ปฏิบัติการสร้างความไว้วางใจ (Operation Trust) กลยุทธ์การให้คำปรึกษาและเทคนิคการสื่อสารสมัยใหม่ เพื่อพัฒนาครูและนักเรียน Gen Z
ปฏิบัติการสร้างความไว้วางใจ (Operation Trust) กลยุทธ์การให้คำปรึกษาและเทคนิคการสื่อสารสมัยใหม่ เพื่อพัฒนาครูและนักเรียน Gen Z
ดร.อนุศร หงษ์ขุนทด
ศึกษานิเทศก์ วิทยฐานะศึกษานิเทศก์เชี่ยวชาญ สพม.นครราชสีมา
Musicmankob@gmail.com 28 ตุลาคม 2568
__________________________________
รายงานฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นคู่มือเชิงปฏิบัติการ (Operational Guide) สำหรับสถานศึกษาในการยกระดับทักษะการให้คำปรึกษาและการสื่อสารของบุคลากรครู เพื่อสร้างความเข้าใจและความไว้วางใจกับนักเรียนเจเนอเรชั่น Z (Gen Z) โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือการพัฒนาครูให้สามารถเป็นผู้สนับสนุนการเติบโต (Facilitator) ของนักเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ รายงานนี้สังเคราะห์ขึ้นจากข้อมูลวิจัยเชิงจิตวิทยา, การศึกษา, และพฤติกรรมผู้บริโภค เพื่อนำเสนอเทคนิคที่ทันสมัย, กลยุทธ์การสร้างบทสนทนาที่อบอุ่นและสนุกสนาน, พร้อมทั้งแนวทางแก้ไขปัญหารายกรณีสำหรับนักเรียนในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา
ส่วนที่ 1: ถอดรหัส GEN Z THAILAND: ความเข้าใจเชิงลึกสำหรับบุคลากรทางการศึกษา
การทำความเข้าใจนักเรียน Gen Z ไม่ใช่เพียงการรับรู้ลักษณะทางประชากรศาสตร์ แต่คือการทำความเข้าใจภูมิทัศน์ทางจิตวิทยา (Psychological Landscape) ที่หล่อหลอมวิธีคิด, ค่านิยม, และความกลัวของพวกเขา
1.1 ภูมิทัศน์ใหม่ของนักเรียน Gen Z: Digital Natives ในบริบทไทย
นักเรียน Gen Z (เกิดระหว่างปี 1997-2012) คือกลุ่มประชากรที่เป็น ‘Digital Natives’ อย่างแท้จริง 1 พวกเขาเติบโตมาในโลกที่เทคโนโลยีดิจิทัลและการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเป็นสิ่งพื้นฐาน ไม่ใช่สิ่งใหม่ 3 สิ่งนี้ส่งผลต่อพฤติกรรมการสื่อสารและการรับรู้ของพวกเขาอย่างลึกซึ้ง:
- การสื่อสารแบบ Real-time และ Visual: พวกเขาคุ้นเคยกับการสื่อสารที่รวดเร็ว, โต้ตอบทันที, และมีลักษณะที่ไม่เป็นทางการสูง 2 พวกเขาใช้ภาพ, วิดีโอสั้น (เช่น TikTok, Reels), Memes, และ GIFs เป็นภาษาหลักในการถ่ายทอดอารมณ์ที่ซับซ้อน 2
- ค่านิยมหลัก: การค้นหาตัวตนและการเติบโต: Gen Z ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการ “ค้นหาตัวตน” (Identity-Seeking) 6 และ “การเติบโต” (Growth) 3
- ความกังวลต่อความสำเร็จ: พวกเขามองโลกว่ามีการแข่งขันสูง 3 ผลการศึกษาชี้ว่า 81% ของ Gen Z ในไทยรู้สึกกังวลอย่างมากว่าจะไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต 3 อย่างไรก็ตาม นิยามของ “ความสำเร็จ” สำหรับพวกเขาได้เปลี่ยนไป โดยไม่ได้มุ่งเน้นที่ “ความรวย” (Riches) เสมอไป แต่เน้นที่ “ความสุข” (Happiness) และ “ความพึงพอใจของตนเอง” (Self-satisfaction) 7 ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงไม่กลัวความล้มเหลวและกล้าที่จะลองผิดลองถูกเพื่อสั่งสมประสบการณ์ 3
ความขัดแย้งเชิงการมีส่วนร่วม (The ‘Participation Paradox’)
การวิเคราะห์พฤติกรรมในห้องเรียนของ Gen Z เผยให้เห็นความขัดแย้งที่น่าสนใจ ข้อมูลระบุว่านักเรียน Gen Z สามารถ “พูดเก่ง” และนำเสนอหน้าชั้นเรียน (Presentation) ได้ดี 8 ซึ่งเป็นการสื่อสารทางเดียว (One-way) ที่พวกเขาสามารถควบคุม, เตรียมตัว, และ “แก้ไข” (Edit) เนื้อหาล่วงหน้าได้ แต่ในขณะเดียวกัน ครูผู้สอนกลับพบว่านักเรียนกลุ่มนี้ “นิ่งเงียบอย่างน่าตกใจ” (Shockingly silent) เมื่อเป็นการอภิปรายในชั้นเรียน (In-class Discussion) 8
ปรากฏการณ์นี้ไม่ได้สะท้อนว่าพวกเขาขาดความรู้ แต่สะท้อนถึงความคุ้นชินกับสภาพแวดล้อมดิจิทัลที่พวกเขาสามารถ “แก้ไข” ความคิดก่อนกดส่งได้ 2 การอภิปรายสดในห้องเรียนต้องการการตอบสนองที่ “ไม่ได้แก้ไข” (Unedited) และเกิดขึ้นทันที ซึ่งสร้างความเสี่ยงสูงต่อการ “ตอบผิด” หรือ “ดูไม่ดี” ต่อหน้าเพื่อน ความเสี่ยงนี้ถูกขยายให้รุนแรงขึ้นด้วยความกังวลพื้นฐานเรื่องความสำเร็จ 3 และความกลัวการถูกตัดสิน ดังนั้น ความเงียบของพวกเขาจึงอาจเป็น ความวิตกกังวลต่อการแสดงออกที่ควบคุมไม่ได้ (Anxiety over uncontrolled, spontaneous response) มากกว่าการขาดความสนใจ
นัยยะสำคัญสำหรับครูคือ การเปลี่ยนจากการ “เรียกตอบ” แบบสุ่ม ไปสู่การใช้เทคนิค “อุ่นเครื่อง” (Warm-up) ที่ลดความเสี่ยง เช่น การใช้เครื่องมือดิจิทัล (เช่น Mentimeter, Kahoot) ให้นักเรียนพิมพ์ตอบแบบไม่ระบุตัวตน (Anonymous) ก่อน แล้วจึงนำคำตอบเหล่านั้นมาขยายผลเป็นบทสนทนากลุ่ม
1.2 โลกสองใบ: ความท้าทายของ Gen Z ในโรงเรียน
แม้จะเชี่ยวชาญเทคโนโลยี แต่พวกเขาก็กำลังเผชิญกับความท้าทายที่ซับซ้อน:
- ผลกระทบทางสุขภาพจิตและกาย: การใช้สมาร์ทโฟนมากเกินไปนำไปสู่ปัญหาใหม่ๆ เช่น “โรคละเมอแชต” (Chat Somnambulism) 9 ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อการพักผ่อน, การเรียน, และอาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าและโรคอ้วน 9
- การกลั่นแกล้งทางไซเบอร์ (Cyberbullying): เป็นปัญหาใหญ่ที่พวกเขาต้องเผชิญในโลกออนไลน์ 10
- ความกังวลต่อความเหลื่อมล้ำ: แม้จะเป็น Digital Natives แต่พวกเขาก็ตระหนักและเป็นห่วงปัญหา “ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา” อย่างมาก โดยเฉพาะช่องว่างในการเข้าถึงเทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ตคุณภาพสูงระหว่างนักเรียนในเมืองและต่างจังหวัด 10
1.3 “สัญญาณขอความช่วยเหลือ”: การตีความพฤติกรรม “ท้าทาย”
ข้อมูลสำคัญจากผู้เชี่ยวชาญด้านการแนะแนวระบุว่า พฤติกรรมที่ครูในยุคก่อนมักตีความว่าเป็นการ “ท้าทาย” (Challenging) แท้จริงแล้วคือ “สัญญาณขอความช่วยเหลือ” (Signal for help) จากนักเรียน 11
ปรากฏการณ์นี้สามารถวิเคราะห์ได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เมื่อเชื่อมโยงกับพฤติกรรมของ Gen Z ที่ไม่เชื่อถือการตลาดหรือการโฆษณาแบบดั้งเดิม (Traditional Marketing) 12 และมีความต้องการ “ความจริงใจ” (Authenticity) และ “ความโปร่งใส” (Transparency) สูงมาก 13
ในบริบทของโรงเรียน ครูหรือผู้มีอำนาจที่ใช้การ “สั่งการ” โดยไม่มีเหตุผล ถือเป็นรูปแบบหนึ่งของ “การตลาดแบบดั้งเดิม” (“ทำไปเถอะ มันดีต่อตัวเธอ”) ซึ่ง Gen Z จะไม่เชื่อถือและตั้งคำถามทันที 12 เมื่อนักเรียนถามครูว่า “จะเรียนวิชานี้ไปทำไม?” หรือ “เรื่องนี้จะได้ใช้จริงเหรอ?” พฤติกรรมนี้ในอดีตอาจถูกมองว่าเป็นการ “ท้าทายอำนาจ”
แต่หากวิเคราะห์ผ่านเลนส์ของ Gen Z นี่คือ “สัญญาณขอความช่วยเหลือ” 11 ที่พวกเขากำลังร้องขอให้ครู “แสดงความจริงใจ” 13 และช่วยเชื่อมโยงบทเรียนที่น่าเบื่อนั้นเข้ากับเป้าหมายชีวิตของพวกเขา คือ “การเติบโต” 3 และ “ความสำเร็จ” (ในนิยามของความสุข) 7
ดังนั้น กลยุทธ์การสื่อสารของครูต้องเปลี่ยนจากการ “บังคับบัญชา” (Command) ไปสู่การ “อธิบายเจตนาและบริบท” (Context & Purpose) นี่คือการเปลี่ยนจาก “การบอก” ว่าโรงเรียนยอดเยี่ยมอย่างไร ไปสู่ “การแสดง” ให้เห็นว่าโรงเรียนจะช่วยให้พวกเขา “ยอดเยี่ยม” ขึ้นได้อย่างไร 3
ส่วนที่ 2: รากฐานที่ขาดไม่ได้: การสร้างพื้นที่ปลอดภัยทางจิตวิทยา (PSYCHOLOGICAL SAFETY) ในสถานศึกษา
ก่อนที่จะเริ่มใช้เทคนิคการสื่อสารใดๆ สถานศึกษาต้องสร้าง “เงื่อนไขบังคับ” (Prerequisite) ข้อแรกสุด นั่นคือ “พื้นที่ปลอดภัยทางจิตวิทยา” (Psychological Safety) หากปราศจากสิ่งนี้ การเรียนรู้ การให้คำปรึกษา และการพัฒนาใดๆ จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้
2.1 สถาปัตยกรรมของความไว้วางใจ: พื้นที่ปลอดภัยคืออะไร?
