แนวทางการสังเคราะห์และพัฒนางานวิจัยเพื่อเลื่อนวิทยฐานะเชี่ยวชาญ สำหรับผู้บริหารสถานศึกษา
แนวทางการสังเคราะห์และพัฒนางานวิจัยเพื่อเลื่อนวิทยฐานะเชี่ยวชาญ สำหรับผู้บริหารสถานศึกษา
ดร.อนุศร หงษ์ขุนทด
ศึกษานิเทศก์ วิทยฐานะศึกษานิเทศก์เชี่ยวชาญ สพม.นครราชสีมา
Musicmankob@gmail.com 4 กันยายน 2568
บทนำ: จากผู้ปฏิบัติสู่ผู้นำการเปลี่ยนแปลง: การยกระดับวิชาชีพสู่ตำแหน่ง “เชี่ยวชาญ”
บทสรุปสำหรับผู้บริหาร
รายงานฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นคู่มือเชิงกลยุทธ์ที่ครอบคลุมสำหรับผู้บริหารการศึกษา (รองผู้อำนวยการและผู้อำนวยการสถานศึกษา) ที่มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาตนเองสู่การเลื่อนวิทยฐานะ “เชี่ยวชาญ” โดยเนื้อหาจะทำการวิเคราะห์และสังเคราะห์ข้อกำหนดของสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) อย่างละเอียด นำเสนอตัวอย่างรูปแบบงานวิจัยที่ประสบความสำเร็จ พร้อมทั้งให้กรอบแนวคิดและระเบียบวิธีวิจัยที่ชัดเจน นอกจากนี้ยังได้ออกแบบแนวทางปฏิบัติทีละขั้นตอนเพื่อบูรณาการกระบวนการวิจัยเข้ากับการปฏิบัติงานประจำวันผ่านข้อตกลงในการพัฒนางาน (Performance Agreement: PA) แก่นของรายงานฉบับนี้คือ การนำเสนอแนวคิดว่าการก้าวสู่ตำแหน่งเชี่ยวชาญนั้นจำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์จาก “ผู้บริหารจัดการ” (Manager) ไปสู่ “นักปฏิบัติการเชิงวิชาการ” (Scholar-Practitioner) ซึ่งใช้การวิจัยเป็นเครื่องมือหลักในการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่สามารถแก้ไขปัญหา พัฒนาสถานศึกษาได้อย่างเป็นรูปธรรม และสามารถนำไปขยายผลได้จริง
กรอบแนวคิดเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ
การเดินทางสู่ตำแหน่งเชี่ยวชาญไม่ใช่เป็นเพียงการทำผลงานเพื่อเลื่อนขั้น แต่เป็นกระบวนการเปลี่ยนผ่านทางวิชาชีพที่สำคัญยิ่ง เป็นโอกาสที่จะก้าวข้ามขอบเขตของการบริหารงานประจำวันไปสู่การเป็นผู้นำทางความคิดที่ได้รับการยอมรับ สามารถสร้างองค์ความรู้ใหม่และแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศให้แก่วงการศึกษาในวงกว้างได้ รายงานฉบับนี้จึงถูกออกแบบมาเพื่อเป็นเพื่อนร่วมทางที่เชื่อถือได้บนเส้นทางที่ท้าทาย แต่เปี่ยมไปด้วยคุณค่าและความภาคภูมิใจนี้
ส่วนที่ 1: การถอดรหัสมาตรฐานตำแหน่ง: ความคาดหวังและสมรรถนะสำหรับผู้บริหาร “วิทยฐานะเชี่ยวชาญ”
1.1 การวิเคราะห์เชิงลึกตามหลักเกณฑ์ของ ก.ค.ศ. (ว10/2564 และเอกสารที่เกี่ยวข้อง)
การประเมินเพื่อเลื่อนสู่ตำแหน่งเชี่ยวชาญตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.ค.ศ. กำหนดในหนังสือ ว10/2564 และเอกสารที่เกี่ยวข้อง 1 ได้วางกรอบการประเมินที่ชัดเจนซึ่งประกอบด้วย 3 องค์ประกอบหลักที่เชื่อมโยงกันอย่างเป็นระบบ 4 ได้แก่
- ด้านที่ ๑: ด้านทักษะการวางแผนพัฒนาสถานศึกษา กลยุทธ์ การใช้เครื่องมือหรือนวัตกรรมทางการบริหาร องค์ประกอบนี้เปรียบเสมือนการตอบคำถามว่า “ท่านได้ทำอะไร” ซึ่งมุ่งเน้นไปที่โครงการ แผนงาน หรือนวัตกรรมที่เป็นรูปธรรมที่ผู้บริหารได้พัฒนาขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาหรือยกระดับคุณภาพของสถานศึกษา 4
- ด้านที่ ๒: ด้านผลลัพธ์ในการพัฒนาการบริหารสถานศึกษา องค์ประกอบนี้คือการตอบคำถามว่า “เกิดผลอะไรขึ้นบ้าง” ซึ่งต้องการหลักฐานเชิงประจักษ์ที่แสดงให้เห็นถึงผลกระทบเชิงบวกที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงานในด้านที่ ๑ โดยต้องส่งผลต่อคุณภาพของผู้เรียน ครู และสถานศึกษาอย่างชัดเจน 4
