เผยแพร่ผลงานคศ.4 เรื่อง รูปแบบวัฏจักรการเรียนรู้ด้วยการลงมือกระทำเป็นฐาน เพื่อพัฒนาทักษะด้านการรู้เท่าทันสื่อ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
เผยแพร่ผลงานคศ.4 เรื่อง รูปแบบวัฏจักรการเรียนรู้ด้วยการลงมือกระทำเป็นฐาน เพื่อพัฒนาทักษะด้านการรู้เท่าทันสื่อ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4

ชื่อเรื่อง รูปแบบวัฏจักรการเรียนรู้ด้วยการลงมือกระทำเป็นฐาน เพื่อพัฒนาทักษะด้านการรู้เท่าทันสื่อ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
ผู้รายงาน ดร.อนุศร หงษ์ขุนทด
ปี พ.ศ 2559
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุเพื่อ
1) ศึกษาลีลาการเรียนรู้ของ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
2) พัฒนารูปแบบวัฏจักรการเรียนรู้ด้วยการลงมือกระทำเป็นฐาน เพื่อพัฒนาทักษะด้านการรู้เท่าทันสื่อ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
3) ศึกษาผลการเรียนรู้ด้วยรูปแบบวัฏจักรการเรียนรู้ด้วยการลงมือกระทำเป็นฐาน เพื่อพัฒนาทักษะด้านการรู้เท่าทันสื่อ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
กลุ่มทดลองที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปี 4 ที่ลงทะเบียนเรียน รายวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ จำนวน 5 ห้องเรียน รวม 196 คน ด้วยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้นภูมิ (Stratified Random Sampling) 1 ห้องเรียน
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่
1) แบบสอบถามลักษณะลีลาการเรียนรู้ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
2) รูปแบบวัฏจักรการเรียนรู้ด้วยการลงมือกระทำเป็นฐาน เพื่อพัฒนาทักษะด้านการรู้เท่าทันสื่อ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
3) แบบประเมินวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 4) แบบประเมินทักษะด้านการรู้เท่าทันสื่อ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ร้อยละ ค่าเฉลี่ยส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการสวิจัยพบว่า
1) ลีลาการเรียนรู้ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ส่วนใหญ่มีลีลาการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมเฉลี่ย ( = 3.68, S.D. = 1.82) มากที่สุด
2) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ทั้งหมดมีคะแนนรวมผ่านเกณฑ์การประเมิน โดยมีคะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ทุกคน
3) นักเรียนสามารถสังเกต จดจำ เข้าใจ และบอกหรืออธิบายความหมายของคำศัพท์ สัญลักษณ์ และเทคนิคเฉพาะของการสื่อสารแบบต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ มากที่สุด อยู่ในระดับในระดับมากที่สุด ( = 4.60, S.D. = 0.54)

ดาว์โหลดได้ที่นี่ครับ
http://research.otepc.go.th/v_paper_journal_view.php?editid1=517
Comments
Powered by Facebook Comments