Site icon Digital Learning Classroom

การวิเคราะห์มาตรฐานความรู้ครูปฐมวัย ฉบับ พ.ศ. 2568: มาตรฐานที่ 6 ความสัมพันธ์ของระบบนิเวศรอบตัว

แชร์เรื่องนี้

การวิเคราะห์มาตรฐานความรู้ครูปฐมวัย ฉบับ พ.ศ. 2568: มาตรฐานที่ 6 ความสัมพันธ์ของระบบนิเวศรอบตัว

ดร.อนุศร หงษ์ขุนทด
ศึกษานิเทศก์ วิทยฐานะศึกษานิเทศก์เชี่ยวชาญ สพม.นครราชสีมา
Musicmankob@gmail.com 


__________________________________

ส่วนที่ 1: บทนำ – นิยามใหม่ของครูปฐมวัยในฐานะผู้จัดการระบบนิเวศ

1.1 บริบทใหม่ของมาตรฐานวิชาชีพครูปฐมวัย พ.ศ. 2568

การประกาศใช้ “ข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยมาตรฐานวิชาชีพครูปฐมวัย พ.ศ. 2568” ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษาและมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2568 1 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวงการการศึกษาปฐมวัยในประเทศไทย ข้อบังคับนี้มีเป้าประสงค์ชัดเจนในการยกระดับผู้ประกอบวิชาชีพครูปฐมวัยให้มี “สมรรถนะทางวิชาชีพที่ทันสมัย สอดคล้องกับบริบทความเปลี่ยนแปลงของการจัดการศึกษาในยุคปัจจุบัน” 3

มาตรฐานวิชาชีพครูปฐมวัยฉบับใหม่นี้ กำหนดมาตรฐานหลักไว้ 3 ด้าน ได้แก่ 1. มาตรฐานความรู้และประสบการณ์วิชาชีพ 2. มาตรฐานการปฏิบัติงาน และ 3. มาตรฐานการปฏิบัติตน 3 ในบรรดามาตรฐานความรู้ทั้งหมดที่กำหนดไว้ “มาตรฐานลำดับที่ 6: ความสัมพันธ์ของระบบนิเวศรอบตัวที่เกี่ยวข้อง” นับเป็นมาตรฐานที่มีนัยสำคัญต่อการเปลี่ยนกระบวนทัศน์ (Paradigm Shift) ในการทำงานของครูปฐมวัยมากที่สุด

รายงานฉบับนี้มุ่งวิเคราะห์และสังเคราะห์องค์ประกอบของมาตรฐานที่ 6 อย่างเจาะลึก โดยบูรณาการเข้ากับมาตรฐานประสบการณ์วิชาชีพที่เกี่ยวข้อง (ข้อ 1.2.3) เพื่อแสดงให้เห็นว่า ข้อบังคับคุรุสภา พ.ศ. 2568 กำลังนิยามบทบาทของครูปฐมวัยใหม่ จากเดิมที่เป็น “ผู้สอน” (Instructor) หรือ “ผู้จัดประสบการณ์” ภายในห้องเรียน สู่การเป็น “ผู้จัดการระบบนิเวศ” (Ecosystem Manager) หรือ “ผู้ประสานงานระบบ” (System Coordinator) ที่ต้องทำงานเชิงรุกกับสภาพแวดล้อมทั้งหมดที่อยู่รอบตัวเด็ก

1.2 ความจำเป็นเชิงทฤษฎี: ทำไม “ระบบนิเวศ” จึงสำคัญ

แนวคิดของมาตรฐานที่ 6 สอดคล้องอย่างยิ่งกับทฤษฎีระบบนิเวศ (Ecological Systems Theory) ซึ่งระบุว่าพัฒนาการของมนุษย์ไม่สามารถแยกขาดออกจากบริบทหรือสภาพแวดล้อมที่ห่อหุ้มตัวเด็กได้ การพัฒนาเด็กปฐมวัยจึงเป็น “มิติเชิงนิเวศ” (Ecological Dimension) 4 ที่การแทรกแซงหรือส่งเสริมพัฒนาการใดๆ จะต้องพิจารณาองค์รวมทั้งหมด ไม่ใช่เพียงการมุ่งเน้นที่ตัวเด็กแต่เพียงฝ่ายเดียว

ระบบนิเวศรอบตัวที่ใกล้ชิดที่สุดอย่าง “บ้าน” (ครอบครัว) และ “ชุมชน” คือปัจจัยชี้ขาดในการสร้าง “สุขภาวะ” (Well-being) ของเด็ก 5 สภาพแวดล้อมในชุมชน เช่น การเป็นชุมชนที่ปลอดภัย ปลอดบุหรี่ หรือมีแหล่งอาหารที่มีโภชนาการดี 6 ล้วนส่งผลโดยตรงต่อพัฒนาการทางร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญาของเด็ก ดังนั้น การที่ครูปฐมวัยจะพัฒนาเด็กให้เต็มตามศักยภาพได้นั้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ครูจะต้องมีความรู้และสมรรถนะในการทำความเข้าใจ วิเคราะห์ และทำงานร่วมกับระบบนิเวศเหล่านี้