- ด้านที่ ๓: ด้านผลงานทางวิชาการ องค์ประกอบนี้คือรายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์ที่บันทึก วิเคราะห์ และสังเคราะห์กระบวนการทั้งหมดที่เกิดขึ้นในด้านที่ ๑ และ ๒ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเข้มแข็งทางวิชาการ และเป็นการสร้างองค์ความรู้ใหม่ที่สามารถเผยแพร่และเป็นประโยชน์ต่อวงวิชาชีพต่อไป 4
ความเชื่อมโยงของทั้งสามด้านนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง หลักเกณฑ์ใหม่นี้ไม่ได้มองว่าองค์ประกอบทั้งสามเป็นสิ่งที่แยกจากกัน แต่เป็นเรื่องราวเดียวกันที่ร้อยเรียงกันอย่างมีเหตุผล กล่าวคือ ผู้บริหารต้องแสดงให้เห็นว่าได้นำ “นวัตกรรม” (ด้านที่ ๑) ไปปฏิบัติจริงจนเกิด “ผลลัพธ์” ที่วัดได้ (ด้านที่ ๒) และมีความสามารถทางวิชาการในการเรียบเรียงกระบวนการทั้งหมดออกมาเป็น “งานวิจัย” ที่มีคุณภาพ (ด้านที่ ๓) ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการบูรณาการระหว่างทฤษฎี (งานวิจัย) การปฏิบัติ (นวัตกรรม) และหลักฐาน (ผลลัพธ์) อย่างสมบูรณ์
1.2 บันไดแห่งสมรรถนะ: การจำแนกระดับ “ชำนาญการพิเศษ” “เชี่ยวชาญ” และ “เชี่ยวชาญพิเศษ”
ความเข้าใจใน “ระดับการปฏิบัติที่คาดหวัง” (Expected Level of Practice) ของแต่ละวิทยฐานะเป็นหัวใจสำคัญในการออกแบบงานวิจัยให้สอดคล้องกับข้อกำหนด
- วิทยฐานะชำนาญการพิเศษ (Specialist): ระดับการปฏิบัติที่คาดหวังคือการ ริเริ่ม พัฒนา ผู้บริหารในระดับนี้ต้องสามารถริเริ่มแนวทางใหม่ๆ และพัฒนาระบบงานที่มีอยู่ให้ดีขึ้น สามารถแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และประยุกต์ใช้แนวปฏิบัติที่ดีที่สุด (Best Practices) ให้เข้ากับบริบทของสถานศึกษาตนเองได้
- วิทยฐานะเชี่ยวชาญ (Expert): ระดับการปฏิบัติที่คาดหวังจะสูงขึ้นไปอีกขั้น คือการ คิดค้น ปรับเปลี่ยน 5 ในระดับนี้ ผู้บริหารไม่เพียงแต่ต้องพัฒนาของเดิม แต่ต้องสามารถ “คิดค้น”
นวัตกรรม (Innovation), รูปแบบ (Model) หรือ กลยุทธ์ (Strategy) ใหม่ ที่ไม่ใช่แค่การปรับปรุง แต่เป็นการสร้างวิธีการทำงานใหม่ๆ ที่แตกต่างไปจากเดิม ผลงานต้องแสดงให้เห็นถึงภาวะผู้นำในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง และสามารถใช้เป็นต้นแบบหรือแหล่งอ้างอิงสำหรับผู้อื่นได้ - วิทยฐานะเชี่ยวชาญพิเศษ (Special Expert): คือระดับสูงสุดของวิชาชีพ โดยมีความคาดหวังในระดับ สร้างการเปลี่ยนแปลง 5 ผู้บริหารในระดับนี้ต้องเป็นผู้นำทางความคิดในระดับชาติ ผลงานต้องมีอิทธิพลต่อการกำหนดนโยบาย ได้รับการเผยแพร่อย่างกว้างขวาง และเป็นแบบอย่างที่ชัดเจนสำหรับวงการศึกษาทั้งระบบ
1.3 สมรรถนะหลักที่ต้องแสดงผ่านงานวิจัย
งานวิจัยที่นำเสนอจะต้องเป็นเครื่องมือในการสะท้อนสมรรถนะหลักของผู้บริหารในระดับสูง ซึ่งเชื่อมโยงโดยตรงกับมาตรฐานตำแหน่ง 7 ดังนี้
- ความเป็นผู้นำทางวิชาการ (Academic Leadership): งานวิจัยต้องแสดงให้เห็นว่าท่านไม่ได้เป็นเพียงผู้บริหารจัดการ แต่เป็นผู้นำที่กำหนดทิศทางและยกระดับคุณภาพทางวิชาการของสถานศึกษา 9
- การบริหารการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์และนวัตกรรม (Strategic Change and Innovation Management): นี่คือสมรรถนะแกนกลางที่สำคัญที่สุด กระบวนการทำวิจัยทั้งหมดคือการบริหารจัดการโครงการนวัตกรรมเพื่อการเปลี่ยนแปลงนั่นเอง 6
- การบริหารงานชุมชนและเครือข่าย (Community and Network Management): งานวิจัยที่ดีควรมีการทำงานร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เช่น ครู ผู้ปกครอง หรือภาคีเครือข่าย ซึ่งจะสะท้อนทักษะในด้านนี้อย่างชัดเจน 8
- การพัฒนาตนเองและวิชาชีพ (Self and Professional Development): การลงมือทำวิจัยอย่างมีระเบียบแบบแผนและเข้มข้น คือสุดยอดของการแสดงออกถึงการพัฒนาตนเองและวิชาชีพอย่างแท้จริง 7