พื้นที่ปลอดภัยทางจิตวิทยา คือสภาวะที่คนในกลุ่ม (เช่น ห้องเรียน) รู้สึก “ปลอดภัยที่จะเสี่ยง” (Safe to take risks) 14 ความเสี่ยงในที่นี้หมายถึงการกระทำระหว่างบุคคล เช่น:
- การกล้าถามคำถามที่อาจดู “โง่” 14
- การกล้าเสนอแนวคิดใหม่ๆ ที่อาจ “บ้า” หรือ “ติงต๊อง” 14
- การกล้ายอมรับความผิดพลาด 14
- การกล้าวิพากษ์วิจารณ์สถานะที่เป็นอยู่
โดยไม่ต้องกลัวว่าจะถูกลงโทษ, ตำหนิ, เยาะเย้ย, หรือถูก “เหยียบซ้ำ” 14 การสร้างสภาพห้องเรียนที่มีบรรยากาศร่ำรวย (Rich classroom climate) ในลักษณะนี้ จะช่วยให้นักเรียนกล้าที่จะเสี่ยงต่อการผิดพลาด ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการเรียนรู้และการเติบโต 17
พื้นที่ปลอดภัย: “ยาต้าน” ความวิตกกังวลของ Gen Z
ความเชื่อมโยงที่สำคัญที่สุดคือ: Gen Z เข้าสู่ระบบโรงเรียนพร้อมกับ “ความวิตกกังวลต่อความล้มเหลว” ที่สูงถึง 81% เป็นทุนเดิม 3
ในทางกลับกัน สภาพแวดล้อมที่มีความปลอดภัยทางจิตวิทยาต่ำ (Low Psychological Safety) ซึ่งเป็นลักษณะของระบบโรงเรียนแบบดั้งเดิมที่เน้นการแข่งขันสูงและ “ห้ามผิดพลาด” จะสร้างสิ่งที่เรียกว่า “โซนวิตกกังวล” (Anxiety Zone) 14 ในโซนนี้ นักเรียนจะมุ่งเน้นไปที่การ “ปกป้องตัวเอง” (Self-protection) และ “หาแพะรับบาป” (Blaming others) เมื่อเกิดข้อผิดพลาด 14
สภาพแวดล้อมเช่นนี้จึงทำหน้าที่เป็น “ตัวขยาย” (Amplifier) ความวิตกกังวลพื้นฐานของ Gen Z ให้รุนแรงยิ่งขึ้น และผลักดันให้พวกเขาแสดงพฤติกรรมสองขั้ว: (1) เข้าสู่ Anxiety Zone (เช่น ลอกการบ้าน, โทษเพื่อน, โกงสอบ) หรือ (2) หนีเข้าไปสู่ Apathy Zone (โซนเฉยชา) ซึ่งคืออาการ “เช้าชามเย็นชาม”, “ทำเท่าที่สั่ง” หรือ “การนิ่งเงียบ” ในห้องเรียนที่พบใน 8
ดังนั้น การสร้าง Psychological Safety 17 จึงไม่ใช่ “ทักษะเสริม” แต่เป็น “เงื่อนไขบังคับ” ที่จะช่วยลดความกังวลของนักเรียน และดึงพวกเขาเข้าสู่ “โซนการเรียนรู้” (Learning Zone) ที่พวกเขากล้าที่จะมีส่วนร่วมและเติบโต
ตารางที่ 2.1: 4 โซนแห่งความปลอดภัยทางจิตวิทยา (ดัดแปลงจาก Amy Edmondson 14)
(สำหรับครูเพื่อใช้วินิจฉัยบรรยากาศในห้องเรียน)
| โซน (Zone) | ระดับความปลอดภัยทางจิตวิทยา (PS Level) | ระดับความรับผิดชอบ/แรงจูงใจ (Accountability/Motivation) | พฤติกรรมนักเรียน Gen Z ที่พบบ่อย |
| Apathy Zone (โซนเฉยชา) | ต่ำ | ต่ำ | “โนสน โนแคร์”, ทำเท่าที่สั่ง, นิ่งเงียบในห้องเรียน, ไม่กล้าแสดงความเห็น, “เช้าชามเย็นชาม” |
| Comfort Zone (โซนสบาย) | สูง | ต่ำ | ชิว, สบายๆ, ทำงานรูทีน, ไม่คิดอะไรใหม่, อยู่ในกรอบเดิมๆ, (มีความสุข แต่ไม่เติบโต) |
| Anxiety Zone (โซนวิตกกังวล) | ต่ำ | สูง | เครียด, วิตกกังวลสูง, กลัวการพูด, โทษคนอื่น, หาแพะ, ปกป้องตัวเอง, ไม่กล้ายอมรับผิด |
| Learning/Growth Zone (โซนการเรียนรู้) | สูง | สูง | (เป้าหมาย) กล้าลองผิดลองถูก, กล้าถาม, กล้าแสดงไอเดีย, ยอมรับความผิดพลาด, เกิดการเรียนรู้และนวัตกรรม |
2.2 เครื่องมือสร้างความสัมพันธ์: ศิลปะการฟังอย่างลึกซึ้ง (Deep Listening)
การสร้างพื้นที่ปลอดภัยเริ่มต้นด้วยทักษะพื้นฐานที่สุด นั่นคือ “การฟังอย่างลึกซึ้ง” (Deep Listening) ซึ่งแตกต่างจากการฟังปกติ (Normal Listening) 18
Deep Listening คือการ “ดำรงอยู่เต็มที่” (Being fully present) กับผู้พูดในขณะปัจจุบัน 19 โดยมีเป้าหมายเพื่อทำความเข้าใจ “ความหมายที่ซ่อนอยู่” (Hidden meanings) ในบทสนทนา 18 การฟังในลักษณะนี้จะทำให้ผู้พูด (นักเรียน) รับรู้ได้ว่าผู้ฟัง (ครู) “ใส่ใจ” และ “สนใจ” พวกเขาอย่างแท้จริง ซึ่งจะช่วยพัฒนาความสัมพันธ์ให้ดีขึ้น 20
เทคนิค 6 ประการของการฟังอย่างลึกซึ้ง 21 ได้แก่:
- ฟังด้วยความสนใจใคร่รู้ (Curiosity): ฟังเพื่อ “เข้าใจ” เขาตามความเป็นจริง โดย “ไม่ตัดสิน” (Non-judgmental)
- ฟังด้วยสติ (Mindfulness): อยู่กับปัจจุบันขณะ ไม่เผลอคิดเรื่องอื่น หรือคิดแทนว่าเขาควรทำอย่างไร
- ฟังด้วยตา (Eyes): สังเกตภาษากาย, สีหน้า, แววตา
- ฟังด้วยหู (Ears): ฟังน้ำเสียง, จังหวะการพูด, ไม่ใช่แค่เนื้อหา
- ฟังด้วยใจ (Heart): พยายามรับรู้ถึงอารมณ์และความรู้สึกที่ซ่อนอยู่
- ฟังด้วยภาษากาย (Body Language): แสดงการตอบสนองที่เหมาะสม เช่น พยักหน้า, โน้มตัว
2.3 เทคนิคการสะท้อนและความเข้าอกเข้าใจ (Empathy & Reflection)
การฟังอย่างลึกซึ้งจะนำไปสู่เครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดในการให้คำปรึกษา นั่นคือ “ความเข้าอกเข้าใจ” (Empathy) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญ 22
Empathy vs. Sympathy
ครูต้องแยกแยะความแตกต่างระหว่างสองคำนี้ให้ชัดเจน 23:
- Sympathy (ความสงสาร/เห็นใจ): คือการ “รู้สึก ต่อ (feel for)” สถานการณ์ของนักเรียน เป็นความรู้สึกจากมุมมอง “ของเรา” (เช่น “ครูสงสารเธอนะ ที่เจอเรื่องแบบนี้”)
- Empathy (ความเข้าอกเข้าใจ): คือการ “รู้สึก ไปกับ (feel with)” นักเรียน เป็นความสามารถในการมองจากสายตาของอีกฝ่าย 23 (เช่น “ครูเข้าใจเลยว่าการอยู่ตรงนั้นมันคงรู้สึก… (สับสน/อึดอัด/โกรธ)… มาก”)
นักเรียน Gen Z คาดหวังและต้องการ Empathy จากผู้ใหญ่ 24 ซึ่งเป็นสิ่งที่สร้างความรู้สึกร่วมและนำไปสู่การแก้ไขปัญหามากกว่า 23
ทักษะการทวนความ (Paraphrasing/Reflection)
วิธีแสดง Empathy ที่เป็นรูปธรรมที่สุด คือ “ทักษะการทวนความ” ซึ่งเป็นทักษะสำคัญในหลักสูตรการปรึกษาเชิงจิตวิทยาสำหรับครู 25
การทวนความ คือ การที่ครูใช้ “ภาษาของตัวเอง” ทวนซ้ำสิ่งที่นักเรียนพูดมา อาจจะทั้งหมดหรือบางส่วน โดยมีเงื่อนไขสำคัญคือ “ห้ามเปลี่ยนแปลงเนื้อหาและความรู้สึก” ที่นักเรียนสื่อออกมา 25
ประโยชน์ของการทวนความ:
- นักเรียนรับรู้ว่าครูกำลังตั้งใจฟังเขาอยู่ 25
- เป็นการตรวจสอบความเข้าใจว่าครู “ได้ยิน” ตรงกับที่นักเรียน “หมายถึง” หรือไม่
- ช่วยให้นักเรียนได้ยินความคิดของตัวเองผ่านเสียงของคนอื่น ซึ่งมักจะช่วยให้เขาขยายความเพิ่มเติม หรือตกตะกอนความคิดได้เอง 25
7 แนวปฏิบัติของการทวนความที่ดี 25:
- หลีกเลี่ยงการเพิ่มเติมความคิดเห็นหรือคำแนะนำของครูลงไป
- ทวนความให้ได้ใจความชัดเจน
- สามารถรวม “ความรู้สึก” ที่สังเกตเห็นเข้าไปในการทวนความได้ (เช่น “ที่เธอเล่ามา… ครูสัมผัสได้ว่าเธอกำลังรู้สึกกังวลมากๆ ใช่ไหม?”)