1.3 ถอดรหัสมาตรฐานที่ 6: การบูรณาการ “ความรู้”, “สมรรถนะ” และ “ประสบการณ์”

ความลุ่มลึกของข้อบังคับฉบับใหม่นี้ คือการออกแบบให้มาตรฐานความรู้ (ข้อ 6), มาตรฐานการปฏิบัติงาน (ที่เน้นความสัมพันธ์กับผู้ปกครองและชุมชน 3), และมาตรฐานประสบการณ์วิชาชีพ (ข้อ 1.2.3) ทำงานประสานกันอย่างเป็นเนื้อเดียว มาตรฐานที่ 6 จึงไม่ได้เป็นเพียงองค์ความรู้ที่ต้อง “ท่องจำ” แต่เป็นกลไกที่ต้อง “ปฏิบัติ” โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือประโยชน์สูงสุดของเด็ก 8

กล่าวคือ ครูปฐมวัยต้อง:

  1. “รู้” (สาระความรู้ ข้อ 6.1): ต้องมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าระบบนิเวศ (กฎหมาย, สื่อ, ครอบครัว, ชุมชน) ส่งผลกระทบต่อเด็กอย่างไร
  2. “ทำได้” (สมรรถนะ ข้อ 6.2): ต้องมีทักษะในการสร้างความสัมพันธ์, การใช้กฎหมายเพื่อปกป้องสิทธิเด็ก, และการสร้างความตระหนักรู้ด้านสื่อดิจิทัล
  3. “ปฏิบัติจริง” (ประสบการณ์วิชาชีพ ข้อ 1.2.3): ต้องสามารถประยุกต์ใช้ความรู้และทักษะข้างต้นในสถานการณ์จริง ผ่านการสื่อสารเชิงบวก, การสร้างเครือข่ายสหวิชาชีพ, และการประเมินผลความร่วมมืออย่างเป็นระบบ

ตารางที่ 1 ต่อไปนี้ จะทำหน้าที่เป็นแผนที่นำทาง (Roadmap) ของรายงานฉบับนี้ โดยจะสังเคราะห์ให้เห็นว่าองค์ประกอบย่อยของมาตรฐานแต่ละส่วน สอดคล้องกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลักในระบบนิเวศของเด็กปฐมวัยอย่างไร

ตารางที่ 1: การสังเคราะห์มาตรฐาน “ระบบนิเวศ” (ข้อ 6) และ “ประสบการณ์วิชาชีพ” (ข้อ 1.2.3)

องค์ประกอบระบบนิเวศ (Ecosystem Component)สาระความรู้ (ข้อ 6.1) (ครูต้อง “รู้อะไร”)สมรรถนะ (ข้อ 6.2) (ครูต้อง “ทำอะไรได้”)มาตรฐานประสบการณ์วิชาชีพ (ข้อ 1.2.3) (ครูต้อง “ปฏิบัติจริงอย่างไร”)
1. ครอบครัวและผู้ปกครอง– ผลกระทบของครอบครัวต่อพัฒนาการ
– ความสำคัญของการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง
– สร้างความสัมพันธ์และการมีส่วนร่วมกับครอบครัว– ให้ความรู้ผู้ปกครองเกี่ยวกับพัฒนาการ
– ใช้วิธีการสื่อสารเชิงบวกอย่างสม่ำเสมอ
– ประสานความร่วมมือในการวางแผนและแก้ปัญหา
2. ชุมชนและสังคม– ผลกระทบของชุมชนต่อสุขภาวะ 5
– ความสำคัญของการมีส่วนร่วมของชุมชน
– สร้างความสัมพันธ์และการมีส่วนร่วมกับชุมชน– สร้างระบบเครือข่ายความร่วมมือ (บ้าน-โรงเรียน-ชุมชน)
3. กฎหมายและนโยบาย– กฎหมายและนโยบายที่เกี่ยวข้องกับเด็กปฐมวัย (เช่น พ.ร.บ. คุ้มครองเด็ก 9, พ.ร.บ. พัฒนาเด็กปฐมวัย 10)– ดูแล, พัฒนา, ปกป้อง, และคุ้มครองสิทธิเด็กปฐมวัยตามที่กฎหมายกำหนด– (ปฏิบัติการคุ้มครองสิทธิเด็กในสถานพัฒนาฯ)
– ประสานความร่วมมือเพื่อผลักดันนโยบายท้องถิ่น 11
4. สื่อและเทคโนโลยีดิจิทัล– ผลกระทบของสื่อและเทคโนโลยีดิจิทัลต่อเด็ก 12– สร้างความตระหนักและการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองและชุมชนในการใช้สื่ออย่างรับผิดชอบ 13– ให้ความรู้และคำแนะนำผู้ปกครองในการใช้สื่อดิจิทัล
5. สหวิชาชีพและหน่วยงาน (สาธารณสุข, นักจิตวิทยา ฯลฯ)– บทบาทของหน่วยงานสาธารณสุขและเครือข่ายสหวิชาชีพ [3, 14]– สร้างความสัมพันธ์และการมีส่วนร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง– สร้างระบบเครือข่ายความร่วมมือกับเครือข่ายสหวิชาชีพ
– ประสานความร่วมมือในการวางแผน (เช่น ส่งต่อ, แก้ปัญหา)

