รากฐานแห่งปัญญา—การถอดรหัสมาตรฐานความรู้ที่ 1 “ธรรมชาติการเรียนรู้และพัฒนาการเด็กปฐมวัย”
รากฐานแห่งปัญญา—การถอดรหัสมาตรฐานความรู้ที่ 1 “ธรรมชาติการเรียนรู้และพัฒนาการเด็กปฐมวัย”
ดร.อนุศร หงษ์ขุนทด
ศึกษานิเทศก์ วิทยฐานะศึกษานิเทศก์เชี่ยวชาญ สพม.นครราชสีมา
Musicmankob@gmail.com
__________________________________
ส่วนที่ 1: ความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ของมาตรฐานที่ 1: เหตุผลที่ความเข้าใจ “ธรรมชาติเด็ก” คือหัวใจของครูปฐมวัย
การวิเคราะห์บริบทเชิงนโยบาย
การประกาศใช้มาตรฐานวิชาชีพครูปฐมวัย พ.ศ. 2568 โดยคณะกรรมการคุรุสภา 1 ถือเป็นหมุดหมายสำคัญในการยกระดับคุณภาพการจัดการศึกษาปฐมวัยของประเทศไทย เจตนารมณ์หลักของมาตรฐานฉบับนี้ คือการกำหนดนิยามใหม่ให้แก่ผู้ประกอบวิชาชีพครูปฐมวัย โดยมุ่งเน้นให้มี “สมรรถนะทางวิชาชีพที่ทันสมัย สอดคล้องกับบริบทความเปลี่ยนแปลงของการจัดการศึกษาในยุคปัจจุบัน” 1
ในการวิเคราะห์โครงสร้างของมาตรฐานความรู้ที่กำหนดไว้ในข้อ 3 ของประกาศฯ พบว่า คณะกรรมการคุรุสภาได้วางลำดับความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ไว้อย่างชัดเจน โดยกำหนดให้มาตรฐานที่ 1 “ธรรมชาติการเรียนรู้และพัฒนาการเด็กปฐมวัย” เป็นองค์ความรู้แรกที่ครูปฐมวัยต้องมี 4 การจัดลำดับนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นการส่งสัญญาณเชิงนโยบายที่ชัดเจนว่า ความเป็นเลิศในวิชาชีพครูปฐมวัยไม่ได้เริ่มต้นจาก “เทคนิคการสอน” หรือ “ความสามารถในการจัดกิจกรรม” แต่เริ่มต้นจาก “ความเข้าใจอย่างถ่องแท้” ต่อตัวเด็ก
มาตรฐานที่ 1 ในฐานะ “มาตรฐานปฐมบท” (The Keystone Standard)
มาตรฐานที่ 1 ทำหน้าที่เป็น “มาตรฐานปฐมบท” (Keystone Standard) ซึ่งเป็นรากฐานทางปัญญาที่ค้ำจุนมาตรฐานความรู้อื่นๆ ทั้งหมด หากปราศจากความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในมาตรฐานข้อนี้ มาตรฐานข้อถัดไป เช่น “ศาสตร์การสอนและการออกแบบการเรียนรู้” 4 หรือ “การพัฒนาหลักสูตร” 4 ย่อมไม่อาจเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับเด็ก
นี่คือการเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์ (Paradigm Shift) ที่สำคัญ จากเดิมที่การผลิตครูอาจเน้น “ศาสตร์การสอน” (Pedagogy) นำหน้า ไปสู่กระบวนทัศน์ใหม่ที่เน้น “ความเข้าใจเด็ก” (Child Development) เป็นตัวตั้งต้น ศาสตร์การสอนและหลักสูตรที่ดี จะต้องเป็น “ผลลัพธ์” ที่ถูกออกแบบขึ้นเพื่อตอบสนองต่อธรรมชาติการเรียนรู้ของสมอง 4, พัฒนาการตามลำดับขั้น 6, และความต้องการทางจิตสังคมของเด็ก 7
การกำหนดให้ครูต้อง “มีความรอบรู้และเข้าใจ ธรรมชาติการเรียนรู้ของสมองเด็ก การเจริญเติบโต พัฒนาการด้านตัวตนและแบบองค์รวมตามช่วงวัย” 4 เป็นการประกาศว่า วิชาชีพครูปฐมวัยเป็น “ศาสตร์” (Science) ที่ต้องอิงหลักฐานทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยา 5 ไม่ใช่เป็นเพียง “ศิลป์” (Art) ที่อิงตามประสบการณ์หรือความเคยชินส่วนบุคคล ดังนั้น มาตรฐานที่ 1 จึงเป็นทั้ง “ปรัชญา” ที่ครูปฐมวัยต้องยึดถือ และเป็น “เลนส์” ที่ครูต้องใช้มองเด็ก ก่อนที่จะเริ่มออกแบบการเรียนรู้ใดๆ ทั้งสิ้น
ส่วนที่ 2: รากฐานทางชีววิทยาและจิตวิทยา: สมอง ทฤษฎี และกลไกการเรียนรู้
มาตรฐานที่ 1.1 ได้กำหนดสาระความรู้เชิงวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาที่ครูต้องเชี่ยวชาญ เพื่อสร้างฐานความเข้าใจที่มั่นคงต่อธรรมชาติของเด็กปฐมวัย
2.1 ธรรมชาติการเรียนรู้และการทำงานของสมอง (Brain-Based Learning – BBL)
สาระความรู้ข้อแรกที่คุรุสภากำหนด คือความเข้าใจทางชีววิทยาของการเรียนรู้ หรือ Brain-Based Learning (BBL) 5 BBL คือแนวคิดการจัดการเรียนรู้ที่นำองค์ความรู้และทฤษฎีด้านการพัฒนาสมองของมนุษย์มาประยุกต์ใช้ในการออกแบบการเรียนการสอน 5 โดยมีเป้าหมายเพื่อ “ปรับปรุงสิ่งแวดล้อมรอบตัวของนักเรียนให้สามารถเป็นสื่อการเรียนรู้ที่ช่วยกระตุ้นพัฒนาการ” 5 เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ที่เหมาะสมตามช่วงวัย
ในทางปฏิบัติ การจัดการเรียนรู้ตามแนวทาง BBL ให้ความสำคัญกับองค์ประกอบที่เป็นรูปธรรม ซึ่งสรุปได้เป็น “กุญแจ 5 ดอก” 5 ได้แก่
- สนามเด็กเล่น: พื้นที่สำหรับการเคลื่อนไหวและการสำรวจอย่างอิสระ
- ห้องเรียน: สภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย กระตุ้นประสาทสัมผัส
- กระบวนจัดการเรียนรู้: เน้นการลงมือทำ (Active Learning)
- หนังสือ: สื่อกลางในการพัฒนาภาษาและความคิด
- สื่อและนวัตกรรมตามหลัก BBL: เครื่องมือที่สอดคล้องกับการทำงานของสมอง
ความเข้าใจนี้ต้องเชื่อมโยงไปถึงการทำงานของสมองในส่วนต่างๆ 10 เช่น:
- สมองส่วนหน้า (Frontal Lobe): ทำงานเกี่ยวกับการตัดสินใจ การวางแผน และการควบคุมการเคลื่อนไหว ซึ่งเชื่อมโยงโดยตรงกับการพัฒนาทักษะการคิดเชิงบริหาร (Executive Functions หรือ EF)
- สมองส่วนขมับ (Temporal Lobe): ทำงานเกี่ยวกับการรับรู้เสียง ภาษา และความจำ
- สมองส่วนหลัง (Occipital Lobe): ทำงานเกี่ยวกับการรับรู้ภาพ
- สมองส่วนหลังกระหม่อม (Parietal Lobe): ทำงานเกี่ยวกับการรับรู้ความรู้สึกสัมผัสและการประสานงานของร่างกาย
การที่ครูเข้าใจหลักการ BBL 5 และการทำงานของสมองส่วนต่างๆ 10 จะนำไปสู่การตระหนักรู้ว่า “การเล่น” ไม่ใช่แค่กิจกรรมผ่อนคลาย แต่คือ “คำสั่งทางชีววิทยา” (Biological Mandate) ที่บังคับให้เด็กต้องเรียนรู้ผ่านการเคลื่อนไหว (Parietal Lobe) ในสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย (Frontal Lobe) และมีปฏิสัมพันธ์ทางภาษา (Temporal Lobe) การจัดห้องเรียนที่เน้น BBL จึงปฏิเสธการเรียนแบบนั่งโต๊ะทำใบงาน (Worksheet-based) แต่ส่งเสริมการเรียนรู้ผ่านการสำรวจ (Exploration) และการเคลื่อนไหว (Movement) เพราะนี่คือวิธีที่สมองของเด็กปฐมวัยถูกออกแบบมาให้เรียนรู้ 5
