ตัวอย่างการเขียนแผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ด้วย TIP Model เรื่อง ทฤษฎีพีทาโกรัส
ตัวอย่างการเขียนแผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ด้วย TIP Model เรื่อง ทฤษฎีพีทาโกรัส

Power by claude.ai โดย ดร.อนุศร หงษ์ขุนทด, 2568
รายวิชา: คณิตศาสตร์
ระดับชั้น: มัธยมศึกษาปีที่ 3
หน่วยการเรียนรู้: เรขาคณิต
เรื่อง: ทฤษฎีพีทาโกรัส
เวลา: 3 ชั่วโมง
1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด
- ค 2.2 ม.3/1 ใช้ความรู้เกี่ยวกับอัตราส่วนตรีโกณมิติในการคำนวณหาระยะทางและความสูง
- ค 2.2 ม.3/3 นำความรู้เกี่ยวกับการแปลงทางเรขาคณิตไปใช้ในการแก้ปัญหา
- ค 3.1 ม.3/1 เข้าใจและใช้ความรู้ทางเรขาคณิตในการแก้ปัญหา
2. จุดประสงค์การเรียนรู้
- นักเรียนสามารถอธิบายทฤษฎีพีทาโกรัสและการพิสูจน์ได้ (K)
- นักเรียนสามารถใช้ทฤษฎีพีทาโกรัสในการคำนวณหาความยาวด้านของสามเหลี่ยมมุมฉากได้ (P)
- นักเรียนสามารถประยุกต์ใช้ทฤษฎีพีทาโกรัสในการแก้ปัญหาในสถานการณ์จริงได้ (P)
- นักเรียนเห็นคุณค่าและประโยชน์ของทฤษฎีพีทาโกรัสในชีวิตประจำวัน (A)
3. สาระสำคัญ
ทฤษฎีพีทาโกรัสเป็นทฤษฎีทางคณิตศาสตร์ที่กล่าวว่า ในสามเหลี่ยมมุมฉากใดๆ กำลังสองของความยาวของด้านตรงข้ามมุมฉาก (ด้านที่ยาวที่สุด หรือด้านที่เรียกว่าด้านตรงข้ามมุมฉาก) จะเท่ากับผลบวกของกำลังสองของความยาวของด้านประกอบมุมฉากทั้งสอง นั่นคือ a² + b² = c² เมื่อ c คือความยาวของด้านตรงข้ามมุมฉาก และ a, b คือความยาวของด้านประกอบมุมฉาก ทฤษฎีนี้มีประโยชน์อย่างมากในการคำนวณหาระยะทาง ความสูง และการประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
4. กิจกรรมการเรียนรู้
ชั่วโมงที่ 1: การพิสูจน์ทฤษฎีพีทาโกรัส
ขั้นนำ: สร้างความสนใจ (Engagement) – 15 นาที
- ครูเปิดคลิปวิดีโอสั้นๆ จาก OBEC Content Center ที่แสดงการประยุกต์ใช้ทฤษฎีพีทาโกรัสในสถานการณ์จริง เช่น การวัดความสูงของอาคาร การคำนวณระยะทางการเดินทาง
- ครูตั้งคำถามกระตุ้นความคิด:
- “เราจะคำนวณความสูงของต้นไม้หรืออาคารโดยไม่ต้องปีนขึ้นไปวัดได้อย่างไร?”
- “ถ้าเราต้องการเดินทางจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่งโดยตรง แทนที่จะเดินตามถนนที่เป็นมุมฉาก เราจะคำนวณระยะทางที่ต้องเดินได้อย่างไร?”
