Friday, December 5, 2025
Latest:
Digital Learning Classroom
DPAบทความวิทยฐานะเชี่ยวชาญศึกษานิเทศก์

แนวทางในการจัดทำผลงานวิจัยและนวัตกรรมการนิเทศการศึกษาสำหรับศึกษานิเทศก์ระดับวิทยฐานะศึกษานิเทศก์เชี่ยวชาญ (ว11/2564)

แชร์เรื่องนี้

แนวทางในการจัดทำผลงานวิจัยและนวัตกรรมการนิเทศการศึกษาสำหรับศึกษานิเทศก์ระดับวิทยฐานะศึกษานิเทศก์เชี่ยวชาญ (ว11/2564)

บทนำ: การเปลี่ยนผ่านสู่บทบาทผู้นำการเปลี่ยนแปลงทางวิชาการ

ในบริบทของการปฏิรูปการศึกษาไทยภายใต้ระบบการประเมินวิทยฐานะใหม่ตามหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ว11/2564) หรือระบบข้อตกลงในการพัฒนางาน (Performance Agreement: PA) บทบาทของ “ศึกษานิเทศก์” ได้ถูกยกระดับขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในระดับ “วิทยฐานะเชี่ยวชาญ” (Expert Level) ซึ่งมิได้เป็นเพียงผู้ให้คำแนะนำหรือตรวจสอบการทำงานของครูอีกต่อไป แต่ถูกคาดหวังให้ดำรงตำแหน่งในฐานะ “ผู้นำทางวิชาการ” (Academic Leader) และ “ผู้นำการเปลี่ยนแปลง” (Change Agent) ที่มีความสามารถในการ “คิดค้น ปรับเปลี่ยน” (Invent & Transform) กระบวนการนิเทศและการจัดการศึกษาทั้งระบบ 1

ความท้าทายสำคัญของศึกษานิเทศก์ระดับเชี่ยวชาญ คือการก้าวข้ามกรอบการทำงานแบบเดิมที่เน้นการ “แก้ไขปัญหา” (Solve Problem) หรือ “ริเริ่มพัฒนา” (Originate & Improve) ไปสู่การสร้างสรรค์ “นวัตกรรม” (Innovation) ที่มีผลกระทบเชิงประจักษ์ต่อคุณภาพผู้เรียนและคุณภาพสถานศึกษา โดยต้องผ่านกระบวนการพิสูจน์ความถูกต้องตามหลักวิชาการ (Academic Rigor) ในรูปแบบของ “รายงานการวิจัยและพัฒนา” (Research and Development: R&D) ที่มีความสมบูรณ์ และได้รับการยอมรับในวงวิชาการระดับชาติผ่านการตีพิมพ์ในฐานข้อมูล TCI 3

รายงานฉบับนี้ จัดทำขึ้นเพื่อเป็นพิมพ์เขียว (Blueprint) เชิงปฏิบัติการที่ละเอียดและครอบคลุมที่สุดสำหรับศึกษานิเทศก์ โดยสังเคราะห์องค์ความรู้จากระเบียบกฎหมาย ทฤษฎีการนิเทศชั้นสูง และระเบียบวิธีวิจัยขั้นสูง บูรณาการผ่านหลักคิดสำคัญ 6 ประการ ได้แก่ 1) การแบ่งงานย่อย (Task Decomposition) 2) การคิดแบบนักวิจัย (Research Mindset) 3) การทบทวนปัญหา (Problem Review) 4) การใช้ทฤษฎีแก้ปัญหา (Theory Application) 5) การสร้างนวัตกรรม (Creating Innovation) และ 6) การไม่คัดลอกผลงาน (Academic Integrity) เพื่อนำทางสู่ความสำเร็จในการเลื่อนวิทยฐานะและการยกระดับคุณภาพการศึกษาไทยอย่างยั่งยืน

ส่วนที่ 1: การบริหารงานวิจัย: การแบ่งงานย่อย (Task Decomposition) และการวางแผนเชิงกลยุทธ์

การดำเนินการวิจัยระดับเชี่ยวชาญเป็นการดำเนินงานที่มีความซับซ้อนสูง (High Complexity) กินระยะเวลายาวนาน (Long Duration) และเกี่ยวข้องกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจำนวนมาก (Multiple Stakeholders) ความล้มเหลวส่วนใหญ่ไม่ได้เกิดจากการขาดความรู้ แต่เกิดจากการขาด “การบริหารจัดการโครงการ” (Project Management) ที่มีประสิทธิภาพ หลักการ “แบ่งงานย่อย” จึงเป็นหัวใจสำคัญในการเปลี่ยนภาระงานอันมหาศาลให้เป็นขั้นตอนที่ปฏิบัติได้จริงและวัดผลได้

1.1 การแตกโครงสร้างงาน (Work Breakdown Structure: WBS) สำหรับการวิจัย R&D

ศึกษานิเทศก์ควรจะต้องมองภาพรวมของงานวิจัยเป็น “โครงการ” (Project) และแบ่งออกเป็นระยะ (Phases) ตามวงจรการวิจัยและพัฒนา โดยแต่ละระยะต้องมีกิจกรรมย่อยที่ชัดเจน ดังตารางสังเคราะห์กระบวนการดำเนินงานดังนี้:

