Digital Learning Classroom
AIAIการพัฒนาผู้เรียนกิจกรรมการสอนความรู้ทั่วไปบทความหลักการและแนวคิด

การพัฒนาการเรียนรู้ในยุค AI: มุมมองใหม่ผ่าน Bloom’s Taxonomy

แชร์เรื่องนี้

การพัฒนาการเรียนรู้ในยุค AI: มุมมองใหม่ผ่าน Bloom’s Taxonomy

ในยุคที่เทคโนโลยี AI (Artificial intelligence) กำลังก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว การศึกษาในทุกภาคส่วน รวมถึงในระดับอุดมศึกษามีความจำเป็นต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับความท้าทายใหม่ ๆ Bloom’s Taxonomy ถือเป็นแนวทาง และเป็นเครื่องมือที่ถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลาย ในการประเมินระดับการเรียนรู้

และกำลังจะถูกนำมาประยุกต์ใช้ในบริบทของ AI (Artificial intelligence) ในแบบสร้างเนื้อหา (Generative AI) เพื่อพัฒนาการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นขึ้น

ดังนั้นในบทความนี้ผมได้อ่านบทความเรื่อง Advancing meaningful learning in the age of AI จึงได้เกิดแรงบันดาลใจที่จะเขียนเรื่องนี้เพื่อบันทึกความเข้าใจของตนเอง

และเพื่อเป็นแนวทางให้ผู้สอนและนักออกแบบการจัดการเรียนการสอน ได้มีแนวทางเพื่อพิจารณามุมมองต่าง ๆ ของนักการศึกษา เพื่อนำไปใช้ในการออกแบบการเรียนรู้ ในการปรับตัวครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยให้การเรียนการสอนทันสมัยเท่านั้น แต่ยังเป็นการเตรียมความพร้อมให้นักการศึกษาสามารถใช้ประโยชน์จาก AI (Artificial intelligence) ได้อย่างมีประสิทธิภาพในอนาคตอีกด้วย การผสมผสานระหว่างเทคโนโลยี AI (Artificial intelligence) กับวิธีการสอนแบบดั้งเดิมจะช่วยสร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่มีความหมายและตอบสนองต่อความต้องการของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 ได้อย่างแท้จริง

แนวทางการใช้ Bloom’s Taxonomy ในยุค AI (Artificial intelligence) มีวัตถุประสงค์หลักสองประการ

1. เพื่อระบุการเปลี่ยนแปลงที่จำเป็นในการสร้างการเรียนรู้ที่มีความหมาย

2. เพื่อค้นหาโอกาส และแนวทางในการบูรณาการ การใช้ AI (Artificial intelligence) ของนักการศึกษาอย่างรอบคอบ และตรงประเด็นที่ควรจะเป็น

คำนิยามการจัดการเรียนรู้ตาม Bloom’s Taxonomy

Bloom’s Taxonomy หรือ อนุกรมวิธานของบลูม เป็นกรอบแนวคิดในการจัดการเรียนรู้และการออกแบบการประเมินผลทางการศึกษา ที่แบ่งระดับความซับซ้อนของกระบวนการทางปัญญา (Cognitive Processes) ออกเป็นลำดับขั้น โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมการคิดระดับสูงและการเรียนรู้ที่ลึกซึ้ง

พัฒนาขึ้นโดย Dr. Benjamin Bloom และคณะ ในปี ค.ศ. 1956 และได้รับการปรับปรุงในปี ค.ศ. 2001 โดย Anderson และ Krathwohl เพื่อให้สอดคล้องกับบริบทการศึกษาสมัยใหม่

 โครงสร้างหลัก Bloom’s Taxonomy แบ่งระดับการเรียนรู้ออกเป็น 6 ระดับ เรียงลำดับจากขั้นพื้นฐานไปสู่ขั้นที่ซับซ้อน ดังนี้

1. จำ (Remember)  การระลึกหรือจดจำความรู้ที่ได้เรียนมา
2. เข้าใจ (Understand) การแปลความ ตีความ และสรุปความรู้ที่ได้รับ
3. ประยุกต์ใช้ (Apply) การนำความรู้ไปใช้ในสถานการณ์ต่างๆ
4. วิเคราะห์ (Analyze) การแยกแยะองค์ประกอบของข้อมูลและหาความสัมพันธ์
5. ประเมินค่า (Evaluate) การตัดสินคุณค่าของข้อมูลหรือแนวคิดตามเกณฑ์ที่กำหนด
6. สร้างสรรค์ (Create) การสร้างผลงานหรือแนวคิดใหม่โดยใช้ความรู้ที่มี

การนำไปใช้ในการจัดการเรียนรู้

การจัดการเรียนรู้ตาม Bloom’s Taxonomy Bloom’s Taxonomy เป็นเครื่องมือสำคัญในการออกแบบการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ โดยช่วยให้ครูสามารถจัดลำดับการเรียนรู้ ออกแบบกิจกรรม และประเมินผลได้อย่างเป็นระบบ ส่งเสริมให้ผู้เรียนพัฒนาทักษะการคิดขั้นสูงและการเรียนรู้อย่างมีความหมาย มีลักษณะสำคัญดังนี้

1. การกำหนดวัตถุประสงค์การเรียนรู้ ใช้ระดับการเรียนรู้เป็นแนวทางในการกำหนดจุดมุ่งหมายของบทเรียน

2. การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ สร้างกิจกรรมที่ส่งเสริมการคิดในระดับต่างๆ ตามลำดับขั้น

3. การประเมินผล พัฒนาเครื่องมือประเมินที่สอดคล้องกับระดับการเรียนรู้ที่ต้องการวัด

4. การพัฒนาทักษะการคิดขั้นสูง มุ่งเน้นการพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ ประเมิน และสร้างสรรค์

5. การสร้างความท้าทาย ออกแบบการเรียนรู้ที่ท้าทายผู้เรียนให้พัฒนาไปสู่ระดับการคิดที่สูงขึ้น

6. การบูรณาการ ส่งเสริมการบูรณาการความรู้จากหลายสาขาวิชาเพื่อแก้ปัญหาหรือสร้างสรรค์ผลงาน

บลูม (Benjamin Samuel Bloom) นักการศึกษาชาวอเมริกันที่เชื่อว่า

“การเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพจำเป็นต้องอาศัยพฤติกรรมการเรียนรู้และจิตวิทยาพื้นฐาน”

