Digital Learning Classroom
การพัฒนาผู้เรียนหลักสูตรฐานสมรรถนะ

แนวทางการจัดการเรียนรู้และการวัดและประเมินผลที่มุ่งเน้นพัฒนาการตามศักยภาพผู้เรียนเป็นรายบุคคล

แชร์เรื่องนี้

สรุปสาระสำคัญของเอกสาร “แนวทางการจัดการเรียนรู้และการวัดและประเมินผลที่มุ่งเน้นพัฒนาการตามศักยภาพผู้เรียนเป็นรายบุคคล” จากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)

เป้าหมายหลัก

เอกสารฉบับนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อกำหนดแนวทางให้สถานศึกษาจัดการเรียนรู้และประเมินผลที่เน้นพัฒนาการของนักเรียนเป็นรายบุคคล โดยอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ. การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 แนวทางนี้ต้องการให้ครูค้นหาความโดดเด่นและความถนัดที่แตกต่างกันของนักเรียนแต่ละคน (เช่น ด้านวิชาการ ศิลปะ ดนตรี กีฬา) และพัฒนาศักยภาพนั้นอย่างเต็มที่ 

การประเมินผลจะมุ่งเน้นการเปรียบเทียบความก้าวหน้าของนักเรียนกับศักยภาพของตนเองในอดีต เพื่อวางแผนพัฒนาต่อยอดไปสู่อาชีพในอนาคต 


หลักการ 3 กระบวนการสำคัญ 

เพื่อให้การดำเนินงานเป็นรูปธรรม สพฐ. ได้กำหนดหลักการ 3 ขั้นตอน ดังนี้:

1. การสำรวจและวิเคราะห์ศักยภาพผู้เรียนเป็นรายบุคคล

  • ครูต้องทำความเข้าใจความแตกต่างของนักเรียนแต่ละคน ทั้งด้านความรู้, ความสนใจ, ความถนัด และบริบทแวดล้อม
  • ต้องยึดหลักความเสมอภาคทางการเรียนรู้ และยอมรับความแตกต่างนั้น
  • ข้อมูลที่ได้มีไว้เพื่อการพัฒนา ไม่ใช่เพื่อการจัดอันดับเปรียบเทียบ

2. การจัดการเรียนรู้ที่ตอบสนองผู้เรียนเป็นรายบุคคล

  • สถานศึกษาต้องจัดเนื้อหาและกิจกรรมให้สอดคล้องกับความสนใจและความถนัดของผู้เรียน
  • มุ่งพัฒนาในสิ่งที่ผู้เรียนถนัดเพื่อสร้างแรงจูงใจ
  • เปิดโอกาสให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการตั้งเป้าหมายและเลือกวิธีการเรียนรู้
  • เชื่อมโยงการเรียนรู้กับประสบการณ์จริงและอาชีพ

3. การวัดและประเมินผลที่มุ่งเน้นพัฒนาการ

  • วิธีการ: เน้นการประเมินระหว่างเรียน (Formative Assessment) เพื่อให้ข้อมูลย้อนกลับและตรวจสอบพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง ใช้วิธีการที่หลากหลาย เช่น การสังเกต, การซักถาม, การประเมินตามสภาพจริง
  • เครื่องมือ: ใช้เครื่องมือวัดผลทั้งแบบไม่เป็นทางการ (Informal Assessment) และเครื่องมือที่หลากหลาย เช่น แฟ้มสะสมงาน (Portfolio) เพื่อสะท้อนพัฒนาการและความสำเร็จ 
  • การรายงานผล:
    • ต้องสะท้อนพัฒนาการของนักเรียน โดยใช้ข้อมูลทั้งเชิงคุณภาพ (เช่น คำบรรยาย) และเชิงปริมาณ (เช่น กราฟ) 
    • จัดทำรายงานพัฒนาการโดย “ไม่จัดลำดับความสามารถของผู้เรียน”
    • สื่อสารผลการประเมินและพัฒนาการให้ผู้ปกครองทราบอย่างต่อเนื่อง อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง เพื่อให้เกิดความร่วมมือในการพัฒนาผู้เรียน 

แนวปฏิบัติสำหรับหน่วยงาน

1. ระดับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) 

  • มีหน้าที่ชี้แจง อบรม และสนับสนุนครูให้สามารถออกแบบการเรียนรู้และวัดผลตามแนวทางนี้ได้
  • กำกับ ติดตาม และสรุปรายงานผลการดำเนินงาน
  • เผยแพร่แนวปฏิบัติที่ดี (Best Practices) เพื่อขยายผล 

