สรุปหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2568
สรุปหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2568
ความเป็นมาและหลักการ
กรอบกฎหมายและนโยบายที่เกี่ยวข้อง
- รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 (มาตรา 54, 71) – กำหนดให้รัฐดูแลพัฒนาเด็กก่อนเข้ารับการศึกษา และพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้เป็นพลเมืองที่ดี
- พระราชบัญญัติการพัฒนาเด็กปฐมวัย พ.ศ. 2562 – มุ่งให้เด็กมีพัฒนาการที่ดีรอบด้าน โดยการจัดการเรียนรู้ต้องไม่มุ่งเน้นการสอบแข่งขัน
- แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560-2579 – เน้นพัฒนาทักษะและคุณลักษณะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21
ลักษณะสำคัญของหลักสูตรฯ พุทธศักราช 2568

หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2568 สำหรับเด็กอายุ 3-6 ปี พัฒนาต่อยอดจากหลักสูตรฯ พุทธศักราช 2560 โดยยังคงแนวคิดสำคัญของปรัชญาการศึกษาปฐมวัย แต่มีการปรับปรุงให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของโลกในยุคดิจิทัลและกฎหมาย/ยุทธศาสตร์สำคัญของประเทศที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
- กำหนดคุณภาพผู้เรียน เป็นความสามารถเมื่อจบการศึกษาระดับปฐมวัยและความสามารถเมื่อจบชั้นปี
- เน้นครอบคลุมความสามารถ 4 ด้าน:
- ด้านสุขภาวะทางกาย
- ด้านอารมณ์ จิตใจ และสังคม
- ด้านความเป็นพลเมืองและความเป็นไทย
- ด้านสติปัญญา
หลักการสำคัญที่ยังคงไว้จากหลักสูตรเดิม
- การอบรมเลี้ยงดูและให้การศึกษาที่เน้นเด็กเป็นสำคัญ
- การพัฒนาเด็กตามวัยอย่างเป็นองค์รวมผ่านการเล่นอย่างมีความหมาย
- การจัดประสบการณ์การเรียนรู้เชิงรุกที่สอดคล้องกับการพัฒนาสมอง
- การเรียนรู้อย่างมีความสุขและการพักผ่อนเพียงพอ
- การตระหนักถึงบริบทสังคมและวัฒนธรรมที่แวดล้อมเด็ก
- การประสานความร่วมมือในการพัฒนาเด็กระหว่างสถานศึกษา ครอบครัว และชุมชน
เป้าหมายสูงสุด
มุ่งสร้างและพัฒนาผู้เรียนทุกคนให้มีความสามารถตามวัยที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตในศตวรรษที่ 21 สามารถปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลง และสร้างรากฐานคุณภาพชีวิตเพื่อพัฒนาไปสู่ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ อันจะก่อให้เกิดคุณค่าต่อตนเอง ครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศชาติ
วิเคราะห์หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2568
จากเอกสาร ผมสามารถสรุปสาระสำคัญของหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย และขอเพิ่มเติมความรู้ และผลการวิเคราะห์เพื่อเป็นประโยชน์ต่อครูและผู้เกี่ยวข้องกับการศึกษาปฐมวัย ดังนี้ครับ
จุดเด่นที่น่าสนใจของหลักสูตรใหม่
- การเชื่อมโยงกับทักษะศตวรรษที่ 21 – หลักสูตรนี้ได้มีการปรับปรุงให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของโลกในยุคดิจิทัล โดยเน้นการพัฒนาทักษะที่จำเป็นสำหรับเด็กที่จะเติบโตในโลกอนาคต
- การกำหนดความสามารถผู้เรียนอย่างชัดเจน – มีการระบุเป้าหมายการเรียนรู้ที่เป็นรูปธรรมว่าเด็กจะต้อง “ทำอะไรได้” ซึ่งช่วยให้ครูและผู้ปกครองมีเป้าหมายชัดเจนในการพัฒนาเด็ก
- การบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง – การนำหลักปรัชญานี้มาเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาเด็กปฐมวัยสะท้อนการบ่มเพาะค่านิยมที่สำคัญของสังคมไทย
- การเน้นการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) – หลักสูตรให้ความสำคัญกับการเรียนรู้โดยการลงมือปฏิบัติ ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยทางประสาทวิทยาเกี่ยวกับการเรียนรู้ของเด็ก
สรุปหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2568
ปรัชญาการศึกษาปฐมวัย
หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2568 มุ่งพัฒนาเด็กอายุ 3-6 ปีอย่างเป็นองค์รวม โดยเน้นไปที่
- การอบรมเลี้ยงดูและส่งเสริมพัฒนาการอย่างรอบด้าน
- การเรียนรู้ผ่านการเล่นและการลงมือปฏิบัติ
- การมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีในบริบทสังคมและวัฒนธรรมของเด็ก
- การพัฒนาเด็กด้วยความรัก ความเอื้ออาทร และความเข้าใจ
- การสร้างรากฐานคุณภาพชีวิตสู่ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์
