กลยุทธ์การออกแบบหัวข้อวิจัยและนวัตกรรมการบริหาร เพื่อเลื่อนวิทยฐานะผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเชี่ยวชาญ (ตามเกณฑ์ ว 12/2564)
กลยุทธ์การออกแบบหัวข้อวิจัยและนวัตกรรมการบริหาร เพื่อเลื่อนวิทยฐานะผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเชี่ยวชาญ (ตามเกณฑ์ ว 12/2564)
บทนำ: การเปลี่ยนกระบวนทัศน์จาก “ผู้บริหาร” สู่ “ผู้นำการเปลี่ยนแปลง”
ในภูมิทัศน์การศึกษาปัจจุบัน บทบาทของผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (ผอ.สพท.) ได้ก้าวข้ามขอบเขตของผู้บริหารจัดการ (Administrator) ไปสู่การเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง (Change Agent) ที่ต้องขับเคลื่อนคุณภาพการศึกษาทั้งระบบในพื้นที่รับผิดชอบ การขอเลื่อนวิทยฐานะ “เชี่ยวชาญ” ตามหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินของ ก.ค.ศ. ที่ ศธ 0206.4/ว 12 ลงวันที่ 20 พฤษภาคม 2564 (ต่อไปนี้จะเรียกว่า “ว 12/2564”) จึงไม่ใช่เพียงการสะสมผลงานหรือการปฏิบัติงานตามหน้าที่ แต่คือการพิสูจน์ถึงศักยภาพในการ “คิดค้น” และ “ปรับเปลี่ยน” เพื่อยกระดับคุณภาพผู้เรียน ครู และสถานศึกษาอย่างเป็นรูปธรรม 1
เกณฑ์ ว 12/2564 ได้รับการออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาผลงานวิชาการที่ “ขึ้นหิ้ง” ไม่ถูกนำไปใช้ประโยชน์จริง โดยมุ่งเน้นการประเมินที่เชื่อมโยงกลับไปยังห้องเรียนและผู้เรียน (Back to school) 1 การประเมินจึงมีความซับซ้อนและต้องการกลยุทธ์ในการเตรียมการที่แตกต่างจากอดีต คณะกรรมการไม่ได้มองหา “นักวิจัย” แต่กำลังมองหา “นักวิชาการเชิงปฏิบัติ” (Scholar-Practitioner) ที่ใช้กระบวนการวิจัยเป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการเพื่อสร้างผลกระทบจริง 2
รายงานฉบับนี้ ไม่ใช่เพียงคู่มือการเขียนรายงานวิจัย แต่เป็น “คู่มือกลยุทธ์” (Strategic Playbook) ที่ถอดรหัสเกณฑ์การประเมินของ ก.ค.ศ. เพื่อให้ท่าน ผอ.สพท. สามารถออกแบบหัวข้องานวิจัยหรือนวัตกรรมที่ “โดนใจกรรมการ” และ “ผ่านฉลุย” ตั้งแต่การประเมินรอบแรก โดยมุ่งเน้นการสร้างผลงานที่ตอบโจทย์ความคาดหวังระดับ “เชี่ยวชาญ” อย่างตรงประเด็นที่สุด
ส่วนที่ 1: การถอดรหัสเกณฑ์ประเมิน (ว 12/2564) เพื่อ “โดนใจกรรมการ”
กุญแจสำคัญในการพิชิตการประเมิน คือการเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าคณะกรรมการกำลังมองหาอะไร เอกสาร ว 12/2564 คือ “พิมพ์เขียว” ที่ระบุชัดเจนถึงเกณฑ์การตัดสิน
1.1 Insight: “เส้นด้ายสีทอง” (The Golden Thread) – ความเชื่อมโยงของ 3 ด้านที่กรรมการมองหา
การประเมินเพื่อเลื่อนวิทยฐานะ ผอ.สพท. เชี่ยวชาญ ตามเกณฑ์ ว 12/2564 ประกอบด้วยการประเมิน 3 ด้านหลัก 1 ได้แก่:
- ด้านที่ 1: ด้านทักษะการวางแผน กลยุทธ์ การใช้เครื่องมือหรือนวัตกรรมทางการบริหาร (ประเมินจาก $PA 4/บก.$) 1
- ด้านที่ 2: ด้านผลลัพธ์ในการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ข้าราชการครูฯ สถานศึกษา และหน่วยงานฯ (ประเมินจาก $PA 5/บก.$) 1
- ด้านที่ 3: ด้านผลงานทางวิชาการ (ประเมินจาก $PA 6/บก.$) 1
ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยคือการเตรียมผลงานทั้ง 3 ด้านนี้แบบแยกส่วน 3 แต่ในความเป็นจริง คณะกรรมการไม่ได้ประเมิน 3 ด้านนี้แยกจากกัน พวกเขากำลังมองหา “เส้นด้ายสีทอง” (Golden Thread) ที่ร้อยเรียงทั้งสามด้านให้เป็นเรื่องเล่าเชิงกลยุทธ์ (Strategic Narrative) เพียงเรื่องเดียว
ตรรกะการประเมินของกรรมการเป็นดังนี้: ผลงานทางวิชาการ (ด้านที่ 3) ไม่ใช่เอกสารวิชาการที่ตั้งอยู่โดดเดี่ยว แต่ต้องเป็น “เครื่องมือ” หรือ “นวัตกรรม” (ซึ่งคือ ด้านที่ 1) ที่ท่าน ผอ.เขต สร้างขึ้น และนำไป “ใช้ปฏิบัติจริง” ในการบริหารเขตพื้นที่ (ซึ่งคือ ด้านที่ 1) จนกระทั่งเกิด “ผลลัพธ์” การเปลี่ยนแปลงที่วัดผลได้ (ซึ่งคือ ด้านที่ 2) ต่อผู้เรียน ครู หรือสถานศึกษา
ดังนั้น เกณฑ์ ว 12/2564 ถูกออกแบบมาเพื่อบังคับให้ผลงานวิชาการ (ด้านที่ 3) ต้องเป็น สาเหตุ ที่นำไปสู่ ผลลัพธ์ (ด้านที่ 2) โดยมี กระบวนการบริหาร (ด้านที่ 1) เป็นตัวเชื่อม กลยุทธ์สำหรับผู้บริหารคือ หัวข้อวิจัย (ด้านที่ 3) จะต้องถูกออกแบบมาเพื่อ “ใช้จริง” และ “แก้ปัญหาจริง” ในเขตพื้นที่ที่ท่านรับผิดชอบ