กล่าวถึงการจำแนกการเรียนรู้ตามทฤษฎีของบลูม หรือเรียกว่า ระดับขั้นความสามารถของบลูม (Bloom’s Taxonomy) ซึ่งแบ่งเป็น 3 ด้าน คือ ด้านพุทธิพิสัย ด้านทักษะพิสัย และด้านจิตพิสัย โดยในแต่ละด้านจะมีการจำแนกระดับความสามารถจากต่ำสุดไปถึงสูงสุด เช่น

  • ด้านพุทธิพิสัย (Cognitive Domain) เริ่มจากความรู้ ความเข้าใจ การนำไปใช้ การวิเคราะห์ การสังเคราะห์ การประเมิน นอกจากนี้ยังนำเสนอระดับความสามารถที่มีการปรับปรุงใหม่ตามแนวคิดของ Anderson and Krathwohl (2001) เป็นการจำ (Remembering) การเข้าใจ (Understanding) การประยุกต์ใช้ (Applying) การวิเคราะห์ (Analysing) การประเมินผล (Evaluating) และการสร้างสรรค์ (Creating)
  • ด้านทักษะพิสัย (Psychomotor Domain) จำแนกเป็น การรับรู้, การตอบสนอง, การสร้างค่านิยม, การจัดระบบ และการสร้างคุณลักษณะจากค่านิยม
  • ด้านจิตพิสัย (Affective Domain) จำแนกเป็น ทักษะการเคลื่อนไหวของร่างกาย, ทักษะการเคลื่อนไหวอวัยวะสองส่วนหรือมากกว่าพร้อม ๆ กัน, ทักษะการสื่อสารโดยใช้ท่าทาง และทักษะการแสดงพฤติกรรมทางการพูด

คำนิยามเทคโนโลยี AI (Artificial Intelligence) เพื่อการศึกษา

เทคโนโลยี AI (Artificial Intelligence) เพื่อการศึกษา หมายถึง การประยุกต์ใช้ระบบคอมพิวเตอร์ และซอฟต์แวร์ที่มีความสามารถในการเลียนแบบกระบวนการคิด การเรียนรู้ และการตัดสินใจของมนุษย์ เพื่อสนับสนุน ปรับปรุง และเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการเรียนการสอน การบริหารจัดการการศึกษา และการพัฒนาผู้เรียน

ลักษณะสำคัญของเทคโนโลยี AI เพื่อการศึกษา ประกอบด้วย

1. การเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) หมายถึง ความสามารถของระบบในการเรียนรู้และปรับปรุงประสิทธิภาพจากข้อมูลและประสบการณ์ โดยไม่ต้องเขียนโปรแกรมโดยตรง

2. การประมวลผลภาษาธรรมชาติ (Natural Language Processing) หมายถึงความสามารถในการเข้าใจ แปลความหมาย และสร้างภาษามนุษย์

3. การวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data Analytics) หมายถึง ความสามารถในการประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมากเพื่อหาแนวโน้มและรูปแบบ

4. ระบบผู้เชี่ยวชาญ (Expert Systems) หมายถึง ระบบที่จำลองความรู้และกระบวนการตัดสินใจของผู้เชี่ยวชาญในสาขาวิชาต่างๆ

5. การมองเห็นของคอมพิวเตอร์ (Computer Vision) หมายถึงความสามารถในการรับรู้และวิเคราะห์ข้อมูลภาพและวิดีโอ

ในบริบทของการศึกษา เทคโนโลยี AI ถูกนำมาใช้โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้ ลดภาระงานของผู้สอน ส่งเสริมความเท่าเทียมทางการศึกษา และเตรียมผู้เรียนให้พร้อมสำหรับโลกในยุคดิจิทัล ดังนี้

– ปรับเนื้อหาและวิธีการสอนให้เหมาะสมกับผู้เรียนแต่ละคน (Personalized Learning)
– วิเคราะห์และคาดการณ์ผลการเรียนของผู้เรียนเรียน
– อำนวยความสะดวกในการบริหารจัดการสถานศึกษา
– สร้างระบบสนับสนุนการตัดสินใจสำหรับครูและผู้บริหาร
– พัฒนาเครื่องมือประเมินผลอัตโนมัติ
– สร้างประสบการณ์การเรียนรู้เสมือนจริงและเสริม (Virtual and Augmented Reality)
– ให้คำแนะนำและสนับสนุนผู้เรียนแบบเรียลไทม์

 

คำนิยามการจัดการเรียนรู้ตาม Bloom’s Taxonomy ด้วยเทคโนโลยี AI

การจัดการเรียนรู้ตาม Bloom’s Taxonomy ด้วยเทคโนโลยี AI หมายถึง การประยุกต์ใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) เพื่อสนับสนุนและเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการเรียนการสอนตามกรอบแนวคิดของ Bloom’s Taxonomy โดยมุ่งเน้นการพัฒนาทักษะการคิดระดับสูงและการเรียนรู้ที่ลึกซึ้งของผู้เรียน ผ่านการใช้เทคโนโลยี AI ในการวิเคราะห์ ปรับเหมาะ และสนับสนุนกระบวนการเรียนรู้ในแต่ละระดับของ Taxonomy

การบูรณาการ AI กับระดับการเรียนรู้ตาม Bloom’s Taxonomy

1. จำ (Remember)

– AI สร้างระบบทบทวนความจำแบบปรับเหมาะ (Adaptive Flashcards)
– ใช้ Natural Language Processing (NLP) ในการตรวจสอบความถูกต้องของการระลึกข้อมูล

2. เข้าใจ (Understand)

– AI วิเคราะห์การอธิบายของผู้เรียนเพื่อประเมินความเข้าใจ
– สร้างแผนภาพและการอธิบายที่ปรับเปลี่ยนตามระดับความเข้าใจของผู้เรียน

3. ประยุกต์ใช้ (Apply)

– AI สร้างสถานการณ์จำลองที่หลากหลายเพื่อฝึกการประยุกต์ใช้ความรู้
– วิเคราะห์วิธีการแก้ปัญหาของผู้เรียนและให้คำแนะนำเฉพาะบุคคล

4. วิเคราะห์ (Analyze)

– ใช้ Machine Learning ในการวิเคราะห์รูปแบบการคิดวิเคราะห์ของผู้เรียน
– สร้างชุดข้อมูลซับซ้อนเพื่อฝึกทักษะการวิเคราะห์

