Digital Learning Classroom
Active Learningการเรียนรู้เชิงรุกบทความ

แนวทางการจัดการเรียนรู้ฐานสมรรถนะเชิงรุก: จากแนวคิดสู่การปฏิบัติ

แชร์เรื่องนี้

แนวทางการจัดการเรียนรู้ฐานสมรรถนะเชิงรุก: จากแนวคิดสู่การปฏิบัติ


บทนำ: พลิกโฉมการศึกษาไทยสู่การสร้างสมรรถนะแห่งอนาคต

ภูมิทัศน์ของโลกในศตวรรษที่ 21 ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและมีความซับซ้อนสูง ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อระบบการศึกษาทั่วโลก การจัดการศึกษาแบบดั้งเดิมที่มุ่งเน้นการถ่ายทอดเนื้อหาสาระและการท่องจำเพื่อการสอบวัดผลเพียงมิติเดียว ไม่เพียงพออีกต่อไปที่จะเตรียมความพร้อมให้ผู้เรียนสามารถเผชิญกับความท้าทายในอนาคตได้ 1 ด้วยเหตุนี้ การเปลี่ยนผ่านกระบวนทัศน์ทางการศึกษาไปสู่

การศึกษาฐานสมรรถนะ (Competency-Based Education: CBE) จึงกลายเป็นวาระสำคัญเร่งด่วน โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาผู้เรียนให้สามารถบูรณาการและประยุกต์ใช้ความรู้ (Knowledge) ทักษะ (Skills) เจตคติ (Attitudes) และคุณลักษณะต่างๆ (Attributes) เพื่อแก้ปัญหาในสถานการณ์จริงและใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ 3

หัวใจสำคัญของการศึกษาฐานสมรรถนะอยู่ที่นิยามของคำว่า “สมรรถนะ” ซึ่งไม่ได้หมายถึงเพียงการมีความรู้หรือทักษะแยกส่วน แต่หมายถึง “พฤติกรรมการปฏิบัติ” ที่สามารถสังเกตและวัดผลได้ อันเกิดจากการหลอมรวมองค์ประกอบภายในบุคคลเพื่อนำไปใช้ในสถานการณ์ต่างๆ จนเกิดผลสำเร็จ 4 เป้าหมายสูงสุดของ CBE คือการทำให้ผู้เรียน “ทำได้” และ “ประยุกต์ใช้เป็น” ซึ่งความสามารถดังกล่าวไม่สามารถเกิดขึ้นได้จากการเป็นผู้รับสาร (Passive Receiver) เพียงฝ่ายเดียว แต่จำเป็นต้องอาศัยกระบวนการเรียนรู้ที่ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติจริง ได้คิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ และสร้างองค์ความรู้ขึ้นด้วยตนเอง กระบวนการดังกล่าวคือแก่นแท้ของ

“การเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning)” 8

ด้วยเหตุนี้ การจัดการเรียนรู้ฐานสมรรถนะจึงมีธรรมชาติของการเรียนรู้เชิงรุกอยู่ในตัวอย่างแยกไม่ออก 3 กล่าวคือ Active Learning ไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็น “กลไก” หรือ “วิธีการ” ที่จำเป็นอย่างยิ่งในการนำพาผู้เรียนไปสู่เป้าหมายของ CBE ได้อย่างแท้จริง การจัดการเรียนรู้ฐานสมรรถนะเชิงรุกจึงเป็นการหลอมรวมสองแนวคิดนี้เป็นหนึ่งเดียว โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาผู้เรียนให้บรรลุ

กรอบสมรรถนะหลัก 6 ด้าน ของการศึกษาขั้นพื้นฐานของประเทศไทย อันได้แก่ 1) การจัดการตนเอง 2) การคิดขั้นสูง 3) การสื่อสาร 4) การรวมพลังทำงานเป็นทีม 5) การเป็นพลเมืองที่เข้มแข็ง และ 6) การอยู่ร่วมกับธรรมชาติและวิทยาการอย่างยั่งยืน 11

เพื่อสร้างความเข้าใจที่ชัดเจนถึงการเปลี่ยนผ่านที่จำเป็นในทุกมิติ ตารางที่ 1 ได้เปรียบเทียบกระบวนทัศน์การจัดการเรียนรู้ระหว่างรูปแบบดั้งเดิมและรูปแบบฐานสมรรถนะเชิงรุก

ตารางที่ 1: เปรียบเทียบกระบวนทัศน์การจัดการเรียนรู้แบบดั้งเดิมและการเรียนรู้ฐานสมรรถนะเชิงรุก

มิติการเปรียบเทียบกระบวนทัศน์แบบดั้งเดิม (เน้นเนื้อหา)กระบวนทัศน์ฐานสมรรถนะเชิงรุก
เป้าหมายการเรียนรู้ผู้เรียนมีความรู้และจดจำเนื้อหาตามที่กำหนดได้ผู้เรียนสามารถประยุกต์ใช้ความรู้ ทักษะ เจตคติ ในการปฏิบัติงานและแก้ปัญหาในสถานการณ์จริงได้
บทบาทครูเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ (Transmitter) และเป็นศูนย์กลางของห้องเรียนเป็นผู้อำนวยความสะดวก (Facilitator) ผู้ออกแบบประสบการณ์ และผู้ให้ข้อมูลป้อนกลับ (Feedback)
บทบาทผู้เรียนเป็นผู้รับความรู้ (Receiver) และผู้ปฏิบัติตามคำสั่งเป็นผู้สร้างองค์ความรู้ (Co-creator) ผู้ลงมือปฏิบัติ และผู้เรียนรู้ด้วยตนเอง
ลักษณะกิจกรรมเน้นการบรรยาย การทำแบบฝึกหัดตามตัวอย่างเน้นการลงมือปฏิบัติ การแก้ปัญหา การทำโครงงาน การอภิปราย และการทำงานร่วมกัน
การวัดและประเมินผลเน้นการประเมินความรู้ความจำผ่านแบบทดสอบเน้นการประเมินการปฏิบัติ (Performance Assessment) ตามสภาพจริงในสถานการณ์ที่หลากหลาย
มุมมองต่อเนื้อหาเนื้อหาเป็นเป้าหมายในตัวเอง (Content as an End)เนื้อหาเป็นเครื่องมือ (Content as a Means) เพื่อนำไปสู่การพัฒนาสมรรถนะ

ส่วนที่ 1: รากฐานและหลักการสำคัญ

บทที่ 1: แก่นของการจัดการศึกษาฐานสมรรถนะ (Competency-Based Education: CBE)

การขับเคลื่อนการศึกษาฐานสมรรถนะให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม จำเป็นต้องอาศัยความเข้าใจในระบบนิเวศ (Ecosystem) ของ CBE ซึ่งประกอบด้วยสามองค์ประกอบหลักที่ต้องทำงานสอดประสานกันอย่างเป็นระบบ 13

องค์ประกอบระบบนิเวศ CBE

  1. หลักสูตรฐานสมรรถนะ (Competency-Based Curriculum – CBC): คือพิมพ์เขียวทางการศึกษาที่เปลี่ยนจุดเน้นจากการกำหนด “เนื้อหาที่ต้องสอน” ไปสู่การกำหนด “ผลลัพธ์การเรียนรู้เชิงสมรรถนะ” ที่คาดหวังให้เกิดกับผู้เรียนเมื่อจบช่วงชั้นหรือระดับการศึกษาเป็นเป้าหมายปลายทาง 13 หลักสูตรลักษณะนี้จะมีความยืดหยุ่นสูง เปิดโอกาสให้สถานศึกษาสามารถออกแบบหน่วยการเรียนรู้และสาระการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับบริบทของตนเองได้ ตราบใดที่ยังคงนำไปสู่การบรรลุสมรรถนะหลักที่กำหนดไว้
  2. การจัดการเรียนรู้ฐานสมรรถนะ (Competency-Based Instruction – CBI): คือกระบวนการจัดประสบการณ์และกิจกรรมการเรียนรู้ที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนได้ “ลงมือปฏิบัติ (Action)” เพื่อพัฒนาและแสดงออกถึงสมรรถนะที่กำหนดไว้ในหลักสูตร 14 CBI ไม่ได้ยึดติดกับวิธีการสอนรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง แต่ส่งเสริมให้ครูเลือกใช้กลยุทธ์การสอนเชิงรุกที่หลากหลาย เพื่อสร้างสถานการณ์ให้ผู้เรียนได้ฝึกฝนการบูรณาการความรู้ ทักษะ และเจตคติในการทำงานหรือแก้ปัญหา
  3. การวัดและประเมินผลฐานสมรรถนะ (Competency-Based Assessment – CBA): คือการประเมินผลที่เปลี่ยนจากการวัดความจำไปสู่การประเมิน “การปฏิบัติ (Performance)” ของผู้เรียนในสถานการณ์ที่หลากหลายและมีความหมาย 13 การประเมินลักษณะนี้มุ่งตอบคำถามว่า “ผู้เรียนทำอะไรได้บ้าง” แทนที่จะถามว่า “ผู้เรียนรู้อะไรบ้าง” โดยมี
    เกณฑ์การปฏิบัติ (Performance Criteria) ที่ชัดเจน เพื่อใช้ในการวินิจฉัยและให้ข้อมูลป้อนกลับแก่ผู้เรียนสำหรับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง 2

หลักการสำคัญของการออกแบบการเรียนรู้ฐานสมรรถนะ

การออกแบบการเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียนเกิดสมรรถนะอย่างแท้จริงนั้น ตั้งอยู่บนหลักการสำคัญหลายประการ ดังนี้

