Digital Learning Classroom
AIบทความศึกษานิเทศก์

ศึกษานิเทศก์ยุค AI: การปฏิรูปบทบาทจากผู้กำกับติดตามสู่สถาปนิกแห่งการเรียนรู้

แชร์เรื่องนี้

ศึกษานิเทศก์ยุค AI: การปฏิรูปบทบาทจากผู้กำกับติดตามสู่สถาปนิกแห่งการเรียนรู้

___________________________

ตอนที่ 1 ภูมิทัศน์ใหม่ของการนิเทศการศึกษา: เมื่อบทบาทดั้งเดิมเผชิญหน้ากับปัญญาประดิษฐ์

รากฐานและวิวัฒนาการของศึกษานิเทศก์ไทย: จากผู้นำทางวิชาการสู่ผู้กำกับติดตาม

บทบาทของศึกษานิเทศก์ในระบบการศึกษาไทยมีรากฐานที่หยั่งลึกในฐานะ “ผู้นำทางวิชาการ” ผู้ซึ่งเปี่ยมด้วยภูมิความรู้ด้านการศึกษาอย่างลึกซึ้ง 1 โดยถูกคาดหวังให้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านหลักสูตร การจัดการเรียนรู้ และการวัดประเมินผล สามารถเป็นที่พึ่งพิงทางวิชาการและให้คำปรึกษาแก่ครูและสถานศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ 1 อุดมคติของบทบาทนี้คือการเป็น “กัลยาณมิตร” ผู้สร้างความสัมพันธ์อันดีกับครู เน้นการรับฟัง ทำความเข้าใจปัญหา และร่วมกันหาแนวทางแก้ไข 1 นอกจากนี้ ภารกิจสำคัญยังรวมถึงการสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่บุคลากรทางการศึกษา ซึ่งถือเป็นหัวใจหนึ่งในสี่ประการของการนิเทศ คือ พัฒนาคน พัฒนางาน ประสานสัมพันธ์ และสร้างขวัญกำลังใจ 2

อย่างไรก็ตาม ในทางปฏิบัติ บทบาทของศึกษานิเทศก์มักถูกเบี่ยงเบนไปสู่การเป็น “ผู้กำกับติดตาม” (Monitor) มากกว่าการเป็นผู้นำทางวิชาการอย่างแท้จริง ภาระงานส่วนใหญ่มักมุ่งเน้นไปที่การกำกับ ติดตาม และตรวจสอบให้เป็นไปตามนโยบายและระเบียบปฏิบัติ 1 กระบวนการนิเทศจึงมักเกี่ยวข้องกับการตรวจสอบแผนการจัดการเรียนรู้ การสังเกตการณ์สอนเพื่อประเมิน และการรวบรวมเอกสารหลักฐานต่างๆ 2 สิ่งนี้ได้สร้างระยะห่างระหว่างศึกษานิเทศก์และครู ทำให้ครูรู้สึกว่าตนเองกำลังถูกตรวจสอบและประเมินมากกว่าได้รับการสนับสนุนและพัฒนาอย่างเป็นมิตร แม้จะมีความพยายามในการลงพื้นที่ชุมชนและโรงเรียนเพื่อทำความเข้าใจบริบท แต่แรงกดดันด้านการรายงานผลและการปฏิบัติตามกรอบการประเมินก็มักจะบดบังเจตนารมณ์ของการเป็นกัลยาณมิตรไป 1

สภาวะดังกล่าวได้ก่อให้เกิดความขัดแย้งเชิงบทบาทที่ฝังรากลึก หรือที่อาจเรียกว่า “ปฏิทรรศน์แห่งกัลยาณมิตร-ผู้กำกับติดตาม” (The Paradox of the “Kalyanamitra-Monitor”) กล่าวคือ ศึกษานิเทศก์มีความปรารถนาที่จะเป็นเพื่อนร่วมทางที่คอยสนับสนุนและให้กำลังใจครู แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องสวมหมวกของผู้ประเมินที่คอยตรวจสอบการทำงาน ซึ่งบทบาททั้งสองนี้มีลักษณะที่ขัดแย้งกันโดยธรรมชาติ ความสัมพันธ์ที่ตั้งอยู่บนฐานของความไว้วางใจและการเปิดใจ (กัลยาณมิตร) นั้นยากที่จะดำรงอยู่ได้ เมื่อฝ่ายหนึ่งมีอำนาจในการประเมินและตัดสินอีกฝ่ายหนึ่ง (ผู้กำกับติดตาม) ความตึงเครียดนี้เป็นปัญหาคลาสสิกในวงการนิเทศการศึกษาทั่วโลก และเป็นอุปสรรคสำคัญที่ขัดขวางไม่ให้การนิเทศสามารถบรรลุศักยภาพสูงสุดในการพัฒนาวิชาชีพครูได้อย่างแท้จริง การมาถึงของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ไม่เพียงแต่เป็นความท้าทายใหม่ แต่ยังเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาที่อาจนำไปสู่การคลี่คลายปฏิทรรศน์ที่ยาวนานนี้

