ห้องเรียนการคิดขั้นสูง (Higher Order Thinking Classroom: HOTC)
บทความวันนี้จะกล่าวถึงห้องเรียนการคิดขั้นสูง (Higher Order Thinking Classroom: HOTC) โดยจะขอเกรินเริ่มทำความเข้าใจกับคำว่าสมรรถนะ การคิดขั้นสูง (Higher Order Thinking : HOT) ก่อนดังนี้
สมรรถนะ การคิดขั้นสูง (Higher Order Thinking : HOT)
ในระดับสากล สามารถจำแนกทักษะการคิด ออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้ (ราชบัณฑิตยสภา, 2558, หน้า 237-238) อ้างอิง
1. ทักษะการคิดพื้นฐานหมายถึงทักษะการคิดที่ใช้เป็นพื้นฐานในการติดต่อสื่อสารกันในชีวิตประจำวัน
- เช่น ทักษะการฟัง
- การจำ
- การพูด
- การอธิบาย
- การเขียน
- การสื่อสาร เป็นต้น
เป็นทักษะที่จำเป็นสำหรับทุกคน เพราะต้องใช้เป็นพื้นฐานในการสื่อความหมายในชีวิตประจำวัน
2. ทักษะการคิดทั่วไป (ทักษะการคิดที่เป็นแกน) หมายถึงทักษะที่ใช้กันบ่อยในชีวิตประจำวัน เช่น
- ทักษะการสังเกต
- การคิดคล่อง
- การคิดหลากหลาย
- การตั้งคำถาม
- การรวบรวบรวมข้อมูล
- การจัดประเภท
- การจัดลำดับ
- การเปรียบเทียบ
- การเชื่อมโยง
- การแปลความ
- การตีความ
- การสรุปความ
3. ทักษะการคิดขั้นสูง (Higher Order Thinking Skills: HOTS)
หมายถึง ทักษะการคิดที่มีความซับซ้อน มีกระบวนการ หรือขั้นตอนในการคิดมากและซับซ้อนขึ้น เพื่อให้ได้คำตอบ หรือบรรลุวัตถุประสงค์ที่ต้องการ เช่น
-
- การตัดสินใจ
- การแก้ปัญหาต่าง ๆ (ราชบัณฑิตยสภา, 2558, หน้า 238)
ส่วนใหญ่จะต้องใช้ทักษะการคิดทั่วไปหลายทักษะผสมผสานกัน เป็นทักษะที่ส่งผลต่อความสามารถ
- ในการกระทำ
- การตัดสินใจ
- การแก้ปัญหา
- การคิดสร้างสรรค์
ทักษะการคิดขั้นสูงมีหลายทักษะ เช่น
- การคิดอย่างมีวิจารณญาณ
- การคิดสร้างสรรค์
- การคิดแก้ปัญหา
- การคิดเชิงระบบ
- ทักษะการนิยาม
- การวิเคราะห์
- การสังเคราะห์
- การประยุกต์
- การสร้าง
- การจัดระบบ
- การหาแบบแผน
- การพิสูจน์
- การทำนาย เป็นต้น
ความหมายของห้องเรียนการคิดขั้นสูง (Higher Order Thinking Classroom: HOTC)
ห้องเรียนการคิดขั้นสูง (Higher Order Thinking Classroom: HOTC) เป็นสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่ได้มีการจัด และเตรียมการมาเป็นอย่างดี ทั้งกระบวนการ และวิธีการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ทั้งภายในและภายนอกห้องเรียนของผู้สอน เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ที่เน้นการคิดเชิงวิเคราะห์ และประยุกต์ใช้ทักษะคิดเชิงสร้างสรรค์ ในระดับที่สูงขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับห้องเรียนทั่วไป
ดร.อนุศร หงษ์ขุนทด, 2566
ห้องเรียนการคิดขั้นสูง (Higher Order Thinking Classroom: HOTC) จะมีการส่งเสริม และเน้นกิจกรรมการเรียนรู้ที่มีความน่าสนใจ และท้าทายมากขึ้นสำหรับผู้เรียน เนื้อหาในห้องเรียนนี้จะมีการเน้นทักษะการคิดอย่างเป็นระบบ และมีความลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น โดยมีการเสริมสร้างทักษะคิดเชิงวิเคราะห์ และทักษะการแก้ปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังเน้นการให้ผู้เรียนมีความคิดสร้างสรรค์ และสามารถใช้ความเรียนรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน และการทำงานในอนาคต
ดร.อนุศร หงษ์ขุนทด, 2566
ห้องเรียนการคิดขั้นสูง (Higher Order Thinking Classroom: HOTC) สามารถออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ที่มีการรองรับเนื้อหาที่หลากหลาย เช่น
- วิทยาศาสตร์ที่ซับซ้อนมากขึ้น
- คณิตศาสตร์ที่ซับซ้อนมากขึ้น
- การวิเคราะห์ข้อมูล และข้อมูลขนาดใหญ่
- การคิดสร้างสรรค์ และโครงการวิจัย
- การทดลอง และการเรียนรู้ผ่านปฏิบัติการที่ต้องการการคิดอย่างสร้างสรรค์
