Digital Learning Classroom
Chrome Bookgoogle for educationบทความ

Google for Education และ Chromebook: อนาคตของการศึกษาไทยในยุคดิจิทัล

แชร์เรื่องนี้

Google for Education และ Chromebook: อนาคตของการศึกษาไทยในยุคดิจิทัล

ดร.อนุศร หงษ์ขุนทด
ศึกษานิเทศก์ วิทยฐานะศึกษานิเทศก์เชี่ยวชาญ
สพม.นครราชสีมา
Musicmankob@gmail.com

บทคัดย่อ

บทความวิชาการฉบับนี้ทำการวิเคราะห์เชิงลึกถึงศักยภาพของระบบนิเวศ Google for Education ในฐานะเครื่องมือทางยุทธศาสตร์เพื่อขับเคลื่อนการศึกษาไทยให้บรรลุเป้าหมายตามนโยบายประเทศไทย 4.0 และแผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560-2579 แม้ว่าประเทศไทยจะมีวิสัยทัศน์และนโยบายที่มุ่งเน้นการปฏิรูปการศึกษาไปสู่ยุคดิจิทัลอย่างชัดเจน แต่การดำเนินงานในทางปฏิบัติยังคงเผชิญกับความท้าทายเชิงโครงสร้างที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัล (Digital Divide) และข้อจำกัดด้านทรัพยากรของสถานศึกษา ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ บทความนี้นำเสนอมุมมองและทิศทางระบบนิเวศของ Google for Education ซึ่งประกอบด้วย Google Workspace for Education, อุปกรณ์ Chromebook และเครื่องมือปัญญาประดิษฐ์ (AI) อย่าง Gemini สามารถนำเสนอทางออกที่ครอบคลุม ปลอดภัย คุ้มค่าเชิงเศรษฐศาสตร์ และมีประสิทธิภาพในเชิงการเรียนการสอน เพื่อตอบโจทย์ความท้าทายดังกล่าว การวิเคราะห์นี้สังเคราะห์ข้อมูลจากเอกสารนโยบายระดับชาติ รายงานการวิจัยอิสระด้านเศรษฐศาสตร์และความปลอดภัยจากสถาบันชั้นนำ (Forrester Consulting และ Atredis Partners) รวมถึงกรณีศึกษาเชิงประจักษ์ในสถานศึกษาของไทย เพื่อนำไปสู่ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายที่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริงสำหรับผู้กำหนดนโยบาย ผู้บริหารสถานศึกษา และคณาจารย์ ในการวางรากฐานอนาคตการศึกษาไทยในยุคดิจิทัล


1. บทนำ: บริบทและความท้าทายของการศึกษาไทยในศตวรรษที่ 21

การเปลี่ยนผ่านสู่ศตวรรษที่ 21 ได้นำมาซึ่งความท้าทายและการเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกโฉมในทุกมิติของสังคมโลก โดยมีเทคโนโลยีดิจิทัลเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ การศึกษาในฐานะที่เป็นรากฐานของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์จึงจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ครั้งใหญ่ เพื่อเตรียมความพร้อมให้พลเมืองสามารถดำรงชีวิตและประกอบอาชีพในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว สำหรับประเทศไทย การปฏิรูปการศึกษาให้ทันต่อยุคสมัยได้ถูกกำหนดให้เป็นวาระแห่งชาติที่สำคัญยิ่ง

1.1 วิสัยทัศน์ชาติ: ประเทศไทย 4.0 และแผนการศึกษาแห่งชาติ

รัฐบาลไทยได้กำหนดยุทธศาสตร์ชาติ “ประเทศไทย 4.0” (Thailand 4.0) เพื่อเป็นกรอบในการขับเคลื่อนประเทศออกจากกับดักรายได้ปานกลางไปสู่การเป็นประเทศที่มีรายได้สูง โดยเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจจาก “ทำมากได้น้อย” ไปสู่ “ทำน้อยได้มาก” ผ่านการขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม เทคโนโลยี และความคิดสร้างสรรค์ 1 หัวใจสำคัญของยุทธศาสตร์นี้คือการพัฒนาทุนมนุษย์ (Human Capital Development) ซึ่งหมายถึงการยกระดับคุณภาพการศึกษาเพื่อสร้าง “คนไทย 4.0” ที่มีความรู้ ทักษะสูง มีความรับผิดชอบต่อสังคม และสามารถใช้เทคโนโลยีได้อย่างชาญฉลาด 4

เพื่อให้วิสัยทัศน์ดังกล่าวเกิดผลเป็นรูปธรรม แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560-2579 จึงได้ถูกจัดทำขึ้นเพื่อเป็นแผนแม่บทระยะยาวในการพัฒนาการศึกษาของประเทศ 5 แผนฉบับนี้ได้กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนหลายประการซึ่งสอดรับกับความต้องการของยุคดิจิทัล ได้แก่ การพัฒนาผู้เรียนให้มีทักษะและคุณลักษณะที่จำเป็นสำหรับศตวรรษที่ 21 (3Rs8Cs) การสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางการศึกษา และการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต 5 เป้าหมายเหล่านี้ได้รับการขานรับและผลักดันอย่างต่อเนื่องผ่านนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการที่มุ่ง “พลิกโฉมการศึกษาสู่ยุคดิจิทัล” (Transforming Education to Fit in the Digital Era) โดยเน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล การปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ และการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรทางการศึกษา 10

1.2 ความท้าทายเชิงระบบ: ความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัลและอุปสรรคในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี

