (High CL)
- P (Plan): แผนการนิเทศ 3 ระบุเป้าหมายยกระดับผลสัมฤทธิ์ทั้งโรงเรียน
- D (Diagnosis) 5: ผู้นิเทศวินิจฉัยว่า ทีมครูกลุ่มสาระคณิตศาสตร์ เป็นทีมที่เข้มแข็ง (High CL) และต้องการหาวิธีแก้ปัญหาผลสัมฤทธิ์ของนักเรียนทั้งระดับชั้น
- I (Implementation) 5: ผู้นิเทศ “เลือก” ใช้ Nondirective Approach โดยทำหน้าที่เป็น “ผู้อำนวยความสะดวก” (Facilitator) และ “ผู้ประสานงาน” (Coordinator) ให้ทีมครูใช้กระบวนการ PLC 7 อย่างเต็มศักยภาพ:
- ผู้นิเทศสนับสนุนให้ทีมครูวิเคราะห์ข้อมูลผลลัพธ์นักเรียน (Analyze Problems)
- กระตุ้นให้ทีมสะท้อนคิดและสร้างนวัตกรรม (Implement & Reflect) ด้วยตนเอง
- ผู้นิเทศรับฟังและสะท้อนกลับ (Listening & Reflecting) 5 แทนที่จะชี้นำ
กรอบแนวทางเชิงบูรณาการนี้ช่วยแก้ปัญหา “การต่อต้าน” 32 เพราะเป็นการนิเทศที่ตอบสนองต่อความต้องการและระดับพัฒนาการของครูอย่างแท้จริง
V. E – การประเมินผลและการสะท้อนคิด: การวัดความสำเร็จของกรอบการนิเทศ
องค์ประกอบสุดท้ายของวงจร P-D-I-E คือ “การประเมินผล” (Evaluation) ซึ่งทำหน้าที่ปิดวงจรและป้อนข้อมูลกลับไปสู่การวางแผน (P) ในรอบต่อไป
A. การปิดวงจร: การประเมินแผนและกระบวนการ
การประเมินผลเป็นส่วนสำคัญของแผนนิเทศ 3 และต้องมีความยืดหยุ่น 1 ไม่ใช่แค่การประเมินผลลัพธ์ของครู แต่ต้องมีการประเมิน “กระบวนการนิเทศ” เองด้วย 33 เพื่อการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
โมเดลการประเมิน CIPP 9 สามารถนำมาประยุกต์ใช้เพื่อประเมินกรอบ P-D-I-E ทั้งระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ:
C – Context (บริบท): การประเมิน “P – Planning”
คำถาม: การประเมินความต้องการจำเป็น 4 และการกำหนดเป้าหมายในแผน 2 ของเราถูกต้องและสอดคล้องกับบริบทของโรงเรียนหรือไม่?
I – Input (ปัจจัยนำเข้า): การประเมิน “P – Planning” (ด้านทรัพยากร)
คำถาม: เราได้จัดสรรทรัพยากร, เวลา, และการฝึกอบรม (เช่น การอบรมกระบวนการ Clinical 6 หรือ PLC 7 ให้ผู้นิเทศ) เพียงพอหรือไม่?
P – Process (กระบวนการ): การประเมิน “D – Diagnosis” และ “I – Implementation”
คำถาม: เราปฏิบัติตามขั้นตอน Clinical 6 หรือ PLC 7 ที่เลือกไว้ได้ดีเพียงใด? การวินิจฉัย (D) ของเรา 5 แม่นยำหรือไม่? ครูรู้สึกว่ากระบวนการนี้ช่วยพัฒนา 33 หรือไม่?
