Digital Learning Classroom
บทความหลักสูตรฐานสมรรถนะ

หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2568: สรุปประเด็นสำคัญและการเปลี่ยนแปลง

แชร์เรื่องนี้

หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2568: สรุปประเด็นสำคัญและการเปลี่ยนแปลง

บทนำ

หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2568 เป็นการปรับปรุงที่สำคัญจากหลักสูตรเดิมปี 2560 โดยเกิดขึ้นจากมติของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เมื่อปลายเดือนตุลาคม พ.ศ. 2567 ที่ให้จัดทำหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยฉบับใหม่ขึ้น หลักสูตรนี้ยึดความสามารถของผู้เรียนและให้สอดคล้องกับพัฒนาการของผู้เรียน โดยเป็นการจัดการศึกษาที่ยึดผู้เรียนเป็นสำคัญและเน้นพัฒนาเด็กอย่างเป็นองค์รวม

การเปลี่ยนแปลงสำคัญจากหลักสูตรปี 2560

1. การปรับปรุงปรัชญาการศึกษาปฐมวัย

หลักสูตรปี 2560: จัดการศึกษาสำหรับเด็กแรกเกิดจนกระทั่งถึง 6 ปีบริบูรณ์ โดยแยกออกเป็น 2 ส่วน:

  • เด็กแรกเกิดถึง 3 ปี (เอกสารหลักสูตรสำหรับเด็กที่ต่ำกว่า 3 ขวบ)
  • เด็ก 3-6 ปีบริบูรณ์ (หลักสูตรสำหรับ 3-6 ปีบริบูรณ์)

หลักสูตรปี 2568: จัดทำสำหรับเด็ก 3 ขวบจนถึง 6 ปีบริบูรณ์เท่านั้น โดยมีการเพิ่มเติมในปรัชญาการศึกษาปฐมวัยเรื่องของ:

  • ทักษะชีวิต
  • การเรียนรู้ผ่านการเล่น
  • การมีปฏิสัมพันธ์ที่ดี
  • การลงมือปฏิบัติ

ปรัชญาใหม่ระบุอย่างชัดเจนว่า “เด็กปฐมวัย 3-6 ปีบริบูรณ์เรียนรู้ผ่านการเล่น การมีปฏิสัมพันธ์ที่ดี และการลงมือปฏิบัติ” นอกจากนี้ยังกำหนดบทบาทของครูปฐมวัยที่ต้องให้ความรัก ความเอื้ออาทร และความเข้าใจต่อเด็ก เพื่อนำไปสู่การพัฒนาความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์

2. การปรับเปลี่ยนวิสัยทัศน์

หลักสูตรปี 2560: แบ่งพัฒนาการออกเป็น 4 ด้าน ได้แก่:

  • ด้านร่างกาย
  • ด้านอารมณ์จิตใจ
  • ด้านสังคม
  • ด้านสติปัญญา

หลักสูตรปี 2568: ปรับเปลี่ยนเป็น 5 ด้าน ดังนี้:

ด้านสุขภาวะทางกาย

ปรับจาก “ด้านร่างกาย” เป็น “ด้านสุขภาวะทางกาย” โดยสุขภาวะหมายถึงความเป็นอยู่ที่ดีหรือภาวะที่เป็นสุขทางด้านร่างกาย ไม่เพียงแค่ความแข็งแรงทางกายภาพ แต่รวมถึงการมีสุขนิสัย ความปลอดภัย และสุขภาวะทางกายที่ดีโดยรวม

ด้านอารมณ์จิตใจและสังคม

นำอารมณ์จิตใจและสังคมมาอยู่ด้วยกัน เนื่องจากคณะทำงานมองเห็นว่าทั้งสองด้านมีความเชื่อมโยงและเกี่ยวข้องกันอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในสภาพสังคมปัจจุบันที่มีความไม่แน่นอน เด็กที่จะอยู่ได้ในสังคมปัจจุบันจะต้องเป็นเด็กที่สามารถรู้จักควบคุมอารมณ์ของตนเอง มีจิตใจที่จดจ่อต่อความเป็นอยู่ และสามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข

ด้านความเป็นพลเมืองและความเป็นไทย

แยกออกจากด้านสังคมเดิม เป็นด้านเฉพาะ เนื่องจาก:

  • ความเป็นพลเมือง: เด็กต้องเคารพกฎกติกาเพื่อจะอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข
  • ความเป็นไทย: มีความสำคัญในเรื่องของความเป็นอยู่ ขนบธรรมเนียมประเพณี โดยเด็กในแต่ละภาคของประเทศมีวัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมประเพณีของตนเอง แม้จะเป็นคนไทยด้วยกัน แต่วัฒนธรรมในแต่ละภาคมีความแตกต่างกัน

ด้านสติปัญญา

ยังคงเดิม แต่แยกย่อยให้เห็นทั้งหมด 5 ด้านย่อย โดยทุกด้านมีความสำคัญเท่าเทียมกัน เพื่อให้เห็นว่าภาษาและการรู้หนังสือ การคิดรวบยอดและการคิดคำนวณ การแก้ปัญหาและการตัดสินใจ การแสวงหาความรู้ และจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ ล้วนมีความสำคัญเท่าเทียมกัน

นอกจากนี้ยังเพิ่มการพัฒนาในเรื่องของ “การมีจิตสำนึกรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม” ซึ่งสะท้อนถึงความตระหนักในปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เป็นประเด็นสำคัญของโลกปัจจุบัน

ตารางเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงสำคัญของหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย

1. การปรับปรุงปรัชญาการศึกษาปฐมวัย

ประเด็นหลักสูตรปี 2560หลักสูตรปี 2568
ขอบเขตกลุ่มเป้าหมายเด็กแรกเกิดจนกระทั่งถึง 6 ปีบริบูรณ์เด็ก 3 ขวบจนถึง 6 ปีบริบูรณ์เท่านั้น
การแบ่งกลุ่ม2 ส่วน:• เด็กแรกเกิดถึง 3 ปี• เด็ก 3-6 ปีบริบูรณ์1 ส่วน:• เด็ก 3-6 ปีบริบูรณ์
องค์ประกอบเพิ่มเติมไม่มีการระบุเฉพาะเพิ่ม:• ทักษะชีวิต• การเรียนรู้ผ่านการเล่น• การมีปฏิสัมพันธ์ที่ดี• การลงมือปฏิบัติ
ความเชื่อหลักเด็กเรียนรู้ผ่านการพัฒนาตามธรรมชาติ“เด็กปฐมวัย 3-6 ปีบริบูรณ์เรียนรู้ผ่านการเล่น การมีปฏิสัมพันธ์ที่ดี และการลงมือปฏิบัติ”
บทบาทครูระบุในลักษณะทั่วไปกำหนดชัดเจน: ต้องให้ความรัก ความเอื้ออาทร และความเข้าใจต่อเด็ก
เป้าหมายสูงสุดการพัฒนาเด็กอย่างรอบด้านการพัฒนาความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์

2. การปรับเปลี่ยนวิสัยทัศน์และโครงสร้างพัฒนาการ

ด้านพัฒนาการหลักสูตรปี 2560หลักสูตรปี 2568เหตุผลการเปลี่ยนแปลง
จำนวนด้าน4 ด้าน5 ด้านเพิ่มความชัดเจนและครอบคลุมมากขึ้น
ด้านที่ 1ด้านร่างกายด้านสุขภาวะทางกายเปลี่ยนจากเน้นแค่ความแข็งแรงเป็นความเป็นอยู่ที่ดีครอบคลุม
ด้านที่ 2ด้านอารมณ์จิตใจด้านอารมณ์จิตใจและสังคมรวมเข้าด้วยกันเพราะมีความเชื่อมโยงในโลกปัจจุบัน
ด้านที่ 3ด้านสังคมด้านความเป็นพลเมืองและความเป็นไทยแยกออกเป็นด้านเฉพาะเพื่อเน้นความสำคัญ
ด้านที่ 4ด้านสติปัญญาด้านสติปัญญายังคงเดิม แต่แยกย่อยเป็น 5 องค์ประกอบ
ด้านที่ 5ไม่มีเพิ่มจิตสำนึกรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมตอบสนองปัญหาสิ่งแวดล้อมปัจจุบัน

3. รายละเอียดด้านสุขภาวะทางกาย

องค์ประกอบหลักสูตรปี 2560หลักสูตรปี 2568
แนวคิดหลักร่างกายแข็งแรงสุขภาวะทางกายที่ดี
ความหมายเน้นความแข็งแรงทางกายภาพความเป็นอยู่ที่ดีหรือภาวะที่เป็นสุขทางร่างกาย
องค์ประกอบ• ร่างกายแข็งแรง• การเจริญเติบโต• ร่างกายแข็งแรง
• สุขนิสัย• ความปลอดภัย
• สุขภาวะทางกายที่ดีโดยรวม