แม้จะมีนโยบายและวิสัยทัศน์ที่ก้าวไกล แต่ในทางปฏิบัติ ระบบการศึกษาไทยยังคงเผชิญกับช่องว่างระหว่างนโยบายและการปฏิบัติ (Policy-Practice Gap) อย่างมีนัยสำคัญ ความทะเยอทะยานในระดับชาติมักจะสวนทางกับความเป็นจริงในระดับสถานศึกษา ซึ่งยังคงประสบปัญหาเชิงโครงสร้างที่หยั่งรากลึก ความท้าทายที่เด่นชัดที่สุดคือ ความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัล (Digital Divide) ซึ่งเป็นปัญหาที่ถูกซ้ำเติมให้รุนแรงขึ้นจากวิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 14 สถานะทางเศรษฐกิจและสังคมของครอบครัวได้กลายเป็นปัจจัยชี้ขาดโอกาสในการเข้าถึงอุปกรณ์ดิจิทัล อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ออนไลน์ ก่อให้เกิดสภาวะที่นักวิชาการบางท่านเรียกว่า “กำแพงกั้นโอกาสของเด็กจน” 14 ซึ่งขยายช่องว่างทางการศึกษาให้กว้างขึ้นไปอีก 16

นอกเหนือจากปัญหาในระดับครัวเรือนแล้ว ในระดับสถานศึกษาเองก็ยังคงเผชิญกับอุปสรรคด้านทรัพยากรและการดำเนินงานอย่างกว้างขวาง งานวิจัยหลายชิ้นในบริบทของไทยชี้ให้เห็นถึงปัญหาที่คล้ายคลึงกันในสถานศึกษาทั่วประเทศ ได้แก่ งบประมาณที่ไม่เพียงพอสำหรับการจัดหาเทคโนโลยี อุปกรณ์คอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์ที่ล้าสมัยและมีจำนวนจำกัด 18 การขาดแคลนบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการบำรุงรักษาและให้การสนับสนุน และที่สำคัญคือครูผู้สอนจำนวนมากยังขาดความมั่นใจและทักษะในการนำเทคโนโลยีมาบูรณาการกับการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ 15 อุปสรรคเหล่านี้สร้างสภาวะที่แม้สถานศึกษาจะได้รับจัดสรรอุปกรณ์มา แต่ก็ไม่สามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้ นโยบายระดับชาติที่มุ่งเน้นการพัฒนาทักษะขั้นสูง เช่น ความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม จึงอาจไม่สามารถบรรลุผลได้ หากปัญหาพื้นฐานด้านการเข้าถึง (Access) ความพร้อมใช้ (Usability) และความคุ้มค่า (Cost-effectiveness) ยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเป็นระบบ

1.3 โครงสร้างของบทความและสมมติฐาน

จากบริบทและความท้าทายที่กล่าวมา บทความนี้จึงตั้งอยู่บนสมมติฐานหลักที่ว่า: ระบบนิเวศเทคโนโลยีที่มีความครบวงจร ปลอดภัย และยั่งยืนในเชิงเศรษฐศาสตร์ ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือเสริม แต่เป็นยุทธปัจจัยที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับประเทศไทยในการก้าวข้ามความท้าทายเชิงโครงสร้างทางการศึกษา และบรรลุเป้าหมายของประเทศไทย 4.0 และแผนการศึกษาแห่งชาติ บทความนี้จะทำการวิเคราะห์ระบบนิเวศของ Google for Education ในฐานะที่เป็นโซลูชันที่ครอบคลุม ซึ่งสอดคล้องกับวัตถุประสงค์เชิงนโยบายของไทย สามารถตอบโจทย์อุปสรรคสำคัญในการนำเทคโนโลยีไปใช้ และนำเสนอแนวทางที่เป็นไปได้จริงในการสร้างอนาคตการศึกษาที่ขับเคลื่อนด้วยพลังของดิจิทัลอย่างแท้จริง โดยโครงสร้างของบทความจะแบ่งออกเป็น การแนะนำระบบนิเวศของ Google for Education การวิเคราะห์เชิงลึกถึงการตอบโจทย์ยุทธศาสตร์การศึกษาไทย การนำเสนอกรณีศึกษาในบริบทของไทย และปิดท้ายด้วยบทสรุปและข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย

2. Google for Education: ระบบนิเวศเพื่อการเรียนรู้แบบองค์รวม

Google for Education คือ ชุดเครื่องมือและเทคโนโลยีที่ถูกออกแบบมาเพื่อสนับสนุนการเรียนการสอนในทุกระดับ จุดเด่นที่สำคัญที่สุดไม่ใช่คุณสมบัติของเครื่องมือแต่ละชิ้น แต่คือการทำงานร่วมกันอย่างเป็นหนึ่งเดียวขององค์ประกอบต่างๆ ในระบบนิเวศ (Ecosystem) ตั้งแต่ซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ ไปจนถึงปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งช่วยลดความซับซ้อนทางเทคนิคและสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ราบรื่นสำหรับผู้ใช้ทุกคน

2.1 Google Workspace for Education: เครื่องมือสร้างการทำงานร่วมกันและการสื่อสาร

แกนกลางของระบบนิเวศคือ Google Workspace for Education ซึ่งเป็นชุดแอปพลิเคชันบนคลาวด์ที่ออกแบบมาเพื่อส่งเสริมการทำงานร่วมกัน การสื่อสาร และการจัดการเรียนการสอน ประกอบด้วยเครื่องมือที่คุ้นเคย เช่น Google Docs, Sheets, Slides, Gmail, Meet และที่สำคัญคือ Google Classroom ซึ่งทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการบริหารจัดการชั้นเรียนดิจิทัล 21 จุดเด่นที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับบริบทของไทยคือ Google Workspace for Education รุ่น