1.2 หัวใจสำคัญ: การตีความ “ระดับการปฏิบัติที่คาดหวัง: คิดค้น ปรับเปลี่ยน (Invent & Transform)”
นี่คือคีย์เวิร์ดที่สำคัญที่สุดและเป็น “ตัวชี้ขาด” ในการประเมิน เอกสาร ว 12/2564 ได้กำหนด “ระดับการปฏิบัติที่คาดหวัง” (Expected Level of Practice) ตามแผนภาพที่ 1 1 และในแบบประเมิน PA ไว้อย่างชัดเจน 1
- รอง ผอ.สพท. ชำนาญการพิเศษ: คาดหวังระดับ “ริเริ่ม พัฒนา (Originate & Improve)” 1
- ผอ.สพท. (ยังไม่มีวิทยฐานะเชี่ยวชาญ): คาดหวังระดับ “คิดค้น ปรับเปลี่ยน (Invent & Transform)” 1
- ผอ.สพท. (วิทยฐานะเชี่ยวชาญ): คาดหวังระดับ “คิดค้น ปรับเปลี่ยน (Invent & Transform)” 1
- ผอ.สพท. (วิทยฐานะเชี่ยวชาญพิเศษ): คาดหวังระดับ “สร้างการเปลี่ยนแปลง (Create an Impact)” 1
การที่ท่านจะเลื่อนสู่ “เชี่ยวชาญ” ท่านต้องพิสูจน์ความสามารถในระดับ “คิดค้น ปรับเปลี่ยน” ให้ได้ คำสองคำนี้มีความหมายที่ลึกซึ้งกว่าการทำงานทั่วไป:
- “ริเริ่ม พัฒนา” (Originate & Improve): (สำหรับชำนาญการพิเศษ) หมายถึง การนำสิ่งที่มีอยู่ (เช่น โครงการเดิม, ระบบเดิม) มาปรับปรุง แก้ไขปัญหาที่ซับซ้อน หรือพัฒนาต่อยอดให้ดีขึ้น 2
- “คิดค้น ปรับเปลี่ยน” (Invent & Transform): (สำหรับเชี่ยวชาญ) หมายถึง การสร้าง “สิ่งใหม่” (Invent) ที่ยังไม่มีใครทำในบริบทนั้น ๆ อาจเป็นนวัตกรรม, รูปแบบ (Model), หรือกลยุทธ์ใหม่ และสิ่งนั้นต้องก่อให้เกิด “การเปลี่ยนแปลง” (Transform) ต่อระบบงานเดิมอย่างชัดเจน 2
การที่ ก.ค.ศ. ใช้คำว่า “Invent” 1 หมายความว่า กรรมการกำลังมองหา “นวัตกรรม” (Innovation) ไม่ใช่แค่รายงานการประเมินโครงการ (Evaluation Report) หรือรายงานการวิจัยเชิงสำรวจ (Survey Research) เช่น “การศึกษาความพึงพอใจ…” หรือ “การวิเคราะห์ปัจจัย…” ซึ่งหัวข้อเหล่านี้มีความเสี่ยงสูงมากที่จะ “ไม่ผ่าน” การประเมิน เพราะไม่สะท้อนการ “คิดค้น” (Invent) แต่สะท้อนเพียงการ “พัฒนา” (Improve) 5
กลยุทธ์สำหรับผู้บริหารคือ ท่านต้องเลือกหัวข้อที่มุ่ง “สร้าง” หรือ “พัฒนา” สิ่งใหม่ที่เป็น “นวัตกรรมการบริหาร” (Administrative Innovation)
ตารางที่ 1: การถอดรหัสระดับการปฏิบัติที่คาดหวัง (ผอ.สพท. เชี่ยวชาญ)
| วิทยฐานะ | ระดับการปฏิบัติที่คาดหวัง | คำอธิบายเชิงปฏิบัติ | ลักษณะผลงานที่ตอบโจทย์ |
| ชำนาญการพิเศษ | ริเริ่ม พัฒนา (Originate & Improve) | การนำสิ่งที่มีอยู่มาปรับปรุง แก้ไขปัญหาที่ซับซ้อน | รายงานการประเมินโครงการ, การพัฒนางานในหน้าที่ |
| เชี่ยวชาญ (เป้าหมาย) | คิดค้น ปรับเปลี่ยน (Invent & Transform) | การสร้าง “สิ่งใหม่” ที่ยังไม่มีในบริบทเดิม, การเปลี่ยนแปลงระบบงานเดิม | งานวิจัยและพัฒนา (R&D) ที่สร้าง นวัตกรรม/รูปแบบ/กลยุทธ์ ใหม่ |
| เชี่ยวชาญพิเศษ | สร้างการเปลี่ยนแปลง (Create an Impact) | การขยายผลนวัตกรรมสู่ “วงกว้าง”, เป็นแบบอย่างระดับชาติ, มีอิทธิพลต่อนโยบาย | งานวิจัยที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในวงกว้าง, สร้างองค์ความรู้ใหม่ระดับชาติ |
ส่วนที่ 2: การเลือกสมรภูมิวิจัย: กลยุทธ์การวิจัยและพัฒนา (R&D) เพื่อการันตีผล
เมื่อเป้าหมายคือการ “คิดค้นนวัตกรรม” (Invent) คำถามต่อไปคือ ควรใช้ระเบียบวิธีวิจัย (Research Methodology) ใด เพื่อการันตีผลและตอบโจทย์กรรมการ
2.1 การวิเคราะห์ทางเลือก: การวิจัยประยุกต์ vs. การวิจัยและพัฒนา (R&D)
เอกสาร ว 12/2564 1 ระบุเกณฑ์ประเมิน ด้านที่ 3 สำหรับวิทยฐานะเชี่ยวชาญไว้ว่า:
“พิจารณาจาก รายงานผลการวิจัยเกี่ยวกับการพัฒนาการบริหารและการจัดการศึกษา หรือ นวัตกรรมการบริหารและการจัดการศึกษา”
นี่คือ “ทางเลือก” เชิงกลยุทธ์ที่ ก.ค.ศ. มอบให้ ซึ่งนำไปสู่ 2 เส้นทาง:
- ทางเลือกที่ 1 (วิจัยประยุกต์): ทำ “รายงานผลการวิจัย” (Research Report) เช่น การวิจัยเชิงวิเคราะห์ หรือการวิจัยเชิงประยุกต์ แล้วจึงไปอธิบายในรายงานด้านที่ 1 และ 2 ว่างานวิจัยนั้นนำไปสู่การ “ปรับเปลี่ยน” (Transform) เขตพื้นที่อย่างไร