ตารางที่ 1: การวิเคราะห์เปรียบเทียบความคาดหวังด้านสมรรถนะและผลงานทางวิชาการในแต่ละวิทยฐานะ
วิทยฐานะ | คำสำคัญของความคาดหวัง | ลักษณะผลงานทางวิชาการ | ผลกระทบที่ต้องการแสดง |
ชำนาญการพิเศษ | ริเริ่ม, พัฒนา | รายงานการประเมินโครงการ, การพัฒนางานในหน้าที่, การแก้ปัญหาที่ซับซ้อน | เกิดการพัฒนางานในสถานศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล |
เชี่ยวชาญ | คิดค้น, ปรับเปลี่ยน | งานวิจัยและพัฒนา (R&D) ที่สร้าง นวัตกรรม/รูปแบบ/กลยุทธ์ ใหม่ | สร้างการเปลี่ยนแปลงในสถานศึกษา, เป็นต้นแบบที่สามารถนำไปปรับใช้ได้ |
เชี่ยวชาญพิเศษ | สร้างการเปลี่ยนแปลง | งานวิจัยที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในวงกว้าง, สร้างองค์ความรู้ใหม่ระดับชาติ | มีอิทธิพลต่อนโยบาย, เป็นแบบอย่างในระดับชาติ, สร้างการเปลี่ยนแปลงในวงวิชาชีพ |
ส่วนที่ 2: การสังเคราะห์รูปแบบงานวิจัย: แนวโน้มและองค์ประกอบของผลงานที่ประสบความสำเร็จ
2.1 การวิเคราะห์แนวโน้มหัวข้อวิจัย
จากการสังเคราะห์ข้อมูลผลงานทางวิชาการจากคลังข้อมูล 11 และวิทยานิพนธ์จำนวนมาก 12 พบว่าแนวโน้มของงานวิจัยสำหรับผู้บริหารในระดับเชี่ยวชาญมุ่งเน้นไปที่
งานวิจัยเชิงพัฒนา (Developmental Research) อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งสามารถจัดกลุ่มได้ดังนี้
- กลุ่มที่ 1: การพัฒนารูปแบบการบริหาร (Development of Management Models): เป็นหัวข้อที่ได้รับความนิยมสูงสุด โดยมุ่งสร้างกรอบการทำงานเชิงระบบที่ครอบคลุมสำหรับการบริหารจัดการในด้านใดด้านหนึ่งของสถานศึกษา คำสำคัญคือ “รูปแบบ” (Model) ซึ่งบ่งบอกถึงระบบที่มีองค์ประกอบ หลักการ และขั้นตอนการดำเนินงานที่ชัดเจน ตัวอย่างเช่น “การพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการสถานศึกษาที่มีประสิทธิผล…” 14 หรือ “การพัฒนารูปแบบการบริหารตามหลักธรรมาภิบาล…” 16
- กลุ่มที่ 2: การพัฒนากลยุทธ์การบริหาร (Development of Management Strategies): เป็นงานวิจัยที่มุ่งเน้นการสร้างแผนปฏิบัติการที่ชัดเจนเพื่อบรรลุเป้าหมายเฉพาะเจาะจง คำสำคัญคือ “กลยุทธ์” (Strategy) ซึ่งสื่อถึงแผนที่มีวัตถุประสงค์ ตัวชี้วัด และแนวทางการดำเนินงานที่นำไปปฏิบัติได้จริง ตัวอย่างเช่น “การพัฒนากลยุทธ์การบริหารสถานศึกษาสู่ความเป็นเลิศ…” 19 หรือ “การพัฒนากลยุทธ์การบริหารงานวิชาการ…” 20
- กลุ่มที่ 3: การพัฒนา/ประเมินโครงการ (Development/Evaluation of Projects): แม้จะไม่ใช่หัวข้อหลักสำหรับงานวิจัยชิ้นเอก แต่ก็มักปรากฏเป็นผลงานทางวิชาการชิ้นที่สอง โดยเป็นการประเมินโครงการที่ดำเนินการในโรงเรียนอย่างเป็นระบบเพื่อพิสูจน์ประสิทธิผล โดยอาจใช้โมเดลการประเมินที่เป็นที่ยอมรับ เช่น CIPPIEST Model 24 ตัวอย่างเช่น “การประเมินโครงการส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมนักเรียน…” 11
ข้อสังเกตที่สำคัญคือ ชื่อของผลงานวิจัยที่ประสบความสำเร็จเหล่านี้ไม่ได้มีลักษณะเป็นเชิงพรรณนาหรือสำรวจ แต่มีลักษณะเป็นเชิงรุกและเชิงพัฒนา โดยมักขึ้นต้นด้วยคำว่า “การพัฒนา…” ซึ่งสะท้อนโดยตรงถึงความคาดหวังของ ก.ค.ศ. ที่ต้องการให้ผู้บริหารเป็นผู้สร้างสรรค์นวัตกรรม ไม่ใช่เป็นเพียงผู้สังเกตการณ์หรือนักวิเคราะห์
2.2 การถอดโครงสร้างงานวิจัยที่ประสบความสำเร็จ
การวิเคราะห์โครงสร้างของงานวิจัยคุณภาพสูง 12 สามารถสรุปเป็นพิมพ์เขียวสำหรับผู้ที่กำลังจะเริ่มทำวิจัยได้ดังนี้
- บทที่ 1 บทนำ: การระบุปัญหาและความสำคัญจะหยั่งรากลึกอยู่ในบริบทจริงของสถานศึกษาที่ผู้บริหารปฏิบัติงานอยู่ โดยเชื่อมโยงกับความต้องการหรือปัญหาที่เร่งด่วนอย่างแท้จริง