วิสัยทัศน์
มุ่งพัฒนาเด็กทุกคนให้มีพัฒนาการและความสามารถ 4 ด้านอย่างสมดุล ดังนี้
- ด้านสุขภาวะทางกาย
- ด้านอารมณ์ จิตใจ และสังคม
- ด้านความเป็นพลเมืองและความเป็นไทย
- ด้านสติปัญญา
ทั้งนี้ ต้องการให้เด็กมีคุณภาพ มีพัฒนาการสมวัย เต็มตามศักยภาพ มีทักษะชีวิต ปฏิบัติตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มีจิตสำนึกรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เป็นคนดี มีวินัย และรักความเป็นไทย
หลักการสำคัญ 5 ประการ
- หลักการอบรมเลี้ยงดูและให้การศึกษา – เน้นเด็กเป็นสำคัญ คำนึงถึงพัฒนาการตามวัยและความแตกต่างระหว่างบุคคล
- หลักพัฒนาการเด็กและการเรียนรู้ – พัฒนาเด็กอย่างเป็นองค์รวมผ่านการเล่นอย่างมีความหมาย การเรียนรู้อย่างมีความสุข
- หลักการจัดประสบการณ์การเรียนรู้เชิงรุก – บูรณาการกิจกรรมหลากหลาย ให้เด็กได้เลือก คิด ตัดสินใจ และลงมือทำ
- หลักการบูรณาการบริบทสังคมและวัฒนธรรม – เชื่อมโยงการเรียนรู้กับวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของเด็ก
- หลักการมีส่วนร่วม – ประสานความร่วมมือระหว่างสถานศึกษา ครอบครัว และชุมชนในการพัฒนาเด็ก
จุดหมาย
- ร่างกายเจริญเติบโตตามวัย แข็งแรง ปลอดภัย มีสุขภาวะทางกายที่ดี
- มีสุขภาพจิตดี มีความสุข มีสุนทรียภาพ มีสัมพันธภาพที่ดี มีคุณธรรม จริยธรรม
- มีทักษะชีวิต ปฏิบัติตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มีวินัย รักความเป็นไทย อยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุข ดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม
- มีทักษะการคิด การใช้ภาษาสื่อสาร และการแสวงหาความรู้เหมาะสมกับวัย
ความสามารถผู้เรียนเมื่อจบการศึกษาระดับปฐมวัย
1. ด้านสุขภาวะทางกาย
- มีร่างกายเจริญเติบโต แข็งแรง มีสุขอนามัยและสุขนิสัยที่ดี
- รักษาความปลอดภัยของตนเองและผู้อื่น
- เคลื่อนไหวร่างกายอย่างคล่องแคล่วและประสานสัมพันธ์
2. ด้านอารมณ์ จิตใจ และสังคม
- รับรู้ เข้าใจ มีความรู้สึกที่ดีต่อตนเองและผู้อื่น
- แสดงออกทางอารมณ์และความรู้สึกอย่างเหมาะสม
- มีการกำกับตนเอง มีสัมพันธภาพที่ดีและเห็นอกเห็นใจผู้อื่น
- รับผิดชอบต่อการตัดสินใจของตนเอง
- มีความสุขและแสดงออกผ่านงานศิลปะ ดนตรี และการเคลื่อนไหว
- มีทักษะชีวิต ช่วยเหลือตนเองในการปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน
- ยอมรับความเหมือนและความแตกต่างระหว่างบุคคล
3. ด้านความเป็นพลเมือง และความเป็นไทย
- มีคุณธรรมจริยธรรมและจิตใจที่ดีงาม
- มีมารยาทไทย ปฏิบัติตามวัฒนธรรมและประเพณีไทย
- รักและภูมิใจในความเป็นไทย
- ปฏิบัติตนตามแนวทางหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
- ดูแลรักษาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
- มีวินัยในตนเอง
- เป็นสมาชิกที่ดีของสังคมในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
4. ด้านสติปัญญา
- ภาษาและการรู้หนังสือ
- ฟังและสนทนาโต้ตอบ เล่าเรื่องให้ผู้อื่นเข้าใจ
- อ่านภาพและสัญลักษณ์
- มีความรู้เกี่ยวกับตัวอักษร และการเขียนเพื่อสื่อความหมายในชีวิตประจำวัน
- การคิดรวบยอดและการคิดคำนวณ
- มีทักษะพื้นฐานนำไปสู่การคิดรวบยอด การคิดคำนวณ
- เรียงลำดับ แสดงแบบรูปของสิ่งต่างๆ
- รู้ค่าของจำนวน ใช้จำนวนและตัวเลขในชีวิตประจำวัน
- รับรู้มิติสัมพันธ์ของสิ่งต่างๆ
- การคิดแก้ปัญหาและตัดสินใจ
- ระบุปัญหา สร้างทางเลือก เลือกวิธีการ และลงมือแก้ปัญหา
- ตัดสินใจในเรื่องง่ายๆ และยอมรับผลที่เกิดขึ้น
- การแสวงหาความรู้
- กระตือรือร้นในการเรียนรู้และร่วมกิจกรรม
- ค้นหาคำตอบเกี่ยวกับปัญหาหรือข้อสงสัย โดยใช้การสืบเสาะหาความรู้
- จินตนาการและความคิดสร้างสรรค์
- ใช้จินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ในการทำงานศิลปะและการเคลื่อนไหว
แนวทางการนำหลักสูตรไปประยุกต์ใช้
- การจัดสภาพแวดล้อมการเรียนรู้
- จัดพื้นที่การเรียนรู้ที่กระตุ้นการสำรวจและการเล่นอย่างมีความหมาย
- สร้างบรรยากาศที่อบอุ่น ปลอดภัย เอื้อต่อการกล้าแสดงออกและทดลอง
- จัดหาวัสดุอุปกรณ์ที่หลากหลาย เน้นวัสดุธรรมชาติและสิ่งของในท้องถิ่น
- การจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบบูรณาการ
- ออกแบบกิจกรรมที่บูรณาการทั้ง 4 ด้านตามที่หลักสูตรกำหนด