การมาถึงของ AI: ตัวเร่งปฏิกิริยาแห่งการเปลี่ยนแปลงในระบบนิเวศการศึกษา

ปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังเข้ามาปฏิวัติภาคส่วนต่างๆ อย่างรวดเร็ว และการศึกษาก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น 4 เทคโนโลยี AI ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือใหม่ แต่เป็นพลังขับเคลื่อนที่กำลังเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์ (Paradigm Shift) ของการเรียนรู้และการจัดการศึกษาทั้งหมด 5 ศักยภาพที่โดดเด่นที่สุดประการหนึ่งของ AI คือ ความสามารถในการสร้าง “การเรียนรู้แบบเฉพาะบุคคล” (Personalized Learning) โดย AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลการเรียนรู้ของผู้เรียนแต่ละคน เพื่อปรับเนื้อหาและวิธีการสอนให้เหมาะสมกับความต้องการและความสามารถที่แตกต่างกัน ทำให้การเรียนการสอนมีประสิทธิภาพมากขึ้น 6 นอกจากนี้ AI ยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการสถานศึกษาโดยการทำงานที่ซ้ำซ้อนให้เป็นอัตโนมัติ เช่น การจัดตารางสอน การจัดการข้อมูล หรือแม้กระทั่งการตรวจข้อสอบ 4 ซึ่งช่วยลดภาระงานของบุคลากรและทำให้มีเวลาไปมุ่งเน้นกับงานที่ต้องใช้ปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์มากขึ้น

การเปลี่ยนแปลงที่ขับเคลื่อนโดย AI นี้ส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อระบบนิเวศการศึกษาทั้งหมด ตั้งแต่บทบาทของครูที่ต้องปรับเปลี่ยนจากผู้ถ่ายทอดความรู้ไปสู่ผู้อำนวยความสะดวกในการเรียนรู้ 9 ไปจนถึงทักษะที่จำเป็นสำหรับผู้เรียนในอนาคตที่ต้องเน้นการคิดเชิงวิพากษ์ ความคิดสร้างสรรค์ และความสามารถในการทำงานร่วมกับเทคโนโลยี การเปลี่ยนแปลงนี้ยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อความต้องการในตลาดแรงงาน ซึ่งอาจคุกคามความมั่นคงในอาชีพบางตำแหน่งในแวดวงการศึกษา 10 ดังนั้น การบูรณาการ AI เข้ากับการศึกษาจึงไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป แต่เป็นความจำเป็นที่ทุกภาคส่วนต้องเตรียมพร้อมรับมือ 11 สำหรับศึกษานิเทศก์ การมาถึงของ AI ถือเป็นทั้งจุดเปลี่ยนและบททดสอบสำคัญที่จะกำหนดนิยามและคุณค่าของวิชาชีพในทศวรรษหน้า

การวิเคราะห์ผลกระทบ: สิ่งที่คงอยู่ สิ่งที่กำลังเลือนหาย และสิ่งที่กำลังก่อกำเนิดขึ้นใหม่ในบทบาทศึกษานิเทศก์

การเปลี่ยนแปลงที่เกิดจาก AI ได้ส่งผลให้บทบาทของศึกษานิเทศก์ต้องถูกทบทวนและปรับเปลี่ยนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยสามารถวิเคราะห์ผลกระทบได้เป็น 3 มิติ ดังนี้

สิ่งที่คงอยู่ (Enduring Core): แม้เทคโนโลยีจะเปลี่ยนแปลงไป แต่แก่นแท้ของการนิเทศการศึกษายังคงไม่เปลี่ยนแปลง หัวใจสำคัญของการนิเทศยังคงอยู่ที่การ “พัฒนาคน พัฒนางาน ประสานสัมพันธ์ และสร้างขวัญกำลังใจ” 3 ภารกิจในการเป็นผู้นำทางวิชาการ การเป็นที่พึ่งให้กับครู และการช่วยเหลือครูในการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนยังคงเป็นสาระสำคัญของวิชาชีพ 1 คุณค่าของการสร้างความสัมพันธ์แบบกัลยาณมิตร การรับฟังด้วยความเข้าอกเข้าใจ และการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด ยังคงเป็นสิ่งที่ AI ไม่สามารถทดแทนได้ และจะยิ่งทวีความสำคัญมากขึ้นในยุคที่เทคโนโลยีอาจลดทอนปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์