2. ระดับสถานศึกษา 

  • ต้องวิเคราะห์ศักยภาพผู้เรียนเป็นรายบุคคล และออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลาย 
  • จัดการประเมินผลตามแนวทางนี้ในทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้
  • ใช้เครื่องมือประเมินที่เน้นทักษะการคิดขั้นสูง
  • จัดทำรายงานพัฒนาการผู้เรียน (โดยไม่จัดลำดับ) 
  • สื่อสารกับผู้ปกครองอย่างต่อเนื่อง เพื่อการพัฒนาร่วมกัน 

อ่านฉบับเต็ม

ที่ ศธ 04004/ว48234 สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง แนวทางการจัดการเรียนรู้และการวัดและประเมินผลที่มุ่งเน้นพัฒนาการตามศักยภาพผู้เรียนเป็นรายบุคคล

แจ้งผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทุกเขต สิ่งที่ส่งมาด้วย ประกาศสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เรื่อง แนวทางการจัดการเรียนรู้และการวัดและประเมินผลที่มุ่งเน้นพัฒนาการตามศักยภาพผู้เรียนเป็นรายบุคคล ประกาศณ วันที่ พฤศจิกายน พ.ศ. 2568 จำนวน 1 ฉบับ

ความว่าด้วยพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 มาตรา 24 และ มาตรา 26 บัญญัติให้การจัดกระบวนการเรียนรู้ให้สถานศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการจัดเนื้อหาสาระและกิจกรรมให้สอดคล้องกับความสนใจและความถนัดของผู้เรียน โดยคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล และให้สถานศึกษาจัดการประเมินผู้เรียนโดยพิจารณาจากพัฒนาการของผู้เรียน ความประพฤติ การสังเกตพฤติกรรมการเรียน การร่วมกิจกรรมและการทดสอบควบคู่ไปในกระบวนการเรียนการสอนตามความเหมาะสมประกอบกับ กระทรวงศึกษาธิการ ได้มีจุดเน้นด้านการจัดการเรียนรู้และการวัดและประเมินผล เพื่อให้ครูและบุคลากรทางการศึกษาสามารถจัดการบุคลากรทางการศึกษาสามารถจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาผู้เรียนอย่างเต็มตามศักยภาพ โดยให้คำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลเป็นสำคัญ เนื่องจากผู้เรียนแต่ละคนมีความสามารถที่แตกต่างกัน ที่แตกต่างกัน ด้านวิชาการด้านศิลปะ ดนตรี และกีฬา ซึ่งคุณครูผู้สอนจะต้องค้นหาความโดดเด่นของผู้เรียนแต่ละคน และดำเนินการพัฒนาศักยภาพของผู้เรียนแต่ละคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการวัดและประเมินผลคุณภาพผู้เรียน ควรมุ่งเน้นการนำเสนอพัฒนาการและความก้าวหน้าของผู้เรียนตามความโดดเด่นของแต่ละบุคคลได้อย่างแท้จริงโดยทำการเปรียบเทียบความก้าวหน้าของตนเองในปัจจุบันกับศักยภาพของตนเองก่อนได้รับการพัฒนาที่ผ่านมา นำไปสู่การวางแผนพัฒนาศักยภาพของผู้เรียนแต่ละคนและสามารถต่อยอดไปสู่อาชีพและสร้างรายได้ และสอดคล้องกับการเรียนรู้เพื่ออนาคตตามบริบทการเปลี่ยนแปลงของสังคมยุคใหม่

ดังนั้น เพื่อให้ครูและบุคลากรทางการศึกษา สามารถจัดการเรียนรู้และดำเนินการวัดและประเมินผลที่มุ่งเน้นพัฒนาการตามศักยภาพผู้เรียนเป็นรายบุคคลอย่างเป็นรูปธรรม สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 30 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2546 และที่แก้ไขเพิ่มเติม จึงมีประกาศแนวทางการจัดการเรียนรู้และการวัดและประเมินผลที่มุ่งเน้นพัฒนาการตามศักยภาพผู้เรียนเป็นรายบุคคล รายละเอียดตามสิ่งที่ส่งมาด้วย

ในการนี้ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ขอให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาพิจารณาดำเนินการตามประกาศสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน พร้อมทั้งแจ้งให้สถานศึกษาในสังกัดทราบและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

แนวทางการจัดการเรียนรู้และการวัดและประเมินผลที่มุ่งเน้นพัฒนาการตามศักยภาพผู้เรียนเป็นรายบุคคล

