เกราะป้องกันผู้บริหารและครู: กฎหมายความรับผิดทางละเมิดในสถานศึกษา
เกราะป้องกันผู้บริหารและครู: กฎหมายความรับผิดทางละเมิดในสถานศึกษา
ดร.อนุศร หงษ์ขุนทด
ศึกษานิเทศก์ วิทยฐานะศึกษานิเทศก์เชี่ยวชาญ สพม.นครราชสีมา
Musicmankob@gmail.com 4 กันยายน 2568
__________________________________
บทนำ: ทำไมเรื่อง “ละเมิด” จึงสำคัญต่อวิชาชีพครูและผู้บริหาร
ในบริบทของระบบการศึกษาปัจจุบัน ผู้บริหารการศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษา ข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษาต้องปฏิบัติหน้าที่ท่ามกลางความคาดหวังและความท้าทายที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง การตัดสินใจในแต่ละวันล้วนมีความเสี่ยงทางกฎหมายแฝงอยู่ ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับนักเรียน ความผิดพลาดในการบริหารจัดการพัสดุและการเงิน หรือการดำเนินการทางวินัยที่อาจถูกโต้แย้ง สภาวะการณ์เช่นนี้อาจสร้างความหวั่นเกรงในการปฏิบัติหน้าที่และบั่นทอนขวัญกำลังใจได้ 1
ด้วยเหตุนี้ พระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 จึงเปรียบเสมือน “เกราะป้องกัน” ที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง กฎหมายฉบับนี้ถูกตราขึ้นด้วยเจตนารมณ์ที่ชัดเจน คือ เพื่อให้ความคุ้มครองแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งปฏิบัติงานเพื่อประโยชน์สาธารณะ มิใช่ประโยชน์ส่วนตน 2 โดยกำหนดหลักการใหม่ที่แตกต่างจากหลักกฎหมายแพ่งทั่วไป เพื่อให้เจ้าหน้าที่กล้าคิด กล้าตัดสินใจ และปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะต้องรับผิดเป็นการส่วนตัวสำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นจากความผิดพลาดโดยสุจริตในการปฏิบัติหน้าที่ 5
อย่างไรก็ตาม เกราะป้องกันนี้มิได้หมายถึงการให้ความคุ้มครองอย่างไม่มีขอบเขต กฎหมายได้สร้างสมดุลระหว่างการให้ความคุ้มครองแก่เจ้าหน้าที่และการเยียวยาความเสียหายให้แก่ประชาชน โดยวางหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ชัดเจนในการรับผิด ดังนั้น การทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงหลักการ กรณีศึกษา และแนวปฏิบัติที่ถูกต้องตามกฎหมายจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับบุคลากรทางการศึกษาทุกคน รายงานฉบับนี้จะนำเสนอองค์ความรู้ที่ครอบคลุม ตั้งแต่การถอดรหัสหลักกฎหมายสำคัญ การวิเคราะห์บทเรียนจากคดีตัวอย่าง ไปจนถึงการวางแนวทางการบริหารจัดการความเสี่ยงเชิงรุก เพื่อให้ผู้บริหารและครูสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมืออาชีพ มั่นคง และปลอดภัยจากคดีความรับผิดทางละเมิด
ส่วนที่ 1: ถอดรหัส พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539
เพื่อที่จะเข้าใจถึงกลไกการทำงานของกฎหมายฉบับนี้ จำเป็นต้องทำความเข้าใจองค์ประกอบพื้นฐานที่เปรียบเสมือนเสาหลักของกฎหมาย ซึ่งจะใช้เป็นเกณฑ์ในการพิจารณาความรับผิดในทุกกรณี
1.1 หลักการสำคัญ: ใครคือ “เจ้าหน้าที่” และการกระทำใดคือ “ละเมิด”
ก่อนจะพิจารณาว่ากฎหมายฉบับนี้ให้ความคุ้มครองหรือไม่ ต้องตอบคำถามพื้นฐานสองข้อให้ได้เสียก่อน คือ ผู้กระทำอยู่ในสถานะ “เจ้าหน้าที่” หรือไม่ และการกระทำนั้นเข้าข่ายเป็น “การละเมิด” หรือไม่
นิยามของ “เจ้าหน้าที่”: ตามพระราชบัญญัตินี้ คำว่า “เจ้าหน้าที่” มีความหมายกว้างกว่าเพียงข้าราชการ โดยครอบคลุมถึงข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง หรือผู้ปฏิบัติงานประเภทอื่น ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตั้งในฐานะเป็นกรรมการหรือในฐานะอื่นใด 1 ดังนั้น ในบริบทของสถานศึกษา จึงหมายรวมถึงผู้อำนวยการสถานศึกษา รองผู้อำนวยการ ข้าราชการครู พนักงานราชการ ลูกจ้าง ตลอดจนคณะกรรมการสถานศึกษาที่ได้รับการแต่งตั้งตามกฎหมาย ทุกคนจึงอยู่ภายใต้ความคุ้มครองของกฎหมายฉบับนี้
นิยามของ “ละเมิด”: การกระทำที่จะถือเป็นการละเมิดนั้น ต้องครบองค์ประกอบ 3 ประการตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 ได้แก่ 7
- กระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ: เป็นการกระทำโดยรู้สำนึกถึงผลเสียหาย (จงใจ) หรือกระทำโดยปราศจากความระมัดระวังตามสมควร (ประมาทเลินเล่อ) 9
- กระทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมาย: การกระทำนั้นต้องเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมายหรือละเมิดสิทธิของผู้อื่น
- ทำให้เขาเสียหาย: การกระทำนั้นต้องเป็นผลโดยตรงที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ชีวิต ร่างกาย อนามัย เสรีภาพ ทรัพย์สิน หรือสิทธิของบุคคลอื่น 11
หากการกระทำใดขาดองค์ประกอบข้อใดข้อหนึ่งไป ก็จะไม่ถือเป็นการละเมิด และไม่มีความรับผิดต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเกิดขึ้น 9
1.2 เส้นแบ่งความรับผิด: การปฏิบัติหน้าที่ VS การกระทำส่วนตัว
นี่คือหัวใจสำคัญที่สุดของ พ.ร.บ. ฉบับนี้ เพราะเป็นเกณฑ์ที่ใช้ชี้ขาดว่า “รัฐ” หรือ “ตัวเจ้าหน้าที่” จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น
- การกระทำ “ในการปฏิบัติหน้าที่” (มาตรา 5): หากการกระทำละเมิดของเจ้าหน้าที่เกิดขึ้น “ในการปฏิบัติหน้าที่” กฎหมายกำหนดให้ “หน่วยงานของรัฐ” (เช่น โรงเรียน หรือสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา) เป็นผู้รับผิดต่อผู้เสียหายแต่เพียงผู้เดียว ในกรณีนี้ ผู้เสียหายจะต้องฟ้องหน่วยงานของรัฐโดยตรง และ จะฟ้องตัวเจ้าหน้าที่ผู้กระทำไม่ได้ 2 นี่คือหลักการสำคัญที่ย้ายภาระความรับผิดจากบ่าของเจ้าหน้าที่ไปสู่หน่วยงาน