- ใช้การเล่นเป็นฐานในการเรียนรู้ (Play-based Learning)
- จัดกิจกรรมที่เชื่อมโยงกับประสบการณ์จริงในชีวิตประจำวันของเด็ก
- การประเมินพัฒนาการอย่างเป็นองค์รวม
- ใช้การสังเกตพฤติกรรมเด็กในสถานการณ์จริง
- เก็บรวบรวมข้อมูลพัฒนาการด้วยวิธีการที่หลากหลาย เช่น บันทึกพฤติกรรม แฟ้มสะสมผลงาน
- ให้ข้อมูลย้อนกลับเชิงบวกเพื่อส่งเสริมการพัฒนา
แนวทางการจัดประสบการณ์ในหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2568
การจัดประสบการณ์สำหรับเด็กปฐมวัยอายุ 3-6 ปี ตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2568 มีลักษณะเป็นการบูรณาการผ่านการเล่นและการลงมือกระทำจากประสบการณ์ตรง เพื่อพัฒนาเด็กอย่างเป็นองค์รวม โดยไม่จัดเป็นรายวิชา ดังนี้
หลักการจัดประสบการณ์
- จัดประสบการณ์อย่างหลากหลาย เพื่อพัฒนาเด็กอย่างเป็นองค์รวม สมวัย สมดุล และต่อเนื่อง
- เน้นเด็กเป็นสำคัญ สนองความต้องการ ความสนใจ ความแตกต่างระหว่างบุคคล และบริบทของสังคมวัฒนธรรมที่เด็กอาศัยอยู่
- ให้ความสำคัญกับพัฒนาการและกระบวนการเรียนรู้ มุ่งพัฒนาทุกด้านอย่างสมดุล
- ประเมินอย่างต่อเนื่อง เป็นส่วนหนึ่งของการจัดประสบการณ์ และนำผลการประเมินมาพัฒนาเด็ก
- ส่งเสริมการมีส่วนร่วม ให้พ่อแม่ ครอบครัว ชุมชน และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมีส่วนร่วมในการพัฒนาเด็ก
แนวทางการจัดประสบการณ์
- สอดคล้องกับพัฒนาการและการทำงานของสมอง จัดให้เหมาะสมกับอายุ วุฒิภาวะ และระดับพัฒนาการ เพื่อให้เด็กพัฒนาเต็มศักยภาพ
- สอดคล้องกับแบบการเรียนรู้ของเด็ก ให้เด็กได้ลงมือกระทำ เรียนรู้ผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 ได้เคลื่อนไหว สำรวจ เล่น สังเกต สืบค้น ทดลอง และคิดแก้ปัญหาด้วยตนเอง
- บูรณาการทั้งกิจกรรม ทักษะ และสาระการเรียนรู้ ไม่แยกส่วนหรือเน้นเฉพาะด้าน
- ส่งเสริมความเป็นผู้นำทางความคิด ให้เด็กได้ริเริ่มคิด วางแผน ตัดสินใจลงมือกระทำและนำเสนอความคิด โดยผู้สอนหรือผู้จัดประสบการณ์เป็นผู้สนับสนุน อำนวยความสะดวก และเรียนรู้ร่วมกับเด็ก
- ส่งเสริมปฏิสัมพันธ์ทางสังคม ให้เด็กมีปฏิสัมพันธ์กับเด็กอื่นและผู้ใหญ่ ภายใต้สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ในบรรยากาศที่อบอุ่นมีความสุข และเรียนรู้การทำกิจกรรมแบบร่วมมือ
- เชื่อมโยงกับวิถีชีวิตและบริบทสังคม ให้เด็กมีปฏิสัมพันธ์กับสื่อและแหล่งเรียนรู้ที่หลากหลายและอยู่ในวิถีชีวิต สอดคล้องกับบริบทสังคมและวัฒนธรรม
- ปลูกฝังคุณธรรมและทักษะชีวิต ส่งเสริมลักษณะนิสัยที่ดี ทักษะการใช้ชีวิตประจำวัน ความเป็นพลเมืองที่ดี และความเป็นไทยตามแนวทางหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
- ยืดหยุ่นตามสถานการณ์ จัดประสบการณ์ทั้งในลักษณะที่มีการวางแผนไว้ล่วงหน้าและแผนหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสภาพจริงโดยไม่ได้คาดการณ์ไว้
- ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของครอบครัวและชุมชน ทั้งการวางแผน การสนับสนุนสื่อ แหล่งเรียนรู้ การเข้าร่วมกิจกรรม และการประเมินพัฒนาการ
- จัดทำสารนิทัศน์ รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็กเป็นรายบุคคล และนำมาใช้พัฒนาเด็กและการวิจัยในชั้นเรียน
การจัดกิจกรรมประจำวัน
หลักการจัดกิจกรรมประจำวัน
- กำหนดระยะเวลาเหมาะสมตามวัย
- อายุ 3-4 ปี: ความสนใจประมาณ 8-12 นาที
- อายุ 4-5 ปี: ความสนใจประมาณ 12-15 นาที
- อายุ 5-6 ปี: ความสนใจประมาณ 15-20 นาที
- กิจกรรมที่ต้องใช้ความคิด ทั้งในกลุ่มเล็กและกลุ่มใหญ่ ไม่ควรใช้เวลาต่อเนื่องเกินกว่า 20 นาที
- กิจกรรมเล่นเสรี ที่เด็กมีอิสระเลือกเล่น ควรใช้เวลาประมาณ 40-60 นาที
- จัดกิจกรรมให้สมดุล ระหว่าง:
- กิจกรรมในห้องและนอกห้อง
- กิจกรรมที่ใช้กล้ามเนื้อใหญ่และกล้ามเนื้อเล็ก
- กิจกรรมรายบุคคล กลุ่มย่อย และกลุ่มใหญ่
- กิจกรรมที่เด็กริเริ่มและผู้สอนริเริ่ม
- กิจกรรมที่ใช้กำลังและไม่ใช้กำลัง (ควรจัดสลับกัน)
ขอบข่ายของกิจกรรมประจำวัน
- การพัฒนากล้ามเนื้อใหญ่
- พัฒนาความแข็งแรง การทรงตัว ความยืดหยุ่น และความคล่องแคล่ว
- กิจกรรม: เล่นอิสระกลางแจ้ง เล่นเครื่องเล่นสนาม ปีนป่าย เคลื่อนไหวตามจังหวะดนตรี
- การพัฒนากล้ามเนื้อเล็ก
- พัฒนากล้ามเนื้อมือ-นิ้วมือ และการประสานสัมพันธ์ระหว่างมือกับตา
