Thursday, November 13, 2025
Latest:
Digital Learning Classroom
บทความวิจัยหลักการและแนวคิด

กลยุทธ์การออกแบบหัวข้องานวิจัยและนวัตกรรมสู่วิทยฐานะเชี่ยวชาญ (ว 12/2564) สำหรับรองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา

แชร์เรื่องนี้


กลยุทธ์การออกแบบหัวข้องานวิจัยและนวัตกรรมสู่วิทยฐานะเชี่ยวชาญ (ว 12/2564) สำหรับรองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา

ดร.อนุศร หงษ์ขุนทด
ศึกษานิเทศก์ วิทยฐานะศึกษานิเทศก์เชี่ยวชาญ สพม.นครราชสีมา
Musicmankob@gmail.com 


__________________________________

บทนำ: ภูมิทัศน์ใหม่ของการประเมินวิทยฐานะ ว 12/2564

การเสนอขอเลื่อนวิทยฐานะเชี่ยวชาญในตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (รอง ผอ.สพท.) ภายใต้หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะฯ (ว 12/2564) 1 ถือเป็นการยกระดับที่ท้าทายอย่างยิ่ง การเปลี่ยนผ่านจากระดับ “ชำนาญการพิเศษ” สู่ “เชี่ยวชาญ” ไม่ได้เป็นเพียงการพิสูจน์ปริมาณงานที่เพิ่มขึ้น แต่เป็นการเปลี่ยนกระบวนทัศน์ (Paradigm Shift) อย่างสิ้นเชิง จากบทบาท “ผู้บริหาร” (Administrator) ที่เน้นการปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพ สู่บทบาท “ผู้นำการเปลี่ยนแปลงเชิงระบบ” (Systemic Transformer) ที่ต้องสร้างผลกระทบในวงกว้าง

หลักเกณฑ์ ว 12/2564 ได้กำหนดเจตนารมณ์ที่ชัดเจน โดยมุ่งเน้นปรัชญา “Back to school” และ “Focus on classroom” 1 แม้ว่าผู้ดำรงตำแหน่ง รอง ผอ.สพท. จะปฏิบัติงานในระดับนโยบายของเขตพื้นที่ฯ แต่ผลงานทางวิชาการและการปฏิบัติงานทั้งหมด จะถูกประเมินโดยมีเป้าหมายสุดท้ายคือ การพิสูจน์ให้เห็นถึงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริงต่อคุณภาพผู้เรียน คุณภาพครู และคุณภาพของสถานศึกษาในสังกัด 1

รายงานการวิจัยฉบับพิเศษนี้ จึงทำหน้าที่เป็น “แผนที่ยุทธศาสตร์” (Strategic Map) ที่จะนำเสนอแนวทาง เทคนิค และขั้นตอนการคิดอย่างละเอียด เพื่อการออกแบบ “ผลงานทางวิชาการ” (ด้านที่ 3) 1 ที่ไม่เพียงแต่จะสอดคล้องตามตัวอักษรของหลักเกณฑ์ แต่ยังสามารถสะท้อนภาวะผู้นำทางวิชาการในระดับ “เชี่ยวชาญ” ที่คณะกรรมการประเมินคาดหวัง อันจะนำไปสู่การ “ผ่านฉลุยตั้งแต่รอบแรก” ตามความมุ่งหมายของผู้เสนอขอ


บทที่ 1: การถอดรหัสเกณฑ์การประเมิน (ว 12/2564) – สิ่งที่คณะกรรมการ (ก.ค.ศ.) คาดหวังจาก “รอง ผอ.สพท. เชี่ยวชาญ”

การวางแผนเพื่อจัดทำผลงานทางวิชาการให้ “โดนใจกรรมการ” จำเป็นต้องเริ่มต้นจากการทำความเข้าใจสิ่งที่คณะกรรมการมองหา ซึ่งถูกระบุไว้ในเกณฑ์การประเมินอย่างเป็นระบบ

1.1 การวิเคราะห์ “สามเหลี่ยมทองคำ”: ความเชื่อมโยงของการประเมิน 3 ด้าน

กลยุทธ์ที่ผิดพลาดที่สุด คือการจัดทำผลงานทางวิชาการ (ด้านที่ 3) แยกส่วนกับการปฏิบัติงาน (ด้านที่ 1 และ 2) หลักเกณฑ์ ว 12/2564 ถูกออกแบบมาให้มีการบูรณาการอย่างเข้มข้น 1 การประเมินทั้ง 3 ด้านมีความสัมพันธ์เชิงเหตุและผล (Cause-and-Effect Relationship) ดังนี้:

  1. ด้านที่ 3: ผลงานทางวิชาการ (The Blueprint – พิมพ์เขียว)
    สำหรับวิทยฐานะเชี่ยวชาญ นี่คือ “รายงานผลการวิจัยเกี่ยวกับการพัฒนาการบริหารและการจัดการศึกษาหรือนวัตกรรมการบริหารและการจัดการศึกษา” 1 ผลงานชิ้นนี้คือ “พิมพ์เขียว” ทางปัญญาที่ท่านออกแบบขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาหรือพัฒนาระบบการศึกษาในเขตพื้นที่ฯ
  2. ด้านที่ 1: ทักษะการวางแผน กลยุทธ์ การใช้เครื่องมือหรือนวัตกรรมฯ (The Execution – การปฏิบัติ)
    นี่คือ “ทักษะ” ที่ท่านใช้ในการ นำพิมพ์เขียว (ด้านที่ 3) ไปปฏิบัติจริง โดยคณะกรรมการจะประเมินจาก “รายงานผลการดำเนินงานตามแผนพัฒนาการบริหารและการจัดการศึกษา” 1
  3. ด้านที่ 2: ผลลัพธ์ในการพัฒนาการบริหารและการจัดการศึกษา (The Evidence – หลักฐานเชิงประจักษ์)
    นี่คือ “ผลลัพธ์” ที่พิสูจน์ว่าพิมพ์เขียวของท่าน (ด้านที่ 3) ที่ถูกนำไปปฏิบัติ (ด้านที่ 1) นั้น ได้ผลจริง 1 โดยพิจารณาจากผลที่เกิดกับผู้เรียน, ครูและบุคลากร, และสถานศึกษา

กลยุทธ์ที่จะทำให้ “ผ่านฉลุย” คือการสร้าง “เส้นด้ายสีทอง” (Golden Thread) ที่ร้อยเรียงเอกสารทุกชิ้นให้เป็นเรื่องเดียวกัน กล่าวคือ ท่านต้องออกแบบ ด้านที่ 3 (งานวิจัย/นวัตกรรม) ให้เป็น “โครงการหลัก” (Flagship Project) ในการปฏิบัติงานจริงตลอดช่วงเวลาที่เก็บผลงาน จากนั้น ใช้ “รายงานผลการดำเนินงานตามแผนพัฒนาฯ” (สำหรับประเมิน ด้านที่ 1 และ 2) เป็น บันทึกการนำผลงานวิจัยนั้นไปปฏิบัติจริง เมื่อกรรมการเห็นความสอดคล้องเป็นหนึ่งเดียวนี้ พวกเขาจะประจักษ์ในความเชี่ยวชาญที่แท้จริง

1.2 การตีความเชิงลึก: “ผลงานทางวิชาการ” (ด้านที่ 3) สำหรับวิทยฐานะเชี่ยวชาญ

ตามหลักเกณฑ์ ว 12/2564 1 กำหนดชัดเจนว่าผลงานทางวิชาการสำหรับวิทยฐานะเชี่ยวชาญ ต้องเป็น “รายงานผลการวิจัยเกี่ยวกับการพัฒนาการบริหารและการจัดการศึกษา หรือนวัตกรรมการบริหารและการจัดการศึกษา” จำนวน 1 เล่ม

การที่ ก.ค.ศ. กำหนดให้เป็น “การวิจัย” หรือ “นวัตกรรม” 2 ถือเป็นการยกระดับมาตรฐานอย่างชัดเจน ผลงานที่ไม่ใช่การวิจัย (เช่น บทความวิชาการ, การวิเคราะห์เอกสาร หรือรายงานโครงการทั่วไป) ไม่เพียงพออีกต่อไป หัวข้อวิจัยจึงต้องสะท้อน “ระเบียบวิธีวิจัย” (Research Methodology) ที่นำไปสู่การพัฒนาที่จับต้องได้

1.3 การวิเคราะห์เปรียบเทียบระดับการปฏิบัติที่คาดหวัง: การก้าวกระโดดครั้งสำคัญ

นี่คือหัวใจสำคัญที่สุดในการประเมิน และเป็นจุดที่ผู้เสนอขอมักประเมินตนเองผิดพลาด หลักเกณฑ์ ว 12/2564 ได้กำหนด “ระดับการปฏิบัติที่คาดหวัง” (Expected Level of Practice) ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน 1

ระดับชำนาญการพิเศษ (รอง ผอ.สพท.):

  • ระดับคาดหวัง: “ริเริ่ม พัฒนา” (Originate & Improve) 1
  • การตีความ: คือการนำสิ่งที่มีอยู่เดิม (เช่น ระบบการนิเทศเดิม, โครงการเดิมของ สพท.) มา “ริเริ่ม” ปรับปรุง และ “พัฒนา” ให้ดีขึ้น ทำให้กระบวนการเดิมทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น (Making it better) เช่น การปรับปรุงคู่มือการนิเทศ, การเพิ่มประสิทธิภาพการจัดสรรงบประมาณ

ระดับเชี่ยวชาญ (รอง ผอ.สพท.):