- ครูแนะนำวัตถุประสงค์การเรียนรู้และความสำคัญของทฤษฎีพีทาโกรัส
ขั้นสำรวจ: สืบค้นและรวบรวมข้อมูล (Exploration) – 20 นาที
- นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3-4 คน
- ครูสาธิตการใช้แอปพลิเคชัน GeoGebra บนจอโปรเจคเตอร์ และแนะนำการสร้างรูปสามเหลี่ยมมุมฉาก
- นักเรียนแต่ละกลุ่มใช้แท็บเล็ตหรือคอมพิวเตอร์สร้างรูปสามเหลี่ยมมุมฉากใน GeoGebra
- นักเรียนสร้างสี่เหลี่ยมจัตุรัสบนทั้งสามด้านของสามเหลี่ยมมุมฉาก และคำนวณพื้นที่ของสี่เหลี่ยมจัตุรัสแต่ละรูป
- นักเรียนทดลองเปลี่ยนขนาดของสามเหลี่ยมและสังเกตความสัมพันธ์ระหว่างพื้นที่ของสี่เหลี่ยมจัตุรัสทั้งสาม
ขั้นอธิบาย: วิเคราะห์และสรุปผล (Explanation) – 25 นาที
- นักเรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอผลการสำรวจและข้อค้นพบจาก GeoGebra
- นักเรียนร่วมกันอภิปรายความสัมพันธ์ระหว่างพื้นที่ของสี่เหลี่ยมจัตุรัสทั้งสาม
- ครูนำนักเรียนสรุปทฤษฎีพีทาโกรัส: a² + b² = c²
- ครูแสดงวิธีการพิสูจน์ทฤษฎีพีทาโกรัสด้วยวิธีพื้นที่ผ่าน GeoGebra
ชั่วโมงที่ 2: การประยุกต์ใช้ทฤษฎีพีทาโกรัส
ขั้นขยายความรู้: ประยุกต์ใช้ความรู้ (Elaboration) – 50 นาที
- ครูทบทวนทฤษฎีพีทาโกรัสและสูตร a² + b² = c²
- ครูสาธิตการใช้ทฤษฎีพีทาโกรัสในการแก้โจทย์ปัญหา 2-3 ตัวอย่าง
- นักเรียนฝึกทำแบบฝึกหัดพื้นฐานเกี่ยวกับการคำนวณด้านของสามเหลี่ยมมุมฉากผ่าน Khan Academy
- นักเรียนแต่ละกลุ่มได้รับโจทย์สถานการณ์จริงที่ต้องประยุกต์ใช้ทฤษฎีพีทาโกรัส เช่น:
- การคำนวณความยาวของบันไดที่พาดกับกำแพง
- การคำนวณระยะทางที่เรือต้องเดินทางข้ามแม่น้ำ
- การหาความสูงของเสาธง จากระยะทางและเงา
- นักเรียนใช้โปรแกรม Desmos ในการสร้างภาพและแก้โจทย์ปัญหาที่ได้รับมอบหมาย
- ครูให้คำแนะนำและช่วยเหลือกลุ่มที่มีปัญหา
ชั่วโมงที่ 3: การนำเสนอและประเมินผล
ขั้นประเมินผล: นำเสนอและสะท้อนคิด (Evaluation) – 50 นาที
- นักเรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอการแก้โจทย์ปัญหาที่ได้รับมอบหมาย โดยใช้ Desmos หรือ GeoGebra ประกอบการอธิบาย
- นักเรียนกลุ่มอื่นและครูร่วมกันให้ข้อเสนอแนะและตั้งคำถาม
- ครูนำนักเรียนอภิปรายเกี่ยวกับการประยุกต์ใช้ทฤษฎีพีทาโกรัสในวิชาชีพต่างๆ เช่น วิศวกรรม สถาปัตยกรรม การสำรวจ
- นักเรียนทำแบบทดสอบความเข้าใจทฤษฎีพีทาโกรัสผ่านแอปพลิเคชัน Quizizz
- นักเรียนแต่ละคนออกแบบโครงงานขนาดเล็กเพื่อประยุกต์ใช้ทฤษฎีพีทาโกรัสในสถานการณ์จริง โดยวาดแผนผังใน GeoGebra
- นักเรียนสะท้อนการเรียนรู้โดยเขียนสิ่งที่ได้เรียนรู้และการนำไปใช้ประโยชน์ใน Google Forms
5. สื่อและแหล่งการเรียนรู้
- คลิปวิดีโอเกี่ยวกับการประยุกต์ใช้ทฤษฎีพีทาโกรัสจาก OBEC Content Center
- แอปพลิเคชัน GeoGebra สำหรับการสร้างและสำรวจรูปเรขาคณิต
- แอปพลิเคชัน Desmos สำหรับการสร้างกราฟและแก้ปัญหา
- แอปพลิเคชัน Khan Academy สำหรับแบบฝึกหัดเสริม
- แอปพลิเคชัน Quizizz สำหรับทดสอบความเข้าใจ
- Google Forms สำหรับการสะท้อนการเรียนรู้
- แท็บเล็ตหรือคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
- ใบกิจกรรมโจทย์ปัญหาสถานการณ์จริง
- อุปกรณ์การวัด เช่น ตลับเมตร เครื่องวัดมุม สำหรับการทำโครงงาน
6. การวัดและประเมินผล
- การประเมินด้านความรู้ (K):
- แบบทดสอบความเข้าใจผ่าน Quizizz (15 คะแนน)
- การอธิบายทฤษฎีพีทาโกรัสและการพิสูจน์ (10 คะแนน)
- การประเมินด้านทักษะกระบวนการ (P):
- การใช้ GeoGebra และ Desmos ในการสำรวจและแก้ปัญหา (15 คะแนน)
- การแก้โจทย์ปัญหาสถานการณ์จริงที่ได้รับมอบหมาย (20 คะแนน)
- การออกแบบโครงงานประยุกต์ใช้ทฤษฎีพีทาโกรัส (15 คะแนน)
- การประเมินด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A):
- การมีส่วนร่วมในกิจกรรมกลุ่ม (5 คะแนน)
- การสะท้อนคิดและเห็นคุณค่าของการประยุกต์ใช้ทฤษฎีพีทาโกรัส (5 คะแนน)
7. บันทึกหลังการสอน
ผลการจัดการเรียนรู้: …………………………….. ปัญหาและอุปสรรค: …………………………….. แนวทางแก้ไขและพัฒนา:……………………………..