Fundamentals นั้น ไม่มีค่าใช้จ่าย สำหรับสถานศึกษาที่ผ่านเกณฑ์คุณสมบัติ ซึ่งเป็นการทลายกำแพงด้านงบประมาณในการจัดหาซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์ได้อย่างมีนัยสำคัญ 21 การทำงานบนระบบคลาวด์หมายความว่าผู้เรียนและผู้สอนสามารถเข้าถึงเอกสารและทำงานร่วมกันได้แบบเรียลไทม์จากทุกที่ ทุกเวลา และทุกอุปกรณ์ 22 นอกจากนี้ยังช่วยลดภาระงานธุรการของครูและอำนวยความสะดวกในการสื่อสารระหว่างโรงเรียน นักเรียน และผู้ปกครองได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2.2 Chromebook และ ChromeOS: อุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อการศึกษา

Chromebook คืออุปกรณ์คอมพิวเตอร์พกพาที่ทำงานบนระบบปฏิบัติการ ChromeOS ซึ่งถูกออกแบบโดยมีปรัชญาที่เน้นความเรียบง่าย ทนทาน แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานตลอดวัน และราคาที่เข้าถึงได้ 23 ระบบปฏิบัติการ ChromeOS มีสถาปัตยกรรมที่เน้นการทำงานบนคลาวด์ (Cloud-centric) เป็นหลัก ทำให้ไม่ต้องการหน่วยประมวลผลหรือพื้นที่จัดเก็บข้อมูลบนเครื่องที่มีสเปกสูงมากนัก ส่งผลให้ต้นทุนของอุปกรณ์ต่ำลงอย่างเห็นได้ชัด 24 คุณสมบัติเด่นของ ChromeOS คือการเปิดเครื่องที่รวดเร็ว การอัปเดตระบบอัตโนมัติเบื้องหลังโดยไม่รบกวนการใช้งาน และระบบความปลอดภัยที่แข็งแกร่งในตัว 25

สำหรับผู้บริหารและฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศของโรงเรียน Chrome Education Upgrade คือเครื่องมือสำคัญที่มาพร้อมกับ Chromebook ซึ่งช่วยให้สามารถบริหารจัดการอุปกรณ์จำนวนมากได้จากส่วนกลางผ่าน Google Admin console 23 ผู้ดูแลระบบสามารถติดตั้งแอปพลิเคชัน กำหนดนโยบายความปลอดภัย และควบคุมการใช้งานของอุปกรณ์หลายพันเครื่องได้จากหน้าจอเดียว ซึ่งช่วยลดภาระงานด้านไอทีได้อย่างมหาศาล

2.3 ปัญญาประดิษฐ์เพื่อการศึกษา: พลิกโฉมการสอนและการเรียนรู้ด้วย Gemini

การมาถึงของปัญญาประดิษฐ์เชิงกำเนิด (Generative AI) กำลังจะปฏิวัติวงการศึกษา และ Google ได้นำเทคโนโลยีนี้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศผ่าน Gemini for Education 26 Gemini ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือค้นหาข้อมูล แต่ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยอัจฉริยะที่สามารถพลิกโฉมกระบวนการสอนและการเรียนรู้ได้ในหลายมิติ:

  • สำหรับครูผู้สอน: Gemini สามารถช่วยลดเวลาในงานธุรการที่ซ้ำซ้อน เช่น การร่างแผนการสอน การสร้างแบบทดสอบและเกณฑ์การให้คะแนน หรือการสรุปเนื้อหาที่ซับซ้อน ช่วยให้ครูมีเวลามากขึ้นในการทุ่มเทให้กับการสอนและปฏิสัมพันธ์กับนักเรียน นอกจากนี้ยังสามารถช่วยสร้างสื่อการสอนที่หลากหลายและปรับเนื้อหาให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้เรียนแต่ละคน (Differentiated Instruction) ได้อย่างรวดเร็ว 27
  • สำหรับผู้เรียน: Gemini ทำหน้าที่เสมือนครูสอนพิเศษส่วนตัว (Personal Tutor) ที่พร้อมให้ความช่วยเหลือได้ทุกเมื่อ ผู้เรียนสามารถถามคำถามเพื่อทำความเข้าใจในแนวคิดที่ซับซ้อน ขอคำแนะนำทีละขั้นตอนในการแก้ปัญหา หรือรับข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุงงานเขียนของตนเองได้ 28 ฟีเจอร์อย่าง Guided Learning ถูกออกแบบมาเพื่อกระตุ้นให้ผู้เรียนคิดวิเคราะห์และตั้งคำถามต่อยอด แทนที่จะรับคำตอบเพียงอย่างเดียว ซึ่งเป็นการส่งเสริมความเข้าใจที่ลึกซึ้งและการเรียนรู้ที่มั่นคง 28
  • สำหรับผู้บริหาร: Gemini สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในงานบริหารจัดการ เช่น การร่างโครงการขอทุนสนับสนุน การวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้น หรือการยกร่างจดหมายสื่อสารไปยังผู้ปกครองและชุมชน 26

สิ่งสำคัญที่สุดคือ Google ได้ออกแบบ Gemini for Education โดยคำนึงถึงความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวเป็นอันดับแรก ข้อมูลของผู้ใช้งานในบัญชีเพื่อการศึกษาจะไม่ถูกนำไปใช้ในการฝึกฝนโมเดล AI และมีมาตรการป้องกันที่รัดกุมเป็นพิเศษสำหรับผู้ใช้งานที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี 29

พลังที่แท้จริงของระบบนิเวศ Google for Education เกิดขึ้นจากการบูรณาการที่ไร้รอยต่อขององค์ประกอบเหล่านี้ Chromebook ที่ถูกออกแบบมาให้ทำงานกับ Workspace ได้อย่างดีที่สุด การบริหารจัดการอุปกรณ์และซอฟต์แวร์ผ่านแพลตฟอร์มเดียว และการฝัง Gemini เข้าไปในเครื่องมือที่ครูและนักเรียนใช้อยู่แล้วในชีวิตประจำวัน สิ่งนี้ช่วยแก้ปัญหาความเข้ากันไม่ได้ของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ และลดความต้องการบุคลากรไอทีเฉพาะทาง ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ที่สถานศึกษาในไทยกำลังเผชิญอยู่ 15 การบูรณาการนี้สร้างวงจรของประสิทธิภาพและประสิทธิผลที่โซลูชันแบบแยกส่วนไม่สามารถทำได้