4. รายละเอียดด้านอารมณ์จิตใจและสังคม

องค์ประกอบหลักสูตรปี 2560หลักสูตรปี 2568
โครงสร้างแยกเป็น 2 ด้านต่างหาก:• ด้านอารมณ์จิตใจ• ด้านสังคมรวมเป็น 1 ด้าน:
• ด้านอารมณ์จิตใจและสังคม
เหตุผลการรวมไม่มีการอธิบายเพราะมีความเชื่อมโยงและเกี่ยวข้องกันอย่างใกล้ชิด
ความสำคัญความสำคัญแบบทั่วไปเท่าเทียมกับภาษาและคณิตศาสตร์ มีผลต่อการเรียน การทำงาน และชีวิต
แนวคิดสนับสนุนไม่ได้ระบุเฉพาะSocial Emotional Learning (SEL)
ความจำเป็นการพัฒนาทักษะสังคมการอยู่ในสังคมที่ไม่แน่นอน ต้องควบคุมอารมณ์และมีจิตใจจดจ่อ

5. รายละเอียดด้านความเป็นพลเมืองและความเป็นไทย

องค์ประกอบหลักสูตรปี 2560หลักสูตรปี 2568
สถานะรวมอยู่ในด้านสังคมแยกเป็นด้านเฉพาะ
ความเป็นพลเมือง• การอยู่ร่วมกันในสังคม
• การปฏิบัติตามกฎระเบียบ
• การเคารพกฎกติกา
• การอยู่ในระบอบประชาธิปไตย
• การแก้ข้อขัดแย้งอย่างสันติ
ความเป็นไทย• การรักชาติ
• การรักษาประเพณี
• ความเป็นอยู่และขนบธรรมเนียมประเพณี
• วัฒนธรรมในแต่ละภาค
• ภาษาไทย
• การปรับตัวกับความหลากหลาย
ความท้าทายไม่ได้ระบุเฉพาะการอยู่ในสังคมที่มีวัฒนธรรมหลากหลาย

6. รายละเอียดด้านสติปัญญา

องค์ประกอบหลักสูตรปี 2560หลักสูตรปี 2568
จำนวนองค์ประกอบไม่ได้แยกย่อยชัดเจน5 องค์ประกอบ
องค์ประกอบที่ 1รวมอยู่ในสติปัญญาทั่วไปภาษาและการรู้หนังสือ
องค์ประกอบที่ 2รวมอยู่ในสติปัญญาทั่วไปการคิดรวบยอดและการคิดคำนวณ
องค์ประกอบที่ 3รวมอยู่ในสติปัญญาทั่วไปการคิดแก้ปัญหาและการตัดสินใจ
องค์ประกอบที่ 4รวมอยู่ในสติปัญญาทั่วไปการแสวงหาความรู้
องค์ประกอบที่ 5รวมอยู่ในสติปัญญาทั่วไปจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์
หลักการสำคัญไม่ได้เน้นเฉพาะทุกองค์ประกอบมีความสำคัญเท่าเทียมกัน

7. การปรับปรุงหลักการจัดการศึกษา

หลักการหลักสูตรปี 2560หลักสูตรปี 2568
หลักการเดิม• การอบรมเลี้ยงดู
• การส่งเสริมพัฒนาการ
• การอบรมเลี้ยงดู
• การส่งเสริมพัฒนาการ
หลักการใหม่ที่ 1ไม่มีการจัดประสบการณ์การเรียนรู้เชิงรุก
หลักการใหม่ที่ 2ไม่มีการบูรณาการบริบทสังคมและวัฒนธรรม

8. รายละเอียดหลักการจัดประสบการณ์การเรียนรู้เชิงรุก

องค์ประกอบหลักสูตรปี 2560หลักสูตรปี 2568
ชื่อเรียกการจัดประสบการณ์แบบลงมือกระทำ / Active Learningการจัดประสบการณ์การเรียนรู้เชิงรุก
สื่อการเรียนรู้มีสื่อหลากหลายสื่อหลากหลายแบบจำเพาะ:
• สื่อของจริง
• ของจำลอง
• ภาพถ่าย
• ภาพวาด
• สัญลักษณ์
การให้เลือกระบุในลักษณะทั่วไปเน้นการให้โอกาสเด็กเลือกสื่อที่ตนเองชื่นชอบ
การลงมือกระทำเด็กได้ลงมือกระทำเด็กได้ลงมือกระทำ (manipulate) และใช้ภาษาของตนเอง
บทบาทผู้ใหญ่สนับสนุนการเรียนรู้มีการเสริมให้เด็กเกิดการเรียนรู้ได้ดียิ่งขึ้น และช่วยให้เด็กพัฒนาจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง
ผลลัพธ์เด็กเรียนรู้ได้ดีเด็กเรียนรู้อย่างมีความสุขและเข้าใจได้ดี

9. รายละเอียดหลักการบูรณาการบริบทสังคมและวัฒนธรรม

องค์ประกอบหลักสูตรปี 2560หลักสูตรปี 2568
การรับรู้ไม่ได้เน้นเฉพาะหลักการใหม่ที่เพิ่มขึ้นมา
เหตุผลไม่ได้ระบุสภาพสังคมปัจจุบันมีความหลากหลายทางวัฒนธรรม
ปรากฏการณ์ไม่ได้กล่าวถึงการเคลื่อนไหวและการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี
ความท้าทายไม่ได้ระบุความแตกต่างระหว่างวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีมีความแตกต่างกัน
เป้าหมายการรักษาวัฒนธรรมไทยให้เด็กเรียนรู้วิถีชีวิตและวัฒนธรรมของตนเอง ในขณะเดียวกันก็ปรับตัวอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข
การประยุกต์ไม่ได้ระบุชัดเจนเด็กสามารถเห็นความแตกต่างและปรับตัวได้

10. สรุปการเปลี่ยนแปลงหลัก

ประเด็นลักษณะการเปลี่ยนแปลงความสำคัญ
ขอบเขตจาก 0-6 ปี เป็น 3-6 ปีโฟกัสชัดเจนขึ้น
จำนวนด้านจาก 4 ด้าน เป็น 5 ด้านครอบคลุมมากขึ้น
การรวมด้านรวมอารมณ์จิตใจและสังคมสะท้อนความเชื่อมโยง
การแยกด้านแยกความเป็นพลเมืองและความเป็นไทยเน้นความสำคัญเฉพาะ
สติปัญญาแยกย่อยเป็น 5 องค์ประกอบชัดเจนและเท่าเทียมกัน
หลักการใหม่เพิ่ม 2 หลักการสำคัญตอบสนองสังคมปัจจุบัน
สิ่งแวดล้อมเพิ่มจิตสำนึกรับผิดชอบตอบสนองปัญหาโลก

3. การปรับปรุงหลักการจัดการศึกษา

หลักสูตรปี 2560: มีหลักการเดิมเกี่ยวกับการอบรมเลี้ยงดูและการส่งเสริมพัฒนาการ

หลักสูตรปี 2568: เพิ่มหลักการขึ้นมา 2 ข้อ:

หลักการจัดประสบการณ์การเรียนรู้เชิงรุก

ปรับจากคำว่า “การจัดประสบการณ์แบบลงมือกระทำ” หรือ “Active Learning” มาเป็น “การจัดประสบการณ์การเรียนรู้เชิงรุก” ซึ่งประกอบด้วย:

  • การที่ครูมีสื่อหลากหลายให้เด็กเลือก ไม่ว่าจะเป็นสื่อของจริง ของจำลอง ภาพถ่าย ภาพวาด จนถึงสัญลักษณ์
  • การให้โอกาสเด็กเลือกสื่อที่ตนเองชื่นชอบ
  • การที่เด็กได้ลงมือกระทำ (manipulate) และใช้ภาษาของตนเอง
  • การที่ผู้ใหญ่รอบข้างมีการเสริมให้เด็กเกิดการเรียนรู้ได้ดียิ่งขึ้น และช่วยให้เด็กพัฒนาจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งได้

หลักการบูรณาการบริบทสังคมและวัฒนธรรม

เนื่องจากในสภาพสังคมปัจจุบัน เด็กจะอยู่ในวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมที่มีความหลากหลาย ความแตกต่างระหว่างวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีมีความแตกต่างกัน ในปัจจุบันมีการเคลื่อนไหวและการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีต่างๆ เพราะฉะนั้น หลักการบูรณาการบริบทสังคมและวัฒนธรรมจึงให้เด็กเรียนรู้วิถีชีวิตและวัฒนธรรมของตนเองในขณะเดียวกันก็ปรับตัวอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข

4. การปรับปรุงจุดหมายการศึกษา

จุดหมายใหม่มีการเพิ่มรายละเอียดในแต่ละข้อ:

ข้อที่ 1: ด้านสุขภาวะทางกาย

เปลี่ยนจาก “ร่างกายแข็งแรง” เป็น “มีสุขภาวะทางกายที่ดี” พร้อมเพิ่มเติมเรื่องความปลอดภัย

ข้อที่ 2: ด้านอารมณ์จิตใจและสังคม

เพิ่ม “การมีความสุข มีสุนทรียภาพ และมีสัมพันธภาพที่ดี”