P – Product (ผลผลิต): การประเมินผลลัพธ์เทียบกับเป้าหมาย
คำถาม: เราบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ในแผน 2 หรือไม่? 9 (เช่น ครูมีความรู้เรื่อง Active Learning เพิ่มขึ้น, ครูออกแบบแผนได้ดีขึ้น, นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์สูงขึ้น)
B. ตัวชี้วัดความสำเร็จ (KPIs) ของการนิเทศที่มีประสิทธิภาพ
การประเมินผลผลิต (Product) จะต้องไม่หยุดอยู่แค่ความพึงพอใจ 8 ได้ให้ตัวชี้วัดความสำเร็จของการนิเทศไว้อย่างชัดเจนที่สุดว่า:
“บททดสอบประสิทธิภาพของผู้นิเทศ คือระดับอิทธิพลที่พฤติกรรมของพวกเขามีต่อความมุ่งมั่นของครูในการเติบโตของตนเอง: ความรู้และทักษะ, การปรับปรุงการปฏิบัติในชั้นเรียน และระดับการมีส่วนร่วมและความสำเร็จของนักเรียน” 8
ข้อความนี้ชี้ให้เห็นว่า ความสำเร็จของการนิเทศต้องวัดใน 3 ระดับ (ตามห่วงโซ่คุณค่าในบทนำ) ไม่ใช่แค่ระดับใดระดับหนึ่ง:
1. KPIs ระดับกระบวนการ (Process KPIs):
- วัดอะไร: วัดประสิทธิภาพของ “ตัวการนิเทศ” เอง
- ตัวอย่าง: อัตราการปฏิบัติตามวงจรนิเทศครบถ้วน (เช่น % ของครูที่ได้รับการนิเทศแบบ Clinical ครบ 5 ขั้นตอน) 33, ความพึงพอใจของครูต่อกระบวนการนิเทศ 35, การรับรู้ของครูว่าการนิเทศช่วยพัฒนาการสอนของพวกเขา 36
2. KPIs ระดับครู (Teacher KPIs):
- วัดอะไร: วัดผลกระทบต่อ “การเรียนรู้ของครู” 2
- ตัวอย่าง: การพัฒนาความรู้และทักษะของครู (วัดโดย Pre/Post-assessment ของครู) 36, การปรับปรุงการปฏิบัติการสอนในชั้นเรียน (วัดโดยการสังเกต) 36, ระดับประสิทธิภาพของครู (Teacher Effectiveness) 37
3. KPIs ระดับนักเรียน (Student KPIs):
- วัดอะไร: วัด “เป้าหมายสูงสุด” คือคุณภาพผู้เรียน 1
- ตัวอย่าง: การเติบโตของนักเรียน (Student Growth Metrics) 37, คะแนนจากการประเมิน (Assessment Scores) 37 (เช่น คะแนนในหน่วยที่ใช้ Active Learning เพิ่มขึ้น), ตัวชี้วัดการมีส่วนร่วมของนักเรียน (Engagement Indicators) 36, คุณภาพของชิ้นงานนักเรียน (Student Work Samples) 36
การใช้ KPIs ทั้ง 3 ระดับนี้จะช่วยให้องค์กรสามารถประเมินผลกระทบของกรอบ P-D-I-E ได้อย่างรอบด้าน
VI. บทสรุป: การเปลี่ยนกระบวนทัศน์สู่การนิเทศเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
รายงานฉบับนี้ได้นำเสนอกรอบแนวทางการนิเทศการศึกษาเชิงบูรณาการ “P-D-I-E” ซึ่งสังเคราะห์จากนิยาม รูปแบบ กระบวนการ และแผนการนิเทศที่มีประสิทธิภาพ โดยมีหัวใจสำคัญคือการเปลี่ยนกระบวนทัศน์การนิเทศ
กระบวนทัศน์ดั้งเดิมที่มองการนิเทศเป็นการตรวจสอบหรือการประเมินจากบนลงล่าง (Top-down Inspection) มักนำไปสู่การต่อต้านของครู 32 และไม่สร้างการพัฒนาที่แท้จริง
กรอบแนวทาง P-D-I-E ที่นำเสนอนี้ ได้ επαναนิยามการนิเทศให้เป็น “กระบวนการพัฒนาวิชาชีพที่ยั่งยืน” (Sustainable Professional Development) 1 โดยมีลักษณะสำคัญดังนี้:
- เริ่มต้นอย่างมีกลยุทธ์ (Strategic Start): เริ่มต้นด้วยการวางแผน (P) ที่ตอบสนองต่อความต้องการจำเป็นที่แท้จริง (Needs Assessment) 4 ไม่ใช่แผนที่จัดทำขึ้นตามวาระ
- ยืดหยุ่นและตอบสนอง (Flexible & Responsive): ใช้การวินิจฉัย (D) ระดับพัฒนาการของครู 5 เพื่อหลีกเลี่ยงกับดัก “One size fits all” และเลือกใช้รูปแบบการปฏิบัติการ (I) ที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็น Directive, Clinical 6, หรือ PLC 7
- มุ่งเน้นการเรียนรู้ (Learning-Focused): หัวใจของกระบวนการปฏิบัติ (I) ทั้งแบบคลินิกและ PLC คือการสร้าง “การเรียนรู้ของครู” 2 ผ่านการวางแผนร่วมกันและการสะท้อนคิด 3 โดยใช้เครื่องมือและคำถามที่ทรงพลัง 19
- ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data-Driven Accountability): ปิดวงจรด้วยการประเมินผล (E) ที่วัดผลกระทบใน 3 ระดับ (Process, Teacher, Student) 8 เพื่อให้มั่นใจว่าการนิเทศนำไปสู่เป้าหมายสูงสุด คือ “ความสำเร็จของนักเรียน” 8
การนำกรอบแนวทาง P-D-I-E นี้ไปใช้ จะช่วยเปลี่ยนบทบาทของผู้นิเทศจาก “ผู้ประเมิน” ไปสู่ “ผู้อำนวยความสะดวกในการเรียนรู้” และเปลี่ยนการนิเทศจากการ “ประเมิน” ที่ครูต่อต้าน ไปสู่การ “พัฒนาวิชาชีพ” ที่ครูเป็นเจ้าของอย่างแท้จริง 31 สร้างเครือข่ายครูมืออาชีพ 3 และวัฒนธรรมแห่งการสะท้อนคิด 3 ซึ่งเป็นรากฐานของการพัฒนาคุณภาพการศึกษาที่ยั่งยืน 1