นอกจากนี้ ยังเกิดความเชื่อมโยงที่สำคัญระหว่าง BBL และ Executive Functions (EF) 11 แม้ทั้งสองจะมีเป้าหมายเดียวกันคือการพัฒนาการเรียนรู้ แต่ BBL คือการสร้าง “สภาวะแวดล้อม” (The Fertile Ground) ที่เอื้อต่อการทำงานของสมองโดยรวม (เช่น ความปลอดภัยทางอารมณ์, สารอาหาร, การกระตุ้นที่เหมาะสม) ในขณะที่ EF คือ “ทักษะการคิดขั้นสูง” (เช่น การยั้งคิด, การวางแผน, ความจำขณะทำงาน) ที่จะ “งอกงาม” ได้ดีที่สุดบนสภาวะแวดล้อมที่ BBL จัดเตรียมไว้ ครูจึงต้องใช้ BBL เพื่อ “สร้างห้องเรียน” และใช้กิจกรรมที่ท้าทายเพื่อ “สร้าง EF”
2.2 สังเคราะห์ทฤษฎีพัฒนาการและการเรียนรู้ (Core Theories Synthesized)
มาตรฐานกำหนดให้ครูต้องมีความรู้ในหลักการและทฤษฎีพัฒนาการ 12 โดยเฉพาะ 3 ทฤษฎีหลักที่เปรียบเสมือน “สามเลนส์” (The Three Lenses) ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการทำความเข้าใจเด็กหนึ่งคนอย่างรอบด้าน
1. เลนส์ด้านปัญญา (The Cognitive Lens – Jean Piaget):
ทฤษฎีของ ฌอง เพียเจต์ (Jean Piaget) 12 อธิบายว่า “เด็กคิดอะไรได้บ้าง” (What they can think) ในแต่ละช่วงวัย เด็กปฐมวัย (อายุ 2–7 ปี) อยู่ใน ขั้นก่อนปฏิบัติการคิด (Preoperational Stage) 14
- ลักษณะเด่น: มีการยึดตนเองเป็นศูนย์กลาง (Egocentrism) คือยังไม่สามารถเข้าใจมุมมองของผู้อื่นได้, เรียนรู้ผ่านประสาทสัมผัสและการเคลื่อนไหว 15, ยังไม่เข้าใจเรื่องการอนุรักษ์ (Conservation)
- นัยต่อครู: ครูต้องเข้าใจว่าการที่เด็ก “แย่งของเล่น” ไม่ใช่ “เด็กนิสัยไม่ดี” แต่เป็นลักษณะตามพัฒนาการ (Egocentrism) ครูต้องจัดประสบการณ์ผ่านการ “ลงมือกระทำ” (Active Learning) 8 ไม่ใช่การบรรยายหรืออธิบายเหตุผลที่ซับซ้อน
2. เลนส์ด้านสังคมและการสอน (The Social/Instructional Lens – Lev Vygotsky):
ทฤษฎีของ เลฟ วีกอตสกี (Lev Vygotsky) 13 อธิบายว่า “เด็กเรียนรู้ได้อย่างไร” (How they learn) โดยเน้นว่าการเรียนรู้เป็นกระบวนการทางสังคม (Social Interaction) 19
- แนวคิดหลัก (ZPD): Zone of Proximal Development หรือ “พื้นที่รอยต่อพัฒนาการ” 19 คือช่องว่างระหว่างสิ่งที่เด็กทำได้เอง กับสิ่งที่เด็กสามารถทำได้หากมีผู้ชี้แนะ
- แนวคิดหลัก (Scaffolding): การสร้างนั่งร้าน 20 คือบทบาทของครู (หรือเพื่อนที่เก่งกว่า) ในการให้ความช่วยเหลือที่ “พอเหมาะพอดี” (ไม่ใช่การทำให้) เพื่อช่วยให้เด็กสามารถข้ามผ่าน ZPD ไปได้ด้วยตนเอง
- นัยต่อครู: บทบาทครูไม่ใช่ “ผู้สอน” (Teacher) แต่เป็น “ผู้อำนวยความสะดวก” (Facilitator) 19 ที่ต้องคอยสังเกต ZPD ของเด็กแต่ละคน และให้การสนับสนุน (Scaffolding) ที่แตกต่างกันไป
3. เลนส์ด้านตัวตนและอารมณ์ (The Emotional/Identity Lens – Erik Erikson):
ทฤษฎีของ อีริค อีริคสัน (Erik Erikson) 7 อธิบายว่า “เด็กรู้สึกและต้องการอะไร” (What they feel/need) โดยระบุว่ามนุษย์ต้องผ่านความขัดแย้งทางจิตสังคม (Psychosocial Crisis) ในแต่ละช่วงวัย สำหรับเด็กปฐมวัยเกี่ยวข้องกับ 3 ขั้นตอนหลัก 6:
ขั้นที่ 1 (0–1.5 ปี): Trust vs. Mistrust (ความไว้วางใจ vs. ความไม่ไว้วางใจ) 6
ขั้นที่ 2 (1.5–3 ปี): Autonomy vs. Shame/Doubt (ความเป็นตัวของตัวเอง vs. ความละอาย/สงสัย) 6
ขั้นที่ 3 (3–5 ปี): Initiative vs. Guilt (ความคิดริเริ่ม vs. ความรู้สึกผิด) 6
นัยต่อครู: สภาพแวดล้อมในห้องเรียนอนุบาล “ต้องตอบสนองความต้องการของขั้นตอนการริเริ่มเทียบกับความรู้สึกผิด (Initiative vs. Guilt)” 7 ครูต้องแสดงความอดทน, ใช้คำถามปลายเปิด, และส่งเสริมให้เด็กกล้าคิด กล้าทำ กล้าทดลอง 7 เพื่อให้เด็กรู้สึกมั่นใจและพัฒนา “ความมุ่งมั่น” (Purpose) ซึ่งเป็นคุณธรรมของวัยนี้
การทำความเข้าใจเด็กในสถานการณ์จริง ครูจำเป็นต้องใช้เลนส์ทั้งสามนี้พร้อมกัน ดังตารางสังเคราะห์ต่อไปนี้
ตารางที่ 1: การสังเคราะห์ 3 ทฤษฎีหลักและการประยุกต์ใช้ในห้องเรียน
| นักทฤษฎี | แนวคิดหลัก (Key Concept) | เลนส์ที่ใช้มองเด็ก (Teacher’s Lens) | การประยุกต์ในห้องเรียน (Classroom Application) |
| Piaget | Preoperational Stage (Egocentrism) [14] | “เด็กทั้งสองคิดว่า ‘ของฉัน’ เพราะเขายังไม่เข้าใจมุมมองคนอื่น” | จัดของเล่นให้เพียงพอ 16 และใช้การเล่นบทบาทสมมติเพื่อสอนการแบ่งปันในภายหลัง |
| Vygotsky | ZPD & Scaffolding 19 | “เด็กคนหนึ่งอาจต้องการ ‘คำพูดช่วย’ (Scaffolding) จากครูเพื่อเรียนรู้วิธี ‘ขอ’ แทนการ ‘แย่ง'” | ครูเข้าไปเป็นคนกลาง 19 ใช้ภาษาช่วยไกล่เกลี่ย “หนูลองพูดว่า ‘ขอเล่นด้วยนะ'” |
| Erikson | Initiative vs. Guilt 23 | “ถ้าครูดุเด็กที่แย่ง (Guilt) หรือทำให้เด็กรู้สึกแย่ (Shame) เขาจะไม่กล้าเล่นหรือริเริ่มอีก” | ครูต้องตอบสนองด้วยความอดทน 7 สร้างสัมพันธภาพเชิงบวก [24] และชื่นชมเมื่อเด็กพยายามแก้ปัญหาเอง (Initiative) |
การสังเคราะห์ตารางที่ 1 นำไปสู่ข้อสรุปเชิงลึกที่สำคัญยิ่ง นั่นคือ ลำดับความสำคัญของทฤษฎี (The Hierarchy of Needs) ครูไม่สามารถใช้ Vygotsky (Scaffolding) หรือ Piaget (Cognitive tasks) ได้เลย หากเด็กรู้สึกไม่ปลอดภัยทางอารมณ์ตามแนวคิดของ Erikson ดังนั้น ความมั่นคงทางอารมณ์ (Erikson) จึงต้องมาก่อน สภาพแวดล้อมที่ปราศจากความรู้สึกผิด (Guilt) และความละอาย (Shame) 7 เป็น “พื้นฐาน” ที่จำเป็น เมื่อเด็กมั่นคงแล้ว ครูจึงสามารถใช้ Vygotsky (การสอนผ่านสังคม) เพื่อช่วยให้เด็กบรรลุศักยภาพทางปัญญาตามแนวทางของ Piaget ได้