ข้อที่ 3: ด้านความเป็นพลเมืองและความเป็นไทย

เน้น “วินัยในตนเอง” และ “รักความเป็นไทย” โดยมีการปฏิบัติตนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (เช่น ความประหยัดในการใช้สื่อวัสดุต่างๆ) มีวินัยในตนเอง (self-discipline) ที่เกิดจากภายในของตัวเด็กเอง ไม่ใช่วินัยที่เกิดจากการบังคับ และรักในความเป็นไทย เช่น ภาษาไทย ความเป็นอยู่ต่างๆ ความเห็นอกเห็นใจกัน

ข้อที่ 4: ด้านสติปัญญา

เน้น “ทักษะการคิด การใช้ภาษาสื่อสาร และการแสวงหาความรู้” โดยเฉพาะในยุคนี้ การแสวงหาความรู้มีความสำคัญ โดยให้เด็กรู้จักเลือกข้อมูลที่เป็นประโยชน์และเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง ไม่ถูกหลอกหรือไม่เป็นจริง

คุณภาพผู้เรียนที่คาดหวัง

การเปลี่ยนแปลงจากมาตรฐานคุณลักษณะที่พึงประสงค์เป็นความสามารถผู้เรียน

หลักสูตรปี 2560: เน้นมาตรฐานคุณลักษณะที่พึงประสงค์ 12 ข้อ ตัวบ่งชี้ 29 ข้อ และสภาพที่พึงประสงค์ 59 ข้อ

หลักสูตรปี 2568: ใช้ความสามารถผู้เรียน โดยแบ่งเป็น:

  • ความสามารถของผู้เรียนเมื่อจบการศึกษาในระดับปฐมวัย
  • ความสามารถของผู้เรียนในแต่ละชั้นปี (3-4 ขวบ, 4-5 ขวบ, 5-6 ขวบ)

ความสามารถผู้เรียนเมื่อจบการศึกษาระดับปฐมวัย

1. ด้านสุขภาวะทางกาย

ความสามารถหลัก:

  • มีร่างกายที่เจริญเติบโต แข็งแรง มีสุขอนามัยและสุขนิสัยที่ดี
  • มีการรักษาความปลอดภัยของตนเองและผู้อื่น
  • เคลื่อนไหวร่างกายอย่างคล่องแคล่วและใช้ได้อย่างประสานสัมพันธ์กัน

ความสำคัญ: สำหรับเด็กเล็กๆ ตั้งแต่ 3 ขวบ 4 ขวบ 5 ขวบ เรื่องของกล้ามเนื้อเล็กของเด็กยังไม่มีการประสานสัมพันธ์ที่ดี ดังนั้นการช่วยให้เด็กได้เคลื่อนไหวร่างกายอย่างคล่องแคล่วและใช้ได้อย่างประสานสัมพันธ์กันจะช่วยให้เด็กไปเรียนอ่านเขียนต่อไปหรือเติบโตขึ้นไปอย่างมีร่างกายที่แข็งแรงได้

ตัวอย่างความสามารถในแต่ละชั้นปี:

อนุบาลปีที่ 1 (3-4 ขวบ):

  • ใช้สิ่งของและเครื่องใช้อย่างปลอดภัย
  • ไม่ไปกับคนแปลกหน้า
  • ทิ้งขยะ แยกขยะ และทิ้งขยะถูกที่

อนุบาลปีที่ 2 (4-5 ขวบ):

  • สามารถวางแผน ปฏิบัติ และทำกิจกรรมจนสำเร็จ
  • คัดแยกขยะและทิ้งขยะถูกที่

อนุบาลปีที่ 3 (5-6 ขวบ):

  • ระมัดระวังความปลอดภัยจากบุคคล สิ่งแวดล้อม และคนแปลกหน้า
  • สามารถวางเป้าหมาย วางแผน และมุ่งมั่นทำสิ่งต่างๆ จนสำเร็จ

2. ด้านอารมณ์จิตใจและสังคม

หลักการสำคัญ: การเรียนรู้ทางอารมณ์และสังคม (Social Emotional Learning) มีความสำคัญเท่าเทียมกับเรื่องของภาษาและคณิตศาสตร์ และมีผลต่อการเรียน การทำงาน และชีวิตของเด็ก

องค์ประกอบสำคัญ:

การกำกับตนเอง (Self-regulation)

เป็นความสามารถที่ช่วยให้เด็กจดจ่อ ตั้งใจ สนใจ หรือควบคุมอารมณ์ จัดการกับความคิดของตนเอง พฤติกรรม และความรู้สึกของตน มีความสัมพันธ์และเชื่อมโยงกับ Executive Function และการเรียนรู้ทางอารมณ์สังคม เป็นส่วนหนึ่งของความฉลาดทางอารมณ์

ความสามารถในแต่ละชั้นปี:

อนุบาลปีที่ 2:

  • สามารถวางแผน ปฏิบัติ และทำกิจกรรมจนสำเร็จ

อนุบาลปีที่ 3:

  • สามารถวางเป้าหมาย วางแผน และมุ่งมั่นทำสิ่งต่างๆ จนสำเร็จ
  • สามารถกำกับตนเองในการทำกิจกรรมได้

การมีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น (Empathy)

ความสามารถในแต่ละชั้นปี:

อนุบาลปีที่ 1-2:

  • แสดงสีหน้าท่าทางรับรู้ความรู้สึกของผู้อื่นในบางสถานการณ์
  • แสดงความยินดีเมื่อผู้อื่นมีความสุข

อนุบาลปีที่ 3:

  • ใช้คำพูดหรือการกระทำแสดงความยินดีเมื่อผู้อื่นมีความสุข
  • เห็นใจเมื่อผู้อื่นเศร้าและเสียใจ
  • ช่วยเหลือปลอบโยนเมื่อผู้อื่นเสียใจหรือได้รับบาดเจ็บ

ตัวอย่างการแสดงออก: เมื่อเห็นเพื่อนเศร้าเสียใจ เด็กจะเข้าไปแตะหรือรูปหลังเพื่อน ซึ่งแสดงว่าเด็คนนั้นมี empathy หรือเห็นอกเห็นใจผู้อื่น

ความสำคัญในโลกปัจจุบัน: ในโลกที่มีความไม่แน่นอน สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นบางทีก็เกิดขึ้นโดยที่เราไม่คาดคิด เด็กจะอยู่ในสังคมได้ถ้าเขามีอารมณ์ที่รู้จักปรับตัว รู้จักควบคุมอารมณ์ เห็นอกเห็นใจผู้อื่น จัดการต่ออารมณ์ของตนเองได้ และรู้จักรับผิดชอบ

3. ด้านความเป็นพลเมืองและความเป็นไทย

คุณธรรม จริยธรรม และจิตใจที่ดี เป็นสิ่งสำคัญมากต่อความเป็นไทยและความเป็นพลเมืองในศตวรรษที่ 21

ความสามารถหลัก:

การดูแลรักษาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

ความสำคัญ: ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เช่น ปัญหาฝุ่น ต้องการเด็กที่เติบโตขึ้นไปและดูแลรักษาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของตนเองให้อยู่ได้

ความสามารถในแต่ละชั้นปี:

อนุบาลปีที่ 1:

  • มีส่วนร่วมดูแลรักษาธรรมชาติ ต้นไม้ สัตว์เลี้ยง สิ่งแวดล้อม และทิ้งขยะถูกที่

อนุบาลปีที่ 2:

  • คัดแยกขยะและทิ้งขยะถูกที่

อนุบาลปีที่ 3:

  • นำวัสดุหรือสิ่งของเครื่องใช้ที่ใช้แล้วมาใช้ซ้ำหรือแปรรูปนำกลับมาใช้ใหม่

วินัยในตนเอง

การพัฒนา self-discipline ที่เกิดจากภายในของตัวเด็กเอง ไม่ใช่วินัยที่เกิดจากการบังคับ แต่เป็นวินัยที่เกิดมาจากภายในของตัวเด็กเอง ซึ่งต้องใช้เวลาในการพัฒนา

ความเป็นไทย

  • การมีมารยาทไทย
  • การปฏิบัติตามวัฒนธรรมและประเพณี
  • การภูมิใจในความเป็นไทย
  • การภูมิใจในการใช้ภาษาไทย
  • การปฏิบัติตามแนวทางของหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

การเป็นสมาชิกที่ดีของสังคมประชาธิปไตย

  • การอยู่ร่วมกันในกฎกติกาของสังคม
  • การแก้ไขข้อขัดแย้งอย่างสันติ
  • การไม่ใช้ความรุนแรงทั้งทางกายและทางจิตใจ

การประยุกต์ในห้องเรียน: ในการเล่นและทำกิจกรรมต่างๆ เด็กจะมีข้อขัดแย้งกับเพื่อน ครูจะช่วยให้เด็กเกิดการเรียนรู้ว่าการขัดแย้งสามารถแก้ไขกันได้โดยไม่ใช้ความรุนแรง

4. ด้านสติปัญญา

แม้จะแยกออกมาให้เห็นในแต่ละด้าน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเน้นเฉพาะด้านสติปัญญาด้านเดียว ทุกด้านที่กล่าวมาแล้วมีความสำคัญเท่าเทียมกับสติปัญญา