  • ระดับคาดหวัง: “คิดค้น ปรับเปลี่ยน” (Invent & Transform) 1
  • การตีความ: คือการ “คิดค้น” (Invent) สิ่งใหม่ที่อาจยังไม่มีในเขตพื้นที่ฯ หรือเป็นการสังเคราะห์แนวคิดใหม่ และการนำสิ่งนั้นไปใช้ต้องก่อให้เกิด “การปรับเปลี่ยน” หรือ “การปฏิรูป” (Transform) ระบบเดิมอย่างเห็นได้ชัด 1 (Making it new, and making it different)

คณะกรรมการจะมองหา “รอยต่อ” ของการยกระดับนี้ หากผลงานที่เสนอขอวิทยฐานะเชี่ยวชาญ เป็นเพียงการ “ปรับปรุง” (Improve) โครงการเดิมให้ดีขึ้น เช่น เพิ่มงบประมาณอบรม, จัดอบรมบ่อยขึ้น—นั่นคือระดับ “ชำนาญการพิเศษ” และจะ ไม่ผ่าน การประเมิน “เชี่ยวชาญ” โดยทันที งานของท่านต้องแสดงถึง “การคิดค้น” (Invent) ที่นำไปสู่การทำงาน “แบบใหม่” (Transform) ทั้งกระบวนการ


บทที่ 2: นิยาม “คิดค้น ปรับเปลี่ยน (Invent & Transform)” ในบริบทการบริหารเขตพื้นที่การศึกษา

เพื่อออกแบบหัวข้อวิจัยให้สอดคล้องกับระดับคาดหวัง “คิดค้น ปรับเปลี่ยน” 3 ผู้เสนอขอจำเป็นต้องเข้าใจนิยามของคำทั้งสองในบริบทการบริหารเขตพื้นที่ฯ

2.1 “Invent” (คิดค้น) ไม่ได้หมายถึงการสร้างสิ่งใหม่จากศูนย์

ในบริบทการบริหารการศึกษา “การคิดค้น” ไม่ได้หมายถึงการประดิษฐ์สิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อนในโลก แต่หมายถึง “การสังเคราะห์” (Synthesis) หรือ “การออกแบบเชิงระบบ” (System Design) ที่เป็นใหม่สำหรับบริบทของเขตพื้นที่นั้นๆ 3

  • การคิดค้น “รูปแบบ” (Model): เช่น การพัฒนารูปแบบการบริหารเขตพื้นที่ฯ แบบใหม่, การพัฒนารูปแบบการนิเทศแบบใหม่ 4, การพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการโรงเรียนคุณภาพ
  • การคิดค้น “กระบวนการ” (Process): เช่น การพัฒนากระบวนการบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็กในรูปแบบเครือข่าย, การพัฒนากระบวนการสร้างการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่าย 5
  • การคิดค้น “กลไก” (Mechanism) หรือ “นวัตกรรม” (Innovation): เช่น การสร้างกลไกการสนับสนุนครูโดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัล 6, การสร้างนวัตกรรมระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนในระดับเขตพื้นที่ฯ 1

2.2 “Transform” (ปรับเปลี่ยน) คือการสร้างผลกระทบที่วัดผลได้และยั่งยืน

“การปรับเปลี่ยน” คือผลลัพธ์เชิงประจักษ์ที่เกิดขึ้นจริงจากการ “คิดค้น” ของท่าน 1 นี่คือส่วนที่ท่านต้องพิสูจน์ให้ได้ว่า การ “Invent” ของท่านไม่ได้เป็นเพียงทฤษฎีในเอกสาร แต่ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงจริง

หากท่าน “Invent” (คิดค้น) รูปแบบการนิเทศแบบใหม่ (เช่น การนิเทศแบบ AI-Assisted) ท่านต้องพิสูจน์การ “Transform” (ปรับเปลี่ยน) โดยแสดงหลักฐานที่สอดคล้องกับเกณฑ์การประเมิน ด้านที่ 2 1 ว่า:

  1. ผลลัพธ์ที่เกิดกับข้าราชการครูฯ: ครู เปลี่ยน พฤติกรรมการสอน, ผู้บริหาร เปลี่ยน วิธีการบริหารโรงเรียน
  2. ผลลัพธ์ที่เกิดกับผู้เรียนฯ: นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์สูงขึ้น หรือมีสมรรถนะที่พึงประสงค์เพิ่มขึ้น
  3. ผลลัพธ์ที่เกิดกับสถานศึกษาฯ: โรงเรียนมีวัฒนธรรมองค์กรที่ดีขึ้น หรือระบบการประกันคุณภาพภายในเข้มแข็งขึ้น

การ “Transform” นี้ ต้องสอดคล้องกับมาตรฐานตำแหน่งของ รอง ผอ.สพท. ทั้ง 5 ด้าน (ด้านการบริหารและความเป็นผู้นำ, ด้านการบริหารจัดการองค์กร, ด้านการบริหารการเปลี่ยนแปลง, ด้านการบริหารงานชุมชนและเครือข่าย, และด้านการพัฒนาตนเอง) 1