- บทที่ 2 เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง: มีการทบทวนวรรณกรรมอย่างครอบคลุมเพื่อสังเคราะห์ทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง (เช่น ทฤษฎีระบบ, การบริหารเชิงกลยุทธ์) และผลการวิจัยในอดีต เพื่อสร้างกรอบแนวคิดในการวิจัย (Conceptual Framework) ที่แข็งแกร่ง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเป็น “นักวิชาการ” ของผู้บริหาร
- บทที่ 3 วิธีดำเนินการวิจัย: เป็นบทที่สำคัญอย่างยิ่งในการสร้างความน่าเชื่อถือของงานวิจัย โดยระเบียบวิธีวิจัยที่ใช้แทบทั้งหมดคือ การวิจัยและพัฒนา (Research and Development: R&D) ซึ่งมักจะแบ่งเป็น 3-4 ระยะอย่างชัดเจน 14
- บทที่ 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล: นำเสนอผลการวิจัยที่ได้จากแต่ละระยะของกระบวนการ R&D ซึ่งรวมถึงตัวนวัตกรรม (รูปแบบ/กลยุทธ์) ที่พัฒนาขึ้น และข้อมูลที่ได้จากการนำไปทดลองใช้และประเมินผล
- บทที่ 5 สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ: เป็นบทที่แสดงให้เห็นถึงคุณูปการของงานวิจัยต่อวงวิชาชีพ โดยจะมีการอภิปรายผลเพื่อเชื่อมโยงสิ่งที่ค้นพบกลับไปยังทฤษฎีในบทที่ 2 และให้ข้อเสนอแนะที่ชัดเจนว่าผู้บริหารท่านอื่นจะสามารถนำนวัตกรรมที่พัฒนาขึ้นไปประยุกต์ใช้ได้อย่างไร
ตารางที่ 2: สรุปเปรียบเทียบโครงสร้างงานวิจัยตัวอย่างสำหรับวิทยฐานะเชี่ยวชาญ
ตัวอย่างชื่อผลงานวิจัย (แหล่งอ้างอิง) | วัตถุประสงค์หลัก | ระเบียบวิธีวิจัย | ผลผลิต/นวัตกรรมหลัก |
การพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการสถานศึกษาที่มีประสิทธิผลฯ 14 | 1. สังเคราะห์องค์ประกอบ 2. สร้างและตรวจสอบรูปแบบ 3. ทดลองใช้รูปแบบ 4. ประเมินรูปแบบ | การวิจัยและพัฒนา (R&D) 4 ขั้นตอน | รูปแบบการบริหารจัดการสถานศึกษา และคู่มือการใช้รูปแบบ |
การพัฒนากลยุทธ์การบริหารสถานศึกษาสู่ความเป็นเลิศฯ 19 | 1. ศึกษาองค์ประกอบ 2. ศึกษาสภาพปัจจุบัน/พึงประสงค์ 3. พัฒนากลยุทธ์ 4. ประเมินกลยุทธ์ | การวิจัยและพัฒนา (R&D) | กลยุทธ์การบริหารสถานศึกษา 5 ด้าน พร้อมแนวทางการดำเนินงาน |
การพัฒนารูปแบบการบริหารตามหลักธรรมาภิบาลฯ 16 | 1. ศึกษาสภาพปัญหา 2. พัฒนารูปแบบ 3. ตรวจสอบรูปแบบ | การวิจัยและพัฒนา (R&D) โดยใช้การวิจัยเชิงเอกสาร, สัมภาษณ์, สนทนากลุ่ม | รูปแบบการบริหารตามหลักธรรมาภิบาล 6 องค์ประกอบ |
ส่วนที่ 3: การออกแบบระเบียบวิธีวิจัย: ชุดเครื่องมือสำหรับผู้บริหารนักนวัตกรรม
3.1 ระเบียบวิธีวิจัยหลัก: การวิจัยและพัฒนา (R&D)
การวิจัยและพัฒนา (R&D) ถือเป็นระเบียบวิธีวิจัยมาตรฐานสูงสุด (Gold Standard) สำหรับการทำผลงานเพื่อเลื่อนวิทยฐานะเชี่ยวชาญ 24 เนื่องจากเป็นกระบวนการที่มุ่งเน้นการสร้าง “ผลิตภัณฑ์” หรือ “นวัตกรรม” ที่จับต้องได้และผ่านการตรวจสอบคุณภาพอย่างเป็นระบบ 25 กระบวนการ R&D ในบริบททางการศึกษามักประกอบด้วยขั้นตอนหลักดังนี้ 14
- ระยะที่ 1: การวิจัยและรวบรวมข้อมูล (Research and Information Collecting): เป็นขั้นตอนการศึกษาสภาพปัญหาและความต้องการ (Needs Analysis) ในสถานศึกษา, การทบทวนวรรณกรรมและทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง เพื่อสังเคราะห์องค์ประกอบสำคัญที่จะนำมาใช้ในการสร้างนวัตกรรม
- ระยะที่ 2: การวางแผนและพัฒนา (Planning and Development): เป็นการออกแบบ “ร่างนวัตกรรม” (รูปแบบ, กลยุทธ์, หรือกระบวนการใหม่) โดยกำหนดหลักการ, องค์ประกอบ, และขั้นตอนการดำเนินงานอย่างละเอียด