  • ยืดหยุ่นและตอบสนองความแตกต่าง (Adaptive & Differentiated): ตระหนักว่าผู้เรียนแต่ละคนมีศักยภาพ ความสนใจ และจังหวะในการเรียนรู้ (Self-Pacing) ที่แตกต่างกัน การจัดการเรียนรู้จึงต้องมีความยืดหยุ่น สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการของผู้เรียน และครูต้องพร้อมให้การสนับสนุนเป็นรายบุคคล (Individual Support) เพื่อให้ผู้เรียนทุกคนสามารถพัฒนาสมรรถนะได้เต็มตามศักยภาพ 5
  • เชื่อมโยงกับบริบทและชีวิตจริง (Contextualized & Integrated): การเรียนรู้จะมีประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อผู้เรียนเห็นความเชื่อมโยงระหว่างสิ่งที่เรียนกับชีวิตจริง การออกแบบกิจกรรมจึงควรใช้สถานการณ์ ปัญหา หรือบริบทที่ใกล้ตัวผู้เรียน เพื่อให้การเรียนรู้มีความหมายและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริง 3
  • บูรณาการข้ามศาสตร์ (Multidisciplinary): ปัญหาในโลกแห่งความเป็นจริงส่วนใหญ่มักมีความซับซ้อนและไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยความรู้จากศาสตร์ใดศาสตร์หนึ่งเพียงอย่างเดียว การจัดการเรียนรู้ฐานสมรรถนะจึงส่งเสริมการบูรณาการความรู้และทักษะจากหลากหลายกลุ่มสาระการเรียนรู้ เพื่อให้ผู้เรียนสามารถมองเห็นภาพรวมและแก้ปัญหาได้อย่างเป็นองค์รวม 5

บทที่ 2: พลังของการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ในการสร้างสมรรถนะ

การเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) คือหัวใจของกระบวนการจัดการเรียนรู้ฐานสมรรถนะ เป็นแนวทางที่เปลี่ยนบทบาทของผู้เรียนและครูอย่างสิ้นเชิง เพื่อนำไปสู่การสร้างความรู้ที่ลึกซึ้งและคงทน

ปรัชญา Constructivism: รากฐานของ Active Learning

การเรียนรู้เชิงรุกมีรากฐานมาจากปรัชญาการเรียนรู้แบบสรรค์สร้างนิยม (Constructivism) ซึ่งเชื่อว่าความรู้ไม่ได้ถูก “ถ่ายทอด” จากครูไปยังผู้เรียนแบบสำเร็จรูป แต่ถูก “สร้าง” ขึ้นภายในตัวผู้เรียนแต่ละคน ผ่านกระบวนการเชื่อมโยงความรู้เดิมเข้ากับประสบการณ์ใหม่ 9 ดังนั้น การเรียนรู้จึงเป็นกระบวนการที่ผู้เรียนต้องมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการคิด วิเคราะห์ ลงมือทำ และสร้างความหมายให้กับสิ่งที่เรียนรู้ด้วยตนเอง

บทบาทที่เปลี่ยนไปของครูและผู้เรียน

ในห้องเรียนเชิงรุก บทบาทของครูและผู้เรียนจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ

  • บทบาทครู: เปลี่ยนจากผู้บรรยายหน้าชั้นเรียน (Sage on the Stage) มาเป็นผู้อำนวยความสะดวกและผู้นำทาง (Guide on the Side) โดยมีหน้าที่หลักในการออกแบบสถานการณ์และกิจกรรมที่ท้าทาย ตั้งคำถามกระตุ้นการคิดขั้นสูง จัดเตรียมแหล่งเรียนรู้ที่หลากหลาย และให้ข้อมูลป้อนกลับ (Feedback) ที่เป็นประโยชน์เพื่อการพัฒนาของผู้เรียน 16
  • บทบาทผู้เรียน: เปลี่ยนจากผู้รับฟัง (Listener) มาเป็นผู้ลงมือทำ (Doer) และผู้สร้างความรู้ร่วมกัน (Co-creator) ผู้เรียนจะมีส่วนร่วมอย่างตื่นตัวในทุกมิติ ทั้งทางร่างกาย (Physically Active) เช่น การเคลื่อนไหว การทดลอง; ทางสติปัญญา (Intellectually Active) เช่น การวิเคราะห์ การตั้งคำถาม; ทางสังคม (Socially Active) เช่น การอภิปราย การทำงานกลุ่ม; และทางอารมณ์ (Emotionally Active) เช่น การแสดงความรู้สึก การสะท้อนคิด 9

ตัวอย่างรูปแบบและเทคนิคการจัดการเรียนรู้เชิงรุก

การจัดการเรียนรู้เชิงรุกสามารถทำได้หลากหลายรูปแบบและเทคนิค ตัวอย่างที่นิยมใช้ในการพัฒนาสมรรถนะ ได้แก่

  • การเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem-Based Learning – PrBL): ผู้เรียนได้เรียนรู้จากการเผชิญกับปัญหาที่ซับซ้อนและไม่มีคำตอบตายตัว โดยต้องสืบค้นข้อมูลและทำงานร่วมกันเพื่อหาแนวทางแก้ไขที่เป็นไปได้ 10
  • การเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐาน (Project-Based Learning – PBL): ผู้เรียนได้เรียนรู้ผ่านการทำโครงงานที่ตนเองสนใจในระยะยาว ซึ่งต้องมีการวางแผน ลงมือปฏิบัติ สร้างสรรค์ชิ้นงานหรือนวัตกรรม และนำเสนอผลงานต่อสาธารณะ 20
  • การเรียนรู้ผ่านกิจกรรม (Activity-Based Learning): การใช้เกม สถานการณ์จำลอง บทบาทสมมติ หรือกิจกรรมต่างๆ เป็นฐานในการเรียนรู้ เพื่อให้ผู้เรียนได้เรียนรู้อย่างสนุกสนานและได้ประสบการณ์ตรง 19
  • เทคนิคการอภิปรายกลุ่มย่อย: เช่น เทคนิค Think-Pair-Share (คิดเดี่ยว-จับคู่-แลกเปลี่ยน) หรือ Jigsaw (ต่อชิ้นส่วนความรู้) เพื่อส่งเสริมให้ผู้เรียนทุกคนมีส่วนร่วมในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น 21

ส่วนที่ 2: 8 แนวทางการนำการเรียนรู้ฐานสมรรถนะเชิงรุกสู่การปฏิบัติ

การเปลี่ยนผ่านจากการสอนที่เน้นเนื้อหาไปสู่การสอนที่เน้นสมรรถนะอาจดูเป็นเรื่องท้าทาย อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นอย่างกะทันหันและพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือในคราวเดียว สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษาได้เสนอ 8 แนวทางปฏิบัติ ซึ่งสามารถมองได้ว่าเป็น “บันไดแห่งการเปลี่ยนผ่าน (A Ladder of Transformation)” ที่เปิดโอกาสให้ครูและสถานศึกษาสามารถเลือกเริ่มต้นจากขั้นที่สอดคล้องกับความพร้อมและบริบทของตนเอง แล้วค่อยๆ พัฒนาการออกแบบการเรียนรู้ให้มีความซับซ้อนและมุ่งเน้นสมรรถนะมากขึ้นตามลำดับ 3 แนวทางเหล่านี้เรียงลำดับจากระดับการปรับเปลี่ยนเล็กน้อยจากแผนการสอนเดิม ไปสู่การออกแบบใหม่ทั้งหมด และขยายผลสู่ระดับทั้งโรงเรียน

บทที่ 3: แนวทางที่ 1 ใช้งานเดิม เสริมสมรรถนะ – ก้าวแรกสู่การเปลี่ยนแปลง

แนวคิด

แนวทางนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ง่ายที่สุด เหมาะสำหรับครูที่เพิ่งเริ่มนำแนวคิดฐานสมรรถนะมาใช้ หรือยังคงต้องอิงกับหลักสูตรและแผนการจัดการเรียนรู้เดิมเป็นหลัก 23 หัวใจสำคัญคือการสอนตามแผนเดิม แต่มีการ

“สอดแทรก” หรือ “ระบุ” สมรรถนะที่สอดคล้องกับบทเรียนเข้าไปในวัตถุประสงค์การเรียนรู้ และอาจเพิ่มเติมกิจกรรมขนาดเล็ก (Micro-activity) เพื่อกระตุ้นให้ผู้เรียนได้ตระหนักและฝึกฝนสมรรถนะนั้นๆ ควบคู่ไปกับการเรียนรู้เนื้อหาตามปกติ 22

ขั้นตอนการปฏิบัติ

  1. ทบทวนแผนการสอนเดิม: วิเคราะห์กิจกรรมการเรียนการสอนและเนื้อหาที่มีอยู่ ว่ามีศักยภาพในการส่งเสริมสมรรถนะใดของผู้เรียนได้บ้าง 3
  2. เลือกและระบุสมรรถนะ: เลือกสมรรถนะหลักที่เห็นว่าสอดคล้องกับตัวชี้วัดและเนื้อหาในบทเรียนนั้นมากที่สุด เช่น บทเรียนที่ต้องมีการนำเสนอผลงาน อาจเลือก “สมรรถนะการสื่อสาร” 25
  3. ปรับวัตถุประสงค์การเรียนรู้: เพิ่มวัตถุประสงค์เชิงสมรรถนะเข้าไปในแผนการสอนเดิม เพื่อให้ครูและผู้เรียนมีเป้าหมายที่ชัดเจนร่วมกันในการพัฒนาสมรรถนะนั้นๆ 3
  4. เสริมกิจกรรมต่อยอด: ออกแบบกิจกรรมเสริมเล็กๆ ที่ใช้เวลาไม่มาก แต่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ “แสดงออก” ถึงสมรรถนะที่ระบุไว้ เช่น การเพิ่มสถานการณ์จำลองสั้นๆ การตั้งคำถามปลายเปิดเพื่อกระตุ้นการคิด 23
  5. ระบุวิธีวัดและประเมินเพิ่มเติม: กำหนดวิธีการประเมินสมรรถนะแบบง่ายๆ เพิ่มเติมจากการประเมินความรู้เดิม เช่น การใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม หรือแบบตรวจสอบรายการ (Checklist) 3