ส่วนที่ 2: การวิเคราะห์เชิงลึก “สาระความรู้” (ข้อ 6.1) – รากฐานความเข้าใจระบบนิเวศ

ส่วนนี้จะวิเคราะห์องค์ความรู้ภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติที่ครูปฐมวัย “ต้องมี” เพื่อใช้เป็นรากฐานในการทำความเข้าใจ วิเคราะห์ และแทรกแซงระบบนิเวศที่ซับซ้อนรอบตัวเด็ก การวิเคราะห์แสดงให้เห็นว่า มาตรฐานข้อ 6.1 กำลังเปลี่ยนครูปฐมวัยจาก “ผู้เชี่ยวชาญด้านการสอน” (Pedagogical Expert) ไปสู่ “ผู้เชี่ยวชาญด้านบริบท” (Contextual Expert)

2.1 ระบบนิเวศรอบตัวที่ส่งผลต่อพัฒนาการและการเรียนรู้ (ข้อ 6.1.1)

สาระความรู้ส่วนนี้กำหนดให้ครูต้องเข้าใจระบบนิเวศจุลภาค (Microsystem) ที่สัมผัสกับเด็กโดยตรง

2.2 กฎหมาย, นโยบาย, สื่อ, และเทคโนโลยีดิจิทัล ที่เกี่ยวข้อง (ข้อ 6.1.2)

นี่คือองค์ความรู้ใหม่ที่ถูกเน้นย้ำอย่างชัดเจนในมาตรฐาน พ.ศ. 2568 ซึ่งสะท้อนความท้าทายของโลกยุคปัจจุบัน และยกระดับครูปฐมวัยให้เป็นผู้ปฏิบัติงานที่รอบรู้ด้านกฎหมายและเทคโนโลยี

ความรู้ด้านกฎหมายและนโยบาย (The Legal Framework):

ความรู้ด้านสื่อและเทคโนโลยีดิจิทัล (The Digital Ecosystem):

2.3 การมีส่วนร่วมของครอบครัว, ชุมชน, และสังคม (ข้อ 6.1.3)

สาระความรู้ในข้อนี้ คือบทสรุปที่เชื่อมโยงความรู้จากข้อ 6.1.1 และ 6.1.2 เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติ ครูต้องมีความรู้ความเข้าใจใน “รูปแบบ” (Models) ของการมีส่วนร่วม ว่าไม่ได้จำกัดอยู่เพียงการ “แจ้ง” ผู้ปกครองให้ทราบ (Informing) หรือการประชุมผู้ปกครอง 22 แต่ต้องมุ่งไปสู่การสร้าง “หุ้นส่วน” (Partnership) ตามที่ระบุไว้ในแผนพัฒนาเด็กปฐมวัย 8 และมาตรฐานการปฏิบัติงาน 7 ซึ่งหมายถึงการที่ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมในการตัดสินใจและรับผิดชอบต่อพัฒนาการของเด็กร่วมกัน

การวิเคราะห์สาระความรู้ในส่วนที่ 2 นี้ ชี้ให้เห็นว่ามาตรฐานใหม่ได้สร้าง “ความตึงเครียดเชิงวิชาชีพ” (Professional Tension) ที่ครูปฐมวัยต้องบริหารจัดการ กล่าวคือ ครูต้องมีความรู้ในการ “ใช้สื่อดิจิทัล” 13 เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ แต่ในขณะเดียวกัน ก็ต้องมีความรู้ “ด้านกฎหมาย” 9 เพื่อ “คุ้มครอง” เด็กจากอันตราย ซึ่งสื่อดิจิทัลก็เป็นหนึ่งในความเสี่ยงนั้น สมรรถนะที่แท้จริงของครูจึงไม่ได้อยู่ที่การเลือกข้างใดข้างหนึ่ง แต่คือความสามารถในการ “บริหารจัดการความเสี่ยง” (Risk Management) และ “การสร้างสมดุล” (Balancing) ระหว่างนวัตกรรมกับการคุ้มครองเด็ก โดยใช้ความรู้ที่รอบด้านจากข้อ 6.1 เป็นฐานในการตัดสินใจ