ด้วยพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 มาตรา 24 และ มาตรา 26 บัญญัติให้การจัดกระบวนการเรียนรู้ให้สถานศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการจัดเนื้อหาสาระและกิจกรรมให้สอดคล้องกับความสนใจและความถนัดของผู้เรียน โดยคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล และให้สถานศึกษาจัดการประเมินผู้เรียนโดยพิจารณาจากพัฒนาการของผู้เรียน ความประพฤติ การสังเกตพฤติกรรมการเรียน การร่วมกิจกรรมและการทดสอบควบคู่ไปในกระบวนการเรียนการสอนตามความเหมาะสม ประกอบกับกระทรวงศึกษาธิการมีจุดเน้นด้านการจัดการเรียนรู้และการวัดและประเมินผลเพื่อให้ครูและบุคลากรทางการศึกษาสามารถจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาผู้เรียนอย่างเต็มตามศักยภาพตามความแตกต่างเป็นรายบุคคล เนื่องจากผู้เรียนแต่ละคนมีความสามารถที่แตกต่างกัน ทั้งด้านวิชาการ ศิลปะ ดนตรี และกีฬา และแนวทางการประเมินผลควรพิจารณาจากพัฒนาการผู้เรียนรายบุคคล โดยเปรียบเทียบพัฒนาการของตนเองเมื่อเทียบกับผลการเรียนที่ผ่านมา ซึ่งความสามารถเหล่านี้สามารถต่อยอดไปสู่อาชีพและสร้างรายได้ และสอดคล้องกับการเรียนรู้เพื่ออนาคตตามบริบทการเปลี่ยนแปลงของสังคมยุคใหม่ ประกอบกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้ออกประกาศนโยบายและจุดเน้นของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 – 2569 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

โดยกำหนดจุดเน้นให้เกิดกระบวนการจัดการเรียนรู้ที่หลากหลายเพื่อพัฒนาศักยภาพและคุณลักษณะผู้เรียนตามความถนัด ความสนใจ นอกจากนั้นยังมุ่งการจัดการศึกษาเพื่อความเป็นเลิศสำหรับผู้มีความสามารถพิเศษซึ่งให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการจัดกิจกรรมเสริมสร้างศักยภาพผู้เรียนตามพหุปัญญา และส่งเสริมสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ที่เหมาะสมสำหรับผู้มีความสามารถพิเศษด้านคณิตศาสตร์ โตศาสตร์ ด้านวิทยาศาสตร์ด้านภาษา ด้านทัศนศิลป์ ด้านดนตรี ด้านนาฏศิลป์ ด้านกีฬา และด้านอื่น ๆ ด้วยวิธีการที่หลากหลายตามความถนัดและความสนใจของผู้เรียน

ในการนี้ เพื่อให้กระบวนการจัดการเรียนรู้มีข้อมูลสารสนเทศที่สะท้อนความสามารถผู้เรียนตามเป้าหมาย การวัดและประเมินผล จึงควรมุ่งเน้นการประเมินพัฒนาการระหว่างเรียนที่ดำเนินการอย่างถูกหลักวิชาและต่อเนื่อง จะให้ผลการประเมินที่สามารถสะท้อนพัฒนาการและความสำเร็จของผู้เรียนตามศักยภาพอย่างถูกต้องและน่าเชื่อถือ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานได้กำหนดหลักการวัดและประเมินผลที่มุ่งเน้นพัฒนาการตามศักยภาพผู้เรียนเป็นรายบุคคล เพื่อให้การดำเนินงานเกี่ยวกับการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 สามารถเป็นกลไกหนึ่งที่ส่งเสริมการจัดการเรียนรู้สะท้อนความถนัดความสนใจที่แตกต่างกันผ่านวิธีการและเกณฑ์การประเมินที่หลากหลาย รวมทั้ง สามารถรายงานผลการประเมินผู้เรียนที่สะท้อนพัฒนาการตามศักยภาพผู้เรียนเป็นรายบุคคล ดังนี้

1. หลักการจัดการเรียนรู้และการวัดและประเมินผลที่มุ่งเน้นพัฒนาการตามศักยภาพผู้เรียนเป็นรายบุคคลการจัดกระบวนการเรียนรู้สถานศึกษายึดหลักการจัดเนื้อหาสาระและกิจกรรมให้สอดคล้องกับความสนใจและความถนัดของผู้เรียน โดยคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล และให้สถานศึกษาจัดการประเมินผู้เรียนโดยพิจารณาจากพัฒนาการของผู้เรียน ความประพฤติ การสังเกตพฤติกรรมการเรียนการร่วมกิจกรรมและการทดสอบควบคู่ไปในกระบวนการเรียนการสอนตามความเหมาะสม ด้วย 3 กระบวนการสำคัญเริ่มตั้งแต่การสำรวจและวิเคราะห์ศักยภาพผู้เรียนตามความแตกต่างเป็นรายบุคคล การจัดการเรียนรู้ที่ตอบสนองต่อการเรียนรู้ของผู้เรียนเป็นรายบุคคล และการวัดและประเมินผลที่มุ่งเน้นพัฒนาการตามศักยภาพผู้เรียนเป็นรายบุคคล ดังต่อไปนี้