ระยะการดำเนินงาน (Phase)วัตถุประสงค์หลัก (Key Objectives)กิจกรรมย่อย (Task Breakdown)ผลลัพธ์ที่ส่งมอบ (Deliverables)
ระยะที่ 1: การวิจัยเพื่อวิเคราะห์ปัญหา (R1: Research & Analysis)เพื่อค้นหาสภาพปัญหาและความต้องการจำเป็น (Needs Assessment)1. ศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง (Literature Review)
2. ประชุมระดมสมอง/สนทนากลุ่ม (Focus Group) กับครูและผู้บริหาร
3. สร้างและตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือสำรวจ (Survey Instruments)
4. เก็บและวิเคราะห์ข้อมูลสภาพปัจจุบัน (Context Analysis)
– บทที่ 1 (ที่มาและความสำคัญ)
– บทที่ 2 (เอกสารที่เกี่ยวข้อง)
– รายงานผลการวิเคราะห์สภาพปัญหา
ระยะที่ 2: การออกแบบและพัฒนานวัตกรรม (D1: Design & Development)เพื่อยกร่างและตรวจสอบคุณภาพรูปแบบการนิเทศ (Prototype)1. สังเคราะห์กรอบแนวคิดการวิจัย (Conceptual Framework)
2. ยกร่างคู่มือ/รูปแบบการนิเทศ (Drafting Model)
3. ตรวจสอบคุณภาพโดยผู้เชี่ยวชาญ (Expert Validity/IOC)
4. ปรับปรุงรูปแบบตามคำแนะนำ (Revision)
– นวัตกรรมต้นแบบ (Prototype)
– คู่มือการใช้นวัตกรรม
– บทที่ 3 (ส่วนการสร้างเครื่องมือ)
ระยะที่ 3: การทดลองใช้ (R2: Research & Implementation)เพื่อนำนวัตกรรมไปปฏิบัติจริงและเก็บรวบรวมข้อมูลผลการใช้1. คัดเลือกกลุ่มตัวอย่าง/กลุ่มเป้าหมาย (Sampling)
2. ชี้แจงและอบรมการใช้นวัตกรรม (Training/Workshop)
3. ดำเนินการนิเทศตามวงรอบ PA (Action)
4. เก็บข้อมูลระหว่างและหลังการทดลอง (Data Collection)
– ข้อมูลดิบ (Raw Data)
– บันทึกการนิเทศ (Field Notes)
– คลิปวิดีโอการปฏิบัติงาน
ระยะที่ 4: การประเมินผลและปรับปรุง (D2: Evaluation & Improvement)เพื่อวิเคราะห์ประสิทธิภาพและสรุปผลการวิจัย1. วิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติ (Statistical Analysis)
2. ถอดบทเรียน (AAR) และวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพ
3. ปรับปรุงรูปแบบครั้งสุดท้าย (Final Revision)
4. จัดทำรายงานฉบับสมบูรณ์ (Reporting)
– บทที่ 4 (ผลการวิเคราะห์)
– บทที่ 5 (สรุปและอภิปราย)
– รูปแบบการนิเทศฉบับสมบูรณ์

1.2 การบริหารเวลาและการจัดการความเสี่ยง (Time & Risk Management)

ในระดับเชี่ยวชาญ ผู้ขอรับการประเมินต้องส่งผลงานวิชาการพร้อมกับผลการปฏิบัติงานตามข้อตกลง (PA) ย้อนหลัง 4 การวางแผนเวลาจึงมีความสำคัญยิ่ง:

  • การกำหนดจุดวิกฤต (Critical Path): กิจกรรมใดที่ถ้าล่าช้าจะส่งผลกระทบต่อทั้งโครงการ? เช่น การตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือโดยผู้เชี่ยวชาญ (Expert Judgment) มักใช้เวลานานในการนัดหมายและรอผลตอบกลับ ศึกษานิเทศก์ต้องเผื่อเวลา (Buffer Time) ในส่วนนี้อย่างน้อย 1-2 เดือน 5
  • การซอยเป้าหมายระยะสั้น (Micro-Goal Setting): แทนที่จะตั้งเป้าหมายว่า “ทำบทที่ 2 ให้เสร็จ” ควรแบ่งเป็น “สัปดาห์ที่ 1: สรุปทฤษฎี Active Learning”, “สัปดาห์ที่ 2: สรุปงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 10 เรื่อง” การทำสำเร็จในเป้าหมายย่อยจะช่วยสร้างแรงจูงใจ (Momentum) ในการทำงาน

1.3 การใช้เทคโนโลยีในการบริหารจัดการข้อมูล (Data Management)

การแบ่งงานย่อยยังรวมถึงการจัดระบบจัดเก็บข้อมูล (Data Archiving) ที่เป็นระบบ เพื่อรองรับการประเมินรูปแบบดิจิทัล (DPA) 6:

  • โครงสร้างโฟลเดอร์ใน Cloud Storage: ควรแยกโฟลเดอร์ตามตัวชี้วัด PA และตามระยะการวิจัย (R1, D1, R2, D2) เพื่อให้สามารถสืบค้นหลักฐานร่องรอยได้ทันทีเมื่อต้องการ 8
  • Version Control: การเขียนงานวิจัยจะมีการแก้ไขหลายครั้ง ควรตั้งชื่อไฟล์ที่มีวันที่และสถานะกำกับ เช่น Research_Report_Ch1_Draft_2024-05-20.docx เพื่อป้องกันความสับสน

ส่วนที่ 2: จิตวิญญาณแห่งการค้นคว้า: การคิดแบบนักวิจัย (Research Mindset) ในงานนิเทศ

“การคิดแบบนักวิจัย” มิใช่เพียงทักษะทางเทคนิค แต่เป็นกรอบความคิด (Mindset) ที่ศึกษานิเทศก์เชี่ยวชาญต้องยึดถือในการปฏิบัติงานทุกขั้นตอน เป็นการเปลี่ยนผ่านจากการทำงานด้วย “ความคุ้นชิน” (Routine) ไปสู่การทำงานบนฐานของ “ข้อมูลเชิงประจักษ์” (Evidence-Based Practice)

2.1 จาก Subjectivity สู่ Objectivity: การมองเห็นความจริงอย่างเป็นกลาง

ปัญหาของการนิเทศแบบดั้งเดิมคือการพึ่งพา “วิจารณญาณส่วนบุคคล” (Subjectivity) มากเกินไป การคิดแบบนักวิจัยเรียกร้องให้ศึกษานิเทศก์สร้างระบบวัดและประเมินที่มีความเป็นปรนัย (Objectivity) 3

ตัวอย่างการเปลี่ยนมุมมอง:

  • มุมมองเดิม: “ครูสมศรีสอนดี เด็กๆ สนุกสนาน” (ความรู้สึก)
  • มุมมองนักวิจัย: “ครูสมศรีใช้เทคนิค Gamification ในขั้นนำเข้าสู่บทเรียน ทำให้นักเรียนร้อยละ 90 มีส่วนร่วมในการตอบคำถาม และมี Time on Task เฉลี่ย 45 นาทีต่อคาบ” (ข้อมูลเชิงประจักษ์) 10