ส่วนที่ 3: การวิเคราะห์ “สมรรถนะ” (ข้อ 6.2) – การประยุกต์ใช้ความรู้สู่การปฏิบัติ

ในส่วนนี้ จะเป็นการวิเคราะห์ “ความสามารถเชิงปฏิบัติ” (Competencies) ที่ครูปฐมวัยต้องแสดงออกให้เห็น โดยการประยุกต์ใช้ฐานความรู้จากส่วนที่ 2 มาตรฐานข้อ 6.2 นี้ กำหนดให้ครูต้องมี “สมรรถนะการทำงานเชิงรุก” (Proactive Competencies) อย่างชัดเจน ครูไม่สามารถรอให้ปัญหาเกิดขึ้น หรือรอให้ผู้ปกครองเดินเข้ามาปรึกษาอีกต่อไป

3.1 สร้างความสัมพันธ์และการมีส่วนร่วมกับครอบครัว, ชุมชน, สังคม, และหน่วยงาน (ข้อ 6.2.1)

นี่คือสมรรถนะหลักในการ “สร้างเครือข่าย” (Network Building) ครูต้องสามารถนำความรู้เรื่องความสำคัญของระบบนิเวศ (จากข้อ 6.1) มาปฏิบัติการจริงในการ “สร้างเครือข่ายความร่วมมือ” 3

ตัวอย่างเชิงปฏิบัติ: สมรรถนะนี้ไม่ใช่การทำงานในเอกสาร แต่คือการลงมือปฏิบัติ ครูต้องสามารถออกแบบและดำเนิน “โครงการความร่วมมือ” กับชุมชน เช่น การประสานงานกับองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) หรือผู้นำชุมชน เพื่อจัดกิจกรรมจิตอาสาทำความสะอาดพื้นที่ 23 หรือการปฏิบัติการในระดับที่สูงขึ้น เช่น การสร้าง “ระบบฐานข้อมูลปฐมวัยและสื่อสารสนเทศ” ร่วมกับหน่วยงานสาธารณสุขชุมชน เพื่อเฝ้าระวังพัฒนาการเด็กในพื้นที่ 11 สมรรถนะนี้คือการที่ครูต้องก้าวออกไปนอกรั้วโรงเรียนเพื่อสร้างพันธมิตร

3.2 ดูแล, พัฒนา, ปกป้อง, และคุ้มครองสิทธิเด็กปฐมวัย ตามกฎหมายและนโยบาย (ข้อ 6.2.2)

นี่คือสมรรถนะในการ “เป็นผู้พิทักษ์สิทธิ์” (Child Advocate) ซึ่งเป็นบทบาทที่ท้าทายอย่างยิ่ง ครูต้องสามารถประยุกต์ใช้ความรู้จาก พ.ร.บ. คุ้มครองเด็ก 9 และ พ.ร.บ. พัฒนาเด็กปฐมวัย 10 ในการปฏิบัติงานประจำวัน

สมรรถนะนี้จะแสดงออกชัดเจนที่สุดเมื่อครูต้อง “ทำงานร่วมกับผู้ปกครอง และ/หรือ สหวิชาชีพ” 7 เพื่อดูแลเด็กที่อยู่ในสภาวะเสี่ยง

ตัวอย่างเชิงปฏิบัติ: เมื่อครูสังเกตเห็นเด็กที่มีปัญหาพัฒนาการ 16 หรือมีความเสี่ยงด้านพฤติกรรม สังคม อารมณ์ 14 สมรรถนะของครูคือการไม่พยายาม “แก้ปัญหาเอง” แต่ต้องสามารถ:

  1. ประเมินเบื้องต้น: โดยใช้ความรู้ด้านจิตวิทยาเด็ก 15
  2. สื่อสารกับผู้ปกครอง: (ตามมาตรฐานประสบการณ์ 1.2.3 ก)
  3. ส่งต่อและประสานงาน: กับผู้เชี่ยวชาญในเครือข่าย เช่น นักกิจกรรมบำบัด 14 หรือนักจิตวิทยา 15 เพื่อวางแผนการดูแลและพัฒนาเด็กร่วมกัน