บทที่ 3: กระบวนการ 5 ขั้นตอนในการคัดเลือกหัวข้อวิจัย “ที่ผ่านฉลุย” (The 5-Step Topic Selection Funnel)

กระบวนการต่อไปนี้ คือขั้นตอนเชิงระบบที่จะช่วยกรองความคิดและออกแบบหัวข้อวิจัยที่สอดคล้องกับเกณฑ์ ว 12/2564 ในระดับเชี่ยวชาญ

ขั้นตอนที่ 1: การวิเคราะห์สภาพปัญหา (Identify the Battlefield)

เริ่มต้นจาก “ปัญหา” ที่แท้จริง ไม่ใช่ “หัวข้อ” ที่สวยหรู งานวิจัยระดับเชี่ยวชาญต้องแก้ปัญหาสำคัญ (Pain Point) ของเขตพื้นที่การศึกษา

แหล่งข้อมูลสำหรับปัญหา:

  • ข้อมูลภายใน: วิเคราะห์ผล O-NET, PISA, ผลการประเมิน SAR ของสถานศึกษา, ข้อมูลสมรรถนะครู 4, ข้อมูลการร้องเรียน, ปัญหาการบริหารจัดการภายใน สพท. 7
  • ปัญหาเชิงนโยบาย: ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา 6, ภาวะถดถอยทางการเรียนรู้ (Learning Loss), การบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็ก, การขาดแคลนครูในสาขาที่จำเป็น

เกณฑ์การเลือกปัญหา: ต้องเป็นปัญหาที่ “ใหญ่” (ระดับเขตพื้นที่ฯ) และ “เร่งด่วน” พอที่จะแสดงบทบาทของ รอง ผอ.สพท. (ไม่ใช่ปัญหาที่ ผอ.โรงเรียน หรือครู สามารถแก้ไขได้เอง)

ขั้นตอนที่ 2: การเชื่อมโยงนโยบาย (Align with National Policy)

นี่คือเทคนิคสำคัญที่จะทำให้ผลงาน “โดนใจกรรมการ” หัวข้อของท่านต้องแสดงว่าท่านเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ และ สพฐ.

นโยบายปัจจุบันที่ควรพิจารณา (ปี 2567-2568):

  • นโยบายระยะเร่งด่วน (Quick Win) สพฐ.: เช่น การปรับกระบวนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning), การใช้เทคโนโลยี (AI, Digital Classroom), การจัดการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ 8
  • จุดเน้น สพฐ. 2568-2569: การพัฒนาระบบบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพ (เช่น การยกระดับ ITA), การใช้เทคโนโลยีดิจิทัล, การปรับหลักสูตรและการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) 10

การสังเคราะห์เพื่อ “Invent”:

  1. ปัญหา (ขั้นตอนที่ 1): ครูในเขตฯ ยังสอนแบบบรรยาย, ไม่ใช้เทคโนโลยี 4
  2. นโยบาย (ขั้นตอนที่ 2): สพฐ. เน้น Active Learning และ Digital Classroom 10
  3. การเชื่อมโยง (Invent): ท่านต้อง “คิดค้น” รูปแบบการบริหารจัดการ หรือ กลไกการสนับสนุน ของเขตพื้นที่ฯ ที่จะ ผลักดัน ให้ครูในสังกัดเกิดการเปลี่ยนแปลงนี้
  4. ผลลัพธ์ (Transform): พิสูจน์ว่าโรงเรียนในสังกัดมีการใช้ Active Learning และ Digital Classroom เพิ่มขึ้นจริง

ขั้นตอนที่ 3: การเลือกกรอบระเบียบวิธีวิจัย (Choose the Methodology)

นี่คือหัวใจทางวิชาการที่ตอบโจทย์ “รายงานผลการวิจัย หรือนวัตกรรม” 1

ทางเลือกที่ 1: การวิจัยและพัฒนา (R&D – Research & Development) 2

  • เหมาะสมสำหรับ: การสร้าง “นวัตกรรม” (Innovation) 2
  • ขั้นตอนหลัก (ตามแนวคิด R&D): 1) ศึกษาวิเคราะห์ (Analyze), 2) ออกแบบและพัฒนา (Design & Develop), 3) ทดลองภาคสนาม/หาประสิทธิภาพ (Field Test/Implement), 4) สรุปผล/ปรับปรุง/เผยแพร่ (Evaluate & Refine) 11
  • จุดแข็ง: สอดคล้องกับคำว่า “Invent” ชัดเจน ผลลัพธ์เป็น “Model” หรือ “Product” (เช่น รูปแบบ, คู่มือ, แพลตฟอร์ม) ที่จับต้องได้และขยายผลได้