ตัวอย่างการปรับแผนการจัดการเรียนรู้

  • แผนเดิม: กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เรื่อง “หลักการพูดแสดงความรู้ความเข้าใจจากเรื่องที่ฟังและดู” มีวัตถุประสงค์เพื่อให้นักเรียนบอกหลักการพูด (K) และสามารถพูดสรุปความได้ (P)
  • การปรับใช้แนวทางที่ 1:
  1. เลือกสมรรถนะ: สมรรถนะการสื่อสาร
  2. ปรับวัตถุประสงค์: เพิ่มวัตถุประสงค์เชิงสมรรถนะว่า “ผู้เรียนสามารถพูดแสดงความรู้ด้วยความเข้าใจ ถูกต้อง สุภาพ ถูกกาลเทศะ และมั่นใจ ในสถานการณ์จำลองได้” 27
  3. เสริมกิจกรรม: เพิ่มกิจกรรม “บทบาทสมมติ: มัคคุเทศก์น้อย” โดยให้นักเรียนจับกลุ่มสมมติตัวเองเป็นมัคคุเทศก์แนะนำแหล่งเรียนรู้ในท้องถิ่นที่ตนเองสนใจให้เพื่อนๆ ฟัง
  4. ประเมินเพิ่มเติม: ครูใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการพูดนำเสนอ โดยมีรายการประเมินด้านความมั่นใจ การใช้ภาษา และการสบตาผู้ฟัง

บทที่ 4: แนวทางที่ 2 ใช้งานเดิม ต่อเติมสมรรถนะ – ขยายขอบเขตสู่การประยุกต์ใช้

แนวคิด

แนวทางนี้เป็นขั้นที่พัฒนาต่อจากแนวทางแรก โดยเปลี่ยนจากการ “เสริม” กิจกรรมเล็กน้อย มาเป็นการ “ต่อเติม” หรือ “ขยาย” ภาระงานให้มีความเข้มข้นและเชื่อมโยงกับโลกแห่งความเป็นจริงมากขึ้น 24 ครูจะออกแบบสถานการณ์หรือชิ้นงานที่หลากหลายและท้าทาย เพื่อให้ผู้เรียนได้ฝึกฝนการนำความรู้ ทักษะ และเจตคติที่เรียนไปแล้วมาประยุกต์ใช้อย่างจริงจัง 26

ขั้นตอนการปฏิบัติ

  1. วิเคราะห์งานเดิมสู่การประยุกต์ใช้: ทบทวนแผนการสอนเดิมและตั้งคำถามว่า “ผู้เรียนจะนำความรู้และทักษะจากเรื่องนี้ไปใช้ประโยชน์ในสถานการณ์จริงได้อย่างไรบ้าง” 3
  2. ออกแบบสถานการณ์หรือภาระงานใหม่: สร้างสถานการณ์จำลองหรือกำหนดภาระงาน (Task) ที่ซับซ้อนขึ้น ซึ่งกระตุ้นให้ผู้เรียนต้องดึงความรู้ที่เรียนมาใช้ในบริบทใหม่ที่แตกต่างไปจากในห้องเรียน 3
  3. ปรับวัตถุประสงค์และกิจกรรม: ปรับแก้แผนการสอนเดิมให้ครอบคลุมการฝึกฝนในสถานการณ์ที่ออกแบบขึ้น โดยอาจต้องเพิ่มเวลาหรือขั้นตอนในกิจกรรมให้มากขึ้น
  4. วางแผนการประเมินตามสภาพจริง: ออกแบบวิธีการวัดและประเมินผลที่เน้นการปฏิบัติในสถานการณ์นั้นๆ เช่น การประเมินชิ้นงาน (Product Assessment) หรือการประเมินภาคปฏิบัติ (Performance Assessment) โดยใช้เกณฑ์การประเมิน (Rubrics) ที่ชัดเจน 3

ตัวอย่างการปรับแผนการจัดการเรียนรู้

  • ต่อยอดจากแนวทางที่ 1: จากกิจกรรม “มัคคุเทศก์น้อย”
  • การปรับใช้แนวทางที่ 2:
  1. ออกแบบภาระงานใหม่: “ต่อเติม” ภาระงานให้นักเรียนจัดทำ “คลิปวิดีโอสั้น” หรือ “แผ่นพับประชาสัมพันธ์” เพื่อแนะนำแหล่งเรียนรู้ในท้องถิ่นสำหรับเผยแพร่ในช่องทางออนไลน์ของโรงเรียนหรือในชุมชน
  2. สมรรถนะที่พัฒนาเพิ่ม: นอกจากสมรรถนะการสื่อสารแล้ว ภาระงานนี้ยังช่วยพัฒนา สมรรถนะการใช้เทคโนโลยี (การถ่ายทำ ตัดต่อวิดีโอ หรือการออกแบบแผ่นพับ) และ สมรรถนะการรวมพลังทำงานเป็นทีม (การแบ่งหน้าที่และความรับผิดชอบในกลุ่ม)
  3. ประเมินตามสภาพจริง: ประเมินจากคุณภาพของคลิปวิดีโอหรือแผ่นพับ โดยใช้เกณฑ์การประเมินที่ครอบคลุมทั้งความถูกต้องของเนื้อหา ความคิดสร้างสรรค์ คุณภาพทางเทคนิค และกระบวนการทำงานกลุ่ม

บทที่ 5: แนวทางที่ 3 ใช้รูปแบบการเรียนรู้ สู่การพัฒนาสมรรถนะ – การใช้โมเดลการสอนเป็นเครื่องมือ

แนวคิด

แนวทางนี้เป็นการยกระดับการออกแบบการเรียนรู้ให้เป็นระบบมากขึ้น โดยการนำรูปแบบการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Instructional Models) ที่มีหลักการและขั้นตอนชัดเจนมาเป็นโครงสร้างหลักในการจัดกิจกรรม 22 จากนั้นจึงวิเคราะห์เพื่อบูรณาการสมรรถนะที่ต้องการพัฒนาเข้าไปในแต่ละขั้นตอนของรูปแบบนั้นๆ อย่างมีเป้าหมาย 3

ขั้นตอนการปฏิบัติ

  1. เลือรูปแบบการเรียนรู้ที่เหมาะสม: คัดเลือกรูปแบบการสอนที่สอดคล้องกับธรรมชาติของเนื้อหาและสมรรถนะที่ต้องการพัฒนา เช่น การเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐาน (Project-Based Learning: PBL) เหมาะกับการสร้างสรรค์ชิ้นงาน, การเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem-Based Learning: PrBL) เหมาะกับการพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์และแก้ปัญหา, หรือสะเต็มศึกษา (STEM Education) เหมาะกับการบูรณาการวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ 15
  2. ศึกษารูปแบบให้เข้าใจอย่างลึกซึ้ง: ทำความเข้าใจหลักการ ปรัชญา ขั้นตอนการจัดกิจกรรม บทบาทครูและนักเรียน รวมถึงจุดเด่นและข้อจำกัดของรูปแบบที่เลือก 3
  3. บูรณาการสมรรถนะในแต่ละขั้นตอน: วิเคราะห์ว่าในแต่ละขั้นตอนของรูปแบบการสอนนั้น สามารถสอดแทรกหรือเน้นย้ำเพื่อพัฒนาสมรรถนะใดได้บ้าง
  4. ออกแบบกิจกรรมและปรับวัตถุประสงค์: ออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ตามขั้นตอนของรูปแบบที่เลือก และกำหนดวัตถุประสงค์ให้ครอบคลุมทั้งเป้าหมายด้านเนื้อหาและสมรรถนะ
  5. ออกแบบการประเมินที่สอดคล้อง: สร้างเครื่องมือประเมินที่สอดคล้องกับธรรมชาติของรูปแบบนั้นๆ เช่น การประเมินแฟ้มสะสมงาน (Portfolio) สำหรับ PBL หรือการประเมินกระบวนการแก้ปัญหาสำหรับ PrBL

ตัวอย่างการปรับแผนการจัดการเรียนรู้

  • หน่วยการเรียนรู้: สังคมศึกษาและวิทยาศาสตร์ เรื่อง “ปัญหาสิ่งแวดล้อมในชุมชน”
  • การปรับใช้แนวทางที่ 3:
  1. เลือรูปแบบ: Project-Based Learning (PBL)
  2. ออกแบบกิจกรรมตามขั้นตอน PBL:
  • ขั้นที่ 1 ตั้งคำถาม/ปัญหา (Driving Question): ครูและนักเรียนร่วมกันตั้งคำถามหลัก เช่น “เราจะลดปริมาณขยะพลาสติกในโรงเรียนและชุมชนของเราได้อย่างไร?”
  • ขั้นที่ 2 สืบเสาะค้นคว้า (Inquiry & Investigation): นักเรียนรวมกลุ่มสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับประเภทของขยะ ผลกระทบ และแนวทางการจัดการ (พัฒนา สมรรถนะการคิดขั้นสูง)
  • ขั้นที่ 3 วางแผนและลงมือทำ (Planning & Implementation): นักเรียนร่วมกันวางแผนโครงการและลงมือปฏิบัติตามแผน เช่น โครงการรณรงค์, การสร้างสิ่งประดิษฐ์จากขยะรีไซเคิล (พัฒนา สมรรถนะการจัดการตนเอง และ การรวมพลังทำงานเป็นทีม)
  • ขั้นที่ 4 นำเสนอผลงาน (Presentation): นักเรียนนำเสนอผลการดำเนินโครงงานและชิ้นงานต่อเพื่อน ครู หรือคนในชุมชน (พัฒนา สมรรถนะการสื่อสาร)
  • ขั้นที่ 5 สะท้อนคิด (Reflection): นักเรียนและครูร่วมกันสะท้อนคิดถึงสิ่งที่ได้เรียนรู้และปัญหาอุปสรรคที่พบ (พัฒนา สมรรถนะการจัดการตนเอง)
  1. สมรรถนะที่บูรณาการ: การทำโครงงานนี้สามารถบูรณาการสมรรถนะหลักได้เกือบครบทั้ง 6 ด้าน โดยมี สมรรถนะการเป็นพลเมืองที่เข้มแข็ง และ การอยู่ร่วมกับธรรมชาติฯ เป็นแกนกลาง 31