3. การวิเคราะห์เชิงลึก: การตอบโจทย์ยุทธศาสตร์การศึกษาไทย

การนำระบบนิเวศของ Google for Education มาประยุกต์ใช้ ไม่ใช่เป็นเพียงการนำเข้าเทคโนโลยีใหม่ แต่เป็นการวางโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่สามารถตอบสนองต่อเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ของแผนการศึกษาแห่งชาติได้อย่างตรงจุดในหลายมิติ ทั้งในด้านความเสมอภาค การพัฒนาทักษะ ความปลอดภัย และความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์

3.1 การลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเสมอภาคทางการศึกษา

หนึ่งในเป้าหมายหลักของแผนการศึกษาแห่งชาติคือการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางการศึกษา 5 ซึ่งระบบนิเวศของ Google for Education ได้รับการออกแบบมาเพื่อสนับสนุนเป้าหมายนี้โดยตรง:

  • การเข้าถึงได้ในเชิงเศรษฐศาสตร์ (Economic Accessibility): อุปสรรคสำคัญที่สุดประการหนึ่งในการลดความเหลื่อมล้ำคือต้นทุนของอุปกรณ์ รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบเชิงเศรษฐศาสตร์ (Total Economic Impact™) โดย Forrester Consulting ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยอิสระ พบว่าต้นทุนของ Chromebook นั้นต่ำกว่าอุปกรณ์คอมพิวเตอร์แบบดั้งเดิมอย่างมีนัยสำคัญ 22 ต้นทุนที่ต่ำลงนี้ช่วยให้สถานศึกษาสามารถขยายโครงการจัดหาอุปกรณ์แบบ 1:1 (หนึ่งคนต่อหนึ่งเครื่อง) ได้ในวงกว้างมากขึ้นภายใต้งบประมาณที่จำกัด ซึ่งเป็นการตอบสนองต่อปัญหาข้อจำกัดทางการเงินที่งานวิจัยในไทยได้ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจน 14
  • การออกแบบเพื่อทุกคน (Inclusive Design): Chromebook และ Google Workspace for Education มาพร้อมกับเครื่องมือช่วยเหลือการเข้าถึง (Accessibility Features) ที่ติดตั้งมาในตัว เช่น โหมดการอ่าน (Reading mode) การอ่านออกเสียงข้อความ (Text-to-speech) และการสั่งงานด้วยเสียง 23 สิ่งนี้ช่วยลดความจำเป็นในการจัดซื้อซอฟต์แวร์เฉพาะทางที่มีราคาสูงสำหรับนักเรียนที่มีความต้องการพิเศษ และที่สำคัญกว่านั้นคือทำให้นักเรียนทุกคนสามารถใช้อุปกรณ์ชนิดเดียวกันกับเพื่อนในชั้นเรียนได้ ส่งเสริมการเรียนรู้แบบเรียนรวม (Inclusive Education) และลดความรู้สึกแปลกแยก 22 ซึ่งเป็นประเด็นที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาการศึกษาพิเศษในประเทศไทย 31
  • การลดช่องว่างทางการบ้าน (Bridging the Homework Gap): ลักษณะการทำงานบนคลาวด์และอุปกรณ์ที่พกพาสะดวกทำให้การเรียนรู้สามารถดำเนินต่อไปได้อย่างต่อเนื่องนอกห้องเรียน ช่วยลดช่องว่างด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสำหรับนักเรียนที่มาจากครอบครัวที่ขาดแคลนทรัพยากรที่บ้าน 22

3.2 การพัฒนาทักษะแห่งศตวรรษที่ 21

แผนการศึกษาแห่งชาติได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการพัฒนาผู้เรียนให้มีทักษะที่จำเป็นสำหรับศตวรรษที่ 21 หรือที่เรียกว่า 3Rs8Cs 5 เครื่องมือในระบบนิเวศของ Google for Education สามารถส่งเสริมการพัฒนาทักษะเหล่านี้ได้อย่างเป็นรูปธรรม ดังแสดงในตารางที่ 1

ตารางที่ 1: การสอดคล้องระหว่างคุณลักษณะของ Google for Education กับเป้าหมายตามแผนการศึกษาแห่งชาติ

เป้าหมายตามแผนการศึกษาแห่งชาติ (พ.ศ. 2560-2579)คุณลักษณะของ Google for Education ที่สนับสนุน
การพัฒนาทักษะศตวรรษที่ 21 (8Cs)
– ความร่วมมือ การทำงานเป็นทีม และภาวะผู้นำ (Collaboration)Google Docs, Sheets, Slides, Jamboard ที่ทำงานร่วมกันได้แบบเรียลไทม์
– การสื่อสาร สารสนเทศ และการรู้เท่าทันสื่อ (Communication)Google Meet, Gmail, Google Classroom สำหรับการสื่อสารที่หลากหลาย
– การสร้างสรรค์และนวัตกรรม (Creativity and Innovation)Google Slides, Google Sites, และเครื่องมือสร้างสรรค์อื่นๆ เพื่อนำเสนอผลงาน
– การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการแก้ปัญหา (Critical Thinking)Gemini for Education (Guided Learning) ที่กระตุ้นการตั้งคำถามและวิเคราะห์ข้อมูล
– ความเข้าใจต่างวัฒนธรรม (Cross-cultural Understanding)Google Meet และเครื่องมือแปลภาษา ช่วยให้นักเรียนสามารถทำโครงการร่วมกับโรงเรียนอื่นทั่วโลก
– ทักษะคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี (Computing and ICT Literacy)การใช้งานแพลตฟอร์มดิจิทัลทั้งหมดเป็นการฝึกฝนทักษะ ICT โดยตรง
การสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางการศึกษา
– เพิ่มโอกาสการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพChromebook ที่มีราคาเข้าถึงได้ และ Google Workspace for Education Fundamentals ที่ไม่มีค่าใช้จ่าย
– สนับสนุนผู้เรียนที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษเครื่องมือช่วยเหลือการเข้าถึง (Accessibility Features) ที่ติดตั้งมาในตัว
การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษา
– พัฒนาระบบเครือข่ายดิจิทัลที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพแพลตฟอร์มบนคลาวด์ที่เข้าถึงได้จากทุกที่ และ Google Admin console สำหรับการบริหารจัดการจากส่วนกลาง
– ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตแหล่งข้อมูลและเครื่องมือการเรียนรู้ที่พร้อมใช้งานตลอดเวลาผ่านระบบคลาวด์