- ทิ้งช่วงเวลาให้เหมาะสมก่อนจะทวนความ
- ไม่ควรทวนความตลอดเวลา (ใช้สลับกับเทคนิคอื่น)
- สังเกตปฏิกิริยาของนักเรียนหลังจากการทวนความ
- หากทวนความได้ดี นักเรียนจะพยักหน้าและ “ขยายความเพิ่มเติม” ด้วยตัวเอง นี่คือสัญญาณว่าการให้คำปรึกษากำลังดำเนินไปถูกทาง 25
ส่วนที่ 3: กลยุทธ์การสื่อสารสมัยใหม่: การสร้างบทสนทนาที่ “อบอุ่น เข้าใจ และสนุกสนาน”
เมื่อมีรากฐานของพื้นที่ปลอดภัยแล้ว ครูสามารถใช้กลยุทธ์การสื่อสารเชิงรุกที่สอดคล้องกับธรรมชาติของ Gen Z เพื่อสร้างบทสนทนาที่ “อบอุ่น เข้าใจ และสนุกสนาน” ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
3.1 การสื่อสารเชิงบวก (Positive Communication) และ “คำพูดขวางกั้นใจ”
จิตวิทยาวัยรุ่นระบุชัดเจนว่า ความต้องการพื้นฐานของพวกเขาคือ “การได้รับการยอมรับ” และ “การได้แสดงออกถึงความคิดความรู้สึกอย่างเป็นอิสระ” 26 การสื่อสารเชิงบวก 27 จึงเป็นกุญแจสำคัญ
ในทางตรงกันข้าม มี “คำพูดขวางกั้นใจ” (Barrier Words) ที่ครูควรหลีกเลี่ยงอย่างยิ่ง เพราะจะทำให้วัยรุ่นปิดกั้นตัวเองทันที 26:
- การตักเตือน/ว่ากล่าว (สั่งสอน): “ครูบอกแล้วใช่ไหมว่า…”
- การติเตียน/วิจารณ์: “ทำไมทำได้แค่นี้”
- การตัดสิน/ตีตรา/ตราหน้า: “เธอมันขี้เกียจ”, “เด็กสมัยนี้ก็แบบนี้”
- การไต่สวน/ซักไซ้: การถามเพราะความอยากรู้ มากกว่าการถามเพื่อต้องการช่วยเหลือ 26
เทคนิคการสื่อสารเชิงบวก 26:
- เริ่มต้นด้วยการบอกถึงความห่วงใย: “ครูสังเกตเห็นว่าช่วงนี้เธอดูเงียบๆ ไป ครูเป็นห่วงนะ”
- ถามถึงความรู้สึก: “เธอพอจะเล่าให้ครูฟังได้ไหมว่ากำลังรู้สึกยังไง”
- ตั้งใจฟังอย่างเข้าอกเข้าใจ (Deep Listening): ใช้ทักษะในส่วนที่ 2
- แสดงความเข้าใจและยอมรับในอารมณ์นั้น: “ไม่แปลกเลยที่เธอจะรู้สึกแบบนั้น”
- ไม่ด่วนตัดสิน: รับฟังเรื่องราวทั้งหมดก่อน
3.2 การสร้างความไว้วางใจเชิงรุก (Proactive Trust-Building)
การสร้างความไว้วางใจกับ Gen Z ไม่สามารถรอให้เกิดขึ้นเองได้ ครูต้องใช้กลยุทธ์เชิงรุกที่สอดคล้องกับค่านิยมของพวกเขา
- เปลี่ยนจาก “บอก” เป็น “แสดง”: ดังที่กล่าวในส่วนที่ 1, Gen Z ไม่เชื่อการโฆษณา 12 แต่เชื่อ “ความจริงใจ” (Authenticity) 13 ครูไม่ควร บอก นักเรียนว่า “ครูเก่งนะ” หรือ “โรงเรียนดีนะ” แต่ครูต้อง แสดง ให้เห็นว่า “ครูจะช่วยให้เธอบรรลุเป้าหมายของเธอได้ยังไง” 3 ครูต้องแสดงให้เห็นว่าครูสนับสนุนสิ่งที่เขาสนใจ
- มอบหมายงานที่ท้าทาย: Gen Z ชื่นชอบความท้าทายและอิสระในการทำงาน 28 แทนที่จะสั่งการแบบจับมือทำ (Micromanage) ครูควรมอบหมาย “โปรเจกต์ที่ท้าทาย” และให้อิสระพวกเขาในการแก้ไขปัญหา การกระทำนี้สื่อถึง “ความไว้วางใจ” ที่ครูมีต่อศักยภาพของนักเรียน ซึ่งจะช่วยดึงศักยภาพของพวกเขาออกมาและสร้างความผูกพันกลับมายังครู 28
3.3 การใช้ “ภาษา” ของ GEN Z: เทคนิคการสื่อสารที่สนุกสนาน (Fun Communication)
การสื่อสารของ Gen Z ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ภาษาพูดที่เป็นทางการ แต่รวมถึงวัฒนธรรมป๊อป (Pop Culture) ที่พวกเขาสร้างและบริโภค การที่ครู “เข้าใจ” ภาษานี้ จะช่วยลดช่องว่างระหว่างวัยได้อย่างมหาศาล 4
การรู้เท่าทันมีม (Meme Literacy) ในฐานะเครื่องมือให้คำปรึกษา
Memes (มีม) ไม่ใช่เพียงเรื่องตลกไร้สาระ แต่ในปัจจุบันมันได้กลายเป็น “ภาษากลาง” (Common Language) ที่ Gen Z (และ Alpha) ใช้ในการสื่อสารและแบ่งปันความรู้สึก 5
มีมทำหน้าที่แสดงอารมณ์ที่ซับซ้อนได้อย่างรวดเร็ว, กระชับ, และมีอารมณ์ขัน ซึ่งช่วย “ลดความเครียด” ในบทสนทนา 5 การถามวัยรุ่นตรงๆ ว่า “เธอรู้สึกอย่างไร?” มักเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขา เพราะกลัวการถูกตัดสิน 26 หรือไม่รู้จะอธิบายอารมณ์ที่ซับซ้อนนั้นอย่างไร
มีม (Memes) จึงทำหน้าที่เป็น “ตัวกลาง” (Mediator) หรือ “เครื่องเทศ” 5 ที่ช่วยให้การพูดเรื่องจริงจังเป็นเรื่องง่ายขึ้น ครูที่เข้าใจวัฒนธรรมมีมสามารถใช้สิ่งนี้เป็น “สะพาน” เชื่อมช่องว่างระหว่างวัยได้ 5
กลยุทธ์เชิงปฏิบัติ (สร้างบทสนทนาที่ “สนุก”):
ครูสามารถใช้คำถามเชิงบวกที่อิงกับวัฒนธรรมป๊อปของพวกเขา:
- “ถ้าให้เลือกมีมหนึ่งอันมาอธิบายอารมณ์ของเธอตอนนี้ เธอจะเลือกอันไหน?”
- “สัปดาห์นี้มีเรื่องอะไรที่ทำให้เธอรู้สึก ‘ขิต’ (ศัพท์วัยรุ่น) บ้างไหม?”
- “ครูเห็นว่าเธอดูซีรีส์/อนิเมะเรื่อง… ตัวละครไหนที่เธอคิดว่า ‘ตึง’ (เก่ง/สุดยอด) ที่สุด เพราะอะไร?”