เครื่องมือเพื่อความเป็นปรนัย: การสร้างแบบสังเกตการสอน (Observation Form) ที่มีเกณฑ์ Rubrics ชัดเจน หรือการใช้แบบบันทึกพฤติกรรม (Behavior Checklist) แทนการเขียนพรรณนาเพียงอย่างเดียว

2.2 วงจรการสืบสอบอย่างต่อเนื่อง (Cycle of Inquiry)

นักวิจัยระดับเชี่ยวชาญจะไม่หยุดอยู่แค่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่จะมองเห็นกระบวนการที่เป็นวงจรต่อเนื่อง ตามแนวคิดการวิจัยปฏิบัติการ (Action Research) 11

  1. การตั้งคำถามที่ทรงพลัง (Powerful Questioning): ไม่ใช่แค่ถามว่า “ทำอย่างไร” แต่ถามว่า “ทำไม” (Why) และ “จะเกิดอะไรขึ้นถ้า…” (What if). เช่น “ทำไมการนิเทศแบบเดิมจึงไม่สามารถเปลี่ยนพฤติกรรมการสอนของครูกลุ่มสาระวิทยาศาสตร์ได้?” หรือ “จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเรานำกระบวนการ PLC มาผนวกกับการนิเทศออนไลน์?”
  2. การแสวงหาคำตอบด้วยระเบียบวิธี (Methodological Investigation): เมื่อมีคำถาม ต้องหาคำตอบด้วยวิธีการที่เชื่อถือได้ ไม่ใช่การเดา แต่ใช้การเก็บข้อมูล ทดลอง และวิเคราะห์
  3. การสะท้อนคิดเพื่อต่อยอด (Reflective Practice): เมื่อได้ผลลัพธ์แล้ว ต้องนำมาสะท้อนคิด (AAR) เพื่อนำไปสู่การตั้งคำถามใหม่และการพัฒนารอบต่อไป 12

2.3 จริยธรรมการวิจัยและจรรยาบรรณวิชาชีพ (Research Ethics)

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ การคิดแบบนักวิจัยต้องตั้งอยู่บนฐานจริยธรรมที่เข้มงวด

  • ความยินยอมและสิทธิส่วนบุคคล (Informed Consent): การเก็บข้อมูลจากครูและนักเรียน ต้องมีการชี้แจงวัตถุประสงค์และขอความยินยอม การถ่ายภาพหรือวิดีโอต้องไม่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล 13
  • ความซื่อสัตย์ต่อข้อมูล (Integrity): การรายงานผลการวิจัยต้องตรงไปตรงมา แม้ผลลัพธ์จะไม่เป็นไปตามสมมติฐาน ก็ต้องรายงานตามจริงและอภิปรายผลตามหลักวิชาการ การบิดเบือนข้อมูลเพื่อให้งานดูสมบูรณ์แบบเป็นการทำลายความน่าเชื่อถือทางวิชาการอย่างร้ายแรง

ส่วนที่ 3: การวินิจฉัยโรคทางการศึกษา: การทบทวนปัญหา (Problem Review) และการวิเคราะห์ช่องว่าง

จุดเริ่มต้นของนวัตกรรมที่ยิ่งใหญ่ไม่ได้เริ่มจาก “ไอเดีย” แต่เริ่มจาก “ปัญหาที่รอการแก้ไข” (Pain Point) การทบทวนปัญหาสำหรับวิทยฐานะเชี่ยวชาญต้องมีความลึกซึ้ง (Depth) และครอบคลุม (Breadth) มากกว่าระดับทั่วไป

3.1 เทคนิคการวิเคราะห์รากเหง้าของปัญหา (Root Cause Analysis)

ศึกษานิเทศก์ต้องไม่มองปัญหาแค่ที่ “อาการ” (Symptom) แต่ต้องเจาะลึกถึง “สาเหตุรากฐาน” (Root Cause) เพื่อให้การแก้ปัญหาเป็นการแก้ที่ต้นเหตุอย่างแท้จริง

การใช้แผนภูมิก้างปลา (Fishbone Diagram): วิเคราะห์สาเหตุของปัญหาคุณภาพการศึกษา โดยจำแนกเป็นด้านต่างๆ เช่น ด้านครู (Man), ด้านวิธีสอน (Method), ด้านสื่อ/นวัตกรรม (Material), ด้านสภาพแวดล้อม (Environment) และด้านการบริหารจัดการ (Management)

เทคนิค Why-Why Analysis: การถามว่า “ทำไม” ต่อเนื่องกัน 5 ระดับ 11

  • ปัญหา: ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาไทยต่ำ
  • Why 1: นักเรียนอ่านจับใจความไม่ได้
  • Why 2: ครูเน้นการสอนแบบท่องจำมากกว่าการคิดวิเคราะห์
  • Why 3: ครูขาดทักษะและเทคนิคการสอน Active Learning ด้านภาษา
  • Why 4: รูปแบบการนิเทศเดิมเป็นการนิเทศแบบตรวจเอกสาร ไม่ได้ลงสู่ห้องเรียนเพื่อสาธิตหรือ Coach
  • Why 5 (Root Cause): ขาดรูปแบบการนิเทศที่เน้นกระบวนการชี้แนะ (Coaching) และการทำให้ดูเป็นแบบอย่าง (Modeling)
  • สรุป: โจทย์วิจัยคือการพัฒนารูปแบบการนิเทศแบบ Coaching & Modeling

3.2 การค้นหาช่องว่างทางวิชาการ (Research Gap Identification)

งานวิจัยระดับเชี่ยวชาญต้องแสดงให้เห็นความ “ใหม่” (Novelty) ผ่านการทบทวนวรรณกรรมเพื่อหาช่องว่างที่ยังไม่มีใครทำหรือยังทำไม่สมบูรณ์ 14:

  1. The Evidence Gap (ช่องว่างด้านหลักฐาน): เรื่องนี้มีการศึกษาเยอะแล้ว แต่ผลลัพธ์ยังขัดแย้งกัน หรือยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน จำเป็นต้องศึกษาเพิ่มเพื่อยืนยัน
  2. The Knowledge Gap (ช่องว่างด้านความรู้): มีทฤษฎีใหม่เกิดขึ้น แต่ยังไม่เคยถูกนำมาประยุกต์ใช้ในบริบทการนิเทศของไทย
  3. The Practical-Knowledge Gap (ช่องว่างระหว่างทฤษฎีและปฏิบัติ): ทฤษฎีบอกว่าดี แต่ในทางปฏิบัติจริงในโรงเรียนขนาดเล็กหรือโรงเรียนขยายโอกาส ยังทำไม่ได้ ต้องหานวัตกรรมมาปิดช่องว่างนี้
  4. The Contextual Gap (ช่องว่างด้านบริบท): งานวิจัยส่วนใหญ่ทำในบริบทเมือง แต่ยังขาดงานวิจัยในบริบทพื้นที่สูง พื้นที่เกาะ หรือพื้นที่พหุวัฒนธรรม 1

3.3 การเชื่อมโยงปัญหาสู่ประเด็นท้าทายใน PA

ปัญหาการวิจัยต้องไม่ลอยเคว้งคว้าง แต่ต้องยึดโยงกับ “ประเด็นท้าทาย” (Challenge Issue) ที่ระบุไว้ในข้อตกลงพัฒนางาน (PA) 3 ศึกษานิเทศก์ต้องระบุให้ชัดเจนว่า ปัญหาที่กำลังวิจัยนี้ หากแก้ไขสำเร็จ จะส่งผลต่อตัวชี้วัดความสำเร็จของ PA ในระดับ “เชี่ยวชาญ” (คิดค้น ปรับเปลี่ยน) อย่างไร

ส่วนที่ 4: ฐานรากแห่งปัญญา: การใช้ทฤษฎีแก้ปัญหา (Theory Application) และกรอบแนวคิด

ความแตกต่างระหว่าง “การแก้ปัญหาทั่วไป” กับ “การวิจัย” คือ การมี “ทฤษฎีรองรับ” (Theoretical Foundation) งานวิจัยระดับเชี่ยวชาญต้องแสดงให้เห็นถึงความลุ่มลึกทางวิชาการ โดยการเลือกสรรทฤษฎีที่เหมาะสมมาสังเคราะห์เป็นกรอบแนวคิดในการแก้ปัญหา

4.1 ภูมิทัศน์ทฤษฎีการนิเทศและการเรียนรู้ (Landscape of Theories)

ศึกษานิเทศก์ต้องมีความรอบรู้ในทฤษฎีที่ทันสมัยและหลากหลาย เพื่อนำมา “ผสมผสาน” (Eclectic) ให้เกิดรูปแบบใหม่:

กลุ่มทฤษฎีการนิเทศ (Supervision Models)

  1. การนิเทศแบบชี้แนะ (Coaching): เน้นการดึงศักยภาพภายในของครู ผ่านการตั้งคำถามและการฟังอย่างลึกซึ้ง (Deep Listening) เหมาะสำหรับครูที่มีศักยภาพแต่ต้องการทิศทาง 16
  2. ระบบพี่เลี้ยง (Mentoring): เน้นการถ่ายทอดประสบการณ์จากผู้รู้สู่ผู้เรียนรู้ เหมาะสำหรับครูบรรจุใหม่หรือครูที่ต้องการการดูแลใกล้ชิด 17
  3. ชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC): เน้นการเรียนรู้ร่วมกันเป็นทีม การเปิดชั้นเรียน (Open Class) และการสะท้อนผลร่วมกัน 20
  4. Lesson Study (การศึกษาชั้นเรียน): กระบวนการพัฒนาบทเรียนร่วมกันอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่ Plan-Do-See 21
  5. Clinical Supervision (การนิเทศแบบคลินิก): กระบวนการนิเทศที่เข้มข้น เป็นระบบวงจร (Pre-conference, Observation, Analysis, Post-conference) เน้นการแก้ไขปัญหาเฉพาะจุด 19

กลุ่มทฤษฎีการเรียนรู้ (Learning Theories)

  1. Constructivism (การสร้างองค์ความรู้): ผู้เรียนสร้างความรู้ด้วยตนเอง เป็นฐานของ Active Learning 22
  2. TPACK Framework: การบูรณาการเนื้อหา วิธีสอน และเทคโนโลยี เป็นฐานสำหรับการนิเทศการใช้เทคโนโลยีในการสอน 23
  3. Growth Mindset (กรอบคิดแบบเติบโต): ความเชื่อว่าความสามารถพัฒนาได้ เป็นฐานสำคัญในการพัฒนาจิตวิญญาณความเป็นครู

4.2 การสังเคราะห์กรอบแนวคิดการวิจัย (Conceptual Framework Synthesis)

กรอบแนวคิดคือ “หัวใจ” ของงานวิจัย ที่แสดงความสัมพันธ์เชิงเหตุและผล (Causal Relationship) ระหว่างตัวแปร ศึกษานิเทศก์ต้องสามารถเขียนแผนภาพที่แสดงที่มาของนวัตกรรมได้อย่างชัดเจน:

ตัวแปรต้น (Independent Variable): คือ “นวัตกรรม” หรือ “รูปแบบการนิเทศ” ที่เราพัฒนาขึ้น ซึ่งต้องสังเคราะห์มาจากทฤษฎีข้างต้น เช่น “รูปแบบการนิเทศแบบผสมผสาน (Blended Supervision) โดยใช้กระบวนการชี้แนะ (Coaching) ร่วมกับชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC)” 24

ตัวแปรตาม (Dependent Variables): คือ “ผลลัพธ์” ที่คาดว่าจะเกิดขึ้น ต้องครอบคลุมทั้ง 3 ระดับตามเกณฑ์ ว11/2564 2:

  1. ระดับครู: สมรรถนะการจัดการเรียนรู้, ความพึงพอใจ, การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการสอน
  2. ระดับผู้เรียน: ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน, ทักษะในศตวรรษที่ 21, คุณลักษณะอันพึงประสงค์
  3. ระดับสถานศึกษา: บรรยากาศทางวิชาการ, วัฒนธรรมการทำงานแบบร่วมมือ

ตารางเปรียบเทียบโมเดลการนิเทศเพื่อการเลือกใช้:

โมเดลการนิเทศจุดเด่นเหมาะสำหรับบริบท
Coaching (GROW Model)สร้างการตระหนักรู้, ดึงศักยภาพ, ยั่งยืนครูที่มีประสบการณ์, ต้องการต่อยอด, แก้ปัญหาที่ซับซ้อน
Mentoringถ่ายทอดความรู้เร็ว, อบอุ่น, สร้างความมั่นใจครูผู้ช่วย, ครูย้ายใหม่, การสอนงานเฉพาะทาง
PLC / Lesson Studyสร้างวัฒนธรรมองค์กร, แก้ปัญหาร่วมกันการพัฒนาทั้งโรงเรียน, การแก้ปัญหาเชิงระบบ
Blended Supervisionยืดหยุ่น, ประหยัดเวลา, ไร้ข้อจำกัดสถานที่โรงเรียนห่างไกล, สถานการณ์โรคระบาด, ข้อจำกัดงบประมาณ

ส่วนที่ 5: วิศวกรรมนวัตกรรม: การสร้างนวัตกรรม (Creating Innovation) และกระบวนการ R&D

สำหรับวิทยฐานะเชี่ยวชาญ “นวัตกรรม” คือผลลัพธ์ที่สำคัญที่สุด นวัตกรรมของศึกษานิเทศก์มักอยู่ในรูปของ “รูปแบบการนิเทศ” (Supervision Model) หรือ “กระบวนการพัฒนาครู” (Teacher Development Process) ที่ผ่านการวิจัยและพัฒนา (R&D) อย่างเป็นระบบ

5.1 กระบวนการวิจัยและพัฒนา 4 ขั้นตอน (The 4-Step R&D Cycle)

กระบวนการมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับสำหรับการทำผลงานเชี่ยวชาญ คือกระบวนการ R1-D1-R2-D2 26:

ขั้นตอนที่ 1: การวิจัย (R1: Research) – การวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐาน

  • สิ่งที่ต้องทำ: ศึกษาเอกสาร นโยบาย สัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญ สำรวจความต้องการ
  • ผลลัพธ์: องค์ความรู้และข้อมูลสารสนเทศเพื่อนำไปกำหนด “ร่าง” นวัตกรรม

ขั้นตอนที่ 2: การพัฒนา (D1: Development) – การสร้างและหาคุณภาพนวัตกรรม

  • การสร้างรูปแบบ: นำข้อมูลจาก R1 มายกร่างนวัตกรรม โดยต้องมีองค์ประกอบครบถ้วน ได้แก่ หลักการ (Principles), วัตถุประสงค์ (Objectives), กระบวนการ (Process/Steps), บทบาทผู้เกี่ยวข้อง (Roles), และการวัดประเมินผล (Measurement) 29
  • การตั้งชื่อโมเดล (Branding): ควรตั้งชื่อโมเดลให้สื่อความหมายและจดจำง่าย โดยใช้อักษรย่อ (Acronym) ที่มีความหมาย เช่น “PIDRE Model” (P=Planning, I=Informing, D=Doing, R=Reinforcing, E=Evaluating) หรือ “SPIDER Model” 30
  • การหาประสิทธิภาพ (Validation): นำร่างรูปแบบไปให้ผู้เชี่ยวชาญ (5-7 ท่าน) ตรวจสอบความเหมาะสมและความเป็นไปได้ โดยใช้แบบประเมินที่มีการหาค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) และปรับปรุงตามคำแนะนำ

ขั้นตอนที่ 3: การวิจัย (R2: Research) – การทดลองใช้ (Implementation)

  • การนำไปใช้ (Try-out): นำรูปแบบที่ปรับปรุงแล้วไปใช้กับกลุ่มเป้าหมายจริง (Field Testing)
  • การออกแบบการทดลอง: ควรใช้ระเบียบวิธีวิจัยกึ่งทดลอง (Quasi-Experimental Design) เช่น One-Group Pretest-Posttest Design เพื่อเปรียบเทียบผลก่อนและหลังการใช้นวัตกรรม 23
  • การเก็บข้อมูล: เก็บข้อมูลตามตัวแปรตามที่กำหนด ทั้งเชิงปริมาณ (คะแนน) และเชิงคุณภาพ (การสังเกต, สัมภาษณ์)

ขั้นตอนที่ 4: การพัฒนา (D2: Development) – การประเมินและปรับปรุง

  • การประเมินผล: วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อดูว่านวัตกรรมมีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้หรือไม่ (เช่น E1/E2 หรือค่าที t-test)
  • การถอดบทเรียน: สรุปปัจจัยความสำเร็จ (Key Success Factors) และปัญหาอุปสรรค
  • การจัดทำคู่มือ: ปรับปรุงนวัตกรรมเป็นฉบับสมบูรณ์ และจัดทำคู่มือการใช้งานที่คนอื่นสามารถนำไปทำตามได้ (Scalability) 25

5.2 การนำเสนอ “นวัตกรรม” ในรูปแบบคลิปวิดีโอ (PA Submission)

นอกจากการเขียนรายงานแล้ว ศึกษานิเทศก์ต้องนำเสนอกระบวนการใช้นวัตกรรมผ่านคลิปวิดีโอ (ไม่เกิน 15 นาที) ตามเงื่อนไขของ ว11/2564 13:

  • คลิปที่ 1 (สภาพปัญหา): นำเสนอที่มา แรงบันดาลใจ และสภาพปัญหาที่ต้องการแก้ไข (Pain Point)
  • คลิปที่ 2 (ผลลัพธ์การปฏิบัติงาน): แสดงให้เห็นกระบวนการนิเทศจริง การใช้นวัตกรรม และการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับครูและนักเรียน โดยต้องถ่ายทำแบบต่อเนื่อง (Long Take) ไม่มีการตัดต่อในส่วนของการปฏิบัติการสอน/นิเทศ เพื่อแสดงความเป็นธรรมชาติและของจริง

ส่วนที่ 6: เกียรติภูมิทางวิชาการ: การไม่คัดลอก (Academic Integrity) และมาตรฐานการเขียน

การคัดลอกผลงาน (Plagiarism) เป็น “ความตาย” ของนักวิชาการ ในระดับเชี่ยวชาญ ความซื่อสัตย์ทางวิชาการ (Academic Honesty) เป็นคุณสมบัติที่ยอมความไม่ได้ (Zero Tolerance)