2.3 จิตวิทยาสำหรับครู: จิตวิทยาพัฒนาการ และ จิตวิทยาการเรียนรู้
มาตรฐานครูยังกำหนดให้ต้องแยกแยะและเข้าใจศาสตร์จิตวิทยาสองแขนงที่ทับซ้อนกันอยู่ 8
- จิตวิทยาพัฒนาการ (Developmental Psychology): คือ “แผนที่” (The Map) ของการเติบโต ศาสตร์นี้ศึกษา “ลำดับขั้น” และ “การเปลี่ยนแปลง” ของมนุษย์ตามช่วงวัย ทั้งร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ และสังคม 6 ตอบคำถามว่า “เด็กวัย 4 ขวบมีลักษณะอย่างไร?” 6
- จิตวิทยาการเรียนรู้ (Learning Psychology): คือ “เครื่องยนต์” (The Engine) ของการเปลี่ยนแปลง ศาสตร์นี้ศึกษา “กระบวนการ” ที่ทำให้เกิดการเรียนรู้ 27 ตอบคำถามว่า “การเรียนรู้เกิดขึ้นได้อย่างไร?” 26 กลไกสำคัญคือ การเรียนรู้เป็นการ “เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่ค่อนข้างถาวร” ซึ่งเกิดจาก “ประสบการณ์หรือการฝึก” และต้องมี “การเสริมแรง” (Reinforced Practice) 26
องค์ความรู้ทั้งสองด้านนี้คือ “อาวุธลับของครูปฐมวัย” 8 เพราะช่วยให้ครู “เข้าใจความแตกต่างของเด็ก” และ “รับมือกับปัญหาด้านพฤติกรรม” 8 “จิตวิทยาพัฒนาการ” (แผนที่) ช่วยให้ครู “ไม่คาดหวัง” ในสิ่งที่เด็กยังทำไม่ได้ (เช่น บังคับเด็ก 2 ขวบให้นั่งนิ่งๆ นานๆ) “จิตวิทยาการเรียนรู้” (เครื่องยนต์) ช่วยให้ครู “รู้วิธีสอน” ในสิ่งที่เด็กพร้อมจะเรียนรู้ (เช่น รู้ว่าต้องใช้ “การเสริมแรงเชิงบวก” 26 แทนการดุ) การขาดความรู้ด้านจิตวิทยานำไปสู่การจัดการเรียนรู้ที่ผิดพลาด 8
ส่วนที่ 3: การสร้างระบบนิเวศทางสังคมและอารมณ์เพื่อการเรียนรู้ (The Socio-Emotional Ecosystem)
รากฐานจากส่วนที่ 2 (BBL, Theories, Psychology) นำไปสู่การปฏิบัติในส่วนที่ 3 ซึ่งเน้นการสร้างสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมการเติบโตทางอารมณ์และสังคม อันเป็นหัวใจสำคัญของเด็กปฐมวัย
3.1 การเรียนรู้ทางอารมณ์และสังคม (Social-Emotional Learning – SEL)
SEL หรือ การเรียนรู้ทางอารมณ์และสังคม 29 คือกระบวนการที่เด็กพัฒนาความเข้มแข็งทางสังคมและอารมณ์ ซึ่งครอบคลุมทักษะในการ “ระบุความรู้สึกของตนเอง”, “การพัฒนาความเห็นอกเห็นใจและความเข้าใจผู้อื่น” และ “การส่งเสริมทักษะการแก้ปัญหาร่วมกัน” 31
ความสำคัญของ SEL ในมาตรฐานครูปฐมวัยนั้นยิ่งใหญ่มาก เพราะ SEL เป็น “องค์ประกอบสำคัญของความพร้อมในการเข้าโรงเรียน” และส่งผลดีระยะยาวต่อสุขภาพจิตที่ดี, ความสัมพันธ์ที่มั่นคง, และความสำเร็จในชีวิต 31
การประยุกต์ใช้ SEL ในห้องเรียนปฐมวัย แบ่งได้ 2 รูปแบบ 33:
- กิจกรรมเฉพาะ (Explicit Activities): การจัดกิจกรรมที่มุ่งเป้าพัฒนา SEL โดยตรง เช่น การใช้แผนกิจกรรม “รู้จักอารมณ์ตนเอง” หรือ “แบ่งปันน้ำใจ” ผ่านการเล่านิทาน การพูดคุยสะท้อนความรู้สึกในวงกลมตอนเช้า 33
- พฤติกรรมครู (Teacher’s Role): การที่ครูบูรณาการ SEL ไว้ในทุกปฏิสัมพันธ์ ครูต้องเป็น “แบบอย่างที่ดี” ในการควบคุมอารมณ์, มี “ปฏิสัมพันธ์ที่ดี” กับเด็ก, และ “จัดบรรยากาศ” ที่ปลอดภัยทางจิตใจ ส่งเสริมให้เด็กกล้าแสดงออกโดยไม่กลัวความผิดพลาด 35
การวิเคราะห์เชิงลึกพบว่า SEL คือการนำทฤษฎีของ Erikson มาสู่การปฏิบัติจริง ทฤษฎีของ Erikson 23 ระบุว่าเด็กวัย 3-5 ปี กำลังต่อสู้กับ “Initiative vs. Guilt” (การริเริ่ม กับ ความรู้สึกผิด) การที่ครูจัดกิจกรรม SEL 33 และสร้างบรรยากาศที่ปลอดภัย 35 เพื่อให้เด็กกล้า “รู้จักอารมณ์ตนเอง” และ “แบ่งปัน” คือการ “ปฏิบัติการ” ที่ช่วยให้เด็กเอาชนะความขัดแย้งและพัฒนา “Initiative” (ความริเริ่ม) ได้สำเร็จ SEL จึงไม่ใช่แค่ “ทักษะ” แต่เป็น “การสร้างตัวตน” ของเด็ก
3.2 การสร้างวินัยและสัมพันธภาพเชิงบวก (Positive Discipline & Relationships)
มาตรฐานนี้เน้นย้ำการสร้าง “วินัยเชิงบวก” (Positive Discipline) 24 ซึ่งเป็นการเปลี่ยนกระบวนทัศน์จากการ “ลงโทษ” (Punishment) ที่มุ่งเน้นการควบคุมพฤติกรรมภายนอก ไปสู่การ “สร้างวินัย” (Discipline) ที่มุ่งเน้นการสอนทักษะการควบคุมตนเองจากภายใน
หลักการสำคัญของวินัยเชิงบวกที่ครูต้องรู้และปฏิบัติ 37 ได้แก่:
- เข้าใจพื้นอารมณ์เด็ก (Understand): เข้าใจธรรมชาติของเด็ก ไม่เปรียบเทียบ 38
- ใช้การสื่อสารเชิงบวก (Communicate): อธิบายและรับฟังเหตุผลมากกว่าการสั่ง 38
- สร้างกิจวัตร (Routines): สร้างตารางเวลาและข้อตกลงที่ชัดเจน (ซึ่งเชื่อมโยงกับการสร้างสภาพแวดล้อมที่คาดเดาได้ตามหลัก BBL) 38
- ชมที่ความพยายาม (Praise Effort): ชมเชยที่กระบวนการ (“แม่เห็นลูกตั้งใจ…”) ไม่ใช่แค่ผลลัพธ์ 38 เทคนิคนี้เชื่อมโยงโดยตรงกับการสร้าง “กรอบแนวคิดเติบโต” (Growth Mindset) 37
- ใช้ผลลัพธ์เชิงตรรกะ (Logical Consequences): หากจำเป็นต้องมีการลงโทษ ให้ใช้การลงโทษเชิงบวก (เช่น การงดดูทีวีตามข้อตกลงที่สร้างร่วมกัน) ไม่ใช่การดุด่า ทำให้อับอาย หรือการตี 38
มีการวิจัยสนับสนุนโปรแกรมเฉพาะทาง เช่น “โปรแกรมเทคนิค 101s การสร้างวินัยเชิงบวก” 37 ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าการอบรมผู้ดูแลให้ใช้เทคนิคเหล่านี้ ส่งผลให้ค่าเฉลี่ยคะแนนทักษะการใช้วินัยเชิงบวก, การเลี้ยงดูแบบ Growth Mindset, และที่สำคัญที่สุดคือ “ทักษะทางอารมณ์-สังคมในเด็กปฐมวัย” สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ 37
