เรื่องเล่าจากห้องเรียน: ทริคเทคนิคการใช้ CIPPA Model ให้ปัง!
วันนี้เรามาทำความรู้จักกับรูปแบบการเรียนรู้ที่น่าสนใจ นั่นคือ “CIPPA Model” ที่จะช่วยให้การสอนของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น
CIPPA Model คืออะไร?

CIPPA เป็นรูปแบบการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง ประกอบด้วย
C – Construction: ให้ผู้เรียนสร้างความรู้ด้วยตนเอง
I – Interaction: สร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นและแหล่งเรียนรู้
P – Physical Participation: การมีส่วนร่วมทางกายภาพ
P – Process Learning: เรียนรู้กระบวนการต่างๆ
A – Application: นำความรู้ไปประยุกต์ใช้จริง
แล้ว AI จะช่วยเสริมการสอนแบบ CIPPA ได้อย่างไร?
- ใช้ AI สร้างสื่อการสอนที่น่าสนใจ
- วิเคราะห์พฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียน
- สร้างกิจกรรมที่ตอบโจทย์ผู้เรียนแต่ละคน
- ประเมินผลการเรียนรู้แบบ Real-time
เรื่องเล่าจากห้องเรียน: ทริคเทคนิคการใช้ CIPPA Model ให้ปัง! ✨
วันนี้ผมอยากแชร์เทคนิคดี ๆ ที่ทำให้การสอนแบบ CIPPA สนุกและได้ผลจริง เริ่มกันเลยนะครับ
Construction – สร้างความรู้อย่างไรให้เด็กสนใจ
เคล็ดลับอยู่ที่การเริ่มต้นด้วยคำถามที่เชื่อมโยงกับชีวิตประจำวันของเด็ก เช่น สอนเรื่องแรงและการเคลื่อนที่ ลองถามว่า “ทำไมเวลาเล่นเกมในมือถือ เราต้องเอียงจอเพื่อบังคับรถ?” เด็กๆ จะเริ่มคิดและอยากค้นหาคำตอบทันที
Interaction – สร้างปฏิสัมพันธ์ให้สนุก
ทริคคือ “3จ”
-
- จับคู่
- จับกลุ่ม
- เจอกันทั้งห้อง
วิธีการก็คือการสลับให้เด็กได้ทำงานทั้งแบบคู่และกลุ่ม แล้วค่อยมาแชร์กันทั้งห้อง วิธีนี้ช่วยให้เด็กที่ไม่กล้าแสดงออกค่อยๆ เปิดตัวได้อย่างเป็นธรรมชาติ
Physical Participation – เคลื่อนไหวอย่างมีความหมาย
แทนที่จะให้เด็กนั่งนิ่งๆ ลองใช้เกมการเรียนรู้ เช่น “มุมความรู้” ให้เด็กเดินไปตามมุมต่างๆ ในห้องเพื่อเรียนรู้เนื้อหาที่ต่างกัน หรือทำ “การทดลองเคลื่อนที่” ให้เด็กได้ลงมือทำจริง
Process Learning – เรียนรู้กระบวนการแบบสนุก
เทคนิคที่ใช้ได้ผลคือ “5 Why” ให้เด็กตั้งคำถาม “ทำไม” 5 ครั้งต่อเนื่องกัน เพื่อเจาะลึกถึงรากของปัญหา วิธีนี้ช่วยฝึกการคิดวิเคราะห์ได้ดีมาก
Application – ประยุกต์ใช้อย่างสร้างสรรค์
ไฮไลท์อยู่ที่การให้โจทย์ที่ท้าทายและสนุก เช่น “ถ้าต้องสอนน้องอนุบาลเรื่องนี้ จะสอนยังไงดี?” หรือ “ลองทำคลิปสั้นอธิบายเรื่องนี้ให้เพื่อนเข้าใจ” เด็กๆ จะได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์เต็มที่
เคล็ดลับเพิ่มเติมที่ทำให้การสอนสนุกขึ้น
- ใช้เพลงสั้นๆ เป็นสัญญาณในการเปลี่ยนกิจกรรม
- มีกล่องสุ่มชื่อเพื่อให้ทุกคนมีโอกาสได้แสดงความคิดเห็น
- ให้เด็กๆ ตั้งชื่อทีมหรือกลุ่มเอง เพิ่มความรู้สึกเป็นเจ้าของ
- ใช้ตัวการ์ตูนหรือมาสคอตประจำวิชาสร้างบรรยากาศ
ที่สำคัญที่สุด อย่าลืมว่าเราต้องสนุกไปกับการสอนด้วย เมื่อครูสนุก เด็กๆ ก็จะสนุกไปด้วย และการเรียนรู้จะเกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
ลองเอาไปปรับใช้กันดูนะครับ แล้วมาแชร์ประสบการณ์กัน ว่าเทคนิคไหนได้ผลดีกับห้องเรียนของท่านบ้าง!