- กิจกรรม: เล่นเครื่องเล่นสัมผัส เกมการศึกษา ฝึกช่วยเหลือตนเองในการแต่งกาย หยิบจับช้อนส้อม ใช้วัสดุอุปกรณ์ศิลปะ
- การพัฒนาอารมณ์ จิตใจ สังคมและปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม
- ปลูกฝังความรู้สึกที่ดีต่อตนเองและผู้อื่น ความเชื่อมั่น กล้าแสดงออก วินัย ความรับผิดชอบ และคุณธรรมต่างๆ
- กิจกรรม: จัดผ่านการเล่นให้เด็กได้มีโอกาสตัดสินใจเลือก ฝึกปฏิบัติคุณธรรมจริยธรรมอย่างต่อเนื่อง
- การพัฒนาสังคมนิสัย
- พัฒนาลักษณะนิสัยที่ดี การอยู่ร่วมกับผู้อื่น การช่วยเหลือตนเอง และความปลอดภัย
- กิจกรรม: การปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน การรับประทานอาหาร การพักผ่อน การทำความสะอาดร่างกาย การเล่นและทำงานร่วมกับผู้อื่น
- การพัฒนาการคิด
- พัฒนาความสามารถในการคิดแก้ปัญหา ตัดสินใจ คิดรวบยอด และคิดเชิงเหตุผล
- กิจกรรม: สนทนาอภิปราย ศึกษานอกสถานที่ เล่นเกมการศึกษา ฝึกแก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน ออกแบบและสร้างชิ้นงาน
- การพัฒนาภาษา
- พัฒนาการใช้ภาษาสื่อสาร การถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิด การตั้งคำถาม
- กิจกรรม: จัดกิจกรรมทางภาษาที่หลากหลาย ส่งเสริมการฟัง พูด อ่าน เขียน และพื้นฐานการใช้หนังสือ
- การส่งเสริมจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์
- ส่งเสริมความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ การถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึก และการชื่นชมความงาม
- กิจกรรม: ศิลปะสร้างสรรค์ ดนตรี การเคลื่อนไหวตามจินตนาการ ประดิษฐ์สิ่งต่างๆ เล่นบทบาทสมมติ เล่นน้ำ เล่นทราย เล่นบล็อก
ความท้าทายและข้อควรคำนึง
- ความแตกต่างของบริบทโรงเรียน – แต่ละโรงเรียนมีทรัพยากรและบริบทแตกต่างกัน การนำหลักสูตรไปใช้จึงต้องปรับให้เหมาะกับบริบทของตนเอง
- การพัฒนาครูปฐมวัย – ครูต้องได้รับการพัฒนาให้เข้าใจปรัชญาและหลักการของหลักสูตรอย่างลึกซึ้ง รวมถึงทักษะการจัดประสบการณ์การเรียนรู้เชิงรุก
- การสื่อสารกับผู้ปกครอง – ผู้ปกครองอาจมีความคาดหวังเกี่ยวกับการเรียนรู้ของเด็กที่เน้นวิชาการ จึงต้องสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับความสำคัญของการเรียนรู้ผ่านการเล่น
- การต่อยอดสู่ระดับประถมศึกษา – ต้องมีการเชื่อมโยงที่ราบรื่นระหว่างการศึกษาปฐมวัยและประถมศึกษา เพื่อให้เด็กปรับตัวได้ดี
การนำหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2568 ไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพจำเป็นต้องอาศัยความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในปรัชญาการศึกษาปฐมวัย และการประยุกต์ใช้อย่างยืดหยุ่นให้เหมาะกับบริบทของแต่ละสถานศึกษา โดยไม่ลืมว่าเป้าหมายสูงสุดคือการวางรากฐานชีวิตที่ดีให้กับเด็กปฐมวัยไทย
การเปรียบเทียบและแนวโน้มการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนระดับปฐมวัย
ตารางเปรียบเทียบหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 กับ 2568
ประเด็น | หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย 2560 | หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย 2568 | แนวโน้มการเปลี่ยนแปลง |
---|---|---|---|
จุดเน้นหลักสูตร | พัฒนาการตามวัยครบ 4 ด้าน (ร่างกาย อารมณ์-จิตใจ สังคม สติปัญญา) | พัฒนาความสามารถผู้เรียน 4 ด้าน (สุขภาวะทางกาย, อารมณ์-จิตใจ-สังคม, ความเป็นพลเมืองและความเป็นไทย, สติปัญญา) | เพิ่มเน้นความเป็นพลเมืองและความเป็นไทย แยกชัดเจนเป็นหมวดหนึ่ง |
การกำหนดเป้าหมายการเรียนรู้ | มาตรฐานคุณลักษณะที่พึงประสงค์ | ความสามารถผู้เรียนเมื่อจบการศึกษาระดับปฐมวัยและเมื่อจบชั้นปี | เน้นความชัดเจนในการวัดผลลัพธ์การเรียนรู้มากขึ้น ระบุเป็น “ความสามารถ” ที่สังเกตได้ |
การจัดประสบการณ์ | บูรณาการผ่านการเล่น | บูรณาการผ่านการเล่น การลงมือปฏิบัติ และการเรียนรู้เชิงรุก | เพิ่มความสำคัญของ Active Learning และการลงมือปฏิบัติจริง |
บทบาทครู | ผู้อำนวยความสะดวกและจัดประสบการณ์ | ผู้สนับสนุน อำนวยความสะดวก และเรียนรู้ร่วมกับเด็ก | เน้นบทบาทครูเป็น Facilitator และเป็นผู้เรียนรู้ร่วมกับเด็ก |