- ทางเลือกที่ 2 (R&D): ทำ “นวัตกรรมการบริหาร” (Innovation) ซึ่งโดยทั่วไปจะใช้ระเบียบวิธีวิจัยและพัฒนา (Research and Development: R&D) ซึ่งผลลัพธ์สุดท้ายคือตัว “นวัตกรรม” ที่จับต้องได้ (เช่น รูปแบบ, ระบบ, คู่มือ)
2.2 Insight: เหตุผลที่ R&D คือกลยุทธ์ที่ “ผ่านฉลุย”
การเลือกใช้ระเบียบวิธีวิจัยแบบ R&D 6 คือกลยุทธ์ที่ปลอดภัย ชัดเจน และตรงประเด็นที่สุดในการตอบโจทย์ “เชี่ยวชาญ”
- ตรรกะเชิงกลยุทธ์:
- หากเลือกทางเลือกที่ 1 (วิจัยประยุกต์) ท่านต้องทำงานสองต่อ คือ ทำวิจัย 1 ชิ้น และยังต้องไปพิสูจน์ในภายหลังอีกว่างานวิจัยนั้นนำไปสู่การ “Invent & Transform” 1 ได้อย่างไร ซึ่งเป็นจุดที่ยากต่อการพิสูจน์
- หากเลือกทางเลือกที่ 2 (R&D) ตัวระเบียบวิธีวิจัย R&D นั้น มีเป้าหมาย เพื่อ “Invent” (คิดค้น) และ “Develop” (พัฒนา) นวัตกรรมอยู่แล้วโดยธรรมชาติ 6
- ดังนั้น การใช้ R&D จึงเป็นการตอบโจทย์ “Invent & Transform” โดยอัตโนมัติ ระเบียบวิธีวิจัยของท่าน (R&D) และ เกณฑ์การประเมิน (Invent & Transform) จะกลายเป็นเรื่องเดียวกันอย่างสมบูรณ์
- กลยุทธ์สำหรับผู้บริหาร: ประกาศอย่างชัดเจนในบทที่ 1 (บทนำ) และบทที่ 3 (ระเบียบวิธีวิจัย) ของผลงานทางวิชาการ (ด้านที่ 3) ว่า “งานวิจัยนี้เป็น ‘การวิจัยและพัฒนา’ (Research and Development – R&D)”
2.3 Insight: การบูรณาการ “ประเด็นท้าทาย” (PA) สู่ “ผลงานวิชาการ” (ด้านที่ 3)
นี่คือเทคนิคการบริหารจัดการงานวิจัยที่มีประสิทธิภาพที่สุดสำหรับผู้บริหารระดับสูง ท่านไม่จำเป็นต้องทำวิจัยชิ้นใหญ่ (ด้านที่ 3) แยกต่างหากจากงานประจำ (PA) ซึ่งจะเพิ่มภาระงานมหาศาล
- การวิเคราะห์ข้อกำหนด:
- แบบฟอร์ม $PA 1/บก.$ (สำหรับ ผอ.สพท.) กำหนดให้มี “ส่วนที่ 2 ข้อตกลงในการพัฒนางานที่เสนอเป็นประเด็นท้าทายฯ” 1
- “ประเด็นท้าทาย” นี้ จะต้องสะท้อนระดับการปฏิบัติที่คาดหวัง “คิดค้น ปรับเปลี่ยน” เช่นกัน 1
- การขอเลื่อนวิทยฐานะเชี่ยวชาญ ต้องมีผลการประเมิน PA ย้อนหลัง 3 ปี (ตามคุณสมบัติข้อ 1.2 ของ รอง ผอ.สพท. ที่ขอเชี่ยวชาญ) 1
- กลยุทธ์ “PA as Pilot Study”:
ท่านสามารถใช้ “ประเด็นท้าทาย” ใน PA แต่ละปี เป็น “งานวิจัยย่อย” (Sub-project) หรือ “ระยะ” (Phase) ของงาน R&D ชิ้นใหญ่ (ด้านที่ 3) ได้ ดังนี้:
- ปีงบประมาณที่ 1: PA ส่วนที่ 2 (ประเด็นท้าทาย) คือการทำ R&D ขั้นที่ 1 (การวิเคราะห์สภาพปัญหาและความต้องการ – R1) 9
- ปีงบประมาณที่ 2: PA ส่วนที่ 2 (ประเด็นท้าทาย) คือการทำ R&D ขั้นที่ 2 (การออกแบบและพัฒนานวัตกรรม – D1) 8
- ปีงบประมาณที่ 3: PA ส่วนที่ 2 (ประเด็นท้าทาย) คือการทำ R&D ขั้นที่ 3 (การทดลองใช้นวัตกรรมและประเมินผล – R2) 10
เมื่อถึงเวลายื่นขอวิทยฐานะ ท่านเพียงแค่นำผลการดำเนินงานจาก PA ทั้ง 3 ปี มาสังเคราะห์และเขียนรวบรวมเป็น “รายงานผลงานทางวิชาการ” (ด้านที่ 3) ฉบับสมบูรณ์ วิธีนี้จะทำให้งานของท่านมี “ร่องรอยการปฏิบัติงาน” (Evidence) ที่ผ่านการประเมินโดยผู้บังคับบัญชา (เลขาธิการ กพฐ.) มาแล้วทุกปี 1 ซึ่งทำให้ผลงานมีน้ำหนักน่าเชื่อถือสูงสุด
ส่วนที่ 3: กระบวนการ 5 ขั้นตอนในการค้นหาและสร้างหัวข้อวิจัย “ที่ผ่านฉลุย”
ต่อไปนี้คือกระบวนการปฏิบัติการ (Playbook) 5 ขั้นตอน เพื่อสร้างหัวข้อวิจัย R&D ที่สอดคล้องกับเกณฑ์ ว 12/2564
ขั้นตอนที่ 1: การวิเคราะห์ “สภาพปัญหา” (The Problem Statement) – จากนโยบายชาติสู่ปัญหาในเขต
หัวข้อวิจัยที่ดีที่สุดต้องเริ่มจาก “ปัญหาที่แท้จริง” และเป็นปัญหาที่ “สำคัญ” ในระดับนโยบาย การเลือกปัญหาที่สอดคล้องกับวาระแห่งชาติ จะทำให้ผลงานของท่านมีความสำคัญและโดดเด่นในสายตากรรมการ จากการวิเคราะห์สถานการณ์ปัจจุบัน 11 ประเด็นปัญหาเร่งด่วนของ สพฐ. ในปัจจุบัน ได้แก่:
- ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา (Educational Inequality): นี่คือโจทย์ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ 11 โดยเฉพาะในจังหวัดที่มีสัดส่วนนักเรียนยากจนพิเศษสูง (เช่น แม่ฮ่องสอน, นราธิวาส) 12
- ภาวะ “Zero Dropout”: การป้องกันเด็กหลุดออกจากระบบการศึกษา คือเป้าหมายสำคัญเพื่อเพิ่มผลผลิตของประเทศในระยะยาว 12