เทคนิคการประยุกต์ใช้ AI กับการสอนแบบ CIPPA Model
1. Construction (การสร้างความรู้)
– ใช้ AI สร้างสถานการณ์จำลอง (Simulation) ที่เหมาะสมกับบทเรียน
– ใช้ ChatGPT สร้างคำถามปลายเปิดที่กระตุ้นความคิด
– ใช้ AI Image Generator สร้างภาพประกอบที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา
– สร้าง Mind Mapping ด้วย AI เพื่อเชื่อมโยงความรู้เดิมกับความรู้ใหม่
2. Interaction (ปฏิสัมพันธ์)
– ใช้ AI Chatbot เป็นคู่สนทนาในการฝึกภาษา
– สร้างห้องเรียนเสมือนจริงด้วย AI VR
– ใช้ AI วิเคราะห์การมีส่วนร่วมในการอภิปรายกลุ่ม
– AI Real-time Translation สำหรับการสื่อสารข้ามภาษา
3. Physical Participation (การมีส่วนร่วมทางกาย)
– ใช้ AI Motion Detection ในกิจกรรมการเคลื่อนไหว
– สร้างเกม AR ที่ใช้ AI ตรวจจับการเคลื่อนไหว
– AI Exercise Coach สำหรับกิจกรรมพลศึกษา
– ระบบ AI ตรวจจับท่าทางในการทดลองวิทยาศาสตร์
4. Process Learning (การเรียนรู้กระบวนการ)
– AI Analytics วิเคราะห์กระบวนการคิดของผู้เรียน
– ใช้ AI สร้างแผนผังกระบวนการที่ซับซ้อน
– AI-powered Workflow ช่วยจัดลำดับขั้นตอนการเรียนรู้
– ระบบ AI แนะนำวิธีการแก้ปัญหาที่เหมาะสม
5. Application (การประยุกต์ใช้)
– AI Project Advisor ช่วยแนะนำการทำโครงงาน
– ใช้ AI วิเคราะห์การนำความรู้ไปใช้จริง
– AI Feedback System ให้ข้อเสนอแนะการประยุกต์ใช้ความรู้
– สร้างสถานการณ์จำลองด้วย AI เพื่อฝึกการประยุกต์ใช้
เทคนิคการประเมินผลด้วย AI
– Real-time Assessment ด้วย AI
– วิเคราะห์พัฒนาการผู้เรียนด้วย AI Analytics
– ใช้ AI สร้างแบบทดสอบที่ปรับระดับตามความสามารถ
– AI Rubric Generator สำหรับการประเมินผลงาน
ทิปส์การใช้ AI ในห้องเรียน
1. เริ่มจากเครื่องมือ AI ที่ใช้งานง่ายก่อน
2. ทดลองใช้ก่อนนำไปใช้จริงในห้องเรียน
3. ผสมผสานการใช้ AI กับการสอนแบบดั้งเดิม
4. รับฟังฟีดแบ็คจากผู้เรียนเพื่อปรับปรุง
5. อัปเดตความรู้เกี่ยวกับ AI อย่างสม่ำเสมอ
ตัวอย่างการใช้งานจริง:
– วิชาวิทยาศาสตร์: ใช้ AI สร้างภาพ 3D ของโมเลกุล
– วิชาคณิตศาสตร์: AI แสดงการแก้โจทย์ทีละขั้นตอน
– วิชาภาษา: AI Chatbot ฝึกบทสนทนา
– วิชาสังคม: AI สร้างแผนที่ประวัติศาสตร์แบบโต้ตอบ
– วิชาศิลปะ: AI แนะนำเทคนิคการวาดภาพ
จะเห็นได้ว่า AI สามารถเสริมการสอนแบบ CIPPA ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยช่วยทั้งครูและนักเรียนในการสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ที่มีความหมายและน่าสนใจมากขึ้น

ตัวอย่างแผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) แบบ CIPPA Model ร่วมกับ AI
หน่วยการเรียนรู้: การแก้ปัญหาด้วยนวัตกรรม
ระดับชั้น: มัธยมศึกษาปีที่ 4
เวลา: 3 ชั่วโมง
สาระการเรียนรู้: การคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking)
จุดประสงค์การเรียนรู้
K (Knowledge)
– อธิบายกระบวนการคิดเชิงออกแบบได้