5. ประเมินค่า (Evaluate)

– AI สร้างสถานการณ์ที่ต้องใช้การตัดสินใจและประเมินค่า
– วิเคราะห์เหตุผลและการให้น้ำหนักในการตัดสินใจของผู้เรียน

6. สร้างสรรค์ (Create)

– ใช้ AI เป็นเครื่องมือช่วยในการสร้างสรรค์ผลงาน เช่น การเขียน การออกแบบ
– AI วิเคราะห์ความคิดสร้างสรรค์และให้ข้อเสนอแนะเพื่อพัฒนาต่อยอด

ลักษณะสำคัญของการจัดการเรียนรู้

1. การปรับเหมาะรายบุคคล (Personalization)

– AI วิเคราะห์รูปแบบการเรียนรู้และปรับเนื้อหา วิธีการสอนให้เหมาะกับผู้เรียนแต่ละคน

2. การวิเคราะห์การเรียนรู้แบบเรียลไทม์ (Real-time Learning Analytics)

– AI ติดตามและวิเคราะห์พฤติกรรมการเรียนรู้ตลอดเวลา เพื่อให้การสนับสนุนทันที

3. การสนับสนุนการคิดขั้นสูง (Higher-order Thinking Support)

– ออกแบบกิจกรรมและคำถามที่ท้าทาย โดยใช้ AI วิเคราะห์ระดับความยากให้เหมาะสม

4. การประเมินผลอัตโนมัติ (Automated Assessment)

– ใช้ AI ในการตรวจและให้คะแนนงาน พร้อมให้ข้อเสนอแนะเพื่อการพัฒนา

5. การสร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้เสมือน (Virtual Learning Environments)

– ใช้ AI ร่วมกับ VR/AR เพื่อสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ที่เสมือนจริง

6. การสนับสนุนการเรียนรู้แบบร่วมมือ (Collaborative Learning Support)

– AI วิเคราะห์และจับคู่ผู้เรียนสำหรับกิจกรรมกลุ่ม ตามทักษะและความสนใจ

การจัดการเรียนรู้ตาม Bloom’s Taxonomy ด้วยเทคโนโลยี AI มุ่งเน้นการใช้ศักยภาพของ AI เพื่อยกระดับการเรียนรู้ในทุกขั้นของ Taxonomy โดยเฉพาะการส่งเสริมทักษะการคิดขั้นสูง การปรับเหมาะรายบุคคล และการสร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ต้องคำนึงถึงจริยธรรมในการใช้ AI และการรักษาสมดุลระหว่างการใช้เทคโนโลยีกับการพัฒนาทักษะมนุษย์ที่สำคัญ

 

 การทบทวน Bloom’s Taxonomy ในยุค AI: มุมมองใหม่เพื่อการศึกษาที่มีประสิทธิภาพ โดย Oregon State University Ecampus

ในยุคที่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial intelligence: AI) กำลังก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว การศึกษาจำเป็นต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับความท้าทายใหม่ๆ Bloom’s Taxonomy ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการประเมินระดับการเรียนรู้ กำลังถูกนำมาพิจารณาใหม่ในบริบทของ AI (Artificial intelligence) แบบสร้างเนื้อหา (Generative AI หรือ GenAI)

การประยุกต์ใช้ Bloom’s Taxonomy ในยุค AI

1. การปรับปรุงกิจกรรมการเรียนการสอน ผู้สอนสามารถใช้ตาราง Bloom’s Taxonomy ที่ได้รับการปรับปรุงเพื่อประเมินและพิจารณาการเปลี่ยนแปลงกิจกรรมการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับหลักสูตร

2. การเน้นทักษะมนุษย์ที่โดดเด่น การปรับปรุงนี้มุ่งเน้นการพัฒนาทักษะที่เป็นเอกลักษณ์ของมนุษย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ AI (Artificial intelligence) ยังไม่สามารถทดแทนได้อย่างสมบูรณ์

3. การบูรณาการเครื่องมือ Generative AI  แนะนำให้มีการนำเครื่องมือ GenAI มาใช้เป็นส่วนเสริมในกระบวนการเรียนรู้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์การเรียนรู้ของผู้เรียน

4. การปรับปรุงผลลัพธ์การเรียนรู้ ในบางกรณี อาจมีการพิจารณาปรับปรุงผลลัพธ์การเรียนรู้ของหลักสูตรเพื่อให้สอดคล้องกับความสามารถของเทคโนโลยี AI (Artificial intelligence)  ที่กำลังพัฒนา

ความสำคัญของการทบทวนอย่างต่อเนื่อง

เนื่องจากความสามารถของเครื่องมือ GenAI มีการพัฒนาอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง จึงมีความจำเป็นที่จะต้องทบทวนกิจกรรมและการประเมินผลในหลักสูตรอย่างสม่ำเสมอ การทบทวนนี้จะช่วยให้มั่นใจว่า

– การเรียนการสอนยังคงมีความทันสมัยและเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีปัจจุบัน

– ผู้เรียนได้รับการพัฒนาทักษะที่จำเป็นสำหรับโลกที่ขับเคลื่อนด้วย AI (Artificial intelligence) 

– การใช้เครื่องมือ GenAI  ในการเรียนการสอนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและมีจริยธรรม

ที่มา: https://ecampus.oregonstate.edu/faculty/artificial-intelligence-tools/blooms-taxonomy-revisited-v2-2024.pdf
 ทักษะที่โดดเด่นของผู้เรียนกระบวนการเรียนรู้ด้วย GenAI
การสร้างสรรค์ (Create)– ผู้เรียนมีส่วนร่วมในกระบวนการสร้างสรรค์ และความรู้ความเข้าใจที่ใช้ประโยชน์จากประสบการณ์ชีวิตของผู้เรียน
– ผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมและอารมณ์สัญชาตญาณการไตร่ตรอง และการตัดสินเพื่อกําหนดวิธีแก้ปัญหาดั้งเดิม 
– สนับสนุนกระบวนการระดมความคิด แนะนําทางเลือกที่หลากหลาย แจกแจงข้อเสียและข้อดีที่อาจเกิดขึ้น
– อธิบายกรณีที่ประสบความสําเร็จในโลกแห่งความเป็นจริง สร้างผลงานที่จับต้องได้ตามข้อมูลของผู้เรียน
การประเมิน (Evaluate)– ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการสะท้อนอภิปัญญา ประเมินผลทางจริยธรรมแบบองค์รวมของแนวทางปฏิบัติทางเลือก
– ผู้เรียนระบุความสําคัญ หรือตําแหน่งภายในบริบททางประวัติศาสตร์ หรือวินัยเต็มรูปแบบ
– ระบุข้อดี และข้อเสียของแนวทางปฏิบัติต่าง ๆ
– พัฒนาและตรวจสอบเกณฑ์การประเมิน
การวิเคราะห์ (Analyze)– ผู้เรียนได้คิดอย่างมีวิจารณญาณ และให้เหตุผลภายในขอบเขตความรู้ความเข้าใจและอารมณ์ พิสูจน์การวิเคราะห์ในเชิงลึกและชัดเจน – เปรียบเทียบและเปรียบเทียบข้อมูล อนุมานแนวโน้ม และธีมในบริบทที่กําหนดไว้ได้ในวงจำกัด คํานวณ, พยากรณ์, ตีความและเกี่ยวข้องกับปัญหา การตัดสินใจ และทางเลือกในโลกแห่งความเป็นจริง
การประยุกต์ใช้ (Apply)– ผู้เรียนได้ดําเนินการทดลองและทดสอบในโลกแห่งความเป็นจริง ใช้ความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการของมนุษย์ในการพัฒนาแนวคิดและโซลูชัน– ใช้ประโยชน์จากกระบวนการ แบบจําลอง หรือวิธีการเพื่อแก้ปัญหาการสอบถามเชิงปริมาณ หรือเชิงคุณภาพ
– ช่วยผู้เรียนในการพิจารณาว่าพวกเขาผิดพลาดตรงไหนในขณะที่แก้ปัญหา
การทำความเข้าใจ (Understand)– ผู้เรียนได้พิจารณาบริบทของคําตอบภายใต้การพิจารณาทางอารมณ์ ศีลธรรม หรือจริยธรรม เลือกข้อมูลที่เกี่ยวข้อง อธิบายความสําคัญ– อธิบายแนวคิดด้วยคําต่างๆ อย่างถูกต้อง
– สามารุเรียนรู้จากตัวอย่างที่เกี่ยวข้อง
– ช่วยในการแปลเป็นภาษาอื่น ๆ
การจดจำ (Remember)– ผู้เรียนเรียนได้ทบทวนความรู้ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีได้ง่าย– แสดงและประมวลผลข้อมูลข้อเท็จจริง เพื่อระบุคําตอบที่เป็นไปได้
– กําหนดคําศัพท์ สร้างลําดับเหตุการณ์หรือไทม์ไลน์พื้นฐาน
ที่มา: Advancing meaningful learning in the age of AI

ตัวอย่างการออกแบบกิจกรรมการสอนตาม Bloom’s Taxonomy ด้วย AI

ระดับ Bloom’s Taxonomyกิจกรรมการเรียนการสอนแบบดั้งเดิมการบูรณาการ AIทักษะผู้เรียนที่ได้รับ
1. จำ (Remember)ท่องจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษใช้แอปพลิเคชัน AI เพื่อสร้างบัตรคำและเกมจำคำศัพท์การเลือกใช้เครื่องมือ AI ที่เหมาะสมเพื่อสนับสนุนการเรียนรู้
2. เข้าใจ (Understand)อธิบายแนวคิดทางวิทยาศาสตร์ใช้ AI เพื่อสร้างแผนภาพและอินโฟกราฟิกที่อธิบายแนวคิดการตีความและอธิบายข้อมูลที่ AI สร้างขึ้น
3. ประยุกต์ใช้ (Apply)แก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ใช้ AI เพื่อตรวจสอบขั้นตอนการแก้ปัญหาและให้คำแนะนำการวิเคราะห์ว่าเมื่อไหร่ควรใช้ AI และเมื่อไหร่ควรคิดเอง
4. วิเคราะห์ (Analyze)วิเคราะห์บทความข่าวใช้ AI วิเคราะห์ความน่าเชื่อถือของแหล่งข่าวและตรวจจับข่าวปลอมการประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูลที่ AI วิเคราะห์
5. ประเมินค่า (Evaluate)ประเมินทฤษฎีทางสังคมศาสตร์ใช้ AI รวบรวมข้อมูลและสถิติที่เกี่ยวข้องกับทฤษฎีการพิจารณาจุดแข็งและจุดอ่อนของทฤษฎีโดยใช้ข้อมูลจาก AI ประกอบการตัดสินใจ
6. สร้างสรรค์ (Create)เขียนเรื่องสั้นใช้ AI เพื่อสร้างไอเดียและโครงเรื่อง แต่ให้นักเรียนเขียนเนื้อเรื่องเองการสร้างสรรค์เนื้อหาที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยใช้ AI เป็นเครื่องมือสนับสนุน

จากตัวอย่างข้างต้น เราสามารถเห็นว่าการบูรณาการ AI เข้ากับการเรียนการสอนสามารถทำได้ในทุกระดับของ Bloom’s Taxonomy โดยมีจุดเน้นที่สำคัญ ดังนี้

  • การใช้ AI เป็นเครื่องมือสนับสนุน AI จะถูกใช้เพื่อเสริมการเรียนรู้ ไม่ใช่เพื่อทดแทนกระบวนการคิดของผู้เรียน
  • การพัฒนาทักษะการใช้ AI ผู้เรียนจะได้เรียนรู้วิธีการใช้ AI อย่างมีประสิทธิภาพและมีจริยธรรม
  • การเน้นทักษะผู้เรียน ในกิจกรรมยังคงเน้นการพัฒนาทักษะที่เป็นจุดแข็งของผู้เรียน เช่น การคิดเชิงวิพากษ์ ความคิดสร้างสรรค์ และการทำงานร่วมกัน
  • การปรับบทบาทของผู้สอน ครูมีบทบาทในการแนะนำวิธีการใช้ AI อย่างเหมาะสมและกระตุ้นให้ผู้เรียนคิดวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จาก AI
  • การประเมินผลที่ครอบคลุม การประเมินผลควรพิจารณาทั้งความสามารถในการใช้ AI และทักษะการคิดขั้นสูงของผู้เรียน

การออกแบบการสอนในลักษณะนี้จะช่วยให้นักเรียนได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยี AI ในขณะเดียวกันก็พัฒนาทักษะที่จำเป็นสำหรับการทำงานและการดำรงชีวิตในยุคดิจิทัล

