การออกแบบการสอนเพื่อพัฒนาทักษะความยืดหยุ่นทางปัญญา (Cognitive Flexibility)
ความยืดหยุ่นทางปัญญา (Cognitive Flexibility)
ในบทความนี้เราจะพูดถึงความยืดหยุ่นทางปัญญาวิธีการทํางานและเหตุใดจึงสําคัญ
ความหมายของความยืดหยุ่นทางปัญญา
ความยืดหยุ่นทางปัญญา คือ ความสามารถในการสลับไปมาระหว่างงานความคิด หรือแนวคิดที่แตกต่างกัน และปรับให้เข้ากับสถานการณ์ หรือข้อมูลที่เปลี่ยนแปลงไป มีความเกี่ยวข้องกับกระบวนการทางจิตของการยับยั้งการเปลี่ยน และการอัปเดตซึ่งช่วยให้เราสามารถปรับพฤติกรรม หรือความคิดของเราให้เข้ากับสถานการณ์ใหม่ ๆ
ความยืดหยุ่นทางปัญญาทำงานอย่างไร
1. ความยืดหยุ่นทางปัญญาเชื่อมโยงกับการทํางานของเยื่อหุ้มสมองส่วนหน้าซึ่งเป็นพื้นที่ของสมองที่เกี่ยวข้องกับการวางแผนการตัดสินใจ และความจำในการทำงาน
2. เกี่ยวข้องกับความสามารถในการยับยั้งกฎ หรือนิสัยที่เรียนรู้ก่อนหน้านี้ และเปลี่ยนความสนใจ และพฤติกรรมไปสู่เป้าหมาย หรือสิ่งเร้าใหม่
3. ความยืดหยุ่นทางปัญญายังได้รับอิทธิพลจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น แรงจูงใจความเครียด และการควบคุมอารมณ์
ประโยชน์ของความยืดหยุ่นทางปัญญา
1. ความยืดหยุ่นทางปัญญามีความสำคัญในหลาย ๆ ด้านของชีวิตรวมถึงความสำเร็จทางวิชาการ และวิชาชีพความสัมพันธ์ทางสังคม และสุขภาพจิต
2. ช่วยให้เราสามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ และความท้าทายใหม่ ๆ เพื่อดูมุมมอง และแนวทางแก้ไขที่หลากหลาย และคิดอย่างสร้างสรรค์ และสร้างสรรค์
3. คนที่มีความยืดหยุ่นทางปัญญาในระดับสูงมีความยืดหยุ่น และปรับตัวได้มากขึ้น และมีทักษะการเผชิญปัญหาที่ดีขึ้นในสถานการณ์ที่เครียด หรือไม่แน่นอน
กลยุทธ์ในการปรับปรุงความยืดหยุ่นทางปัญญา
1. ความยืดหยุ่นทางปัญญาสามารถปรับปรุงได้ผ่านกลยุทธ์ต่าง ๆ เช่น การฝึกสติการมีส่วนร่วมในประสบการณ์ใหม่ และโอกาสในการเรียนรู้ และท้าทายตัวเองให้คิดนอกกรอบ
2. นอกจากนี้ยังสามารถปรับปรุงผ่านโปรแกรมการฝึกอบรมความรู้ความเข้าใจ และการออกกําลังกายสมองที่กําหนดเป้าหมายทักษะความรู้ความเข้าใจที่เฉพาะเจาะจง เช่น การควบคุมการยับยั้ง และความจำในการทำงาน
บทสรุป:
สรุปได้ว่าความยืดหยุ่นทางปัญญา คือ ความสามารถในการสลับระหว่างงานความคิด หรือแนวคิดที่แตกต่างกัน และปรับให้เข้ากับสถานการณ์ หรือข้อมูลที่เปลี่ยนแปลงไป มันเป็นทักษะที่จำเป็นำหรับความสำเร็จในหลาย ๆ ด้านของชีวิต และสามารถปรับปรุงได้ผ่านกลยุทธ์ และโปรแกรมการฝึกอบรมต่าง ๆ ด้วยการำความเข้าใจความยืดหยุ่นทางปัญญาแ ละวิธีการทำงานเราสามารถเห็นความสำคัญของการพัฒนา และรักษาทักษะนี้สำหรับการเติบโตส่วนบุคคล และอาชีพของผู้เรียน