- การกระทำที่ “มิใช่การปฏิบัติหน้าที่” (มาตรา 6): ในทางกลับกัน หากการกระทำละเมิดนั้นเป็นการกระทำส่วนตัว หรือนอกขอบเขตอำนาจหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย “เจ้าหน้าที่ผู้นั้นจะต้องรับผิดเป็นการเฉพาะตัว” ผู้เสียหายสามารถฟ้องร้องเจ้าหน้าที่ได้โดยตรง และจะฟ้องหน่วยงานของรัฐให้ร่วมรับผิดไม่ได้ 4
เส้นแบ่งระหว่าง “การปฏิบัติหน้าที่” และ “การกระทำส่วนตัว” นี้เองที่มักเป็นประเด็นโต้แย้งสำคัญในชั้นศาล การพิจารณาไม่ได้ขึ้นอยู่กับสถานที่หรือเวลาที่เกิดเหตุเสมอไป แต่ขึ้นอยู่กับ “ลักษณะของการกระทำ” เป็นสำคัญ แนวคำพิพากษาของศาลได้วางบรรทัดฐานไว้ว่า การกระทำที่อยู่นอกเหนือขอบวัตถุประสงค์แห่งภารกิจของหน่วยงาน หรือการกระทำความผิดอาญาร้ายแรง เช่น การล่วงละเมิดทางเพศนักเรียน แม้จะเกิดขึ้นในโรงเรียนและในเวลาราชการ ศาลจะตีความว่าเป็นการกระทำส่วนตัวที่เจ้าหน้าที่ต้องรับผิดเอง 14 เกราะป้องกันของกฎหมายจึงมีไว้สำหรับคุ้มครองการทำงานเพื่อประโยชน์สาธารณะ ไม่ใช่คุ้มครองการกระทำที่ผิดศีลธรรมหรือผิดกฎหมายอาญาของตัวบุคคล
1.3 เกราะคุ้มกันสำคัญ: “ประมาทเลินเล่อธรรมดา” กับ “ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง”
แม้ว่าในเบื้องต้นหน่วยงานของรัฐจะต้องเป็นผู้รับผิดต่อบุคคลภายนอกสำหรับการกระทำในการปฏิบัติหน้าที่ แต่กฎหมายได้วางกลไกชั้นที่สองไว้เพื่อสร้างความเป็นธรรม นั่นคือ “สิทธิไล่เบี้ย” ของหน่วยงาน ซึ่งจะทำได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับระดับความประมาทของเจ้าหน้าที่
สิทธิไล่เบี้ยของหน่วยงานรัฐ (มาตรา 8): หลังจากที่หน่วยงานของรัฐได้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เสียหายไปแล้ว หน่วยงานจะมีสิทธิเรียกให้เจ้าหน้าที่ผู้กระทำละเมิดชดใช้เงินคืนได้ ก็ต่อเมื่อการกระทำนั้นเกิดจาก “ความจงใจ” หรือ “ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง” เท่านั้น 2
ความคุ้มครองสำหรับ “ประมาทเลินเล่อธรรมดา”: หากความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่เป็นเพียงความประมาทเลินเล่อในระดับธรรมดา ซึ่งหมายถึงการขาดความระมัดระวังไปบ้างแต่ไม่ถึงกับร้ายแรง เจ้าหน้าที่จะได้รับความคุ้มครองอย่างเต็มที่ หน่วยงานของรัฐ ไม่มีสิทธิไล่เบี้ย เอากับเจ้าหน้าที่ผู้นั้น และต้องรับภาระค่าเสียหายไว้เอง 17 นี่คือแก่นแท้ของ “เกราะป้องกัน” ที่กฎหมายมอบให้
นิยามของ “ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง”: ไม่ใช่แค่ความพลั้งเผลอหรือขาดความรอบคอบเล็กน้อย แต่หมายถึงการกระทำโดยปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์อย่างมาก 9 หรือกล่าวคือ เป็นการละเลยหรือไม่ใส่ใจต่อหน้าที่อย่างเห็นได้ชัด เช่น การฝ่าฝืนกฎหมายหรือระเบียบที่กำหนดวิธีปฏิบัติไว้อย่างชัดเจน 8, การกระทำผิดซ้ำๆ ในเรื่องเดียวกัน, หรือการปฏิบัติที่ผิดไปจากมาตรฐานวิชาชีพอย่างมาก 8 ดังเช่นในคดีที่ผู้อำนวยการโรงเรียนทราบว่ามีครูไม่มาปฏิบัติราชการเป็นเวลานานแต่ไม่ดำเนินการระงับการจ่ายเงินเดือน ถือเป็นความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง 21
1.4 เมื่อหน่วยงานต้องรับผิด: หลักการฟ้องร้องและสิทธิไล่เบี้ยของรัฐ
พ.ร.บ. ฉบับนี้ได้กำหนดหลักเกณฑ์ในการพิจารณาความรับผิดไว้หลายประการเพื่อสร้างความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ดังนี้:
- ยกเลิกหลักลูกหนี้ร่วม (มาตรา 8 วรรคสี่): หากความเสียหายเกิดจากเจ้าหน้าที่หลายคน จะไม่นำหลักลูกหนี้ร่วมมาใช้บังคับ ซึ่งหมายความว่าเจ้าหน้าที่แต่ละคนจะรับผิดเฉพาะในส่วนของตนตามระดับความร้ายแรงแห่งการกระทำของตนเท่านั้น ไม่ต้องร่วมรับผิดในส่วนของผู้อื่น 2
- หลักความเป็นธรรมและสัดส่วนความรับผิด (มาตรา 8 วรรคสอง): ในการกำหนดจำนวนเงินที่เจ้าหน้าที่จะต้องชดใช้คืนให้แก่หน่วยงาน ต้องคำนึงถึงระดับความร้ายแรงแห่งการกระทำและความเป็นธรรมเป็นรายกรณีไป ซึ่งหมายความว่าเจ้าหน้าที่อาจไม่ต้องรับผิดเต็มจำนวนความเสียหายก็ได้ 8
- การหักส่วนความรับผิดของหน่วยงาน (มาตรา 8 วรรคสาม): หากความเสียหายส่วนหนึ่งเกิดจากความบกพร่องของหน่วยงานเอง เช่น ระบบงานที่ไม่รัดกุม ระเบียบปฏิบัติที่ล้าสมัย หรือการขาดแคลนงบประมาณและอุปกรณ์ที่จำเป็น จะต้องนำส่วนของความบกพร่องของหน่วยงานมาหักออกจากจำนวนเงินที่เจ้าหน้าที่จะต้องรับผิดด้วย 4
อายุความ (Statutes of Limitation):
- หน่วยงานฟ้องเจ้าหน้าที่: สิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนที่หน่วยงานจะเรียกจากเจ้าหน้าที่ มีอายุความ 2 ปี นับแต่วันที่หน่วยงานรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวเจ้าหน้าที่ 7
- กรณี ก.คลัง สั่งให้รับผิด: หากหน่วยงานเห็นว่าเจ้าหน้าที่ไม่ต้องรับผิด แต่กระทรวงการคลังตรวจสอบแล้วเห็นว่าต้องรับผิด สิทธิเรียกร้องจะมีอายุความ 1 ปี นับแต่วันที่หน่วยงานมีคำสั่งตามความเห็นของกระทรวงการคลัง 7
- หน่วยงานไล่เบี้ยหลังจ่ายให้ผู้เสียหาย: หากหน่วยงานได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เสียหายไปก่อนแล้ว และประสงค์จะฟ้องไล่เบี้ยจากเจ้าหน้าที่ ต้องฟ้องภายใน 1 ปี นับแต่วันที่ได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนนั้น 4