บทที่ 6: แนวทางที่ 4 สมรรถนะเป็นฐาน ผสานตัวบ่งชี้ – พลิกมุมมองการออกแบบ

แนวคิด

แนวทางนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการออกแบบหน่วยการเรียนรู้ โดยเป็นการเปลี่ยนกระบวนทัศน์จากการนำเนื้อหาเป็นตัวตั้ง มาเป็นการนำ “สมรรถนะ” ที่ต้องการพัฒนาเป็นตัวตั้ง แล้วจึงวิเคราะห์หา “ตัวชี้วัด” ตามหลักสูตรแกนกลางและ “สาระการเรียนรู้” ที่มีความสอดคล้องกันมาออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ร่วมกัน 22 แนวทางนี้เหมาะสำหรับครูที่มีความมั่นใจและพร้อมที่จะก้าวสู่การสอนที่เน้นสมรรถนะอย่างเต็มตัว

ขั้นตอนการปฏิบัติ (อิงตามแนวคิดการออกแบบย้อนกลับ – Backward Design)

  1. ขั้นที่ 1 กำหนดสมรรถนะเป้าหมาย (Identify Desired Results): เริ่มต้นด้วยการเลือกสมรรถนะหลักที่ต้องการให้เกิดขึ้นกับผู้เรียนในหน่วยการเรียนรู้นี้เป็นอันดับแรก 3
  2. ขั้นที่ 2 กำหนดหลักฐานและภาระงาน (Determine Acceptable Evidence): วิเคราะห์ว่าสมรรถนะที่เลือกนั้นสอดคล้องกับตัวชี้วัดใดในกลุ่มสาระการเรียนรู้ต่างๆ บ้าง จากนั้นออกแบบภาระงาน (Task) หรือชิ้นงาน (Product) ที่จะใช้เป็นหลักฐานที่ชัดเจนว่าผู้เรียนได้บรรลุสมรรถนะนั้นแล้ว พร้อมทั้งสร้างเกณฑ์การประเมิน (Rubrics) สำหรับภาระงานนั้น 3
  3. ขั้นที่ 3 วางแผนกิจกรรมการเรียนรู้ (Plan Learning Experiences): ออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุกและประสบการณ์ต่างๆ ที่จำเป็น เพื่อเตรียมความพร้อมและนำพาผู้เรียนไปสู่การทำภาระงานหรือสร้างชิ้นงานให้สำเร็จตามเกณฑ์ที่กำหนด 3

ตัวอย่างการปรับแผนการจัดการเรียนรู้

  • การออกแบบหน่วยการเรียนรู้ “พลเมืองรุ่นเยาว์ใส่ใจท้องถิ่น”:
  1. กำหนดสมรรถนะเป้าหมาย: สมรรถนะการเป็นพลเมืองที่เข้มแข็ง โดยเน้นความสามารถในการมีส่วนร่วมอย่างมีวิจารณญาณและการเป็นผู้สร้างการเปลี่ยนแปลง 11
  2. กำหนดหลักฐานและภาระงาน:
  • วิเคราะห์ตัวชี้วัด: เชื่อมโยงกับตัวชี้วัดในกลุ่มสาระสังคมศึกษาฯ (เช่น หน้าที่พลเมือง, การปกครองท้องถิ่น) และภาษาไทย (การพูดโน้มน้าวใจ, การเขียนเชิงรณรงค์)
  • กำหนดภาระงาน: “การจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อพัฒนาชุมชน และจัดกิจกรรมรณรงค์เพื่อนำเสนอต่อผู้บริหารโรงเรียนหรือผู้นำชุมชน”
  1. วางแผนกิจกรรมการเรียนรู้:
  • กิจกรรมสำรวจและวิเคราะห์ปัญหาในชุมชน
  • กิจกรรมระดมสมองและออกแบบข้อเสนอเชิงนโยบาย
  • กิจกรรมฝึกทักษะการพูดโน้มน้าวใจและการเขียนคำขวัญ
  • กิจกรรมจัดเวทีนำเสนอและรณรงค์ในโรงเรียน

บทที่ 7: แนวทางที่ 5 บูรณาการผสานหลายสมรรถนะ – การเรียนรู้แบบองค์รวม

แนวคิด

เป็นแนวทางการออกแบบหน่วยการเรียนรู้ขนาดใหญ่ (Thematic Unit) ที่มีความเป็นองค์รวมสูง โดยใช้ “ประเด็น (Theme)” หรือ “สถานการณ์ในชีวิตจริง” เป็นศูนย์กลาง แล้วดึงสมรรถนะหลักหลายๆ ด้านและเนื้อหาจากหลายกลุ่มสาระการเรียนรู้เข้ามาบูรณาการไว้ด้วยกัน 22 วิธีการนี้ช่วยให้ผู้เรียนได้เรียนรู้อย่างเป็นธรรมชาติ เห็นความเชื่อมโยงระหว่างศาสตร์ต่างๆ และเข้าใจว่าความรู้ในแต่ละวิชาสามารถนำมาใช้แก้ปัญหาในชีวิตจริงได้อย่างไร 23

ขั้นตอนการปฏิบัติ

  1. กำหนดประเด็น/หัวข้อบูรณาการ (Theme): เลือกประเด็นที่กว้าง น่าสนใจ ใกล้ตัวผู้เรียน และมีศักยภาพในการเชื่อมโยงหลายสมรรถนะและหลายวิชา เช่น “โครงการตลาดนัดพอเพียง”, “การจัดการภัยพิบัติในชุมชน”, “วัฒนธรรมอาหารท้องถิ่นของเรา”
  2. ระบุสมรรถนะและตัวชี้วัดที่เกี่ยวข้อง (Competency & Standard Mapping): วิเคราะห์ว่าจากประเด็นที่ตั้งขึ้น สามารถพัฒนาสมรรถนะหลักใดได้บ้าง และเกี่ยวข้องกับตัวชี้วัดในกลุ่มสาระการเรียนรู้ใดบ้าง เพื่อสร้างเป็นแผนที่การเรียนรู้ของหน่วย
  3. ออกแบบภาระงาน/โครงงานหลัก (Culminating Task): กำหนดชิ้นงานหรือกิจกรรมสรุปรวบยอดสุดท้าย ที่ผู้เรียนต้องสร้างขึ้นเพื่อแสดงถึงการเรียนรู้แบบองค์รวมจากทั้งหน่วย
  4. วางแผนกิจกรรมย่อย (Scaffolding Activities): ออกแบบลำดับของกิจกรรมการเรียนรู้ย่อยๆ ที่จะค่อยๆ พัฒนาความรู้ ทักษะ และสมรรถนะที่จำเป็น เพื่อให้ผู้เรียนสามารถทำภาระงานหลักได้สำเร็จ

ตัวอย่างการปรับแผนการจัดการเรียนรู้

  • หน่วยบูรณาการ “โครงการตลาดนัดพอเพียง”:
  1. ประเด็น: การวางแผนและดำเนินธุรกิจขนาดเล็กตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
  2. สมรรถนะและสาระที่บูรณาการ:
  • การจัดการตนเอง: การวางแผนการทำงาน การบริหารเวลาและงบประมาณ
  • การคิดขั้นสูง: การวิเคราะห์ตลาด การออกแบบผลิตภัณฑ์
  • การสื่อสาร: การโฆษณาประชาสัมพันธ์ การนำเสนอขายสินค้า
  • การรวมพลังทำงานเป็นทีม: การแบ่งงานและการทำงานร่วมกันในกลุ่ม
  • คณิตศาสตร์: การคำนวณต้นทุน กำไร ราคาขาย การทำบัญชี
  • การงานอาชีพ: การผลิตสินค้าหรือการเตรียมบริการ
  • ศิลปะ: การออกแบบโลโก้ บรรจุภัณฑ์ และการจัดร้าน
  • ภาษาไทย: การเขียนคำโฆษณา การพูดเชิญชวน
  1. ภาระงานหลัก: การเปิด “ตลาดนัดพอเพียง” ในโรงเรียน 1 วัน โดยแต่ละกลุ่มต้องนำเสนอแผนธุรกิจ ผลิตและจำหน่ายสินค้าจริง พร้อมสรุปผลการดำเนินงาน

บทที่ 8: แนวทางที่ 6 สมรรถนะชีวิตในกิจวัตรประจำวัน – การเรียนรู้ที่ฝังลึกในวัฒนธรรม

แนวคิด

แนวทางนี้ขยายมุมมองการพัฒนาสมรรถนะออกไปนอกห้องเรียน โดยเชื่อว่าสมรรถนะที่สำคัญหลายอย่าง โดยเฉพาะทักษะชีวิต (Life Skills) สามารถปลูกฝังและฝึกฝนผ่าน กิจกรรมในกิจวัตรประจำวันของโรงเรียน (School Routines) และ หลักสูตรแฝง (Hidden Curriculum) ได้ 29 กิจกรรมต่างๆ เช่น การเข้าแถวเคารพธงชาติ, การรับประทานอาหารกลางวัน, การทำความสะอาดเขตพื้นที่, กิจกรรมสภานักเรียน, หรือโครงการพี่สอนน้อง ล้วนเป็นโอกาสทองในการบ่มเพาะสมรรถนะอย่างเป็นธรรมชาติและต่อเนื่อง 23

