“Ladder of Inference” (บันไดแห่งการอนุมาน) และอันตรายของข้อสันนิษฐาน
“Ladder of Inference” (บันไดแห่งการอนุมาน) และอันตรายของข้อสันนิษฐาน
“บันไดแห่งการอนุมาน” (Ladder of Inference) คือ แบบจำลองที่อธิบายกระบวนการคิดที่เรามักใช้โดยไม่รู้ตัว เพื่อเปลี่ยนจาก “การสังเกต” สถานการณ์ไปสู่ “การลงมือทำ” บันไดแต่ละขั้นแสดงถึงขั้นตอนในการตีความและตอบสนองต่อโลกของเรา การทำความเข้าใจบันไดนี้เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่จะทำให้เราตระหนักถึงข้อสันนิษฐานของตนเองและตัดสินใจได้ดีขึ้น
บันไดแห่งการอนุมานประกอบด้วย 7 ขั้นตอน ดังนี้
- ขั้นที่ 1: การสังเกตข้อเท็จจริง (Observing Facts)นี่คือขั้นพื้นฐานที่สุดของบันได ซึ่งก็คือข้อมูลดิบหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงและสามารถสังเกตได้ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นโดยปราศจากการตีความหรืออคติส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้อง
- ขั้นที่ 2: การเลือกรับข้อมูล (Selecting Data)จากข้อมูลทั้งหมดที่มีอยู่ เราจะเลือกให้ความสนใจกับรายละเอียดบางอย่างและเพิกเฉยต่อสิ่งอื่นๆ การเลือกนี้มักได้รับอิทธิพลจากความเชื่อ ประสบการณ์ และอคติที่เรามีอยู่ก่อนแล้ว นี่คือจุดแรกที่ความเป็นส่วนตัวเริ่มเข้ามาแทรกแซง ทำให้คนสองคนอาจมองเหตุการณ์เดียวกัน แต่กลับเลือกสนใจในแง่มุมที่แตกต่างกัน
- ขั้นที่ 3: การให้ความหมาย (Adding Meaning)หลังจากเลือกข้อมูลแล้ว เราจะเริ่มตีความและให้ความหมายกับข้อมูลนั้นๆ โดยอิงจากพื้นฐานทางวัฒนธรรม ประสบการณ์ในอดีต และมุมมองส่วนตัวของเรา ซึ่งข้อมูลเดียวกันอาจมีความหมายแตกต่างกันไปสำหรับแต่ละคน
- ขั้นที่ 4: การสร้างข้อสันนิษฐาน (Making Assumptions)จากความหมายที่เรากำหนดขึ้น เราจะเริ่มสร้างข้อสันนิษฐาน ซึ่งก็คือการตีความหรือความเชื่อที่เรา “ทึกทักเอาเอง” ว่าเป็นความจริงโดยไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนมารองรับ ข้อสันนิษฐานทำหน้าที่เชื่อมช่องว่างระหว่างความหมายที่เราสร้างขึ้นกับข้อสรุปที่เรากำลังจะสร้าง นี่คือขั้นที่สำคัญและเสี่ยงต่อการตีความผิดพลาดได้ง่ายที่สุด
- ขั้นที่ 5: การสรุปผล (Drawing Conclusions)จากข้อสันนิษฐาน เราจะนำไปสู่การสรุปผล ซึ่งก็คือการตัดสินใจหรือข้อสรุปที่เราได้มาจากขั้นตอนก่อนหน้าทั้งหมด หากข้อสันนิษฐานของเรามีข้อบกพร่อง ข้อสรุปของเราก็ย่อมมีแนวโน้มที่จะบกพร่องตามไปด้วย
- ขั้นที่ 6: การยึดเป็นความเชื่อ (Adopting Beliefs)เมื่อเวลาผ่านไป ข้อสรุปที่เราสร้างขึ้นจะค่อยๆ แข็งตัวกลายเป็น “ความเชื่อ” ที่เรามีต่อตนเอง ผู้อื่น และโลกใบนี้ ความเชื่อเหล่านี้จะส่งผลย้อนกลับไปมีอิทธิพลต่อ “การเลือกรับข้อมูล” และ “การให้ความหมาย” ของเราในอนาคต เกิดเป็นวงจรที่ตอกย้ำความเชื่อเดิมให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