การประเมินพัฒนาการ | ประเมินตามสภาพจริง | ประเมินความสามารถผู้เรียนอย่างต่อเนื่อง เน้นสารนิทัศน์และการนำผลมาพัฒนาเด็ก | เน้นการใช้ข้อมูลจากการประเมินมาพัฒนาเด็กมากขึ้น และเชื่อมโยงกับการวิจัยในชั้นเรียน |
เทคโนโลยีและดิจิทัล | มีการกล่าวถึงน้อย | กล่าวถึงการใช้สื่อโซเซียลอย่างปลอดภัย การรู้เท่าทันเทคโนโลยี | เพิ่มการเตรียมเด็กให้พร้อมกับโลกดิจิทัลและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงเร็ว |
การพัฒนาทักษะศตวรรษที่ 21 | ไม่ระบุชัดเจน | เน้นทักษะการคิดแก้ปัญหา การตัดสินใจ จินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ | มุ่งเน้นทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 มากขึ้น |
การมีส่วนร่วมของครอบครัวและชุมชน | กล่าวถึงการมีส่วนร่วม | เน้นการมีส่วนร่วมอย่างชัดเจนในทุกขั้นตอน ทั้งการวางแผน การจัดกิจกรรม และการประเมิน | เพิ่มบทบาทของครอบครัวและชุมชนในกระบวนการเรียนรู้ของเด็ก |
ความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อม | การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม | ส่งเสริมการดูแลรักษาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การใช้ชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง | เน้นการสร้างความตระหนักด้านสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาที่ยั่งยืนตั้งแต่ปฐมวัย |
ความหลากหลายทางวัฒนธรรม | การยอมรับความแตกต่าง | ส่งเสริมการยอมรับความเหมือนและความแตกต่างทางสังคมและวัฒนธรรม | เตรียมเด็กให้พร้อมกับสังคมพหุวัฒนธรรมและโลกไร้พรมแดน |
ข้อสรุปและความคิดเห็น
ผลจากการวิเคราะห์ และศึกษาหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2568 ผมพบว่ามีการพัฒนาต่อยอดจากหลักสูตรเดิม โดยมีการปรับปรุงให้สอดคล้องกับบริบทโลกที่เปลี่ยนแปลงและทิศทางการพัฒนาประเทศ สาระสำคัญของการเปลี่ยนแปลงคือการเน้นการพัฒนาความสามารถของเด็กปฐมวัยที่ชัดเจนและวัดผลได้ การเสริมสร้างทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 และการเตรียมพร้อมเด็กปฐมวัยให้สามารถปรับตัวในโลกยุคดิจิทัล
หลักสูตรใหม่ยังคงรักษาแนวคิดพื้นฐานที่สำคัญของการศึกษาปฐมวัย เช่น การเรียนรู้ผ่านการเล่น การพัฒนาอย่างองค์รวม และการเน้นเด็กเป็นสำคัญ แต่ได้เพิ่มความชัดเจนในการกำหนดความสามารถเด็กปฐมวัย และแนวทางการจัดประสบการณ์ที่ทันสมัย โดยเฉพาะการบูรณาการเทคโนโลยีและการเรียนรู้เชิงรุก
อย่างไรก็ตาม ความท้าทายอยู่ที่การนำหลักสูตรไปปฏิบัติจริงในบริบทที่หลากหลาย ทั้งในเขตเมืองและชนบท ในสถานศึกษาที่มีทรัพยากรและความพร้อมแตกต่างกัน การพัฒนาครูปฐมวัยให้มีความเข้าใจและทักษะในการจัดประสบการณ์ตามแนวทางใหม่ รวมถึงการสร้างความเข้าใจกับผู้ปกครองเกี่ยวกับแนวทางการจัดการศึกษาที่เน้นการเรียนรู้ผ่านการเล่นและลงมือปฏิบัติ มากกว่าการเร่งเรียนเนื้อหาวิชาการ
แนวโน้มการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนระดับปฐมวัยในอนาคต
จากการศึกษา และทำการวิเคราะห์ทิศทางของหลักสูตร พัฒนาการทางการศึกษา และแนวโน้มโลก สามารถคาดการณ์แนวโน้มการจัดกิจกรรมพัฒนาเด็กปฐมวัย ระดับปฐมวัยในอนาคตได้ดังนี้ครับ
1. การบูรณาการเทคโนโลยีอย่างสมดุล (Balanced Technology Integration)
- การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นเครื่องมือส่งเสริมการเรียนรู้ แต่มีการกำหนดขอบเขตอย่างเหมาะสม
- การสร้างความรู้เท่าทันเทคโนโลยีและการใช้สื่อดิจิทัลอย่างปลอดภัยและมีวิจารณญาณตั้งแต่ปฐมวัย
- การใช้เทคโนโลยีเพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ ไม่ใช่เพียงบริโภคเนื้อหา
2. การเรียนรู้เชิงปรากฏการณ์และการลงมือปฏิบัติจริง (Phenomenon-Based Learning & Hands-on Experiences)
- การจัดประสบการณ์การเรียนรู้ที่เชื่อมโยงกับปรากฏการณ์จริงในชีวิตเด็ก
- การส่งเสริมการเรียนรู้ผ่านโครงงานขนาดเล็กที่เด็กสนใจและลงมือปฏิบัติจริง
- การให้เด็กได้สัมผัสกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจริงมากขึ้น ลดการเรียนรู้ที่จำกัดอยู่เฉพาะในห้องเรียน
3. การเรียนรู้ทางสังคมและอารมณ์ (Social-Emotional Learning: SEL)
- การให้ความสำคัญกับทักษะทางสังคมและอารมณ์มากขึ้น โดยเฉพาะการกำกับอารมณ์ตนเอง การเห็นอกเห็นใจผู้อื่น
- การจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมความฉลาดทางอารมณ์และการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ
- การเตรียมเด็กให้มีภูมิคุ้มกันทางจิตใจและความยืดหยุ่นทางอารมณ์ (Resilience) เพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงและความไม่แน่นอนในอนาคต
4. การศึกษาที่เน้นความยั่งยืนและจิตสำนึกโลก (Sustainability Education & Global Mindedness)
- การปลูกฝังความตระหนักเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาที่ยั่งยืนตั้งแต่วัยเด็ก
- การเชื่อมโยงเด็กกับชุมชนโลกผ่านประสบการณ์ทางวัฒนธรรมที่หลากหลาย
- การเรียนรู้แนวทางการใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่าตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
5. การเรียนรู้ตามความต้องการเฉพาะบุคคล (Personalized Learning)
- การจัดประสบการณ์ที่ตอบสนองต่อความแตกต่างระหว่างบุคคลมากขึ้น
- การใช้เทคโนโลยีและการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อติดตามพัฒนาการเด็กเป็นรายบุคคล
- การออกแบบกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้เด็กได้ค้นพบศักยภาพของตนเองและพัฒนาตามจุดแข็ง
6. การเรียนรู้แบบร่วมมือและการแก้ปัญหาร่วมกัน (Collaborative Learning & Cooperative Problem Solving)
- การส่งเสริมทักษะการทำงานเป็นทีมและการแก้ปัญหาร่วมกันตั้งแต่วัยเด็ก
- การจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมให้เด็กได้แสดงความคิดเห็น รับฟังผู้อื่น และหาทางออกร่วมกัน
- การเตรียมพร้อมเด็กสำหรับโลกการทำงานในอนาคตที่ต้องการทักษะการร่วมมือ
7. การเรียนรู้โดยใช้ศิลปะและความคิดสร้างสรรค์ (Arts Integration & Creative Thinking)
- การบูรณาการศิลปะในทุกมิติการเรียนรู้ ไม่เฉพาะในวิชาศิลปะ
- การส่งเสริมการแสดงออกทางความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการผ่านสื่อและรูปแบบที่หลากหลาย
- การใช้ศิลปะเป็นเครื่องมือในการพัฒนาทักษะการคิดขั้นสูงและการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์
8. การส่งเสริมพหุปัญญาและความหลากหลายของรูปแบบการเรียนรู้ (Multiple Intelligences & Learning Styles)
- การจัดประสบการณ์ที่ตอบสนองต่อความหลากหลายของพหุปัญญา
- การเปิดโอกาสให้เด็กได้เรียนรู้ผ่านช่องทางการรับรู้ที่หลากหลาย
- การยอมรับและส่งเสริมความแตกต่างในการเรียนรู้ของเด็กแต่ละคน
9. การส่งเสริมสุขภาวะองค์รวม (Holistic Wellbeing)
- การใส่ใจในสุขภาพกายและใจของเด็กแบบองค์รวม
- การส่งเสริมโภชนาการที่ดี การออกกำลังกาย และการพักผ่อนที่เพียงพอ
- การจัดกิจกรรมที่ช่วยลดความเครียดและส่งเสริมสติ สมาธิ (Mindfulness) ในเด็ก
10. การเชื่อมโยงครอบครัว โรงเรียน และชุมชน (Family-School-Community Partnership)
- การเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างครอบครัว โรงเรียน และชุมชนอย่างเข้มแข็ง
- การสร้างระบบนิเวศการเรียนรู้ที่เชื่อมโยงทุกภาคส่วนในการพัฒนาเด็ก
- การใช้ทรัพยากรและภูมิปัญญาในชุมชนเป็นส่วนหนึ่งของการจัดประสบการณ์การเรียนรู้
วิเคราะห์แนวโน้มการจัดการศึกษาปฐมวัยตามหลักสูตรใหม่
ผมได้จัดทำตารางเปรียบเทียบและวิเคราะห์แนวโน้มการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนระดับปฐมวัยที่สอดคล้องกับทิศทางโลกไว้ในอาร์ติแฟกต์แล้ว ต่อไปนี้เป็นบทวิเคราะห์เพิ่มเติมเกี่ยวกับการนำหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย 2568 ไปประยุกต์ใช้ให้ตอบโจทย์แนวโน้มโลกในอนาคต
ประเด็นสำคัญในการเตรียมเด็กปฐมวัยเพื่อรองรับอนาคต
1. การพัฒนาทักษะดิจิทัลอย่างสมดุล
หลักสูตรใหม่ให้ความสำคัญกับการใช้เทคโนโลยีอย่างปลอดภัย แต่ในการปฏิบัติจริงควรมีแนวทางที่ชัดเจนมากขึ้นในการบูรณาการเทคโนโลยีอย่างเหมาะสม โดยเน้น
- การจัดสภาพแวดล้อมดิจิทัลที่ส่งเสริมการเรียนรู้เชิงสร้างสรรค์ ไม่ใช่การบริโภคเนื้อหาเพียงอย่างเดียว
- การสร้างทักษะการคิดเชิงคำนวณ (Computational Thinking) ผ่านกิจกรรมแบบไม่ใช้คอมพิวเตอร์ (Unplugged Activities)
- การกำหนดขอบเขตการใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมกับพัฒนาการสมอง
2. การเตรียมพร้อมสำหรับโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