ขั้นตอนการปฏิบัติ

  1. สำรวจและวิเคราะห์กิจวัตรประจำวัน: ผู้บริหารและครูร่วมกันทบทวนกิจกรรมทั้งหมดที่เกิดขึ้นในแต่ละวันของโรงเรียน และวิเคราะห์ว่าแต่ละกิจกรรมมีศักยภาพในการส่งเสริมสมรรถนะใดได้บ้าง 29
  2. ออกแบบและสร้างความตระหนักร่วมกัน: ร่วมกันออกแบบแนวทางเพื่อทำให้กิจกรรมเหล่านั้นกลายเป็น “สถานการณ์ฝึกฝนสมรรถนะ” อย่างมีเป้าหมายและเจตนาที่ชัดเจน พร้อมทั้งสื่อสารให้ทั้งครูและนักเรียนเข้าใจตรงกันถึงเป้าหมายเชิงสมรรถนะของกิจกรรมนั้นๆ
  3. กำหนดแนวทางการประเมินที่ไม่เป็นทางการ: การประเมินในแนวทางนี้มักเป็นการประเมินตามสภาพจริงแบบไม่เป็นทางการ (Informal Assessment) เช่น การสังเกตพฤติกรรม, การสะท้อนคิดหลังกิจกรรม, การบันทึกอนุทิน, หรือการให้ข้อมูลย้อนกลับเชิงพรรณนา 23

ตัวอย่างการปรับแผนการจัดการเรียนรู้

  • กิจกรรม: การทำความสะอาดเขตพื้นที่รับผิดชอบ
  • การปรับใช้แนวทางที่ 6:
  • มุมมองเดิม: เป็นเพียงการทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย
  • มุมมองใหม่ (ฐานสมรรถนะ):
  • สมรรถนะการจัดการตนเอง: นักเรียนวางแผนและบริหารเวลาในการทำความสะอาดให้เสร็จทันเวลา
  • สมรรถนะการรวมพลังทำงานเป็นทีม: นักเรียนในห้องร่วมกันแบ่งหน้าที่และช่วยเหลือกันเพื่อให้งานส่วนรวมสำเร็จ
  • สมรรถนะการเป็นพลเมืองที่เข้มแข็ง: นักเรียนตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อทรัพย์สินส่วนรวมและสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีของโรงเรียน
  • การดำเนินการ: ครูประจำชั้นอาจใช้เวลาหลังกิจกรรม 5 นาที เพื่อให้นักเรียนได้สะท้อนคิดร่วมกันถึงการทำงานในวันนี้ ว่าพบปัญหาอะไร แก้ไขอย่างไร และจะทำให้ดีขึ้นในวันต่อไปได้อย่างไร

บทที่ 9: แนวทางที่ 7 การเรียนรู้สมรรถนะแบบผสมผสาน (Hybrid Competency Learning)

แนวคิด

ในยุคดิจิทัลและภายใต้สถานการณ์โลกที่ไม่แน่นอน เช่น การเกิดโรคระบาด การเรียนรู้ไม่สามารถจำกัดอยู่แค่ในห้องเรียนสี่เหลี่ยมได้อีกต่อไป แนวทางนี้จึงเป็นการออกแบบการเรียนรู้ที่ ยืดหยุ่นและผสมผสาน (Blended/Hybrid) รูปแบบการเรียนรู้ที่หลากหลาย ทั้งแบบเผชิญหน้าในห้องเรียน (On-site), แบบออนไลน์ (Online), และแบบเรียนรู้ด้วยตนเองที่บ้าน (On-hand) เพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์และบริบทที่แตกต่างกัน โดยยังคงเป้าหมายในการพัฒนาสมรรถนะของผู้เรียนไว้เป็นสำคัญ 23

ขั้นตอนการปฏิบัติ

  1. วิเคราะห์บริบทและข้อจำกัด: พิจารณาความพร้อมด้านอุปกรณ์และสัญญาณอินเทอร์เน็ตของนักเรียน, ความสามารถในการสนับสนุนของผู้ปกครอง, และทรัพยากรของโรงเรียน
  2. ออกแบบประสบการณ์เรียนรู้แบบผสมผสาน: เลือกใช้เครื่องมือและแพลตฟอร์มที่เหมาะสมกับกิจกรรม เช่น การใช้ Live Streaming สำหรับการบรรยายเชิงโต้ตอบ 39, การใช้ Learning Box สำหรับการเรียนรู้ที่บ้าน 6, หรือการใช้แอปพลิเคชันสำหรับการทำงานร่วมกันออนไลน์ ควบคู่ไปกับการเรียนรู้ภาคปฏิบัติในห้องเรียนและในชุมชน
  3. เน้นการบูรณาการและการเชื่อมโยง: ออกแบบให้ประสบการณ์เรียนรู้ในแต่ละรูปแบบมีความเชื่อมโยงและส่งเสริมซึ่งกันและกัน ไม่ใช่การเรียนที่แยกส่วน เช่น กิจกรรมออนไลน์ใช้เพื่อสร้างความรู้พื้นฐาน, กิจกรรมในห้องเรียนใช้เพื่อลงมือปฏิบัติและอภิปรายเชิงลึก, และกิจกรรมที่บ้านใช้เพื่อการสืบค้นเพิ่มเติมหรือประยุกต์ใช้

ตัวอย่างการปรับแผนการจัดการเรียนรู้

  • หน่วยการเรียนรู้: วิทยาศาสตร์ เรื่อง “คุณภาพอากาศและ PM 2.5”
  • การปรับใช้แนวทางที่ 7:
  • Online: นักเรียนเรียนรู้เนื้อหาพื้นฐานเกี่ยวกับสาเหตุและผลกระทบของ PM 2.5 ผ่านคลิปวิดีโอและบทความบนแพลตฟอร์มการเรียนรู้ของโรงเรียน
  • On-site: นักเรียนรวมกลุ่มในห้องปฏิบัติการเพื่อออกแบบและสร้าง “เครื่องตรวจวัดฝุ่นอย่างง่าย” และนำไปทดลองเก็บข้อมูลในบริเวณต่างๆ ของโรงเรียน
  • On-hand/At Home: นักเรียนนำความรู้ที่ได้ไปสำรวจแหล่งกำเนิดมลพิษในบริเวณบ้านของตนเอง และออกแบบ “แนวทางการลดฝุ่นในครัวเรือน”
  • Online (อีกครั้ง): นักเรียนนำข้อมูลและผลงานจากทุกส่วนมาอภิปรายและนำเสนอร่วมกันผ่านการประชุมวิดีโอ

บทที่ 10: แนวทางที่ 8 การเรียนการสอนฐานสมรรถนะเพื่อร่วมกันพัฒนาสมรรถนะ (Whole-School Approach)

แนวคิด

นี่คือระดับสูงสุดและครอบคลุมที่สุดของการเปลี่ยนแปลง เป็นการขับเคลื่อนการพัฒนาสมรรถนะในระดับ “ทั้งโรงเรียน” 36 โดยทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่ผู้บริหาร, ครูทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้, นักเรียน, ไปจนถึงผู้ปกครองและชุมชน ร่วมกันกำหนดเป้าหมายการพัฒนาผู้เรียน (School Goal) หรือประเด็นการเรียนรู้ร่วมกัน (Common Theme) แล้วร่วมกันออกแบบและจัดประสบการณ์เรียนรู้ทั้งหมดในโรงเรียนเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายนั้น 38 แนวทางนี้ต้องการความเป็นผู้นำทางวิชาการที่เข้มแข็งและการทำงานร่วมกันในลักษณะของชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) 40

ขั้นตอนการปฏิบัติ

  1. กำหนดวิสัยทัศน์และเป้าหมายร่วม: ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่ายร่วมกันระดมสมองและตัดสินใจเลือกสมรรถนะที่เป็น “จุดเน้น” หรืออัตลักษณ์ของโรงเรียน
  2. สร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC): จัดตั้งกลุ่ม PLC ที่มีครูจากหลากหลายกลุ่มสาระมาทำงานร่วมกัน เพื่อออกแบบหน่วยการเรียนรู้บูรณาการที่สอดคล้องกับเป้าหมายร่วมของโรงเรียน 40
  3. ออกแบบหน่วยการเรียนรู้ทั้งโรงเรียน (Whole-School Unit): กำหนดประเด็นร่วมสำหรับทั้งโรงเรียน แต่ภาระงานและกิจกรรมจะมีความลุ่มลึกและซับซ้อนแตกต่างกันไปตามระดับพัฒนาการของนักเรียนในแต่ละช่วงชั้น
  4. สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เอื้อต่อสมรรถนะ: ปรับเปลี่ยนทุกกิจกรรมและปฏิสัมพันธ์ในโรงเรียน ตั้งแต่หลักสูตรแฝงไปจนถึงการจัดสภาพแวดล้อมทางกายภาพ ให้มุ่งส่งเสริมสมรรถนะตามเป้าหมายที่วางไว้

ตัวอย่างการปรับแผนการจัดการเรียนรู้

  • เป้าหมายร่วมของโรงเรียน: “การเป็นผู้ประกอบการที่สร้างสรรค์และใส่ใจสังคม”
  • การปรับใช้แนวทางที่ 8:
  • ประเด็นร่วมทั้งโรงเรียน: “นวัตกรรมเพื่อชุมชน”
  • การดำเนินงาน:
  • ระดับประถมศึกษาตอนต้น: จัดทำโครงงาน “ของเล่นรีไซเคิล” เพื่อบริจาคให้น้องๆ ในชุมชน
  • ระดับประถมศึกษาตอนปลาย: จัดทำโครงงาน “ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากผลผลิตทางการเกษตรในท้องถิ่น” และนำไปจำหน่ายในงานโรงเรียน
  • ระดับมัธยมศึกษา: จัดทำ “แผนธุรกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise)” เพื่อแก้ปัญหาในชุมชนอย่างยั่งยืน และนำเสนอเพื่อขอรับทุนสนับสนุนจากองค์กรในท้องถิ่น
  • กลไกสนับสนุน: ครูทุกวิชาจะร่วมกันให้ความรู้และทักษะที่จำเป็นสำหรับโครงงานในแต่ละระดับ เช่น ครูคณิตศาสตร์สอนการทำบัญชี, ครูศิลปะสอนการออกแบบ, ครูภาษาไทยสอนการนำเสนอ เป็นต้น