สิ่งที่กำลังเลือนหาย (Fading Practices): บทบาทและแนวปฏิบัติบางอย่างของศึกษานิเทศก์กำลังจะถูกลดความสำคัญลงหรืออาจหายไปโดยสิ้นเชิง บทบาทการนิเทศที่เน้นการตรวจสอบเอกสารเป็นหลัก เช่น การตรวจแผนการสอนจำนวนมาก หรือการรวบรวมรายงานในรูปแบบกระดาษ กำลังจะกลายเป็นอดีต 1 เนื่องจาก AI สามารถทำงานเหล่านี้ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากกว่า 8 เช่นเดียวกัน การให้คำแนะนำแบบเหมารวมหรือแบบบนลงล่าง (Top-down) โดยขาดความเข้าใจในข้อมูลและบริบทเชิงลึกของแต่ละโรงเรียน ก็จะลดความน่าเชื่อถือลง เมื่อเทียบกับข้อมูลเชิงลึกที่ได้จากการวิเคราะห์ของ AI 1 บทบาทของศึกษานิเทศก์ในฐานะ “ผู้ส่งผ่านนโยบาย” เพียงอย่างเดียวจึงไม่เพียงพออีกต่อไป

สิ่งที่กำลังก่อกำเนิด (Emerging Roles): ในพื้นที่ว่างที่เกิดจากการเลือนหายไปของบทบาทเก่า ได้มีบทบาทใหม่ๆ ที่ท้าทายและมีความสำคัญอย่างยิ่งก่อกำเนิดขึ้น ศึกษานิเทศก์ต้องก้าวสู่การเป็น “ผู้อำนวยความสะดวก” (Facilitator) และ “โค้ช” (Coach) ที่เน้นการตั้งคำถามเพื่อกระตุ้นให้ครูค้นพบศักยภาพของตนเอง 9 นอกจากนี้ ยังต้องสวมบทบาท “ผู้นำการเปลี่ยนแปลง” (Change Leader) ที่สามารถนำพาครูและสถานศึกษาให้ปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ได้อย่างมั่นคง 13 บทบาทที่สำคัญอย่างยิ่งอีกประการหนึ่งคือการเป็น “ผู้ร่วมออกแบบประสบการณ์การเรียนรู้” (Learning Experience Designer) ซึ่งต้องทำงานร่วมกับครูในการนำ AI มาสร้างสรรค์กิจกรรมการเรียนรู้ที่น่าสนใจและตอบโจทย์ผู้เรียนเป็นรายบุคคล 9 เพื่อที่จะทำหน้าที่เหล่านี้ได้ ศึกษานิเทศก์จำเป็นต้องมีความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อการพัฒนา และสามารถนำและโค้ชครูในการใช้เทคโนโลยีได้อย่างเชี่ยวชาญ 7

การเปลี่ยนแปลงนี้คือโอกาสในการคลี่คลาย “ปฏิทรรศน์แห่งกัลยาณมิตร-ผู้กำกับติดตาม” ที่กล่าวถึงข้างต้น เมื่อ AI เข้ามาทำหน้าที่ “กำกับติดตาม” ผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างเป็นระบบและปราศจากอคติ ศึกษานิเทศก์จะถูกปลดปล่อยจากภาระงานที่สร้างความขัดแย้งเชิงบทบาท และสามารถทุ่มเทเวลาและพลังงานทั้งหมดไปกับการทำหน้าที่ “กัลยาณมิตร” ได้อย่างเต็มศักยภาพ ไม่ว่าจะเป็นการรับฟังอย่างลึกซึ้ง การร่วมกันแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ และการโค้ชเพื่อดึงศักยภาพสูงสุดของครูออกมา ดังนั้น AI จึงไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือใหม่ แต่เป็นตัวแปรสำคัญที่บีบให้วิชาชีพศึกษานิเทศก์ต้องเลือกระหว่างการเป็นเพียง “ล่ามแปลผลข้อมูลจากเครื่องจักร” หรือการยกระดับตนเองขึ้นเป็น “สถาปนิกแห่งการเรียนรู้” ที่ใช้เทคโนโลยีเพื่อส่งเสริมความเป็นมนุษย์อย่างแท้จริง

ตอนที่ 2 โอกาสและความท้าทาย: มุมมองของศึกษานิเทศก์ต่อดาบสองคมแห่งปัญญาประดิษฐ์

การบูรณาการปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้าสู่แวดวงการศึกษานั้นเปรียบเสมือนดาบสองคมที่นำมาซึ่งทั้งโอกาสอันมหาศาลและความท้าทายที่ซับซ้อน สำหรับศึกษานิเทศก์ การทำความเข้าใจมิติทั้งสองด้านนี้อย่างถ่องแท้คือกุญแจสำคัญในการนำพาการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่สร้างสรรค์และยั่งยืน