   1.1 การสำรวจและวิเคราะห์ศักยภาพผู้เรียนตามความแตกต่างเป็นรายบุคคลการวิเคราะห์ความแตกต่างของผู้เรียนเป็นรายบุคคล เป็นกระบวนการสำคัญในการจัดการเรียนรู้ที่มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้เต็มตามศักยภาพ โดยยึดหลักว่าผู้เรียนแต่ละคนมีความแตกต่างกันทั้งด้านความรู้ความสามารถ ความสนใจ ความถนัด ประสบการณ์ และบริบททางสังคมวัฒนธรรม มีเป้าหมายเพื่อให้ครูเข้าใจผู้เรียนในมิติที่หลากหลาย และสามารถออกแบบการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับความต้องการและศักยภาพของผู้เรียนแต่ละคนได้อย่างเหมาะสม การสำรวจและวิเคราะห์ศักยภาพผู้เรียนตามความแตกต่างเป็นรายบุคคลควรตั้งอยู่บนหลักการดังต่อไปนี้

            1.1.1 ความเสมอภาคทางการเรียนรู้ โดยถือว่าผู้เรียนทุกคนมีสิทธิที่จะได้รับโอกาสในการพัฒนาอย่างเท่าเทียม แม้มีความแตกต่างในด้านศักยภาพหรือความพร้อม

            1.1.2 การยอมรับความแตกต่างระหว่างบุคคล โดยมองความแตกต่างเป็นโอกาสในการพัฒนา ไม่ใช่ข้อจำกัดในการจัดการเรียนรู้

                        1.1.3 การเข้าใจผู้เรียนแบบองค์รวม โดยศึกษาผู้เรียนทั้งในด้านสติปัญญา อารมณ์ สังคมและจิตใจ เพื่อสะท้อนภาพรวมของศักยภาพและแนวโน้มการพัฒนาในระยะยาว 

                        1.1.4 การใช้ข้อมูลเพื่อการพัฒนา โดยการเก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลผู้เรียนควรนำไปสู่การวางแผนพัฒนาการเรียนรู้ ไม่ใช่เพียงเพื่อการจัดลำดับหรือเปรียบเทียบระหว่างบุคคล

                        1.1.5 การวิเคราะห์ความแตกต่างของผู้เรียนจึงเป็นกระบวนการที่ส่งเสริมให้การจัดการเรียนรู้ในห้องเรียนมีความยืดหยุ่น เหมาะสม และสอดคล้องกับลักษณะเฉพาะของผู้เรียนแต่ละคน นำไปสู่การสร้างระบบข้อมูลสารสนเทศผู้เรียนรายบุคคลที่สามารถใช้วางแผนพัฒนาผู้เรียนอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ

   1.2 วิธีการจัดการเรียนรู้ที่ตอบสนองต่อการเรียนรู้ของผู้เรียนเป็นรายบุคคลวิธีการจัดการเรียนรู้ที่ตอบสนองต่อการเรียนรู้ของผู้เรียนเป็นรายบุคคล เป็นแนวทางสำคัญในการขับเคลื่อนการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง โดยมุ่งให้ผู้เรียนทุกคนได้รับประสบการณ์การเรียนรู้ที่สอดคล้องกับศักยภาพ ความถนัด และความสนใจของตนเอง ผ่านกระบวนการเรียนรู้ที่หลากหลาย ยืดหยุ่นและคำนึงถึงความแตกต่างของผู้เรียนเป็นรายบุคคล ควรตั้งอยู่บนหลักการสำคัญดังต่อไปนี้

            1.2.1 การพัฒนาผู้เรียนตามศักยภาพสูงสุด โดยมุ่งให้ผู้เรียนได้พัฒนาในสิ่งที่ตนถนัดและสนใจเพื่อสร้างแรงจูงใจในการเรียนรู้และการเติบโตทางการคิด

            1.2.2 การเปิดโอกาสให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในกระบวนการเรียนรู้ ทั้งในด้านการตั้งเป้าหมายการเลือกวิธีการเรียนรู้ และการสะท้อนผลการเรียนรู้ เพื่อส่งเสริมความรับผิดชอบและการเรียนรู้ด้วยตนเอง

                        1.2.3 การเรียนรู้จากประสบการณ์ตรงและบริบทจริง โดยเชื่อมโยงการเรียนรู้กับชีวิตจริงชุมชน หรืออาชีพ เพื่อให้ผู้เรียนสามารถประยุกต์ใช้ความรู้ได้อย่างมีความหมาย