ดังนั้นห้องเรียนการคิดขั้นสูง (Higher Order Thinking Classroom: HOTC) ควรจะต้องมีการกระตุ้นการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง และส่งเสริมการพัฒนาทักษะที่สำคัญอย่างครอบคลุม ของผู้เรียน เช่น
- การแก้ปัญหา
- การสื่อสาร
- การทำงานร่วมกับผู้อื่นการนำเสนอข้อมูล
- และการคิดเชิงวิเคราะห์ข้อมูล
ห้องเรียนการคิดขั้นสูง (Higher Order Thinking Classroom: HOTC) จึงควรเน้นไปที่กิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ที่เน้นกิจกรรมดังนี้
- ส่งเสริมการเรียนรู้เรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโลกจริง
- การประยุกต์ความรู้ในสถานการณ์จริง
- การสนับสนุนการคิดนวัตกรรม และความเป็นผู้นำ
- การให้นักเรียนมีทักษะที่จำเป็นในการต่อสู้กับความซับซ้อน
- การเปลี่ยนแปลงของโลกในยุคปัจจุบันและอนาคต
ด้วยทักษะเหล่านี้ผู้เรียนจะมีโอกาสในการตัดสินใจที่ดีขึ้น มีการแก้ปัญหาที่ซับซ้อนมากขึ้น และสามารถทำงานในสาขาอาชีพที่ต้องการ โดยใช้ทักษะการคิดขั้นสูง เช่น วิศวกรรม การแพทย์ การสื่อสาร และนวัตกรรมในสาขาต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพได้มากยิ่งขึ้น
จากความหมายดังกล่าวสามาถขยายความได้ดังนี้
ในการขยายความเพิ่มเติมเกี่ยวกับห้องเรียนการคิดขั้นสูง (Higher Thinking Classroom : HOTC) สามารถเริ่มต้นด้วยคำจากคำว่า “คิดขั้นสูง” ซึ่งหมายถึง
การให้นักเรียนมีโอกาสพัฒนาทักษะคิดเชิงวิเคราะห์ และประยุกต์ความรู้อย่างลึกซึ้ง เนื้อหาของห้องเรียนนี้ไม่จำกัดให้อยู่ในกรอบของหลักสูตร หรือตามแนวทางในการจัดการศึกษาแบบแจกแจง
แต่อาจเป็นการสร้างทรัพยากร และบรรยากาศที่สนับสนุนการเรียนรู้ที่รวดเร็วและยืดหยุ่น เพื่อสร้างประสบการณ์การเรียนที่แตกต่างจากห้องเรียนทั่วไป
สามารถอธิบายเป็นองค์ประกอบในการจัดสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ในห้องเรียนการคิดขั้นสูง (Higher Order Thinking in the Classroom Environment: HOTCLE) ได้ดังนี้
การแก้ปัญหา: นักเรียนจะถูกสอนให้เกิดแนวทางในการคิดแก้ปัญหาอย่างรอบด้าน โดยการใช้ความรู้และทักษะที่ได้รับในสถานการณ์ของชีวิตจริง เช่น
- การแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ หรือเทคโนโลยี
- การจัดการโครงการใหญ่
- หรือการแก้ปัญหาทางสังคม
คิดสร้างสรรค์: การกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนเป็นส่วนสำคัญของห้องเรียนการคิดขั้นสูง โดยอาจรวมถึง
- การสร้างผลงานทางศิลปะ
- การออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่
- หรือการเขียนเรื่องราวและบทความที่นำเสนอความคิดอย่างเป็นระบบ
การคิดอย่างวิเคราะห์: นักเรียนจะได้รับการพัฒนาทักษะเพื่อการวิเคราะห์ข้อมูลที่ซับซ้อนและหลากหลาย กิจกรรมนี้อาจรวมถึง
- การอ่านและเขียนอย่างวิเคราะห์
- การวิเคราะห์ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ หรือสังคมศาสตร์
- และการใช้เครื่องมือและเทคนิคการวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ
การทำงานร่วมกับผู้อื่น: ห้องเรียนการคิดขั้นสูงควรเป็นการจัดสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ในห้องเรียนการคิดขั้นสูง (Higher Order Thinking in the Classroom Environment: HOTCLE) โดยมีการเปิดกว้างไร้ข้อจำกัด และเป็นสาธารณะในการเรียนรู้ และการทำงานร่วมกับผู้อื่น ของนักเรียน เพื่อแก้ปัญหา หรือสร้างผลงาน การสนับสนุนการสื่อสาร และการทำงานในทีม
การนำเสนอข้อมูล: การเรียนการคิดขั้นสูงรวมถึงการสอนนักเรียนให้เกิดวิธีการนำเสนอความคิด และมีข้อมูลสนับสนุนอย่างชัดเจนและน่าสนใจ ทั้งด้วยการใช้สื่อต่าง ๆ เช่น
- การนำเสนอโปรเจกต์
- การเขียนบทความ
- หรือการใช้สื่อดิจิทัล.