Works cited
- คู่มือการนิเทศภายในโรงเรียน – Flip eBook Pages 1-50 | AnyFlip, accessed November 6, 2025, https://anyflip.com/kjgzt/xwyx/basic
- Untitled – ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีวศึกษาภาคเหนือ, accessed November 6, 2025, http://km.nsdv.go.th/files/10000001_24121210105328.pdf
- แนวทางการเขียนแผนการนิเทศการศึกษา สำหรับศึกษานิเทศก์ » – Digital Learning Classroom, accessed November 6, 2025, https://krukob.com/web/sv-5/
- การศึกษาความต้องการจำเป็นการนิเทศภายในโดยใ – thaijo.org, accessed November 6, 2025, https://so04.tci-thaijo.org/index.php/JSBA/article/download/245107/166828/855212
- DEVELOPMENTAL SUPERVISION: AN EXPLORATORY STUDY OF A PROMISING MODEL – ASCD, accessed November 6, 2025, https://files.ascd.org/staticfiles/ascd/pdf/journals/jcs/jcs_1990summer_gordon.pdf
- Clinical Supervision – developmental supervision, accessed November 6, 2025, https://supermellynch.weebly.com/clinical-supervision.html
- รูปแบบการพัฒนาครูโดยใช้กระบวนการชุมชนการเร – ThaiJO, accessed November 6, 2025, https://he02.tci-thaijo.org/index.php/Veridian-E-Journal/article/download/150051/110057/
- accessed November 6, 2025, https://awsa.memberclicks.net/obligation#:~:text=The%20test%20of%20supervisors’%20effectiveness,engagement%20and%20success%20for%20students.
- Theories and Methods of School Supervision and Evaluation – Keiser University, accessed November 6, 2025, https://www.keiseruniversity.edu/theories-and-methods-of-school-supervision-and-evaluation/
- ผลของการนิเทศแบบคลีนิค เพื่อเสริมสร้าง ความส – TNI Library – สถาบัน …, accessed November 6, 2025, http://library.tni.ac.th/thesis/upload/files/RES%20LNG%20150563/Bundit%20Anuyahong%20Res%20LNG%202016-2.pdf
- Search the Web Google Search Tips, accessed November 6, 2025, https://www.andrews.edu/~ggifford/edal/EDAL570/Sum02Chp12/intro1.htm
- Teacher Supervising | Research Starters – EBSCO, accessed November 6, 2025, https://www.ebsco.com/research-starters/education/teacher-supervising
- School heads’ clinical supervision practices and emerging teacher emotions in Tanzania secondary schools – PMC – PubMed Central, accessed November 6, 2025, https://pmc.ncbi.nlm.nih.gov/articles/PMC9876969/
- Goldhammer Supervision | PDF | Data Analysis | Teachers – Scribd, accessed November 6, 2025, https://www.scribd.com/doc/315631947/Goldhammer-Supervision
- fidelity to clinical model cycles; a study of instructional supervision phases and activities as – oapub.org, accessed November 6, 2025, https://oapub.org/edu/index.php/ejes/article/download/3263/5899
- Cogan Overview of Clinical Supervision – Rebecca West Burns, accessed November 6, 2025, https://www.rebeccawestburns.com/my-blog-3/notes/cogan-overview-of-clinical-supervision
- Models of Clinical Supervision – Worldwidejournals.com, accessed November 6, 2025, https://www.worldwidejournals.com/global-journal-for-research-analysis-GJRA/recent_issues_pdf/2016/October/October_2016_1477994417__151.pdf
- Clinical Supervision, accessed November 6, 2025, https://eltsupervision.files.wordpress.com/2011/10/clinical-supervision.pdf
- pre-conference-template.pdf – Louisiana Department of Education, accessed November 6, 2025, https://doe.louisiana.gov/docs/default-source/key-compass-resources/pre-conference-template.pdf?sfvrsn=b9106e18_2
- Clinical Supervision Model | Early Childhood Special Education, accessed November 6, 2025, https://ecse.education.illinois.edu/supervision-model