- เจ้าหน้าที่ไล่เบี้ยคืนจากหน่วยงาน: หากเจ้าหน้าที่ได้จ่ายค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เสียหายไปก่อนในกรณีที่หน่วยงานต้องเป็นผู้รับผิด เจ้าหน้าที่มีสิทธิเรียกเงินคืนจากหน่วยงานภายใน 1 ปี นับแต่วันที่ตนได้ชดใช้เงินไป 4
เพื่อให้เห็นภาพความแตกต่างและประโยชน์ของกฎหมายฉบับนี้อย่างชัดเจน สามารถเปรียบเทียบหลักการสำคัญได้ดังตารางต่อไปนี้
ตารางที่ 1: เปรียบเทียบความรับผิดทางละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ป.พ.พ.) กับ พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539
ประเด็น | หลักทั่วไปตาม ป.พ.พ. | หลักเฉพาะตาม พ.ร.บ. 2539 (กรณีในการปฏิบัติหน้าที่) |
ผู้ถูกฟ้อง | ผู้เสียหายฟ้องผู้กระทำละเมิด (ลูกจ้าง) และนายจ้างได้โดยตรง | ผู้เสียหายต้องฟ้อง “หน่วยงานของรัฐ” เท่านั้น ฟ้องตัวเจ้าหน้าที่ไม่ได้ 2 |
ระดับความประมาทที่ต้องรับผิด | ประมาทเลินเล่อทุกระดับ แม้เพียงเล็กน้อยก็ต้องรับผิด | เจ้าหน้าที่จะต้องรับผิดต่อหน่วยงาน (ถูกไล่เบี้ย) เฉพาะกรณี “จงใจ” หรือ “ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง” 17 |
ความรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม | หากมีผู้กระทำหลายคน ต้องร่วมกันรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม 7 | “มิให้นำหลักเรื่องลูกหนี้ร่วมมาใช้บังคับ” รับผิดเฉพาะส่วนของตน 4 |
สิทธินายจ้าง/หน่วยงานในการไล่เบี้ย | นายจ้างมีสิทธิไล่เบี้ยเอาจากลูกจ้างได้เต็มจำนวนความเสียหาย 26 | หน่วยงานมีสิทธิไล่เบี้ยได้เฉพาะกรณีจงใจ/ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง และอาจไม่ต้องรับผิดเต็มจำนวน โดยคำนึงถึงความเป็นธรรมและหักส่วนความผิดของหน่วยงานออก 8 |
อายุความ (ผู้เสียหายฟ้อง) | 1 ปี นับแต่รู้เรื่องและรู้ตัวผู้กระทำ หรือ 10 ปีนับแต่วันทำละเมิด 7 | การฟ้องหน่วยงานของรัฐให้รับผิด ยังคงใช้อายุความตาม ป.พ.พ. แต่กระบวนการก่อนฟ้องอาจต้องยื่นคำขอต่อหน่วยงานก่อน 11 |
ส่วนที่ 2: กรณีศึกษาจากคำพิพากษา: บทเรียนสำหรับผู้บริหารและครู
การทำความเข้าใจหลักกฎหมายเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ การศึกษาจากคดีที่เกิดขึ้นจริงจะช่วยให้เห็นภาพการปรับใช้กฎหมายและผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งถือเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับผู้บริหารและครูทุกคน
2.1 คดีด้านการบริหารจัดการ: ความผิดพลาดทางการเงิน พัสดุ และการกำกับดูแลบุคลากร
ความรับผิดทางละเมิดไม่ได้จำกัดอยู่แค่เรื่องอุบัติเหตุ แต่ยังครอบคลุมถึงความบกพร่องในการบริหารจัดการภายในองค์กร ซึ่งอาจสร้างความเสียหายทางการเงินแก่รัฐได้อย่างมหาศาล
กรณีศึกษาที่ 1: คดีครูขาดราชการ (คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด คดีหมายเลขแดงที่ อ. ๑๐/๒๕๕๙) 21
- ข้อเท็จจริง: ผู้อำนวยการสถานศึกษาท่านหนึ่งถูกคำสั่งให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน เนื่องจากไม่ได้ดำเนินการระงับการจ่ายเงินเดือนให้แก่ครูในโรงเรียนซึ่งขาดราชการไปเป็นเวลานาน ทำให้ราชการได้รับความเสียหายเป็นเงินจำนวนมาก ผู้อำนวยการโต้แย้งว่าครูคนดังกล่าวขาดราชการไปก่อนที่ตนจะย้ายมารับตำแหน่ง
- คำวินิจฉัยของศาล: ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยว่า แม้ครูจะขาดราชการไปก่อน แต่เมื่อผู้ฟ้องคดี (ผู้อำนวยการ) เข้ารับตำแหน่งแล้ว ย่อมมีหน้าที่ตามกฎหมายในการตรวจสอบและกำกับดูแลบุคลากรในสังกัด การที่ทราบเรื่องแล้วแต่กลับละเลยไม่ดำเนินการใดๆ เพื่อระงับความเสียหาย ถือเป็นการ “กระทำโดยประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง” จึงต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามสัดส่วนความรับผิดของตน
- บทเรียนสำหรับผู้บริหาร: หน้าที่ในการกำกับดูแลเป็นหน้าที่ที่ต้องดำเนินไปอย่างต่อเนื่องและแข็งขัน การอ้างว่าปัญหาเกิดขึ้นก่อนตนมารับตำแหน่งไม่สามารถใช้เป็นข้อแก้ตัวเพื่อปัดความรับผิดชอบได้ ผู้บริหารต้องตรวจสอบและจัดการปัญหาที่ค้างคาอยู่ให้ลุล่วงโดยเร็วที่สุด การละเลยเพิกเฉยอาจถูกตีความว่าเป็นการประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงได้
2.2 คดีด้านความปลอดภัยนักเรียน: อุบัติเหตุในโรงเรียน การทัศนศึกษา และกิจกรรมต่างๆ
สถานศึกษาเป็นสถานที่ที่ต้องให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของนักเรียนเป็นอันดับแรก การละเลยมาตรการความปลอดภัยเพียงเล็กน้อยอาจนำไปสู่โศกนาฏกรรมและความรับผิดทางกฎหมายที่ร้ายแรง
กรณีศึกษาที่ 2: คดีเด็กจมน้ำในสระว่ายน้ำของเทศบาล (คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด คดีหมายเลขแดงที่ อ. ๖๙๙/๒๕๕๙) 27
- ข้อเท็จจริง: เด็กชายวัย 12 ปี จมน้ำเสียชีวิตในสระว่ายน้ำที่ดำเนินการโดยเทศบาล ผู้ปกครองฟ้องร้องว่าเทศบาล (หน่วยงานของรัฐ) กระทำละเมิดโดยละเลยต่อหน้าที่ตามกฎหมาย เนื่องจากไม่ได้จัดให้มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่มีความเชี่ยวชาญและอุปกรณ์ช่วยชีวิตที่เพียงพอและพร้อมใช้งานอยู่ตลอดเวลา
- ประเด็นการพิจารณาของศาล: ศาลได้พิจารณาถึงระเบียบการใช้สระว่ายน้ำ คำสั่งแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ และพยานหลักฐานเกี่ยวกับมาตรการความปลอดภัยในวันเกิดเหตุ เพื่อวินิจฉัยว่าเทศบาลได้ใช้ความระมัดระวังตามมาตรฐานที่ควรจะเป็นแล้วหรือไม่ การที่เจ้าหน้าที่ไม่อยู่ประจำจุดในขณะเกิดเหตุ หรือการไม่มีอุปกรณ์ช่วยชีวิตที่พร้อมใช้งาน อาจเป็นข้อเท็จจริงที่นำไปสู่การวินิจฉัยว่าหน่วยงานกระทำการโดยประมาทเลินเล่อ