หลักสูตรใหม่เน้นการพัฒนาทักษะการคิดแก้ปัญหาและความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับอนาคต แต่ควรเพิ่ม
- การสร้าง Growth Mindset ให้เด็กเชื่อว่าความสามารถพัฒนาได้ด้วยความพยายาม
- การส่งเสริมความยืดหยุ่นทางความคิด (Cognitive Flexibility) เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลง
- การปลูกฝังทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) ตั้งแต่ปฐมวัย
3. การบูรณาการความเป็นไทยกับความเป็นพลเมืองโลก
หลักสูตรใหม่ให้ความสำคัญกับความเป็นไทยและการยอมรับความแตกต่างทางวัฒนธรรม ซึ่งควรพัฒนาต่อยอดโดยมีกิจกรรมดังนี้
- จัดกิจกรรมที่เชื่อมโยงวัฒนธรรมท้องถิ่นกับวัฒนธรรมโลก
- สร้างประสบการณ์การเรียนรู้ที่ทำให้เด็กเห็นคุณค่าของความหลากหลายทางวัฒนธรรม
- พัฒนาโครงการที่ทำให้เด็กได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเด็กต่างวัฒนธรรม แม้ในระดับเริ่มต้น
4. การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน
การพัฒนาเด็กให้ตอบโจทย์โลกอนาคตจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่าย โดย
- สร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ที่เชื่อมโยงบ้าน โรงเรียน และชุมชน
- พัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ช่วยเสริมการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองในการพัฒนาเด็ก
- ส่งเสริมให้ภาคธุรกิจและองค์กรต่างๆ มีส่วนร่วมในการสนับสนุนทรัพยากรและความเชี่ยวชาญ
ข้อเสนอแนะในการนำหลักสูตรไปใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
- พัฒนาครูปฐมวัยอย่างต่อเนื่อง – ครูควรได้รับการพัฒนาให้เข้าใจแนวคิดใหม่ๆ และมีทักษะการจัดประสบการณ์แบบ Active Learning มีความรู้เกี่ยวกับพัฒนาการสมองและวิทยาการการเรียนรู้สมัยใหม่
- ออกแบบสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่ยืดหยุ่น – จัดพื้นที่การเรียนรู้ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามวัตถุประสงค์ เอื้อต่อการทำงานทั้งแบบรายบุคคลและกลุ่ม สร้างบรรยากาศที่กระตุ้นความอยากรู้อยากเห็น
- ใช้การประเมินเพื่อการพัฒนา – พัฒนาระบบการประเมินที่มุ่งเน้นการสะท้อนข้อมูลเพื่อปรับปรุงการเรียนการสอน ไม่ใช่เพื่อตัดสินความสามารถของเด็ก ใช้เทคโนโลยีช่วยในการเก็บข้อมูลพัฒนาการและวิเคราะห์เพื่อปรับประสบการณ์ให้เหมาะกับเด็กแต่ละคน
- สร้างความเข้าใจกับผู้ปกครอง – พัฒนากลยุทธ์การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพเพื่อทำให้ผู้ปกครองเข้าใจความสำคัญของการเรียนรู้ผ่านการเล่น การพัฒนาทักษะทางสังคมและอารมณ์ มากกว่าการเร่งเรียนวิชาการ
- ส่งเสริมนวัตกรรมการจัดประสบการณ์ – สนับสนุนให้ครูและโรงเรียนทดลองแนวทางใหม่ๆ ในการจัดประสบการณ์ มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้แนวปฏิบัติที่ดี (Best Practices) ระหว่างโรงเรียน
บทส่งท้าย
หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2568 มีทิศทางที่สอดคล้องกับแนวโน้มการศึกษาปฐมวัยระดับโลก การให้ความสำคัญกับการพัฒนาความสามารถของเด็กแบบองค์รวม การส่งเสริมทักษะการคิดขั้นสูง และการเตรียมเด็กให้พร้อมรับกับโลกดิจิทัล เป็นจุดเด่นของหลักสูตรใหม่
ความท้าทายอยู่ที่การเปลี่ยนกระบวนทัศน์ของผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ให้เห็นคุณค่าของการเรียนรู้ที่มุ่งพัฒนาเด็กให้เติบโตเป็นพลเมืองที่มีความสามารถ มีความคิดสร้างสรรค์ และมีจิตสำนึกรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นคุณลักษณะสำคัญสำหรับโลกในศตวรรษที่ 21
การสร้างสมดุลระหว่างรากฐานความเป็นไทยกับทักษะสากล ระหว่างการเรียนรู้ด้วยเทคโนโลยีกับการเรียนรู้จากธรรมชาติและชุมชน จะเป็นกุญแจสำคัญในการนำหลักสูตรไปปฏิบัติให้ประสบความสำเร็จ เด็กปฐมวัยในวันนี้จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในโลกที่แตกต่างอย่างมากจากที่เราคุ้นเคย การเตรียมเด็กให้มีทั้งรากฐานที่มั่นคงและความสามารถในการปรับตัวจึงเป็นความท้าทายที่สำคัญ
นวัตกรรมการจัดประสบการณ์ที่ตอบโจทย์อนาคต
นอกเหนือจากแนวทางที่ได้นำเสนอไปแล้ว ยังมีนวัตกรรมการจัดประสบการณ์ที่น่าสนใจสำหรับการพัฒนาผู้เรียนปฐมวัยในอนาคต ดังนี้ครับ
- ห้องเรียนธรรมชาติ (Nature Classrooms) – จัดการเรียนรู้กลางแจ้งที่ให้เด็กได้สัมผัสกับธรรมชาติโดยตรง ช่วยพัฒนาการเรียนรู้ทุกด้าน โดยเฉพาะในยุคที่เด็กมีประสบการณ์กับธรรมชาติน้อยลง