- Pre-Conference Template (Word), accessed November 6, 2025, https://doe.louisiana.gov/docs/default-source/key-compass-resources/pre-conference-template-(word).docx?sfvrsn=be106e18_0
- Pre-Conference- SAMPLE – Waitsfield Elementary School, accessed November 6, 2025, https://www.waitsfieldschool.org/uploads/Teacher%20Docs/PreConference-Sample-1.pdf
- ED354268 – Strategies for Analyzing and Evaluating Teaching Effectiveness Using a Clinical Supervision Model., 1992-Nov – ERIC, accessed November 6, 2025, https://eric.ed.gov/?id=ED354268
- แบบสังเกตการสอนและการนิเทศการจัดการเรียนรู้, accessed November 6, 2025, https://qa.bodin.ac.th/wp-content/uploads/2023/03/05_%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%9F%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89.pdf
- Pre observation Activities – Doctoral Readings, accessed November 6, 2025, https://mca160.wordpress.com/category/cycle-of-supervision/pre-observation-activities-cycle-of-supervision/
- Clinical Supervision (Goldhammer, 1969) Ch2: A Model of Clinical Supervision | Doctoral Readings, accessed November 6, 2025, https://mca160.wordpress.com/2013/06/14/clinical-supervision-goldhammer-1969-ch-2/
- Reflective Questions for Post-Conference for Teachers Name – OCM Boces, accessed November 6, 2025, https://www.ocmboces.org/tfiles/folder1110/Post%20Conference%20Form%20for%20Teachers%20with%20extended%20rights.pdf
- Post Conference Questions by Cluster – College of Education | Illinois, accessed November 6, 2025, https://education.illinois.edu/docs/default-source/school-and-community-experiences/post-conference-questions-by-cluster.pdf?sfvrsn=0
- 30 Questions For Teacher Reflection – Edunators, accessed November 6, 2025, https://www.edunators.com/becoming-the-edunator/step-6-self-care-reflection-for-learning/30-questions-for-teacher-reflection
- การพัฒนารูปแบบการนิเทศการฝึกประสบการณ์วิชา, accessed November 6, 2025, http://ir-ithesis.swu.ac.th/dspace/bitstream/123456789/3541/1/gs631120003.pdf
- ชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ PLC, accessed November 6, 2025, http://www.prachuapcity.go.th/news/doc_download/80315_%E0%B8%8A%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%9E%20PLC-_150621_161617.pdf
- Integrating a Developmental Supervision Model With the Adaptive Supervision in Counselor Training Model, accessed November 6, 2025, https://www.counseling.org/docs/default-source/archived-docs/vistas/integrating-a-developmental-supervision-model-with-the-adaptive-supervision-in-counselor-training-model.pdf?sfvrsn=74c269ea_4
- โมเดลปัจจัยการบริหารเชิงสาเหตุที มีอิทธิพลต่อผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั”นพื”นฐาน – มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี, accessed November 6, 2025, https://digital_collect.lib.buu.ac.th/dcms/files/55810166.pdf
- รูปแบบการนิเทศการศึกษาที่มีประสิทธิผลสำหรั A – in Thai, accessed November 6, 2025, https://so01.tci-thaijo.org/index.php/JDAR/article/download/279871/181155/1179479
- Instructional Supervision | Research Starters – EBSCO, accessed November 6, 2025, https://www.ebsco.com/research-starters/education/instructional-supervision
- 3 key questions to measure instructional coaching effectiveness – Teach. Learn. Grow., accessed November 6, 2025, https://www.nwea.org/blog/2023/3-key-questions-to-measure-instructional-coaching-effectiveness/
- Key Performance Indicators (KPIs) in Education – Progress Learning, accessed November 6, 2025, https://progresslearning.com/news-blog/kpis-in-education/
Comments
comments
Powered by Facebook Comments