การสร้างผู้นำ: ห้องเรียนการคิดขั้นสูงเสริมสร้างทักษะผู้นำและความรับผิดชอบในการแก้ปัญหาของโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว นี้อาจเป็นการสอนการคิดในแง่ก้าวนำและการแก้ปัญหาทางสังคม.
ดังนั้นการเรียนรู้ในห้องเรียนการคิดขั้นสูงควรมีการเน้นทักษะที่นักเรียนสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน และอาชีพ ควรจัดสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ในห้องเรียนการคิดขั้นสูง (Higher Order Thinking in the Classroom Environment: HOTCLE) เพื่อสร้างบรรยากาศ หรือสร้างพื้นที่ที่สนุกสนาน และท้าทายในการเรียนรู้สำหรับนักเรียน
การจัดสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ในห้องเรียนการคิดขั้นสูง (Higher Order Thinking in the Classroom Environment: HOTCLE)
การจัดบรรยาการที่เป็นสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ในห้องเรียนการคิดขั้นสูง (Higher Order Thinking in the Classroom Environment: HOTCLE) ถือเป็นกระบวนการที่ต้องคำนึงถึงการสร้างระบบการเรียนรู้เชิงรุกที่น่าสนใจ และมีความท้าทายสำหรับผู้เรียน ที่ต้องคำนึงถึงสไตล์การเรียรู้ของผู้เรียน (Learning Style) เป็นหลัก โดยมีขั้นตอน ดังนี้
วิธีการจัดสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ในห้องเรียนการคิดขั้นสูง (Higher Order Thinking in the Classroom Environment: HOTCLE)
การวางแผนของบรรยาย: ก่อนที่ครูจะเริ่มบรรยาย ควรวางแผนของครูให้ดี และเป็นระบบ โดยมีการ ระบุวัตถุประสงค์ หรือจุดสำคัญที่ต้องนำเสนอ และการสร้างโครงสร้างของบรรยาย เพื่อให้กิจกรรมการบรรยายสามารถสร้างกระบวนการคิดขั้นสูงของผู้เรียน
การเริ่มต้นด้วยคำถาม: ใช้คำถามเป็นเครื่องมือเริ่มต้นการเรียนรู้ หรือคำถามที่น่าสนใจ และท้าทายช่วยในการกระตุ้นความสนใจของผู้เรียน และสร้างความคิดเชิงวิเคราะห์
การใช้ตัวอย่างสมจริง: การแสดงตัวอย่างที่เกี่ยวข้องจริง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับผู้เรียน หรือตัวธรรมดาใกล้ ๆ ตัวเพื่อเป็นตัวช่วยในการอธิบาย หรือแสดงความสัมพันธ์ระหว่างหลักสูตรและโลกโดยรอบตัวของผู้เรียน
การสร้างสถานการณ์การเรียนรู้: การให้โอกาสผู้เรียนได้มีประสบการณ์ทางการปฏิบัติ การทดลอง หรือการแก้ปัญหาจริง ๆ เพื่อช่วยในการแสดงความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง
การใช้สื่อ: การใช้สื่อเพื่อเสริมการเรียนรู้ เช่น ภาพประกอบ วิดีโอ หรือแผนภาพ เพื่อเปิดรายละเอียด หรือขยายความเพิ่มเติม และทำให้การบรรยายมีสไตล์ มีความหลากหลายต่อการเรียนรู้ที่แตกต่างกันของผู้เรียน
การสนับสนุนการสนทนา: ให้ผู้เรียนมีโอกาสในการสนทนา และแสดงความคิดเห็น การกระตุ้นสนทนา และสร้างบรรยายกาศ หรือสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ ที่มีความสัมพันธ์สามารถทำให้นักเรียนเรียนรู้ได้อย่างเต็มที่
การปรับตัวรับฟัง: การให้เวลาในการรับฟังความคิดเห็น และคำถามของผู็เรียนช่วยในการสร้างบรรยายกาศ หรือสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่ตอบสนองต่อความสนใจ และความคิดเห็นของผู้เรียน