- โครงสร้างประชากร (Aging Society): ประเทศไทยมีอัตราการเกิดต่ำมาก 12 หมายความว่า “เด็กทุกคน” ในเขตพื้นที่ของท่าน คือทรัพยากรที่มีค่ายิ่ง และต้องได้รับการพัฒนาเต็มศักยภาพ
- ขีดความสามารถในการแข่งขัน (Competitiveness): อันดับด้านการศึกษาของไทย (IMD 2024 อยู่ที่ 54) ยังอยู่ในระดับต่ำ 12 สะท้อนถึงความท้าทายด้านคุณภาพครูและการจัดการเรียนรู้
- กลยุทธ์: เลือกปัญหาจาก 4 ข้อนี้ (หรือปัญหาเชิงนโยบายอื่น ๆ) ที่เป็นปัญหาเร่งด่วนและวัดผลได้จริงใน “เขตพื้นที่” ของท่าน (Localize the National Problem)
- ตัวอย่างการตั้งต้น: “เขตพื้นที่ ก. มีนักเรียนยากจนพิเศษ 13 จำนวนมาก และมีอัตราการหลุดออกจากระบบ 12 สูงกว่าค่าเฉลี่ยระดับประเทศ นี่คือ ‘สภาพปัญหา’ ที่ต้อง ‘ปรับเปลี่ยน’ (Transform)”
ขั้นตอนที่ 2: การยึดโยงกับ “มาตรฐานตำแหน่ง” 5 ด้าน (Anchoring to 5 Position Standards)
ข้อผิดพลาดร้ายแรงที่ทำให้ผลงาน “ไม่ผ่าน” คือ “รายงานไม่ตรงกรอบ…ตามมาตรฐานตำแหน่ง” 3 นวัตกรรมที่ท่าน “คิดค้น” (Invent) ต้องเป็น “นวัตกรรมการบริหาร” ที่สะท้อนบทบาทของ ผอ.สพท. ไม่ใช่ “นวัตกรรมการสอน” (ซึ่งเป็นหน้าที่ของครู)
ท่านต้องพิสูจน์ว่า นวัตกรรมของท่านช่วยให้ท่านปฏิบัติงานตามมาตรฐานตำแหน่ง 5 ด้าน 1 ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น:
- ด้านการบริหารและความเป็นผู้นำการพัฒนาการศึกษา (เช่น พัฒนาหลักสูตร, นิเทศ, ประกันคุณภาพ)
- ด้านการบริหารจัดการและการพัฒนาองค์กร (เช่น บริหารงานบุคคล, งบประมาณ, ระบบข้อมูล)
- ด้านการบริหารการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์และนวัตกรรม (เช่น นำนโยบายสู่การปฏิบัติ, สร้างนวัตกรรม)
- ด้านการบริหารงานชุมชนและเครือข่าย (เช่น สร้างความร่วมมือ, ระดมทรัพยากร)
- ด้านการพัฒนาตนเองและวิชาชีพ (เช่น สร้าง PLC, พัฒนาสมรรถนะบุคลากร)
- กลยุทธ์: เชื่อมโยงปัญหา (ขั้นตอนที่ 1) เข้ากับมาตรฐานตำแหน่ง (ขั้นตอนที่ 2)
- ตัวอย่างการเชื่อมโยง: “การแก้ปัญหา Zero Dropout (จากขั้นตอนที่ 1) ต้องอาศัย ‘การบริหารงานชุมชนและเครือข่าย’ (มาตรฐานข้อ 4) และ ‘การบริหารการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์’ (มาตรฐานข้อ 3)”
ตารางที่ 2: เมทริกซ์การค้นหาหัวข้อวิจัย (Idea Generation Matrix)
| สภาพปัญหา | มาตรฐานตำแหน่งที่เกี่ยวข้อง | แนวคิดนวัตกรรม (การบริหาร) ที่จะ “คิดค้น” |
| 1. ความเหลื่อมล้ำ/Zero Dropout 12 | ด้านที่ 4: การบริหารงานชุมชนและเครือข่าย | “รูปแบบการบริหารเครือข่าย” เพื่อดึงเด็กกลับเข้าระบบ |
| 2. คุณภาพผู้เรียนต่ำ 12 | ด้านที่ 1: การบริหารและความเป็นผู้นำการพัฒนาการศึกษา | “รูปแบบการนิเทศภายใน” แบบใหม่, “นวัตกรรม” การพัฒนาครูฐานสมรรถนะ |
| 3. องค์กร (สพท.) ทำงานไม่ทันโลก | ด้านที่ 3: การบริหารการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ฯ | “กลยุทธ์การบริหาร” สู่องค์กรดิจิทัล (Digital Transformation) |
| 4. ขาดวัฒนธรรมการวิจัยใน ร.ร. 14 | ด้านที่ 5: การพัฒนาตนเองและวิชาชีพ | “รูปแบบการส่งเสริมชุมชนการเรียนรู้” (PLC) ทั้งเขตพื้นที่ |
| 5. การบริหารจัดการภายใน 14 | ด้านที่ 2: การบริหารจัดการและการพัฒนาองค์กร | “ระบบสารสนเทศ (MIS)” เพื่อการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ |
ขั้นตอนที่ 3: การค้นหา “ช่องว่างการวิจัย” (Research Gap) และการสร้างความ “แปลกใหม่”
“ช่องว่างการวิจัย” สำหรับผู้บริหารระดับเชี่ยวชาญ ไม่จำเป็นต้องเป็นช่องว่างเชิงทฤษฎีที่ซับซ้อน แต่ควรเป็น “ช่องว่างเชิงปฏิบัติการ” (Practical Gap) หรือ “ช่องว่างเชิงระบบ” (Systemic Gap)
- ตรรกะการค้นหาช่องว่าง:
- ปัญหา (Problem): “เด็กหลุดออกจากระบบ” (จากขั้นตอนที่ 1)
- หน้าที่ (Role): “บริหารเครือข่าย” (จากขั้นตอนที่ 2)
- การทบทวน (Review): ที่ผ่านมา การแก้ปัญหานี้ในเขตพื้นที่เป็นแบบ “ต่างคนต่างทำ” (Siloed) หรือ “แก้ปัญหาเฉพาะหน้า”
- ช่องว่าง (Gap): “ยังไม่มี ‘รูปแบบการบริหารเครือข่าย’ (Administrative Model) ที่บูรณาการ (Integrate) ภาคีเครือข่าย (เช่น ปกครอง, พม., สาธารณสุข, กสศ.) เพื่อแก้ปัญหา Zero Dropout อย่างเป็นระบบในบริบทของ สพฐ.”