การใช้ภาษาของพวกเขา 4 ในบริบทที่เหมาะสม ไม่ใช่การพยายาม “เป็นเด็ก” แต่เป็นการส่งสัญญาณว่า “ครูเข้าใจและยอมรับโลกของเธอ”
การใช้แพลตฟอร์มและเทคโนโลยี
ครูต้องตระหนักว่านักเรียนใช้ Instagram และ TikTok ไม่ใช่แค่เพื่อความบันเทิง แต่เพื่อติดตามข่าวสาร, ค้นหาข้อมูล, และพูดคุยสื่อสาร 2 นอกจากนี้ ข้อมูลใหม่ยังชี้ว่า Gen Z เริ่มหันไปใช้ AI Chatbot (เช่น ChatGPT) ในฐานะ “เพื่อน” หรือที่ปรึกษา 30 นี่เป็นทั้งโอกาสและความเสี่ยง ครูสามารถเปิดบทสนทนาเรื่องนี้อย่างเปิดกว้าง เช่น “ปกติเธอใช้ AI ช่วยทำการบ้านยังไงบ้าง?” หรือ “เคยคุยเรื่องเครียดๆ กับ AI บ้างไหม?” เพื่อทำความเข้าใจโลกของพวกเขาอย่างแท้จริง
3.4 GAMIFICATION IN COUNSELING: การประยุกต์ใช้กลไกเกม
Gamification คือการนำกลไกของเกม (Game Mechanics) มาประยุกต์ใช้กับศาสตร์อื่นที่ไม่ใช่เกม 31 โดยมีเป้าหมายเพื่อ “สร้างแรงจูงใจ” (Motivation) 31 องค์ประกอบของเกมที่สามารถนำมาใช้ได้ ได้แก่ การตั้งเป้าหมาย (Goals), การให้รางวัล (Rewards), การแข่งขัน (Competition), การสะท้อนกลับ (Feedback), และการจัดลำดับ (Levels) 31 แนวคิดนี้คือการมองผู้เรียนเป็น “ผู้เล่น” (Player) 32
การ “Gamify” ภารกิจค้นหาตัวตน (Identity-Seeking Quest)
กระบวนการหลักของ Gen Z คือการ “ค้นหาตัวตน” 6 โดยเฉพาะในระดับมัธยมปลาย กระบวนการนี้ (เช่น การเลือกคณะ, การเตรียมสอบ TCAS) เป็นบ่อเกิดของความเครียดมหาศาล 33
ในขณะเดียวกัน โครงสร้างของวิดีโอเกม (Game Structure) โดยเฉพาะแนว RPG, คือการเดินทางของฮีโร่ (Hero’s Journey) ซึ่งเป็นกระบวนการ “ค้นหาตัวตน” ในตัวเอง (เช่น เริ่มจาก Level 1, สะสมประสบการณ์ (XP), เรียนรู้ทักษะใหม่, เติบโต, และบรรลุเป้าหมาย)
ครูแนะแนวและครูที่ปรึกษาสามารถ “ปรับกรอบความคิด” (Reframe) กระบวนการให้คำปรึกษาที่น่าเบื่อและเคร่งเครียด ให้กลายเป็นการ “ทำภารกิจ” (Quest) ที่สนุกและท้าทายได้
กลยุทธ์เชิงปฏิบัติ (การประยุกต์ใช้ Gamification 34):
ครูสามารถออกแบบ “ภารกิจค้นหาตัวตน” (Identity Quest) ให้นักเรียน ม.ปลาย ที่กำลังสับสนเรื่องอนาคต โดยมี “Level” และ “รางวัล” (เช่น เหรียญตรา หรือ Badges) 34 เป็นตัวกระตุ้น:
- Level 1: ภารกิจสำรวจโลก (The Explorer Quest): “ไปสัมภาษณ์ผู้ใหญ่ในอาชีพที่เธอสนใจ (หรืออาชีพที่เธอไม่รู้จักเลย) 3 คน เกี่ยวกับ ‘ความท้าทายที่สนุกที่สุด’ ในงานของพวกเขา” 1
- Level 2: ภารกิจค้นหาจุดแข็ง (The Self-Awareness Quest): “ทำแบบทดสอบบุคลิกภาพ (เช่น MBTI, Holland Codes) และสรุปจุดแข็ง 5 ข้อที่เธอค้นพบในตัวเอง”
- Level 3: ภารกิจสร้างต้นแบบ (The Prototype Quest): “ลองทำโปรเจกต์เล็กๆ ที่เกี่ยวข้องกับอาชีพที่เธอสนใจ 1 ชิ้น (เช่น เขียนโค้ด 1 หน้าเว็บ, ออกแบบโลโก้, เขียนแผนธุรกิจ 1 หน้า)” 3
การใช้ Gamification เปลี่ยนสถานะของนักเรียนจาก “ผู้รับคำปรึกษาที่เคร่งเครียด” 33 ให้กลายเป็น “ผู้เล่นที่กระตือรือร้น” ที่กำลังสนุกกับการ “เติบโต” 3 และ “สะสมประสบการณ์” 3
ส่วนที่ 4: คู่มือภาคปฏิบัติ (PLAYBOOK) ระดับประถมศึกษา: การจัดการสถานการณ์จริง
นักเรียนระดับประถมศึกษาเผชิญปัญหาที่แตกต่างจากมัธยม โดยมักเกี่ยวข้องกับทักษะทางสังคม, การควบคุมอารมณ์, และสภาพแวดล้อมในครอบครัว
4.1 กรณีศึกษา: ปัญหาการกลั่นแกล้ง (Bullying)
สถานการณ์จำลอง (ประถมปลาย): นักเรียน ป.5 (A) ไม่ยอมไปโรงเรียนหลายวัน อ้างว่าปวดท้อง ครูประจำชั้นสังเกตเห็นว่า (A) มักจะนั่งกินข้าวคนเดียว และถูกเพื่อนกลุ่มหนึ่ง (B) ล้อเลียนเรื่องรูปร่างและเรียกชื่อพ่อแม่บ่อยครั้ง 35
การวิเคราะห์ปัญหา:
- การวินิจฉัย: นี่คือการกลั่นแกล้ง (Bullying) ไม่ใช่การ “ล้อเล่น” (Teasing) เพราะมีองค์ประกอบ 3 อย่างคือ 1) เจตนาร้าย 2) เกิดขึ้นซ้ำๆ และ 3) มีความไม่สมดุลทางอำนาจ (เช่น เป็นกลุ่ม หรือเล็งเป้าที่คนที่อ่อนแอกว่า) 36
- ผลกระทบต่อเหยื่อ (A): มักจะหวาดกลัว, ไม่กล้าบอกผู้ใหญ่, รู้สึกโดดเดี่ยว, Self-esteem ต่ำ, และอาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าได้ 35
- ลักษณะผู้กระทำ (B): มักขาดความเห็นอกเห็นใจ (Empathy) ผู้อื่น 37 และมักเพ่งเล็งเป้าหมายที่ “อยู่คนเดียว” หรือดูอ่อนแอ 35
แนวทางการให้คำปรึกษา (Playbook):
1. ต่อเหยื่อ (A):
- สร้างพื้นที่ปลอดภัย: รับฟัง (A) อย่างตั้งใจ 38 สร้างความมั่นใจว่าการมาบอกครูเป็นสิ่งที่ถูกต้องและปลอดภัย (ส่วนที่ 2)
- ใช้ระบบ Buddy: หนึ่งในกลยุทธ์ที่ดีที่สุดสำหรับเด็กประถมคือ “ระบบ Buddy” 35 ครูควรจัดหาเพื่อนสนิท (Buddy) หรือจัดกลุ่มกิจกรรมให้ (A) ไม่ให้ “อยู่คนเดียว” ซึ่งจะลดโอกาสการตกเป็นเป้าหมาย 35
- สอนการรับมือ (Coping): งานวิจัย 39 พบว่าเด็กที่ใช้วิธีแก้ปัญหา (Problem Solving) เช่น การเดินหนี หรือการบอกครู/ผู้ใหญ่ จะได้ผลดีกว่าการโต้ตอบกลับด้วยความก้าวร้าว (Externalizing)
2. ต่อผู้กระทำ (B):
- สอน Empathy: ไม่ใช่แค่การลงโทษ แต่ต้องสอนให้ “คิดในมุมกลับกัน” 35 ครูควรถาม (B) ว่า “ถ้าหนูถูกคนอื่นทำแบบนี้… หนูจะรู้สึกยังไง?” 35
- สร้างพฤติกรรมทดแทน: สอนพฤติกรรมทางสังคมที่ดี เช่น การชื่นชม, การมีน้ำใจ 37
3. ระดับโรงเรียน:
- ติดต่อผู้ปกครอง: ครูต้องติดต่อผู้ปกครองของทั้งสองฝ่ายเพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาร่วมกัน 38
- บังคับใช้นโยบาย: โรงเรียนต้องมีนโยบาย Anti-Bullying ที่ชัดเจนและบังคับใช้จริงจัง 40
4.2 กรณีศึกษา: ภาวะติดเกมและหน้าจอ (Game/Screen Addiction)
สถานการณ์จำลอง (ประถมต้น): นักเรียน ป.2 (C) มีพฤติกรรมก้าวร้าวเมื่อไม่ได้ดั่งใจ 42 หงุดหงิดง่าย, ส่งงานไม่ครบ, และรอคอยไม่เป็น ครูที่ปรึกษาค้นพบว่าผู้ปกครองปล่อยให้เล่นเกมบนแท็บเล็ตวันละ 3-4 ชั่วโมง 42 เพราะเด็ก “เบื่อ” และใช้เกมเพื่อ “หลีกหนีโลกความจริง” 42
การวิเคราะห์ปัญหา: ภาวะติดเกมในเด็กเล็กมักเกิดจาก “ความเบื่อ” หรือการขาดกิจกรรมสร้างสรรค์อื่น 42 และบ่อยครั้งที่เด็กขาดการปฏิสัมพันธ์กับผู้ใหญ่ 43 มีคำกล่าวว่า “พ่อแม่คือของเล่นที่ดีที่สุดสำหรับเด็ก” 43
แนวทางการให้คำปรึกษา (Playbook): (ต้องทำร่วมกับผู้ปกครอง)
1. สร้างวินัยและข้อตกลง 42: ครูต้องแนะนำผู้ปกครองให้สร้าง “กฎกติกา” ที่ชัดเจน เช่น ต้องทำการบ้านและอาบน้ำให้เสร็จก่อน และ “จำกัดชั่วโมงการเล่น” 42
2. เทคนิคการเตือนล่วงหน้า 44: ปัญหาการก้าวร้าว (อาละวาด) มักเกิดตอน “หยุดเล่น” การวิจัย 44 แนะนำให้ผู้ใหญ่ “เตือนล่วงหน้า 10-15 นาที” ก่อนหมดเวลา เพื่อให้เด็กมีเวลา “เตรียมตัว” และ “ร่ำลาเพื่อนในเกม” (ในกรณีที่เล่นออนไลน์) ซึ่งจะช่วยลดแรงปะทะได้มาก
3. หากิจกรรมทดแทน 42: นี่คือส่วนที่สำคัญที่สุด พ่อแม่และครูต้อง “เล่นกับเด็ก” 43 และ “หากิจกรรมสร้างสรรค์” อื่นๆ (เช่น กิจกรรมกลางแจ้ง, ศิลปะ, กีฬา) เพื่อให้เด็กรู้ว่ามีสิ่งที่สนุกไม่แพ้เกม 42
4. ให้รางวัลเมื่อทำสำเร็จ 42: เมื่อเด็ก (C) สามารถทำตามข้อตกลงได้ (เช่น เลิกเล่นตรงเวลาโดยไม่อาละวาด) ควรให้ “รางวัล” (ที่ไม่ใช่การให้เล่นเกมเพิ่ม) เพื่อเสริมแรงพฤติกรรมเชิงบวก 42
5. การส่งต่อ 45: หากทำทุกวิธีแล้วพฤติกรรมก้าวร้าวยังรุนแรง หรือผู้ปกครองไม่สามารถจัดการได้ ครูควรแนะนำให้ผู้ปกครองพาลูกไปพบจิตแพทย์เด็กหรือผู้เชี่ยวชาญ 42
4.3 กรณีศึกษา: ปัญหาการเรียนรู้และปัญหาครอบครัว (Learning & Family Issues)
สถานการณ์จำลอง (ประถมปลาย): นักเรียน ป.6 (D) ซึ่งปกติเรียนดีและร่าเริง แต่ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา มีอาการเหม่อลอย, ไม่ส่งงาน, และผลการเรียนตกลงอย่างเห็นได้ชัด 46 เมื่อครูเรียกคุยแบบตัวต่อตัว (D) ก็ร้องไห้ และเล่าว่าพ่อแม่ทะเลาะกันรุนแรงที่บ้านบ่อยครั้ง
การวิเคราะห์ปัญหา: ปัญหาการปรับตัวด้านการเรียน 46 มักมีสาเหตุมาจาก 2 ส่วน คือ 1) ตัวนักเรียน (เช่น พื้นฐานไม่ดี) และ 2) สิ่งแวดล้อม 46 ในกรณีนี้ ปัญหาเกิดจาก “สาเหตุภายนอกตัวเด็ก” 47 คือ “สิ่งแวดล้อมในครอบครัว” 46
แนวทางการให้คำปรึกษา (Playbook):
1. สร้างพื้นที่ปลอดภัยที่โรงเรียน 49: ครูต้องสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและปลอดภัย (อาจเป็นห้องแนะแนว หรือมุมสงบในห้องเรียน) เพื่อให้เด็กรู้สึกว่าเขาสามารถ “ระบายความรู้สึก” ได้ 48
2. โฟกัสที่ตัวเด็ก (Focus on Child): ครูต้องตระหนักรู้ในบทบาทของตนว่า “ไม่สามารถ” เข้าไปแก้ไขปัญหาความสัมพันธ์ของผู้ปกครองได้ แต่ “สามารถ” เป็น “เซฟโซน” (Safe Zone) ที่มั่นคงให้กับเด็ก (D) ที่โรงเรียนได้ 50