การสร้างกิจกรรมทางการคิด: การสร้างกิจกรรมที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้เกิดการใช้ความคิดเชิงวิเคราะห์ และการแก้ปัญหา การสร้างโจทย์ และส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดการใช้ทักษะที่ผู็เรียนได้เรียนรู้ในบรรยายของผู้สอน
การสร้างสิ่งเสริม: การสร้างบรรยายกาศ หรือสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ สิ่งเสริมที่ให้ผู้เรียนได้มีโอกาสได้สืบเสาะ หรือรวมเนื้อสาระการเรียนรู้เพิ่มเติม ที่มีความเกี่ยวข้องกับการสอน หรือบรยายของผู้สอน
การสรุปและการกระตุ้นให้นำไปสู่การกระทำ: ให้สรุปหัวข้อ หรือความรู้หลักที่เรียนรู้ในการบรรยาย และกิจกรรมที่กระตุ้นให้ผู้เรียนได้นำประสบการณ์ที่ได้ เพื่อนำไปสู่การกระทำนอกห้องเรียน หรือการทำงานเพิ่มเติมนอกห้องเรียน
การให้ข้อคิดเห็น: การให้ผู้เรียนได้คำสั่ง หรือภารกิจ และแนวทางการประเมินที่ชัดเจน จะช่วยในการปรับปรุงการเรียนรู้ และบรรยายของผู้สอนในครั้งต่อไป
ในการสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ในห้องเรียนการคิดขั้นสูง (Higher Order Thinking in the Classroom Environment: HOTCLE) การเรียงลำดับขั้นการสอนของบลูมตามความซับซ้อนของกระบวนการ Cognitive ซึ่งเป็นการเรียงตามลำดับการคิดเชิงวิเคราะห์และการแก้ปัญหาของนักเรียน จึงมีความสำคัญในการออกแบบการสอน
ดังนั้นในการเพิ่มขั้นการสอนของบลูม (Bloom’s Taxonomy) จึงถือเป็นกระบวนการที่ช่วยให้การเรียนรู้มีความคิดระดับสูงมากขึ้น ในสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ในห้องเรียนการคิดขั้นสูง (Higher Order Thinking in the Classroom Environment: HOTCLE)
ตัวอย่างการเปรียบเทียบขั้นการสอนของบลูม (Bloom’s Taxonomy)
ลำดับ | การเรียนรู้ขั้นตอนของบลูม | คำอธิบาย |
---|---|---|
1 | รู้ (Knowledge) | นักเรียนจดจำข้อมูลและข้อระเบียบ |
2 | เข้าใจ (Comprehension) | นักเรียนเข้าใจและอธิบายความหมายของข้อมูล |
3 | ประยุกต์ (Application) | นักเรียนสามารถใช้ความรู้ในสถานการณ์ทางวิชาการหรือการทำงาน |
4 | วิเคราะห์ (Analysis) | นักเรียนสามารถวิเคราะห์และแยกส่วนประกอบของข้อมูลหรือสถานการณ์ |
5 | สังเคราะห์ (Synthesis) | นักเรียนสามารถรวบรวมข้อมูลหรือองค์ประกอบเพื่อสร้างสิ่งใหม่ |
6 | ประเมิน (Evaluation) | นักเรียนสามารถประเมินคุณค่าของข้อมูลหรือความเหมาะสมของการเลือกแบบวิเคราะห์ |
ขั้นตอนในการออกแบบตามขั้นการสอนของบลูมที่ถูกต้อง จะสามารถช่วยในการออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ และการประเมินที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์การเรียนรู้ของครู และระดับความซับซ้อนที่ครูต้องการให้นักเรียนประสานกับประสบการณฯ์เดิมของนักเรียน
ลองมาศึกษาตัวอย่างเพิ่มเติมในขั้นการสอนของบลูม เพื่อสนับสนุนการคิดเชิงวิเคราะห์, การบูรณาการความรู้, และการสร้างความเข้าใจที่ลึกซึ้ง ครับ
การวิเคราะห์ (Analysis):
สร้างกิจกรรมการสอนที่ต้องการนักเรียนในการวิเคราะห์ข้อมูล หรือสภาพแวดล้อม โดยให้นักเรียนแยกส่วนประกอบ และสัมพันธ์ระหว่างข้อมูล
การบรรณาการ (Evaluation):
สร้างโอกาสให้นักเรียนประเมินความถูกต้องและคุณค่าของข้อมูล, เช่น การสร้างโจทย์ และการประเมินการทำงานของนักเรียน