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Gemini for Education มีบทบาทสำคัญในการยกระดับการเรียนรู้ไปอีกขั้น จากเดิมที่เทคโนโลยีอาจถูกใช้เพียงเพื่อการค้นหาข้อมูล (Information Retrieval) ไปสู่การสร้างองค์ความรู้ (Knowledge Construction) ฟีเจอร์อย่าง Guided Learning ที่ใช้แนวทางการตั้งคำถามแบบโสเครติส (Socratic questioning) จะกระตุ้นให้ผู้เรียนต้องคิดวิเคราะห์ ประเมินแหล่งข้อมูล และสังเคราะห์ความคิดของตนเอง ซึ่งเป็นการบ่มเพาะทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณและการรู้เท่าทันปัญญาประดิษฐ์ (AI Literacy) ซึ่งเป็นทักษะที่สำคัญอย่างยิ่งยวดในโลกปัจจุบัน 7

3.3 ความปลอดภัย ความเป็นส่วนตัว และการบริหารจัดการจากส่วนกลาง

สำหรับผู้บริหารสถานศึกษาและผู้กำหนดนโยบาย ประเด็นด้านความปลอดภัยของข้อมูลและความเป็นส่วนตัวของผู้เรียนคือข้อกังวลสูงสุด ซึ่ง Google for Education ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง

  • สถาปัตยกรรมความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง: รายงานการวิเคราะห์เชิงเปรียบเทียบโดย Atredis Partners ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยด้านความปลอดภัยไซเบอร์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก สรุปว่า ChromeOS เป็นระบบปฏิบัติการที่มีความปลอดภัยสูงสุด “out of the box” เมื่อเทียบกับคู่แข่ง 24 สถาปัตยกรรมความปลอดภัยแบบหลายชั้น (Multi-layered security) ของ ChromeOS ประกอบด้วย:
    • Verified Boot: ทุกครั้งที่เปิดเครื่อง ระบบจะตรวจสอบตัวเอง หากพบการเปลี่ยนแปลงที่ไม่ได้รับอนุญาต ระบบจะทำการซ่อมแซมตัวเองกลับสู่สถานะที่ปลอดภัยโดยอัตโนมัติ 25

    • Sandboxing: ทุกแอปพลิเคชันและหน้าเว็บจะทำงานในสภาพแวดล้อมที่ถูกจำกัดและแยกออกจากกัน ป้องกันไม่ให้โปรแกรมที่เป็นอันตรายเข้าถึงข้อมูลส่วนอื่นของระบบได้ 25

    • Read-only OS: ระบบปฏิบัติการหลักเป็นแบบอ่านอย่างเดียว (Read-only) ทำให้ไวรัสและมัลแวร์ไม่สามารถแก้ไขไฟล์ระบบที่สำคัญได้ 25

    • Automatic Updates: การอัปเดตความปลอดภัยจะเกิดขึ้นเบื้องหลังอย่างสม่ำเสมอ ทำให้ผู้ใช้ได้รับการป้องกันจากภัยคุกคามล่าสุดอยู่ตลอดเวลา 25
    ด้วยเหตุนี้ Chromebook จึงมีสถิติที่น่าทึ่งคือ ไม่เคยมีการโจมตีของแรนซัมแวร์ (Ransomware) ที่ประสบความสำเร็จเลยแม้แต่ครั้งเดียว 24 ความปลอดภัยที่แข็งแกร่งในระดับสถาปัตยกรรมนี้ไม่ได้เป็นเพียงคุณสมบัติทางเทคนิค แต่เป็นปัจจัยที่ช่วยปลดล็อกรูปแบบการเรียนรู้ใหม่ๆ โดยเฉพาะการสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริหารกล้าที่จะอนุญาตให้นักเรียนนำอุปกรณ์กลับไปใช้ที่บ้าน ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการลดความเหลื่อมล้ำและส่งเสริมการเรียนรู้ได้ทุกที่ทุกเวลา
  • ความเป็นส่วนตัวของข้อมูลและการปฏิบัติตามกฎระเบียบ: Google ได้ระบุไว้อย่างชัดเจนในนโยบายและเอกสารทางเทคนิค (Whitepapers) ว่า Google Workspace for Education Core Services ไม่มีโฆษณา ข้อมูลของนักเรียนจะไม่ถูกนำไปใช้เพื่อสร้างโปรไฟล์สำหรับการยิงโฆษณา หรือนำไปฝึกฝนโมเดล AI และที่สำคัญที่สุดคือ สถานศึกษาเป็นเจ้าของข้อมูลของตนเอง 30 แพลตฟอร์มยังได้รับการออกแบบมาให้สอดคล้องกับมาตรฐานความเป็นส่วนตัวระดับสากล เช่น GDPR ของยุโรป และ FERPA ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงธรรมาภิบาลในการจัดการข้อมูล 30
  • การบริหารจัดการไอทีที่ง่ายขึ้น: ดังที่กล่าวไปข้างต้น ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรไอทีเป็นอุปสรรคสำคัญของโรงเรียนในไทย 15 Google Admin console คือคำตอบของปัญหานี้ โดยช่วยให้ผู้ดูแลระบบเพียงไม่กี่คนสามารถบริหารจัดการอุปกรณ์นับพันเครื่องได้จากส่วนกลาง รายงานของ Forrester พบว่าสถานศึกษาสามารถลดเวลาที่ฝ่ายไอทีใช้ในการติดตั้งและบริหารจัดการอุปกรณ์ลงได้ถึง 76% 22