                        1.2.4 การบูรณาการการใช้เทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้รายบุคคล เพื่อขยายโอกาสในการเรียนรู้ตามจังหวะและเส้นทางของแต่ละคน รวมถึงสนับสนุนการติดตามพัฒนาการของผู้เรียนอย่างต่อเนื่อง

            1.2.5 การจัดการเรียนรู้ควบคู่กับการประเมินเพื่อพัฒนา โดยใช้ผลการประเมินเป็นข้อมูลสะท้อนพัฒนาการของผู้เรียนเป็นรายบุคคล เพื่อวางแผนปรับปรุงการสอนและการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องการจัดการเรียนรู้ที่ตอบสนองต่อผู้เรียนเป็นรายบุคคล จึงมิใช่เพียงการปรับวิธีการสอนของครูเท่านั้น แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์ทางการศึกษา ที่ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลางของการพัฒนา มุ่งสร้างโอกาสให้ผู้เรียนทุกคนได้เติบโตอย่างเต็มศักยภาพภายใต้ความแตกต่างอย่างมีคุณค่า

               1.3 การวัดและประเมินผลที่มุ่งเน้นพัฒนาการตามศักยภาพผู้เรียนเป็นรายบุคคลการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียนต้องอยู่บนจุดมุ่งหมายพื้นฐานสองประการ

ประการแรก คือ การวัดและประเมินผลเพื่อพัฒนาผู้เรียน ใช้เครื่องมือการวัดและประเมินที่หลากหลายโดยเก็บรวบรวมเกี่ยวกับผลการเรียนและการเรียนรู้ของผู้เรียนในระหว่างการเรียนการสอนอย่างต่อเนื่องบันทึก วิเคราะห์ แปลความหมายข้อมูล เพื่อรายงานผลพัฒนาการในการเรียนรู้ของผู้เรียนเพื่อสื่อสารไปยังพ่อ แม่ และผู้ปกครอง และประการที่สอง คือ นำมาใช้ในการส่งเสริมหรือปรับปรุงแก้ไขการเรียนรู้ของผู้เรียนและการสอนของครู

            1.3.1 วิธีการวัดและประเมินผลที่มุ่งเน้นพัฒนาการการประเมินพัฒนาการระหว่างเรียน ครูผู้สอนดำเนินการประเมินและนำผลจากการประเมินระหว่างการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อเป็นข้อมูลย้อนกลับแก่ผู้เรียน เป็นการประเมินที่มุ่งตรวจสอบพัฒนาการของผู้เรียนเพื่อให้ได้ข้อมูลสารสนเทศไปวางแผนพัฒนา ปรับปรุง แก้ไขข้อบกพร่อง และส่งเสริมผู้เรียนให้มีความรู้ความสามารถและเกิดพัฒนาการสูงสุดตามศักยภาพ นอกจากนี้ยังใช้เป็นข้อมูลในการปรับปรุงกระบวนการจัดการเรียนรู้ของผู้สอน การประเมิน ระหว่างเรียนที่ดำเนินการอย่างถูกหลักวิชาและต่อเนื่องจะให้ผลการประเมินที่สะท้อนพัฒนาการในการเรียนรู้และศักยภาพของผู้เรียนอย่างถูกต้อง น่าเชื่อถือโดยผู้สอนเลือกวิธีการวัดและประเมินผลที่สอดคล้องกับภาระงานหรือกิจกรรมที่กำหนดให้ผู้เรียนปฏิบัติวิธีการประเมินที่เหมาะสมสำหรับการประเมินพัฒนาระหว่างเรียน ได้แก่ การประเมินจากสิ่งที่ผู้เรียนได้แสดงให้เห็นว่ามีการพัฒนาด้านความรู้ความสามารถ ทักษะ ตลอดจนมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่เป็นผลจากการเรียนรู้ซึ่งผู้สอนสามารถเลือกใช้วิธีการวัดและประเมินผลได้หลากหลาย จากการเก็บข้อมูลการเรียนรู้ของผู้เรียนอย่างไม่เป็นทางการ ขณะที่ให้ผู้เรียนทำภาระงานตามที่กำหนด ครูสังเกต ซักถาม จดบันทึก แล้ววิเคราะห์ข้อมูลว่า ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้หรือไม่ จะต้องให้ผู้เรียนปรับปรุงอะไร หรือผู้สอนปรับปรุงอะไร เพื่อให้เกิดการพัฒนาการในการเรียนรู้ตามมาตรฐาน/ตัวชี้วัด การประเมินระหว่างเรียนดำเนินการได้หลายรูปแบบควรตั้งอยู่บนหลักการสำคัญดังต่อไปนี้