การสร้าง (Synthesis):
สนับสนุนการสร้างความรู้ใหม่ หรือสิ่งใหม่โดยรวมข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ และสร้างผลิตภัณฑ์ หรือคำนึงถึงแนวทางใหม่
การสร้างความเข้าใจในระดับลึก (Deep Understanding):
ใช้เวลาในการสนทนา, การอภิปราย, และการสร้างการเรียนรู้เพิ่มเติมที่ต้องการให้นักเรียนมีความเข้าใจในระดับลึกเรื่องหัวข้อที่ศึกษา
การประยุกต์ (Application):
สร้างโอกาสให้นักเรียนใช้ความรู้ในสถานการณ์ทางวิชาการหรือการทำงานจริง
การเริ่มต้นด้วยคำถาม (Questioning):
ใช้คำถามที่สอดคล้องกับการวิเคราะห์, การบรรณาการ, และการสร้างเพื่อส่งเสริมการคิดเชิงวิเคราะห์และการแก้ปัญหาของนักเรียน
การสนับสนุนการสนทนา (Facilitating Discussion):
สนับสนุนสนทนาที่สร้างความเข้าใจและความรู้ในระดับลึกโดยใช้คำถามและแนวทางสนทนาที่เกี่ยวกับเนื้อหาที่สอน
การสร้างโอกาสให้นักเรียนรู้ร่วมกับผู้อื่น (Collaborative Learning):
สร้างโอกาสให้นักเรียนเรียนรู้ร่วมกับผู้อื่น, ซึ่งส่งเสริมการสื่อสารและการประสานกัน ในขณะเรียนรู้ หรือทำงานตามภารกิจที่ได้รับมอบหมาย
ในการเพิ่มขั้นการสอนของบลูมนั้น จะสามารถช่วยให้การสอนของครูส่งเสริม
- การมีความคิดระดับสูง
- และสนับสนุนการคิดเชิงวิเคราะห์
- การบรรณาการความรู้
- และการสร้างความเข้าใจที่ลึกซึ้งในนักเรียน
ดังนั้นการสอนที่ถูกออกแบบอย่างดีควรรวมถึงขั้นการสอนที่แตกต่างกันในเนื้อหาและกระบวนการเรียนรู้ของครู และนักเรียน
ตัวอย่างการออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุกตามตารางการวิเคราะห์ของบลูม (Bloom’s Taxonomy) แนวทางการสอนนี้จะช่วยในการส่งเสริมการคิดเชิงวิเคราะห์ และการแก้ปัญหาของนักเรียน จากสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ในห้องเรียนการคิดขั้นสูง (Higher Order Thinking in the Classroom Environment: HOTCLE)
ตัวอย่างกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุกตามขั้นตอนการวิเคราะห์ของบลูม
คำถาม/แนวคิด: “ทำไมบางเรื่องถึงเกิดขึ้น?
ระดับของการวิเคราะห์: วิเคราะห์ (Analysis)
กิจกรรม: “การวิเคราะห์ปรากฏการณ์ธรรมชาติ”
- ให้นักเรียนเลือกปรากฏการณ์ธรรมชาติ เช่น การโคจรของดาว, การแยกสีของแสง, หรือลมหมุน
- ให้นักเรียนทำการสำรวจ และสะท้อนกลับมาที่ข้อสังเกต และข้อมูลที่นักเรียนเห็น
- ในห้องเรียน ควรออกแบบกิจกรรมให้นักเรียนมีการสนทนาเกี่ยวกับปรากฏการณ์ธรรมชาติที่นักเรียนตั้งคำถาม วิเคราะห์ และสรุป
- ในขั้นตอนนี้ ครูควรให้นักเรียนได้มีการวิเคราะห์ปรากฏการณ์ที่นักเรียนเลือก และสรุปสิ่งที่พวกเขาเรียนรู้จากปรากฏการณ์นี้
- ในท้ายที่สุด ครูควรให้นักเรียนได้นำผลสรุป หรือนำความเข้าใจที่นักเรียนได้รับจากการวิเคราะห์ และสรุปไปสู่การอภิปราย และสนทนาเกี่ยวกับที่นักเรียนเรียนรู้
จากตัวอย่างกิจกรรมนี้ นักเรียนจะสามารถทำความเข้าใจ และวิเคราะห์ปรากฏการณ์ธรรมชาติในระดับการวิเคราะห์ และสรุปความรู้ที่ได้รับ รวมถึงได้มีส่วนร่วมในการสนทนา และการอภิปรายเพิ่มความเข้าใจ และสรุปการเรียนรู้ได้ด้วยตัวของของนักเรียนเอง