- บทเรียนสำหรับผู้บริหารและครู: สำหรับกิจกรรมที่มีความเสี่ยงสูง เช่น การเรียนว่ายน้ำ กิจกรรมทัศนศึกษาใกล้แหล่งน้ำ การทดลองวิทยาศาสตร์ หรือการแข่งขันกีฬา สถานศึกษาต้องจัดทำ มาตรการและขั้นตอนปฏิบัติด้านความปลอดภัย (Safety Protocols) ที่เป็นลายลักษณ์อักษรอย่างชัดเจน มีการกำกับดูแลโดยบุคลากรที่เพียงพอและผ่านการฝึกอบรม และจัดเตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็นให้พร้อมใช้งานเสมอ การไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยที่ยอมรับกันโดยทั่วไป อาจถือเป็นความประมาทเลินเล่อได้ 28
2.3 คดีด้านการใช้อำนาจและวินัยนักเรียน: การลงโทษที่เกินกว่าเหตุ และคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
การใช้อำนาจของผู้บริหารในการออกคำสั่งต่างๆ โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับการลงโทษนักเรียน จะต้องเป็นไปตามขั้นตอนและหลักการของกฎหมายวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง การใช้อำนาจโดยมิชอบอาจนำไปสู่การฟ้องร้องและเพิกถอนคำสั่งได้
กรณีศึกษาที่ 3: คดีสั่งให้นักเรียนพ้นสภาพจากหอพักโดยมิชอบ (คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด คดีหมายเลขแดงที่ อ. 1606/2559) 29
- ข้อเท็จจริง: ผู้อำนวยการและรองผู้อำนวยการโรงเรียนได้มีคำสั่งให้นักเรียนคนหนึ่งพ้นสภาพจากการเป็นนักเรียนหอพัก ซึ่งส่งผลให้นักเรียนต้องลาออกจากโรงเรียนไปโดยปริยาย โดยกระบวนการสอบสวนทางวินัยมีข้อบกพร่อง เช่น การแต่งตั้งบุคคลที่มีส่วนได้เสียหรือเป็นคู่กรณีมาเป็นกรรมการสอบสวน
- คำวินิจฉัยของศาล: ศาลปกครองสูงสุดเห็นว่ากระบวนการสอบสวนและออกคำสั่งดังกล่าวไม่เป็นไปตามหลักความเป็นกลางและหลักความยุติธรรมตามธรรมชาติ (Principles of Natural Justice) ซึ่งเป็นสาระสำคัญของกระบวนการทางปกครอง จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งนั้น 29
- บทเรียนสำหรับผู้บริหาร: การตัดสินใจทางปกครองทุกเรื่อง โดยเฉพาะการดำเนินการทางวินัยกับนักเรียนหรือบุคลากร จะต้องยึดมั่นใน “กระบวนการ” ที่กฎหมายกำหนดอย่างเคร่งครัด ซึ่งรวมถึงการให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหาได้ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา การพิจารณาพยานหลักฐานอย่างรอบด้าน และการดำเนินการโดยคณะกรรมการที่เป็นกลาง การมีข้อบกพร่องในกระบวนการอาจทำให้คำสั่งนั้นถูกเพิกถอนได้ แม้ว่าเนื้อหาของคำสั่งอาจจะมีเหตุผลอันสมควรก็ตาม
2.4 บทเรียนราคาแพง: เมื่อการกระทำเข้าข่ายความผิดส่วนตัวและคดีอาญา
สิ่งสำคัญที่ต้องย้ำเตือนคือ เกราะป้องกันของ พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดฯ ไม่ได้มีไว้สำหรับคุ้มครองการกระทำผิดกฎหมายอาญาหรือการกระทำที่เลวร้ายโดยส่วนตัว
การวิเคราะห์กรณีการล่วงละเมิดทางเพศและทำร้ายร่างกาย: จากข่าวและคดีความจำนวนมากที่ปรากฏขึ้น กรณีครูกระทำการล่วงละเมิดทางเพศหรือทำร้ายร่างกายนักเรียน 14 การกระทำเหล่านี้จะถูกศาลตีความอย่างเป็นเอกฉันท์ว่าเป็นการกระทำที่
“มิใช่การปฏิบัติหน้าที่” ตามมาตรา 6 แห่ง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดฯ 6
ผลทางกฎหมาย:
- ความรับผิดทางแพ่ง: ผู้กระทำผิดจะต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เสียหาย “เป็นการส่วนตัว” ผู้เสียหายจะฟ้องครูผู้กระทำได้โดยตรง แต่ไม่สามารถฟ้องโรงเรียนหรือหน่วยงานต้นสังกัดในฐานะผู้รับผิดโดยตรงในมูลละเมิดได้
- ความรับผิดทางอาญา: ผู้กระทำผิดต้องถูกดำเนินคดีอาญาตามกฎหมาย ซึ่งมีโทษร้ายแรงถึงขั้นจำคุก 14
- ผลทางวินัย: การกระทำดังกล่าวถือเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ซึ่งจะนำไปสู่การมีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนระหว่างการสอบสวน และมีโทษสูงสุดคือการไล่ออกจากราชการ 16
บทเรียนจากกรณีเหล่านี้ชัดเจนว่า การกระทำที่ละเมิดต่อกฎหมายอาญาและจรรยาบรรณวิชาชีพอย่างร้ายแรง จะทำลายเกราะป้องกันทางกฎหมายทั้งหมด และผู้กระทำจะต้องเผชิญกับผลที่ตามมาทั้งทางแพ่ง อาญา และวินัยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ส่วนที่ 3: การบริหารจัดการความเสี่ยงทางกฎหมายในสถานศึกษาเชิงรุก
การรอให้ปัญหาเกิดขึ้นแล้วจึงแก้ไข ย่อมไม่ใช่วิธีการบริหารจัดการที่ดี การนำหลัก “การบริหารความเสี่ยง” (Risk Management) มาปรับใช้อย่างเป็นระบบ จะช่วยให้สถานศึกษาสามารถป้องกันและลดผลกระทบจากความเสี่ยงทางกฎหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ 33
3.1 การสำรวจและประเมินความเสี่ยงทางกฎหมาย 4 มิติ
ผู้บริหารสถานศึกษาควรเริ่มต้นด้วยการระบุและประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในสถานศึกษาอย่างรอบด้าน โดยอาจแบ่งความเสี่ยงออกเป็น 4 มิติหลัก ดังนี้ 35:
- ความเสี่ยงด้านกลยุทธ์ (Strategic Risks): ความเสี่ยงที่อาจกระทบต่อเป้าหมายหลักและชื่อเสียงขององค์กร เช่น ชื่อเสียงของโรงเรียนเสียหายจากข่าวด้านลบ, ความล้มเหลวในการปฏิบัติตามนโยบายการศึกษาใหม่ๆ, หรือการไม่สามารถปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี
- ความเสี่ยงด้านการปฏิบัติงาน (Operational Risks): ความเสี่ยงที่เกิดจากกระบวนการทำงานภายใน ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่พบบ่อยที่สุดในสถานศึกษา เช่น อุบัติเหตุที่เกิดกับนักเรียนในห้องเรียนหรือสนามเด็กเล่น, การกำกับดูแลนักเรียนไม่ทั่วถึง, กระบวนการทางวินัยที่บกพร่อง, หรือการรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคลของนักเรียน
- ความเสี่ยงด้านการเงิน (Financial Risks): ความเสี่ยงที่เกี่ยวกับการบริหารงบประมาณและการเงิน เช่น การจัดซื้อจัดจ้างที่ไม่โปร่งใส, การเบิกจ่ายเงินที่ไม่ถูกต้องตามระเบียบ 8, การทุจริตยักยอกเงินของทางราชการ 24, หรือการบริหารจัดการทรัพย์สินของโรงเรียนที่ไม่มีประสิทธิภาพ
- ความเสี่ยงด้านการปฏิบัติตามกฎระเบียบ (Compliance Risks): ความเสี่ยงจากการไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ และระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง เช่น การกระทำที่ขัดต่อ พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดฯ, พ.ร.บ. คุ้มครองเด็ก, หรือกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
3.2 การวางระบบและมาตรการควบคุมภายในเพื่อป้องกันปัญหา
หลังจากระบุความเสี่ยงได้แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการออกแบบและวางระบบควบคุมภายในเพื่อจัดการกับความเสี่ยงเหล่านั้นให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ 36
- กำหนดขั้นตอนปฏิบัติที่เป็นลายลักษณ์อักษร: สำหรับกิจกรรมที่มีความเสี่ยงสูง (เช่น การทัศนศึกษา, การทดลองในห้องปฏิบัติการ, การขนส่งนักเรียน) ควรมีคู่มือหรือระเบียบปฏิบัติที่ชัดเจนและแจ้งให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องทราบและปฏิบัติตาม
- วางระบบการควบคุมทางการเงิน: ใช้หลักการแบ่งแยกหน้าที่ (Separation of Duties) เช่น ผู้จัดทำฎีกาเบิกเงินและผู้อนุมัติต้องเป็นคนละคนกัน มีการตรวจสอบและรายงานทางการเงินอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันการทุจริต 36
- สร้างกระบวนการทางวินัยที่เป็นธรรม: จัดทำระเบียบว่าด้วยการลงโทษนักเรียนที่สอดคล้องกับกฎกระทรวงและหลักกฎหมายปกครอง มีขั้นตอนการสอบสวนที่ชัดเจนและให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย
- จัดอบรมให้ความรู้อย่างสม่ำเสมอ: จัดให้มีการฝึกอบรมแก่ครูและบุคลากรในเรื่องกฎหมายที่สำคัญ นโยบายของโรงเรียน และขั้นตอนปฏิบัติด้านความปลอดภัย เพื่อให้ทุกคนมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องและทันสมัย 37
การมีระบบบริหารความเสี่ยงที่เข้มแข็งและมีเอกสารหลักฐานชัดเจน ไม่เพียงแต่จะช่วยป้องกันปัญหาไม่ให้เกิดขึ้น แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการต่อสู้คดีอีกด้วย หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น สถานศึกษาสามารถใช้เอกสารเหล่านี้เพื่อพิสูจน์ได้ว่าตนเองได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแล้ว และการกระทำนั้นไม่เข้าข่าย “ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง” นอกจากนี้ ยังสามารถใช้เป็นเหตุผลในการหักส่วนความรับผิดของหน่วยงานตามมาตรา 8 ได้ หากพิสูจน์ได้ว่าความเสียหายส่วนหนึ่งเกิดจาก “ระบบการดำเนินงาน” ที่มีข้อจำกัด แม้ว่าเจ้าหน้าที่จะปฏิบัติตามขั้นตอนอย่างดีที่สุดแล้วก็ตาม ดังนั้น การลงทุนในระบบบริหารความเสี่ยงจึงเป็นการสร้างเกราะป้องกันทางกฎหมายที่แข็งแกร่งให้กับองค์กรและบุคลากรโดยตรง
3.3 การจัดทำคู่มือและนโยบายสำคัญ
เพื่อทำให้ระบบการควบคุมภายในเกิดผลในทางปฏิบัติ สถานศึกษาควรจัดทำคู่มือและนโยบายที่สำคัญอย่างน้อย 3 ฉบับ ดังนี้:
- นโยบายการคุ้มครองเด็กและสวัสดิภาพนักเรียน (Child Protection and Safeguarding Policy): เป็นนโยบายที่ต้องมี โดยกำหนดแนวทางและขั้นตอนที่ชัดเจนในการป้องกัน, การสังเกตสัญญาณ, การรายงาน และการจัดการเมื่อมีข้อสงสัยว่าจะเกิดการล่วงละเมิดหรือทารุณกรรมต่อนักเรียน 38
- คู่มือการจัดกิจกรรมนอกสถานที่และทัศนศึกษา: กำหนดรายละเอียดขั้นตอนตั้งแต่การขออนุญาตผู้ปกครอง, การประเมินความเสี่ยงของสถานที่, อัตราส่วนครูต่อนักเรียนในการดูแล, ไปจนถึงแผนเผชิญเหตุฉุกเฉิน
- แผนบริหารจัดการภาวะวิกฤต (Crisis Management Plan): กำหนดบทบาทหน้าที่และขั้นตอนการปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินร้ายแรง เช่น อุบัติเหตุหมู่, เหตุความรุนแรงในโรงเรียน, หรือภัยพิบัติ โดยต้องรวมถึงแผนการสื่อสารกับผู้ปกครอง, สื่อมวลชน และหน่วยงานภายนอก เพื่อจัดการสถานการณ์ได้อย่างเป็นระบบและลดความสับสน
ส่วนที่ 4: แนวทางปฏิบัติราชการให้ปลอดภัยจากคดีละเมิด
ส่วนสุดท้ายนี้เป็นการสรุปรวบรวมแนวปฏิบัติที่จับต้องได้ เพื่อเป็นเครื่องมือให้ผู้บริหารและครูนำไปปรับใช้ในการทำงานประจำวัน เพื่อลดความเสี่ยงจากการถูกฟ้องร้องคดีละเมิด
4.1 สำหรับผู้บริหาร: หลักการตัดสินใจ การมอบอำนาจ และการกำกับดูแล
- เอกสารคือเกราะป้องกัน (Documentation is Defense): บันทึกการตัดสินใจที่สำคัญ, คำสั่ง, และการประชุมชี้แจงเรื่องความปลอดภัยเป็นลายลักษณ์อักษรเสมอ เพราะสิ่งเหล่านี้คือพยานหลักฐานชั้นดี
- กำกับดูแลและติดตาม (Supervise and Follow Up): การมอบหมายงานให้ผู้ใต้บังคับบัญชา ไม่ได้ทำให้ผู้บริหารพ้นจากหน้าที่ในการกำกับดูแล ต้องมีการติดตามความคืบหน้าและตรวจสอบการปฏิบัติงานอย่างสม่ำเสมอ
- รู้ลึกในกฎระเบียบ (Know the Rules): ศึกษาและทำความเข้าใจกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างถ่องแท้ โดยเฉพาะเรื่องการเงิน, พัสดุ, การบริหารงานบุคคล และวินัยนักเรียน
- จัดการทันที (Act Promptly): เมื่อพบเห็นปัญหาหรือความเสี่ยง (เช่น ครูขาดราชการ, อุปกรณ์ชำรุด, หรือข้อร้องเรียนเรื่องความปลอดภัย) ต้องรีบดำเนินการแก้ไขทันที การปล่อยปละละเลยหรือความล่าช้าอาจถูกตีความว่าเป็นการประมาทได้ 21