AI ในฐานะเครื่องมือเสริมศักยภาพ: โอกาสในการยกระดับการนิเทศสู่มิติใหม่

AI มอบโอกาสที่ไม่เคยมีมาก่อนในการปฏิรูปกระบวนการนิเทศการศึกษาให้มีประสิทธิภาพและความแม่นยำสูงขึ้นในหลายมิติ ดังนี้

การนิเทศที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data-Driven Supervision): ในอดีต การนิเทศมักอาศัยการสังเกตการณ์ในชั้นเรียนเพียงไม่กี่ครั้งและการพิจารณาจากเอกสาร ซึ่งอาจให้ภาพที่ไม่สมบูรณ์และขึ้นอยู่กับมุมมองส่วนบุคคล แต่ AI สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งนี้ได้อย่างสิ้นเชิง โดย AI มีความสามารถในการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) เพื่อประเมินศักยภาพของครูเป็นรายบุคคลได้อย่างละเอียด 14 ระบบ AI สามารถวิเคราะห์ผลการเรียนรู้ของนักเรียนจำนวนมากเพื่อค้นหารูปแบบและแนวโน้มที่น่าสนใจ 8 และสามารถระบุได้อย่างแม่นยำว่านักเรียนหรือครูคนใดต้องการการสนับสนุนในด้านใดเป็นพิเศษ 10 สิ่งนี้ทำให้การนิเทศเปลี่ยนจากการให้ข้อเสนอแนะตามความรู้สึก ไปสู่การให้คำปรึกษาที่อิงจากหลักฐานเชิงประจักษ์ ช่วยให้ศึกษานิเทศก์สามารถวางแผนการนิเทศและให้การสนับสนุนครูได้อย่างตรงจุดและทันท่วงที 15

การลดภาระงานธุรการ (Reducing Administrative Burden): หนึ่งในอุปสรรคสำคัญที่ทำให้ศึกษานิเทศก์ไม่สามารถทุ่มเทเวลาให้กับการพัฒนาครูได้อย่างเต็มที่คือภาระงานด้านธุรการและงานเอกสารที่ซ้ำซ้อน AI สามารถเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยการทำงานที่ซ้ำซ้อนต่างๆ ให้เป็นไปโดยอัตโนมัติ 8 เช่น การตรวจข้อสอบปรนัย 10 การจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลนักเรียน 6 หรือแม้กระทั่งการช่วยร่างรายงานและเอกสารต่างๆ การวิจัยชี้ว่าการใช้ AI ในงานลักษณะนี้อาจช่วยให้ครู (และบุคลากรทางการศึกษา) มีเวลาเพิ่มขึ้นถึง 13 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ 8 สำหรับศึกษานิเทศก์ เวลาที่ได้กลับคืนมานี้มีค่ามหาศาล เพราะหมายถึงเวลาที่จะสามารถนำไปใช้ในการลงพื้นที่สังเกตการณ์สอน การพูดคุยสะท้อนผลกับครู และการโค้ชเชิงลึก ซึ่งเป็นหัวใจที่แท้จริงของการนิเทศ

การเข้าถึงนวัตกรรมและการพัฒนาวิชาชีพ: ศึกษานิเทศก์มีบทบาทสำคัญในการนำเสนอสื่อ นวัตกรรม และเทคโนโลยีใหม่ๆ ให้กับครู 1 AI เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังอย่างยิ่งในด้านนี้ โดยเฉพาะ Generative AI ที่สามารถช่วยสร้างสรรค์เนื้อหาการสอน แบบฝึกหัด สื่อมัลติมีเดีย หรือแม้กระทั่งแผนการจัดการเรียนรู้ฉบับร่างได้อย่างรวดเร็วและหลากหลาย 19 สิ่งนี้ช่วยให้ศึกษานิเทศก์สามารถนำเสนอแนวทางและเครื่องมือที่ทันสมัยให้ครูนำไปปรับใช้ได้อย่างเป็นรูปธรรม ช่วยลดช่องว่างทางเทคโนโลยีและส่งเสริมให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมการเรียนการสอนในวงกว้าง

 AI ในฐานะความท้าทายเชิงระบบและจริยธรรม

ในอีกด้านหนึ่ง การนำ AI มาใช้อย่างแพร่หลายก็ได้สร้างความท้าทายใหม่ๆ ที่มีความซับซ้อนทั้งในเชิงโครงสร้างและจริยธรรม ซึ่งศึกษานิเทศก์ต้องเผชิญและมีบทบาทในการจัดการ

ความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึง (Digital Divide): ความท้าทายพื้นฐานที่สุดคือความไม่เท่าเทียมกันในการเข้าถึงเทคโนโลยี แม้ AI จะมีศักยภาพในการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา 8 แต่หากปราศจากการวางแผนที่ดี ก็อาจกลายเป็นตัวการที่ขยายช่องว่างให้กว้างขึ้น โรงเรียนในพื้นที่ห่างไกลอาจขาดแคลนโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น เช่น อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ 11 นอกจากนี้ การขาดแคลนทรัพยากรและทักษะด้านดิจิทัลของครูในบางพื้นที่ก็เป็นอุปสรรคสำคัญ 14 หากการนิเทศและการประเมินผลหันไปพึ่งพาเทคโนโลยี AI อย่างเต็มรูปแบบ อาจทำให้ครูและโรงเรียนที่ขาดความพร้อมถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

ความเสี่ยงต่อการลดทอนปฏิสัมพันธ์เชิงมนุษย์ (Dehumanization): มีความกังวลว่าการพึ่งพาเทคโนโลยีมากเกินไปอาจทำให้ประสบการณ์การเรียนรู้และการทำงานสูญเสียความเป็นมนุษย์ 10 การสื่อสารผ่านหน้าจอและการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณอาจไม่สามารถทดแทนปฏิสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งระหว่างครูกับนักเรียน หรือระหว่างศึกษานิเทศก์กับครูได้ 18 ศิลปะของการนิเทศที่ต้องอาศัยการสังเกตภาษากาย การรับฟังด้วยความเข้าอกเข้าใจ และการสร้างความไว้วางใจ อาจถูกลดทอนความสำคัญลงหากให้ความสำคัญกับข้อมูลที่ AI สร้างขึ้นมากเกินไป

การกัดกร่อนทักษะการคิดเชิงวิพากษ์ (Erosion of Critical Skills): เมื่อ AI สามารถให้คำตอบและสร้างสรรค์ผลงานได้อย่างง่ายดาย ก็มีความเสี่ยงที่ทั้งครูและนักเรียนจะพึ่งพาเทคโนโลยีมากเกินไปจนละเลยการพัฒนาทักษะที่สำคัญ เช่น การคิดเชิงวิพากษ์ การแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ และความคิดสร้างสรรค์ที่เป็นของตนเองอย่างแท้จริง 4 ศึกษานิเทศก์จึงต้องเผชิญกับความท้าทายในการส่งเสริมการใช้ AI เป็น “เครื่องมือช่วยคิด” ไม่ใช่ “เครื่องมือคิดแทน”

ประเด็นด้านจริยธรรมและความเป็นส่วนตัว (Ethics and Privacy): การใช้ AI ในการศึกษาก่อให้เกิดคำถามเชิงจริยธรรมที่ซับซ้อนมากมาย 21 เช่น การเก็บและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของนักเรียนมีความปลอดภัยและโปร่งใสเพียงใด? อัลกอริทึมที่ใช้ในการประเมินผลนักเรียนหรือครูมีอคติ (Bias) แฝงอยู่หรือไม่? จะสร้างสมดุลระหว่างการใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกับการรักษาความซื่อสัตย์ทางวิชาการ (ป้องกันการลอกเลียนผลงาน) ได้อย่างไร? 4 ประเด็นเหล่านี้ไม่ใช่ปัญหาทางเทคนิค แต่เป็นปัญหาเชิงจริยธรรมที่ต้องการการพิจารณาอย่างรอบคอบ 9