3.4 ผลกระทบเชิงเศรษฐศาสตร์และต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของ

การตัดสินใจลงทุนด้านเทคโนโลยีในภาคการศึกษาจำเป็นต้องพิจารณาถึงความคุ้มค่าในระยะยาว นอกเหนือจากราคาเริ่มต้นของอุปกรณ์ รายงาน “Total Economic Impact™ Of Chromebooks In Education” โดย Forrester ได้วิเคราะห์ประเด็นนี้อย่างละเอียดและพบผลลัพธ์ที่น่าสนใจอย่างยิ่ง 22

ตารางที่ 2: สรุปผลกระทบเชิงเศรษฐศาสตร์ (TEI) ของ Chromebooks ในการศึกษา (Forrester, 2024)

ตัวชี้วัดทางการเงิน (ระยะเวลา 5 ปี)มูลค่าที่ประเมิน (สำหรับองค์กรตัวอย่าง)
ผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI)229%
มูลค่าปัจจุบันสุทธิ (NPV)$24.45 ล้านเหรียญสหรัฐ
ระยะเวลาคืนทุน (Payback Period)น้อยกว่า 6 เดือน
มูลค่าปัจจุบันของต้นทุนที่ประหยัดได้
– ด้านฮาร์ดแวร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง$28.0 ล้านเหรียญสหรัฐ
– ด้านการบริหารจัดการไอที$3.8 ล้านเหรียญสหรัฐ
– ด้านความปลอดภัย$2.8 ล้านเหรียญสหรัฐ
– ด้านเครื่องมือช่วยเหลือการเข้าถึง$478,000 เหรียญสหรัฐ

ที่มา: สังเคราะห์จาก Forrester Consulting (2024) 22

ข้อมูลจากตารางสะท้อนให้เห็นว่า การลงทุนใน Chromebooks ให้ผลตอบแทนที่สูงมากในระยะยาว การวิเคราะห์นี้เปลี่ยนมุมมองจากการพิจารณาแค่ “ราคาซื้อ” ไปสู่การพิจารณา “ต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของ” (Total Cost of Ownership – TCO) ซึ่งครอบคลุมค่าใช้จ่ายแฝงต่างๆ ทั้งค่าบำรุงรักษา ค่าบริหารจัดการโดยบุคลากรไอที ค่าลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ด้านความปลอดภัย และค่าเสียโอกาสจากการหยุดชะงักของระบบ เมื่อพิจารณาในภาพรวมแล้ว ระบบนิเวศของ Google for Education จึงเป็นทางเลือกที่ยั่งยืนและคุ้มค่าในเชิงเศรษฐศาสตร์สำหรับระบบการศึกษาไทยที่ยังคงมีข้อจำกัดด้านงบประมาณ 18

4. กรณีศึกษา: การประยุกต์ใช้ในสถานศึกษาไทย

ทฤษฎีและข้อมูลเชิงปริมาณจะสมบูรณ์ยิ่งขึ้นเมื่อมีกรณีศึกษาเชิงประจักษ์มายืนยัน การนำ Google for Education และ Chromebook มาใช้ในโรงเรียนเศรษฐเสถียร ในพระราชูปถัมภ์ ถือเป็นตัวอย่างที่ทรงพลังซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของเทคโนโลยีในการเปลี่ยนแปลงการศึกษาสำหรับผู้เรียนที่มีความต้องการพิเศษ

4.1 โรงเรียนเศรษฐเสถียร ในพระราชูปถัมภ์: ต้นแบบการศึกษาเพื่อปวงชน

โรงเรียนเศรษฐเสถียรเป็นสถานศึกษาชั้นนำของไทยสำหรับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน 40 ซึ่งโดยธรรมชาติแล้ว นักเรียนกลุ่มนี้จะเผชิญกับความท้าทายในการเรียนรู้ผ่านการสื่อสารด้วยวาจาและการบรรยายในรูปแบบดั้งเดิม การนำ Chromebook และ Google for Education เข้ามาใช้ในโรงเรียนแห่งนี้ 41 ได้แสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีสามารถทำหน้าที่เป็น

เครื่องมือชดเชย (Compensatory Tool) ที่ช่วยลดทอนอุปสรรคจากความบกพร่องทางร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นักเรียนสามารถเข้าถึงแหล่งเรียนรู้ที่หลากหลายผ่านช่องทางที่เป็นภาพและข้อความบน Chromebook 41 เครื่องมืออย่าง Google Classroom กลายเป็นช่องทางการสื่อสารหลักที่ชัดเจนและคงอยู่ถาวรระหว่างครูและนักเรียน Google Meet ที่มีฟีเจอร์คำบรรยายสด (Live Captions) ช่วยให้นักเรียนสามารถติดตามการสนทนาได้แบบเรียลไทม์ และ Google Docs ช่วยให้สามารถทำงานกลุ่มร่วมกันผ่านการพิมพ์โต้ตอบได้โดยไม่มีอุปสรรคด้านการได้ยิน เทคโนโลยีในบริบทนี้จึงไม่ได้เป็นเพียง “ของเสริม” แต่เป็นเครื่องมือที่สร้างช่องทางการเรียนรู้และการสื่อสารใหม่ที่ไม่ได้พึ่งพาการได้ยินเป็นหลัก ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงความเป็นไปได้ในเชิงการสอนสำหรับนักเรียนกลุ่มนี้โดยสิ้นเชิง 41 กรณีศึกษาของโรงเรียนเศรษฐเสถียรจึงเป็นต้นแบบที่สำคัญซึ่งแสดงให้เห็นว่าการลงทุนในเทคโนโลยีที่เหมาะสมสามารถขับเคลื่อนเป้าหมายการศึกษาเพื่อปวงชน (Inclusive Education) ของชาติให้เป็นจริงได้