ความเชื่อมโยงนี้เผยให้เห็นว่า วินัยเชิงบวก คือ “SEL ในภาวะวิกฤต” กล่าวคือ SEL 31 คือการสอนทักษะทางอารมณ์และสังคมในภาพรวม แต่ “วินัยเชิงบวก” 38 คือ “เครื่องมือ” ที่ครูใช้ใน “วินาที” ที่เด็กแสดงพฤติกรรมท้าทาย (เช่น ก้าวร้าว, ไม่ทำตามกติกา) พฤติกรรมท้าทายนั้นเป็นเพียง “สัญญาณ” บอกว่าเด็กกำลังขาดทักษะ SEL ด้านใด (เช่น การควบคุมตนเอง, การสื่อสารความต้องการ) การใช้วินัยเชิงบวกจึงไม่ใช่การ “หยุด” พฤติกรรม แต่เป็น “การฉวยโอกาสสอน” (Teachable Moment) ทักษะ SEL ที่เด็กขาดไปในขณะนั้น
ส่วนที่ 4: การประยุกต์ใช้เชิงบูรณาการและการศึกษาแบบเรียนรวม
ส่วนนี้คือการสังเคราะห์องค์ความรู้ทั้งหมดในมาตรฐาน 1.1 (BBL, ทฤษฎี, จิตวิทยา, SEL, วินัยเชิงบวก) มาสู่ “กรอบการปฏิบัติงาน” (Operational Framework) และการประยุกต์ใช้กับเด็กทุกคน
4.1 การปฏิบัติที่เหมาะสมกับพัฒนาการ (Developmentally Appropriate Practice – DAP)
DAP 39 ไม่ใช่หลักสูตรสำเร็จรูป แต่เป็น “ปรัชญา” และ “แนวทางการสอนที่อิงจากการวิจัย” 39 ที่ช่วยให้นักการศึกษา “ออกแบบบทเรียนที่เหมาะกับอายุ ความสามารถ และรูปแบบการเรียนรู้ของเด็ก” 39
DAP คือการต่อต้านแนวทาง “one-size-fits-all” 39 ครูที่ปฏิบัติแบบ DAP จะต้องทำการตัดสินใจอย่างมืออาชีพ (Intentional Decision Making) โดยอาศัยองค์ประกอบหลัก 3 ประการ (3 Core Considerations) ตามกรอบของ NAEYC (National Association for the Education of Young Children) 41 ดังนี้:
- Commonality (ความเป็นสากล): ความเข้าใจว่าเด็กทุกคนมีพัฒนาการตามลำดับขั้นสากล (เช่น รู้ทฤษฎี Piaget, Erikson)
- Individuality (ความเป็นปัจเจก): การตระหนักว่าเด็กแต่ละคนมีจุดแข็ง ความสนใจ ความต้องการ และรูปแบบการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน 39
- Context (บริบท): การคำนึงถึงบริบททางสังคม วัฒนธรรม และครอบครัวของเด็ก 40
การปฏิบัติ DAP ในห้องเรียน คือการใช้ “ประสบการณ์ปฏิบัติจริง การสำรวจ และการเล่น” 39 เป็นเครื่องมือหลักในการเรียนรู้
การวิเคราะห์เชิงสังเคราะห์เผยให้เห็นว่า DAP คือ “จุดหลอมรวม” ของมาตรฐาน 1.1 DAP คือ “กรอบการปฏิบัติงาน” ที่ครูใช้สังเคราะห์องค์ความรู้ 6 ข้อแรก เพื่อนำไปใช้จริงในห้องเรียน ครูที่เข้าใจมาตรฐานที่ 1 อย่างลึกซึ้งจะปฏิบัติ DAP ได้โดยอัตโนมัติ:
- ครูใช้ BBL 5 + Piaget = เพื่อเข้าใจ Commonality (เด็กปฐมวัยเรียนรู้ผ่านการเล่น)
- ครูใช้ SEL 35 + Positive Discipline 38 = เพื่อสร้าง Context (ห้องเรียนที่อบอุ่น ปลอดภัย)
- ครูใช้ Vygotsky (ZPD) 19 + จิตวิทยาการเรียนรู้ 27 = เพื่อประเมิน Individuality (เด็กคนนี้ต้องการ Scaffolding แบบใด)
ดังนั้น การตัดสินใจของครูที่เกิดจากการสังเคราะห์ข้อมูลเหล่านี้ในเสี้ยววินาที คือการปฏิบัติที่เรียกว่า “DAP” 39
4.2 การดูแลและส่งเสริมเด็กปฐมวัยที่มีความต้องการพิเศษ (Inclusive Education)
สาระความรู้ข้อสุดท้ายนี้ คือบททดสอบที่แท้จริงว่าครูเข้าใจ DAP หรือไม่ การดูแลเด็กที่มีความต้องการพิเศษ 43 คือการนำหลักการ “Individuality” ของ DAP มาใช้อย่างเข้มข้นที่สุด โดยมีหลักการสำคัญคือการจัดการศึกษาแบบเรียนรวม (Inclusive Education) 44 และการช่วยเหลือระยะแรกเริ่ม (Early Intervention) 43
เครื่องมือหลักที่ครูต้องเชี่ยวชาญคือ แผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล (IEP – Individualized Education Program) 44
- IEP คืออะไร: IEP เป็นเอกสารทางกฎหมาย 48 ที่พัฒนาโดยทีมสหวิชาชีพ (ครู, นักจิตวิทยา, นักกิจกรรมบำบัด ฯลฯ) และครอบครัว 49
- เนื้อหา: IEP ต้องระบุ “ระดับความสามารถในปัจจุบัน” (Present level of performance) 51, “เป้าหมายรายปีที่วัดผลได้” (Measurable annual goals) 48, และบริการสนับสนุนที่เด็กจะได้รับ
- บทบาทครู: ครูต้องใช้แผน IEP ในการ “เริ่มสอน” “วัดผล” “รายงานผล” 52 และ “ส่งต่อ” ข้อมูลเมื่อเด็กย้ายสถานศึกษา 52
แนวทางการปฏิบัติสำหรับเด็กที่มีความต้องการพิเศษแต่ละประเภทจะแตกต่างกันไปตาม IEP 47:
- เด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา (ID): เน้นการสอนซ้ำๆ 47, การวิเคราะห์งาน (Task Analysis) โดย “แยกย่อยเนื้อหา” และ “สอนทีละขั้นตอน” 47, และฝึกทักษะสังคม เช่น การรอคอย 54
- เด็กออทิสติก (ASD): เน้นการสื่อสาร 47 (เช่น ใช้รูปภาพ, ท่าทาง, การบอกความต้องการ 47), การสอนเรื่องอารมณ์โดยใช้สื่อการเห็น (Visual aids) 47, และการจัดโครงสร้างสิ่งแวดล้อมที่ชัดเจน (Routines) 47
- เด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน (HI): เน้นการสื่อสาร 47 (เช่น ภาษามือ, การอ่านริมฝีปาก, การฝึกพูด 55), การใช้เทคโนโลยีช่วยฟัง (เครื่องช่วยฟัง, ระบบ FM) 55, และการจัดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม (เช่น นั่งใกล้ครู) 56
ตารางที่ 2: แนวทางการประยุกต์ใช้ DAP/IEP สำหรับเด็กที่มีความต้องการพิเศษ
| ประเภทความต้องการ | เป้าหมายหลัก (IEP Goal Focus) | แนวทาง/กลยุทธ์สำคัญ (Key Strategies) [47, 54, 55] |
| บกพร่องทางสติปัญญา (ID) | ทักษะการช่วยเหลือตนเอง, ทักษะสังคม, ทักษะทางวิชาการพื้นฐาน | การวิเคราะห์งาน (Task Analysis), สอนซ้ำย่อยทีละขั้นตอน, การเสริมแรงทันที 54 |
| ออทิสติก (ASD) | การสื่อสาร (Communication), ปฏิสัมพันธ์ทางสังคม (Social Interaction), การจัดการอารมณ์ | การใช้ภาพช่วยสื่อสาร (PECS, Visual Schedules) 47, การจัดสภาพแวดล้อมที่มีโครงสร้างชัดเจน, การสอนเรื่องอารมณ์ผ่านสื่อ 47 |