3. การทำงานเป็นทีม 51: ครูจำเป็นต้องประสานงานกับผู้ปกครอง 51 แต่ต้องใช้ความระมัดระวังอย่างสูง โดยเน้นการสื่อสารไปที่ “ผลกระทบต่อการเรียนและจิตใจของลูก” 46 ไม่ใช่การกล่าวโทษหรือตัดสินปัญหาครอบครัวของพวกเขา
4. แนะนำการให้คำปรึกษาครอบครัว 53: หากความสัมพันธ์ระหว่างครูกับผู้ปกครองดีพอ ครูสามารถให้ข้อมูลและแนะนำช่องทางการ “ให้คำปรึกษาครอบครัว” (Family Counseling) 52 ซึ่งเป็นกระบวนการที่ช่วยเปลี่ยนโครงสร้างความขัดแย้งในครอบครัวได้ 53
ส่วนที่ 5: คู่มือภาคปฏิบัติ (PLAYBOOK) ระดับมัธยมศึกษา: การจัดการสถานการณ์จริง
นักเรียนระดับมัธยมศึกษาเผชิญปัญหาที่ซับซ้อนกว่า โดยเกี่ยวข้องกับตัวตน, สังคมออนไลน์, อนาคต, และสุขภาพจิต
5.1 กรณีศึกษา: การกลั่นแกล้งทางไซเบอร์ (Cyberbullying)
สถานการณ์จำลอง (มัธยมต้น): นักเรียน ม.2 (E) ถูกเพื่อนร่วมห้อง (F) ถ่ายรูปตอนเผลอหลับในห้องเรียน แล้วนำไปโพสต์ล้อเลียนในกลุ่ม Instagram (ซึ่ง Gen Z ใช้ในการแชตและติดตามเพื่อน 29) หลังจากนั้นมีการแสดงความคิดเห็น (Comment) ล้อเลียนและเหยียดหยามอย่างสนุกสนาน 54 ทำให้ (E) เกิดความอับอายอย่างรุนแรง, เครียด, และไม่กล้ามาโรงเรียน 56
การวิเคราะห์ปัญหา: Cyberbullying 57 มักรุนแรงกว่าการ Bullying ปกติ เพราะ 1) เกิดขึ้นตลอด 24 ชั่วโมง แม้จะกลับบ้านแล้ว 58 2) มีหลักฐานดิจิทัลที่แพร่กระจาย (Viral) ได้อย่างรวดเร็ว และ 3) คงอยู่ถาวร
แนวทางการให้คำปรึกษา (Playbook):
1. การจัดการหลักฐาน (สำหรับ E): แนะนำให้ (E) “เก็บหลักฐาน” (เช่น Screenshot หน้าจอ) ทั้งหมด แต่ “หยุดการตอบโต้” (Stop Engaging) ทันที 40 เพราะยิ่งตอบโต้ ยิ่งเป็นการกระตุ้น
2. การตอบสนองทันที (ระดับโรงเรียน): โรงเรียน “ต้อง” มีมาตรการที่ชัดเจนในการ “ประณาม, ป้องกัน และตอบสนองทันที” 41 ต่อความรุนแรงนี้ ครูต้องเรียก (F) และผู้เกี่ยวข้องมาพูดคุยถึงผลกระทบ และดำเนินการตามนโยบายคุ้มครองเด็ก 41
3. ฟื้นฟูจิตใจ (สำหรับ E): (E) ต้องการการปฐมพยาบาลทางใจอย่างเร่งด่วน เพื่อจัดการกับผลกระทบทางอารมณ์และความเครียด 56
4. สร้างความเป็นพลเมืองดิจิทัล (Digital Citizenship): ครูควรใช้กรณีนี้เป็นบทเรียนสำหรับทั้งชั้นเรียน (รวมถึง F) เพื่อสอนทักษะ “ความเป็นพลเมืองดิจิทัล” (Digital Citizenship) 59 ว่าทุกการกระทำบนโลกออนไลน์ทิ้ง “ร่องรอย” (Digital Footprint) และส่งผลกระทบต่อผู้อื่นจริง 59
5.2 กรณีศึกษา: ความเครียดจากการสอบ (TCAS) และความคาดหวัง
สถานการณ์จำลอง (มัธยมปลาย): นักเรียน ม.6 (G) ซึ่งเป็นนักเรียนห้องคิงส์ ถูกพบว่ากำลังร้องไห้ในห้องน้ำ ครูที่ปรึกษา 60 เข้าไปพูดคุยโดยใช้ทักษะการฟัง (ส่วนที่ 2) จน (G) ระบายว่าเครียดมากที่ต้องสอบ TCAS 33 เพราะพ่อแม่ (ซึ่งเป็นแพทย์) กดดันอย่างหนักว่า (G) ต้องสอบติดคณะแพทยศาสตร์เท่านั้น 61
การวิเคราะห์ปัญหา: งานวิจัยยืนยันว่าระดับความเครียดของนักเรียน ม.6 ที่เตรียมสอบ TCAS อยู่ในระดับ “สูง” (45.65%) ถึง “สูงมาก” (22.46%) 33 โดยมีปัจจัยหลักคือความกังวลต่อการสอบ และ “แรงกดดันจากพ่อแม่” และความคาดหวังของคนรอบข้าง 61
แนวทางการให้คำปรึกษา (Playbook):
1. ยอมรับความรู้สึก (Validate Emotion): สิ่งแรกที่ครูต้องทำคือ “ยอมรับ” ความรู้สึกเครียดของ (G) ว่าเป็นเรื่อง “ปกติ” 33 และ “สมเหตุสมผล” ในสถานการณ์นี้ ไม่ใช่การแสดงความ “อ่อนแอ”
2. การปฐมพยาบาลทางใจ (Mental Health First Aid): ใช้ทักษะการฟังอย่างลึกซึ้ง (Deep Listening) 20 และการสะท้อนความรู้สึก (Empathy) 22 เพื่อให้ (G) ได้ระบายความกดดันออกมา
3. การสะท้อนตนเอง (Self-Reflection): เมื่อ (G) สงบลง ครูแนะแนว 63 สามารถใช้เทคนิค “Self Reflection & Set Goal” 64 ชวน (G) ค้นหาตัวเอง โดยตั้งคำถามแยกแยะระหว่าง “สิ่งที่ G ต้องการจริงๆ” กับ “สิ่งที่พ่อแม่คาดหวัง” (เช่น “ถ้าไม่มีแรงกดดันจากที่บ้านเลย G คิดว่าตัวเองสนใจอยากทำอะไร?”) 63
4. ประยุกต์ใช้ “Identity Quest” (ดูส่วนที่ 3.4): หาก (G) สับสนและ “ไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร” ครูสามารถใช้กระบวนการ Gamification เพื่อช่วย (G) ค้นหาตัวตนอย่างสนุกสนานและลดความเครียด
5. สื่อสารกับผู้ปกครอง: ครูควรหาโอกาสพูดคุยกับผู้ปกครองอย่างระมัดระวัง 33 โดยใช้ “สุขภาพจิต” และ “ความสุข” ของลูกเป็นจุดร่วมในการสนทนา 65 ไม่ใช่แค่เรื่องคะแนนสอบ
5.3 กรณีศึกษา: ภาวะซึมเศร้าและความวิตกกังวล (Depression & Anxiety)
สถานการณ์จำลอง (มัธยมปลาย): นักเรียน (H) ซึ่งเคยร่าเริง เริ่มแยกตัวออกจากกลุ่มเพื่อน, ผลการเรียนตกต่ำต่อเนื่อง, ดูเศร้าหมอง, และครูที่ปรึกษาสังเกตเห็นร่องรอยการทำร้ายตัวเอง (Self-harm) ที่ข้อมือ
การวิเคราะห์ปัญหา: นี่คือสัญญาณเตือนที่ชัดเจนของภาวะซึมเศร้า (Depression) 65 ซึ่งเป็น “อาการป่วย” ทางการแพทย์ ไม่ใช่ “ความอ่อนแอ” หรือ “เรียกร้องความสนใจ” 66 และต้องการการดูแลจากผู้เชี่ยวชาญ
แนวทางการให้คำปรึกษา (Playbook):
1. รับฟังอย่างใส่ใจ 66: สร้างความไว้วางใจ “ฟังโดยไม่รีบให้คำแนะนำ” 66 และไม่แสดงท่าทีตกใจต่อเรื่องที่นักเรียนเล่า
2. อธิบายว่าเป็น “อาการป่วย” 66: บอกนักเรียน (H) ว่าภาวะซึมเศร้าเป็น “อาการป่วย” เหมือนโรคอื่นๆ และ “สามารถรักษาให้ดีขึ้นได้” 66 เพื่อลดการโทษตัวเอง
3. ให้กำลังใจและย้ำคุณค่า 66: ผู้มีภาวะซึมเศร้ามักมองตัวเองในแง่ลบมาก ครูควรถามถึงสิ่งที่เขาเคยทำได้ดี และย้ำเตือนถึงคุณค่าในตัวเขา 66
4. ลดความเครียดแวดล้อม 66: ประสานงานกับครูท่านอื่นเพื่อลดภาระงานที่ไม่จำเป็น หรือช่วยจัดการปัญหาแวดล้อมอื่นๆ (เช่น การถูก Bully) ที่อาจเป็นสาเหตุ 66
5. การส่งต่อ (Referral) (สำคัญที่สุด): นี่คือขั้นตอนที่สำคัญที่สุด ครู “ไม่ใช่” นักบำบัด ครูต้องแจ้งผู้ปกครองและปฏิบัติตาม “ช่องทางการส่งต่อ” (Referral Pathway) ของโรงเรียน 41 เพื่อส่ง (H) ไปพบผู้เชี่ยวชาญ (จิตแพทย์ หรือ นักจิตวิทยาคลินิก) เพื่อประเมินและรักษาต่อไป 66
5.4 กรณีศึกษา: วิกฤตการค้นหาตัวตน (Identity Crisis) และความสัมพันธ์
สถานการณ์จำลอง (มัธยมปลาย): นักเรียน (J) มาปรึกษาครูแนะแนวด้วยความสับสนว่า “ไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร” หรือ “ไม่รู้ว่าตัวตนคืออะไร” 60 และเล่าว่ากำลังมีความสัมพันธ์แบบ “Situationship” 68 คือมีความสัมพันธ์ที่สนิทสนมกับเพื่อนคนหนึ่งมากกว่าเพื่อน แต่ก็ไม่ชัดเจนว่าเป็นแฟน 68 ซึ่งความไม่ชัดเจนนี้ทำให้ (J) รู้สึกสับสนและเจ็บปวด 69
การวิเคราะห์ปัญหา: ความสับสนในอัตลักษณ์ (Identity Crisis) 67 เป็นกระบวนการพัฒนาการตามปกติของวัยรุ่น 60 และความสัมพันธ์รูปแบบใหม่ๆ เช่น “Situationship” 68 (ความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจน) คือภาพสะท้อนภายนอกที่สมบูรณ์แบบของ “ความสับสนภายใน” ของพวกเขา
แนวทางการให้คำปรึกษา (Playbook):
1. สร้างสัมพันธภาพ 70: สร้างความไว้วางใจและบรรยากาศที่เป็นกันเอง โดยไม่ตัดสินรูปแบบความสัมพันธ์ของนักเรียน 70
2. ยอมรับ “Situationship”: ยอมรับความสัมพันธ์รูปแบบใหม่นี้ 68 ว่าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ โดยไม่พยายาม “ยัดเยียด” คำจำกัดความแบบเดิมๆ (เช่น “ตกลงจะเป็นเพื่อนหรือแฟน”)
3. ใช้คำถามปลายเปิด 24: ใช้คำถามเพื่อการ “สำรวจตนเอง” (Self-Exploration) 70 เช่น “ในความสัมพันธ์นี้ อะไรคือสิ่งที่ J ให้คุณค่า?”, “J รู้สึกอย่างไรกับความไม่ชัดเจนนี้?”, “J คาดหวังอะไรจากความสัมพันธ์นี้?” 69
4. สอนเรื่องขอบเขต (Boundaries) 69: ช่วยนักเรียนสร้าง “ขอบเขต” ที่ดีต่อสุขภาพ 69 สอนให้ (J) รู้ว่าความสัมพันธ์ที่ดีต้อง “ไม่กดดัน” หรือ “ไม่ควบคุม” อีกฝ่าย 69
5. การแสดงบทบาทสมมติ (Role Playing) 71: หาก (J) ต้องการสื่อสารความต้องการของตนเองแต่ไม่กล้า ครูสามารถใช้เทคนิค Role Playing 71 เพื่อซ้อมพฤติกรรมหรือประโยคการสื่อสารที่เหมาะสม เพื่อให้นักเรียนเกิดความมั่นใจ
ส่วนที่ 6: การยกระดับทั้งระบบ: การสร้างวัฒนธรรมการให้คำปรึกษาที่ยั่งยืน
การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ด้วยครูเพียงคนเดียว แต่ต้องอาศัยการพัฒนาระบบสนับสนุนทั้งโรงเรียน
6.1 แนวทางการพัฒนาครู (Teacher PD): การสร้าง “พื้นที่ปลอดภัย” ให้ครู
การที่ครูจะสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้นักเรียนได้ ครูเองก็ต้องรู้สึกปลอดภัยก่อน โรงเรียนจึงควรมุ่งเน้น:
การจัดอบรมเชิงปฏิบัติการ (Workshop): จัด Workshop ที่ทันสมัยและตรงจุด 72 เช่น “หลักสูตรการให้การปรึกษาเด็กและวัยรุ่นเบื้องต้นในยุคดิจิทัล” 74, “เทคนิคการรับมือและเข้าใจ Gen Z” 75, และ “หลักสูตรการสร้างพื้นที่ปลอดภัยในห้องเรียน” 11 โดยเน้นการฝึกปฏิบัติ (Practice) มากกว่าทฤษฎี 74
การสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ (PLC) ที่แท้จริง: PLC (Professional Learning Community) ไม่ควรเป็นเพียง “การประชุม” ที่น่าเบื่อ แต่ต้องเป็น “วงแบ่งปันและเรียนรู้” ที่เป็น “พื้นที่ปลอดภัยสำหรับครู” 76 ที่ครูกล้าแบ่งปันความล้มเหลวหรือปัญหาในการสอนและการดูแลนักเรียน โดยไม่ถูกตัดสินหรือประเมินในแง่ลบ
การฝึกด้วยสถานการณ์จำลอง (Role Play): การพัฒนาทักษะการให้คำปรึกษาต้องอาศัยการฝึกฝน ครูควรได้ฝึก “แสดงบทบาทสมมติ” (Role Play) 77 ในสถานการณ์จำลองต่างๆ (เช่น สถานการณ์ในส่วนที่ 4 และ 5) เพื่อให้เกิดความชำนาญในการใช้ทักษะการฟังและการสะท้อน 71
6.2 บทบาทใหม่ของครู: จาก “ผู้คุมกฎ” สู่ “โค้ช” (Guide on the Side)
บทบาทของ “อาจารย์ที่ปรึกษา” ในยุคนี้ได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง 60 ไม่ใช่แค่การดูแลเรื่องวิชาการหรือความประพฤติ แต่คือบทบาทของ “โค้ช” หรือ “ผู้เจียระไนเพชร” 60
ทักษะที่จำเป็นสำหรับครูที่ปรึกษาทุกคน 60:
- ความรู้ (Knowledge): ความเข้าใจเรื่องพัฒนาการวัยรุ่น, ปัญหาที่พบบ่อย, และปัญหาทางสุขภาพจิต
- ทักษะการให้คำปรึกษา (Skills): การสร้างสัมพันธ์ภาพที่ดี, การฟัง, การให้กำลังใจ, การให้ Feedback
- ทักษะการประเมินและการส่งต่อ (Triage): ความสามารถในการประเมินปัญหาสุขภาพจิตเบื้องต้น และ “รู้ว่าเมื่อใดควรส่งต่อ” ให้ผู้เชี่ยวชาญ
บทบาทหลักของครูที่ปรึกษาคือ “การสร้างความสัมพันธ์ที่ดี”, “ส่งเสริมพัฒนาการรอบด้าน”, “ให้คำปรึกษาในการดำเนินชีวิต”, และ “คอยสังเกตติดตามความเสี่ยง” เพื่อช่วยเหลือแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว 60
6.3 การสร้างเครือข่ายส่งต่อ (Referral Protocol): ระบบ 3 ระดับ
โรงเรียน “ต้อง” (Must) มีนโยบายและระเบียบปฏิบัติในการคุ้มครองเด็ก (Child Safeguarding) 79 และการต่อต้านการกลั่นแกล้ง (Anti-Bullying Policy) 41 ที่เป็นลายลักษณ์อักษร
นโยบายเหล่านี้ต้องระบุ 2 สิ่งที่ชัดเจน 41:
- ช่องทางการรายงานที่เป็นความลับ (Confidential Reporting Channels): นักเรียนต้องรู้ว่าเขาสามารถแจ้งปัญหาได้อย่างปลอดภัยที่ไหน
- เส้นทางการส่งต่อ (Referral Pathway): ต้องมีขั้นตอนที่ชัดเจนว่าเมื่อครูพบปัญหาสุขภาพจิต (เช่น ภาวะซึมเศร้า, การทำร้ายตัวเอง) ครูต้องทำอย่างไร และจะส่งต่อนักเรียนไปยังบริการให้คำปรึกษาภายใน (ครูแนะแนว) หรือภายนอก (จิตแพทย์) ได้อย่างไร 41
ระบบสนับสนุนเช่น HERO Consultant 83 เป็นตัวอย่างที่ดีของเครือข่ายสนับสนุน ซึ่งช่วยให้ครูสามารถ “แชท” 83 เพื่อขอคำปรึกษาเคสที่ซับซ้อนจากผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวชเด็ก (พยาบาลจิตเวช, นักจิตวิทยา, จิตแพทย์) ได้โดยตรง 83
ข้อเสนอแนะ: แบบจำลองการสนับสนุน 3 ระดับ (3-Tier Support Model)
เพื่อให้การดูแลนักเรียนเป็นระบบ โรงเรียนควรวางโครงสร้างการสนับสนุน 3 ระดับ โดยมีเป้าหมายคือการพัฒนาครูทุกคนให้เป็น “ด่านหน้า” (Tier 1) ที่แข็งแกร่งที่สุด
ตารางที่ 6.1: แบบจำลองการสนับสนุนนักเรียน 3 ระดับ (3-Tier Support Model)
| ระดับ (Tier) | ผู้รับผิดชอบหลัก | ทักษะ/บทบาทหลัก | ตัวอย่างการปฏิบัติงาน | |
| Tier 1: การสนับสนุนสากล (Universal Support) | ครูที่ปรึกษา, ครูผู้สอนทุกคน | 60 | – สร้าง Psychological Safety ในห้องเรียน – ทักษะ Deep Listening & Empathy – การสังเกตสัญญาณเตือน (Warning Signs) – การสื่อสารเชิงบวก | – การ Check-in อารมณ์ประจำวัน – การสร้างบรรยากาศห้องเรียนเชิงบวก – การให้คำปรึกษาปัญหาทั่วไป (การเรียน, เพื่อน) – การคัดกรองและส่งต่อ ไปยัง Tier 2 |
| Tier 2: การสนับสนุนแบบกำหนดเป้าหมาย (Targeted Support) | ครูแนะแนว, นักจิตวิทยาโรงเรียน | 63 | – การให้คำปรึกษาเบื้องต้น (รายบุคคล/กลุ่ม) – การจัดการรายกรณี (Case Management) – การให้คำปรึกษาด้านอาชีพ/การศึกษา – การประเมินความเสี่ยงเบื้องต้น | – การให้คำปรึกษารายสัปดาห์ (กรณี TCAS, ปัญหาครอบครัว, Situationship) – การจัดกลุ่มบำบัด (เช่น กลุ่มจัดการความโกรธ, กลุ่มทักษะสังคม) – การส่งต่อ ไปยัง Tier 3 |
| Tier 3: การสนับสนุนแบบเข้มข้น (Intensive Support) | ผู้เชี่ยวชาญภายนอก (จิตแพทย์, นักจิตวิทยาคลินิก, HERO Consultant) 82 | – การวินิจฉัยโรค (Diagnosis) – การบำบัดรักษา (Therapy) – การให้ยา (Medication) – การให้คำปรึกษาครอบครัวเชิงลึก | – การประเมินภาวะซึมเศร้า/วิตกกังวล – การบำบัดเคสทำร้ายตัวเอง (Self-harm) – การบำบัดรักษาอาการติดเกมขั้นรุนแรง – การให้คำปรึกษาเคสที่ซับซ้อนผ่านระบบ 83 |
บทสรุป
การพัฒนาทักษะการให้คำปรึกษาและการสื่อสารกับนักเรียน Gen Z ไม่ใช่แค่ “โครงการ” แต่คือ “การเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กร” (Cultural Shift) โดยมีหัวใจสำคัญคือการเปลี่ยนกระบวนทัศน์ของครู จาก “ผู้สั่งการ” (Commander) ไปสู่ “ผู้สร้างพื้นที่ปลอดภัย” (Safety Creator) และ “โค้ช” (Coach)
เมื่อครูเริ่มใช้ทักษะการฟังอย่างลึกซึ้ง (Deep Listening), การสะท้อนอย่างเข้าอกเข้าใจ (Empathy), และการสื่อสารที่ “สนุก” (Fun Communication) โดยใช้ภาษาที่ Gen Z เข้าใจ (Memes, Gamification) ความไว้วางใจ (Trust) ซึ่งเป็นรากฐานของการเรียนรู้ทั้งหมด จะถูกสร้างขึ้นอย่างยั่งยืนในสถานศึกษา
Works cited
- Decoding Gen Z ถอดรหัส “เรียนให้ใช่” เพื่อไม่หลุดเทรนด์ เมื่อโลกเปลี่ยน …, accessed October 28, 2025, https://www.eef.or.th/article-040925/
- การตลาดในช่วงเปิดเทอมของนักเรียนในแต่ละยุคสมัย: คนรุ่น Gen Z เทียบกับคนรุ่นมิลเลนเนียล – MGID, accessed October 28, 2025, https://www.mgid.com/th/blog/back-to-school-marketing-across-generations-gen-z-vs-millennials-th
- 7 ทัศนคติ ‘Gen Z ประเทศไทย’ ผู้บริโภคกลุ่มใหญ่ มีพลังเปลี่ยนโลกการตลาด – แบรนด์จะชนะใจอย่างไร, accessed October 28, 2025, https://www.marketingoops.com/reports/behaviors/7-attitudes-and-behaviour-gen-z-thailand/
- #เด๋วคุยกะgenz: วิธีทำความเข้าใจยุคใหม่ – Lemon8-app, accessed October 28, 2025, https://www.lemon8-app.com/@oil_thanvika/7526112185496470023?region=th
- มีมมีอิทธิพลต่อภาษาของวัยรุ่นอย่างไร? – Vietnam.vn, accessed October 28, 2025, https://www.vietnam.vn/th/meme-anh-huong-den-ngon-ngu-cua-gioi-tre-nhu-the-nao
- The Lost Generation : เด็ก Gen Z กับช่องโหว่ทางการศึกษาไทย – Urban Creature, accessed October 28, 2025, https://urbancreature.co/the-lost-generation/
- ทัศนคติของคนกลุ่มเจเนอเรชัน Z ต่อการประสบความส าเร็จ, accessed October 28, 2025, https://archive.cm.mahidol.ac.th/bitstream/123456789/4721/1/TP%20MM.032%202565.pdf
- อาจารย์ทั้งหลาย คิดว่าเด็ก Gen-Z ที่เรียนออนไลน์ช่วงโควิดจะเก่งเรื่องการพูดในที่สาธารณะแค่ไหน? : r/AskAcademia – Reddit, accessed October 28, 2025, https://www.reddit.com/r/AskAcademia/comments/1nbkq90/professors_how_well_do_you_believe_that_genz_who/?tl=th
- โรคภัยของเด็กยุค ดิจิทัล – Gen Z, accessed October 28, 2025, https://dol.thaihealth.or.th/Media/Pdfview/6cd21667-30e0-ea11-80ec-00155d09b41f
- Gen Z เห็นปัญหา สถานะ และความหวังต่อสังคมที่พวกเขาต้องการ – SD PERSPECTIVES, accessed October 28, 2025, https://www.sdperspectives.com/next-gen/dtac-safe-internet-gen-z/
- How-to ลดช่องว่างระหว่างวัย เข้าใจและรับมือนักเรียน Gen Z – แนะแนวฮับ, accessed October 28, 2025, https://guidancehubth.com/knowledge/159
- Gen Z คือใคร พร้อมเจาะลึกพฤติกรรมผู้บริโภค Gen Z – ธนาคารกรุงศรี, accessed October 28, 2025, https://www.krungsri.com/th/plearn-plearn/business/marketing/6-techneques-to-approach-gen-z
- 5 ways to build trust with Gen Z – StorifyMe, accessed October 28, 2025, https://www.storifyme.com/blog/5-ways-to-build-trust-with-gen-z