สรุปและการประยุกต์ใช้โมเดล TIP ในการออกแบบการจัดการเรียนรู้เชิงรุก
จากตัวอย่างแผนการจัดการเรียนรู้ เราสามารถเห็นแนวทางการนำโมเดล TIP (Technology Integration Planning) มาบูรณาการกับกระบวนการจัดการเรียนรู้เชิงรุกตามรูปแบบ 5E (Engagement, Exploration, Explanation, Elaboration, Evaluation) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งมีองค์ประกอบสำคัญดังนี้

1. การวางแผนอย่างเป็นระบบ
โมเดล TIP ช่วยให้ครูวางแผนการบูรณาการเทคโนโลยีในการสอนอย่างเป็นระบบ โดยคำนึงถึงปัจจัยสำคัญ ได้แก่ ความรู้ด้านเนื้อหา วิธีการสอน และเทคโนโลยี (TPCK) รวมถึงการพิจารณาความได้เปรียบของการใช้เทคโนโลยี การกำหนดวัตถุประสงค์ และการออกแบบกลยุทธ์การบูรณาการที่เหมาะสม
2. การใช้เทคโนโลยีที่หลากหลายและเหมาะสม
แต่ละแผนการเรียนรู้ใช้เทคโนโลยีที่หลากหลายและเหมาะสมกับเนื้อหา ได้แก่
- วิทยาศาสตร์: Solar System Scope, Google Earth, OBEC Content Center, Kahoot
- ภาษาไทย: MindMeister, Google Docs, Canva, Padlet, Google Forms
- คณิตศาสตร์: GeoGebra, Khan Academy, Desmos, Quizizz, Google Forms
3. การส่งเสริมการเรียนรู้เชิงรุก
แผนการสอนเน้นให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในกระบวนการเรียนรู้อย่างกระตือรือร้น ได้สำรวจ สืบค้น วิเคราะห์ และสร้างสรรค์ผลงานด้วยตนเอง โดยมีเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือสนับสนุน ส่งผลให้นักเรียนเกิดทักษะการคิดขั้นสูงและสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ได้จริง
4. การประเมินผลที่หลากหลาย
แผนการสอน มีการประเมินผลที่หลากหลายวิธี ทั้งการประเมินด้านความรู้ ทักษะกระบวนการ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยใช้เทคโนโลยีช่วยในการประเมิน เช่น Kahoot, Quizizz, Google Forms และ Padlet ทำให้การประเมินผลมีประสิทธิภาพและสามารถให้ข้อมูลย้อนกลับแก่ผู้เรียนได้อย่างรวดเร็ว
5. การปรับปรุงและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
โมเดล TIP เน้นการประเมินและปรับปรุงการใช้เทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งช่วยให้ครูสามารถพัฒนาการสอนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยการบันทึกหลังการสอนและวางแผนการปรับปรุงในครั้งต่อไป
ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมในการนำโมเดล TIP ไปใช้
- เริ่มต้นจากทรัพยากรที่มีอยู่: เลือกใช้เทคโนโลยีที่โรงเรียนมีอยู่ก่อน เพื่อให้สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง ก่อนที่จะขยายไปสู่เทคโนโลยีใหม่ๆ
- เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ: เลือกเทคโนโลยีที่จะใช้ในการสอนอย่างพิถีพิถัน โดยพิจารณาว่าเทคโนโลยีนั้นจะช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ได้อย่างไร ไม่จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีหลายประเภทในคราวเดียว
- ฝึกอบรมและพัฒนาครู: จัดอบรมให้ครูมีความรู้และทักษะในการใช้เทคโนโลยีที่จะนำมาใช้ในการสอน เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- สร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้: ส่งเสริมให้ครูแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวปฏิบัติที่ดีในการบูรณาการเทคโนโลยีในการสอน
- ติดตามและประเมินผลอย่างต่อเนื่อง: มีระบบการติดตามและประเมินผลการใช้เทคโนโลยีในการสอน เพื่อนำข้อมูลมาปรับปรุงและพัฒนาการสอนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
โมเดล TIP เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการช่วยให้ครูวางแผนและออกแบบการจัดการเรียนรู้ที่บูรณาการเทคโนโลยีอย่างเป็นระบบ ซึ่งจะช่วยให้นักเรียนได้เรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความสุขในการเรียน สามารถพัฒนาทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 และนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริงได้
Comments
Powered by Facebook Comments