| บกพร่องทางการได้ยิน (HI) | การพัฒนาภาษาและการสื่อสาร (Language Development) | การใช้ภาษามือ, การฝึกพูดและอ่านริมฝีปาก, การใช้เทคโนโลยีช่วยฟัง (FM system), การจัดที่นั่งใกล้ครู [47, 55] |
การวิเคราะห์นี้ชี้ให้เห็นว่า IEP คือ “DAP ในระดับสูงสุด” (DAP Formalized) กระบวนการจัดทำ IEP 48 ก็คือ “กระบวนการ DAP ที่ถูกทำให้เป็นทางการ” (Formalized DAP Process) โดยมีการกำหนดเป้าหมาย (ซึ่งก็คือ ZPD ของ Vygotsky) และการสนับสนุน (Scaffolding) ที่ชัดเจนเป็นลายลักษณ์อักษร มาตรฐานข้อนี้จึงเป็นบทพิสูจน์ว่าครูเข้าใจ DAP อย่างแท้จริงหรือไม่
ส่วนที่ 5: บทสรุปเชิงสมรรถนะ: การแปลความรู้ (ข้อ 1.1) สู่การปฏิบัติจริง (ข้อ 1.2)
มาตรฐานความรู้ครูปฐมวัยไม่ได้หยุดอยู่แค่ “สาระความรู้” (ข้อ 1.1) แต่เชื่อมโยงไปยัง “สมรรถนะ” (ข้อ 1.2) ที่ครูต้องแสดงออก 4 ส่วนนี้คือการสังเคราะห์ว่า “ความรู้” ทั้ง 7 ประการ ถูก “แปล” สู่ “การปฏิบัติ” ที่สังเกตได้ อย่างไร
สมรรถนะ 1.2 (1): “ปฏิบัติต่อเด็กปฐมวัยที่แสดงถึงความเข้าใจพัฒนาการ ธรรมชาติและการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย”
- การแปลความรู้: นี่คือการแสดงออกของความรู้เรื่อง BBL 5, Piaget 15, Erikson 7, และ DAP 39
- การปฏิบัติที่สังเกตได้: ครู “จัดประสบการณ์ผ่านการเล่น” (Play-Based) 58 ไม่ใช่การเร่งรัดวิชาการ, ครูออกแบบกิจกรรมที่ให้เด็ก “ลงมือกระทำ” (Active Learning) 16, ครู “จัดบรรยากาศที่เอื้อต่อการเรียนรู้” ทั้งกายภาพและจิตใจ 59, และครู “ไม่ลงโทษ” พฤติกรรมที่สอดคล้องกับพัฒนาการ (เช่น Egocentrism หรือการที่เด็ก 3 ขวบไม่สามารถนั่งนิ่งได้นาน)
สมรรถนะ 1.2 (2): “ส่งเสริมการเรียนรู้ทางอารมณ์และสังคม”
- การแปลความรู้: นี่คือการแสดงออกของความรู้เรื่อง SEL 29 และ Erikson 23
- การปฏิบัติที่สังเกตได้: ครู “เป็นแบบอย่างที่ดี” ทางอารมณ์ (เช่น เมื่อครูทำผิดพลาด ครูขอโทษเด็ก) 35, จัดกิจกรรมที่เน้น SEL โดยตรง (เช่น เล่านิทานและพูดคุยเรื่องอารมณ์) 33, และสร้าง “พื้นที่ปลอดภัย” ให้เด็กกล้าแสดงความรู้สึกและกล้าที่จะริเริ่ม 35
สมรรถนะ 1.2 (3): “สร้างวินัยและรักษาสัมพันธภาพเชิงบวกกับเด็กปฐมวัย”
- การแปลความรู้: นี่คือการแสดงออกของความรู้เรื่อง Positive Discipline 24 และ จิตวิทยาการเรียนรู้ (หลักการเสริมแรง) 26
- การปฏิบัติที่สังเกตได้: ครูใช้ “การสื่อสารเชิงบวก” (เช่น “หนูเดินในห้องนะคะ” แทน “อย่าวิ่ง!”) 38, “ชมที่ความพยายาม” (ส่งเสริม Growth Mindset) 37, และใช้ “ผลลัพธ์เชิงตรรกะ” แทนการดุด่าเมื่อเกิดพฤติกรรมท้าทาย 38
สมรรถนะ 1.2 (4): “ดูแล ส่งเสริมพัฒนาการและการเรียนรู้ที่เหมาะสมสำหรับเด็กปฐมวัยที่มีความต้องการพิเศษ”
- การแปลความรู้: นี่คือการแสดงออกของความรู้เรื่อง Inclusive Education 44, DAP (Individuality) 41, และ IEP 48
- การปฏิบัติที่สังเกตได้: ครูสามารถ “วิเคราะห์ผู้เรียน” เป็นรายบุคคล 53, “จัดทำและใช้แผน IEP” ในการสอนจริง 52, “จัดหาสื่อ” ที่เหมาะสม (เช่น สื่อภาพสำหรับเด็ก ASD 47 หรือเทคโนโลยีสำหรับเด็ก HI 55), และ “ประสานความร่วมมือกับผู้ปกครองและชุมชน” อย่างต่อเนื่อง 44
ส่วนที่ 6: บทวิเคราะห์ส่งท้าย: จาก “ธรรมชาติเด็ก” (มาตรฐานที่ 1) สู่ “ศาสตร์การสอน” (มาตรฐานถัดไป)
รายงานฉบับนี้ได้วิเคราะห์มาตรฐานที่ 1 “ธรรมชาติการเรียนรู้และพัฒนาการเด็กปฐมวัย” อย่างละเอียด และเพื่อตอบคำถามของผู้ใช้ที่ว่า “คุณอยากทราบรายละเอียดของมาตรฐานความรู้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ ‘ศาสตร์การสอนสำหรับเด็กปฐมวัย’ หรือไม่?” จึงจำเป็นต้องวิเคราะห์ความเชื่อมโยงปิดท้าย
ข้อมูลยืนยันว่า “ศาสตร์การสอน” (Pedagogy) และ “การพัฒนาหลักสูตร” (Curriculum) เป็นมาตรฐานลำดับถัดไปที่ครูต้องรู้ 3 มาตรฐานที่ 1 (ธรรมชาติเด็ก) และมาตรฐานที่ 2 (ศาสตร์การสอน) ไม่ได้แยกขาดจากกัน แต่มีความสัมพันธ์เชิงเหตุและผลอย่างลึกซึ้ง
“ศาสตร์การสอน” (Pedagogy) คือ “พาหนะ” ของ “พัฒนาการ” (Development)
มาตรฐานที่ 1 (พัฒนาการเด็ก) คือ “เป้าหมายและเข็มทิศ” ที่บอกครูว่า “เด็กคือใคร” และ “กำลังจะไปทางไหน” ในขณะที่มาตรฐานที่ 2 (ศาสตร์การสอน) คือ “วิธีการและยานพาหนะ” ที่ครูจะ “เลือกใช้” เพื่อพาเด็กไปสู่เป้าหมายนั้น
ครูที่ “เข้าใจ” มาตรฐานที่ 1 อย่างลึกซึ้ง จะ “เลือก” ศาสตร์การสอน (Pedagogy) ที่สอดคล้องกันโดยอัตโนมัติ:
- เพราะครูเข้าใจ BBL 5 และ Piaget (Preoperational) 15 $\rightarrow$ ครูจึงเลือก “ศาสตร์การสอน” แบบ Play-Based Learning (การเรียนรู้ผ่านการเล่น) 59 และ Active Learning (การเรียนรู้ผ่านการลงมือทำ) 8
- เพราะครูเข้าใจ Vygotsky (ZPD/Scaffolding) 19 $\rightarrow$ ครูจึงเลือก “ศาสตร์การสอน” แบบ Project-Based Learning หรือแนวทาง High/Scope 8 ที่เน้นการเรียนรู้แบบร่วมมือและปฏิสัมพันธ์ทางสังคม
- เพราะครูเข้าใจ Erikson (Initiative) 7 และ SEL 31 $\rightarrow$ ครูจึงเลือก “ศาสตร์การสอน” ที่เน้น “วงกลมตอนเช้า” (Morning Meeting) และการสร้างชุมชนในห้องเรียน (Classroom Community)
หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พ.ศ. 2568 61 ได้สะท้อนความเชื่อมโยงนี้ โดยกำหนดปรัชญาที่เน้น “การเรียนรู้ผ่านการเล่นและการลงมือปฏิบัติ” และ “การจัดประสบการณ์การเรียนรู้เชิงรุกที่สอดคล้องกับการพัฒนาสมอง (BBL)” 61
โดยสรุป ความเข้าใจใน “ศาสตร์การสอน” จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งยวด เพราะเป็น “เครื่องมือปฏิบัติการ” (Operational Tool) ที่จะแปร “ความรู้” (Knowledge) จากมาตรฐานที่ 1 ให้กลายเป็น “สมรรถนะ” (Competency) 4 และ “ประสบการณ์จริง” 60 ที่มีคุณภาพสำหรับเด็กปฐมวัยทุกคน การเชี่ยวชาญในมาตรฐานที่ 1 จึงเป็นรากฐานที่ขาดไม่ได้สำหรับครูปฐมวัยมืออาชีพในยุคปัจจุบัน