- ระยะที่ 3: การนำไปใช้และทดสอบเบื้องต้น (Implementation and Preliminary Testing): นำร่างนวัตกรรมไปทดลองใช้ในกลุ่มเล็ก (Small Group Trial) หรือให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบความเหมาะสม (Expert Validation) ผ่านเทคนิค เช่น การสนทนากลุ่ม (Focus Group Discussion) 14 เพื่อรวบรวมข้อมูลสำหรับปรับปรุงแก้ไข
- ระยะที่ 4: การทดลองภาคสนาม, การปรับปรุง, และการสรุปผล (Main Field Testing, Revision, and Finalization): นำนวัตกรรมที่ปรับปรุงแล้วไปทดลองใช้ในบริบทจริงของสถานศึกษาอย่างเต็มรูปแบบ มีการเก็บรวบรวมข้อมูลเชิงปริมาณและคุณภาพอย่างเป็นระบบเพื่อประเมินประสิทธิผลและผลกระทบ จากนั้นจึงปรับปรุงนวัตกรรมเป็นฉบับสมบูรณ์
- ระยะที่ 5: การเผยแพร่และรายงานผล (Dissemination and Reporting): จัดทำรายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์ และอาจจัดทำคู่มือการใช้งานนวัตกรรม 14 เพื่อให้ผู้อื่นสามารถนำไปใช้ประโยชน์และขยายผลต่อไปได้
3.2 กลไกขับเคลื่อนการปฏิบัติ: การวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action Research)
การวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action Research: AR) ไม่ใช่ทางเลือกที่ใช้ทดแทน R&D แต่เป็นเครื่องมือเสริมที่ทรงพลังอย่างยิ่ง โดยถูกนำมาใช้ ภายใน ระยะที่ 3 และ 4 ของกระบวนการ R&D 31 AR เป็นกระบวนการที่ดำเนินไปเป็นวงจรซ้ำๆ ของ
การวางแผน (Plan) -> การปฏิบัติ (Act) -> การสังเกต (Observe) -> การสะท้อนผล (Reflect) หรือที่เรียกว่าวงจร PAOR ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการทดสอบและปรับปรุงนวัตกรรมในสถานการณ์จริงของโรงเรียน
- Plan: แผนการปฏิบัติคือนวัตกรรมที่ออกแบบไว้ในระยะที่ 2 ของ R&D
- Act: ผู้บริหารและทีมงานนำแผน (นวัตกรรม) ไปลงมือปฏิบัติ
- Observe: มีการเก็บรวบรวมข้อมูลอย่างเป็นระบบเกี่ยวกับกระบวนการและผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
- Reflect: ทีมงานร่วมกันวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อระบุจุดแข็ง, จุดที่ต้องปรับปรุง และบทเรียนที่ได้รับ ซึ่งผลจากการสะท้อนคิดนี้จะถูกนำไปใช้ในการปรับปรุงนวัตกรรมสำหรับวงจรต่อไป
การผสมผสานระหว่าง R&D และ AR ทำให้กระบวนการพัฒนานวัตกรรมมีความเป็นระบบและยืดหยุ่นไปพร้อมกัน R&D ให้ “กรอบการทำงาน” ที่ชัดเจนตั้งแต่ต้นจนจบ ในขณะที่ AR เป็น “กลไก” ที่ช่วยให้การพัฒนานั้นเกิดขึ้นจริงและมีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องตามข้อมูลหน้างาน
การบูรณาการที่สมบูรณ์แบบที่สุดสำหรับผู้บริหารคือการใช้ “สามประสานทองคำ” (The Golden Trio) ซึ่งประกอบด้วย การวิจัยและพัฒนา (R&D) เป็นกรอบการทำงานใหญ่, การวิจัยเชิงปฏิบัติการ (AR) เป็นกลไกการขับเคลื่อนในภาคปฏิบัติ, และ ข้อตกลงในการพัฒนางาน (PA) เป็นเครื่องมือบันทึกและรับรองผลการดำเนินงานอย่างเป็นทางการ วิธีการนี้ทำให้ผู้บริหารสามารถเปลี่ยนภาระงานด้านเอกสาร (PA) ให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการวิจัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้แต่ละรอบการประเมิน PA เป็นหนึ่งวงจรของ AR ภายในโครงการ R&D ที่ใหญ่กว่า ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยประหยัดเวลา แต่ยังสร้างหลักฐานการปฏิบัติงานที่น่าเชื่อถือและตรวจสอบได้ตลอดเส้นทาง
ส่วนที่ 4: คู่มือปฏิบัติฉบับสมบูรณ์: จากแนวคิดสู่การดำเนินงานวิจัยในบทบาทหน้าที่
4.1 ขั้นตอนที่ 1: การกำหนด “ประเด็นท้าทาย” ที่มีศักยภาพสูง
จุดเริ่มต้นของการวิจัยที่ยอดเยี่ยมคือการเลือกหัวข้อที่เหมาะสม ซึ่งต้องสอดคล้องกับความต้องการของสถานศึกษาและเป็นไปตามความคาดหวังของ ก.ค.ศ.