ผู้เขียนจะเพิ่มตัวอย่างห้องเรียนการคิดขั้นสูง (Higher Order Thinking Classroom: HOTC) ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก และการการสืบเสาะในการจัดสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ในห้องเรียนการคิดขั้นสูง (Higher Order Thinking in the Classroom Environment: HOTCLE) เพื่อเป็นแนวทางการสอนที่สนับสนุนการคิดเชิงวิเคราะห์ และการแก้ปัญหาของนักเรียน ดังนี้
การเปรียบเทียบระหว่างขั้นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุกและการการสืบเสาะ
ลำดับ | ขั้นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก | ขั้นการการสืบเสาะ |
---|---|---|
1 | การส่งเสริมความสนใจของนักเรียน | การเปิดรายละเอียด ข้อมูลของภารกิจและกระตุ้นความสนใจของนักเรียน |
2 | การให้นักเรียนตั้งคำถาม และกำหนดเป้าหมายการเรียนรู้ | การเริ่มต้นด้วยคำถาม และจุดประสงค์เรียนรู้ |
3 | การสร้างสถานการณ์การเรียนรู้ที่ให้นักเรียนได้สนทนา และทฤษฎีการปฏิบัติ | การสร้างสถานการณ์การเรียนรู้ที่น่าสนใจ และท้าทายนักเรียน |
4 | การส่งเสริมการร่วมมือ และการเรียนรู้ด้วยโครงงานเชิงรุก | การสร้างโอกาสให้นักเรียนเรียนรู้ร่วมกับผู้อื่น และแบ่งปันความรู้ |
5 | การสนับสนุนการคิดเชิงวิเคราะห์ และการแก้ปัญหา | การสนับสนุนการคิดเชิงวิเคราะห์ และการแก้ปัญหา |
6 | การสรุป และการแสดงผลจากการเรียนรู้ | การสรุป และการแสดงผลจากการเรียนรู้ |
ในขั้นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก และขั้นการการสืบเสาะ ครูควรมุ่งเน้นการสนับสนุนการคิดเชิงวิเคราะห์ และการแก้ปัญหาของนักเรียน โดยเน้นให้นักเรียนได้มีโอกาสทำกิจกรรมถือเป็นจุดสำคัญในทั้งสองแนวทางการสอน ดังนี้
- การสนทนา
- การประสานงาน
- การพัฒนาความคิดเชิงวิเคราะห์ผ่านกิจกรรมการเรียนรู้
- การเริ่มต้นด้วยคำถาม
- การสร้างสถานการณ์การเรียนรู้ที่น่าสนใจ และท้าทายนักเรียน
- การสร้างโอกาสให้นักเรียน ได้เรียนรู้ร่วมกับผู้อื่น
- การสรุปและการแสดงผลจากการเรียนรู้
- การสนับสนุนการคิดเชิงวิเคราะห์
- การแก้ปัญหา
ลำดับ ขั้นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก และขั้นการการสืบเสาะ
- การส่งเสริมความสนใจของนักเรียน การเปิดเผยรายละเอียดวิธีการ และกระตุ้นความสนใจของนักเรียน
- การให้นักเรียนตั้งคำถาม และกำหนดเป้าหมายการเรียนรู้ การเริ่มต้นด้วยคำถามและประสงค์เรียนรู้
- การสร้างสถานการณ์การเรียนรู้ที่ให้นักเรียนได้สนทนาและทฤษฎีการปฏิบัต การสร้างสถานการณ์การเรียนรู้ที่เติบโตและท้าทายนักเรียน
- การส่งเสริมการร่วมมือและการเรียนรู้เชิงโคลงเชิงรุก การสร้างโอกาสให้นักเรียนเรียนรู้ร่วมกับผู้อื่นและแบ่งปันความรู้
- การสนับสนุนการคิดเชิงวิเคราะห์และการแก้ปัญหา การสนับสนุนการคิดเชิงวิเคราะห์และการแก้ปัญหา
- การสรุปและการแสดงผลจากการเรียนรู้ การสรุปและการแสดงผลจากการเรียนรู้
ขั้นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก และขั้นการการสืบเสาะมุ่งเน้นการสนับสนุนการคิดเชิงวิเคราะห์และการแก้ปัญหาของนักเรียน
- มีโอกาสสนทนา
- การประสานและการพัฒนาความคิดเชิงวิเคราะห์ผ่านการรู้
- การเริ่มต้นด้วยคำถาม
- การสร้างสถานการณ์การเรียนรู้ที่เติบโตและท้าทาย