6.1 รูปแบบของการคัดลอกที่ต้องระวัง

  1. Direct Plagiarism: การก๊อปปี้ข้อความมาวางโดยไม่ใส่เครื่องหมายคำพูดและไม่อ้างอิง
  2. Mosaic Plagiarism (Patchwriting): การนำข้อความมาเปลี่ยนคำบางคำ หรือสลับตำแหน่ง แต่โครงสร้างประโยคและความคิดยังเหมือนเดิม
  3. Self-Plagiarism: การนำงานเก่าของตัวเอง (เช่น วิทยานิพนธ์ หรือผลงานระดับชำนาญการพิเศษ) มาส่งซ้ำโดยไม่ดัดแปลงหรือต่อยอดอย่างมีนัยสำคัญ

6.2 เทคนิคการเขียนเพื่อหลีกเลี่ยงการคัดลอก

  1. การสรุปความ (Summarizing): อ่านต้นฉบับให้ “แตกฉาน” ปิดหนังสือ แล้วเขียนถ่ายทอดออกมาด้วย “ภาษาของตนเอง” (In your own words) โดยคงใจความสำคัญไว้
  2. การสังเคราะห์ (Synthesizing): อย่านำข้อความมาวางต่อกัน (Cutting and Pasting) แต่ให้นำแนวคิดจากหลายแหล่งมาหลอมรวมกัน เช่น “จากการศึกษาแนวคิดของ A (2563), B (2564), และ C (2565) สรุปได้ว่า Active Learning มีองค์ประกอบร่วมกัน 4 ประการ คือ…”
  3. การอ้างอิงที่ถูกต้อง (Citation): ใช้ระบบการอ้างอิงแบบ APA (American Psychological Association) ฉบับปัจจุบัน (7th Edition) อย่างเคร่งครัด ทั้งการอ้างอิงในเนื้อหา (In-text citation) และบรรณานุกรม (References) 31

6.3 การเผยแพร่ผลงานวิชาการ (Publication)

เงื่อนไขสำคัญของวิทยฐานะเชี่ยวชาญคือ ผลงานวิชาการต้องได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารวิชาการที่อยู่ในฐานข้อมูล TCI (Thai-Journal Citation Index Centre) กลุ่มที่ 1 หรือ กลุ่มที่ 2 3

  • กระบวนการ: เลือกวารสารที่ตรงกับสาขา -> ปรับรูปแบบบทความตาม Template ของวารสาร -> ส่งบทความ -> แก้ไขตามคำแนะนำของ Peer Reviewers -> ได้รับหนังสือตอบรับ (Acceptance Letter) หรือได้รับการตีพิมพ์
  • ข้อควรระวัง: กระบวนการนี้ใช้เวลา 3-6 เดือน หรือมากกว่า ศึกษานิเทศก์ต้องวางแผนเวลาให้ดี เพื่อให้ทันรอบการประเมิน 31

บทที่ 7: โครงสร้างรายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์ (5 บท)

เพื่อให้การเขียนรายงานมีความเป็นเอกภาพและครอบคลุม นี่คือแนวทางการเขียนเจาะลึกในแต่ละบทสำหรับงานวิจัย R&D ของศึกษานิเทศก์ 11

บทที่ 1 บทนำ (Introduction)

  • ความเป็นมาและความสำคัญ: เขียนแบบ “สามเหลี่ยมหัวกลับ” เริ่มจากสถานการณ์โลก/ประเทศ (Global/National Context) -> บริบทของเขตพื้นที่/โรงเรียน (Local Context) -> ปัญหาที่พบ (Problem Statement) -> แนวทางแก้ไขด้วยนวัตกรรมนี้ (Proposed Solution) 36
  • คำถามการวิจัย: ต้องสอดรับกับวัตถุประสงค์
  • วัตถุประสงค์: เขียนแยกเป็นข้อๆ ตามระยะการวิจัย (เพื่อศึกษา…, เพื่อสร้าง…, เพื่อทดลอง…, เพื่อประเมิน…)
  • นิยามศัพท์เฉพาะ: ต้องนิยามเชิงปฏิบัติการ (Operational Definition) ที่วัดค่าได้จริง เช่น “สมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุก หมายถึง คะแนนที่ได้จากการประเมินด้วยแบบสังเกตพฤติกรรมการสอน…”

บทที่ 2 เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง (Literature Review)

  • โครงสร้าง: ทฤษฎีหลักสูตร -> ทฤษฎีการสอน (Active Learning) -> ทฤษฎีการนิเทศ (Coaching/Mentoring) -> บริบทพื้นที่ -> งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง -> กรอบแนวคิดการวิจัย
  • เทคนิค: อย่าเขียนเป็นขนมชั้น (คนนั้นว่าอย่างนี้ คนนี้ว่าอย่างนั้น) แต่ให้เขียนแบบสังเคราะห์ (Synthesis) หาจุดร่วม จุดต่าง และสรุปเป็นแนวทางของผู้วิจัย

บทที่ 3 วิธีดำเนินการวิจัย (Research Methodology)

  • ระบุรูปแบบการวิจัย (R&D) และขั้นตอนการดำเนินงานอย่างละเอียด (R1-D1-R2-D2)
  • ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง: ระบุวิธีการสุ่ม (Sampling) ที่ชัดเจน
  • เครื่องมือวิจัย: แยกเป็น “เครื่องมือดำเนินการ” (นวัตกรรม/คู่มือ) และ “เครื่องมือเก็บข้อมูล” (แบบสอบถาม/แบบทดสอบ) พร้อมอธิบายวิธีการสร้างและหาคุณภาพ (IOC, Reliability) อย่างละเอียด 35
  • การวิเคราะห์ข้อมูล: ระบุสถิติที่ใช้ (Mean, S.D., t-test, Content Analysis)

บทที่ 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล (Results)

  • นำเสนอผลตามลำดับวัตถุประสงค์
  • การใช้ตาราง: ใช้ตารางเพื่อแสดงค่าทางสถิติที่ชัดเจน ไม่ควรเขียนบรรยายตัวเลขซ้ำซ้อนกับในตาราง แต่ให้เขียน “แปลความหมาย” และ “ชี้จุดเด่น/ข้อสังเกต” ใต้ตาราง
  • กราฟและแผนภูมิ: ใช้เสริมในจุดที่ต้องการเปรียบเทียบให้เห็นภาพชัดเจน

บทที่ 5 สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ (Conclusion & Discussion)