เพราะความสามารถทางปัญญา คือ ทักษะ และกระบวนการทางจิตที่ช่วยให้เราสามารถคิดเรียนรู้จดจําแก้ปัญหา และตัดสินใจได้ สิ่งเหล่านี้เชื่อมโยงกับการทำงานของสมอง และระบบประสาทของเรา และจำเป็นสำหรับชีวิตประจําวัน และความสำเร็จทางวิชาการ และวิชาชีพของเรา ด้วยการทำความเข้าใจความสามารถทางปัญญา และวิธีการทำงานเราสสามารถเห็นความสำคัญของการพัฒนา และปรับปรุงผู้เรียนได้ดีขึ้นผ่านการฝึกอบรมความรู้ความเข้าใจ และการพัฒนาสมอง
วิธีการสอนที่สามารถช่วยให้นักเรียนพัฒนาความยืดหยุ่นทางปัญญา:
1. ส่งเสริมการเรียนรู้แบบสหสาขาวิชาชีพ (Encourage Multidisciplinary Learning) คือการส่งเสริมให้นักเรียนได้เกิดการเรียนรู้ และได้มีส่วนร่วมกับหัวข้อจากเนื้อหา และจากสาขาวิชาต่าง ๆ ที่จะสามารถช่วยให้นักเรียน ได้รับการพัฒนาความยืดหยุ่นทางปัญญา (Cognitive Flexibility) ได้ด้วยการเรียนรู้วิธีการเชื่อมต่อ และการประยุกต์ใช้แนวคิดจากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ โดยที่นักเรียนสามารถฝึกสลับไปมาระหว่างโหมดการคิดที่แตกต่างกัน และพัฒนามุมมองใหม่ ๆ เพื่อให้เกิดทักษะตามต้องการได้
2. ใช้แบบฝึกหัดสวมบทบาท หรือแบบฝึกหัดจําลองสถานการณ์ (Use Role-playing or Simulation Exercises) การนำแบบฝึกหัดสวมบทบาท หรือการจําลองสถานการณ์มาใช้ในกิจกรรมการเรียนรู้ จะสามารถช่วยให้นักเรียนพัฒนาความยืดหยุ่นทางปัญญาได้ดี โดยผู้สอนอาจใช้วิธีการวางไว้ในสถานการณ์ต่าง ๆ ในกิจกรรมการเรียนรู้ที่ต้องการ โดยเปิดโอกาสให้นักเรียนได้ปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง และเกิดการแก้ปัญหาตามที่ผู้สอนได้สร้างสถานการณ์ ตัวอย่างเช่น แบบฝึกหัดการจําลองอาจมีการสร้างสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของนักเรียน ที่เน้นการมีบทบาทที่แตกต่างกันในตลาดสดในหมู่บ้าน และให้แต่ละคนขายสินค้าที่สมมติขึ้นมา และนักเรียนต้องตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิดในตลาดของผู้ซื้อได้อย่างไร
3. ใช้การเรียนรู้ โดยใช้โครงงาน (Use Project-Based Learning) การเรียนรู้แบบโครงงานช่วยให้นักเรียนสามารถทํางานกับปัญหาปลายเปิดได้อย่างหลากหลาย หรืองานที่ต้องการให้นักเรียนใช้ความยืดหยุ่นทางปัญญา เพื่อค้นหาวิธีแก้ปัญหาที่สร้างสรรค์ ด้วยการทำงานในโครงการที่เกี่ยวข้องกับหลายขั้นตอน และเกิดจุดที่ต้องตัดสินใจ โดยที่นักเรียนสามารถฝึกสลับไปมาระหว่างงาน และปรับให้เข้ากับข้อมูลใหม่ ๆ ตามภารกิจที่ได้รับ
4. ใช้แบบฝึกหัดฝึกสมอง (Use Brain Training Exercises) แบบฝึกหัดฝึกสมอง เช่นเกมฝึกความจํา (memory games) หรือ เกมปริศนา (puzzles) จะสามารถช่วยให้นักเรียนได้รับการพัฒนาความยืดหยุ่นทางปัญญาได้เป็นอย่างมาก โดยได้รับการฝึกทักษะการยับยั้ง การขยับ และการปรับปรุงทักษะ แบบฝึกหัดเหล่านี้ จะสามารถช่วยให้นักเรียนได้รับการปรับปรุงความจำในการทำงาน และความคล่องตัวทางจิต ซึ่งจำเป็นมากสำหรับความยืดหยุ่นทางปัญญา