            1.3.1.1 เลือกวิธีและเครื่องมือการประเมินให้สอดคล้องกับตัวชี้วัด หรือผลการเรียนรู้ เช่นการประเมินด้วยการสังเกต การซักถาม การตรวจแบบฝึกหัด การประเมินตามสภาพจริง การประเมินการปฏิบัติ เป็นต้น

                        1.3.1.2 สร้างเครื่องมือวัดและประเมินผลการเรียนให้สอดคล้องกับวิธีการประเมินที่กำหนด

            1.3.1.3 ดำเนินการวัดและประเมินผลการเรียนควบคู่ไปกับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้

                        1.3.1.4 นำผลไปพัฒนาผู้เรียนตามความถนัดความสนใจผ่านรายวิชาพื้นฐาน รายวิชาเพิ่มเติม และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน

                        1.3.2 เครื่องมือการวัดและประเมินผลที่มุ่งเน้นพัฒนาการเครื่องมือวัดและประเมินผลการเรียนรู้ หมายถึง รูปแบบ ยุทธวิธี และเครื่องมือ ประเภทต่าง ๆ ที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้ โดยทั่วไปมีจุดมุ่งหมาย 3 ประการ คือเพื่อรู้จักผู้เรียน เพื่อประเมินวิธีเรียนของผู้เรียน และเพื่อประเมินพัฒนาการของผู้เรียน สถานศึกษาและครูสามารถเลือกใช้วิธีการและเครื่องมือวัดและประเมินผลแบบไม่เป็นทางการ (Informal Assessment)เป็นการได้มาซึ่งข้อมูลผลการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นรายบุคคล จากแหล่งข้อมูลลากหลายที่ผู้สอนเก็บรวบรวมอย่างต่อเนื่อง วิเคราะห์ข้อมูล ศึกษาความพร้อมและพัฒนาการของผู้เรียน ปรับการเรียนการสอนให้เหมาะสมและแก้ไขปัญหา การเรียนรู้ของผู้เรียน ลักษณะของข้อมูลที่ได้ นอกเหนือจากตัวเลขหรือข้อมูลเชิงปริมาณแล้วอาจเป็นข้อมูลบรรยายลักษณะพฤติกรรมที่ผู้สอนเฝ้าสังเกต หรือผลการเรียนรู้ในลักษณะคำอธิบายระดับพัฒนาการ จุดแข็ง จุดอ่อน หรือปัญหาของผู้เรียนที่พบจากการสังเกต สัมภาษณ์ โดยใช้เกณฑ์การประเมินเพื่อพิจารณาปรับปรุงการเรียนรู้รายบุคคล เกณฑ์การประเมินสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการสอนได้อย่างดีโดยให้ผู้เรียนได้รับทราบว่าผู้สอนคาดหวังอะไรบ้างจากชิ้นงานที่มอบหมาย หรือให้ผู้เรียนร่วมในการสร้างเกณฑ์ก็จะทำให้เกิดการมีส่วนร่วมและรับผิดชอบ ผู้สอนที่ใช้เกณฑ์การประเมินอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง จะเห็นความสำคัญของเกณฑ์การประเมินที่ให้ภาพชัดเจนดีกว่าคำชี้แจง คำสั่ง และหากมีตัวอย่างชิ้นงาน ผลงานที่สำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมประกอบให้ผู้เรียนได้ช่วยกันพิจารณา อภิปรายโดยใช้เกณฑ์ที่ร่วมกันสร้างขึ้น ก็จะยิ่งทำให้ผู้เรียนสามารถแยกแยะได้ว่าชิ้นงานที่ดีมีคุณภาพเป็นอย่างไร และจะนำไปสู่การพัฒนาการทำงานของตนเองอย่างมีทิศทางตามเป้าหมายที่วางไว้ เกณฑ์การประเมินยังใช้เป็นเครื่องมือสื่อสารระหว่างผู้สอนกับผู้เรียนแบบรายบุคคล ผู้สอนกับผู้ปกครอง และผู้เรียนกับผู้ปกครอง การมีภาพความคาดหวังที่ชัดเจนจะช่วยให้ผู้สอนสามารถให้ข้อมูลย้อนกลับที่เป็นประโยชน์แก่ผู้เรียน และเป็นประเด็นสำหรับพูดคุยเพื่อการพัฒนาการเรียนรู้ได้ดียิ่งขึ้น