Works cited
- คุรุสภาได้กำหนดมาตรฐานวิชาชีพครูปฐมวัยเป็นการเฉพาะ – SobKroo.com, accessed November 5, 2025, https://www.sobkroo.com/articledetail.asp?id=14970
- ข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยมาตรฐานวิชาชีพครูปฐมวัย พ.ศ. 2568 | สช., accessed November 5, 2025, https://opec.go.th/news/detail/2543
- คุรุสภาชวนศึกษากฏหมายมาตรฐานวิชาชีพครูปฐมวัย 2568 ด่วน! “อมลวรรณ” เผยข้อบังคับคุรุสภาว่าด้วยมาตรฐานว… – วิทยุศึกษา, accessed November 5, 2025, http://www.moeradiothai.net/news/14/7519
- ‘คุรุสภา’ ชวนศึกษากฏหมายมาตรฐานวิชาชีพครูปฐมวัย 2568 ด่วน! | เดลินิวส์, accessed November 5, 2025, https://www.dailynews.co.th/news/5125981/
- ราช กรุ๊ป ส่งเสริม Brain-Based Learning เรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ พัฒนาสมองอย่างสมวัย, accessed November 5, 2025, https://www.ratch.co.th/th/updates/csr-news/360/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A-%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B9%8A%E0%B8%9B-%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A1-brain-based-learning-%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B9%8C-%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%92%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%A2
- จิตวิทยาพัฒนาการ, accessed November 5, 2025, http://www.sedthailand.com/images/introc_1589245231/03%20Normal%20Develop.pdf
- ทำความเข้าใจขั้นตอนการพัฒนาของ Erik Erikson ในการศึกษาปฐมวัย, accessed November 5, 2025, https://xiairworld.com/th/%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%81-%E0%B8%AD%E0%B8%B5%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%99-%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A2%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%B1/
- จิตวิทยาเด็ก อาวุธลับของครูปฐมวัย – Aksorn.com, accessed November 5, 2025, https://www.aksorn.com/child-psychology
- การจัดการเรียนรู้ตามหลักการพัฒนาสมองอนุบาล – OKMD, accessed November 5, 2025, https://www.okmd.or.th/bbl/documents/322/brain-based-learning
- การเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน (Brain Based Learning) ตอนที่ 1, accessed November 5, 2025, https://lc.rsu.ac.th/weblog/11
- การเสริมสร้างพัฒนาการการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยควรเลือกใช้หลักการใด – ThaiJO, accessed November 5, 2025, https://he02.tci-thaijo.org/index.php/Veridian-E-Journal/article/download/120112/91769/
- ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับพัฒนาการเด็กปฐมวัย ทฤษ, accessed November 5, 2025, https://ops.moe.go.th/wp-content/uploads/2023/05/12.-%E0%B8%97%E0%B8%A4%E0%B8%A9%E0%B8%8E%E0%B8%B5%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%92%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B8%9B%E0%B8%90%E0%B8%A1%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%A2.pdf
- 12 ทฤษฎีสำคัญด้านพัฒนาการเด็กที่คุณต้องรู้ในช่วงปฐมวัย, accessed November 5, 2025, https://xiairworld.com/th/%E0%B8%97%E0%B8%A4%E0%B8%A9%E0%B8%8E%E0%B8%B5%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%92%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%81/
- ทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญาของเพียเจต์ – Mali Pregnancy & Parenting, accessed November 5, 2025, https://mali.me/eyfeed/piagets-theory-of-cognitive-development/
- ทฤษฎีของเพียเจต์ คืออะไร ช่วยเสริมพัฒนาการของลูกได้จริงไหม – S-Mom Club, accessed November 5, 2025, https://www.s-momclub.com/articles/baby/piagets-theory
- การจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบไฮสโคป สำหรับเด็กปฐมวัย, accessed November 5, 2025, https://ecd.onec.go.th/knowledge/articles/4815/
- การส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัย: แนวคิดจาก Piaget, Vygotsky และ Constructivism – Starfishlabz, accessed November 5, 2025, https://www.starfishlabz.com/blog/1777-%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AA-%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A3-%E0%B8%A1%E0%B8%9E-%E0%B8%92%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%94-%E0%B8%81%E0%B8%9B%E0%B8%90%E0%B8%A1%E0%B8%A7-%E0%B8%A2-%E0%B9%81%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%84%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81-piaget-vygotsky-%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0-constructivism
- ทฤษฎีพัฒนาการทางความคิดหลักของไวกอตสกี้ – Mali Pregnancy & Parenting, accessed November 5, 2025, https://mali.me/guide/vygotskys-theory-of-cognitive-development-in-social-relationships/