5. ใช้แบบฝึกหัดการคิดอย่างมีวิจารณญาณ (Use Critical Thinking Exercises) แบบฝึกหัดการคิดอย่างมีวิจารณญาณ เช่น การวิเคราะห์ข้อโต้แย้ง หรือการประเมินหลักฐาน สามารถช่วยนักเรียนได้รับการพัฒนาความยืดหยุ่นทางความคิด โดยการฝึกทักษะการพิจารณามุมมองที่หลากหลาย และการตั้งคำถามกับสมมติฐาน โดยการเรียนรู้ด้วยวิธีคิดอย่างมีวิจารณญาณ นักเรียนสามารถพัฒนาความสามารถในการเข้าถึงปัญหา และสถานการณ์จากมุมที่แตกต่างกัน
6. ส่งเสริมความคิดที่แตกต่าง (Encourage Divergent Thinking) ความคิดที่แตกต่างมีความเกี่ยวข้องกับการสร้างวิธีแก้ปัญหา หรือแนวคิดที่หลากหลายสำหรับปัญหา การส่งเสริมให้นักเรียนฝึกการคิดที่แตกต่างสามารถช่วยให้นักเรียนได้รับการพัฒนาความยืดหยุ่นทางปัญญาโดยการฝึกทักษะการมองมุมมองที่หลากหลาย และค้นหาวิธีแก้ปัญหาที่สร้างสรรค์
7. ให้ข้อเสนอแนะ และโอกาสในการสะท้อนกลับ (Provide Feedback and Reflection Opportunities) กิจกรรมการให้ข้อเสนอแนะ และโอกาสในการสะท้อนกลับ จะสามารถช่วยให้นักเรียนได้รับการพัฒนาความยืดหยุ่นทางปัญญา โดยผู้สอนควมมีช่วงเวลาที่เปิดโอกาส หรืออนุญาตให้นักเรียนได้มีการประเมินความคิด และกลยุทธ์ของตนเอง ด้วยวิธีการไตร่ตรองถึงกระบวนการเรียนรู้ และการแก้ปัญหาของตนเอง นักเรียนจะสามารถระบุความรู้ หรือประสบการณ์ของตนเองได้ตามต้องการ เพื่อปรับปรุง และพัฒนาทักษะความยืดหยุ่นทางปัญญาที่ดีขึ้น
ด้วยการผสมผสานวิธีการสอนเหล่านี้เข้ากับห้องเรียน ผู้สอนจะสามารถช่วยให้นักเรียนพัฒนาความยืดหยุ่นทางปัญญา และกลายเป็นผู้เรียนที่ปรับตัวสร้างสรรค์ และยืดหยุ่นได้มากขึ้นลองนำไปปรับใช้กันดูครับ
กิจกรรมที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้นที่นักเรียนสามารถมีส่วนร่วมเพื่อพัฒนาความยืดหยุ่นทางปัญญา
แบบฝึกหัดการใช้มุมมอง (Perspective-Taking Exercises) มอบหมายให้นักเรียนใช้มุมมองของตัวละครที่แตกต่างกันในเรื่อง หรือเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ กระตุ้นให้นักเรียนพิจารณาแรงจูงใจ ความเชื่อ และประสบการณ์ของตัวละครแต่ละตัว และวิธีที่นักเรียนอาจเห็นสถานการณ์แตกต่างกัน
เกมเปลี่ยนกฎ (Rule-Changing Games) การเล่นเกมในชั้นเรียนแต่มีการเปลี่ยนกฎ หรือข้อจํากัด ระหว่างทาง ในการทำกิจกรรม จะช่วยส่งเสริมให้นักเรียนมีการปรับตัว และค้นหาทางออกที่สร้างสรรค์ เพื่อเล่นเกมต่อไปภายใต้กฎใหม่
ช่วงของการระดมสมอง (Brainstorming Sessions) ผู้สอนควรมีการจัดการประชุมเพื่อระดมสมองในกิจกรรมการเรียนรู้ โดยที่ผู้สอนควรเปิดโอกาสให้นักเรียนได้สร้างแนวคิดใหม่ ๆ ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ด้วยวิธีการสร้างสถานการณ์ หรือโจทย์ที่นำมาใช้สําหรับตั้งปัญหา หรือคำถามตามที่กำหนด ผู้สอนต้องกระตุ้นให้นักเรียนคิดนอกกรอบ และสร้างวิธีแก้ปัญหาที่เป็นไปได้หลายอย่าง