4.2 สำหรับครูและบุคลากร: ขอบเขตการปฏิบัติหน้าที่
- ปฏิบัติงานในขอบเขตหน้าที่: พึงระลึกเสมอว่าต้องกระทำการภายใต้ขอบเขตอำนาจหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายเท่านั้น
- รักษาระยะห่างอย่างมืออาชีพ: ต้องวางตัวและรักษาระยะห่างที่เหมาะสมกับนักเรียนตลอดเวลา เพื่อป้องกันข้อครหาและความเข้าใจผิด
- ยึดมั่นในขั้นตอนความปลอดภัย: ปฏิบัติตามระเบียบและขั้นตอนด้านความปลอดภัยที่โรงเรียนกำหนดไว้อย่างเคร่งครัด อย่าใช้ทางลัดหรือข้อยกเว้น
- รายงานเมื่อพบเหตุ: หากพบเห็นความเสี่ยงด้านความปลอดภัยหรือพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของบุคคลใดก็ตามที่อาจเป็นอันตรายต่อนักเรียน ให้รีบรายงานผู้บังคับบัญชาทันที ควรทำเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อเป็นหลักฐาน
4.3 เมื่อเกิดเหตุการณ์: ขั้นตอนการดำเนินการ
หากเกิดเหตุการณ์ที่อาจนำไปสู่คดีละเมิดขึ้น การจัดการสถานการณ์ในเบื้องต้นอย่างถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
- ตอบสนองทันที (Immediate Response): ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและสวัสดิภาพของนักเรียนเป็นอันดับแรก ดำเนินการช่วยเหลือ ปฐมพยาบาล หรือนำส่งสถานพยาบาลโดยเร็วที่สุด
- รายงานผู้บริหาร (Report): แจ้งให้ผู้บริหารสถานศึกษาทราบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทันที เพื่อให้ผู้บริหารสามารถเริ่มกระบวนการจัดการตามแผน
- สอบสวนข้อเท็จจริง (Investigate): ผู้บริหารต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงโดยไม่ชักช้า กระบวนการต้องเป็นไปอย่างยุติธรรม ให้โอกาสทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้ชี้แจง และรวบรวมพยานหลักฐานอย่างรอบด้าน 39
- สื่อสารอย่างรอบคอบ (Communicate): การสื่อสารกับผู้ปกครองและหน่วยงานภายนอกควรดำเนินการโดยผู้บริหารหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเท่านั้น เพื่อให้ข้อมูลเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ถูกต้อง และไม่สร้างความสับสน
ประเด็นสำคัญที่บุคลากรทางการศึกษามักสับสนคือความเชื่อมโยงระหว่าง “ความรับผิดทางวินัย” และ “ความรับผิดทางละเมิด” ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นกฎหมายคนละฉบับและมีวัตถุประสงค์แตกต่างกัน การกระทำเพียงครั้งเดียวอาจนำไปสู่ผลทางกฎหมายทั้งสองด้านพร้อมกันได้ ดังตารางเปรียบเทียบต่อไปนี้
ตารางที่ 2: เปรียบเทียบความรับผิดทางวินัย (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการครูฯ) กับความรับผิดทางละเมิด (พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดฯ)
ประเด็นพิจารณา | ความรับผิดทางวินัย | ความรับผิดทางละเมิด |
กฎหมายที่ใช้บังคับ | พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 | พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 |
วัตถุประสงค์ | เพื่อรักษามาตรฐานและประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการ (ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับเจ้าหน้าที่) 41 | เพื่อเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้เสียหาย (ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐ/เจ้าหน้าที่กับบุคคลภายนอก) |
ผลของการประมาทเลินเล่อธรรมดา | อาจเป็นความผิดวินัยไม่ร้ายแรง (เช่น ภาคทัณฑ์, ตัดเงินเดือน) หากทำให้ราชการเสียหาย 42 | “ไม่ต้องรับผิด” ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน หน่วยงานไม่มีสิทธิไล่เบี้ย 17 |
ผลของการประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง | เป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง มีโทษถึง “ปลดออก” หรือ “ไล่ออก” 20 | “ต้องรับผิด” ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนคืนให้แก่หน่วยงาน (อาจไม่เต็มจำนวน) 17 |
บทลงโทษ/ผลทางกฎหมาย | โทษทางวินัย 5 สถาน: ภาคทัณฑ์, ตัดเงินเดือน, ลดเงินเดือน, ปลดออก, ไล่ออก 42 | การชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นตัวเงิน |
หน่วยงานที่สอบสวน | คณะกรรมการสอบสวนทางวินัยที่ผู้บังคับบัญชาแต่งตั้ง 45 | คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด 7 |
ตารางนี้ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า แม้ครูอาจได้รับการคุ้มครองไม่ต้องชดใช้เงินในคดีละเมิด (กรณีประมาทธรรมดา) แต่ก็ยังอาจถูกลงโทษทางวินัยได้ การเข้าใจความแตกต่างนี้จะช่วยป้องกันความเข้าใจผิดว่าการพ้นผิดในทางละเมิดหมายถึงการพ้นผิดในทางวินัยด้วย ซึ่งไม่เป็นความจริง
บทสรุป: สู่การปฏิบัติหน้าที่อย่างมืออาชีพและมั่นคง
พระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 ถือเป็นเครื่องมือทางกฎหมายที่สำคัญยิ่งในการสร้างความมั่นคงและส่งเสริมประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของบุคลากรทางการศึกษา หัวใจของกฎหมายฉบับนี้คือการมอบ “เกราะป้องกัน” ให้แก่ผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริตและใช้ความระมัดระวังตามสมควร โดยย้ายภาระความรับผิดในเบื้องต้นไปให้หน่วยงานของรัฐ และจำกัดความรับผิดส่วนตัวของเจ้าหน้าที่ไว้เฉพาะกรณีที่กระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เกราะป้องกันนี้จะทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพก็ต่อเมื่อผู้ปฏิบัติเข้าใจเงื่อนไขและขอบเขตของมันอย่างถ่องแท้ กฎหมายไม่ได้ให้ความคุ้มครองแก่การกระทำนอกหน้าที่ การกระทำผิดกฎหมายอาญา หรือการละเลยต่อหน้าที่อย่างร้ายแรง การปฏิบัติหน้าที่อย่างมืออาชีพจึงไม่ได้หมายถึงเพียงการสอนหรือการบริหารให้ดี แต่ยังรวมถึงการบริหารจัดการความเสี่ยงทางกฎหมายอย่างรอบคอบด้วย