- ขั้นที่ 7: การลงมือทำ (Taking Action)ในขั้นสุดท้าย เราจะลงมือทำตามความเชื่อและข้อสรุปของเรา การกระทำนี้เป็นผลโดยตรงจากการเดินทางขึ้นบันไดแห่งการอนุมานของเรา หากข้อสันนิษฐานตั้งต้นของเราไม่ถูกต้อง การกระทำของเราก็อาจจะไม่เหมาะสมหรือไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ
อันตรายของข้อสันนิษฐาน (The Danger of Assumptions)
“อันตรายของข้อสันนิษฐาน” ที่เน้นย้ำในภาพนั้น เกิดขึ้นเพราะกระบวนการคิดบนบันไดแห่งการอนุมานมักเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วโดยที่เราไม่รู้ตัว และได้รับอิทธิพลอย่างสูงจากอคติและข้อสันนิษฐานของเรา เมื่อเราสร้างข้อสันนิษฐานโดยไม่ได้ตรวจสอบหรือแสวงหาข้อมูลเพิ่มเติม เราจะมีความเสี่ยงดังนี้
- ตีความสถานการณ์ผิดพลาด: เราอาจเข้าใจผิดว่าเกิดอะไรขึ้น หรือเข้าใจเจตนาของผู้อื่นผิดไป
- ตัดสินใจได้ไม่ดี: การกระทำของเราจะตั้งอยู่บนความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
- ทำลายความสัมพันธ์: ข้อสันนิษฐานที่ผิดๆ เกี่ยวกับแรงจูงใจหรือพฤติกรรมของผู้อื่นสามารถนำไปสู่ความขัดแย้งและความไม่ไว้วางใจ
- ขัดขวางการเรียนรู้และการเติบโต: หากเราทึกทักไปเองว่าเรารู้ความจริงอยู่แล้ว เราก็มีแนวโน้มที่จะไม่แสวงหาข้อมูลใหม่ๆ หรือพิจารณามุมมองอื่นๆ
วิธีลดความเสี่ยงจากข้อสันนิษฐาน
เพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายเหล่านี้ สิ่งสำคัญคือต้อง:
- ตระหนักรู้ในกระบวนการคิดของตนเอง: รู้ให้ทันว่าเมื่อใดที่คุณกำลังไต่ขึ้นบันไดแห่งการอนุมาน
- ตั้งคำถามกับข้อสันนิษฐานของคุณ: ท้าทายข้อสันนิษฐานที่คุณสร้างขึ้นในแต่ละขั้นตอนอย่างจริงจัง
- แสวงหาข้อมูลเพิ่มเติม: รวบรวมข้อมูลและมุมมองที่แตกต่างเพื่อให้เห็นภาพที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
- เปิดใจรับการตีความที่แตกต่าง: ยอมรับว่าสถานการณ์หนึ่งๆ สามารถมีวิธีทำความเข้าใจที่ถูกต้องได้หลายรูปแบบ
- สื่อสารกระบวนการคิดของคุณ: แบ่งปันเหตุผลของคุณกับผู้อื่น และเปิดรับฟังความคิดเห็นของพวกเขา
การก้าวเดินบนบันไดแห่งการอนุมานอย่างมีสติ และการตระหนักถึงข้อสันนิษฐานของตนเองอยู่เสมอ จะช่วยให้เราสามารถตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูลครบถ้วน ปรับปรุงการตัดสินใจ และสร้างความเข้าใจที่ดีขึ้นในการปฏิสัมพันธ์กับโลกรอบตัวเรา
ที่มา: Lean Six Sigma Global
จาก Post https://www.facebook.com/share/p/12Mjo1inU97/
Comments
Powered by Facebook Comments