สมรรถนะข้อ 6.2.2 นี้ ถือเป็นสมรรถนะที่ท้าทายที่สุด เนื่องจากเป็นการเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์เชิงอำนาจ (Power Dynamic) แบบดั้งเดิม ในบริบททางสังคมที่การแทรกแซงเรื่องในครอบครัวถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อน อย่างไรก็ตาม มาตรฐาน 6.2.2 และกฎหมาย 9 ได้กำหนดให้การคุ้มครองเด็กเป็น “หน้าที่ตามกฎหมาย” (Legal Duty) ของครู สมรรถนะนี้จึงไม่เพียงต้องการทักษะการปฏิบัติ แต่ยังต้องการ “ความกล้าหาญเชิงจริยธรรม” (Ethical Courage) และจำเป็นต้องอาศัย “เครือข่ายสหวิชาชีพ” 7 เป็นกลไกสนับสนุนที่แข็งแกร่ง เพื่อให้ครูไม่ถูกโดดเดี่ยวในกระบวนการปกป้องเด็ก

3.3 สร้างความตระหนักและการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองและชุมชนในการใช้สื่อดิจิทัล (ข้อ 6.2.3)

นี่คือสมรรถนะในการ “เป็นผู้นำทางดิจิทัล” (Digital Leader) ของชุมชน สมรรถนะนี้ไม่ได้หมายความว่าครูต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเขียนโค้ด แต่คือการที่ครูสามารถ ให้การศึกษาและแนะนำ (Educate and Guide) ผู้ปกครองและชุมชน ให้ใช้สื่อดิจิทัลอย่างมีความรับผิดชอบและสร้างสรรค์ 7

ตัวอย่างเชิงปฏิบัติ: ครูต้องสามารถจัด “การประชุมเชิงปฏิบัติการสำหรับผู้ปกครอง” (Parent Workshop) เกี่ยวกับการใช้สื่อดิจิทัลที่บ้าน โดยใช้เนื้อหาที่ผ่านการวิเคราะห์แล้ว เช่น “7 ใช้” 20 หรือ “4 ข้อท่องในใจครูปฐมวัย” 13 เพื่อสร้าง “แนวปฏิบัติร่วมกัน” (Common Guideline) ระหว่างบ้านและโรงเรียน เพื่อให้เด็กปฐมวัยได้รับการปกป้องและส่งเสริมอย่างสอดคล้องกันทั้งสองระบบนิเวศ


ส่วนที่ 4: การบูรณาการสู่ “มาตรฐานประสบการณ์วิชาชีพ” (ข้อ 1.2.3) – กลไกขับเคลื่อนในสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย

ในขณะที่ส่วนที่ 2 คือ “ความรู้” และส่วนที่ 3 คือ “สมรรถนะ” ส่วนที่ 4 นี้ คือ “การปฏิบัติงานจริง” (Performance) ซึ่งเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ว่าครูได้บูรณาการความรู้และสมรรถนะมาใช้ในบริบทจริงของสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย การวิเคราะห์มาตรฐานประสบการณ์วิชาชีพ ข้อ 1.2.3 (ความสัมพันธ์กับผู้ปกครองและชุมชน) พบว่า ข้อบังคับนี้ได้กำหนด “วงจรการบริหารจัดการเครือข่าย” (Network Management Cycle) ที่ชัดเจนสำหรับครูปฐมวัย

4.1 การให้ความรู้ ความเข้าใจ และการสื่อสารเชิงบวก (ข้อ 1.2.3 ก)

นี่คือ “เครื่องมือ” (The Tool) ที่สำคัญที่สุดในการสร้างระบบนิเวศ การปฏิบัติงานของครูต้องแสดงออกถึง “การสื่อสารเชิงบวกอย่างสม่ำเสมอ” 3

  1. การฟังแบบ Two-way 24: ไม่ใช่เพียงการ “แจ้ง” หรือ “สั่ง” ผู้ปกครอง แต่เป็นการ “รับฟัง” แลกเปลี่ยนมุมมอง 25
  2. การใช้ภาษาเชิงบวก 26: เปลี่ยนจากการ “ฟ้อง” ปัญหาของเด็ก หรือตำหนิผู้ปกครอง 25 ไปเป็นการ “เล่ามุมมองเชิงบวกต่อนักเรียน” 25 และ “ขอความร่วมมือ” เพื่อค้นหาแนวทางแก้ปัญหาด้านพัฒนาการร่วมกัน
  3. การสื่อสารเพื่อสร้างความเข้าใจ 27: ครูต้องสามารถอธิบายเรื่อง “พัฒนาการและการเรียนรู้” ที่ซับซ้อน ให้ผู้ปกครองเข้าใจได้โดยง่าย เพื่อสร้างฐานความเข้าใจที่ตรงกัน

4.2 การสร้างระบบเครือข่ายความร่วมมือ (ข้อ 1.2.3 ข)