- กลยุทธ์: “ความแปลกใหม่” (Novelty) ของท่านคือการ “บูรณาการ” (Integration) หรือ “การสร้างให้เป็นระบบ” (Systematization) ที่ยังไม่มีใครทำในบริบทเขตพื้นที่ของท่านมาก่อน
ขั้นตอนที่ 4: การออกแบบระเบียบวิธีวิจัย (R&D) ฉบับ ผอ.เขต
เมื่อได้แนวคิดนวัตกรรมแล้ว ท่านต้องเขียนระเบียบวิธีวิจัย (บทที่ 3) ให้ชัดเจนว่าจะ “สร้าง” นวัตกรรมนั้นขึ้นมาได้อย่างไร กระบวนการ R&D ที่เป็นมาตรฐานสากลและได้รับการยอมรับทางวิชาการ 8 มักแบ่งเป็น 4 ขั้นตอนหลัก ดังนี้:
ตารางที่ 3: กระบวนการ 4 ขั้นตอนของ R&D สำหรับนวัตกรรมการบริหาร (ผอ.สพท.)
| ขั้นตอน | ชื่อย่อ | ภารกิจ (สิ่งที่ต้องทำ) | ผลลัพธ์ (Output) |
| ขั้นที่ 1: การวิจัย (R1) | Analysis (วิเคราะห์ปัญหา) | 1. วิเคราะห์สภาพปัญหา (จากขั้นตอนที่ 1) 2. สังเคราะห์เอกสาร/ทบทวนวรรณกรรม (จากขั้นตอนที่ 3) 3. สัมภาษณ์/สำรวจความต้องการ (Need Assessment) | ได้ “องค์ประกอบร่าง” ของนวัตกรรม |
| ขั้นที่ 2: การพัฒนา (D1) | Design (ออกแบบนวัตกรรม) | 1. สร้าง “ร่างนวัตกรรม/รูปแบบ/กลยุทธ์” (Draft Model) 2. นำร่างฯ ให้ผู้เชี่ยวชาญ (Experts) 5-7 ท่าน ตรวจสอบ (เช่น IOC/Delphi) | ได้ “นวัตกรรมต้นแบบ” (Prototype) ที่ผ่านการรับรองจากผู้เชี่ยวชาญ |
| ขั้นที่ 3: การวิจัย (R2) | Implementation (ทดลองใช้) | 1. นำนวัตกรรมต้นแบบไปทดลองใช้ (Implement) ในพื้นที่นำร่อง (เช่น กลุ่มโรงเรียน 3-5 แห่ง) 2. เก็บข้อมูลเชิงปริมาณ (แบบสอบถาม) และเชิงคุณภาพ (สัมภาษณ์) | ได้ “ข้อมูลผลลัพธ์” (Results) ว่านวัตกรรมใช้ได้ผลจริงหรือไม่ |
| ขั้นที่ 4: การพัฒนา (D2) | Evaluation (ประเมินและปรับปรุง) | 1. วิเคราะห์ข้อมูลจาก R2 2. ปรับปรุงนวัตกรรม (Revision) 3. จัดทำ “นวัตกรรมฉบับสมบูรณ์” และ “คู่มือการใช้งาน” (Manual) | ได้ “นวัตกรรมฉบับสมบูรณ์” (Final Innovation) พร้อมเผยแพร่ |
ขั้นตอนที่ 5: เทคนิคการตั้งชื่อหัวข้อวิจัยและนวัตกรรม (The “Magic Formula”)
ชื่อหัวข้อคือสิ่งแรกที่กรรมการจะอ่าน ต้อง “สั้น กระชับ สื่อความหมาย ชัดเจน” 15 และต้องสะท้อนการ “คิดค้น” (Invent) 2
สูตรการตั้งชื่อ (Magic Formula) ที่ “โดนใจกรรมการ”:
[ชื่อนวัตกรรม (Model)] + [คำกริยาวัตถุประสงค์] + [ตัวแปรตาม (ผลลัพธ์)] + [กลุ่มเป้าหมาย/บริบท]
คำกริยา R&D ที่ควรใช้ (สะท้อนการ “Invent”):
- “การพัฒนารูปแบบ…”
- “การพัฒนากลยุทธ์…”
- “การพัฒนาระบบการบริหาร…”
- “นวัตกรรมการบริหาร…”
คำต้องห้าม (ที่จะทำให้ “ไม่ผ่าน” เพราะไม่สะท้อนการ “Invent”):
“การศึกษา…”
“การวิเคราะห์…”
“ปัจจัยที่ส่งผลต่อ…”
“ความสัมพันธ์ระหว่าง…”
ตัวอย่างการใช้สูตร:
“การพัฒนารูปแบบ (กริยา R&D) + การบริหารเครือข่าย ‘CESA’ (นวัตกรรม) + เพื่อป้องกัน (วัตถุประสงค์) + ภาวะหลุดออกจากระบบการศึกษา (ตัวแปรตาม) + ของนักเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา… (บริบท)”
ส่วนที่ 4: ตัวอย่างแนวทางการพัฒนาหัวข้อวิจัยและนวัตกรรม (ผอ.สพท. เชี่ยวชาญ)
ต่อไปนี้คือการประยุกต์ใช้กระบวนการ 5 ขั้นตอน เพื่อสร้างหัวข้อวิจัยที่เป็นรูปธรรมสำหรับ ผอ.สพท.