4.2 การขยายผลสู่บริบทที่หลากหลาย

ความสำเร็จที่โรงเรียนเศรษฐเสถียรสามารถขยายผลไปสู่บริบทอื่นๆ ของการศึกษาไทยได้เช่นกัน ตัวอย่างเช่น ในโรงเรียนพื้นที่ห่างไกลที่ประสบปัญหาขาดแคลนครูผู้สอน เครื่องมืออย่าง Google Meet และ Google Classroom สามารถใช้เพื่อจัดการเรียนการสอนทางไกล หรือเชื่อมต่อนักเรียนเข้ากับผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ ได้ ในระดับอาชีวศึกษา เครื่องมือที่เน้นการทำงานร่วมกันสามารถสนับสนุนการเรียนรู้ฐานโครงงาน (Project-based learning) ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ รูปแบบการบริหารจัดการจากส่วนกลางที่ได้รับการพิสูจน์แล้วจากกรณีศึกษาในต่างประเทศ เช่น Forsyth County School System ที่สามารถจัดการอุปกรณ์หลายพันเครื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ 23 ก็เป็นโมเดลที่สามารถนำมาปรับใช้กับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาในประเทศไทยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนได้

5. บทสรุปและข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย

การเดินทางสู่การปฏิรูปการศึกษาไทยในยุคดิจิทัลนั้นเต็มไปด้วยความท้าทาย แต่ก็เปี่ยมไปด้วยโอกาส การวิเคราะห์ตลอดทั้งบทความนี้ชี้ให้เห็นว่าเป้าหมายเชิงนโยบายที่สูงส่งของชาติจะสามารถบรรลุผลได้ก็ต่อเมื่อมีการวางโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีที่เหมาะสม ซึ่งต้องตอบโจทย์ทั้งในด้านการเข้าถึง ความเสมอภาค ประสิทธิภาพในการเรียนรู้ ความปลอดภัย และความยั่งยืนทางการคลัง

5.1 สรุปผลการวิเคราะห์

ระบบนิเวศของ Google for Education ซึ่งประกอบด้วย Google Workspace, Chromebook และ Gemini ได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการเป็นโซลูชันที่ครบวงจรและสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การศึกษาของไทยอย่างยิ่งยวด ความสามารถในการลดความเหลื่อมล้ำผ่านอุปกรณ์ราคาประหยัดและเครื่องมือเพื่อการเข้าถึง การส่งเสริมทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ผ่านเครื่องมือการทำงานร่วมกันและ AI การรับประกันความปลอดภัยของข้อมูลในระดับสูงสุด และการนำเสนอความคุ้มค่าเชิงเศรษฐศาสตร์ในระยะยาว ล้วนเป็นคุณสมบัติที่ตอบโจทย์ปัญหาเชิงโครงสร้างที่การศึกษาไทยกำลังเผชิญอยู่โดยตรง หลักฐานเชิงประจักษ์จากรายงานของสถาบันวิจัยอิสระและกรณีศึกษาที่ประสบความสำเร็จในประเทศ ยิ่งตอกย้ำถึงศักยภาพดังกล่าว

5.2 ข้อเสนอแนะสำหรับผู้กำหนดนโยบายระดับชาติ

  1. ปรับกระบวนทัศน์การจัดซื้อจัดจ้าง: ควรพัฒนากรอบการจัดซื้อจัดจ้างระดับชาติที่ให้ความสำคัญกับ ต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของ (TCO) มากกว่าราคาต่อหน่วยเริ่มต้น โดยอาจใช้โมเดลการวิเคราะห์ผลกระทบเชิงเศรษฐศาสตร์ (TEI) ของ Forrester เป็นแนวทาง 22 และพิจารณาจัดสรรงบประมาณเพื่อการลงทุนในแพลตฟอร์มแบบบูรณาการที่ยั่งยืน แทนการจัดซื้อฮาร์ดแวร์แบบแยกส่วน
  2. ผลักดันการพัฒนาครูเชิงบูรณาการ: จัดทำโครงการระดับชาติเพื่อพัฒนาศักยภาพครู โดยเน้นการเปลี่ยนผ่านวิธีคิดเชิงการสอน (Pedagogical Transformation) ไม่ใช่เพียงแค่การฝึกใช้เครื่องมือ ควรส่งเสริมให้ครูเข้าร่วมโครงการรับรองคุณวุฒิของ Google (Google Certified Educator) 43 และสร้างแนวปฏิบัติในการนำ AI อย่าง Gemini มาใช้ในการเรียนการสอนอย่างมีความรับผิดชอบ
  3. เร่งรัดพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ต: สานต่อนโยบายการขยายเครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงให้ครอบคลุมทุกสถานศึกษาทั่วประเทศอย่างมีเสถียรภาพ 5 เนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานนี้คือปัจจัยสำคัญที่สุดที่จะทำให้โซลูชันบนคลาวด์สามารถทำงานได้อย่างเต็มศักยภาพ