- พื้นที่ปลอดภัยทางจิตวิทยา (Psychological Safety) พื้นฐานของการสร้างทีมงาน – Coach Chom, accessed October 28, 2025, https://coachchomstory.medium.com/%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%B2-psychological-safety-%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%90%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%A1%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99-b77ca03b79e7
- เคล็ดลับสร้างความปลอดภัยทางจิตใจ หรือPsychological Safety – plusitives, accessed October 28, 2025, https://www.plusitives.com/content/6016/%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%94%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B9%83%E0%B8%88-%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%ADpsychological-safety
- Psychological Safety วิธีง่ายๆ ที่ผู้นำสร้างได้ในองค์กร – BASE Playhouse, accessed October 28, 2025, https://www.baseplayhouse.co/blog/psychological-safety-simple-ways-leaders-can-create-it-in-organizations
- ชวนครูสร้างพื้นที่ปลอดภัย ช่วยให้นักเรียนกล้าเสี่ยงที่ผิดพลาด แล้วเขาจะเติบโต – The Potential, accessed October 28, 2025, https://thepotential.org/knowledge/rich-classroom-climate-mindset-ep2/
- Deep Listening คืออะไร? เข้าใจเทคนิคการฟังอย่างลึกซึ้ง – Disrupt Technology Venture, accessed October 28, 2025, https://www.disruptignite.com/blog/what-is-deep-listening
- การฟังอย่างลึกซึ้ง (Deep Listening) – Urbinner, accessed October 28, 2025, https://www.urbinner.com/post/deep-listening
- Deep Listening คุยกันให้ลึก ฟังกันให้ซึ้ง ลดปัญหาขัดแย้งในครอบครัว (หรือคนใกล้ตัว), accessed October 28, 2025, https://www.manarom.com/blog/deep_listening.html
- 6 เทคนิคการฟังอย่างลึกซึ้ง (Deep Listening) โดย ภญ.ธันยพร จารุไพศาล, accessed October 28, 2025, https://www.workwithpassiontraining.com/17282288/6-%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9F%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%A5%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%8B%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%87-deep-listening
- “empathy” หัวใจของการให้คำปรึกษา – iSTRONG, accessed October 28, 2025, https://www.istrong.co/single-post/empathy-counseling
- รู้จัก Empathy Skill ทักษะที่ทำให้เข้าใจความรู้สึกคนอื่นมากขึ้น | HREX.asia, accessed October 28, 2025, https://th.hrnote.asia/orgdevelopment/empathy-skill-210714/
- เข้าใจ Gen Z ด้วย Empathy: การใช้ทักษะการให้คำปรึกษาเพื่อลดช่องว่างระหว่างวัยสำหรับหัวหน้างาน, accessed October 28, 2025, https://www.istrong.co/single-post/gen-z-empathy
- หลักสูตรทักษะการปรึกษาเชิงจิตวิทยาสำหรับครู | 7 วิธีทวนความเพื่อความ …, accessed October 28, 2025, https://research.eef.or.th/repeater-method/
- สอนวัยรุ่น ไม่วุ่นอย่างที่คิด ฉบับปรับปรุง ปี 2564 – To Be Number One, accessed October 28, 2025, https://www.tobenumber1.net/dataservice/files/ds2-manualAndTech/manual/69.2564%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%84%E0%B8%B4%E0%B8%94.pdf
- ปรับวิธีสื่อสาร สู่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมวัยรุ่น – Educa, accessed October 28, 2025, https://educathai.com/knowledge/articles/391
- 6 เทคนิคบริหารคน Gen Z ที่ HR ไม่ควรพลาด – HumanSoft, accessed October 28, 2025, https://www.humansoft.co.th/th/blog/6-how-to-manage-genz-workers
- คน Gen Z ชอบเสพสื่อแบบไหน ชอบอะไร? – Motive Influence, accessed October 28, 2025, https://www.motiveinfluence.com/blog/influencer/%E0%B8%84%E0%B8%99-Gen-Z-%E0%B8%8A%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%9E%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B8%99-%E0%B8%8A%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3/605
- เปิดเทรนด์ Gen Z หันมาเป็นเพื่อนกับ AI Chatbot มากขึ้น ดาบสองคมที่ต้องระวัง – Spring News, accessed October 28, 2025, https://www.springnews.co.th/digital-tech/technology/850077
- Digi-Teach สอนเด็กให้สนุกในยุคดิจิทัล – I Am Kru, accessed October 28, 2025, https://iamkru.com/gamification/
- Gamification มองผู้เรียนเป็น “ผู้เล่น” เทรนด์การเรียนที่ครูคือ ‘ความสนุก’ – NIA, accessed October 28, 2025, https://www.nia.or.th/Gamification
- ความเครียดของกลุ่มนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี – ThaiJo, accessed October 28, 2025, https://so06.tci-thaijo.org/index.php/tmd/article/download/259195/175023
- Gamification เพื่อการเรียนรู้: คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับนักการศึกษา – AhaSlides, accessed October 28, 2025, https://ahaslides.com/th/blog/gamification-for-learning/
- เด็กแกล้งกัน (Bullying) ผลร้ายต่อทั้งคนโดนแกล้งและคนแกล้ง, accessed October 28, 2025, https://www.manarom.com/blog/bullying.html
- คู่มือปฏิบัติสำ หรับก รดำ เนินก ร – ป้องกันและจัดก รก รรังแกกันในโรงเรียน – ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สสส., accessed October 28, 2025, https://resourcecenter.thaihealth.or.th/files/66/%E0%B8%84%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%9B%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99.pdf
- 5 วิธีลดปัญหาการกลั่นแกล้ง (Bully) ในเด็ก ที่พ่อแม่ควรรู้ – SOS Children’s …, accessed October 28, 2025, https://www.sosthailand.org/blogs/2021/stop-bullying-in-kids
- accessed October 28, 2025, https://www.vichaiyut.com/th/health-information/bully/details
- กลยุทธในการแก้ปัญหาการถูกรังแกของเด็ก นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาตอนปลาย Coping Strategies of Grade 4-6 Primary School Students in – สมาคม จิตแพทย์, accessed October 28, 2025, https://www.psychiatry.or.th/JOURNAL/60-4/03%20Tidarat.pdf
- การป้องกันการบูลลี่ในสถานศึกษา โดยใช้หลักมาตรการความปลอดภัย 3ป., accessed October 28, 2025, https://www.sesapy.go.th/wp-content/uploads/2024/01/Infographics-%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3-Bully-1.pdf
- Rights respecting schools for students, teachers and school directors | UNICEF Thailand, accessed October 28, 2025, https://www.unicef.org/thailand/stories/rights-respecting-schools-students-teachers-and-school-directors
- เช็กอาการเด็กติดเกม พร้อมวิธีรับมือที่คุณแม่ควรรู้ | MILO – ไมโล ประเทศไทย …, accessed October 28, 2025, https://www.milo.co.th/all-blog/child-development/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A1
- โรคติดเกม | Re-Mind : อารมณ์ ความคิด พฤติกรรม [Mahidol Channel] – YouTube, accessed October 28, 2025, https://www.youtube.com/watch?v=nQe17aRX06o
- จิตแพทย์แนะวิธีรับมือ เด็กติดเกมพฤติกรรมก้าวร้าว l Highlight RAMA Square – YouTube, accessed October 28, 2025, https://www.youtube.com/watch?v=Zni932-rpXk
- เด็กติดเกม | โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ, accessed October 28, 2025, https://www.princsuvarnabhumi.com/articles/content-%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A1
- การศึกษารายกรณีของนักเรียนที่มีปัญหาการปรับตัวด้านการเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนสุเหร่าดอนสะแก เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร – มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, accessed October 28, 2025, http://thesis.swu.ac.th/swuthesis/Ed_Psy/Wasana_M.pdf