ส่วนที่ 3: เครื่องมือและกลไกสนับสนุนการปฏิบัติ

การนำแนวทางการจัดการเรียนรู้ฐานสมรรถนะเชิงรุกไปสู่การปฏิบัติให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดนั้น จำเป็นต้องอาศัยเครื่องมือในการออกแบบและประเมินผลที่เหมาะสม รวมถึงการเรียนรู้จากบทเรียนของสถานศึกษาที่ได้ลงมือปฏิบัติจริง

บทที่ 11: การออกแบบและประเมินผลเพื่อพัฒนาสมรรถนะ

การออกแบบหน่วยการเรียนรู้แบบย้อนกลับ (Backward Design)

แนวคิดการออกแบบย้อนกลับเป็นหัวใจสำคัญของการวางแผนการเรียนรู้ฐานสมรรถนะ เพราะช่วยให้ครูมั่นใจได้ว่ากิจกรรมที่จัดขึ้นจะนำไปสู่ผลลัพธ์เชิงสมรรถนะที่ต้องการอย่างแท้จริง กระบวนการนี้ประกอบด้วย 3 ขั้นตอนหลักที่ดำเนินการย้อนกลับจากเป้าหมายมาสู่การวางแผน 42

  1. ขั้นที่ 1: กำหนดเป้าหมายที่ต้องการ (Identify Desired Results): เริ่มต้นด้วยการตอบคำถามว่า “เมื่อจบหน่วยการเรียนรู้นี้แล้ว เราต้องการให้ผู้เรียนสามารถทำอะไรได้บ้าง?” โดยกำหนดเป็นเป้าหมายเชิงสมรรถนะที่ชัดเจน
  2. ขั้นที่ 2: กำหนดหลักฐานการเรียนรู้ (Determine Acceptable Evidence): ตอบคำถามว่า “เราจะรู้ได้อย่างไรว่าผู้เรียนบรรลุเป้าหมายแล้ว?” โดยการออกแบบภาระงาน (Task) หรือชิ้นงาน (Product) ที่จะสะท้อนถึงสมรรถนะนั้นๆ พร้อมทั้งสร้างเกณฑ์การประเมิน (Rubrics) ที่ชัดเจน
  3. ขั้นที่ 3: วางแผนกิจกรรมและประสบการณ์การเรียนรู้ (Plan Learning Experiences and Instruction): ตอบคำถามว่า “เราจะจัดกิจกรรมอะไรบ้างเพื่อเตรียมความพร้อมให้ผู้เรียนสามารถทำภาระงานนั้นได้สำเร็จ?” โดยออกแบบลำดับของกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุกที่หลากหลาย

เครื่องมือประเมินตามสภาพจริง (Authentic Assessment Tools)

การประเมินสมรรถนะไม่สามารถทำได้ด้วยแบบทดสอบปรนัยเพียงอย่างเดียว แต่ต้องอาศัยเครื่องมือที่หลากหลายเพื่อประเมินการปฏิบัติในสถานการณ์จริง

  • เกณฑ์การประเมินแบบรูบิค (Rubrics): เป็นเครื่องมือที่สำคัญที่สุดในการประเมินสมรรถนะ เพราะสามารถอธิบายระดับคุณภาพของการปฏิบัติงานได้อย่างเป็นรูปธรรม ช่วยให้การประเมินมีความโปร่งใส เป็นธรรม และสื่อสารความคาดหวังไปยังผู้เรียนได้อย่างชัดเจน 45 รูบิคที่ดีจะประกอบด้วยมิติการประเมิน (Criteria) และคำอธิบายระดับคุณภาพ (Performance Level Descriptors) ที่ชัดเจนในแต่ละระดับ 47
  • แบบตรวจสอบรายการ (Checklists) และมาตรประมาณค่า (Rating Scales): เป็นเครื่องมือที่เหมาะสำหรับการประเมินพฤติกรรมที่สังเกตได้ง่าย หรือใช้สำหรับการประเมินตนเองและการประเมินโดยเพื่อน เพื่อรวบรวมข้อมูลจากหลายมุมมอง 45
  • แฟ้มสะสมงาน (Portfolio): เป็นการรวบรวมชิ้นงานและหลักฐานการเรียนรู้ที่หลากหลายของผู้เรียนอย่างเป็นระบบตลอดช่วงระยะเวลาหนึ่ง เพื่อแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้า พัฒนาการ และการสะท้อนคิดของผู้เรียน ซึ่งสะท้อนภาพรวมของสมรรถนะได้ดีกว่าการประเมินเพียงครั้งเดียว 36

บทที่ 12: กรณีศึกษาจากสถานศึกษาต้นแบบในประเทศไทย

การเรียนรู้จากประสบการณ์ของโรงเรียนที่ได้นำหลักสูตรฐานสมรรถนะไปปฏิบัติจริง เป็นแหล่งข้อมูลสำคัญที่ช่วยให้เห็นภาพทั้งความสำเร็จและความท้าทาย

  • ถอดบทเรียนโรงเรียนรุ่งอรุณ: โรงเรียนรุ่งอรุณเป็นหนึ่งในสถานศึกษาต้นแบบที่กระทรวงศึกษาธิการใช้อ้างอิงในการขับเคลื่อนหลักสูตรฐานสมรรถนะ 50 แนวทางการจัดการเรียนรู้ของโรงเรียนมุ่งเน้นการพัฒนาผู้เรียนให้บรรลุผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ (Desired Outcomes of Education – DOE) เช่น การมีความมั่นใจในศักยภาพของตนเอง, การเป็นผู้สร้างสรรค์และสานประโยชน์, และการมีสติปัญญามองเห็นความสัมพันธ์อย่างเป็นองค์รวม 51 การออกแบบหน่วยการเรียนรู้มีลักษณะบูรณาการสูง เชื่อมโยงกับชีวิตจริง และเน้นกระบวนการเรียนรู้ที่ลึกซึ้ง ดังเห็นได้จากตัวอย่างหน่วยการเรียนรู้ระดับต่างๆ ที่เผยแพร่สู่สาธารณะ 50
  • สังเคราะห์บทเรียนจากโรงเรียนนำร่องในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา: นอกเหนือจากโรงเรียนรุ่งอรุณ ยังมีสถานศึกษานำร่องอีกจำนวนมากที่เข้าร่วมโครงการวิจัยและพัฒนาหลักสูตรฐานสมรรถนะ 56 การดำเนินงานของโรงเรียนเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงแนวทางการปรับใช้หลักสูตรที่หลากหลายตามบริบทของตนเอง ทั้งในด้านการออกแบบกิจกรรม การพัฒนาครู และการสร้างการมีส่วนร่วมกับชุมชน ซึ่งบทเรียนจากโรงเรียนเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายที่สำคัญ เช่น การเปลี่ยนกระบวนทัศน์ของครู การพัฒนาระบบการวัดและประเมินผล และความจำเป็นในการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากผู้บริหารและหน่วยงานต้นสังกัด 57

บทสรุป: ขับเคลื่อนการเรียนรู้ฐานสมรรถนะเชิงรุกอย่างยั่งยืน

การจัดการเรียนรู้ฐานสมรรถนะเชิงรุกไม่ใช่เพียงการปรับเปลี่ยนเทคนิคการสอน แต่คือการปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ทางการศึกษาครั้งสำคัญ โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างผู้เรียนที่สามารถนำสิ่งที่เรียนรู้ไปใช้สร้างคุณค่าให้กับตนเองและสังคมได้อย่างแท้จริง รายงานฉบับนี้ได้นำเสนอให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่แยกไม่ออกระหว่างการศึกษาฐานสมรรถนะ (CBE) ซึ่งเป็นเป้าหมาย และการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ซึ่งเป็นกระบวนการที่จำเป็นในการบรรลุเป้าหมายนั้น

แนวทางปฏิบัติทั้ง 8 แนวทางที่นำเสนอ เปรียบเสมือน “บันไดแห่งการเปลี่ยนผ่าน” ที่มีความยืดหยุ่น เปิดโอกาสให้ครูและสถานศึกษาสามารถเริ่มต้นจากจุดที่ตนเองมีความพร้อม และค่อยๆ พัฒนาศักยภาพในการออกแบบการเรียนรู้ที่ซับซ้อนและเป็นองค์รวมมากยิ่งขึ้น การขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงนี้ให้ประสบความสำเร็จและเกิดความยั่งยืนจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน

ข้อเสนอแนะสำหรับผู้ปฏิบัติ

  • สำหรับครูผู้สอน: ควรเริ่มต้นจากจุดเล็กๆ ที่ทำได้ทันที เช่น การปรับใช้แนวทางที่ 1 และ 2 กับแผนการสอนเดิม เพื่อสร้างความคุ้นเคยและความมั่นใจ การรวมกลุ่มกับเพื่อนครูในรูปแบบชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) เพื่อร่วมกันออกแบบและแลกเปลี่ยนเรียนรู้เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง รวมถึงการเปิดใจและปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ด้านการวัดผลให้มุ่งเน้นการประเมินเพื่อการพัฒนา (Assessment for Learning) มากขึ้น
  • สำหรับผู้บริหารสถานศึกษา: มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง โดยต้องสร้างวิสัยทัศน์และเป้าหมายร่วมกันของทุกคนในองค์กร จัดสรรทรัพยากรและเวลาเพื่อสนับสนุนการทำงานของครู ส่งเสริมวัฒนธรรมการทำงานร่วมกันแบบ PLC และเป็นผู้นำทางวิชาการที่สร้างความเชื่อมั่นและให้กำลังใจแก่คณะครูอย่างสม่ำเสมอ

ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย

ในระดับนโยบาย ควรมีการสนับสนุนการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ เพื่อสร้างความเข้าใจที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับปรัชญาและแนวปฏิบัติของการจัดการเรียนรู้ฐานสมรรถนะเชิงรุก รวมถึงการปรับแก้โครงสร้างหลักสูตรและระบบการประเมินผลในระดับชาติให้มีความยืดหยุ่นและเอื้อต่อการจัดการศึกษาที่หลากหลายตามบริบทของสถานศึกษา เพื่อสร้างระบบนิเวศทางการศึกษาที่เกื้อหนุนให้การพัฒนาสมรรถนะของผู้เรียนเกิดขึ้นได้อย่างยั่งยืนและแผ่ขยายไปทั่วทั้งระบบการศึกษาของประเทศ


บรรณานุกรม

Bonwell, C. C., & Eison, J. A. (1991). Active learning: Creating excitement in the classroom. ASHE-ERIC Higher Education Report No. 1. George Washington University, School of Education and Human Development.