            1.3.3 การรายงานผลการประเมินที่สะท้อนพัฒนาการข้อมูลในการรายงานผลการเรียน ประกอบด้วย ผลการประเมินความรู้ความสามารถพฤติกรรมการเรียน ความประพฤติ และผลงานในการเรียนของผู้เรียน เป็นข้อมูลสำหรับรายงานให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ได้แก่ ผู้เรียน ผู้สอน และผู้ปกครอง ได้รับทราบพัฒนาการ ความสำเร็จในการเรียนของผู้เรียน เพื่อนำไปใช้ในการวางแผนกำหนดเป้าหมายและวิธีการในการพัฒนาผู้เรียน ควรตั้งอยู่บนหลักการดังต่อไปนี้

                        1.3.3.1 แบบรายงานประจำตัวนักเรียนเป็นเอกสารที่สถานศึกษาจัดทำขึ้นเพื่อบันทึกข้อมูลการประเมินผลการเรียนรู้ และพัฒนาการด้านต่าง ๆ ของผู้เรียนแต่ละคนตามเกณฑ์การตัดสินการผ่านระดับชั้นตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน รวมทั้งข้อมูลด้านอื่น ๆ ของผู้เรียนทั้งที่บ้านและโรงเรียนเป็นเอกสารรายบุคคล สื่อสารทั้งข้อมูลเชิงคุณภาพและข้อมูลเชิงปริมาณ โดยใช้ข้อมูลที่แสดงแนวโน้มพัฒนาการของผู้เรียนที่หลากหลาย เช่น การบรรยายเชิงคุณภาพ สถิติ กราฟ เป็นต้น ที่สะท้อนพัฒนาการของผู้เรียนรายบุคคลอย่างต่อเนื่อง ให้ผู้ปกครองของผู้เรียนแต่ละคนได้รับทราบผลการเรียนและพัฒนาการด้านต่าง ๆ ของผู้เรียน และร่วมมือในการพัฒนาผู้เรียนอย่างต่อเนื่องอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง เพื่อให้มีส่วนร่วมในการพัฒนาผู้เรียนให้เต็มตามศักยภาพตามความถนัดและความสนใจเป็นรายบุคคล

         1.3.3.2 การประเมินด้วยแฟ้มสะสมงาน (Portfolio Assessment) แฟ้มสะสมงานเป็นการเก็บรวบรวมชิ้นงานของผู้เรียน เพื่อสะท้อนพัฒนาการ และความสำเร็จของผู้เรียน เช่น แฟ้มสะสมงานที่แสดงพัฒนาการของผู้เรียน ต้องมีผลงานในช่วงเวลาต่าง ๆ ที่แสดงถึงความถนัด ความสามารถตามความสนใจของผู้เรียน หากเป็นแฟ้มสะสมงานดีเด่น ต้องแสดงผลงานที่สะท้อนความสามารถของผู้เรียน โดยผู้เรียนต้องแสดงความคิดเห็นหรือเหตุผลที่เลือกผลงานนั้น เก็บไว้ตามวัตถุประสงค์ของแฟ้มสะสมงาน

2. แนวปฏิบัติการดำเนินงานระดับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาและระดับสถานศึกษา

   2.1 ระดับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา

             2.1.1 ชี้แจงประชาสัมพันธ์สถานศึกษารับทราบเกี่ยวกับประกาศสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เรื่อง แนวทางการจัดการเรียนรู้และการวัดและประเมินผลที่มุ่งเน้นพัฒนาการตามศักยภาพผู้เรียนเป็นรายบุคคล

            2.1.2 สื่อสารสร้างความเข้าใจและอบรมบุคลากรในสังกัดให้สามารถจัดการเรียนรู้ตามความถนัด และความสนใจของผู้เรียนแต่ละคน และการวัดและประเมินผลที่มุ่งเน้นพัฒนาการตามศักยภาพผู้เรียนเป็นรายบุคคล

            2.1.3 ส่งเสริม สนับสนุน ให้ครูผู้สอนและบุคลากรทางการศึกษา ออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลายเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ตามศักยภาพผู้เรียนเป็นรายบุคคล

            2.1.4 ช่วยเหลือ สนับสนุนให้ครูและบุคลากรทางการศึกษาสามารถจัดการเรียนรู้และวัดและประเมินผลที่มุ่งเน้นพัฒนาการตามศักยภาพผู้เรียนเป็นรายบุคคลในทุกมิติ ด้วยกิจกรรมที่หลากหลาย

            2.1.5 กำกับและติดตามการจัดการเรียนรู้และวัดและประเมินผลที่มุ่งเน้นพัฒนาการตามศักยภาพผู้เรียนเป็นรายบุคคลในทุกมิติตามประกาศแนวทางการจัดการเรียนรู้และการวัดและประเมินผลที่มุ่งเน้นพัฒนาการตามศักยภาพผู้เรียนเป็นรายบุคคลอย่างเป็นรูปธรรม