ทางเลือกที่ 2: การวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action Research – AR) 5

  • เหมาะสมสำหรับ: “รายงานผลการวิจัย” เพื่อแก้ปัญหาและ “ปรับเปลี่ยน” กระบวนการทำงาน
  • ขั้นตอนหลัก (ตามแนวคิด AR): วงจร Plan (วางแผน) -> Act (ปฏิบัติ) -> Observe (สังเกต) -> Reflect (สะท้อนผล) 5 ซึ่งจะทำซ้ำหลายวงจรจนกว่าปัญหาจะคลี่คลาย
  • จุดแข็ง: เหมาะกับการพัฒนากระบวนการ (Process) และการเปลี่ยนแปลงในบริบทจริง

ข้อเสนอแนะเชิงกลยุทธ์: สำหรับ รอง ผอ.สพท. ที่ต้องการแสดงภาวะผู้นำระดับ “เชี่ยวชาญ”, การวิจัยและพัฒนา (R&D) มักจะทรงพลังกว่า เพราะนำไปสู่การสร้าง “นวัตกรรมการบริหาร” ที่เป็นระบบและขยายผลได้ (Scalable) หากใช้ AR ต้องมั่นใจว่าเป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการระดับ เขตพื้นที่ (ESAO-level Action Research) ไม่ใช่ระดับโรงเรียน

ขั้นตอนที่ 4: การสร้าง “ประเด็นท้าทาย” (PA) ให้เป็น “ผลงานวิชาการ” (ด้านที่ 3)

นี่คือการบูรณาการที่สำคัญที่สุด ตามแบบ PA 1/บก. สำหรับ รอง ผอ.สพท. วิทยฐานะเชี่ยวชาญ (หรือผู้ที่ประสงค์จะขอ) 1 ส่วนที่ 2 “ข้อตกลงในการพัฒนางานที่เสนอเป็นประเด็นท้าทายฯ” คือ “สัญญา” ที่ท่านทำกับผู้บังคับบัญชา และมัน คือ บทคัดย่อของงานวิจัย ด้านที่ 3 ของท่าน

กลยุทธ์การเขียน PA ส่วนที่ 2 (ประเด็นท้าทาย) 1:

  • 1. สภาพปัญหาฯ: ระบุปัญหา (จากขั้นตอนที่ 1) และอ้างอิงนโยบาย (จากขั้นตอนที่ 2)
  • 2. วิธีการดำเนินการให้บรรลุผล: ระบุระเบียบวิธีวิจัย (จากขั้นตอนที่ 3) อย่างชัดเจน เช่น “ดำเนินการวิจัยและพัฒนา (R&D) 4 ขั้นตอน เพื่อสร้าง ‘รูปแบบ…'” หรือ “ดำเนินการวิจัยเชิงปฏิบัติการ (AR) 3 วงจร เพื่อพัฒนา ‘กระบวนการ…'”
  • 3. ผลลัพธ์ในการพัฒนาที่คาดหวัง: ระบุการ “Transform” ที่จะเกิดขึ้น (ต้องสอดคล้องกับเกณฑ์ประเมิน ด้านที่ 2 1)
  • เชิงปริมาณ: เช่น ร้อยละของครูที่ใช้ Active Learning เพิ่มขึ้น, ผลสัมฤทธิ์เฉลี่ยของเขตพื้นที่ฯ สูงขึ้น X%
  • เชิงคุณภาพ: เช่น ครูมีทักษะการใช้ AI, สถานศึกษามีวัฒนธรรม PLC ที่เข้มแข็ง, เขตพื้นที่ฯ มีระบบบริหารจัดการที่เป็นเลิศ

ขั้นตอนที่ 5: ศิลปะการตั้งชื่อหัวข้อ (The Art of Titling)

ชื่อหัวข้อคือ “ป้ายโฆษณา” ที่บอกคณะกรรมการทันทีว่าท่านอยู่ในระดับ “Improve” (ชำนาญการพิเศษ) หรือ “Invent & Transform” (เชี่ยวชาญ)

  • โครงสร้างที่ 1 (R&D – นวัตกรรม):
    “การพัฒนารูปแบบ [นวัตกรรมที่คิดค้น] เพื่อยกระดับ/ส่งเสริม/พัฒนา [ผลลัพธ์ที่ปรับเปลี่ยน] สำหรับ [กลุ่มเป้าหมาย] สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา…”
  • โครงสร้างที่ 2 (AR – การวิจัย):
    “การพัฒนากระบวนการ [สิ่งที่คิดค้น] โดยใช้การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม เพื่อแก้ไขปัญหา [ผลลัพธ์ที่ปรับเปลี่ยน] ใน [บริบท]…”
  • คีย์เวิร์ดที่ต้องมี (เพื่อแสดงการ Invent): รูปแบบ (Model), กลยุทธ์ (Strategy), นวัตกรรม (Innovation), กระบวนการ (Process), การพัฒนา (Development)
  • คีย์เวิร์ดที่ควรเลี่ยง (สำหรับระดับเชี่ยวชาญ): “การศึกษา…”, “การสำรวจ…”, “ปัจจัยที่ส่งผล…”, “ความสัมพันธ์ระหว่าง…” (เพราะเป็นการวิจัยเชิงพรรณนา (Descriptive) หรือสหสัมพันธ์ (Correlational) ซึ่งไม่สะท้อนการ “คิดค้น” หรือ “ปรับเปลี่ยน” ที่เป็นรูปธรรม)