4.1 ภาษาและการรู้หนังสือ

หลักการสำคัญ: ไม่ใช่การบังคับให้เด็กอ่านออกเขียนได้ แต่เป็นการพัฒนาการรู้หนังสือขั้นต้น

องค์ประกอบของการรู้หนังสือขั้นต้น:

การมีแรงจูงใจในการอ่าน

  • การอ่านหนังสือนิทานที่เด็กชอบให้ฟัง (บางครูอ่านให้เด็กฟังทุกวัน)
  • การมีมุมหนังสือและหนังสือนิทานให้เด็กได้เข้าไปเปิดอ่าน
  • เมื่อเด็กชื่นชอบ เด็กจะทำท่าการอ่านหนังสือเหมือนผู้ใหญ่ พลิกหนังสือ มีการชี้ไปตามตัวอักษรจากบนลงล่าง และพูดอ่านนิทานไป แม้ไม่ได้อ่านถูกต้องตามนั้น

การพัฒนาคลังคำศัพท์

จากการวิจัย เด็กจะเรียนรู้ภาษาที่ 2 หรือภาษาต่างประเทศได้ดี เขาจะต้องมีคลังคำศัพท์และการใช้ภาษาแม่ที่เข้มแข็งมาก่อน มีการใช้ภาษาแม่ที่แข็งแรง รู้คำศัพท์ต่างๆ

การตระหนักรู้เกี่ยวกับหนังสือ

  • รู้ว่าหนังสือมีชื่อหนังสือ ชื่อผู้แต่ง ชื่อผู้เขียนภาพ
  • รู้ว่าการเปิดหนังสือจะเปิดอย่างไร
  • รู้จักปกหน้า ปกกลาง ปกหลัง

การรู้จักพยัญชนะและตัวอักษร

แรงจูงใจที่ดีที่สุด: สิ่งที่เกี่ยวข้องกับตัวเด็ก คือ ชื่อของเด็ก เพราะแต่ละคนจะมีชื่อเรียกแตกต่างกัน ชื่อของเด็กเป็นสิ่งแรกที่เขาจะเรียนรู้ว่าตัวอักษรชื่อของเขาคืออะไร ตัวแรกคืออะไร โดยใช้เกม ใช้ภาพ ใช้วิธีการต่างๆ เข้ามาประกอบ

วิธีการที่ไม่เหมาะสม: การให้เด็กคัดตัวอักษร กไก่ ถึง ฮนกฮูก ในแต่ละหน้า ซึ่งไม่ทำให้เด็กเกิดความสุขหรือเกิดการเรียนรู้และอยากจะอ่าน

ความสามารถในแต่ละชั้นปี:

อนุบาลปีที่ 1:

  • รู้ว่าภาพและข้อความมีความสัมพันธ์กัน
  • มีการชี้ข้อความที่เห็นบ่อยๆ
  • รู้จักตัวอักษรที่ประกอบเป็นคำที่มีความหมาย เช่น ชื่อของเด็ก

อนุบาลปีที่ 2:

  • ชี้คำหรือข้อความที่เด็กเห็นบ่อยๆ ในชีวิตประจำวัน

อนุบาลปีที่ 3:

  • รู้จักคำและออกเสียงคำที่คุ้นเคย
  • ชี้คำหรือข้อความที่เห็นบ่อยๆ
  • ชี้ตัวอักษรตัวแรกและอักษรตัวสุดท้ายของคำที่คุ้นเคยได้

4.2 การคิดรวบยอดและการคิดคำนวณ

หลักการสำคัญ: ในชีวิตประจำวันของเด็ก เด็กจะพัฒนาแนวคิดด้านคณิตศาสตร์อย่างเป็นธรรมชาติ

พื้นฐานสำคัญก่อนการเรียนจำนวนและตัวเลข:

  • การสังเกต
  • การจำแนก
  • การจัดกลุ่ม/จัดหมวดหมู่
  • การเรียนรู้รูปทรงต่างๆ
  • การเรียนรู้แบบรูป (Pattern)
  • การจับคู่ 1 ต่อ 1 (ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการเรียนบวกลบต่อไป)

ความสำคัญของบรรยากาศการเรียนรู้: ถ้าเด็กในชีวิตประจำวันได้เรียนรู้คณิตศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับตัวเขา และครูหรือผู้ที่เกี่ยวข้องส่งเสริมการเรียนรู้มีบรรยากาศที่ดึงดูดใจ จะมีความสำคัญมากต่อการเริ่มต้นการเรียนรู้คณิตศาสตร์

ความสามารถหลัก: ใช้ค่าของจำนวนและตัวเลขในชีวิตประจำวัน

ความสามารถในแต่ละชั้นปี:

  • อนุบาลปีที่ 1, 2, และ 3: ในแต่ละชั้นปีเมื่อจบแล้ว หากเด็กได้เรียนรู้คณิตศาสตร์ในชีวิตประจำวันแล้ว จะเป็นพื้นฐานที่ดีในการเรียนคณิตศาสตร์ต่อไป

4.3 การคิดแก้ปัญหาและการตัดสินใจ

องค์ประกอบสำคัญ:

  • การคิดอย่างมีเหตุมีผล
  • การคิดเชื่อมโยง
  • การมีโอกาสได้แก้ปัญหา
  • การมีการลองผิดลองถูก
  • การระบุปัญหา
  • การแก้ปัญหา
  • การสร้างตัวเลือก
  • การเลือกวิธีการ
  • การลงมือแก้ปัญหาด้วยตัวเอง

ผลลัพธ์: ทำให้เด็กได้เรียนรู้แก้ปัญหาในชีวิตประจำวันได้

4.4 การแสวงหาความรู้

ความสำคัญในยุคปัจจุบัน: ความรู้ทุกอย่างไม่ใช่เกิดจากครูเป็นผู้บอกฝ่ายเดียว ในยุคนี้แล้ว เด็กแม้จะเป็นเด็กปฐมวัย แต่เขาสามารถเรียนรู้ว่าข้อมูลต่างๆ หากอยากรู้ตอบคำถามของตนเอง จะหาได้จากไหนบ้าง อย่างไร และจะเชื่อถือในข้อมูลนั้นได้อย่างไร

ความสามารถหลัก: ค้นหาคำตอบเกี่ยวกับปัญหาหรือข้อสงสัยโดยใช้การสืบเสาะหาความรู้

การประยุกต์: ให้เด็กได้มีโอกาสในการแสวงหาความรู้ ค้นหาคำตอบ สืบเสาะหาความรู้

4.5 จินตนาการและความคิดสร้างสรรค์

ความสำคัญ: สังคมของเราต้องการบุคคลและเด็กที่เติบโตไปที่มีความคิดสร้างสรรค์

การสังเกตและประเมิน: ครูสามารถสังเกตเด็กได้จาก:

  • การทำงานศิลปะ
  • การเคลื่อนไหวจังหวะของเด็ก
  • การสร้างผลงานและชิ้นงานขึ้นมา
  • การสื่อสารความคิดและความรู้สึกของตน

ตัวอย่างความสามารถ: เด็กมีการสร้างผลงานและชิ้นงานขึ้นมา และมีการสื่อสารความคิดความรู้สึกของตนผ่านผลงานนั้น

โครงสร้างและลักษณะของหลักสูตร

การเปรียบเทียบโครงสร้าง

หลักสูตรปี 2560: มีโครงสร้างทั้งหมด 12 ข้อ ตั้งแต่ปรัชญาการศึกษาปฐมวัย วิสัยทัศน์ หลักการ จุดหมาย ลงมาสู่มาตรฐานคุณลักษณะที่พึงประสงค์

หลักสูตรปี 2568: ยังคงโครงสร้างเดิม แต่เปลี่ยนจาก “มาตรฐานคุณลักษณะที่พึงประสงค์” เป็น:

  • ความสามารถผู้เรียนเมื่อจบการศึกษาในระดับปฐมวัย
  • ความสามารถผู้เรียนเมื่อจบชั้นปี
  • การประเมินความสามารถผู้เรียน (แทนการประเมินพัฒนาการ)

ลักษณะสำคัญของหลักสูตร

1. ความเป็นเอกภาพ

ไม่ว่าผู้ที่เกี่ยวข้องจะเป็น:

  • ผู้บริหารสถานศึกษา
  • ศึกษานิเทศก์
  • ครูปฐมวัย
  • กลุ่มทุกกลุ่มที่จัดการศึกษาในระดับปฐมวัย

ทุกกลุ่มจะมีเป้าหมายร่วมกันในการพัฒนาเด็กให้มีความสามารถตามหลักสูตร:

  • ความสามารถด้านสุขภาวะทางกาย
  • ความสามารถด้านอารมณ์จิตใจและสังคม
  • ความสามารถด้านความเป็นพลเมืองและความเป็นไทย
  • ความสามารถด้านสติปัญญา

การใช้แนวคิดต่างๆ: แม้จะใช้แนวคิดการจัดการศึกษาต่างๆ เช่น แนวคิดของ Waldorf หรือ Montessori แต่ต้องพัฒนาเด็กให้มีความสามารถตามที่หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยปี 2568 กำหนด