– ระบุขั้นตอนการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบได้
P (Process)
– วิเคราะห์ปัญหาในชุมชนได้
– ออกแบบนวัตกรรมเพื่อแก้ปัญหาได้
A (Attitude)
– เห็นคุณค่าของการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์
– มีความกระตือรือร้นในการเรียนรู้
S (Skill)
– ทักษะการคิดวิเคราะห์
– ทักษะการทำงานร่วมกัน
A (Action)
– สามารถนำเสนอแนวคิดได้อย่างมั่นใจ
– มีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาชุมชน
C (Creativity)
– สร้างสรรค์นวัตกรรมที่แปลกใหม่
– คิดนอกกรอบในการแก้ปัญหา
กิจกรรมการเรียนรู้ตามแบบ CIPPA
ขั้น Construction (40 นาที)
– ใช้ AI (ChatGPT) สร้างสถานการณ์จำลองเกี่ยวกับปัญหาในชุมชน
– นักเรียนวิเคราะห์สถานการณ์และระดมความคิดผ่าน Digital Mind Map
– ใช้ AI Image Generator สร้างภาพประกอบสถานการณ์
ขั้น Interaction (40 นาที)
– แบ่งกลุ่มผ่านระบบ AI Grouping ที่จัดกลุ่มตามความสามารถที่หลากหลาย
– ใช้ AI Chatbot เป็นผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษา
– แลกเปลี่ยนความคิดเห็นผ่าน Digital Board ที่มี AI วิเคราะห์การมีส่วนร่วม
ขั้น Physical Participation (30 นาที)
– ทำกิจกรรม Design Thinking Workshop
– ใช้ AR/VR สำรวจพื้นที่ชุมชนเสมือนจริง
– สร้างต้นแบบนวัตกรรม (Prototype) ด้วย AI Design Assistant
ขั้น Process Learning (30 นาที)
– AI Analytics วิเคราะห์กระบวนการทำงานของแต่ละกลุ่ม
– สร้าง Flow Chart ขั้นตอนการแก้ปัญหาด้วย AI
– ใช้ AI Coach แนะนำการปรับปรุงกระบวนการ
ขั้น Application (40 นาที)
– นำเสนอนวัตกรรมผ่าน AI Presentation Assistant
– จำลองการใช้งานนวัตกรรมด้วย AI Simulation
– วางแผนการนำไปใช้จริงในชุมชน
การวัดและประเมินผล
1. ด้านความรู้ (K)
– AI-powered Quiz
– การตอบคำถามในชั้นเรียน
2. ด้านกระบวนการ (P)
– ประเมินชิ้นงานด้วย AI Rubric
– สังเกตการทำงานกลุ่ม
3. ด้านเจตคติ (A)
– AI Sentiment Analysis
– แบบประเมินความพึงพอใจ
4. ด้านทักษะ (S)
– AI Skill Assessment
– การนำเสนอผลงาน
5. ด้านการลงมือทำ (A)
– Portfolio Digital
– การมีส่วนร่วมในกิจกรรม
6. ด้านความคิดสร้างสรรค์ (C)
– AI Creativity Score
– ความแปลกใหม่ของนวัตกรรม
สื่อและแหล่งเรียนรู้
1. AI Tools
– ChatGPT
– Midjourney
– Google Workspace
– AI Design Tools
– AR/VR Applications
2. อุปกรณ์
– Tablet/Computer
– อุปกรณ์สร้าง Prototype
– กระดาษ Post-it
– ปากกาเมจิก
ข้อเสนอแนะ
1. ควรเตรียม Backup Plan กรณี Internet มีปัญหา
2. ทดสอบ AI Tools ก่อนใช้งานจริง
3. เตรียมคำแนะนำการใช้ AI Tools สำหรับนักเรียน
4. สังเกตการใช้ AI ของนักเรียนอย่างใกล้ชิด
การบูรณาการ
– วิทยาการคำนวณ (การใช้ AI)
– สังคมศึกษา (ปัญหาชุมชน)
– ภาษาไทย (การนำเสนอ)
– ศิลปะ (การออกแบบ)
CIPPAmodel #ActiveLearning #เทคนิคการสอน #ครูไทย #การศึกษาไทย #Aiเพื่อโมเดลการสอน
Comments
Powered by Facebook Comments