จากความท้าทายเหล่านี้ โดยเฉพาะประเด็นเชิงจริยธรรม ได้ก่อให้เกิดบทบาทใหม่ที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับศึกษานิเทศก์ นั่นคือการเป็น “นักจริยธรรมดิจิทัล” (Digital Ethicist) ครูผู้สอนซึ่งมีภารกิจหลักในการจัดการเรียนการสอนในแต่ละวัน อาจไม่มีเวลา ความรู้ หรือมุมมองที่กว้างพอที่จะรับมือกับประเด็นเชิงจริยธรรมที่ซับซ้อนเหล่านี้ได้โดยลำพัง พวกเขาต้องการผู้ชี้แนะและที่ปรึกษา บทบาทดั้งเดิมของศึกษานิเทศก์นั้นครอบคลุมถึงการเป็น “ผู้นำการคิดและปฏิบัติตน” อยู่แล้ว 13 ในศตวรรษที่ 21 ภาวะผู้นำนี้จำเป็นต้องขยายขอบเขตไปสู่โลกดิจิทัลด้วย ศึกษานิเทศก์จึงอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุดในการเป็นสะพานเชื่อมระหว่างหลักการเชิงนโยบายและจริยธรรมระดับสูง กับการปฏิบัติจริงในห้องเรียน พวกเขาต้องสามารถแปลแนวคิดนามธรรม เช่น “ความเป็นธรรมของอัลกอริทึม” ไปสู่การสนทนาที่เป็นรูปธรรมกับครูสอนประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการใช้เครื่องมือ AI ช่วยตรวจเรียงความได้ บทบาทใหม่นี้จึงไม่ได้จำกัดอยู่แค่การโค้ชด้านการสอน แต่ยังรวมถึงการอำนวยความสะดวกในการอภิปรายประเด็นอ่อนไหว การร่วมสร้างแนวปฏิบัติการใช้ AI ในระดับโรงเรียน 5 และการโค้ชครูที่ไม่ใช่แค่ “วิธีใช้” AI แต่ต้องครอบคลุมถึง “เมื่อไหร่” “ทำไม” และ “ภายใต้ข้อจำกัดทางจริยธรรมอะไร” ที่ควรใช้ AI นี่คือการขยายกระบวนทัศน์การโค้ชที่จำเป็นและมีความสำคัญอย่างยิ่งยวดในยุคปัจจุบัน

ตอนที่ 3 การเปลี่ยนผ่านสู่ “โค้ชการเรียนรู้”: การสังเคราะห์กระบวนทัศน์และสมรรถนะที่จำเป็น

การมาถึงของ AI ได้เร่งให้เกิดการเปลี่ยนผ่านบทบาทของศึกษานิเทศก์จากการเป็นผู้กำกับติดตาม (Monitor) ไปสู่การเป็น “โค้ชการเรียนรู้” (Learning Coach) อย่างเต็มรูปแบบ การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ใช่เพียงการปรับเปลี่ยนวิธีการทำงาน แต่เป็นการปฏิรูปกระบวนทัศน์ (Paradigm Shift) ที่ต้องการนิยามบทบาทและชุดสมรรถนะใหม่ที่สอดคล้องกับความท้าทายแห่งอนาคต

นิยามใหม่ของศึกษานิเทศก์: จากผู้ให้คำแนะนำสู่ผู้ร่วมออกแบบการเรียนรู้

กระบวนทัศน์การโค้ช (Coaching) มีหัวใจสำคัญอยู่ที่การทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อ “ดึงศักยภาพ” ที่มีอยู่ภายในตัวบุคคลออกมา 23 ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับการนิเทศแบบดั้งเดิมที่มักเป็นการสั่งการหรือการสอนจากผู้ที่มีความรู้มากกว่า 2 “โค้ช” ไม่ได้ทำหน้าที่เป็นผู้ให้คำตอบ แต่เป็น “ผู้อำนวยความสะดวก” (Facilitator) ที่ใช้ “ทักษะการตั้งคำถาม” ที่ทรงพลังและเหมาะสม เพื่อกระตุ้นให้ผู้รับการโค้ช (ในที่นี้คือครู) ได้คิดวิเคราะห์ ไตร่ตรอง และค้นพบแนวทางการแก้ปัญหาด้วยตนเอง 24 เป้าหมายสูงสุดคือการส่งเสริมให้ครูเป็นเจ้าของการเรียนรู้และการพัฒนาวิชาชีพของตนเอง (Learner’s Ownership) 24

ในยุค AI ที่ข้อมูลความรู้และเครื่องมือต่างๆ สามารถเข้าถึงได้อย่างง่ายดาย บทบาทของศึกษานิเทศก์ในฐานะ “ผู้ถ่ายทอดความรู้” แต่เพียงผู้เดียวจึงลดความสำคัญลงอย่างมาก และต้องปรับเปลี่ยนไปสู่การเป็น “ผู้อำนวยความสะดวก” และ “โค้ช” อย่างเต็มตัว 7 นิยามใหม่ของศึกษานิเทศก์จึงไม่ได้จำกัดอยู่แค่การเป็นผู้ให้คำปรึกษาเมื่อครูต้องการความช่วยเหลือ แต่ขยายไปสู่การเป็น “ผู้ร่วมออกแบบการเรียนรู้” (Learning Co-designer) ที่ทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับครูในการนำเทคโนโลยี AI มาสร้างสรรค์ประสบการณ์การเรียนรู้ใหม่ๆ ที่ท้าทายและมีความหมายสำหรับผู้เรียน

สมรรถนะหลักสำหรับศึกษานิเทศก์ยุค AI (Core Competencies for AI-Era Supervisors)

การปรับเปลี่ยนสู่บทบาทใหม่นี้จำเป็นต้องอาศัยการพัฒนาชุดสมรรถนะหลักที่แตกต่างและนอกเหนือไปจากกรอบสมรรถนะเดิม สมรรถนะที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับศึกษานิเทศก์ในยุค AI ประกอบด้วย 4 ด้านหลัก ดังนี้