ตัวอย่างที่ 112
ชื่อหัวข้อ: “การพัฒนารูปแบบการบริหารเครือข่ายภาคีแบบบูรณาการ (Integrated Partnership Administration Model: IPAM) เพื่อลดภาวะหลุดออกจากระบบการศึกษา ของนักเรียนยากจนพิเศษ ในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา…”
นวัตกรรม (ด้านที่ 3) คือ: “รูปแบบ IPAM” ที่ท่าน “คิดค้น” ขึ้น ซึ่งอาจมี 4 องค์ประกอบหลัก (เช่น 1. ระบบค้นหาและคัดกรอง 2. ระบบส่งต่อและช่วยเหลือ 3. ระบบป้องกันและเฝ้าระวัง 4. ระบบติดตามและประเมินผล)
การดำเนินงาน (ด้านที่ 1) คือ: การที่ท่าน ผอ.เขต ใช้ทักษะการวางแผนกลยุทธ์ (ด้านที่ 1) ในการนำรูปแบบ IPAM ไปบริหารจัดการ ประสานงานภาคีเครือข่าย (พม., ปกครอง, กสศ., สาธารณสุข)
ผลลัพธ์ (ด้านที่ 2) คือ: อัตราการหลุดออกจากระบบ (Dropout Rate) ของนักเรียนกลุ่มเป้าหมายลดลง (เชิงปริมาณ) และผู้เรียนยากจนพิเศษได้รับการดูแลอย่างเป็นระบบ (เชิงคุณภาพ)
ตัวอย่างที่ 212
ชื่อหัวข้อ: “นวัตกรรมการบริหารการเปลี่ยนแปลง (Transformative Change Administration Innovation) โดยใช้ระบบนิเทศภายในแบบคลินิก (Clinical Supervision System) เพื่อพัฒนาสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้ฐานสมรรถนะ (CBE) ในสังกัด…”
นวัตกรรม (ด้านที่ 3) คือ: “ระบบนิเทศภายในแบบคลินิก” ที่ท่าน “คิดค้น” ขึ้น (อาจเป็น Digital Platform หรือเป็นคู่มือกระบวนการสำหรับศึกษานิเทศก์และผู้บริหารโรงเรียน)
การดำเนินงาน (ด้านที่ 1) คือ: การที่ท่าน ผอ.เขต วางกลยุทธ์ (ด้านที่ 1) ในการนำระบบนี้ไป “ปรับเปลี่ยน” (Transform) กระบวนทัศน์การนิเทศของ ศน. และผู้บริหารโรงเรียน จากการ “จับผิด” เป็น “การพัฒนา”
ผลลัพธ์ (ด้านที่ 2) คือ: ครูในเขตพื้นที่มีสมรรถนะด้าน CBE สูงขึ้น (เชิงปริมาณ) และเกิดวัฒนธรรมการนิเทศแบบกัลยาณมิตรและการพัฒนาตนเอง (เชิงคุณภาพ)
ตัวอย่างที่ 314
ชื่อหัวข้อ: “การพัฒนากลยุทธ์การบริหารสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสู่องค์กรสมรรถนะสูง (High-Performance Organization) โดยใช้ระบบสารสนเทศเพื่อการตัดสินใจ (Decision Support System: DSS) เป็นฐาน”
นวัตกรรม (ด้านที่ 3) คือ: “กลยุทธ์การบริหารสู่ HPO” และ “ระบบ DSS” ที่ท่านพัฒนาขึ้นเพื่อบูรณาการข้อมูลใน สพท.
การดำเนินงาน (ด้านที่ 1) คือ: การที่ท่าน ผอ.เขต ใช้ภาวะผู้นำ (ด้านที่ 1) ในการ “ปรับเปลี่ยน” (Transform) วัฒนธรรมองค์กร (สพท.) ให้ทำงานโดยใช้ข้อมูล (Data-Driven Culture) ไม่ใช่ความรู้สึก
ผลลัพธ์ (ด้านที่ 2) คือ: สพท. มีผลการประเมินประสิทธิภาพ (เช่น ITA) สูงขึ้น (เชิงปริมาณ) และบุคลากรในเขตมีขวัญกำลังใจและความพึงพอใจในการทำงานสูงขึ้น (เชิงคุณภาพ)
ส่วนที่ 5: ข้อผิดพลาดที่ต้องหลีกเลี่ยง (Common Pitfalls) และกลยุทธ์การนำเสนอ
5.1 วิเคราะห์สาเหตุที่ผลงาน “ไม่ผ่าน” การประเมิน
จากการวิเคราะห์ข้อบกพร่องที่พบบ่อย 3 “กับระเบิด” ที่สำคัญที่สุดที่ทำให้ผลงานของ ผอ.สพท. ไม่ผ่านการประเมินระดับเชี่ยวชาญ คือ:
- ไม่ตอบโจทย์ “Invent & Transform”: นี่คือข้อผิดพลาดร้ายแรงที่สุด คือ การทำวิจัยเชิงสำรวจ (Survey) หรือวิจัยประเมินผล (Evaluation) ซึ่งไม่สะท้อนการ “คิดค้น” แต่สะท้อนแค่การ “ปรับปรุง” (Improve) ซึ่งเป็นเกณฑ์ของ “ชำนาญการพิเศษ”
- รายงานไม่ตรงกรอบมาตรฐานตำแหน่ง: 3 ทำเรื่องที่ “อยากทำ” แต่ไม่ได้ยึดโยงกับ 5 มาตรฐานตำแหน่ง ผอ.เขต เช่น ทำวิจัยลึกเรื่องเทคนิคการสอนในห้องเรียน (ซึ่งเป็นงานของครูหรือศึกษานิเทศก์)
- ผลงาน 3 ด้านไม่เชื่อมโยงกัน: (กับระเบิด “เส้นด้ายสีทอง”) ทำวิจัย (ด้านที่ 3) เรื่องหนึ่ง แต่เขียนรายงานผลลัพธ์ (ด้านที่ 2) อีกเรื่องหนึ่ง ทำให้กรรมการไม่เห็นความเชื่อมโยงว่านวัตกรรมที่สร้างนำไปสู่ผลลัพธ์นั้นได้อย่างไร
- ขอบเขตกว้างเกินไป: พยายามทำระดับ “สร้างการเปลี่ยนแปลง” (Create an Impact) ซึ่งเป็นเกณฑ์ของ “เชี่ยวชาญพิเศษ” 1 ทำให้งานใหญ่เกินตัว, ทำไม่เสร็จ, หรือไม่สามารถพิสูจน์ผลลัพธ์ได้จริงภายในระยะเวลาที่กำหนด