            2.1.6 สรุปและรายงานผลการดำเนินงานเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้และวัดและประเมินผลที่มุ่งเน้นพัฒนาการตามศักยภาพผู้เรียนเป็นรายบุคคลในทุกมิติให้แก่หน่วยงานต้นสังกัดและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเพื่อนำข้อมูลไปใช้ในการยกระดับคุณภาพผู้เรียนอย่างต่อเนื่อง

            2.1.7 เผยแพร่แนวปฏิบัติที่ดีด้านการจัดการเรียนรู้และวัดและประเมินผลที่มุ่งเน้นพัฒนาการตามศักยภาพผู้เรียนเป็นรายบุคคล เพื่อขยายผลแนวดำเนินการที่ประสบความสำเร็จด้านการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน

2.2 ระดับสถานศึกษา

                        2.2.1 ค้นหาและวิเคราะห์ศักยภาพ ความถนัด และความสนใจของผู้เรียนแต่ละคน และออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ใช้ความสามารถหลากหลาย เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ตามศักยภาพผู้เรียนเป็นรายบุคคล

            2.2.2 สื่อสารสร้างความเข้าใจและอบรมบุคลากรในสังกัดให้สามารถจัดการเรียนรู้ตามความถนัด และความสนใจของผู้เรียนแต่ละคน และการวัดและประเมินผลที่มุ่งเน้นพัฒนาการตามศักยภาพผู้เรียนเป็นรายบุคคล

            2.2.3 จัดการเรียนรู้และวัดและประเมินผลที่มุ่งเน้นพัฒนาการตามศักยภาพผู้เรียนเป็นรายบุคคลในทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ ทั้งในรูปแบบการประเมินแบบเป็นทางการและการประเมินแบบไม่เป็นทางการ ใช้วิธีการประเมินที่หลากหลายและยืดหยุ่น เช่น การประเมินด้วยแฟ้มสะสมงานการสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ หรือการสะท้อนผลรายบุคคล เพื่อให้ข้อมูลย้อนกลับแก่ผู้เรียนในการปรับปรุงและพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง

                        2.2.4 ใช้เครื่องมือการประเมินที่หลากหลาย เน้นการเปรียบเทียบพัฒนาการของตนเองที่เน้นวัดทักษะการคิดขั้นสูง ที่ประกอบด้วยสถานการณ์ที่ให้ผู้เรียน คิดวิเคราะห์ มีข้อคำถามที่ยั่วยุให้ผู้เรียนคิด วิเคราะห์ สังเคราะห์ ตัดสินใจ และคิดสร้างสรรค์ โดยเปิดโอกาสให้ผู้เรียนเขียนแสดงเหตุผล แนวคิด หรือหลักการตามความเหมาะสมในแต่ละระดับชั้น

             2.2.5 จัดทำรายงานพัฒนาการในการเรียนรู้ของผู้เรียน ทั้งข้อมูลเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณโดยใช้ข้อมูลที่แสดงแนวโน้มพัฒนาการของผู้เรียนที่หลากหลาย เช่น การบรรยายเชิงคุณภาพ สถิติ กราฟ เป็นต้น ที่สะท้อนพัฒนาการของผู้เรียนรายบุคคลอย่างต่อเนื่อง มีการเปรียบเทียบความสามารถของตนเองก่อนและหลังการพัฒนาผู้เรียนตามความถนัดและความสนใจ เป็นรายบุคคล โดยไม่จัดลำดับความสามารถของผู้เรียน

            2.2.6 สื่อสาร สร้างความเข้าใจกับพ่อแม่ ผู้ปกครอง เกี่ยวกับผลการประเมินการเรียนรู้ของผู้เรียนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีส่วนร่วมในการพัฒนาผู้เรียนให้เต็มตามศักยภาพตามความถนัดและความสนใจเป็นรายบุคคล

            2.2.7 ใช้ผลการจัดการเรียนรู้และการประเมินเพื่อปรับปรุง พัฒนา และต่อยอดความสามารถของผู้เรียนตามศักยภาพตามความถนัดและความสนใจ

            2.2.8 กำกับ ติดตาม และสะท้อนผลการดำเนินงานตามแนวทางจัดการเรียนรู้และวัดและประเมินผลที่มุ่งเน้นพัฒนาการตามศักยภาพผู้เรียนเป็นรายบุคคล เพื่อให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม

Comments

comments

Powered by Facebook Comments

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

ติดต่อ ดร.อนุศร หงษ์ขุนทด
error: Content is protected !!