ตัวอย่างการออกแบบการสอนตาม Bloom’s Taxonomy ด้วย GenAI

ระดับ Bloom’s Taxonomyกิจกรรมการเรียนการสอนด้วย GenAIทักษะที่พัฒนาการประเมินผล
1. จำ (Remember)ใช้ GenAI สร้างแบบทดสอบความจำแบบปรับเหมาะ (Adaptive Quiz) ที่ปรับความยากง่ายตามระดับของผู้เรียน– การจดจำข้อมูล
– การใช้เทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้
ประเมินจากคะแนนและความก้าวหน้าในแบบทดสอบ
2. เข้าใจ (Understand)ให้ GenAI สร้างบทความสั้น ๆ เกี่ยวกับหัวข้อที่เรียน แล้วให้นักเรียนสรุปใจความสำคัญและตั้งคำถามจากบทความ– การจับใจความ
– การตั้งคำถาม
– การวิเคราะห์เนื้อหา
ประเมินจากคุณภาพของสรุปและคำถามที่นักเรียนตั้ง
3. ประยุกต์ใช้ (Apply)ใช้ GenAI สร้างสถานการณ์จำลองที่ต้องใช้ความรู้ที่เรียนมาแก้ปัญหา– การแก้ปัญหา
– การประยุกต์ใช้ความรู้
– การตัดสินใจ
ประเมินจากวิธีการและผลลัพธ์ในการแก้ปัญหา
4. วิเคราะห์ (Analyze)ให้ GenAI สร้างชุดข้อมูลเชิงซ้อน แล้วให้นักเรียนวิเคราะห์แนวโน้มและรูปแบบ– การวิเคราะห์ข้อมูล
– การหาความสัมพันธ์
– การใช้เครื่องมือวิเคราะห์
ประเมินจากรายงานการวิเคราะห์และการนำเสนอ
5. ประเมินค่า (Evaluate)ใช้ GenAI สร้างบทวิจารณ์หรือความคิดเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับประเด็นที่ศึกษา ให้นักเรียนประเมินและให้เหตุผลสนับสนุนหรือคัดค้าน– การคิดเชิงวิพากษ์
– การให้เหตุผล
– การประเมินความน่าเชื่อถือ
ประเมินจากคุณภาพของการให้เหตุผลและการอ้างอิง
6. สร้างสรรค์ (Create)ให้นักเรียนใช้ GenAI เป็นผู้ช่วยในการสร้างสรรค์โครงงานหรือนวัตกรรม โดยใช้GenAI ช่วยระดมความคิดและตรวจสอบความเป็นไปได้– ความคิดสร้างสรรค์
– การออกแบบ
– การบูรณาการความรู้
– การใช้ AI อย่างมีวิจารณญาณ
ประเมินจากความคิดสร้างสรรค์ ความเป็นไปได้ และการนำเสนอโครงงาน

จากตัวอย่างข้างต้น เราสามารถเห็นว่าการใช้ GenAI ในการออกแบบการสอนตาม Bloom’s Taxonomy มีประโยชน์หลายประการดังนี้

  • การปรับเหมาะ GenAI สามารถสร้างเนื้อหาและแบบทดสอบที่ปรับตามระดับความสามารถของผู้เรียนแต่ละคน
  • ความหลากหลาย GenAI สามารถสร้างสถานการณ์จำลอง ชุดข้อมูล และมุมมองที่หลากหลาย ช่วยเพิ่มความน่าสนใจในการเรียน
  • การฝึกทักษะการใช้ AI ผู้เรียนได้เรียนรู้วิธีการใช้ GenAI อย่างมีประสิทธิภาพและมีวิจารณญาณ
  • การพัฒนาทักษะขั้นสูง กิจกรรมยังคงเน้นการพัฒนาทักษะการคิดขั้นสูง เช่น การวิเคราะห์ การประเมินค่า และการสร้างสรรค์
  • การประเมินผลที่ครอบคลุม การประเมินผลพิจารณาทั้งความสามารถในการใช้ GenAI และทักษะการคิดขั้นสูงของผู้เรียน
  • การเตรียมพร้อมสู่โลกอนาคต ผู้เรียนได้เรียนรู้การทำงานร่วมกับ AI ซึ่งเป็นทักษะสำคัญในยุคดิจิทัล

ในการนำ GenAI มาใช้ในการเรียนการสอน ผู้สอนควรคำนึงถึงจริยธรรมและความเหมาะสม รวมถึงการสร้างสมดุลระหว่างการใช้เทคโนโลยีและการพัฒนาทักษะที่เป็นจุดแข็งของผู้เรียน การออกแบบการสอนในลักษณะนี้จะช่วยเตรียมผู้เรียนให้พร้อมสำหรับการทำงานและการดำรงชีวิตในโลกที่ AI มีบทบาทสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ

ตัวอย่างแผนการจัดการเรียนรู้: การอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมด้วย GenAI

1. ข้อมูลทั่วไป

– หน่วยการเรียนรู้  การอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม
– ระดับชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 4
– เวลา 3 คาบ (150 นาที)
– ผู้สอน ดร.อนุศร หงษ์ขุนทด

2. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด

– วิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างการใช้พลังงานกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
– เสนอแนวทางในการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมในชีวิตประจำวัน
– ออกแบบนวัตกรรมเพื่อการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม

3. จุดประสงค์การเรียนรู้ (ตาม Bloom’s Taxonomy)

เมื่อเรียนจบบทเรียนนี้ นักเรียนจะสามารถ

1. จำ (Remember) ระบุแหล่งพลังงานประเภทต่างๆ และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

2. เข้าใจ (Understand) อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างการใช้พลังงานกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

3. ประยุกต์ใช้ (Apply) ใช้ความรู้เรื่องการอนุรักษ์พลังงานในการวางแผนลดการใช้พลังงานในชีวิตประจำวัน

4. วิเคราะห์ (Analyze) วิเคราะห์ข้อดีและข้อเสียของแหล่งพลังงานทางเลือกต่างๆ

5. ประเมินค่า (Evaluate) ประเมินนโยบายด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย

6. สร้างสรรค์ (Create) ออกแบบนวัตกรรมหรือแคมเปญรณรงค์เพื่อการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม

4. กิจกรรมการเรียนรู้ (ใช้ GenAI เป็นเครื่องมือ)