บทที่ 4: ตัวอย่างต้นแบบ (Archetypes) หัวข้อวิจัยและนวัตกรรมสำหรับ รอง ผอ.สพท. (ระดับเชี่ยวชาญ)

แม้ว่าการค้นหาตัวอย่างผลงานที่ผ่านการอนุมัติจาก ก.ค.ศ. จะไม่สามารถระบุชื่อเรื่องที่ชัดเจนได้จากข้อมูลที่มี 13 แต่การสร้าง “ต้นแบบ” (Archetypes) ของหัวข้อวิจัยตามกระบวนการ 5 ขั้นตอนข้างต้น จะมีประโยชน์ในการประยุกต์ใช้มากกว่า

ตารางที่ 1: ตารางสังเคราะห์การพัฒนาหัวข้อวิจัยตามแนวทาง “Invent & Transform” สำหรับ รอง ผอ.สพท.

สภาพปัญหา (ขั้นตอนที่ 1) + นโยบาย (ขั้นตอนที่ 2)ระเบียบวิธีวิจัย (ขั้นตอนที่ 3)“การคิดค้น” (Invent) (สิ่งที่สร้างขึ้นใหม่)“การปรับเปลี่ยน” (Transform) (ผลลัพธ์ที่คาดหวัง)ตัวอย่างชื่อหัวข้อวิจัย (ขั้นตอนที่ 5)
ปัญหา: ครูในเขตฯ ขาดทักษะการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล และ AI 6
นโยบาย: สพฐ. 10 เน้นการใช้ AI และ Digital Classroom (ข้อ 3.3)
การวิจัยและพัฒนา (R&D) 2“รูปแบบการบริหารเขตพื้นที่ฯ” (ESAO Management Model) ที่ใช้ AI ขับเคลื่อนการพัฒนาครูครูในสังกัดมีสมรรถนะดิจิทัลสูงขึ้น (Digital Competency) และนำ AI ไปใช้ในการจัดการเรียนรู้ได้จริง“การพัฒนารูปแบบการบริหารสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาโดยใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI-Driven ESAO Model) เพื่อยกระดับสมรรถนะดิจิทัลของครูในสังกัด…”
ปัญหา: คุณภาพการนิเทศภายในไม่เข้มแข็ง ติดตามผลไม่ได้ 7
นโยบาย: สพฐ. เน้นการพัฒนาครู 9 และการสร้างชุมชนการเรียนรู้ (PLC) 1
การวิจัยและพัฒนา (R&D)“นวัตกรรมการนิเทศแบบดิจิทัล” (Digital Supervision Innovation) ที่เชื่อมโยงกับระบบ PLC1. ศึกษานิเทศก์และผู้บริหารเปลี่ยนระบบการนิเทศ
2. เกิดชุมชนการเรียนรู้ (PLC) ที่มีคุณภาพ 1
“การพัฒนานวัตกรรมการนิเทศภายในแบบไฮบริด (Hybrid Supervision Innovation) เพื่อเสริมสร้างชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) ของสถานศึกษา…”
ปัญหา: ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา 6 โรงเรียนขนาดเล็กบริหารจัดการยาก 4
นโยบาย: สพฐ. 9 เน้นการลดความเหลื่อมล้ำ
การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม (PAR) 5“กระบวนการบริหารเครือข่าย” (Network Administration Process) ระหว่างโรงเรียน (ใหญ่-เล็ก) และชุมชนโรงเรียนขนาดเล็กได้รับการสนับสนุนทรัพยากรอย่างเท่าเทียม (Equity) และมีคุณภาพการจัดการศึกษาสูงขึ้น“การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมเพื่อพัฒนากระบวนการบริหารเครือข่ายความร่วมมือเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาของโรงเรียนขนาดเล็ก…”
ปัญหา: ผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใส (ITA) ของ สพท. อยู่ในระดับต่ำ
นโยบาย: สพฐ. 10 เน้นการยกระดับ ITA และการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ
การวิจัยและพัฒนา (R&D)“กลไกการบริหารจัดการ” (Management Mechanism) เพื่อสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่โปร่งใส1. ระบบการทำงานของ สพท. โปร่งใส ตรวจสอบได้ 10
2. บุคลากรใน สพท. และสถานศึกษามีความพึงพอใจ 1
“การพัฒนากลไกการบริหารจัดการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตามหลักธรรมาภิบาล เพื่อยกระดับคุณธรรมและความโปร่งใส (ITA)”