- เด็กที่มีปัญหาการเรียน, accessed October 28, 2025, https://www.childrenhospital.go.th/wp-content/uploads/2023/04/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99.pdf
- การให้คำปรึกษาวัยรุ่น, accessed October 28, 2025, http://www.psyclin.co.th/new_page_55.htm
- การให้คำปรึกษาเด็ก – Child Impact, accessed October 28, 2025, https://childimpact.co/learning/counsel-help-child
- สร้าง Safe Zone ให้ชีวิต พื้นที่ปลอดภัย ทางกาย ทางใจ ที่ทุกคนต้องการ – มูลนิธิเพื่อรัก, accessed October 28, 2025, https://lovefoundation.or.th/safe-zone/
- เด็ก…กับปัญหาการเรียน พ่อแม่ ครู แก้ไขได้ !! – อเลอไทด์, accessed October 28, 2025, https://www.healthybrain.biz/16884810/%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99-%E0%B8%9E%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B9%88-%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B9-%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B9%84%E0%B8%82%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89
- ให้คำปรึกษาปัญหาครอบครัว บริการปรึกษาด้านความสัมพันธ์ในครอบครัว – Mental Well Clinic, accessed October 28, 2025, https://mentalwellclinic.com/test-%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%84/
- รูปแบบการให้ค าปรึกษาครอบครัว Family Counseling Model – ThaiJO, accessed October 28, 2025, https://he01.tci-thaijo.org/index.php/scnet/article/viewFile/102099/79015
- การกลั่นแกล้งกันในพื้นที่ไซเบอร์ของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น: ความชุก วิธีการจัดการปัญหา และพฤติกรรมเสี่ยง | วารสารวิชาการและวิจัย มหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ – thaijo.org, accessed October 28, 2025, https://so04.tci-thaijo.org/index.php/neuarj/article/view/249043
- ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการถูกรังแกทางไซเบอร์ของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร | วารสารพยาบาลเกื้อการุณย์ – ThaiJO, accessed October 28, 2025, https://he01.tci-thaijo.org/index.php/kcn/article/view/259464
- การข่มเหงรังแกทางโลกไซเบอร์ – Cyberbullying – คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, accessed October 28, 2025, https://www.psy.chula.ac.th/th/feature-articles/cyberbullying/
- มาตรการในการจัดการพฤติกรรมการถูกกลั่นแกล้งบนโลกไซเบอร์ กรณีศึกษา โรงเรียนนาหลวง เขตทุ่งครุ จังหวัดกรุงเทพมหานคร – TU e-Thesis (Thammasat University) – มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, accessed October 28, 2025, http://ethesisarchive.library.tu.ac.th/thesis/2019/TU_2019_6003010334_11635_12780.pdf
- คู่มือปฏิบัติสำหรับการดำเนินการป้องกันและจัดการการกลั่นแกล้งรังแกกันในโรงเรียน – Child Impact, accessed October 28, 2025, https://childimpact.co/learning/bully-school1
- EP.2 : สอนอย่างไรให้โดนใจเด็ก GEN Z, accessed October 28, 2025, https://registrar.ku.ac.th/wp-content/uploads/2017/05/GETalk2.pdf
- คู่มือ อาจารย์ที่ปรึกษา ระดับมัธยมศึกษา – drpanom, accessed October 28, 2025, https://drpanom.wordpress.com/2018/11/29/%E0%B8%84%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD-%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2/
- เด็กไทยเรียนหนัก-เครียดพ่อแม่กดดัน-แบกความหวังของคนรอบข้าง – TCIJ, accessed October 28, 2025, https://www.tcijthai.com/news/2019/8/scoop/9226
- Stress of Grade 6 Students to Take the University Entrance Exam in 2023 (TCAS 66) | The Journal of Institute of Trainer Monk Development – ThaiJo, accessed October 28, 2025, https://so06.tci-thaijo.org/index.php/tmd/article/view/259195
- ฟังเสียงเด็ก TCAS: อยากให้ครูแนะแนวเป็นแบบไหน? – The Potential, accessed October 28, 2025, https://thepotential.org/social-issues/guidance-counselor/
- คู่มือการจัดกิจกรรมแนะแนว – Inskru, accessed October 28, 2025, https://storage.inskru.com/ideas/files/1740155516151008463.pdf
- เข้าใจ ‘ซึมเศร้า’ ในวัยรุ่น หยุดกดดันด้วยความรักแบบมีเงื่อนไข – มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, accessed October 28, 2025, https://tu.ac.th/thammasat-270266-tu-expert-talk-understanding-teen-depression
- แนวทางการช่วยเหลือและปรับพฤติกรรม เด็ก สมาธิสั้น … – ศูนย์สุขภาพจิตที่ 9, accessed October 28, 2025, https://mhc9dmh.com/newweb/public/uploads/2024/01/0124202401543065b06dd6a7611.pdf
- วิกฤตตัวตนวัยรุ่น หาตัวเองให้เจอก่อนสับสน | โรงพยาบาลกรุงเทพ สำนักงานใหญ่, accessed October 28, 2025, https://www.bangkokhospital.com/th/bangkok/content/identity-crisis
- รู้จัก Situationship ความสัมพันธ์ที่สนิทกว่าเพื่อน แต่ไม่ชัดเจนว่าเป็นแฟน – the standard, accessed October 28, 2025, https://thestandard.co/life/get-to-know-situationship/
- “รักในวัยเรียน” ความสัมพันธ์แบบไหนดี และแบบไหนที่ควรเลี่ยง | Mentalmate, accessed October 28, 2025, https://mentalmateservice.com/teenage-love-dos-and-donts/
- ผลการปรึกษากลุ่มแบบอัตถิภาวะนิยมต่อการตระหนักรู้ในตนเอง – มหาวิทยาลัยบูรพา, accessed October 28, 2025, https://buuir.buu.ac.th/bitstream/1234567890/11598/1/54921001.pdf
- ผลของโปรแกรมการให้คําปรึกษากลุ่มที่มีต่อกา, accessed October 28, 2025, http://110.164.147.155/kmhealth_new/Documment/psychiatry/children/P1.1.1.19.pdf
- Workshop กลยุทธ์การให้คำปรึกษาวัยรุ่น – iSTRONG, accessed October 28, 2025, https://www.istrong.co/counseling-forteens
- เทคนิคให้คำปรึกษาเพื่อพัฒนานักเรียน GEN Z – Silpakorn University, accessed October 28, 2025, https://fts.su.ac.th/event/%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD/
- ข้อมูลหลักสูตร – CMU Lifelong Education – มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, accessed October 28, 2025, https://www.lifelong.cmu.ac.th/smile/report/report_course.php?pid=000030&t=web
- อบรมหัวข้อ “รับมืออย่างไรให้เข้าใจเด็ก Gen Z” – MLII – MFU Learning Innovation Institute, accessed October 28, 2025, https://mlii.mfu.ac.th/gen-z/
- จุดเริ่มต้นกระบวนการ PLC ชุมนุมการเรียนรู้ของครูที่มีหัวใจเดียวกัน – Plookpanya School, accessed October 28, 2025, https://plookpanya.ac.th/articles/ppy-plc-teacher/
- Role Play การเรียนรู้ด้วยการแสดงบทบาทสมมติ – Active Learning in Online Teaching, accessed October 28, 2025, https://active-learning.thailandpod.org/learning-activities/role-play
- บทบาทสมมติ (Role Playing) – Chulalongkorn University Language Institute (CULI), accessed October 28, 2025, https://www.culi.chula.ac.th/Images/asset/pasaa_paritat_journal/file-36-544-k5eapf758366.pdf
- CHILD SAFEGUARDING CODE OF CONDUCT & POLICY – Ruamrudee International School, accessed October 28, 2025, https://www.rism.ac.th/wp-content/uploads/2021/04/Child-Safeguarding-2020.pdf
- Safeguarding policy – King’s College International School Bangkok, accessed October 28, 2025, https://www.kingsbangkok.ac.th/uploads/file_library/2022/04/safeguarding_policy_2022.pdf
- Anti-Bullying Policy | SBS International School Chiangmai, accessed October 28, 2025, https://sbscm.ac.th/anti-bullying-policy/
- Anti-Bullying Policy – ELC – International Schools Bangkok, accessed October 28, 2025, https://www.elc.ac.th/wp-content/uploads/Anti-Bullying-Policy.pdf
- คู่มือ HERO CONSULTANT – ศูนย์ สุขภาพ จิต ที่ 7, accessed October 28, 2025, https://mhc7.dmh.go.th/wp-content/uploads/2022/12/%E0%B8%84%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD-HERO-CONSULTANT.pdf
Comments
Powered by Facebook Comments