นี่คือ “โครงสร้าง” (The Structure) ของระบบนิเวศ ครูต้องแสดงหลักฐานการปฏิบัติงานที่แสดงถึงการ “สร้างระบบเครือข่าย” ที่เป็นรูปธรรม ระหว่าง “โรงเรียน, บ้าน, ชุมชน, และเครือข่ายสหวิชาชีพ”

4.3 การประสานความร่วมมือในการวางแผนและส่งเสริมพัฒนาการ (ข้อ 1.2.3 ค)

นี่คือ “กระบวนการ” (The Process) ของการทำงานในระบบนิเวศ หลังจาก “สร้างเครือข่าย” (1.2.3 ข) แล้ว ครูต้อง “ใช้เครือข่าย” นั้นในการ “วางแผนร่วมกัน” (Co-planning)

4.4 การติดตามและประเมินผลการประสานความร่วมมือ (ข้อ 1.2.3 ง)

นี่คือ “การวัดผล” (The Measurement) ของระบบนิเวศ ครูต้องไม่เพียงแต่ “ทำ” แต่ต้อง “ประเมินผล” ความร่วมมือนั้นด้วยว่าส่งผลดีต่อตัวเด็กจริงหรือไม่

การปฏิบัติตามมาตรฐาน 1.2.3 (ก) ถึง (ง) อย่างเป็นระบบนี้เอง ที่ยกระดับบทบาทของครูปฐมวัยไปสู่การเป็น “ผู้สร้างนโยบายท้องถิ่น” (Local Policy Shaper) โดยไม่รู้ตัว เมื่อครู “ติดตามและประเมินผล” (1.2.3 ง) ความร่วมมือ และได้รับ “ข้อมูลเชิงประจักษ์” (Evidence) เกี่ยวกับปัญหาเด็กในชุมชน 11 ข้อมูลนี้สามารถถูกนำไปใช้ “ผลักดันสู่แผน 3 ปีขององค์การบริหารส่วนตำบล” 11 นี่คือจุดที่ทรงพลังที่สุดของมาตรฐานนี้ ครูไม่ได้จบแค่การสอนในห้องเรียน แต่ข้อมูลจากการปฏิบัติงานของครูสามารถกลายเป็น “ยุทธศาสตร์” (Strategy) ของท้องถิ่นได้ นี่คือการยกระดับบทบาทครูสู่การเป็น “ผู้กระทำการเปลี่ยนแปลงในชุมชน” (Community Change Agent) อย่างแท้จริง


ส่วนที่ 5: บทสรุปและข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย

การวิเคราะห์มาตรฐานความรู้ที่ 6 และมาตรฐานประสบการณ์วิชาชีพที่ 1.2.3 ภายใต้ข้อบังคับคุรุสภา พ.ศ. 2568 3 นำไปสู่ข้อสรุปและข้อเสนอแนะเชิงนโยบายที่สำคัญ เพื่อขับเคลื่อนการยกระดับวิชาชีพครูปฐมวัยให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้

5.1 สรุปคุณลักษณะ “ครูปฐมวัยในฐานะผู้จัดการระบบนิเวศ”

มาตรฐานฉบับใหม่ได้กำหนดคุณลักษณะของ “ครูปฐมวัยสมรรถนะสูง” (High-Competency ECE Teacher) ไว้อย่างชัดเจนว่า ครูไม่ใช่เพียงผู้ใช้หลักสูตร แต่เป็น “ศูนย์กลาง” (Hub) ที่ทำหน้าที่ประสานงานและบูรณาการระบบนิเวศรอบตัวเด็ก โดยเชื่อมโยง 5 ภาคส่วนสำคัญ ได้แก่:

  1. ครอบครัว (ผ่านการสื่อสารเชิงบวก 25)
  2. ชุมชน (ผ่านการสร้างเครือข่าย 11)
  3. ระบบสาธารณสุขและสหวิชาชีพ (ผ่านการประเมินและส่งต่อ 14)
  4. ระบบกฎหมายและนโยบาย (ผ่านการพิทักษ์สิทธิ์ 9 และการขับเคลื่อนนโยบาย 11)
  5. ระบบดิจิทัล (ผ่านการให้ความรู้และสร้างความตระหนัก 13)

สมรรถนะหลักของครูในศตวรรษที่ 21 จึงไม่ได้มีเพียง “การสอน” (Pedagogy) แต่ได้ขยายรวมถึง “การสื่อสารเชิงบวก” (Positive Communication) 24, “การสร้างเครือข่าย” (Networking) 3, และ “การบริหารจัดการข้อมูล” (Data Management) 11 เพื่อประโยชน์สูงสุดของเด็ก

5.2 ข้อเสนอแนะสำหรับสถาบันผลิตครู (Pre-Service)