- เชื่อมโยงกับ PA: จุดเริ่มต้นที่ดีที่สุดคือการนำ “ประเด็นท้าทายในการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ครู และสถานศึกษา” ที่ระบุไว้ในข้อตกลงในการพัฒนางาน (PA) ของท่านมาเป็นโจทย์วิจัย 37 การทำเช่นนี้ทำให้มั่นใจได้ว่างานวิจัยของท่านเชื่อมโยงโดยตรงกับภาระงานในหน้าที่และได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการ
- เกณฑ์การเลือกหัวข้อ: ประเด็นท้าทายนั้นควรเป็นปัญหาสำคัญของสถานศึกษาที่เกี่ยวข้องกับคุณภาพผู้เรียน, ครู หรือองค์กร และที่สำคัญคือต้องมีช่องว่างให้สามารถสร้างสรรค์ “นวัตกรรม” เพื่อแก้ไขปัญหานั้นได้ ไม่ใช่เพียงการปรับปรุงเล็กๆ น้อยๆ
- การตั้งชื่อเรื่องวิจัย: ควรใช้โครงสร้าง “การพัฒนา…” เพื่อสื่อให้เห็นถึงลักษณะของงานวิจัยที่เป็นเชิงรุกและมุ่งสร้างสรรค์สิ่งใหม่ตามที่ได้วิเคราะห์ไว้ในส่วนที่ 2
4.2 ขั้นตอนที่ 2: การพัฒนาเค้าโครงการวิจัย (บทที่ 1-3)
หลังจากได้หัวข้อแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการเขียนเค้าโครงการวิจัย 3 บทแรกเพื่อวางรากฐานที่มั่นคง
- ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา: ใช้ข้อมูลจริงของสถานศึกษา (เช่น ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน, ข้อมูลระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน, ผลการประเมินครู) มาสร้างเรื่องราวที่หนักแน่นและมีหลักฐานสนับสนุนว่าเหตุใดงานวิจัยนี้จึงมีความจำเป็น
- กรอบแนวคิดในการวิจัย: สังเคราะห์ทฤษฎีและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างเป็นแผนภาพ (Conceptual Framework) ที่แสดงความสัมพันธ์ของตัวแปรต่างๆ และเป็นรากฐานทางตรรกะของรูปแบบหรือกลยุทธ์ที่ท่านกำลังจะพัฒนา
- วิธีดำเนินการวิจัย: อธิบายระเบียบวิธีวิจัย R&D ที่ท่านจะใช้ให้ชัดเจน โดยระบุขั้นตอนหรือระยะต่างๆ และอธิบายว่าจะนำวงจรการวิจัยเชิงปฏิบัติการ (AR) มาใช้ในการขับเคลื่อนแต่ละขั้นตอนอย่างไร
4.3 ขั้นตอนที่ 3: การดำเนินงานวิจัยและเก็บข้อมูลผ่าน PA
นี่คือขั้นตอนการนำแนวคิด “สามประสานทองคำ” มาสู่การปฏิบัติจริง
- ใช้ PA เป็นบันทึกการวิจัย (Research Log): ออกแบบการเขียนรายงาน PA ในแต่ละรอบการประเมินให้เป็นการบันทึกวงจรของ AR อย่างเป็นระบบ 39
- ลักษณะงานที่ปฏิบัติ (Work/Task): ระบุกิจกรรมการดำเนินงานตามแผน (Act) ในวงจรนั้นๆ
- ตัวชี้วัด (Indicators): กำหนดข้อมูลที่ท่านจะเก็บรวบรวมอย่างเป็นรูปธรรม (Observe)
- ผลลัพธ์ (Results): นำเสนอข้อมูลที่เก็บได้และทำการสะท้อนผล (Reflect) ว่าเกิดอะไรขึ้น, ได้เรียนรู้อะไร, และจะปรับปรุงอย่างไรในวงจรต่อไป
- ด้วยวิธีการนี้ เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาที่กำหนด (เช่น 3-4 ปี) ท่านจะมีชุดเอกสาร PA ที่เป็นทางการและผ่านการรับรอง ซึ่งทำหน้าที่เป็นข้อมูลดิบ (Raw Data) ที่สมบูรณ์สำหรับเขียนรายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์
4.4 ขั้นตอนที่ 4: การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนรายงานฉบับสมบูรณ์ (บทที่ 4-5)
ขั้นตอนสุดท้ายคือการเปลี่ยนข้อมูลที่รวบรวมไว้ให้กลายเป็นผลงานทางวิชาการที่มีคุณภาพ
- การวิเคราะห์ข้อมูลจาก PA: นำผลลัพธ์จากรายงาน PA หลายๆ ฉบับมาสังเคราะห์เข้าด้วยกัน เพื่อเล่าเรื่องราวการเดินทางของนวัตกรรม ตั้งแต่การเป็นร่างต้นแบบ, การผ่านการทดสอบ, การปรับปรุงแก้ไข จนกลายเป็นฉบับสมบูรณ์
- การนำเสนอนวัตกรรม: ในบทที่ 4 ให้อธิบายนวัตกรรม (รูปแบบ/กลยุทธ์) ฉบับสมบูรณ์ที่ผ่านการตรวจสอบแล้วอย่างละเอียด อาจใช้แผนภาพ, ตาราง, และจัดทำเป็นคู่มือการใช้งานประกอบ
- การแสดงให้เห็นถึงผลกระทบ: ใช้ผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้จากการดำเนินงานเพื่อพิสูจน์ว่าท่านได้บรรลุความคาดหวังของ ก.ค.ศ. ทั้งในด้านที่ ๑ (การสร้างนวัตกรรม) และด้านที่ ๒ (ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น) การอภิปรายผลในบทที่ 5 จะต้องสรุปอย่างชัดเจนว่างานของท่านสร้างการเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร และสามารถเป็นต้นแบบให้ผู้อื่นนำไปปรับใช้ได้จริง
บทสรุป: การสร้างสรรค์ผลงานทางวิชาการเพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน
สรุปกลยุทธ์สำคัญ
เส้นทางสู่ความสำเร็จในการเลื่อนวิทยฐานะเชี่ยวชาญนั้นมีกลยุทธ์ที่ชัดเจน ได้แก่ การเริ่มต้นจากการกำหนด “ประเด็นท้าทาย” ใน PA, การเลือกใช้ระเบียบวิธีวิจัยและพัฒนา (R&D) เป็นกรอบการทำงานหลัก, การใช้วิจัยเชิงปฏิบัติการ (AR) เป็นกลไกขับเคลื่อนการดำเนินงาน, และการวางกรอบของผลงานทั้งหมดให้เป็นการสร้างสรรค์ “นวัตกรรม” ที่สามารถนำไปเผยแพร่และขยายผลได้
บทส่งท้ายเพื่อเป็นกำลังใจ
การทำวิจัยเพื่อเลื่อนวิทยฐานะไม่ใช่จุดสิ้นสุด แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างอัตลักษณ์ทางวิชาชีพใหม่ในฐานะ “ผู้นำการเปลี่ยนแปลง” กระบวนการนี้จะฝังวัฒนธรรมของการสืบเสาะหาความรู้, การตัดสินใจบนฐานของข้อมูล, และการพัฒนาอย่างต่อเนื่องให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของภาวะผู้นำของท่าน ซึ่งจะสร้างประโยชน์อย่างยั่งยืนให้แก่สถานศึกษาและเส้นทางอาชีพของท่านไปอีกยาวนานหลังจากที่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งแล้ว กระบวนการนี้จะเปลี่ยนท่านจากผู้บริหารที่ “จัดการ” โรงเรียน ไปสู่ผู้นำที่ “พัฒนา” โรงเรียนอย่างแท้จริง