- ทฤษฎีของ Lev Vygotsky ที่กำหนดอนาคตของพื้นที่การเรียนรู้ก่อนวัยเรียน – Xiair World, accessed November 5, 2025, https://xiairworld.com/th/%E0%B8%97%E0%B8%A4%E0%B8%A9%E0%B8%8E%E0%B8%B5%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%9F-%E0%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%95%E0%B8%AA%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B9%89/
- Vygotsky การจัดการเรียนรู้ที่ดี คือ การทำให้เด็กรู้สึกว่ามีใครสักคนอยู่เคียงข้าง …, accessed November 5, 2025, https://thepotential.org/knowledge/vygotsky-learning-theory/
- Master of Science in Education Insight: Erikson’s 8 Stages of Psychosocial Development, accessed November 5, 2025, https://www.waldenu.edu/online-masters-programs/ms-in-education/resource/ms-in-education-insight-eriksons-8-stages-of-development
- Erikson’s stages of psychosocial development – Wikipedia, accessed November 5, 2025, https://en.wikipedia.org/wiki/Erikson%27s_stages_of_psychosocial_development
- Erikson’s Psychosocial Stages Summary Chart, accessed November 5, 2025, https://ocfcpacourts.us/wp-content/uploads/2022/02/Child-Development-Bench-Card-LAMINATED.pdf
- บทความวิจัย – ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการสร้างเสริมวินัยเชิงบวกในผู้ดูแลเด็กวัยก่อนเรียน – ThaiJO, accessed November 5, 2025, https://he01.tci-thaijo.org/index.php/bcnbangkok/article/download/242375/169850/934784
- จิตวิทยาพัฒนาการ – คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, accessed November 5, 2025, https://www.psy.chula.ac.th/th/feature-articles/devpsy/
- การเรียนรู้, accessed November 5, 2025, http://www.digitalschool.club/digitalschool/technologym1-3/inventionm1_1/lesson5/more/p1.php
- การจัดประสบการณ์ภาษาสำหรับเด็กปฐมวัย ( Language Experiences …, accessed November 5, 2025, http://coolperammy.blogspot.com/2014/10/5.html
- ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มการรู้คิด, accessed November 5, 2025, http://www.curriculumandlearning.com/upload/Books/Cognitive%20Theory_1597201266.pdf
- Social-emotional Learning การเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะทางสังคมและความเข้าใจตนเอง, accessed November 5, 2025, https://www.thekommon.co/social-emotional-learning/
- การส่งเสริมการเรียนรู้ทางอารมณ์และสังคม Social Emotional Learning : SEL ในชั้นเรียนสำคัญไฉน?, accessed November 5, 2025, https://li.kmutt.ac.th/social-emotional-learning-sel/knowledge/
- การพัฒนาสมองและอารมณ์เด็กปฐมวัยด้วย SEL – หลักสูตรที่ครูควรรู้ | คณะ …, accessed November 5, 2025, https://ece.utcc.ac.th/blogs/sel-early-childhood-brain-emotion-development/
- ทักษะอารมณ์และสังคม (Social-Emotional Skills)ทักษะจำเป็นยิ่ง สำหรับเด็กปฐมวัยในวิถี New Normal – rlg-ef, accessed November 5, 2025, https://www.rlg-ef.com/%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B0%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%93%E0%B9%8C%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A1-social-emotional-skills/
- คู่มือจัดกิจกรรม เสริมสร้ งอีคิวเด็กปฐมวัย – สถาบัน ราชานุกูล, accessed November 5, 2025, https://th.rajanukul.go.th/_admin/file-download/5-5951-1487565912.pdf
- การส่งเสริมพัฒนาการทางด้านอารมณ์ และสังคมในเด็กปฐมวัย – youngciety.com, accessed November 5, 2025, https://www.youngciety.com/article/journal/social-emotional-development.html
- เทคนิควิธีส่งเสริมให้เด็กเรียนรู้พัฒนาทักษะอารมณ์ สังคม | Rakluke Executive Functions [EF], accessed November 5, 2025, https://www.rlg-ef.com/%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B9%80/
- วินัยเชิงบวกของเด็กปฐมวัยสู่การเรียนรู้บนฐานวิถีชีวิตใหม่ | วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา, accessed November 5, 2025, https://journal.lib.buu.ac.th/index.php/education2/article/view/9839
- ผลของโปรแกรมเทคนิค 101s การสร้างวินัยเชิงบวกส า – ThaiJO, accessed November 5, 2025, https://he01.tci-thaijo.org/index.php/JHR/article/download/256189/174414/1010549
- ฝึกวินัยให้ลูกตั้งใจเรียนโดยไม่ต้องเคี่ยวเข็ญ ด้วยหลักการเลี้ยงลูกเชิงบวก …, accessed November 5, 2025, https://www.netpama.com/library/detail/479
- หลักการปฏิบัติที่เหมาะสมตามพัฒนาการ ประโยชน์ และกลยุทธ์ในห้องเรียนคืออะไร – Xiair World, accessed November 5, 2025, https://xiairworld.com/th/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%8F%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%B1/
- การปฏิบัติที่เหมาะสมกับพัฒนาการ(Developmentally Appropriate Practice : DAP) – Pecerathailand, accessed November 5, 2025, https://www.pecerathailand.org/assets/pdf/18.pdf
- DAP: Defining Developmentally Appropriate Practice | NAEYC, accessed November 5, 2025, https://www.naeyc.org/resources/position-statements/dap/definition