2. ความยืดหยุ่น

  • ใช้ได้กับทุกกลุ่ม: รวมถึงเด็กที่มีความสามารถหรือมีความต้องการพิเศษ แม้จะมีพัฒนาการที่แตกต่างกัน มีลักษณะเฉพาะของตนเอง แต่ทุกคนจะได้รับการพัฒนาไปตามลำดับตามความสามารถที่หลักสูตรกำหนด โดยจะมีความแตกต่างกันในแต่ละกลุ่ม
  • ใช้ได้กับทุกกลุ่มอายุ: ตั้งแต่ 3 ขวบ 4 ขวบ 5 ขวบ
  • ยืดหยุ่นในเรื่องเวลา: หลักสูตรกำหนดว่าเด็กจะต้องมีเวลาเรียนไม่น้อยกว่า 180 วันต่อปีการศึกษา

3. คุณภาพของผู้เรียนบนพื้นฐานของพัฒนาการตามวัย

แม้จะกำหนดเป็นความสามารถ แต่ครูปฐมวัยทุกคนจะต้องทำความเข้าใจว่า เด็กที่รับผิดชอบอยู่ (ไม่ว่าจะกลุ่มอายุ 3 ขวบ 4 ขวบ 5 ขวบ) มีพัฒนาการตามวัยเป็นอย่างไร

หลักการสำคัญ: เด็กปฐมวัยจะมีพัฒนาการเป็นไปตามลำดับขั้น จะช้าเร็วแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคลขึ้นอยู่กับสิ่งแวดล้อม แต่เด็กจะพัฒนาไปตามขั้นตอนของเขา ไม่ว่าเด็กจะอยู่ในภาคใดของประเทศไทย แต่ในกลุ่มอายุ 3-6 ปีบริบูรณ์ก็จะมีพัฒนาการไปเป็นไปตามวัยของเขา

4. ใช้ได้กับทุกกลุ่มเป้าหมาย

หลักสูตรสามารถใช้ได้กับเด็กทุกกลุ่ม รวมถึงเด็กพิเศษและเด็กที่มีความต้องการที่แตกต่างกัน

จุดเน้นของหลักสูตร

1. การพัฒนาเด็กอย่างเป็นองค์รวม

จุดเน้นนี้เห็นได้ชัดเจนตั้งแต่ระดับปรัชญาการศึกษาปฐมวัย ที่ระบุความเชื่อว่าเด็กจะต้องได้รับการพัฒนาอย่างเป็นองค์รวม

หลักการ: ไม่ว่าจะเป็นสุขภาวะทางกาย อารมณ์จิตใจสังคม หรือสติปัญญา จะต้องได้รับการพัฒนาทุกด้านอย่างเท่าเทียมกัน ไม่เน้นด้านใดด้านหนึ่ง

เป้าหมาย: ต้องการเด็กที่พัฒนาได้ครบทุกด้าน ไม่ต้องการเด็กที่มี “ศีรษะโต แต่แขนขาเล็ก” หรือเด็กที่เก่งอย่างเดียวแต่ไม่มีคุณธรรมจริยธรรม เพราะเด็กเช่นนั้นจะอยู่ในสังคมไม่ได้ เข้ากับคนอื่นไม่ได้ และจะมีชีวิตที่ไม่มีความสุข

2. การยึดเด็กเป็นสำคัญ (Child-Centered)

หลักการ: เด็กแต่ละคนมีความแตกต่างกัน เด็กแต่ละคนมีลักษณะการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน:

  • บางคนเรียนรู้ได้ดีด้วยการใช้ประสาทสัมผัสทางตา
  • บางคนเรียนรู้ได้ดีด้วยการใช้ประสาทสัมผัสทางหู (เวลาที่ฟังครูพูด บางทีเด็กก็หลับตา แต่จริงๆ แล้วเขายังติดตามว่าครูต้องการอะไร พูดอะไร)
  • บางคนต้องลงมือกระทำ ได้ใช้มือ สัมผัส จับต้อง

การประยุกต์: ครูผู้สอนจะยึดว่าเด็กแต่ละคนมีความแตกต่างกัน และจัดการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับลักษณะการเรียนรู้ของเด็กแต่ละคน

3. การเรียนรู้ด้วยการลงมือกระทำ (Active Learning)

องค์ประกอบสำคัญ:

  • สื่อหลากหลาย: ครูมีสื่อหลากหลายให้เด็กเลือก ไม่ว่าจะเป็นสื่อของจริง ของจำลอง ภาพถ่าย ภาพวาด จนถึงสัญลักษณ์
  • การมีโอกาสเลือก: เด็กมีโอกาสเลือกสื่อที่ตนเองชื่นชอบ ซึ่งจะทำให้เด็กได้เรียนรู้อย่างมีความสุข
  • การลงมือกระทำ: เด็กได้ลงมือกระทำ (manipulate) และใช้ภาษาของตนเอง
  • การเสริมจากผู้ใหญ่: ผู้ใหญ่ที่อยู่รอบข้างมีการเสริมต่อให้เด็กเกิดการเรียนรู้ได้ดียิ่งขึ้น ช่วยให้เด็กพัฒนาจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งได้

4. การบูรณาการผ่านการเล่นและประสบการณ์สำคัญ

การเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยจะเกิดขึ้นผ่าน:

  • การเล่น
  • การมีปฏิสัมพันธ์ที่ดี
  • การลงมือปฏิบัติ
  • ประสบการณ์สำคัญที่ส่งเสริมการพัฒนาความสามารถของเด็ก

การจัดประสบการณ์การเรียนรู้

หลักการจัดประสบการณ์

1. การอบรมเลี้ยงดูและให้การศึกษา (Educare)

การอบรมเลี้ยงดู:

  • ดูแลเด็ก
  • ทำกิจวัตรประจำวัน
  • ให้เด็กได้มีโอกาสได้เล่น
  • ได้ออกกำลังกาย
  • ได้ออกไปเล่นกลางแจ้ง
  • ได้พักผ่อนนอนตอนกลางวันอย่างเพียงพอ

การให้การศึกษา: ครูปฐมวัยต้องให้การศึกษาให้เด็กได้เรียนรู้ในสิ่งที่เขาจะต้องเรียนรู้เกี่ยวกับ:

  • ตนเอง (เรียนรู้ชื่อ เรียนรู้เกี่ยวกับตัวเอง)
  • บุคคลที่แวดล้อม (บุคคล อาชีพต่างๆ ที่เด็กได้เข้าไปเกี่ยวข้องสัมผัส)
  • สถานที่แวดล้อม (ในโรงเรียน สถานที่ที่อยู่แวดล้อมตัวเด็กที่เด็กควรจะทำความเข้าใจ)
  • ธรรมชาติรอบตัว
  • สิ่งต่างๆ รอบตัว

หลักการสำคัญ: ใช้เนื้อหาเป็น “ทุ่นเกาะ” ไม่ใช่อบรมเลี้ยงดูให้เด็กปลอดภัยและเจริญเติบโตทางด้านร่างกายอย่างเดียว แต่ต้องให้การศึกษาให้เด็กเรียนรู้เพื่อให้เขาอยู่ในสังคมได้ โดยไม่เน้นให้เด็กท่องจำเนื้อหาได้ แต่ให้เด็กเรียนรู้เพื่อพัฒนาให้เกิดความสามารถตามที่หลักสูตรกำหนด

2. การจัดประสบการณ์การเรียนรู้เชิงรุก

ยึดหลักการ Active Learning โดย:

  • มีสื่อหลากหลาย
  • ให้เด็กมีโอกาสเลือก
  • เด็กได้ลงมือกระทำ
  • ผู้ใหญ่คอยเสริมและสนับสนุน

3. การบูรณาการบริบทสังคมและวัฒนธรรม

ความจำเป็น: ในสภาพสังคมปัจจุบัน มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม (diversity) มีการเคลื่อนไหวและการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีต่างๆ

เป้าหมาย: ให้เด็กได้เห็นความแตกต่าง และสามารถปรับตัวอยู่ได้ เรียนรู้วิถีชีวิตและวัฒนธรรมของตนเองในขณะเดียวกันก็ปรับตัวอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข

4. การมีส่วนร่วมของครอบครัว สถานศึกษา และชุมชน

ทุกฝ่ายร่วมกันพัฒนาเด็กให้เกิดความสามารถตามที่ต้องการ

แนวการจัดประสบการณ์

1. การยึดจิตวิทยาพัฒนาการ

ครูต้องมีความเข้าใจในการทำงานของสมอง เพื่อที่จะจัดประสบการณ์ได้อย่างเหมาะสมกับเด็กในวัยที่ตนเองรับผิดชอบ

2. การเรียนรู้แบบ Active Learning

ให้เด็กได้ลงมือกระทำและเรียนรู้ผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5

3. การใช้สารนิทัศน์ (Documentation)

วัตถุประสงค์: ไตร่ตรองและพัฒนาเด็กเป็นรายบุคคล

แหล่งข้อมูล:

  • การสังเกตเด็ก
  • ชิ้นงานต่างๆ ของเด็ก
  • Portfolio ของเด็ก

การใช้ประโยชน์: ครูนำข้อมูลมาพิจารณาดูเด็กเป็นรายบุคคลว่าควรจะจัดอะไรเพิ่มเติมให้เด็กพัฒนาได้ตามที่หลักสูตรกำหนด

4. การจัดกิจกรรมประจำวัน

หลักการสำคัญ: ต้องดูว่าเป็นกิจกรรมหนักหรือกิจกรรมเบา

กิจกรรมหนัก (ใช้ความคิด):

  • ไม่ควรเกิน 20 นาทีต่อครั้ง
  • ต้องมีการวางแผนอย่างดี

กิจกรรมเบา (การเล่นเสรี):

  • ประมาณ 1 ชั่วโมง
  • ให้เด็กมีโอกาสเลือกกิจกรรม

ความสมดุล: ต้องมีความสมดุลระหว่างกิจกรรมต่างๆ เป็นหลักการจัดตามหลักสูตรปฐมวัย

การประเมินผล

การเปลี่ยนแปลงในการประเมิน

หลักสูตรปี 2560: ประเมินพัฒนาการตามหลักการ 5 ข้อ

หลักสูตรปี 2568: ประเมินตามความสามารถผู้เรียน โดยมีหลักการที่ให้ผู้ปกครองมีส่วนร่วมในการประเมินด้วย

การมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง

ความสำคัญ: ผู้ปกครองมีส่วนร่วมในการประเมินจะช่วยให้การประเมินมีความครอบคลุมและตรงกับสภาพจริงของเด็กมากขึ้น เนื่องจากผู้ปกครองเห็นพฤติกรรมของเด็กที่บ้านซึ่งอาจแตกต่างจากที่โรงเรียน

วิธีการ: การมีส่วนร่วมของผู้ปกครองในการประเมินจะมีรายละเอียดเฉพาะที่จะได้รับการชี้แจงในโมดูลเกี่ยวกับการประเมินต่อไป

สาระการเรียนรู้และประสบการณ์สำคัญ

การปรับเปลี่ยนจากหลักสูตรปี 2560

หลักสูตรปี 2560:

  • ประสบการณ์สำคัญแยกตามพัฒนาการในแต่ละด้าน
  • สาระที่ควรเรียนรู้แยกเป็น: ตัวเด็ก, บุคคลและสถานที่แวดล้อมเด็ก, ธรรมชาติรอบตัว, และสิ่งต่างๆรอบตัว

หลักสูตรปี 2568:

  • ประสบการณ์สำคัญแยกตามความสามารถในแต่ละองค์ประกอบ
  • สาระที่ควรเรียนรู้ยังคงยึดหลักการเดิมว่าเนื้อหาเป็นทุ่นเกาะ แต่เพิ่มรายละเอียดเนื้อหา

หลักการสำคัญของสาระการเรียนรู้

การใช้เนื้อหาเป็นทุ่นเกาะ: เวลาที่ให้เนื้อหากับเด็กหรือ Content นั้น เนื้อหาเป็นเพียงทุ่นเกาะ สิ่งที่เด็กควรจะเรียนรู้คือสิ่งที่เด็กต้องเรียนรู้เกี่ยวกับ:

  1. ตนเอง – เรียนรู้เกี่ยวกับตัวเองก่อน เรียนรู้ชื่อ เรียนรู้เกี่ยวกับตัวเอง
  2. บุคคลที่แวดล้อม – เรียนรู้บุคคลที่อยู่แวดล้อม อาชีพต่างๆ ที่เด็กได้เข้าไปเกี่ยวข้องสัมผัส
  3. สถานที่แวดล้อม – เรียนรู้ในสถานที่แวดล้อม ในโรงเรียน สถานที่ที่อยู่แวดล้อมตัวเด็กที่เด็กควรจะทำความเข้าใจ
  4. ธรรมชาติรอบตัว – เรียนรู้ว่าธรรมชาติรอบตัวมีอะไรบ้าง
  5. สิ่งต่างๆ รอบตัว – เรียนรู้ว่าสิ่งต่างๆ รอบตัวมีอะไร

จุดประสงค์: ใช้เนื้อหาเป็นทุ่นที่นำมาให้เด็กได้เกิดการเรียนรู้เพื่อให้เกิดความสามารถตามองค์ประกอบที่หลักสูตรกำหนดขึ้นมา

การไม่เน้นการท่องจำ: ไม่เน้นให้เด็กท่องจำเนื้อหาได้ แต่ให้เด็กเรียนรู้เพื่อพัฒนาให้เกิดความสามารถตามที่หลักสูตรกำหนด

ความหมายและบทบาทของหลักสูตร

ความหมายของหลักสูตร

ความหมายกว้าง: ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในห้องเรียน ในโรงเรียน ที่เด็กได้รับประสบการณ์ ถือว่าเป็นหลักสูตรที่จะทำให้เด็กเกิดการเรียนรู้และเกิดความสามารถตามที่หลักสูตรกำหนด

ความหมายแคบ: เอกสารหลักสูตรในปี 2568 ที่มีการกำหนดโครงสร้างและรายละเอียดต่างๆ อย่างชัดเจน

บทบาทของหลักสูตร: เป็นกรอบทิศทางหรือแนวปฏิบัติที่ผู้ที่เกี่ยวข้องจะต้องทำความเข้าใจ ไม่ว่าจะเป็น:

  • ผู้บริหารสถานศึกษา
  • ศึกษานิเทศก์
  • ครูปฐมวัย

ทุกฝ่ายต้องทำความเข้าใจว่าหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยปี 2568 มีเป้าหมายอะไรบ้าง เพื่อที่จะนำไปสู่การปฏิบัติได้ตรงกับเป้าหมายที่หลักสูตรต้องการ

ความเชื่อมโยงกับการวิจัยและทฤษฎี

การเรียนรู้ทางอารมณ์และสังคม (Social Emotional Learning)

ความสำคัญระดับโลก: หลายประเทศทั่วโลกมองเห็นความสำคัญของการเรียนรู้ทางอารมณ์และสังคมอย่างมากในโลกปัจจุบัน เพราะมีผลต่อการเรียน การทำงาน และชีวิตของเด็ก

องค์ประกอบของความฉลาดทางอารมณ์:

  1. การตระหนักรู้ตนเอง – รู้ว่าตนเองคือใคร ชอบไม่ชอบอะไร มีความรู้สึกและอารมณ์อย่างไร
  2. การกำกับตนเอง – การจดจ่อ ตั้งใจ สนใจ ควบคุมอารมณ์ จัดการกับความคิด พฤติกรรม และความรู้สึก
  3. การเห็นอกเห็นใจผู้อื่น – ความสามารถในการเข้าใจและรับรู้ความรู้สึกของผู้อื่น
  4. การมีแรงจูงใจภายใน – ความสามารถในการพัฒนาตนเอง
  5. การมีสัมพันธภาพและทักษะทางสังคม – การใช้ภาษาสื่อสารและทักษะต่างๆ ในการอยู่ร่วมกับผู้อื่น

การพัฒนาการรู้หนังสือขั้นต้น (Early Literacy)

หลักการจากการวิจัย:

  • เด็กจะเรียนรู้ภาษาที่ 2 หรือภาษาต่างประเทศได้ดี ต้องมีคลังคำศัพท์และการใช้ภาษาแม่ที่เข้มแข็งมาก่อน
  • การพัฒนาการรู้หนังสือต้องเริ่มจากการสร้างแรงจูงใจในการอ่าน
  • การรู้จักตัวอักษรควรเริ่มจากสิ่งที่เกี่ยวข้องกับตัวเด็ก โดยเฉพาะชื่อของเด็ก

ทักษะศตวรรษที่ 21

หลักสูตรมีการบูรณาการทักษะสำคัญสำหรับศตวรรษที่ 21:

  • ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity)
  • การคิดวิเคราะห์ (Critical Thinking)
  • การคิดวิจารณญาณ (Analytical Thinking)
  • การทำงานร่วมกัน (Collaboration)
  • การสื่อสาร (Communication)

แต่ทักษะเหล่านี้ต้องอยู่บนพื้นฐานของคุณธรรม จริยธรรม และมีจิตใจที่ดีงาม

การนำหลักสูตรไปสู่การปฏิบัติ

ความท้าทายในการนำไปปฏิบัติ

1. ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน

ตัวอย่างความเข้าใจผิด: บางท่านเข้าใจผิดว่าหลักสูตรปี 2568 ที่ระบุเรื่องภาษาและการรู้หนังสือ หมายความว่าต้องสอนให้เด็กอ่านออกเขียนได้

ความเป็นจริง: หลักสูตรเน้นการพัฒนาการรู้หนังสือขั้นต้น ไม่ใช่การบังคับให้อ่านออกเขียนได้ การเน้นการอ่านออกเขียนได้สำหรับเด็กปฐมวัยอาจไม่เหมาะสมกับพัฒนาการของเด็กในวัยนี้

2. การสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง

สิ่งที่ต้องทำ:

  • ศึกษาเอกสารหลักสูตรให้ละเอียด
  • ทำความเข้าใจหลักการและแนวคิดหลัก
  • นำหลักสูตรไปสู่การปฏิบัติที่ถูกต้อง
  • พัฒนาเด็กตามความสามารถที่หลักสูตรกำหนด