ท้ายที่สุดแล้ว การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัย ความโปร่งใส และความรับผิดชอบ ควบคู่ไปกับการทำความเข้าใจหลักกฎหมายอย่างลึกซึ้ง คือรากฐานที่มั่นคงที่สุดที่จะช่วยให้ผู้บริหารสถานศึกษา ข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษาทุกคน สามารถปฏิบัติภารกิจอันทรงเกียรติในการสร้างอนาคตของชาติได้อย่างเต็มศักยภาพและปราศจากความวิตกกังวลทางกฎหมายอย่างแท้จริง
Works cited
- ส่วนที่ ๑ พระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.๒๕๓๙, accessed October 2, 2025, https://stopcorruption.moph.go.th/application/editors/userfiles/files/ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ฯ%20รวบรวมโดย%20นายเสมอ%20%20กาฬภักดี.pdf
- สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา พระราชบัญญัติ ควา, accessed October 2, 2025, https://www.businesseventsthailand.com/uploads/image_file/file/220428-file-LY3Rv74l1.pdf
- พระราชบัญญัติ ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้, accessed October 2, 2025, https://hu.swu.ac.th/Portals/5/file/law/050965_03_04.pdf
- หลักความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ ด้วยพ – วุฒิสภา, accessed October 2, 2025, https://www.senate.go.th/assets/portals/93/fileups/253/files/Article2.pdf
- สถานะความเป็นเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายความรับผิดทางละเมิดฯ, accessed October 2, 2025, https://www.royalrain.go.th/UploadFile/03055925640510.pdf
- อ่านเน้นย้ำ พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ 2539 – YouTube, accessed October 2, 2025, https://www.youtube.com/watch?v=1NrGHj7adHw
- กฎหมายว่าด้วย ความรับผิดทางละเมิด ของเจ้า, accessed October 2, 2025, http://www.law.moi.go.th/pdf/18-07-61-21.pdf
- กฎหมายว่าด้วย ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่, accessed October 2, 2025, https://sub.led.go.th/hr/wp-content/uploads/2021/11/PowerPoint-บรรยายละเมิด-ส่งให้แจก-3.pdf
- ละเมิดของเจ้าหน้าที่คืออะไร, accessed October 2, 2025, https://multi.dopa.go.th/ilab/assets/modules/news/uploads/af00cff31f8036cc1e6e800db3f110885ece8d6c5ea1f5187439009056484098.pdf
- ละเมิดของเจ้าหน้าที่คืออะไร, accessed October 2, 2025, http://multi.dopa.go.th/ilab/assets/modules/news/uploads/af00cff31f8036cc1e6e800db3f110885ece8d6c5ea1f5187439009056484098.pdf
- ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติราชการ – ศาลรัฐธรรมนูญ, accessed October 2, 2025, https://www.constitutionalcourt.or.th/occ_web/ewt_dl_link.php?nid=18367
- พระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิด ของเจ้าหน้าที่พ.ศ. 2539, accessed October 2, 2025, https://pkk.go.th/news/doc_download/a_230421_153422.pdf
- ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่, accessed October 2, 2025, https://secretary-science.mju.ac.th/wtms_documentDownload.aspx?id=Mzg4NTQ=
- ศาลจังหวัดพิษณุโลก สั่งจำคุก 111 ปี 216 เดือน คดีครูละเมิดทางเพศนักเรียน พร้อมชดใช้ 2.15 ล้านบาท, accessed October 2, 2025, https://www.dsi.go.th/th/Detail/0ca1fa0cb57f98edf2da3ade2cedacef
- ตร.บุกรวบครูก่อเหตุล่วงละเมิดนักเรียนชาย 9 คน – Thai PBS, accessed October 2, 2025, https://www.thaipbs.or.th/news/content/346616
- ลงดาบ! ครูหื่นข่าวดัง ให้ออกจากราชการ ฟันวินัยร้ายแรง โรงเรียนเพิกเฉยโดน – กรุงเทพธุรกิจ, accessed October 2, 2025, https://www.bangkokbiznews.com/news/news-update/1166537
- ความรับผิดของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาใน … – in Thai – ThaiJo, accessed October 2, 2025, https://so01.tci-thaijo.org/index.php/e-jodil/article/download/248270/167237/889919
- คู่มือการดำเนินการเกี่ยวกับความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ กลุ่มกฎหมายและคดี สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา – สพป.สุราษฎร์ธานี เขต 1, accessed October 2, 2025, https://www.surat1.go.th/files/downloads/1583748312202003090505121.pdf
- พรบ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 – YouTube, accessed October 2, 2025, https://www.youtube.com/watch?v=XhX25yFqK5M
- ความรับผิดของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศ, accessed October 2, 2025, https://ir.stou.ac.th/bitstream/123456789/2028/1/163619.pdf
- admincourt.go.th, accessed October 2, 2025, https://admincourt.go.th/admincourt/Casefile/admcase/document/signed/pdf/2554/01012-540771-1f-590824-0000580615.pdf
- ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ – คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, accessed October 2, 2025, https://www.law.cmu.ac.th/law2011/journal/e1553254456.pptx
- สรุปสาระสําคัญของพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที พ.ศ …, accessed October 2, 2025, https://www.kamnaim.go.th/fileupload/3357762815.pdf
- การกำหนดสัดส่วนความรับผิดของเจ้าหน้าที่, accessed October 2, 2025, https://www.oic.go.th/FILEWEB/CABINFOCENTER2/DRAWER024/GENERAL/DATA0002/00002448.PDF
- คำอธิบาย กฎหมายเกี่ยวกับ ความรับผิดทางละเมิด – มหาวิทยาลัยทักษิณ, accessed October 2, 2025, https://ebook.tsu.ac.th/book/store/book/law/100000167.pdf
- กรณีศึกษา “นักเรียน” กับความรับผิดทางละเมิดของ ครู อาจารย์ โรงเรียน – Thai Law Consult, accessed October 2, 2025, http://www.thailawconsult.com/deka20.html
- 27 n.fJ. 2559 –_ – ศาลปกครอง, accessed October 2, 2025, https://admincourt.go.th/admincourt/Casefile/admcase/document/signed/pdf/2556/01012-560457-1f-590927-0000583591.pdf
- ยื่นร้อง“ก.ศึกษาฯ”ร.ร.ดังประมาทเด็กทัศนศึกษาจมน้ำดับ – ฐานเศรษฐกิจ, accessed October 2, 2025, https://www.thansettakij.com/general-news/416833
- คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ในคดีหมายเลขแดงที่ อ. 1606/2559 – วิกิซอร์ซ, accessed October 2, 2025, https://th.wikisource.org/wiki/คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด_ในคดีหมายเลขแดงที่_อ._1606/2559
- ครูล่วงละเมิดทางเพศ น.ร. สะเทือนวงการศึกษาไทย นักวิชาการ…ร่วมไขต้นตอปัญหา?? – Matichon, accessed October 2, 2025, https://www.matichon.co.th/weekly/column/article_623098
- สพฐ. ให้ออกจากราชการทันที “ครูล่วงละเมิดนักเรียน” พร้อมสั่งเร่งดูแลสภาพจิตใจเด็ก – NBT Connext, accessed October 2, 2025, https://thainews.prd.go.th/thainews/news/view/717208/?bid=1
- จนท.พบเด็กถูกครูล่วงละเมิดเพิ่มเป็น 17 คน | Thai PBS News ข่าวไทยพีบีเอส, accessed October 2, 2025, https://www.thaipbs.or.th/news/content/346648
- แผนการบริหารจัดการความเสี่ยง risk management – โรงเรียนอาเวมารีอา อุบลราชธานี, accessed October 2, 2025, http://www.avemaria.ac.th/pdf/RMP.pdf
- การบริหารความเสี่ยงในสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน* – thaijo.org, accessed October 2, 2025, https://so04.tci-thaijo.org/index.php/jidir/article/download/262453/179460/1036387
- การบริหารความเสี่ยงทางการศึกษาของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสานักงานเขตพื้นที่ – มหาวิทยาลัยหาดใหญ่, accessed October 2, 2025, https://www.hu.ac.th/conference/conference2019/proceedings2019/FullText/02%20-%20ระดับชาติ%20-%20ภาคโปสเตอร์/G5-Ed/5-116Ed-NP%20%28ขวัญแก้ว%20%20%20จันทรัตน์%29%201215-1225.pdf
- แผนการบริหารจัดการความเสี่ยง, accessed October 2, 2025, http://www.thaischool.in.th/_files_school/12101527/data/12101527_1_20221027-145443.pdf
- Corruption Risk Assessment OPS.MOE – สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ, accessed October 2, 2025, https://ops.moe.go.th/wp-content/uploads/2023/04/แผนบริหารความเสี่ยง-66.pdf
- นโยบายและแนวปฏิบัติในการปกป้องคุ้มครองนักเรียน – สังฆมณฑลราชบุรี, accessed October 2, 2025, https://www.ratchaburidio.or.th/download/rcb-policy-and-guideline-for-child-protection-and-safeguarding.pdf
- ความบกพร่องของหน่วยงาน … ที่เจ้าหน้าที่(ไม่), accessed October 2, 2025, https://lawdivision.kku.ac.th/wp-content/uploads/2023/02/ความบกพร่องของหน่วยงาน-…-ที่เจ้าหน้าที่-ไม่-ต้องรับผิดเต็มจ-านวน.pdf
- คู่มือการปฏิบัติงาน ปีงบประมาณ ๒๕๖7 เรื่อง การด าเนินคดีของรัฐและความ …, accessed October 2, 2025, https://www.sesalop.go.th/wp-content/uploads/2024/06/คู่มือการปฏิบัติงาน-การดำเนินคดีของรัฐและความรับผิดทางละเมิด-กลุ่มกฎหมายและคดี.pdf
- ความรับผิดของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในการปฏิบัติหน้าที่โดยประมาท, accessed October 2, 2025, https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/2028
- ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับวินัย และการรักษาวินัย – ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2547 – สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาพิจิตร, accessed October 2, 2025, https://sesaopc.go.th/wp-content/uploads/2024/12/ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับวินัย-และการรักษาวินัย-1.pdf
- หนังสือคู่มือวินัยข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ได้รวบรวมจัดท าขึ้นเพื่อเป็น – สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดมหาสารคาม, accessed October 2, 2025, https://mhkpeo.go.th/wp-content/uploads/2021/01/25.pdf
- ๖. พระราชบัญญัติระเบียบข าราชการครูและบุคลา, accessed October 2, 2025, https://www.tack-trainer.com/wp-content/uploads/2024/10/law06_ระเบียบข้าราชการครู.pdf
- คูมือการปฏิบัติงาน – กลุมกฎหมายและคดี – สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาประจวบคีรีขันธ์, accessed October 2, 2025, https://sesaopkn.go.th/img/file/Raw.pdf
Comments
Powered by Facebook Comments