1. ความรอบรู้ด้าน AI และข้อมูล (AI and Data Literacy): นี่คือสมรรถนะพื้นฐานที่ขาดไม่ได้ ศึกษานิเทศก์ไม่จำเป็นต้องเป็นโปรแกรมเมอร์ แต่ต้องมีความเข้าใจในหลักการพื้นฐาน การประยุกต์ใช้ และที่สำคัญคือข้อจำกัดของ AI ประเภทต่างๆ 5 เพื่อที่จะสามารถให้คำแนะนำและโค้ชครูได้อย่างมีประสิทธิภาพและไม่หลงไปกับกระแสของเทคโนโลยี 19 นอกจากนี้ ยังต้องมีทักษะในการวิเคราะห์และตีความข้อมูลที่ได้จากแพลตฟอร์ม AI ต่างๆ เพื่อนำมาใช้ในการวางแผนและพัฒนากระบวนการนิเทศให้เฉียบคมและตรงจุดมากยิ่งขึ้น 15

2. ทักษะการโค้ชและการให้ข้อมูลป้อนกลับเชิงพัฒนา (Coaching and Feedback Skills): การมีเพียงความรู้ด้านเทคโนโลยีนั้นไม่เพียงพอ ศึกษานิเทศก์ต้องมีความเชี่ยวชาญในกระบวนการโค้ชอย่างลึกซึ้ง 3 ซึ่งรวมถึงทักษะการสร้างความสัมพันธ์แบบกัลยาณมิตรบนฐานของความไว้วางใจ 1 ทักษะการรับฟังอย่างลึกซึ้ง (Deep Listening) เพื่อทำความเข้าใจความต้องการและอุปสรรคที่แท้จริงของครู และทักษะการให้ข้อมูลป้อนกลับ (Feedback) ที่สร้างสรรค์ ตรงประเด็น และมุ่งเน้นไปที่การพัฒนามากกว่าการตัดสิน 2

3. ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลง (Change Leadership): ในยุคแห่งความผันผวน ศึกษานิเทศก์ต้องก้าวขึ้นมาเป็น “ผู้นำการเปลี่ยนแปลงสู่เป้าหมายที่ท้าทาย” 13 สมรรถนะนี้ครอบคลุมถึงความสามารถในการสร้างและสื่อสารวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีเพื่อยกระดับการศึกษา การบริหารจัดการการต่อต้านการเปลี่ยนแปลง และการสร้างแรงจูงใจและให้การสนับสนุนครูในการทดลองสิ่งใหม่ๆ 14 ผู้นำการเปลี่ยนแปลงที่ดีต้องมีความกล้าที่จะล้มเหลวและเรียนรู้จากความผิดพลาดนั้น เพื่อเป็นแบบอย่างให้กับครูในการสร้างวัฒนธรรมแห่งการเรียนรู้และเติบโต 13

4. ความฉลาดทางจริยธรรมดิจิทัล (Digital Ethical Intelligence): ดังที่ได้วิเคราะห์ในบทก่อนหน้า สมรรถนะนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด ศึกษานิเทศก์ต้องมีความรู้ความเข้าใจในประเด็นเชิงจริยธรรมที่เกี่ยวข้องกับการใช้ AI ในการศึกษา 9 และต้องมีความสามารถในการนำการอภิปราย การวิเคราะห์สถานการณ์ และการตัดสินใจในประเด็นที่ซับซ้อนเหล่านี้ร่วมกับครูและผู้บริหารสถานศึกษา เพื่อสร้างแนวปฏิบัติที่ชัดเจนและมีความรับผิดชอบต่อผู้เรียนและสังคม 16

การพัฒนาตนเองและวิชาชีพ: เส้นทางสู่การเป็นศึกษานิเทศก์ที่พร้อมสำหรับอนาคต

การเปลี่ยนผ่านสู่บทบาทใหม่และการสร้างสมรรถนะที่จำเป็นไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นได้เอง แต่ต้องอาศัยการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องและความมุ่งมั่นจากทุกภาคส่วน ศึกษานิเทศก์ต้องเป็นผู้ที่มีความใฝ่รู้อยู่เสมอ 1 และมีทัศนคติเชิงบวกต่อการปรับตัวและการเปลี่ยนแปลง 13 การพัฒนาตนเองควรครอบคลุมทั้งความรู้เกี่ยวกับสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงไป ความเข้าใจในองค์กรและบริบทของตน และการรู้จักตนเองอย่างถ่องแท้ 13