แนวทางการนำไปปฏิบัติ

1. สำหรับผู้บริหารสถานศึกษา

  • ทำความเข้าใจหลักสูตรอย่างลึกซึ้ง
  • กำหนดวิสัยทัศน์ของสถานศึกษาให้สอดคล้องกับหลักสูตร
  • สนับสนุนครูในการพัฒนาความเข้าใจและทักษะ
  • จัดหาสื่อและสิ่งอำนวยความสะดวกที่เหมาะสม

2. สำหรับศึกษานิเทศก์

  • ศึกษาและทำความเข้าใจหลักสูตรอย่างถ่องแท้
  • ให้คำแนะนำและการนิเทศที่ถูกต้อง
  • ช่วยครูแก้ไขความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
  • ติดตามและประเมินการนำหลักสูตรไปปฏิบัติ

3. สำหรับครูปฐมวัย

  • ศึกษาหลักสูตรอย่างละเอียด
  • ทำความเข้าใจพัฒนาการของเด็กในแต่ละวัย
  • จัดประสบการณ์การเรียนรู้ที่หลากหลาย
  • สังเกตและประเมินเด็กอย่างต่อเนื่อง
  • ใช้สารนิทัศน์ในการพัฒนาเด็กรายบุคคล

4. สำหรับผู้ปกครอง

  • ทำความเข้าใจหลักสูตรและการจัดการศึกษาปฐมวัย
  • ร่วมมือกับสถานศึกษาในการพัฒนาเด็ก
  • มีส่วนร่วมในการประเมินเด็ก
  • สนับสนุนการเรียนรู้ของเด็กที่บ้าน

ประโยชน์ที่คาดหวังจากหลักสูตรใหม่

1. เด็กมีความพร้อมสำหรับการเรียนรู้ต่อไป

เด็กที่ได้รับการพัฒนาตามหลักสูตรนี้จะมีความพร้อมที่จะขึ้นไปอยู่ในชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 และเรียนรู้ร่วมกันไปตามหลักสูตรที่ประถมศึกษากำหนดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2. เด็กมีพื้นฐานทักษะชีวิตที่แข็งแกร่ง

เด็กจะมีทักษะในการ:

  • กำกับตนเอง
  • แก้ปัญหา
  • ทำงานร่วมกับผู้อื่น
  • สื่อสาร
  • ดูแลตนเองและผู้อื่น

3. เด็กมีความสามารถในการปรับตัว

เด็กจะสามารถ:

  • อยู่ในสังคมที่หลากหลายได้อย่างมีความสุข
  • ปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลง
  • เคารพความแตกต่าง
  • รักษาและภูมิใจในความเป็นไทย

4. เด็กมีจิตสำนึกรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

เด็กจะ:

  • ดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม
  • มีความรับผิดชอบต่อส่วนรวม
  • ปฏิบัติตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง
  • เป็นพลเมืองที่ดีของสังคม

บทสรุป

หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2568 เป็นการปรับปรุงที่สำคัญและเป็นระบบ ที่สะท้อนถึงความเข้าใจเชิงลึกเกี่ยวกับการพัฒนาเด็กปฐมวัยและความต้องการของสังคมไทยในศตวรรษที่ 21 การปรับปรุงนี้ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงแบบรุนแรง แต่เป็นการพัฒนาต่อยอดจากหลักสูตรเดิมให้มีความทันสมัย ครอบคลุม และตอบสนองความต้องการของเด็กและสังคมได้ดียิ่งขึ้น

จุดเด่นของหลักสูตรใหม่

  1. ความชัดเจนในการกำหนดความสามารถ – แยกความสามารถในแต่ละชั้นปีและเมื่อจบการศึกษาอย่างชัดเจน
  2. การบูรณาการที่สมบูรณ์ – นำองค์ความรู้และทักษะต่างๆ มาบูรณาการได้อย่างลงตัว
  3. ความยืดหยุ่นในการปฏิบัติ – สามารถนำไปปรับใช้กับบริบทและเด็กที่หลากหลาย
  4. การเน้นทักษะสำหรับอนาคต – เตรียมเด็กสำหรับการเป็นพลเมืองโลกในศตวรรษที่ 21

ความสำคัญของการนำไปปฏิบัติ

หลักสูตรที่ดีจะมีประสิทธิภาพได้ก็ต่อเมื่อมีการนำไปปฏิบัติอย่างถูกต้อง การนำหลักสูตรนี้ไปสู่การปฏิบัติจึงต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ:

  • ผู้บริหารสถานศึกษา ที่ต้องสร้างนโยบายและสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้
  • ศึกษานิเทศก์ ที่ต้องให้คำแนะนำและการนิเทศที่ถูกต้อง
  • ครูปฐมวัย ที่ต้องมีความเข้าใจและทักษะในการจัดประสบการณ์การเรียนรู้
  • ผู้ปกครอง ที่ต้องเข้าใจและร่วมมือในการพัฒนาเด็ก

วิสัยทัศน์สำหรับอนาคต

เมื่อหลักสูตรนี้ได้รับการนำไปปฏิบัติอย่างเต็มรูปแบบและถูกต้อง คาดหวังว่าเด็กไทยจะเติบโตเป็น:

  • มนุษย์ที่สมบูรณ์ ที่มีพัฒนาการครบทุกด้านอย่างสมดุล
  • พลเมืองที่ดี ที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
  • คนไทยที่ภูมิใจ ในอัตลักษณ์และวัฒนธรรมของตนเอง
  • ผู้เรียนรู้ตลอดชีวิต ที่มีทักษะในการปรับตัวและเรียนรู้ต่อไป
  • สมาชิกสังคมโลก ที่สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างสันติและสร้างสรรค์

หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2568 จึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการวางรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับอนาคตของเด็กไทย และการพัฒนาประเทศชาติในระยะยาว การลงทุนในการศึกษาปฐมวัยที่มีคุณภาพจะส่งผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมไทยในอนาคตอย่างแน่นอน

ดังนั้น การที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้ศึกษา ทำความเข้าใจ และนำหลักสูตรนี้ไปสู่การปฏิบัติอย่างจริงจัง จะเป็นการมอบของขวัญที่ล้ำค่าที่สุดให้กับเด็กไทยและอนาคตของประเทศชาติ ขอให้ทุกท่านร่วมมือกันทำให้หลักสูตรนี้บรรลุเป้าหมายในการสร้างเด็กไทยที่มีคุณภาพ อยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข และเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์อย่างแท้จริง

ตารางสังเคราะห์หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2568

ตารางที่ 1: เปรียบเทียบโครงสร้างหลักสูตร

องค์ประกอบหลักสูตรปี 2560หลักสูตรปี 2568การเปลี่ยนแปลง
ปรัชญาแรกเกิด-6 ปีบริบูรณ์3-6 ปีบริบูรณ์ + ทักษะชีวิตโฟกัสชัดเจนขึ้น
วิสัยทัศน์4 ด้านพัฒนาการ5 ด้านความสามารถครอบคลุมมากขึ้น
หลักการการอบรมเลี้ยงดู + ส่งเสริมพัฒนาการเดิม + Active Learning + บูรณาการวัฒนธรรมเพิ่ม 2 หลักการ
จุดหมาย4 ข้อตามด้านพัฒนาการ5 ข้อ + รายละเอียดเพิ่มเติมชัดเจนและเฉพาะเจาะจง
คุณภาพผู้เรียนมาตรฐาน 12 ข้อ + ตัวบ่งชี้ 29 ข้อความสามารถตามชั้นปีและเมื่อจบเปลี่ยนมาเป็นความสามารถ
การประเมินประเมินพัฒนาการ 5 หลักการประเมินความสามารถ + ส่วนร่วมผู้ปกครองเน้นการมีส่วนร่วม

ตารางที่ 2: การเปลี่ยนแปลงด้านพัฒนาการ

ด้านหลักสูตรปี 2560หลักสูตรปี 2568เหตุผลการเปลี่ยนแปลง
ด้านที่ 1ร่างกายสุขภาวะทางกายเน้นความเป็นอยู่ที่ดีครอบคลุม
ด้านที่ 2อารมณ์จิตใจอารมณ์จิตใจและสังคมมีความเชื่อมโยงในโลกปัจจุบัน
ด้านที่ 3สังคมความเป็นพลเมืองและความเป็นไทยเน้นความสำคัญเฉพาะ
ด้านที่ 4สติปัญญาสติปัญญา (5 องค์ประกอบ)แยกย่อยให้ชัดเจน
ด้านที่ 5จิตสำนึกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมตอบสนองปัญหาสิ่งแวดล้อม