แบบฝึกหัดการโต้วาที (Debate Exercises) ควรมีกิจกรรมที่มอบหมายให้นักเรียนได้อภิปรายถึงประเด็นต่าง ๆ แม้ว่านักเรียนอาจจะไม่เห็นด้วยกับบทบาทสมมุติ ตามตำแหน่งในการโต้วาทีที่ได้รับมอบหมายเป็นการส่วนตัวก็ตาม วิธีการกระตุ้นให้นักเรียนค้นคว้า และพิจารณามุมมองที่หลากหลาย เพื่อเสริมสร้างข้อโต้แย้งของนักเรียน
แบบฝึกหัดการสลับงาน (Task-Switching Exercises) ควรมีการมอบหมายให้นักเรียนทํางาน หรือปัญหาต่าง ๆ ในช่วงเวลาสั้น ๆ และสลับไปมาระหว่างนักเรียนอย่างสม่ำเสมอเป็นประจํา เพราะสิ่งนี้จะสามารถช่วยให้นักเรียนได้ฝึกการเปลี่ยนความสนใจ และเกิดความยับยั้งการตอบสนองกับกิจกรรมก่อนหน้านี้
แบบฝึกหัดการแก้ปัญหา (Problem-Solving Exercises) มอบหมายให้นักเรียนทํางานเกี่ยวกับปัญหาปลายเปิด หรืองานที่ต้องการให้นักเรียนค้นหาวิธีแก้ปัญหาที่สร้างสรรค์ กระตุ้นให้นักเรียนพิจารณาแนวทาง และกลยุทธ์ที่หลากหลายเพื่อหาทางออกที่ดีที่สุด
แบบฝึกหัดการสร้างทีม (Team-Building Exercises) มอบหมายให้นักเรียนทํางานเป็นกลุ่มเพื่อทํางานหรือโครงการให้เสร็จสมบูรณ์ กระตุ้นให้นักเรียนทํางานร่วมกัน เพื่อค้นหาวิธีแก้ปัญหาที่สร้างสรรค์ และปรับตัวให้เข้ากับความท้าทายที่ไม่คาดคิด
โครงการวิจัยข้ามสาขาวิชา (Cross-Disciplinary Research Projects) ผู้สอนอาจมีการค้นคว้าหัวข้อจากหลายมุมมอง หรือสาขาวิชาที่มีความเกี่ยวข้องกับเนื้อหา หรือกิจกรรมที่สอน เพื่อนำมาใช้ในกิจกรรมการเรียนรู้โดยการกระตุ้นให้นักเรียนได้สังเคราะห์ และเชื่อมโยงข้อมูลที่นักเรียนได้รวบรวม เพื่อนำมาพัฒนาความเข้าใจในหัวข้อที่ละเอียด และยืดหยุ่นได้มากยิ่งขึ้น
โดยการมีส่วนร่วมในกิจกรรมเหล่านี้นักเรียนสามารถพัฒนาทักษะความยืดหยุ่นทางปัญญา เช่น การปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ใหม่พิจารณามุมมองที่หลากหลาย และค้นหาวิธีแก้ปัญหาที่สร้างสรรค์ได้อย่างหลายหลายหลังการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ได้เป็นอย่างดี
ซึ่งทักษะนี้จะตอบโจทย์ด้านที่ 2 ด้านผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน ตัวชี้วัดที่ 3 ผลงานหรือผลการปฏิบัติสะท้อนความสามารถ ในการเรียนรู้ (Cognitive Abilities)ตามวัยและลักษณะของผู้เรียน
1) ความยืดหยุ่นในการคิด หรือการคิดเชื่อมโยงสิ่งต่าง ๆ
2) ความคิดสร้างสรรค์ หรือการคิดเชิงนวัตกรรม
3) กระบวนการสืบเสาะหาความหมาย หรือกระบวนการตัดสินใจ
4) กระบวนการคิดเชิงเหตุผล หรือการให้เหตุผลเชิงตรรกะ
5) กระบวนการคิดเชิงระบบ
ลองนำมาพิจารณาเพื่อนำไปใช้สอนกันครับ
ดร.อนุศร หงษ์ขุนทด
ID Line : Musicmankob
Comments
comments
Powered by Facebook Comments