บทที่ 5: บทสรุปและข้อเสนอแนะเชิงกลยุทธ์: ทำอย่างไรให้ “โดนใจกรรมการ”

การเลือกหัวข้อเป็นเพียงจุดเริ่มต้น ความสำเร็จในการประเมินระดับเชี่ยวชาญอยู่ที่การบูรณาการและการนำเสนอที่ตรงตามความคาดหวังของคณะกรรมการ

5.1 กลยุทธ์ “Golden Thread” (เส้นด้ายสีทอง)

ยุทธศาสตร์ที่สำคัญที่สุดคือการบูรณาการเอกสารทุกฉบับให้เป็นเรื่องเดียวกัน:

  1. เริ่มต้น ที่ “ประเด็นท้าทาย” (PA ส่วนที่ 2) 1 โดยเขียนให้เป็นบทสรุปผู้บริหารของงานวิจัย ด้านที่ 3
  2. ขยายความ เป็น “ผลงานทางวิชาการ” (ด้านที่ 3) 1 ซึ่งเป็นพิมพ์เขียวฉบับเต็มที่ใช้ระเบียบวิธีวิจัย (R&D หรือ AR)
  3. ปฏิบัติการ นำผลงานวิจัยนั้นไปใช้จริงในเขตพื้นที่ฯ
  4. บันทึกผล การปฏิบัตินั้นใน “รายงานผลการดำเนินงานตามแผนพัฒนาฯ” 1 ซึ่งจะใช้ประเมิน ด้านที่ 1 และ 2 1

เมื่อกรรมการเห็นว่า PA, รายงานฯ, และงานวิจัย เป็นเรื่องเดียวกัน พวกเขาจะเห็นถึง “การคิดค้น” (Invent) ที่นำไปสู่ “การปรับเปลี่ยน” (Transform) อย่างเป็นรูปธรรมและน่าเชื่อถือ

5.2 การแสดงหลักฐานเชิงประจักษ์ (Empirical Evidence) แห่งการ “Transform”

“Invent” คือสิ่งที่ท่านอ้าง แต่ “Transform” คือสิ่งที่ท่านต้องพิสูจน์ ในรายงานวิจัย (ด้านที่ 3) ต้องมีบทที่ว่าด้วย “ผลการทดลอง/ผลการปฏิบัติ” ที่แสดงข้อมูลเชิงสถิติ (Quantitative) และเชิงคุณภาพ (Qualitative) ที่ตอบโจทย์การประเมิน ด้านที่ 2 1 อย่างชัดเจน ต้องมีข้อมูลเปรียบเทียบ ก่อนและหลังการใช้นวัตกรรม ที่แสดงถึงผลสัมฤทธิ์ผู้เรียน, ผลการประเมินสมรรถนะครู, หรือผลการประเมินคุณภาพสถานศึกษา

5.3 ข้อควรระวัง: 3 หลุมพรางที่ทำให้หัวข้อวิจัย “ไม่ผ่าน” วิทยฐานะเชี่ยวชาญ

  1. “หลุมพรางนักวิชาการ” (The Academic Trap): ทำหัวข้อที่ลึกซึ้ง แต่ ไม่เกิดการปรับเปลี่ยน (No Transform) เช่น “การวิเคราะห์ปัจจัย…” หรือ “การเปรียบเทียบ…” งานเหล่านี้ไม่แสดงภาวะผู้นำในการบริหาร
  2. “หลุมพรางนักปฏิบัติ” (The Practitioner Trap): ทำงานหนักมาก แต่ ไม่มีการคิดค้น (No Invent) เช่น “รายงานผลการดำเนินโครงการอบรมครู 100%” นี่คือระดับ “Improve” (ชำนาญการพิเศษ) ไม่ใช่ “Invent” (เชี่ยวชาญ)
  3. “หลุมพรางข้ามบทบาท” (The Role Mismatch Trap): ทำวิจัยในสิ่งที่ ไม่ใช่บทบาท ของ รอง ผอ.สพท. เช่น “การพัฒนาแผนการสอน (Lesson Plan) เรื่อง…” (นี่คือบทบาทครู) หรือ “การพัฒนาระบบบริหารในโรงเรียน A…” (นี่คือบทบาท ผอ.โรงเรียน)
  • งานวิจัยของ รอง ผอ.สพท. ต้องมี “สถานศึกษา” หรือ “เขตพื้นที่” เป็นหน่วยวิเคราะห์ (Unit of Analysis) ท่านกำลัง “คิดค้น” และ “ปรับเปลี่ยน” ระบบ ที่สนับสนุนโรงเรียน ไม่ใช่ลงไปทำงานในโรงเรียนเอง