ตารางที่ 3: ความสามารถด้านสุขภาวะทางกายตามชั้นปี

ความสามารถอนุบาล 1 (3-4 ขวบ)อนุบาล 2 (4-5 ขวบ)อนุบาล 3 (5-6 ขวบ)
ความปลอดภัย• ใช้เครื่องใช้อย่างปลอดภัย
• ไม่ไปกับคนแปลกหน้า
• วางแผนทำกิจกรรมจนสำเร็จ
• คัดแยกขยะถูกที่
• ระมัดระวังจากบุคคล สิ่งแวดล้อม
• วางเป้าหมายและมุ่งมั่น
การดูแลสิ่งแวดล้อม• ทิ้งขยะถูกที่
• แยกขยะ
• คัดแยกขยะ
• ทิ้งขยะถูกที่
• นำวัสดุมาใช้ซ้ำ
• แปรรูปของใช้
พัฒนาการกล้ามเนื้อกล้ามเนื้อใหญ่-เล็กเบื้องต้นประสานสัมพันธ์ดีขึ้นเคลื่อนไหวคล่องแคล่ว

ตารางที่ 4: ความสามารถด้านอารมณ์จิตใจและสังคม

ตารางที่ 5: ความสามารถด้านสติปัญญา – 5 องค์ประกอบ

องค์ประกอบจุดเน้นตัวอย่างการพัฒนาข้อควรระวัง
1. ภาษาและการรู้หนังสือการรู้หนังสือขั้นต้น• แรงจูงใจในการอ่าน
• รู้จักตัวอักษรจากชื่อตนเอง
• เข้าใจความสัมพันธ์ภาพ-ข้อความ
ไม่ใช่การบังคับให้อ่านออกเขียนได้
2. การคิดรวบยอดและคำนวณคณิตศาสตร์ในชีวิตประจำวัน• สังเกต จำแนก จัดกลุ่ม
• รู้จักรูปทรง แบบรูป
• จับคู่ 1 ต่อ 1
พื้นฐานก่อนการบวกลบ
3. การคิดแก้ปัญหาและตัดสินใจคิดอย่างมีเหตุผล• ระบุปัญหา
• สร้างตัวเลือก
• ลงมือแก้ปัญหา
ให้โอกาสลองผิดลองถูก
4. การแสวงหาความรู้ทักษะศตวรรษที่ 21• ค้นหาคำตอบ
• ใช้แหล่งข้อมูล
• เลือกข้อมูลที่ถูกต้อง
ไม่ใช่ครูบอกฝ่ายเดียว
5. จินตนาการและความคิดสร้างสรรค์การสร้างสรรค์• งานศิลปะ
• การเคลื่อนไหว
• สื่อสารความคิดความรู้สึก
สำคัญต่อสังคมอนาคต

ตารางที่ 6: ลักษณะและจุดเน้นของหลักสูตร

ลักษณะรายละเอียดประโยชน์
ความเป็นเอกภาพเป้าหมายร่วมกันทุกสถานศึกษาทั่วประเทศมาตรฐานเดียวกัน
ความยืดหยุ่น• ใช้ได้กับเด็กทุกกลุ่ม
• ปรับได้ตามบริบท
• เวลาเรียน 180 วัน/ปี
เหมาะกับความหลากหลาย
พื้นฐานพัฒนาการตามวัยยึดพัฒนาการเป็นหลักเหมาะสมกับเด็ก
การพัฒนาองค์รวมทุกด้านเท่าเทียมกันเด็กพัฒนาสมบูรณ์

ตารางที่ 7: หลักการจัดประสบการณ์การเรียนรู้

หลักการองค์ประกอบการปฏิบัติ
Active Learning• สื่อหลากหลาย
• โอกาสเลือก
• ลงมือกระทำ
• ผู้ใหญ่เสริม
• ของจริง-จำลอง-ภาพ-สัญลักษณ์
• เด็กเลือกเอง• Manipulate + ใช้ภาษา
• Scaffolding
บูรณาการวัฒนธรรม• ความหลากหลาย
• การปรับตัว
• รักษาอัตลักษณ์
• เรียนรู้วัฒนธรรมตนเอง
• ปรับตัวในสังคม
• ภูมิใจความเป็นไทย
การมีส่วนร่วม• ครอบครัว
• สถานศึกษา
• ชุมชน
• ผู้ปกครองประเมินร่วม
• ครูจัดประสบการณ์
• ชุมชนสนับสนุน

ตารางที่ 8: การจัดกิจกรรมประจำวัน

ประเภทกิจกรรมระยะเวลาลักษณะตัวอย่าง
กิจกรรมหนักไม่เกิน 20 นาทีใช้ความคิด จดจ่อสูง• กิจกรรมที่ต้องคิดวิเคราะห์
• การแก้ปัญหา
• การเรียนรู้แนวคิดใหม่
กิจกรรมเบาประมาณ 1 ชั่วโมงเลือกได้ตามใจชอบ• การเล่นเสรี
• กิจกรรมศิลปะ
• การเล่นกลางแจ้ง
ความสมดุลตลอดวันสลับกันอย่างเหมาะสมมีทั้งกิจกรรมที่ท้าทายและผ่อนคลาย

ตารางที่ 9: การประเมินผลและการมีส่วนร่วม

แง่มุมหลักสูตรปี 2560หลักสูตรปี 2568ประโยชน์
วิธีการประเมินประเมินพัฒนาการประเมินความสามารถเน้นสิ่งที่เด็กทำได้
หลักการ5 หลักการความสามารถ + ส่วนร่วมผู้ปกครองครอบคลุมและแท้จริง
เครื่องมือ• การสังเกต
• แบบประเมิน
• การสังเกต
• ชิ้นงาน
• Portfolio
• การประเมินร่วมกับผู้ปกครอง
ข้อมูลหลากหลายมากขึ้น
การใช้ประโยชน์รายงานพัฒนาการสารนิทัศน์ + พัฒนารายบุคคลนำไปพัฒนาเด็กต่อได้

ตารางที่ 10: การนำหลักสูตรไปสู่การปฏิบัติ

กลุ่มเป้าหมายบทบาทหน้าที่สิ่งที่ต้องทำผลลัพธ์ที่คาดหวัง
ผู้บริหารกำหนดนโยบาย• ศึกษาหลักสูตร
• กำหนดวิสัยทัศน์
• สนับสนุนครู
• จัดหาสื่อ
สถานศึกษามีทิศทางชัดเจน
ศึกษานิเทศก์นิเทศแนะนำ• ศึกษาอย่างลึก
• แนะนำครู
• แก้ไขความเข้าใจผิด
• ติดตามประเมิน
ครูปฏิบัติถูกต้อง
ครูปฐมวัยจัดการเรียนรู้• ศึกษาหลักสูตร
• เข้าใจพัฒนาการ
• จัดประสบการณ์
• ใช้สารนิทัศน์
เด็กพัฒนาตามความสามารถ
ผู้ปกครองสนับสนุนร่วมมือ• เข้าใจหลักสูตร
• ร่วมมือกับโรงเรียน
• ประเมินร่วม
• สนับสนุนที่บ้าน
เด็กได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

ตารางที่ 11: ประโยชน์ที่คาดหวังจากหลักสูตรใหม่

ด้านประโยชน์ระยะสั้นประโยชน์ระยะยาว
ความพร้อมเรียนรู้พร้อมเข้าประถม ป.1เรียนรู้ตลอดชีวิต
ทักษะชีวิต• กำกับตนเอง
• แก้ปัญหา
• ทำงานร่วมกัน
ปรับตัวในโลกอนาคต
ความเป็นไทยรักษาอัตลักษณ์ภูมิใจในความเป็นไทย
จิตสำนึกสิ่งแวดล้อมดูแลสิ่งแวดล้อมใกล้ตัวรับผิดชอบต่อโลก
พลเมืองที่ดีอยู่ร่วมกันอย่างสันติสร้างสังคมที่ดี

ตารางที่ 12: ความท้าทายและแนวทางแก้ไข

ความท้าทายสาเหตุแนวทางแก้ไข
ความเข้าใจผิดตีความหลักสูตรผิด(เช่น บังคับให้อ่านออกเขียนได้)• อบรมชี้แจงอย่างถูกต้อง
• ยกตัวอย่างการปฏิบัติที่ดี
• ติดตามประเมินอย่างต่อเนื่อง
การขาดทักษะครูไม่เข้าใจการจัดประสบการณ์Active Learning• พัฒนาครูอย่างเป็นระบบ
• สร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้
• การนิเทศสนับสนุน
ผู้ปกครองไม่เข้าใจคาดหวังผลลัพธ์แบบเดิม• สื่อสารอย่างชัดเจน
• แสดงตัวอย่างการพัฒนา
• เชิญมีส่วนร่วม
ขาดแคลนทรัพยากรงบประมาณ สื่อ สิ่งอำนวยความสะดวก• ใช้ทรัพยากรท้องถิ่น
• สร้างสื่อจากวัสดุเหลือใช้
• ระดมทุนชุมชน

แหล่งอ้างอิง: MODULE 4 : รู้เรื่องหลักสูตร โดย รศ.ดร. พัชรี  ผลโยธิน อาจารย์พิเศษ สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2568 สำหรับเด็กอายุ 3-6 ปี สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ไลฟ์สดเมื่อวันที่ 30 เม.ย. 2025

Comments

comments

Powered by Facebook Comments

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

ติดต่อ ดร.อนุศร หงษ์ขุนทด
error: Content is protected !!