Chandan, K. S., Kumari, M., & Bhaskar, A. (2022). Competency-based medical education: A need of the hour. Journal of Family Medicine and Primary Care, 11(3), 856–860. https://doi.org/10.4103/jfmpc.jfmpc_1427_21

Felder, R. M., & Brent, R. (1996). Navigating the bumpy road to student-centered instruction. College Teaching, 44(2), 43-47.

Levesque, K., & Wake, D. (2021). Competency-based education: A promising approach to personalizing learning. American Institutes for Research.

Meyers, C., & Jones, T. B. (1993). Promoting active learning: Strategies for the college classroom. Jossey-Bass.

Tam, M. (2000). Constructivism, instructional design, and technology: Implications for transforming distance learning. Educational Technology & Society, 3(2), 50-60.

กระทรวงศึกษาธิการ. (2546). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545. องค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์.

สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2562). กรอบสมรรถนะหลักของผู้เรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน. พริกหวานกราฟฟิค.

สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2563). การจัดการเรียนรู้ฐานสมรรถนะเชิงรุก. 21 เซ็นจูรี่.

สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2564 ก). แนวทางการจัดการเรียนรู้ฐานสมรรถนะเชิงรุก: ถอดบทเรียนจากแนวคิดสู่การปฏิบัติ. 21 เซ็นจูรี่.

สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2564 ข). แนวทางการพัฒนาสมรรถนะผู้เรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน. พริกหวานกราฟฟิค.

สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2564 ค). รายงานการวิจัย ผลการทดลองใช้กรอบสมรรถนะผู้เรียนระดับประถมศึกษาปีที่ 4-6 สำหรับหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน.

สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2553). แนวทางการบริหารจัดการหลักสูตร ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (พิมพ์ครั้งที่ 2). โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด.

สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2564). แนวทางการนิเทศเพื่อพัฒนาและส่งเสริมการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ตามนโยบายลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้.

สุจิตรา ปทุมลังการ์. (2552). การพัฒนาหลักสูตรฐานสมรรถนะ. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร, 11(2), 111-120.