เพื่อให้บัณฑิตครูปฐมวัยรุ่นใหม่มีความพร้อมตามมาตรฐาน พ.ศ. 2568 สถาบันผลิตครูจำเป็นต้องปฏิรูปหลักสูตรอย่างเร่งด่วน 3

5.3 ข้อเสนอแนะสำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย และครูประจำการ (In-Service)

สำหรับครูประจำการและผู้บริหารสถานศึกษา การเปลี่ยนผ่านนี้ต้องการการสนับสนุนอย่างจริงจัง

5.4 บทสรุปทิ้งท้าย: จาก “ผู้ปฏิบัติการ” สู่ “ผู้สร้างการเปลี่ยนแปลง”

โดยสรุป มาตรฐานที่ 6 และมาตรฐานประสบการณ์วิชาชีพที่ 1.2.3 ในข้อบังคับคุรุสภา พ.ศ. 2568 3 ไม่ได้เป็นการเพิ่ม “ภาระงาน” ให้กับครูปฐมวัย แต่เป็นการ “เพิ่มพลัง” (Empowerment) และยกระดับวิชาชีพครูปฐมวัยอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน นี่คือการประกาศอย่างเป็นทางการว่า ครูปฐมวัยไม่ใช่เพียงผู้ปฏิบัติการในห้องเรียน แต่คือบุคลากรวิชาชีพด่านหน้าที่สำคัญที่สุด ในการบูรณาการทุกระบบของสังคมเพื่อสร้างรากฐานทรัพยากรมนุษย์ของประเทศ และเป็น “ผู้สร้างการเปลี่ยนแปลง” ในระดับชุมชนและสังคมอย่างแท้จริง