คาบที่ 1 ความรู้พื้นฐานและความเข้าใจ

1. จำ (Remember) 20 นาที

– ใช้ GenAI สร้างแบบทดสอบแบบเติมคำในช่องว่างเกี่ยวกับแหล่งพลังงานและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
– นักเรียนทำแบบทดสอบและตรวจคำตอบด้วย GenAI

2. เข้าใจ (Understand) 30 นาที

– ใช้ GenAI สร้างบทความสั้นๆ เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างการใช้พลังงานกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
– นักเรียนอ่านบทความและใช้ GenAI ช่วยสรุปใจความสำคัญ
– อภิปรายกลุ่มเกี่ยวกับสิ่งที่ได้เรียนรู้

คาบที่ 2 การประยุกต์ใช้และการวิเคราะห์

3. ประยุกต์ใช้ (Apply) 25 นาที

– ใช้ GenAI สร้างสถานการณ์จำลองเกี่ยวกับการใช้พลังงานในบ้าน
– นักเรียนวางแผนลดการใช้พลังงานจากสถานการณ์ที่ได้รับ
– ใช้ GenAI คำนวณปริมาณพลังงานและค่าไฟฟ้าที่ประหยัดได้

4. วิเคราะห์ (Analyze) 25 นาที

– ใช้ GenAI สร้างข้อมูลเปรียบเทียบแหล่งพลังงานทางเลือกต่างๆ
– นักเรียนวิเคราะห์ข้อดีและข้อเสียของแต่ละแหล่งพลังงาน
– ใช้ GenAI ช่วยตรวจสอบความถูกต้องของการวิเคราะห์

คาบที่ 3 การประเมินค่าและการสร้างสรรค์

5. ประเมินค่า (Evaluate)  25 นาที

– ใช้ GenAI รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับนโยบายด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย
– นักเรียนประเมินนโยบายและให้ข้อเสนอแนะ
– ใช้ GenAI ช่วยวิเคราะห์จุดแข็งและจุดอ่อนของข้อเสนอแนะ

6. สร้างสรรค์ (Create) 25 นาที

– นักเรียนใช้ GenAI เป็นผู้ช่วยในการระดมความคิดเพื่อออกแบบนวัตกรรมหรือแคมเปญรณรงค์
– ใช้ GenAI ช่วยสร้างภาพประกอบหรือสโลแกนสำหรับแคมเปญ
– นำเสนอผลงานและใช้ GenAI ช่วยให้ข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุง

5. การวัดและประเมินผล

1. ด้านความรู้ (K)

– แบบทดสอบที่สร้างโดย GenAI
– การสรุปใจความสำคัญจากบทความ

2. ด้านทักษะกระบวนการ (P) 

– การวิเคราะห์ข้อดีข้อเสียของแหล่งพลังงาน
– การวางแผนลดการใช้พลังงาน

3. ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A)

– การมีส่วนร่วมในการอภิปรายกลุ่ม
– ความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบนวัตกรรมหรือแคมเปญ

4. ชิ้นงาน/ภาระงาน

– แผนการลดการใช้พลังงานในบ้าน
– นวัตกรรมหรือแคมเปญรณรงค์เพื่อการอนุรักษ์พลังงาน

 6. สื่อและแหล่งการเรียนรู้

– คอมพิวเตอร์หรือแท็บเล็ตที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
– แพลตฟอร์ม GenAI ที่ใช้ในการเรียนการสอน
– เว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันสำหรับการสร้างสื่อและนำเสนอผลงาน

7. บันทึกหลังการสอน

– ประสิทธิภาพของการใช้ GenAI ในการจัดการเรียนรู้
– ปัญหาและอุปสรรคที่พบ
– แนวทางการพัฒนาและปรับปรุง

แผนการจัดการเรียนรู้นี้ได้บูรณาการการใช้ GenAI เข้ากับการเรียนการสอนตามแนวทางของ Bloom’s Taxonomy โดยมีจุดเด่นดังนี้

  • ครอบคลุมทุกระดับการเรียนรู้ กิจกรรมถูกออกแบบให้พัฒนาทักษะการคิดตั้งแต่ขั้นพื้นฐานไปจนถึงขั้นสูงตาม Bloom’s Taxonomy
  • การใช้ GenAI อย่างมีประสิทธิภาพ GenAI ถูกใช้เป็นเครื่องมือสนับสนุนในทุกขั้นตอนของการเรียนรู้ ทั้งการสร้างเนื้อหา การวิเคราะห์ และการประเมินผล
  • การเรียนรู้แบบ Active Learning นักเรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนรู้อย่างกระตือรือร้น โดยมี GenAI เป็นเครื่องมือสนับสนุน
  • การพัฒนาทักษะดิจิทัล นักเรียนได้ฝึกการใช้เทคโนโลยี AI ซึ่งเป็นทักษะสำคัญในยุคปัจจุบัน
  • ความยืดหยุ่นและการปรับเหมาะ การใช้ GenAI ช่วยให้สามารถปรับเนื้อหาและระดับความยากง่ายให้เหมาะกับผู้เรียนแต่ละคนได้
  • การบูรณาการหลายวิชา แผนนี้ผสมผสานความรู้จากวิชาวิทยาศาสตร์ สังคมศึกษา และเทคโนโลยี
  • การเชื่อมโยงกับชีวิตจริง นักเรียนได้เรียนรู้และฝึกแก้ปัญหาจากสถานการณ์จริงเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม

ในการนำแผนนี้ไปใช้ ครูควรคำนึงถึงการใช้ GenAI อย่างมีจริยธรรมและเหมาะสม รวมถึงการสร้างสมดุลระหว่างการใช้เทคโนโลยีและการพัฒนาทักษะที่เป็นจุดแข็งของผู้เรียน นอกจากนี้ ควรมีการเตรียมความพร้อมด้านเทคโนโลยีและให้คำแนะนำแก่ผู้เรียนในการใช้ GenAI อย่างมีวิจารณญาณ 

บทสรุป แนวทางการประยุกต์ใช้ GenAI ในการเรียนการสอน

หลักการสำคัญ

1. ใช้ GenAI เป็นเครื่องมือสนับสนุน ไม่ใช่ทดแทนการสอนของครู
2. บูรณาการ GenAI เข้ากับทุกระดับของ Bloom’s Taxonomy
3. ส่งเสริมการเรียนรู้แบบ Active Learning และการคิดขั้นสูง
4. พัฒนาทักษะดิจิทัลและการรู้เท่าทัน AI ของผู้เรียน