ผลงานที่อ้างอิง
- หนังสือ ก.ค.ศ. ว12/2564 หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งผู้บริหารการศึกษา, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 https://www.mkarea3.go.th/mk3/?p=36595
- แนวทางการดำเนินการตามหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา สังกัด สพฐ. – สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดปัตตานี, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 https://www.ptnpeo.go.th/ednews/1377/
- ล456/2566 การแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์และวิธีการปร, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 https://www.nk.ac.th/main/wp-content/uploads/2023/08/แก้ไขเพิ่มเติมวิทยฐานะตำแหน่งครู-ตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษา-และตำแหนงศึกษานิเทศก์.pdf
- ตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษา – Phrae 1, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 http://phrae1.go.th/main/sites/default/files/upfile/5.%20ว%2010%20-.20%20พ.ค.64%20%20หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินวิทยฐานะฯ%20ตำแหน่ง%20ผู้บริหารสถานศึกษา.pdf
- แนวทางการยื่นขอมี หรือเลื่อนวิทยฐานะ ตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษา …, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 https://krukob.com/web/v10-2564/
- สาขาวิชาการบริหารการศึกษา – (หลักสูตรปรับปรุง พ.ศ. 2568), เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 https://registrar.ku.ac.th/wp-content/uploads/2017/05/2568Ed.d-Edcucational-Adminstration.pdf
- มาตรฐานตำแหน่ง และมาตรฐานวิทยฐานะ – ของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 https://www.krtc.ac.th/html/images/stories/21085811.pdf
- ว3/2564 มาตรฐานตำแหน่งและมาตรฐานวิทยฐานะของข้าร, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 http://circular.otepc.go.th/files/v3-64.pdf
- การพัฒ นาแนวทางการเข้าสู่ตำแหน่ง ผู้อำนวยการสถานศึกษา – ONEC Backoffice for Administrator, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 http://backoffice.onec.go.th/uploads/Book/1561-file.pdf
- มาตรฐานกำหนดตำแหน่ง – รองผู้อำนวยการสถานศึกษา, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 https://www.nonghuaratcity.go.th/index/add_file/announce76314908_INvUf8OTue32359.pdf
- ผลงานวิชาการ, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 https://research.otepc.go.th/
- การพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการสถานศึกษาด้วย – thaijo.org, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 https://so05.tci-thaijo.org/index.php/Ratchaphruekjournal/article/download/271411/184241/1156761
- การพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการวิถีใหม่ตามหลักธรรมาภิบาล – ระบบสารสนเทศบัณฑิตวิทยาลัย – มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 https://gsmis.snru.ac.th/e-thesis/file_att1/2024021864632233108_fulltext.pdf
- การพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการสถานศึกษาที่ม – ผลงานวิชาการ, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 https://research.otepc.go.th/files/__________________________________a8ks0bqc.pdf
- การพัฒนารูปแบบการบริหารที่มีประสิทธิผลของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน จังหวัดนครศรีธรรมราช | Journal of Roi Kaensarn Academi – ThaiJO, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 https://so02.tci-thaijo.org/index.php/JRKSA/article/view/274901
- การพัฒนารูปแบบการบริหารตามหลักธรรมาภิบาลโร – Mahachulalongkornrajavidyalaya University, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 การพัฒนารูปแบบการบริหารตามหลักธรรมาภิบาลโร
- การพัฒนารูปแบบการบริหารสถานศึกษาที่มีประสิทธิผลโดยใช้โรงเรียน เป็นฐานของโรงเรียนในสังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต – มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 https://fulltext.rmu.ac.th/fulltext/2562/M128345/Somnok%20Taeesak.pdf
- การพัฒนากลยุทธ์การบริหารสถานศึกษาแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์เพื่อพัฒนาการเรียนรู้เชิงรุก(Active Learning) ของโรงเรียนจันทร์หุ่นบำเพ็ญ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 2 | วารสาร มจร อุบลปริทรรศน์ – ThaiJo, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 https://so06.tci-thaijo.org/index.php/mcjou/article/view/273527
- การพัฒนากลยุทธ์การบริหารสถานศึกษาสู่ความเป – มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 https://khoon.msu.ac.th/_dir/fulltext/2024/07/Suphi_Siphai64.pdf