5.3 ข้อเสนอแนะสำหรับผู้บริหารสถานศึกษา

  1. วางแผนกลยุทธ์ดิจิทัลระยะยาว: ควรจัดทำแผนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลของสถานศึกษา (Digital Transformation Plan) ที่มีวิสัยทัศน์ชัดเจนและเป็นขั้นตอน แทนการจัดซื้อตามความจำเป็นเฉพาะหน้า แผนดังกล่าวควรครอบคลุมทั้งการจัดหา การติดตั้ง การอบรมบุคลากร และการให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง
  2. นำร่องและขยายผล (Pilot and Scale): พิจารณาใช้กลยุทธ์การนำร่องในบางระดับชั้นหรือบางกลุ่มสาระการเรียนรู้ก่อน เพื่อสร้างความสำเร็จเล็กๆ (Small Wins) รวบรวมบทเรียน และสร้างแรงสนับสนุนจากคณาจารย์ก่อนที่จะขยายผลไปทั่วทั้งองค์กร 36
  3. พัฒนานโยบายและแนวปฏิบัติ: จัดทำนโยบายการใช้งานเทคโนโลยีที่ยอมรับได้ (Acceptable Use Policies – AUPs) และแนวปฏิบัติสำหรับความเป็นพลเมืองดิจิทัลและการใช้ AI อย่างมีจริยธรรม โดยควรเป็นกระบวนการที่มีส่วนร่วมจากทั้งครู นักเรียน และผู้ปกครอง 36

5.4 ข้อเสนอแนะสำหรับคณาจารย์และนักการศึกษา

  1. ปรับเปลี่ยนกระบวนการสอน: มุ่งมั่นที่จะใช้เทคโนโลยีเพื่อยกระดับการสอน (Transformation) และ επαναπροσδιορισμό (Redefinition) ตามแนวคิด SAMR Model เช่น การเปลี่ยนจากการทำใบงานดิจิทัลไปสู่การทำโครงงานร่วมกับนักเรียนทั่วโลก หรือการใช้ AI เพื่อสร้างเส้นทางการเรียนรู้ที่เหมาะกับนักเรียนแต่ละคน
  2. เป็นผู้เรียนรู้ตลอดชีวิต: เปิดรับการเรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและแนวทางการสอนใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่ AI กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในการศึกษา 45
  3. สร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC): จัดตั้งหรือเข้าร่วมชุมชนแห่งการเรียนรู้ภายในโรงเรียนหรือระหว่างโรงเรียน เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ แนวปฏิบัติที่ดี และให้การสนับสนุนซึ่งกันและกันในการเดินทางสู่การเป็นครูยุคดิจิทัล

อนาคตของการศึกษาไทยขึ้นอยู่กับความสามารถในการปรับตัวและเลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสมเพื่อก้าวข้ามความท้าทายและสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับผู้เรียนทุกคน ระบบนิเวศของ Google for Education และ Chromebook ได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ทรงพลังและเป็นรูปธรรมที่สุด ที่จะช่วยนำพาการศึกษาไทยไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ในยุคดิจิทัลได้อย่างแท้จริง

6. รายการอ้างอิง

Forrester Consulting. (2024, January). The total economic impact™ of Chromebooks in education. Commissioned by Google.(https://tei.forrester.com/go/google/chromebookEDU//docs/The_Total_Economic_Impact_Of_Chromebooks_In_Education.pdf)

Google. (n.d.-a). Gemini for Education. Google for Education. Retrieved from https://edu.google.com/ai/gemini-for-education/

Google. (n.d.-b). Privacy and security FAQ. Google for Education. Retrieved from https://edu.google.com/intl/ALL_us/our-values/privacy-security/frequently-asked-questions/

Google. (n.d.-c). Work safer with the best of Google security. ChromeOS. Retrieved from https://chromeos.google/resources/security/

Jones, C., & Pimdee, P. (2017). Innovative ideas: Thailand 4.0 and the fourth industrial revolution. Asian International Journal of Social Sciences, 17(1), 4-35.

กระทรวงศึกษาธิการ. (2566, 4 มกราคม). นโยบายและจุดเน้นของกระทรวงศึกษาธิการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567. MOE 360°. https://moe360.blog/2023/01/04/policy-and-focus-moe-fiscal-year-2024/

กานต์ธีรา ภูริวิกรัย. (2564, 8 สิงหาคม). เมื่อโควิดดิสรัปต์การศึกษา : เปิดบทเรียนความเหลื่อมล้ำในวันที่โลกติดไวรัส. กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา. https://www.eef.or.th/inequality-in-education-and-covid-19/

จิรพล ศศิวรเดช. (2560). ปัญหาและแนวทางการพัฒนาการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในโรงเรียนวัดพลา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาระยอง เขต 1 [วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต ไม่ได้ตีพิมพ์]. มหาวิทยาลัยบูรพา.

ฐิติมา ปานศรี. (2562). ความเหลื่อมล้ำทางด้านชีวิตดิจิทัลในประเทศไทย [สารนิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต]. มหาวิทยาลัยรังสิต.

ธนกร วรพิทักษานนท์. (2564). ผลกระทบของความเหลื่อมล้ำต่อการเข้าศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาของนักเรียนไทย [วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต]. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

วินิจ ผาเจริญ, และคณะ. (2564). ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาของพลเมืองไทยวัยเรียนกับสถานการณ์การเรียนออนไลน์ในยุคไวรัสโควิด-19. วารสารปัญญาปณิธาน, 6(1), 1-15.

สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2564). แผนพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษา พ.ศ. 2564 – 2565. กระทรวงศึกษาธิการ. http://www.cpn2.go.th/wp-content/uploads/2021/04/แผนพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษา-พ.ศ.2564-2565.pdf

สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2560). แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560 – 2579. กระทรวงศึกษาธิการ.(https://bic.moe.go.th/images/stories/pdf/EDU2560-2579full.compressed.pdf)

สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. (2560). แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560-2564). สำนักนายกรัฐมนตรี.

อรทัย อาจอ่ำ และคณะ. (2561). สภาพและปัญหาการใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ในการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ของครูระดับชั้นมัธยมศึกษาในโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 39. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร, 20(2), 140-153.

Comments

comments

Powered by Facebook Comments

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

ติดต่อ ดร.อนุศร หงษ์ขุนทด
error: Content is protected !!