5.2 กลยุทธ์การเขียนรายงาน 3 ด้าน ให้เป็นเรื่องเดียวกัน
เพื่อสร้าง “เส้นด้ายสีทอง” (Golden Thread) ที่สมบูรณ์ ท่านต้องวางโครงสร้างการนำเสนอ ดังนี้:
- ด้านที่ 3 (ผลงานทางวิชาการ): นี่คือ “รายงานฉบับเต็ม” (Full Report) ของงาน R&D ของท่าน ที่อธิบาย “กระบวนการ” ว่าท่าน “สร้างนวัตกรรม” (เช่น “รูปแบบ IPAM” ในตัวอย่างที่ 1) ขึ้นมาได้อย่างไร โดยเล่าเรื่องตามกระบวนการ R&D 4 ขั้นตอน (จากตารางที่ 3)
- ด้านที่ 1 และ 2 (รายงานผลการดำเนินงานฯ): นี่คือ “รายงานสำหรับผู้บริหาร” (Executive Report) ที่เล่าเรื่องว่า ท่านได้นำ “นวัตกรรม IPAM” (จากด้านที่ 3) ไป “ใช้ในการบริหารจริง” (ด้านที่ 1: ทักษะกลยุทธ์/การวางแผน) จนเกิด “ผลลัพธ์ที่วัดได้” (ด้านที่ 2: Zero Dropout ลดลง) ได้อย่างไร
5.3 การค้นหาตัวอย่างผลงานที่ “ผ่าน” จาก ก.ค.ศ.
จากการตรวจสอบข้อมูล 16 พบว่า ก.ค.ศ. หรือเว็บไซต์ข่าวการศึกษา ไม่ได้ เผยแพร่ “ชื่อหัวข้อวิจัย” ที่ผ่านการอนุมัติแบบสาธารณะ พวกเขาเพียงแต่รายงานว่า “มีผู้ผ่าน 15 ราย” 16 การพยายามค้นหา “รายชื่อที่ผ่านแล้ว” จึงมักไม่เกิดประโยชน์
- กลยุทธ์การค้นหาที่ถูกต้อง:
- ห้ามเสียเวลาค้นหา “รายชื่อผู้อนุมัติจาก ก.ค.ศ.”
- ให้ค้นหาในฐานข้อมูล ThaiJo (TCI) หรือ คลังปัญญามหาวิทยาลัย (University Repositories) 8
- ใช้คีย์เวิร์ด: “การพัฒนารูปแบบ” + “การบริหารการศึกษา” + “ผู้อำนวยการเขตพื้นที่”
- ค้นหา “ดุษฎีนิพนธ์ (Dissertations)” ของผู้บริหารการศึกษาที่จบใหม่ 8 เพราะงานเหล่านี้มักใช้ระเบียบวิธีวิจัย R&D ที่ทันสมัย และเป็นแนวทางที่ ก.ค.ศ. ยอมรับ 8 ซึ่งแสดงกระบวนการ R&D ที่ชัดเจน (ศึกษาองค์ประกอบ -> สร้างรูปแบบ -> ทดลองใช้ -> ประเมินผล) ที่ท่านสามารถนำมาประยุกต์ใช้ใน “ระดับเขต” ได้
บทสรุป: จาก “ผู้ปฏิบัติ” สู่ “นักวิชาการเชิงปฏิบัติ” (From Practitioner to Scholar-Practitioner)
เกณฑ์ ว 12/2564 1 ได้ยกระดับความคาดหวังต่อตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเชี่ยวชาญอย่างชัดเจน ก.ค.ศ. ไม่ได้ต้องการเพียงผู้บริหารที่ปฏิบัติงานตามปกติ แต่ต้องการ “ผู้นำการเปลี่ยนแปลง” ที่สามารถ “คิดค้น ปรับเปลี่ยน” (Invent & Transform) ได้จริง 1
การเลือกหัวข้อวิจัยจึงเป็นก้าวแรกที่สำคัญที่สุด การใช้กลยุทธ์การวิจัยและพัฒนา (R&D) 9 ที่ยึดโยงกับปัญหาเร่งด่วนของชาติ (เช่น ความเหลื่อมล้ำ 12) และมาตรฐานตำแหน่ง ผอ.สพท. ทั้ง 5 ด้าน 1 คือแนวทางที่ปลอดภัยและทรงพลังที่สุด การบูรณาการกระบวนการ R&D เข้ากับ “ประเด็นท้าทาย” (PA) รายปี 1 จะช่วยสร้างร่องรอยการปฏิบัติงานจริงที่หนักแน่นและยากต่อการโต้แย้ง
การเปลี่ยนบทบาทจาก “ผู้ปฏิบัติ” (Practitioner) สู่ “นักวิชาการเชิงปฏิบัติ” (Scholar-Practitioner) 2 ที่ใช้การวิจัยเป็นเครื่องมือในการบริหาร คือหัวใจสำคัญ ไม่ใช่แค่เพื่อการเลื่อนวิทยฐานะ แต่คือการยกระดับเขตพื้นที่การศึกษาที่ท่านรับผิดชอบอย่างยั่งยืน
ตารางที่ 4: Checklist การประเมินหัวข้อวิจัย (ฉบับ “ผ่านฉลุย”)
แบบประเมินตนเองขั้นสุดท้าย ก่อนตัดสินใจเลือกหัวข้อ
| Checklist (ใช่/ไม่ใช่) | คำถามตรวจสอบ | อ้างอิง (เหตุผลที่ต้อง “ใช่”) |
| [ ] ใช่ | หัวข้อนี้สะท้อนระดับ “คิดค้น ปรับเปลี่ยน” (Invent & Transform) หรือไม่? | 1 (นี่คือเกณฑ์ขั้นต่ำของ “เชี่ยวชาญ”) |
| [ ] ใช่ | หัวข้อนี้ใช้ระเบียบวิธีวิจัย R&D (หรือมุ่งสร้างนวัตกรรม) หรือไม่? | 2 (นี่คือวิธีที่ปลอดภัยที่สุดในการตอบโจทย์ “Invent”) |
| [ ] ใช่ | “นวัตกรรม” ที่จะสร้าง เป็น “นวัตกรรมการบริหาร” (ระดับเขต) หรือไม่? | 1 (ต้องเป็นงานของ ผอ.เขต ไม่ใช่งานครู) |
| [ ] ใช่ | หัวข้อนี้ยึดโยงกับ 5 มาตรฐานตำแหน่ง ผอ.สพท. หรือไม่? | 3 (ป้องกันการ “ตกม้าตาย” เรื่องรายงานไม่ตรงกรอบ) |
| [ ] ใช่ | หัวข้อนี้แก้ “สภาพปัญหา” ที่สำคัญระดับชาติ/นโยบาย หรือไม่? | 11 (เพิ่มน้ำหนักและความสำคัญให้งานวิจัย) |