Works cited

  1. ราชกิจจานุเบกษา (22 สิงหาคม 2568) เผยแพร่ข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยมาตรฐานวิชาชีพครูปฐมวัย พ.ศ. 2568 – 366 Q-KIDS, accessed November 5, 2025, https://www.366q-kids.com/news-2140/
  2. ราชกิจจานุเบกษา (22 สิงหาคม 2568) เผยแพร่ข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วย …, accessed November 5, 2025, https://obectv.tv/news_detail/52
  3. คุรุสภาชวนศึกษากฏหมายมาตรฐานวิชาชีพครูปฐมวัย 2568 ด่วน! “อมลวรรณ” เผยข้อบังคับคุรุสภาว่าด้วยมาตรฐานว… – วิทยุศึกษา, accessed November 5, 2025, http://www.moeradiothai.net/news/14/7519
  4. “ประสาทวิทยาศาสตร์พัฒนาการเพื่อการพัฒนาและคุ้มครองเด็ก” “การพัฒนาเด็กและการแทรกแซงในมิติเชิงนิเวศ”, accessed November 5, 2025, https://cf.mahidol.ac.th/th/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%92%E0%B8%99/
  5. “นิเวศสื่อสุขภาวะ คือ การจัดระบบนิเวศที่เอื, accessed November 5, 2025, https://dol.thaihealth.or.th/Media/Pdfview/72f02145-8569-ef11-810a-00155d1aab83
  6. พัฒนาการเด็กปฐมวัยผ่านการเรียนรู้จากแปลงผัก นิเวศสื่อสุขภาวะใกล้ๆตัว, accessed November 5, 2025, https://www.thaihealth.or.th/%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%92%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B8%9B%E0%B8%90%E0%B8%A1%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%9C%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99/
  7. “บอร์ดคุรุสภา”เห็นชอบร่างข้อบังคับคุรุสภาว่าด้วยมาตรฐานวิชาชีพครูปฐมวัย “คุรุสภา” ผลักดันร่างมาตรฐานวิชาชีพครูปฐมวัย ให้ทันสมัยและสอดคล้องกับการจัดการศึกษายุคปัจจุบัน – biz2plus.com, accessed November 5, 2025, https://www.biz2plus.com/%E0%B8%94%E0%B8%B9%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1-185656-%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%94%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%AA%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%8A%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%AA%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2.html
  8. แผนพัฒนาเด็กปฐมวัย พ.ศ. ๒๕๖๔ – ๒๕๗๐ – ONEC Backoffice for Administrator, accessed November 5, 2025, http://backoffice.onec.go.th/uploads/Book/1903-file.pdf
  9. พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ, accessed November 5, 2025, https://www.dcy.go.th/public/mainWeb/file_download/1638170189326-511345003.pdf
  10. พระราชบัญญัติ การ พัฒนา เด็ก ปฐมวัย พ.ศ. ๒๕๖๒ – พระราชบัญญัติ สมเด็จ …, accessed November 5, 2025, https://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2562/A/056/T_0005.PDF
  11. แนวทางการสร้างเครือข่ายชุมชนในการมีส่วนร่วมดูแลเด็กปฐมวัยอย่างยั่งยืน A Guideline to Start Sustainable Community Network to Participate in Eaely Childcare – socadmin | Thammasat University – มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, accessed November 5, 2025, https://socadmin.tu.ac.th/uploads/socadmin/file_research/research_Split/20.pdf
  12. รูปแบบการใช้สื่อดิจิทัลกับการเรียนรู้ทางสังคมและการเสริมสร้าง – มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์, accessed November 5, 2025, https://libdoc.dpu.ac.th/thesis/Punnarat.Pin.pdf
  13. ครูปฐมวัยกับบทบาทใหม่ ต้องสอนอย่างไร ในยุคที่สื่อดิจิทัล มาแรง!! – สำนักการศึกษา เทศบาลนครนนทบุรี, accessed November 5, 2025, https://education.nakornnont.go.th/news_exchange/detail/28
  14. กิจกรรมบำบัดเพื่อการพัฒนาเด็กและครูปฐมวัย – GotoKnow, accessed November 5, 2025, https://www.gotoknow.org/posts/674473
  15. จิตวิทยาเด็ก อาวุธลับของครูปฐมวัย – Aksorn.com, accessed November 5, 2025, https://www.aksorn.com/child-psychology
  16. การศึกษาบทบาทของครูในการพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาของเด็กวัยอนุบาล ในโรงเรียนสังกัด สำนักงานการประถมศึกจังหวัดนนทบุรี – Chula Digital Collections, accessed November 5, 2025, https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/23728/
  17. แผนพัฒนาเด็กปฐมวัย พ.ศ.2564 – 2570 – FlipHTML5, accessed November 5, 2025, https://fliphtml5.com/wbpvz/fsba/%E0%B9%81%E0%B8%9C%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%92%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B8%9B%E0%B8%90%E0%B8%A1%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%A2_%E0%B8%9E.%E0%B8%A8.2564_-_2570/
  18. แผนพัฒนาเด็กปฐมวัย พ.ศ.2564-2570 – Flip eBook Pages 1-50 | AnyFlip, accessed November 5, 2025, https://anyflip.com/sfjs/lqym/basic
  19. ยุทธศาสตร์พ.ศ. 2562 – 2565, accessed November 5, 2025, https://cf.mahidol.ac.th/th/wp-content/uploads/2019/05/strategy2562.pdf
  20. ครูปฐมวัยกับบทบาทใหม่ ต้องสอนอย่างไร ในยุคที่สื่อดิจิทัล มาแรง!! – Aksorn.com, accessed November 5, 2025, https://www.aksorn.com/al-kindergartenwithdigital-education
  21. ความท้าทายสาหรับครูปฐมวัยกับการเปลี่ยนแปลง, accessed November 5, 2025, https://www.senate.go.th/commission_meeting/readfile/85934/18154/2092/19590
  22. ข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยมาตรฐานวิชาชีพครูปฐมวัย พ.ศ. 2568 – ครูเชียงราย, accessed November 5, 2025, https://www.kruchiangrai.net/2025/08/25/%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%AA%E0%B8%A0%E0%B8%B2-%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B9%89-4/
  23. โครงการพัฒนาคุณภาพในการจัดการเรียนการสอนในระดับปฐมวัย ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กองค์การบริหารส่วนตำบลเนินสว่าง, accessed November 5, 2025, https://www.noensawang.go.th/post/000000554-b37b11611a322e11b4caad4786c1a200.pdf
  24. เทคนิคการสื่อสารกับผู้ปกครอง (Communication Skill), accessed November 5, 2025, https://th.rajanukul.go.th/_admin/file-download/D0000075.pdf
  25. 6 เคล็ดลับ เสริมเทคนิคสื่อสารกับผู้ปกครองอย่างมีประสิทธิภาพ – Learn Education, accessed November 5, 2025, https://www.learneducation.co.th/6-%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%94%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%9A-%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B8%AA%E0%B8%B7/
  26. เคล็ดลับในการสื่อสารเชิงบวก – Child Impact, accessed November 5, 2025, https://childimpact.co/learning/positive-communication-house
  27. การสื่อสารเพื่อสร้างความเข้าใจระหว่างผู้ปกครองกับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย – 366 Q-KIDS, accessed November 5, 2025, https://www.366q-kids.com/knowledge/articles-knowledge-1550/
  28. การสื่อสารเพื่อสร้างความเข้าใจระหว่างผู้ปกครองกับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย, accessed November 5, 2025, https://ecd.onec.go.th/knowledge/articles/9092/

Comments

comments

Powered by Facebook Comments

Exit mobile version