  • สรุปผล: สรุปสาระสำคัญสั้นๆ ตรงประเด็น
  • อภิปรายผล: (สำคัญที่สุด) ต้องแสดงภูมิรู้ (Wisdom) ด้วยการอธิบายว่า “ทำไม” ผลจึงเป็นเช่นนั้น โดยอ้างอิงกลับไปที่ทฤษฎีและงานวิจัยในบทที่ 2 มาสนับสนุนหรือขัดแย้ง “ผลการวิจัยพบว่า… ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของ… ที่กล่าวว่า… ทั้งนี้อาจเนื่องมาจาก…” 34
  • ข้อเสนอแนะ: ต้องเป็นข้อเสนอแนะที่นำไปปฏิบัติได้จริง (Practical) และข้อเสนอแนะสำหรับการวิจัยต่อยอด

บทสรุป

การจัดทำรายงานการวิจัยเพื่อเลื่อนวิทยฐานะเชี่ยวชาญของศึกษานิเทศก์ มิใช่เพียงภารกิจเพื่อความก้าวหน้าทางวิชาชีพส่วนบุคคล แต่คือ “ภารกิจเพื่อชาติ” ในการสร้างองค์ความรู้และนวัตกรรมที่จะช่วยยกระดับคุณภาพการศึกษาไทยให้ทัดเทียมสากล ภายใต้หลักคิด 6 ประการ—การแบ่งงานที่ชาญฉลาด, จิตวิญญาณนักวิจัย, การแก้ปัญหาที่รากเหง้า, การยืนบนไหล่ยักษ์ด้วยทฤษฎี, การสร้างสรรค์นวัตกรรม, และความซื่อสัตย์ทางวิชาการ—ศึกษานิเทศก์จะสามารถเปลี่ยนสถานะจาก “ผู้ตรวจสอบ” สู่ “ผู้ร่วมสร้างการเปลี่ยนแปลง” (Co-creator of Change) ที่แท้จริง ผลงานวิจัยฉบับนี้จะเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ถึงความเชี่ยวชาญและคุณค่าในตนเอง ที่จะส่งผลสะเทือนเชิงบวกไปสู่ห้องเรียน สู่ครู และที่สำคัญที่สุด สู่ผู้เรียนทุกคนในความดูแล