ผลงานที่อ้างอิง

  1. การจัดการเรียนรู้ฐานสมรรถนะเชิงรุกที่ส่งผล – DSpace at Srinakharinwirot University, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 4, 2025 http://ir-ithesis.swu.ac.th/dspace/bitstream/123456789/1924/1/gs631110057.pdf
  2. แนวทางการวัดและประเมินผลการจัดการศึกษาฐานสมรรถนะสาหรับ, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 4, 2025 https://ejournals.swu.ac.th/index.php/erdi/article/download/15480/12671/56115
  3. การ จัดการ เรียน รู้ ฐาน สมรรถนะ เชิง รุก – ONEC Backoffice for Administrator, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 4, 2025 http://backoffice.onec.go.th/uploads/Book/1801-file.pdf
  4. ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับหลักสูตรฐานสมรรถนะ, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 4, 2025 https://static.nhrc.or.th/file/content/document/11246/ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับหลักสูตรฐานสมรรถนะ.pdf
  5. บทความ – ประโยชน์ของหลักสูตรฐานสมรรถนะ สำหรับนักเรียน – Starfishlabz, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 4, 2025 https://www.starfishlabz.com/blog/606-ประโยชน์ของหลักสูตรฐานสมรรถนะ-สำหรับนักเรียน
  6. ชวนมารู้จัก “การศึกษาฐานสมรรถนะ (Competency-based Education)”ฉบับเข้าใจง่าย – Starfishlabz, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 4, 2025 https://www.starfishlabz.com/blog/290-ชวนมารู้จัก-การศ-กษาฐานสมรรถนะ-competency-based-education-ฉบ-บเข-าใจง-าย
  7. เเนวทางการพัฒนาสมรรถนะผู เรียน ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 4, 2025 http://backoffice.onec.go.th/uploads/Book/1686-file.pdf
  8. th.jobsdb.com, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 4, 2025  https://th.jobsdb.com/th/career-advice/article/what-is-active-learning
  9. Active Learning : การจัดการเรียนรู้ที่ตอบโจทย์การจัดกา – ThaiJO, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 4, 2025 https://so02.tci-thaijo.org/index.php/suedujournal/article/download/245317/168931/936549
  10. Active Learning การเรียนรู้เชิงรุกที่เปลี่ยนแปลงวงการการศึกษา, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 4, 2025  https://breakthroughprovidence.org/learning/active-learning-การเรียนรู้เชิงรุกที/
  11. ทำความเข้าใจหลักสูตรฐานสมรรถนะ 6 ด้าน เตรียมพร้อมก่อนใช้งานจริง – Starfishlabz, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 4, 2025 https://www.starfishlabz.com/blog/687-ทำความเข้าใจหลักสูตรฐานสมรรถนะ-6-ด้าน-เตรียมพร้อมก่อนใช้งานจริง
  12. กรอบหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช …. (24/ก.พ./65) – CBE Thailand, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 4, 2025 https://cbethailand.com/หลักสูตร-2/กรอบหลักสูตร/ดาวน์โหลด-ร่าง-กรอบหลัก/
  13. การศึกษาฐานสมรรถนะ (Competency Based Education: CBE) » – Digital Learning Classroom, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 4, 2025 https://krukob.com/web/news-14/
  14. คู่มือการใช้กรอบหลักสูตรการศึกษา ขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช – CBE Thailand, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 4, 2025 https://cbethailand.com/wp-content/uploads/2021/11/รวมเล่ม-คู่มือการใช้กรอบหลักสูตรฯ-ชช.1.pdf
  15. รูปแบบการจัดการเรียนรู้ฐานสมรรถนะเชิงรุกตา – ThaiJO, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 4, 2025 https://so02.tci-thaijo.org/index.php/EDMCU/article/download/255268/171989
  16. Upskill เรื่อง Active Learning กับ Concept และ Keywords สำคัญที่ครูจำเป็นต้องรู้ – Aksorn, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 4, 2025 https://www.aksorn.com/ac1-upskill-active-learning
  17. คู่มือฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้สถานศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน – สำนัก วิชาการ, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 4, 2025 http://academic.obec.go.th/images/document/_1628858183_d_1.pdf
  18. รู้จัก Active Learning คืออะไร ช่วยเสริมการเรียนรู้ในเชิงรุกอย่างไร – Jobsdb, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 4, 2025 https://th.jobsdb.com/th/career-advice/article/what-is-active-learning
  19. (Active Learning) – สพฐ, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 4, 2025 https://academic.obec.go.th/images/document/1603180137_d_1.pdf
  20. (Project-Based Learning: PBL), เข้าถึงเมื่อ กันยายน 4, 2025 http://www.filesthaischool1.com/uppic/84105082/document/84105082_0_20240810-131811.pdf
  21. การจัดการเรียนรู้ฐานสมรรถนะเชิงรุก – นักเล่าเรื่อง, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 4, 2025  https://sornorpoom.wordpress.com/wp-content/uploads/2019/09/e0b881e0b8b2e0b8a3e0b888e0b8b1e0b894e0b881e0b8b2e0b8a3e0b980e0b8a3e0b8b5e0b8a2e0b899e0b8a3e0b8b9e0b989e0b890e0b8b2e0b899e0b8aae0b8a1e0b8a3e0b8a3e0b896e0b899e0b8b0e0b980e0b88ae0b8b4e0b887.pdf
  22. หลักสูตรฐานสมรรถนะสู่การพัฒนาผู้เรียนในศตวรรษที่ 21, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 4, 2025  https://www.edbathai.com/Main2/แผนกวิชาการระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน/86-บทความการศึกษา/310-หลักสูตรฐานสมรรถนะสู่การพัฒนาผู้เรียนในศตวรรษที่-23
  23. แนวทางการจัดการเรียนรู้ฐานสมรรถนะเชิงรุก – Flip eBook Pages 1-50 …, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 4, 2025 https://anyflip.com/cfurq/fllm/basic
  24. รายงานฉบับสมบูรณ์ คู่มือการจัดทาหลักสูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะ, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 4, 2025  https://www.iccs.ac.th/wp-content/uploads/2024/11/คู่มือการจัดทำหลักสูตรฯ.pdf
  25. หนังสือ การจัดการเรียนรู้ฐานสมรรถนะเชิงรุก – Flip eBook Pages 1-44 | AnyFlip, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 4, 2025 https://anyflip.com/neopk/qzql/basic
  26. แนวทางการปรับหลักสูตรสถานศึกษา และการจัดการเรียนรู้สู่ฐานสมรรถนะ Guidelines for Transitioning to Competency-Based School Curriculum and Learning Management, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 4, 2025 https://jci.snru.ac.th/Files/Article/1090-ArticleTextFile-20230928084940.pdf
  27. แผนการจัดการเรียนรู้ โดยใช้การจัดการเรียนรู้เชิงรุกแบบ 4 ขั้นตอน – Aksorn, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 4, 2025 https://www.aksorn.com/100LessonPlan/pdf/652e7850d3532.pdf
  28. แนวทางการใช้หลักสูตรฐานสมรรถนะในสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน – PHRAE2, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 4, 2025  https://ictphrae2.com/wp-content/uploads/2022/06/ปรับปรุงสมบูรณ์-แนวทางการใช้หลักสูตรฐานส.pdf
  29. การจัดการเรียนรู้ฐานสมรรถนะเชิงรุก – Flip eBook Pages 1-44 | AnyFlip, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 4, 2025 https://anyflip.com/kdoup/vema/basic
  30. คู่มือ การจัดการเรียนรู้ฐานสมรรถนะเชิงรุก – Flip eBook Pages 1-44 | AnyFlip, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 4, 2025 https://anyflip.com/blyf/mmju/basic
  31. เจาะลึก Project based vs. Problem based ส่งเสริมการเรียนรู้ที่ต่างกันอย่างไร – Starfish Labz, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 4, 2025 https://www.starfishlabz.com/blog/1530-เจาะลึก-project-based-vs-problem-based-ส่งเสริมการเรียนรู้ที่ต่างกันอย่างไร
  32. การเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem–based Learning: PBL), เข้าถึงเมื่อ กันยายน 4, 2025 https://ph.kku.ac.th/thai/images/file/km/pbl-he-58-1.pdf
  33. การจัดประสบการณ์แบบโครงงาน (Project-based learning : PBL) สำหรับเด็กปฐมวัย, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 4, 2025 https://edtechbooks.com/th/articles/214359-pbl
  34. การเรียนรู้แบบบูรณาการและนวัตกรรมการสอน PBL – I Am Kru, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 4, 2025 https://iamkru.com/pbl-starfishschool/
  35. การพัฒนาหน่วยการเรียนรู้ฐานสมรรถนะการฟังและการพูดภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร – ThaiJo, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 4, 2025 https://so06.tci-thaijo.org/index.php/ambj/article/download/273935/184442/1144195
  36. DEVELOPMENT OF A COMPETENCY-BASED UNIT ABOUT THAI READING AND WRITING FOR DEVELOP THINKING ABOUT THE TOPIC – มหาวิทยาลัยนเรศวร, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 4, 2025 https://nuir.lib.nu.ac.th/dspace/bitstream/123456789/6503/3/WeerinyaRoonraek.pdf
  37. แนวทาง / คู่มือการพัฒนาสมรรถนะที่ดีของครู ผู้เรียนด้วยการจัดการเรียนรู้การ สหกรณ์ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน – ส พ ป.ยะลา เขต 2, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 4, 2025 https://www.yala2.go.th/2024/file_doc_workgroup/8-04_12_2023_15_15_33.pdf
  38. รายงานการวิจัย ผลการทดลองใช้กรอบสมรรถนะผู้เรียนระดับประถมศึกษาปีที่4, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 4, 2025 http://backoffice.onec.go.th/uploads/Book/1848-file.pdf
  39. พัฒนาการเรียนรู้ฐานสมรรถนะ ออกแบบกิจกรรม กระตุ้นตัวตนเด็ก – Starfish Labz, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 4, 2025 https://www.starfishlabz.com/blog/1057-พัฒนาการเรียนรู้ฐานสมรรถนะ-ออกแบบกิจกรรม-กระตุ้นตัวตนเด็ก
  40. การ ศึกษาเปลี่ ยนแล้ว ตามกาล เรียน อย่างสนุกสนาน กอปรได้ รู้ จากปฏิบัติงาน หลากแง่ มุมนา เชิงรุก เสริมศาสตร์ให้ ถ่องแท้การสอน – ONEC Backoffice for Administrator, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 4, 2025 http://backoffice.onec.go.th/uploads/Book/1902-file.pdf
  41. รูปแบบการพัฒนาสมรรถนะครูด านการจัดการเรียนรู เชิงรุก, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 4, 2025 https://research.otepc.go.th/files/1__________________+_____________________________________q7ld8fmv.pdf
  42. เสริมสมรรถนะออกแบบและ เขียนแผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก แบบรวมพลังอย่าง Easy – EducaThai, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 4, 2025 https://www.educathai.com/storage/documents/O1I2twbJNcz00klCsX9RAuIpQ6lignsOBDESAsC2.pdf
  43. การออกแบบการเรียนรู้ย้อนกลับ (Backward design), เข้าถึงเมื่อ กันยายน 4, 2025  www.curriculumandlearning.com/upload/Academicpapers/6_1435646581.%20%20การออกแบบการเรียนรู้ย้อนกลับ.pdf
  44. การ ออกแบบ การ เรียน รู้ อิง มาตรฐาน – Rattanakaan, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 4, 2025 https://rattanakaan.files.wordpress.com/2010/10/e0b881e0b8b2e0b8a3e0b8ade0b8ade0b881e0b981e0b89ae0b89ae0b881e0b8b2e0b8a3e0b980e0b8a3e0b8b5e0b8a2e0b899e0b8a3e0b8b9e0b989e0b8ade0b8b4.pdf
  45. คู่มือประเมินสมรรถนะสำคัญของผู้เรียนระดับกำรศึกษำขั้นพื้นฐำน ตำมหลักสูตรแกนกลำงกำรศึกษำขั้นพื้นฐำน 2551 – สำนักทดสอบทางการศึกษา – สพฐ, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 4, 2025  https://boet.obec.go.th/wp-content/uploads/2024/02/คู่มือประเมินฯ-ม.6.pdf
  46. (PDF) COMPETENCY-BASED ASSESSMENT AND THE USE OF PERFORMANCE-BASED EVALUATION RUBRICS IN HIGHER EDUCATION: CHALLENGES TOWARDS THE NEXT DECADE – ResearchGate, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 4, 2025 https://www.researchgate.net/publication/339222291_COMPETENCY-BASED_ASSESSMENT_AND_THE_USE_OF_PERFORMANCE-BASED_EVALUATION_RUBRICS_IN_HIGHER_EDUCATION_CHALLENGES_TOWARDS_THE_NEXT_DECADE
  47. RUBRIC FOR PORTFOLIO-BASED ASSESSMENT – Stark State College, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 4, 2025 https://www.starkstate.edu/wp-content/uploads/2016/02/REVISED-MASTER-RUBRIC.pdf
  48. คู่มือประเมินสมรรถนะสำคัญของผู้เรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ตามหลักสูตร …, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 4, 2025 http://www.thaischool1.in.th/_files_school/34100878/data/34100878_1_20170918-174710.pdf
  49. คู่มือประเมิน สมรรถนะผู้เรียน 5 ด้าน, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 4, 2025 https://www.acsp.ac.th/download/evaluation/57/01.pdf
  50. หลักสูตรฐานสมรรถนะรุ่งอรุณ เตรียมเด็กพร้อมเผชิญโลกยุค Disruption, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 4, 2025 https://www.roong-aroon.ac.th/?p=11024
  51. Growth Mindset ทำให้รุ่งอรุณไม่หยุดพัฒนา, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 4, 2025 https://www.roong-aroon.ac.th/?p=10361
  52. งาน 25 ปี โรงเรียนรุ่งอรุณ ครั้งที่ 2 : “การจัดการเรียนรู้ฐานสมรรถนะ โรงเรียนรุ่งอรุณ”(1/7) – YouTube, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 4, 2025 https://www.youtube.com/watch?v=OC8BM4Iz218
  53. งาน 25 ปี โรงเรียนรุ่งอรุณ ครั้งที่ 2 : “การจัดการเรียนรู้ฐานสมรรถนะ โรงเรียนรุ่งอรุณ”(1/5) – YouTube, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 4, 2025 https://www.youtube.com/watch?v=NIxMByURkjA
  54. Learn From Home บนการเรียนรู้ฐานสมรรถนะ (ประถมศึกษา) โรงเรียนรุ่งอรุณ (ดาวน์โหลด), เข้าถึงเมื่อ กันยายน 4, 2025 https://cbethailand.com/articles/ชุมชนแห่งการเรียนรู้/ตัวอย่างแผนการเรียนรู้/learn-from-home-บนการเรียนรู้ฐานสมรร-2/
  55. การออกแบบการเรียนรู้สมรรถนะ โรงเรียนรุ่งอรุณ – CBE Thailand, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 4, 2025 https://cbethailand.com/articles/ชุมชนแห่งการเรียนรู้/คลิปตัวอย่างการเรียนรู/การออกแบบการเรียนรู้สม/
  56. Update! รายชื่อสถานศึกษานําร่องในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาที่สมัครเข้าร่วมการวิจัย กระบวนการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะ, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 4, 2025 https://www.edusandbox.com/update-research-participation/
  57. แบบรายงานผลการจัดการศึกษาการใช้หลักสูตรฐานสมรรถนะโรงเรียนน าร่องพื้นที่นวัตกรรม รุ่น 1, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 4, 2025 https://kansandbox.org/wp-content/uploads/2022/06/รายงานผลการจัดการศึกษาการใช้หลักสูตรฐานสมรรถนะโรงเรียนพังตรุราษฎร์รังสรรค์.pdf
  58. ผลการจัดการเรียนรู้ฐานสมรรถนะโดยใช้แนวคิดช, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 4, 2025 https://doi.nrct.go.th/admin/doc/doc_659489.pdf
  59. หลักสูตรแนวคิดฐานสมรรถนะโรงเรียนเจริญราษฎร์, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 4, 2025 http://crschool.ac.th/ckfinder/userfiles/files/หลักสูตรแนวคิดฐานสมรรถนะโรงเรียนเจริญราษฎร์.pdf

อ่านเพิ่มเติม

https://docs.google.com/document/d/1WiGLV-agcOCoJS-Lfvwf_o0SJJ6K8HkgKLtrNddL1B0/edit?usp=sharing

Comments

comments

Powered by Facebook Comments

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

ติดต่อ ดร.อนุศร หงษ์ขุนทด
error: Content is protected !!