บทสรุปสุดท้าย

การขอวิทยฐานะเชี่ยวชาญตามเกณฑ์ ว 12/2564 คือการพิสูจน์ว่าท่านเป็น “สถาปนิกทางการศึกษา” (Educational Architect) ที่สามารถออกแบบ “ระบบใหม่” (Invent) และสร้าง “ผลกระทบใหม่” (Transform) ให้กับเขตพื้นที่การศึกษาได้ ผลงานทางวิชาการของท่านคือพิมพ์เขียวและหลักฐานที่พิสูจน์ข้อเท็จจริงนั้น การเลือกหัวข้อที่ถูกต้องตามกระบวนการนี้ คือก้าวแรกที่สำคัญที่สุดสู่ความสำเร็จ

Works cited

  1. ว 12ตำแหน่งผู้บริหารการศึกษา สพฐ.pdf
  2. การวิจัยและพัฒนา Research & Development (R&D) และ การวิจัยเช P, accessed November 10, 2025, https://bri.mcu.ac.th/wp-content/uploads/2022/05/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%92%E0%B8%99%E0%B8%B2-Research-_-Development-R_D-%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0-%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%8A-compressed.pdf
  3. www.skprivate.go.th, accessed November 10, 2025, https://www.skprivate.go.th/uploads/docs/1dc09d933aa1a23ed50d8e457b6c151f.docx
  4. ภาวะผู้นาการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารกับประสิทธิผลของสถานศึกษา – ThaiJo, accessed November 10, 2025, https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jsrc/article/download/252340/177451/1027142
  5. การวิจัยเชิงปฏิบัติการพัฒนาการวิจัยเพื่อพั T – Journal – วิทยาลัยนครราชสีมา, accessed November 10, 2025, http://journal.nmc.ac.th/th/admin/Journal/2560Vol11No3_805.pdf
  6. ประกาศรับข้อเสนอชุดโครงการวิจัย กรอบ การพัฒนาพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา.pdf – NRIIS, accessed November 10, 2025, https://nriis.go.th/FileUpload/AttatchFile/News/256512141836170848315.pdf
  7. สพฐ. ติวเข้ม 245 เขตพื้นที่พร้อมรับมือข่าวชี้แจงอย่างมืออาชีพ – OBEC, accessed November 10, 2025, https://www.obec.go.th/1090128
  8. สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ กทม. ๑๐๓๐๐ – สพป.อุดรธานี เขต 1, accessed November 10, 2025, https://udn1.go.th/wp-content/uploads/2024/07/%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%88%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87-%E0%B8%AA%E0%B8%9E%E0%B8%90_-2567%E2%80%932568-%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%A2-Quick-Win-%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%88%E0%B8%B3%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B8%87%E0%B8%9A%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%93-2567.pdf
  9. นโยบาย จุดเน้น สพฐ. ปี 2567-2568 และ Quick win 2567 – สำนักงานเขต …, accessed November 10, 2025, https://www.sesaoksn.go.th/%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%A2-%E0%B8%88%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%99-%E0%B8%AA%E0%B8%9E%E0%B8%90-%E0%B8%9B%E0%B8%B5-2567-2568-%E0%B9%81%E0%B8%A5/
  10. นโยบายและจุดเน้นของ สพฐ. ประจำปีงบประมาณ 2568-2569, accessed November 10, 2025, http://www.secondarytak.go.th/wp-content/uploads/2024/11/67-11-25-%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%88%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87-%E0%B8%AA%E0%B8%9E%E0%B8%90.-%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%88%E0%B8%B3%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B8%87%E0%B8%9A%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%93-2568-2569.pdf
  11. การวิจัยและพัฒนาเพื่อการสร้างนวัตกรรมการศึกษาของครู … – thaijo.org, accessed November 10, 2025, https://so05.tci-thaijo.org/index.php/JTPLC/article/download/262294/177246/1004108
  12. การวิจัยเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนานิสัยรักการอ าน สําหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาป ที่5 โรงเรียนบ านไร ร ว – thaijo.org, accessed November 10, 2025, https://so04.tci-thaijo.org/index.php/ksk/article/download/125639/95146/
  13. รายชื่อผลงานที่ผ่านระดับ “เชี่ยวชาญ” ที่อนุมัติล่าสุด | ครูบ้านนอกดอทคอม, accessed November 10, 2025, https://www.kroobannok.com/44153
  14. ก.ค.ศ. อนุมัติให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษามีและเลื่อนเป็นวิทยฐานะเชี่ยวชาญ จำนวน 24 ราย (21 พฤษภาคม 2568) | ครูบ้านนอกดอทคอม, accessed November 10, 2025, https://www.kroobannok.com/92720

Comments

comments

Powered by Facebook Comments

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

ติดต่อ ดร.อนุศร หงษ์ขุนทด
error: Content is protected !!