| [ ] ใช่ | หัวข้อนี้สามารถนำไปบูรณาการกับ “ประเด็นท้าทาย” (PA) รายปีได้หรือไม่? | 1 (เทคนิคการบริหารจัดการงานวิจัย) |
| [ ] ใช่ | ผลลัพธ์ (ด้านที่ 2) สามารถวัดผลได้จริง ภายใน 2-3 ปี หรือไม่? | 1 (ต้องมีผลลัพธ์ที่พิสูจน์ได้) |
| [ ] ไม่ใช่ | หัวข้อนี้มีคำว่า “การศึกษา…”, “การวิเคราะห์ปัจจัย…”, “ความสัมพันธ์…” เป็นคำหลักหรือไม่? | (หากตอบ “ใช่” ให้เปลี่ยนทันที เพราะไม่สะท้อนการ “Invent”) |
Works cited
- ว 12ตำแหน่งผู้บริหารการศึกษา สพฐ.pdf
- แนวทางการสังเคราะห์และพัฒนางานวิจัยเพื่อเลื่อนวิทยฐานะเชี่ยวชาญ …, accessed November 10, 2025, https://krukob.com/web/news-128/
- Untitled – ผลงานวิชาการ – ก.ค.ศ., accessed November 10, 2025, https://research.otepc.go.th/files/OTEPC00023_0kceg2ey.pdf
- คู่มือ ว.12 PA ผู้บริหาร – Flip eBook Pages 101-150 | AnyFlip, accessed November 10, 2025, https://anyflip.com/kwcxq/tezc/basic/101-150
- เกณฑ์คะแนนจากแบบประเมินด้านที่ 3 ด้านผลงานทางวิชาการเพื่อให้ …, accessed November 10, 2025, https://krukob.com/web/v9-9/
- การวิจัยและพัฒนา Research & Development (R&D) และ การวิจัยเช P, accessed November 10, 2025, https://bri.mcu.ac.th/wp-content/uploads/2022/05/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%92%E0%B8%99%E0%B8%B2-Research-_-Development-R_D-%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0-%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%8A-compressed.pdf
- การวิจัยและพัฒนานวัตกรรมหลักสูตรและการจัดก R, accessed November 10, 2025, http://www.curriculumandlearning.com/upload/A%20professional%20Coaching%20/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%20R&D%20%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89_1753321843.pdf
- การพัฒนารูปแบบการบริหารสถานศึกษาสู่ความเป็นเลิศโดยใช้เทคโนโลยี …, accessed November 10, 2025, https://so04.tci-thaijo.org/index.php/JAPDEAT/article/view/280577
- รูปแบบการวิจัยและพัฒนา (Research and Development : R & D) – ThaiJo, accessed November 10, 2025, https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/psru/article/download/17066/15379
- บทที่3 วิธีการดําเนินการวิจัย, accessed November 10, 2025, https://research.otepc.go.th/files/7.%20%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B8%AB%E0%B9%8C%20%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%203%20%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%94%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%A2_38ybmrx6.pdf
- เปิดโจทย์การศึกษา 2568: ถึงเวลายกระดับโครงสร้างใหม่ เพื่อการศึกษาไทย …, accessed November 10, 2025, https://www.the101.world/education-restructuring-for-equity-2025/
- สถานการณ์ความเหลื่อมลํ้า ทางการศึกษาปี 2567 และ – กองทุนเพื่อความ …, accessed November 10, 2025, https://www.eef.or.th/wp-content/uploads/2025/02/Inequality-situation-report.pdf
- ‘กสศ’ เผย รายงานความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาในปี 68 พบ เด็กนอกระบบการศึกษามีแนวโน้มลดลง, accessed November 10, 2025, https://today.line.me/th/v3/article/ZanaYlr
- การบริหารงานวิจัยเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนมหรรณพาราม, accessed November 10, 2025, http://ithesis-ir.su.ac.th/dspace/bitstream/123456789/1502/1/58252368.pdf
- การเขียนข้อเสนอโครงการวิจัยและพัฒนา หลักการ, accessed November 10, 2025, https://spd.moph.go.th/wp-content/uploads/2022/08/2.2_1.pdf
- รายชื่อผลงานที่ผ่านระดับ “เชี่ยวชาญ” ที่อนุมัติล่าสุด | ครูบ้านนอกดอทคอม, accessed November 10, 2025, https://www.kroobannok.com/44153
Comments
Powered by Facebook Comments