Works cited

  1. PA)และ การประเมินเพื่อมีหรือเลื่อนวิทยฐานะข้าราชการครู พนักงานครู และบุคลากรทางการศึกษาองค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น, accessed December 5, 2025, https://www.kohpanyee.go.th/storage/uploads/100-%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%A1%201%20%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%88%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B9%8C%2011.pdf
  2. แนวทางการเขียนรายงานผลการปฏิบัติงาน ด้านที่ 1 และ ด้านที่ 2 เพื่อขอเลื่อนวิทยฐานะศึกษานิเทศก์เชี่ยวชาญ » – Digital Learning Classroom, accessed December 5, 2025, https://krukob.com/web/sv-42/
  3. แบบข้อตกลงในการพัฒนางาน (PA) ตำแหน่งศึกษานิเทศก์ วิทยฐานะศึกษานิเทศก์ชำนาญการ – อบจ.อำนาจเจริญ, accessed December 5, 2025, https://amnatpao.go.th/upload/files/BBV76mtE7WZweyXCaTepvpJkbo2PhWpxBgBRZ3Km.pdf
  4. หมวด 3 หลักเกณฑ์และวิธีการให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู (ว9/2564) », accessed December 5, 2025, https://krukob.com/web/via-3/
  5. การวิจัยและพัฒนาทางการนิเทศการศึกษา: แนวทางสู่นวัตกรรมการศึกษาที่ยั่งยืน », accessed December 5, 2025, https://krukob.com/web/sv-20/
  6. เว็บเก็บงาน PA (google site) – YouTube, accessed December 5, 2025, https://www.youtube.com/watch?v=Tsyrcw6UcLc
  7. แนวทางในการจัดเตรียมเอกสาร และหลักฐานร่องรอยเข้าสู่ระบบประเมินวิทยฐานะดิจิทัล (DPA) », accessed December 5, 2025, https://krukob.com/web/dpa-6/
  8. บทที่5 การใช้โปรแกรม Google ในการสร้างฐานข้อ มูล วิจัย – มหาวิทยาลัยขอนแก่น, accessed December 5, 2025, https://hs-cims-v2.kku.ac.th/uploads/files/5fd061b3ca8cb_09_Chepter05.pdf
  9. เครื่องมือบริหารจัดการพื้นที่เก็บข้อมูล Google Workspace for Education (Storage Management Tools) – YouTube, accessed December 5, 2025, https://www.youtube.com/watch?v=9vVId5yojtc
  10. แผนการนิเทศการสอน: การออกแบบการจัดการเรียนรู้เชิงรุกด้วย Google Chromebook โดยใช้ TIP Model » – Digital Learning Classroom, accessed December 5, 2025, https://krukob.com/web/chromebooks-2/
  11. คู่มือการนิเทศด้วยกระบวนการ – ผลงานวิชาการ, accessed December 5, 2025, https://research.otepc.go.th/files/%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%A2%20%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%A1%202_qg394usi.pdf
  12. การพัฒนารูปแบบการนิเทศการจัดการเรียนการสอนทางไกล โดยใช้ – สำนักงานศึกษาธิการภาค 9, accessed December 5, 2025, http://www.reo9.obec.in.th/gis/eoffice/10000005tbl_orgdownload/20211027102947mr1gnTS..pdf
  13. หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตาแหน่งและวิทยฐานะ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา, accessed December 5, 2025, https://www.cr3.go.th/wp-content/uploads/2022/03/3.-%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%93%E0%B8%91%E0%B9%8C%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B3%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%90%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B0%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A8%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2-%E0%B8%A79-%E0%B8%A712.pdf
  14. แนวทางการเลือกหัวข้อวิจัยวิทยฐานะเชี่ยวชาญ (วPA): กลยุทธ์ “คิดค้น ปรับเปลี่ยน” เพื่อพิชิตใจกรรมการ สำหรับครู ศึกษานิเทศก์ และผู้บริหาร » – Digital Learning Classroom, accessed December 5, 2025, https://krukob.com/web/news-158/
  15. PA Support Team – แบบฟอร์มสำหรับ ศึกษานิเทศก์ – Google Sites, accessed December 5, 2025, https://sites.google.com/esdc.go.th/mukdahan-pa-teams/%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%9A%E0%B8%A8%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B8%81/%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%9F%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%9A-%E0%B8%A8%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B8%81
  16. การพัฒนารูปแบบการนิเทศภายใน โดยใช กระบวนการชี้แนะและระบบพี่เลี้ยงเพื่อส งเสริมศักยภาพการ จัดการเรียนรู เชิงรุก – ThaiJO, accessed December 5, 2025, https://so03.tci-thaijo.org/index.php/IARJ/article/download/264711/175601
  17. การพัฒนารูปแบบการนิเทศโดยใช้กระบวนการชี้แนะและระบบพี่เลี้ยง เพื่อส่งเสริมศักยภาพการจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 สังกัด ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จังหวัดเชียงใหม่ – สมาคมนักวิจัยแห่งประเทศไทย, accessed December 5, 2025, http://www.ar.or.th/ImageData/Magazine/20052/DL_10470.pdf?t=637505838625362600
  18. ใบความรู้ที่ 1.1 เรื่อง “เทคนิคการนิเทศแบบชี้แนะ(Coaching Techniques)”, accessed December 5, 2025, https://pound1983.wordpress.com/wp-content/uploads/2012/06/utq-225.pdf
  19. 8 supervision, mentoring, – and coaching – Frank Porter Graham Child Development Institute |, accessed December 5, 2025, https://fpg.unc.edu/sites/fpg.unc.edu/files/resources/ReformingPersonnelPrep_08-191_214.pdf
  20. รูปแบบการนิเทศภายในของโรงเรียนบ้านโพหวาย, accessed December 5, 2025, http://www.banphowai.ac.th/news-detail_6961_180525
  21. รูปแบบการนิเทศเพื่อเสริมสร้างการจัดการเรีย – ThaiJo, accessed December 5, 2025, https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jomld/article/download/271449/181771
  22. แนวทางการนิเทศการศึกษาเพื่อส่งเสริมการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) สำหรับครูในศตวรรษที่ 21: แนวปฏิบัติสู่การนิเทศแบบผสมผสาน » – Digital Learning Classroom, accessed December 5, 2025, https://krukob.com/web/sv-31/
  23. สรุปแนวทางการเขียนรายงานวิจัย R&D ในระดับวิทยฐานะเชี่ยวชาญ » – Digital Learning Classroom, accessed December 5, 2025, https://krukob.com/web/research-16/
  24. วิทยานิพนธ์ เรื่อง การพัฒนารูปแบบการเรียนรู้, accessed December 5, 2025, https://www.grad.ku.ac.th/uploads/ThesisAward63/Thesis_society_Doc_01.pdf
  25. รูปแบบการนิเทศเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะของครูในการจัดการเรียนรู้ด้านการอ่านคิดวิเคราะห์ – สพม. สุโขทัย, accessed December 5, 2025, https://www.sesaoskt.go.th/wp-content/uploads/2025/02/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8DR.KANJANA-%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%9B%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%8D.pdf
  26. ศึกษานิเทศก์ : การทำผลงานเพื่อเลื่อนวิทยฐานะชำนาญการพิเศษและเชี่ยวชาญพิเศษ – GotoKnow, accessed December 5, 2025, https://www.gotoknow.org/posts/271208
  27. บทที่3 วิธีดำเนินการวิจัย การวิจัยและพัฒนาเร – ThaiEdResearch, accessed December 5, 2025, http://backoffice.thaiedresearch.org/uploads/paper/48920e336cac7034cb173c8388960c6f.pdf
  28. การพัฒนารูปแบบการนิเทศภายในโดยใช้กระบวนการนิเทศแบบให้คำชี้แนะ, accessed December 5, 2025, https://research.otepc.go.th/files/%E0%B8%89%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%9A%E0%B8%B9%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B9%8C_4gqwujcb.pdf
  29. รูปแบบการนิเทศการศึกษาแบบผสมผสานเพื่อส่งเส – มหาวิทยาลัยนเรศวร, accessed December 5, 2025, https://nuir.lib.nu.ac.th/dspace/bitstream/123456789/5835/3/WishirataWorathadasawat.pdf
  30. รูปแบบการนิเทศที่มีประสิทธิผลต่อการจัดการเรียนการสอนในศตวรรษที่21 ของโรงเรียนเทศบาลวัดท่าสะต๋อย อา – คณะศึกษาศาสตร์, accessed December 5, 2025, https://edu.buu.ac.th/vesd/PDF62-2/a2562-2[309-321].pdf
  31. การศึกษาผลการนิเทศการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดการสอนแนะ และการเป็นพี่เลี้ยงครูสำหรับศึกษานิเทศก์, accessed December 5, 2025, https://so05.tci-thaijo.org/index.php/pimjournal/article/view/248182
  32. การเขียนบทความวิจัย วิชาการเพื่อการตีพิมพ์น, accessed December 5, 2025, https://op.mahidol.ac.th/ra/contents/orra_document/MMS-03/20190911-1300_02-PROF.AMARA.pdf
  33. เทคนิคการเขียนบทความวิจัยให้ได้รับการตีพิมพ์ – Researcher Thailand, accessed December 5, 2025, https://researcherthailand.co.th/%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A7%E0%B8%B4-2/
  34. ตัวอย่างการเขียน บทที่ 5 เพื่อรายงานผลงานทางวิชาการครูเชี่ยวชาญ », accessed December 5, 2025, https://krukob.com/web/research-5/
  35. หลักการเขียนรายงานวิจัย 5 บท, accessed December 5, 2025, https://blog.bru.ac.th/wp-content/uploads/bp-attachments/7534/%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A8%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%B02.pdf
  36. เทคนิคการเขียน บทความวิจัยให้ได้ตีพิมพ์, accessed December 5, 2025, http://res.vu.ac.th/wp/wp-content/uploads/2022/08/%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%AD_%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%95%E0%B8%B5%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B9%8C30-%E0%B8%A1%E0%B8%B5.%E0%B8%84.2565.pdf

Comments

comments

Powered by Facebook Comments

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

ติดต่อ ดร.อนุศร หงษ์ขุนทด
error: Content is protected !!