แนวทางการประยุกต์ใช้ตาม Bloom’s Taxonomy

1. จำ (Remember)

– ใช้ GenAI สร้างแบบทดสอบแบบปรับเหมาะ (Adaptive Quiz)
– สร้างบัตรคำ (Flashcards) และเกมจำคำศัพท์

2. เข้าใจ (Understand)

– ใช้ GenAI สร้างบทความสั้นๆ เพื่อฝึกทักษะการจับใจความ
– สร้างแผนภาพและอินโฟกราฟิกเพื่ออธิบายแนวคิดที่ซับซ้อน

3. ประยุกต์ใช้ (Apply)

– สร้างสถานการณ์จำลองเพื่อฝึกการแก้ปัญหา
– ใช้ GenAI เป็นผู้ช่วยในการตรวจสอบและให้คำแนะนำระหว่างการทำงาน

4. วิเคราะห์ (Analyze)

– ใช้ GenAI รวบรวมและนำเสนอข้อมูลเพื่อให้นักเรียนวิเคราะห์
– สร้างโจทย์ปัญหาที่ต้องใช้การวิเคราะห์ข้อมูลจากหลายแหล่ง

5. ประเมินค่า (Evaluate)

– ใช้ GenAI สร้างมุมมองที่หลากหลายเพื่อฝึกการประเมินและตัดสินใจ
– ช่วยในการวิเคราะห์จุดแข็งและจุดอ่อนของงานนักเรียน

6. สร้างสรรค์ (Create)

– ใช้ GenAI เป็นผู้ช่วยในการระดมความคิดและสร้างไอเดีย
– สนับสนุนการสร้างเนื้อหา เช่น บทความ สื่อนำเสนอ หรือโครงงาน

ข้อควรคำนึงในการใช้ GenAI

1. จริยธรรมและความเป็นส่วนตัว ผู้สอนควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าการใช้ GenAI เป็นไปตามหลักจริยธรรมและไม่ละเมิดความเป็นส่วนตัวของนักเรียน

2. ความน่าเชื่อถือของข้อมูล ผู้สอนควรสอนให้ผู้เรียนตรวจสอบข้อมูลที่ได้จาก GenAI และเปรียบเทียบกับแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ

3. การพัฒนาทักษะการคิดเชิงวิพากษ์ ผู้สอนควรใช้ GenAI เป็นเครื่องมือกระตุ้นการคิดวิเคราะห์ ไม่ใช่เพียงรับข้อมูลโดยไม่ไตร่ตรอง

4. ความสมดุลระหว่างเทคโนโลยีและการมีปฏิสัมพันธ์ ผู้สอนควรรักษาสมดุลระหว่างการใช้ GenAI และการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างครูกับนักเรียน และระหว่างนักเรียนด้วยกัน

5. การปรับตัวของผู้สอน ผู้สอนควรพัฒนาทักษะการใช้ GenAI และปรับบทบาทเป็นผู้อำนวยความสะดวกในการเรียนรู้

6. ความเท่าเทียมในการเข้าถึง ผู้สอนควรคำนึงถึงความเท่าเทียมในการเข้าถึงเทคโนโลยี GenAI ของผู้เรียนทุกคน

การประเมินผลการใช้ GenAI

1. ประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนเปรียบเทียบกับวิธีการสอนแบบดั้งเดิม
2. สำรวจความพึงพอใจและทัศนคติของนักเรียนและครูต่อการใช้ GenAI
3. วิเคราะห์พัฒนาการของทักษะดิจิทัลและการคิดขั้นสูงของนักเรียน
4. ประเมินความสามารถในการประยุกต์ใช้ความรู้ในสถานการณ์จริง

เทรนด์การวิจัยด้านการศึกษาและ AI

 1. การเรียนรู้แบบปรับเหมาะ (Adaptive Learning)

– การใช้ AI เพื่อปรับเนื้อหาและวิธีการสอนให้เหมาะกับผู้เรียนแต่ละคน
– การพัฒนาระบบแนะนำการเรียนรู้ (Learning Recommender Systems)
– การวิเคราะห์ข้อมูลการเรียนรู้ขนาดใหญ่เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการเรียนการสอน

2. การเรียนรู้ทักษะแห่งอนาคต (Future Skills Learning)

– การพัฒนาหลักสูตรและวิธีการสอนทักษะดิจิทัล การคิดเชิงวิพากษ์ และความคิดสร้างสรรค์
– การวิจัยเกี่ยวกับทักษะที่จำเป็นในยุค AI และการเตรียมผู้เรียนสำหรับอาชีพในอนาคต
– การประเมินและพัฒนาทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning Skills)

3. การใช้ AI ในการประเมินผล (AI-Enabled Assessment)

– การพัฒนาเครื่องมือประเมินผลอัตโนมัติสำหรับงานเขียนและโครงงาน
– การใช้ AI วิเคราะห์พฤติกรรมการเรียนรู้และให้ข้อมูลย้อนกลับแบบเรียลไทม์
– การวิจัยเกี่ยวกับความเที่ยงตรงและความน่าเชื่อถือของการประเมินผลด้วย AI

4. การเรียนรู้เสมือนจริงและเสริม (Virtual and Augmented Reality in Education)

– การพัฒนาสภาพแวดล้อมการเรียนรู้เสมือนจริงสำหรับการฝึกปฏิบัติและการทดลอง
– การใช้ AR เพื่อเสริมการเรียนรู้ในห้องเรียนและการเรียนรู้นอกสถานที่
– การวิจัยผลกระทบของ VR/AR ต่อการเรียนรู้และการจดจำ

5. การเรียนรู้ทางอารมณ์และสังคม (Social-Emotional Learning with AI)

– การใช้ AI ในการตรวจจับและวิเคราะห์อารมณ์ของผู้เรียน
– การพัฒนาโปรแกรมฝึกทักษะทางอารมณ์และสังคมโดยใช้ AI
– การวิจัยเกี่ยวกับผลกระทบของ AI ต่อพัฒนาการทางอารมณ์และสังคมของผู้เรียน

6. การเรียนรู้แบบผสมผสานและยืดหยุ่น (Blended and Flexible Learning)