- STEAM Education แบบเล่นสร้างสรรค์ – บูรณาการวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม ศิลปะ และคณิตศาสตร์ ผ่านกิจกรรมการเล่นที่สร้างสรรค์ เน้นการออกแบบและแก้ปัญหาด้วยวัสดุที่หาได้ง่าย
- การเรียนรู้แบบผสมผสาน (Blended Learning) สำหรับปฐมวัย – การผสมผสานการเรียนรู้ออนไลน์และออฟไลน์อย่างเหมาะสม เช่น การใช้แอปพลิเคชันให้ผู้ปกครองเสริมการเรียนรู้ที่บ้าน ควบคู่กับกิจกรรมลงมือปฏิบัติที่โรงเรียน
- โครงการจิตอาสาและความรับผิดชอบต่อสังคมระดับปฐมวัย – การให้เด็กมีส่วนร่วมในโครงการเพื่อสังคมที่เหมาะสมกับวัย เช่น การดูแลสิ่งแวดล้อมในโรงเรียน การช่วยเหลือผู้อื่นอย่างง่ายๆ
- การเรียนรู้ข้ามวัย (Cross-age Learning) – จัดกิจกรรมที่ให้เด็กต่างวัยได้ทำงานร่วมกัน เช่น ให้นักเรียนประถมศึกษามาอ่านหนังสือให้เด็กปฐมวัยฟัง หรือทำโครงการร่วมกัน
ข้อท้าทายที่ต้องเตรียมรับมือ
- ความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัล – ต้องมีกลยุทธ์ที่ชัดเจนในการลดช่องว่างการเข้าถึงเทคโนโลยีระหว่างเด็กในเมืองและชนบท หรือต่างฐานะทางเศรษฐกิจ
- ความคาดหวังของสังคมที่เน้นผลสัมฤทธิ์ทางวิชาการ – ต้องสร้างความเข้าใจกับสังคมถึงความสำคัญของการพัฒนาทักษะรอบด้าน มากกว่าการวัดผลด้านวิชาการเพียงอย่างเดียว
- ข้อจำกัดด้านบุคลากรและทรัพยากร – ต้องพัฒนาโมเดลการจัดการศึกษาปฐมวัยที่มีประสิทธิภาพ แม้ในสถานศึกษาที่มีทรัพยากรจำกัด
- ผลกระทบของเทคโนโลยีต่อพัฒนาการเด็ก – ต้องมีแนวทางที่ชัดเจนในการใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสมกับพัฒนาการสมอง ไม่ส่งผลกระทบต่อพัฒนาการด้านสังคมและอารมณ์
- การเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างครอบครัวและสังคม – ต้องปรับกลยุทธ์การทำงานร่วมกับครอบครัวที่มีความหลากหลายมากขึ้น เช่น ครอบครัวเลี้ยงเดี่ยว ครอบครัวข้ามรุ่น
ข้อเสนอแนะระดับนโยบาย
เพื่อให้การนำหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2568 ไปใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรพิจารณา ดังนี้ครับ
- การลงทุนในการพัฒนาครูปฐมวัย – จัดสรรงบประมาณและทรัพยากรเพื่อยกระดับวิชาชีพครูปฐมวัย ทั้งด้านการฝึกอบรม การสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ และการเพิ่มแรงจูงใจให้ผู้มีความสามารถเข้าสู่วิชาชีพ
- การสร้างระบบสนับสนุนที่มีประสิทธิภาพ – พัฒนาศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ปฐมวัยทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ที่ครูและผู้ปกครองสามารถเข้าถึงได้ง่าย
- การวิจัยและติดตามประเมินผล – สนับสนุนการวิจัยเพื่อติดตามผลลัพธ์ของการใช้หลักสูตรใหม่ และนำผลมาปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
- การสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน – บูรณาการความร่วมมือระหว่างกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในการดูแลและพัฒนาเด็กปฐมวัยอย่างเป็นองค์รวม
- การสื่อสารสร้างความเข้าใจกับสังคม – จัดแคมเปญรณรงค์ระดับชาติเพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางการจัดการศึกษาปฐมวัยที่มีคุณภาพ และบทบาทของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง
การพัฒนาเด็กปฐมวัยถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับอนาคตของประเทศ หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2568 ได้วางรากฐานที่สำคัญสำหรับการเตรียมเด็กไทยให้พร้อมกับอนาคต อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของหลักสูตรจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อทุกภาคส่วนร่วมมือกันอย่างจริงจังในการขับเคลื่อนแนวคิดไปสู่การปฏิบัติอย่างมีประสิทธิภาพ
ดร.อนุศร หงษ์ขุนทด
อ้างอิงจาก หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2568
หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2568 สำหรับเด็กอายุ 3 – 6 ปี
| ดาวน์โหลดเอกสารคลิกที่นี่ |
คู่มือหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2568 สำหรับเด็กอายุ 3 – 6 ปี
| ดาวน์โหลดเอกสารคลิกที่นี่ |
Comments
Powered by Facebook Comments