- การสร้างโอกาสให้นักเรียนเรียนรู้ร่วมกับผู้อื่น
- และการสรุปและการแสดงผลจากการเรียนรู้
- การสนับสนุนการคิดเชิงวิเคราะห์และการแก้ปัญหาเป็นจุดสำคัญในทั้งสองแนวทางการสอนนี้
จากที่กล่าวมาทั้งหมด ห้องเรียนการคิดขั้นสูง (Higher Order Thinking Classroom: HOTC) เป็นสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่ถูกออกแบบ เพื่อสนับสนุนการคิดเชิงวิเคราะห์ การบรรณาการความรู้ และการสร้างความเข้าใจที่ลึกซึ้งของนักเรียน
โดยจากตัวอย่างมีการใช้ขั้นการสอนของบลูม (Bloom’s Taxonomy) เป็นกรอบที่ช่วยนำนักเรียนผ่านขั้นตอนการคิดแบบเป็นระบบ สรุปผลห้องเรียนการคิดขั้นสูงได้ดังนี้
- การส่งเสริมการคิดเชิงวิเคราะห์และการแก้ปัญหา: ห้องเรียนการคิดขั้นสูงสร้างโอกาสให้นักเรียนพัฒนาทักษะในการวิเคราะห์ข้อมูลแ ละแก้ปัญหาโดยใช้คำถามที่ส่งเสริมการคิดแบบวิเคราะห์
- การสนับสนุนการบรรณาการความรู้: การสอนในห้องเรียนการคิดขั้นสูงช่วยในการสร้างความเข้าใจที่ลึกซึ้งโดยให้นักเรียนประสานกับเนื้อหา และสามรถเข้าถึงเนื้อหาในระดับสูงมากว่าเดิม
- การสร้างองค์ความรู้ที่มากกว่าเดิมจากข้อสงสัยของนักเรียน: นักเรียนมีโอกาสสร้างความรู้เพิ่มเติมได้จากข้อสงสัยที่มีอยู่จากการสนทนา การอภิปราย และการประสานกับผู้อื่นในห้องเรียน
- การสนับสนุนการประยุกต์ในชีวิตจริง: ห้องเรียนการคิดขั้นสูงเป็นการสร้างโอกาสให้นักเรียนสามารถประยุกต์ความรู้ที่ได้ในสถานการณ์การเรียนรู้ทางวิชาการ และการทำงานจริง
- การสร้างความรู้ด้วยการเริ่มต้นด้วยคำถาม: การใช้คำถามที่สอดคล้องกับการวิเคราะห์ และการบรรณาการเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างการเรียนรู้
- การสนับสนุนการสนทนา และการอภิปราย: การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เกิดการสนับสนุนสนทนา จะเกิดการสร้างความเข้าใจ และความรู้ในระดับลึก โดยมีการใช้คำถาม และแนวทางสนทนาที่เกี่ยวกับเนื้อหา จะส่งผลให้ผู้เรียนเข้าใจได้มากยิ่งขึ้น
- การสร้างโอกาสให้นักเรียนรู้ร่วมกับผู้อื่น: การสร้างโอกาสให้ผู้เรียนเรียนรู้ร่วมกับผู้อื่น ซึ่งส่งเสริมการสื่อสารและการประสานกัน
สรุปได้ว่า ห้องเรียนการคิดขั้นสูง (Higher Order Thinking Classroom: HOTC) สามารถเสริมสร้างให้ผู้เรียนมีทักษะในการคิดเชิงวิเคราะห์และการแก้ปัญหา ส่งเสริมการส่งผ่านความรู้และสร้างความเข้าใจที่ลึกซึ้งให้ผู้เรียน และสนับสนุนการประยุกต์ในชีวิตจริง ครูจึงควรมีการออกแบบการสอน และการจัดสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ในห้องเรียนการคิดขั้นสูง (Higher Order Thinking in the Classroom Environment: HOTCLE) ที่เป็นระบบ เป็นขั้นตอน เช่น การใช้ขั้นการสอนของบลูมช่วยในการสอนที่มีคุณค่า และมีความหมายสำหรับผู้เรียน ก็จะสามารถส่งผลให้ผู้เรียนเเกิดทักษะ การแก้ปัญหา การสื่อสาร การทำงานร่วมกับผู้อื่นการนำเสนอข้อมูล และการคิดเชิงวิเคราะห์ข้อมูล ในระดับสูงมายิ่งขึ้น
ท่านสามารถอ่านเพิ่มเติมได้จากเอกสารอ้างอิงนี้เลยครับ
Perkins, D. N., Jay, E., & Tishman, S. (1993). Teaching thinking. Teaching thinking: An agenda for the twenty-first century, 11-28.