– การออกแบบและประเมินผลรูปแบบการเรียนรู้แบบผสมผสานที่ใช้ AI
– การพัฒนาแพลตฟอร์มการเรียนรู้ที่ยืดหยุ่นและปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์
– การวิจัยเกี่ยวกับประสิทธิภาพของการเรียนรู้แบบผสมผสานในบริบทที่แตกต่างกัน

7. ความเท่าเทียมและการเข้าถึงการศึกษา (Educational Equity and Accessibility)

– การใช้ AI เพื่อลดช่องว่างทางการศึกษาและเพิ่มการเข้าถึงการเรียนรู้คุณภาพสูง
– การพัฒนาเทคโนโลยีช่วยเหลือสำหรับผู้เรียนที่มีความต้องการพิเศษ
– การวิจัยเกี่ยวกับผลกระทบของ AI ต่อความเท่าเทียมทางการศึกษาฃ

8. จริยธรรมและความรับผิดชอบในการใช้ AI ทางการศึกษา (AI Ethics in Education)

– การพัฒนาแนวทางและนโยบายด้านจริยธรรมสำหรับการใช้ AI ในการศึกษา
– การวิจัยเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของข้อมูลและความปลอดภัยในระบบการเรียนรู้ที่ใช้ AI
– การศึกษาผลกระทบของ AI ต่อบทบาทของครูและการเปลี่ยนแปลงในวิชาชีพการศึกษา

9. การเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) ในการวิเคราะห์การศึกษา

– การใช้ ML ในการวิเคราะห์ข้อมูลการเรียนรู้ขนาดใหญ่เพื่อคาดการณ์ผลการเรียนและความเสี่ยงในการออกกลางคัน
– การพัฒนาโมเดล ML เพื่อวิเคราะห์ประสิทธิภาพของหลักสูตรและวิธีการสอน
– การวิจัยเกี่ยวกับการใช้ ML ในการวางแผนการศึกษาและการจัดสรรทรัพยากร

10. การพัฒนาทักษะดิจิทัลและการรู้เท่าทัน AI (Digital Skills and AI Literacy)

– การพัฒนาหลักสูตรและเครื่องมือสำหรับสอนทักษะดิจิทัลและการรู้เท่าทัน AI
– การวิจัยเกี่ยวกับวิธีการที่มีประสิทธิภาพในการสอนการโค้ดดิ้งและวิทยาการคอมพิวเตอร์
– การศึกษาผลกระทบของการรู้เท่าทัน AI ต่อการตัดสินใจและการมีส่วนร่วมในสังคมดิจิทัล

20 หัวข้อวิจัยด้านการศึกษาและ AI ที่น่าสนใจ

1. ผลกระทบของระบบการเรียนรู้แบบปรับเหมาะด้วย AI ต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนระดับมัธยมศึกษา

2. การพัฒนาแพลตฟอร์มการเรียนรู้ทักษะการคิดเชิงวิพากษ์โดยใช้เทคโนโลยี Machine Learning

3. การวิเคราะห์ประสิทธิภาพของการใช้ Virtual Reality ในการสอนวิชาวิทยาศาสตร์ระดับประถมศึกษา

4. การศึกษาผลกระทบของการใช้ AI ในการประเมินผลงานเขียนต่อทักษะการเขียนของนักศึกษา

5. การพัฒนาโมเดล AI สำหรับการตรวจจับและป้องกันการทุจริตในการสอบออนไลน์

6. การวิจัยเปรียบเทียบประสิทธิภาพการสอนระหว่างครูมนุษย์และ AI ในการสอนภาษาต่างประเทศ

7. ผลของการใช้ Chatbot ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ในการให้คำปรึกษาด้านการเรียนแก่นักศึกษามหาวิทยาลัย

8. การพัฒนาระบบ AI สำหรับการวิเคราะห์และคาดการณ์ความเสี่ยงในการออกกลางคันของนักเรียน

9. การศึกษาผลกระทบของการใช้ Augmented Reality ในการสอนประวัติศาสตร์ต่อความเข้าใจและการจดจำของผู้เรียน

10. การพัฒนาหลักสูตรการรู้เท่าทัน AI สำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาและการประเมินผลกระทบ

11. การวิเคราะห์ประสิทธิภาพของระบบแนะนำการเรียนรู้ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ในการเพิ่มผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน

12. การศึกษาผลกระทบของการใช้ AI ในการวิเคราะห์อารมณ์ของผู้เรียนต่อการพัฒนาทักษะทางอารมณ์และสังคม

13. การพัฒนาและประเมินผลโปรแกรมฝึกทักษะการโค้ดดิ้งสำหรับเด็กโดยใช้ AI และการเรียนรู้แบบเกม

14. การวิจัยเชิงปฏิบัติการในการใช้ AI เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาในพื้นที่ชนบท

15. การศึกษาผลกระทบของการใช้ Digital Twin ในการฝึกอบรมครูและพัฒนาทักษะการสอน

16. การพัฒนาระบบ AI สำหรับการวิเคราะห์และปรับปรุงการมีส่วนร่วมของผู้เรียนในการเรียนออนไลน์

17. การวิจัยเปรียบเทียบประสิทธิภาพของการใช้ AI ในการสอนทักษะ Soft Skills กับวิธีการสอนแบบดั้งเดิม

18. การศึกษาผลกระทบของการใช้ AI ในการจัดตารางเรียนและจัดสรรทรัพยากรการศึกษาต่อประสิทธิภาพการบริหารสถานศึกษา

19. การพัฒนาและประเมินผลระบบ AI สำหรับการช่วยเหลือนักเรียนที่มีความต้องการพิเศษในชั้นเรียนปกติ

20. การวิจัยเชิงนโยบายเกี่ยวกับการกำหนดมาตรฐานจริยธรรมในการใช้ AI ในระบบการศึกษาระดับชาติ

ที่มา:

https://www.khonatwork.com/post/การเร-ยนออนไลน-กำล-งบ-ม-ทฤษฎ-ของบล-ม-bloom-s-taxonomy-ช-วยได

https://ecampus.oregonstate.edu/faculty/artificial-intelligence-tools/blooms-taxonomy-revisited

Zaphir, L., Lodge, J. M., Lisec, J., McGrath, D., & Khosravi, H. (2024). How critically can an AI think? A framework for evaluating the quality of thinking of generative artificial intelligencearXiv preprint arXiv:2406.14769.

Comments

comments

Powered by Facebook Comments

ติดต่อ ดร.อนุศร หงษ์ขุนทด
error: Content is protected !!