- การพัฒนากลยุทธ์การบริหารงานวิชาการในสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา – DSpace at Mahasarakham University, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 http://202.28.34.124/dspace/bitstream/123456789/1112/1/61010586036.pdf
- กลยุทธ์การบริหารโรงเรียนเพื่อเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้แบบมืออาชีพ สาหรับโรงเรียนมัธยมศึกษาสังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ – ระบบสารสนเทศบัณฑิตวิทยาลัย – มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 https://gsmis.snru.ac.th/e-thesis/file_att1/2019042255632233110_fulltext.pdf
- การพัฒนารูปแบบบริหารเชิงกลยุทธ์ระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน เพื่อเสริมสร้าง – มหาวิทยาลัยนเรศวร, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 https://nuir.lib.nu.ac.th/dspace/bitstream/123456789/5939/3/SarunPremsuk.pdf
- กลยุทธ์การพัฒนาสมรรถนะผู้บริหารสถานศึกษาขั – มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 https://libdoc.dpu.ac.th/thesis/Mana.Kha.pdf
- ผลงาน ผอ.คศ.4 – Trick2Pass, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 https://trick2pass.com/director_ks4/
- การวิจัยและการพัฒนา (Research and Development) – ThaiJo, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/snru_journal/article/download/10186/9199/
- เทคนิคการทำวิจัยและพัฒนา(R&D)เพื่อเพิ่มความเชี่ยวชาญของครู(คศ.4), เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 https://www.xn--12co8bkb4ccba6b3geffwj63b.com/techniques-for-doing-research-and-development-rd-to-increase-teachers-expertise-level-4/
- การวิจัยและพัฒนาการศึกษาไทย Research and Development for Thai Education, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 การวิจัยและพัฒนาการศึกษาไทย Research and Development for Thai Education
- การวิจัยและพัฒนา Research & Development (R&D) และ การวิจัยเช P, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 การวิจัยและพัฒนา Research & Development (R&D) และ การวิจัยเช P
- การวิจัยและพัฒนาทางการนิเทศการศึกษา: แนวทางสู่นวัตกรรมการศึกษาที่ยั่งยืน », เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 https://krukob.com/web/sv-20/
- Research & Development – มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 http://web.sut.ac.th/dpn/document/ir/2565/6-R_D-Research%20Mart-IRD-SUT-3.pdf
- การวิจัยปฏิบัติการ ( Action Research ), เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 การวิจัยปฏิบัติการ ( Action Research )
- การวิจัยเชิงปฏิบัติการ : เครื่องมือสำคัญในก, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 https://icehr.tu.ac.th/storage/article_jurnals/attachments_1741937308_tlft9Qaeyi.pdf
- การวิจัย ผู้วิจัยใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action Research) มีขั้นตอน – มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 https://fulltext.rmu.ac.th/fulltext/2555/103635/chapter3.pdf
- การวิจัยทางการบริหารการศึกษา – Research in Educational Administration, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 https://archive.lib.cmu.ac.th/newbook/human/edu/2563/b16647026-2563.pdf
- การวิจัยปฏิบัติการ (action research) – มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 https://graduate.sru.ac.th/wp-content/uploads/2018/11/Action-Research-1.pdf
- ระเบียบวิธีวิจัย (Research Methodology) – สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยนเรศวร, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 ระเบียบวิธีวิจัย (Research Methodology)
- มัดรวมข้อมูลสำคัญ วPA สำหรับผู้บริหาร – Starfishlabz, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 มัดรวมข้อมูลสำคัญ วPA สำหรับผู้บริหาร
- แนวทางการเขียนข้อตกลงในการพัฒนางาน (PA) สำหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษา วิทยฐานะชำนาญการ (ว 10/2564) » – Digital Learning Classroom, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 https://krukob.com/web/v10/
- แบบรายงานการพัฒนางานตามข้อตกลงในการพัฒนางาน (PA), เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 แบบรายงานการพัฒนางานตามข้อตกลงในการพัฒนางาน (PA)
- รายงานตามข้อตกลงในการพัฒนางาน(PA) ผู้บริหารสถานศึกษา ปีงบประมาณ 2565 – AnyFlip, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 https://anyflip.com/srxwf/awpn/basic
- Untitled – วิทยาลัยเทคนิคพัทยา, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 http://www.pattayatech.ac.th/files/20130006_2211230993206.pdf
- ตัวอย่างผู้บริหารสถานศึกษา ว10/2564 เว็บไซต์รายงานผลการพัฒนางานตามข้อตกลง (PA) », เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 https://krukob.com/web/v10-3/
Comments
Powered by Facebook Comments