เอกสารนี้สนับสนุนแนวคิดการสอนการคิดอย่างมีประสิทธิภาพและการพัฒนาทักษะการคิดเชิงวิเคราะห์ในการเรียนการคิดขั้นสูง.
Sternberg, R. J. (2017). The balance theory of wisdom: A guide for educational psychology and instruction. Educational Psychologist, 52(4), 293-302.
บทความนี้พูดถึงความรู้สึกทางความชีวิตและการพัฒนาความรู้ในบริบทการศึกษา และสามารถเน้นถึงความชุลมุนและการคิดเชิงวิเคราะห์.
Facione, P. A., & Gittens, C. A. (2016). Think critically. Pearson.
หนังสือนี้เกี่ยวกับการพัฒนาทักษะคิดอย่างวิเคราะห์และการคิดอย่างรอบด้าน ที่เป็นส่วนสำคัญของการคิดเชิงวิเคราะห์ในห้องเรียนการคิดขั้นสูง.
Paul, R., & Elder, L. (2006). Critical thinking: The nature of critical and creative thought. Journal of Developmental Education, 30(2), 34-35.
บทความนี้นำเสนอแนวคิดเกี่ยวกับการคิดอย่างวิเคราะห์และการคิดเชิงสร้างสรรค์ในบริบทการศึกษา.
Willis, J. (2007). Learning to love math: Teaching strategies that change student attitudes and get results. ASCD.
Paul, R., & Elder, L. (2014). Critical thinking: The nature of critical and creative thought. Journal of Developmental Education, 38(2), 34-35.
บทความนี้เสนอแนวคิดเกี่ยวกับการคิดอย่างวิเคราะห์และการคิดเชิงสร้างสรรค์ในบริบทการศึกษาและการพัฒนาทักษะการคิดขั้นสูง.
Sternberg, R. J., & Williams, W. M. (1996). How to develop student creativity. Alexandria, VA: Association for Supervision and Curriculum Development.
หนังสือนี้เน้นทักษะการคิดเชิงสร้างสรรค์ในบริบทการสอนและการพัฒนาความคิดอย่างสร้างสรรค์ในนักเรียน.
Ennis, R. H. (2015). Critical thinking: A streamlined conception. In M. Davies & R. Barnett (Eds.), The Palgrave Handbook of Critical Thinking in Higher Education (pp. 13-26). Palgrave Macmillan.
บทความนี้เสนอแนวคิดเกี่ยวกับการคิดอย่างวิเคราะห์ในบริบทการศึกษาสูงกว่าและวิธีการพัฒนาทักษะนี้ในนักเรียน.
Halpern, D. F. (2010). Undergraduate education and critical thinking. In J. C. Kaufman & R. J. Sternberg (Eds.), The Cambridge Handbook of Creativity (pp. 561-576). Cambridge University Press.
บทความนี้อนุญาตให้ความสนใจในการคิดอย่างวิเคราะห์ในระดับการศึกษาอุดมศึกษาและวิธีการเพิ่มพูนทักษะทางการคิดเชิงวิเคราะห์ในนักเรียนในระดับการศึกษาทั่วไป.
Brookfield, S. D. (2017). Teaching for critical thinking: Tools and techniques to help students question their assumptions. John Wiley & Sons.
หนังสือนี้ระบุเครื่องมือและเทคนิคสำหรับการสอนนักเรียนให้คิดอย่างวิเคราะห์และประเมินความคิดอย่างวิเคราะห์.
Fisher, A., & Scriven, M. (1997). Critical thinking: Its definition and assessment. Educational researcher, 26(7), 21-24.
บทความนี้อธิบายการกำหนดความคิดอย่างวิเคราะห์และวิธีการประเมินความคิดอย่างวิเคราะห์ในบริบทการศึกษา.
Paul, R., & Elder, L. (2001). Critical thinking: The nature of critical and creative thought. Journal of Developmental Education, 25(2), 40-41.
บทความนี้พูดถึงความรู้สึกทางความชีวิตและการพัฒนาความรู้ในบริบทการศึกษา และสามารถเน้นถึงความชุลมุนและการคิดเชิงวิเคราะห์.
Comments
Powered by Facebook Comments