- แนวปฏิบัติที่เหมาะสมกับพัฒนาการ (Developmentally Appropriate Practice) – Wix.com, accessed November 5, 2025, https://adacstou.wixsite.com/adacstou/single-post/2017/09/01/%E0%B9%81%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%9B%E0%B8%8F-%E0%B8%9A-%E0%B8%95-%E0%B8%97-%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%81-%E0%B8%9A%E0%B8%9E-%E0%B8%92%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3-developmentally-appropriate-practice
- การช่วยเหลือระยะแรกเริ่มสาหรับเด็กที่มีความต้องการพิเศษ – ThaiJO, accessed November 5, 2025, https://so02.tci-thaijo.org/index.php/ECEM/article/download/254807/171430
- การให้การช่วยเหลือระยะแรกเริ่มสาหรับเด็กที่มีความต้องการพิเศษ an early intervention for children with special needs – ฐานข้อมูลงานวิจัย / นักวิจัย – มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต, accessed November 5, 2025, https://fund.pkru.ac.th/storage/download/68aad5f802743900011c5e75?sector=files2025&bucket=publish_paper&ver=0&sk=687e155ac6404a9c94e6a101f6c03150
- รูปแบบการจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษ ระดับปฐมวัย, accessed November 5, 2025, https://doi.nrct.go.th/admin/doc/doc_642707.pdf
- Inclusive Early Childhood Education, accessed November 5, 2025, https://www.european-agency.org/activities/inclusive-early-childhood-education
- หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยสำหรับเด็กที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษ 2563 …, accessed November 5, 2025, https://anyflip.com/wffih/ohec/basic/51-68
- Individualized Education Program (IEP) – Virginia Department of Education, accessed November 5, 2025, https://www.doe.virginia.gov/programs-services/special-education/iep-instruction/individualized-education-program-iep
- Individualized Education Programs (IEPs) | Nemours KidsHealth, accessed November 5, 2025, https://kidshealth.org/en/parents/iep.html
- Individualized Education Programs (IEPs) – Council for Exceptional Children, accessed November 5, 2025, https://exceptionalchildren.org/topics/individualized-education-programs-ieps
- Archived Information – A Guide to the Individualized Education Program, accessed November 5, 2025, https://www.ed.gov/sites/ed/files/parents/needs/speced/iepguide/iepguide.pdf
- เจาะลึกการทำแผน IEP สำหรับเด็ก LD ครูการศึกษาพิเศษห้ามพลาด!, accessed November 5, 2025, https://www.aksorn.com/ac1-individualized-education-program
- การจัดการเรียนการสอน ส าหรับเด็กที่มีความต้องการพิเศษ – สถาบันราชานุกูล กรมสุขภาพจิต, accessed November 5, 2025, https://th.rajanukul.go.th/get_download_content.php?id=740&group=0
- การจัดการเรียนการสอนสาหรับเด็กที่มีความต้องการพิเศษ, accessed November 5, 2025, https://www.rajanukul.go.th/new/_admin/download/D0000071.pdf
- แนวทางการดูแลเด็กพิการทางการได้ยินและการสื่อสาร – Dear Hearing, accessed November 5, 2025, https://www.dear.co.th/hearing-knowledge/guidelines-for-caring-for-children-with-hearing-and-communication-disabilities/
- ลูกมีความบกพร่องทางการได้ยิน (Children with Hearing Impairment …, accessed November 5, 2025, https://fcdthailand.org/library-type/%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3-2/
- แนวทางการเสริมสร้างทักษะการเรียนรู้ของเด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน the approach to the creating of learning skill of children with hearing impairment – ThaiJO, accessed November 5, 2025, https://so02.tci-thaijo.org/index.php/edubuu/article/download/264636/178494/1082064
- แนวทางการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ สำหรับเด็กปฐมวัย – youngciety.com, accessed November 5, 2025, https://www.youngciety.com/article/journal/experience-plan.html
- ปรัชญาการศึกษาปฐมวัย หลักการจัดการศึกษาปฐมว, accessed November 5, 2025, https://tenmee.go.th/Xinha/plugins/ExtendedFileManager/demo_images/upload/c2.pdf
- มาตรฐานการศึกษา ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน, accessed November 5, 2025, http://www.thaischool.in.th/_files_school/66010007/data/66010007_1_20230630-160257.pdf
- สรุปหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2568 » – Digital Learning Classroom, accessed November 5, 2025, https://krukob.com/web/curriculum-2/
- หลักสูตร การ ศึกษา ปฐมวัย พุทธศักราช 2568, accessed November 5, 2025, https://nitedcr1.go.th/wp-content/uploads/2025/04/001_%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A8%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%9B%E0%B8%90%E0%B8%A1%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%A2-%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%A8%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A-2568-%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%B8-3-6-%E0%B8%9B%E0%B8%B5.pdf
Comments
Powered by Facebook Comments