ในขณะเดียวกัน หน่วยงานต้นสังกัดมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการสนับสนุนเส้นทางการพัฒนานี้ โดยต้องมีการลงทุนในการพัฒนาบุคลากรอย่างจริงจัง 19 ซึ่งรวมถึงการจัดการฝึกอบรมที่ทันสมัยและตรงกับความต้องการ 5 การสร้างเครือข่ายการเรียนรู้ระหว่างศึกษานิเทศก์เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวปฏิบัติที่ดี 14 และการทบทวนโครงสร้างการทำงานและระบบการประเมินผลให้เอื้อต่อการทำงานในบทบาทโค้ชการเรียนรู้ การเดินทางสายนี้คือการลงทุนเพื่ออนาคตของวิชาชีพศึกษานิเทศก์และคุณภาพการศึกษาของชาติโดยรวม

เพื่อสรุปภาพการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ตารางต่อไปนี้ได้เปรียบเทียบบทบาทของศึกษานิเทศก์ระหว่างกระบวนทัศน์ดั้งเดิมกับกระบวนทัศน์โค้ชการเรียนรู้ในยุค AI ในมิติต่างๆ

ตารางที่ 1: ตารางเปรียบเทียบบทบาทศึกษานิเทศก์: กระบวนทัศน์ดั้งเดิม vs. กระบวนทัศน์โค้ชการเรียนรู้ยุค AI

มิติ (Dimension)กระบวนทัศน์ดั้งเดิม
(ผู้กำกับติดตาม)
กระบวนทัศน์โค้ชการเรียนรู้ยุค AI
เป้าหมายหลักการปฏิบัติตามมาตรฐานและนโยบายการเติบโตทางวิชาชีพของครูและการพัฒนานวัตกรรมการเรียนรู้
วิธีการทำงานการตรวจสอบ, การประเมิน, การให้คำแนะนำการโค้ช, การร่วมมือ, การตั้งคำถาม, การอำนวยความสะดวก
ความสัมพันธ์กับครูเชิงอำนาจ, ผู้เชี่ยวชาญ-ผู้รับการนิเทศแบบกัลยาณมิตร, พันธมิตรทางการเรียนรู้ (Learning Partner)
ทักษะที่เน้นความรู้ในเนื้อหาและระเบียบ, การสังเกตและตัดสินการรับฟังเชิงลึก, การตั้งคำถาม, การให้ข้อมูลป้อนกลับ, การนำการเปลี่ยนแปลง
เครื่องมือหลักแฟ้มเอกสาร, แบบสังเกตการณ์, แบบประเมินแพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูล (AI Analytics), เครื่องมือสื่อสารดิจิทัล, กรอบการโค้ช
ตัวชี้วัดความสำเร็จความเรียบร้อยของเอกสาร, ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนปลายทางการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการสอนของครู, คุณภาพผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน

ตารางนี้สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างและวัฒนธรรมของวิชาชีพศึกษานิเทศก์ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการปฏิรูปการศึกษาในยุคดิจิทัล

ตอนที่ 4 กลยุทธ์และแนวทางการประยุกต์ใช้ AI เพื่อการนิเทศการศึกษาเชิงรุก

การเปลี่ยนบทบาทสู่การเป็นโค้ชการเรียนรู้ในยุค AI จำเป็นต้องมีกลยุทธ์และแนวทางการทำงานที่แตกต่างไปจากเดิม โดยใช้ประโยชน์จากศักยภาพของ AI เพื่อเปลี่ยนการนิเทศจากการตั้งรับ (Reactive) เป็นการทำงานเชิงรุก (Proactive) ที่สามารถคาดการณ์ความต้องการและให้การสนับสนุนได้อย่างทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพ

 การวางแผนและติดตามการนิเทศด้วย AI (AI-Powered Supervision Planning and Monitoring)

ในระบบการนิเทศแบบดั้งเดิม การวางแผนมักขึ้นอยู่กับวงรอบการนิเทศที่กำหนดไว้หรือการตอบสนองต่อปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว แต่ AI สามารถปฏิวัติกระบวนการนี้ได้โดยสิ้นเชิง ศึกษานิเทศก์สามารถใช้ AI เป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์ข้อมูลภาพรวมของเขตพื้นที่การศึกษา เพื่อวางแผนการนิเทศที่ขับเคลื่อนโดยเป้าหมายที่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการขับเคลื่อนตามนโยบาย (Agenda Based), การดำเนินงานตามภารกิจของกลุ่ม (Function Based), หรือการตอบสนองต่อความต้องการเฉพาะของพื้นที่ (Area Based) 15

ยกตัวอย่างเช่น ระบบ AI เชิงคาดการณ์ (Predictive AI) สามารถวิเคราะห์ข้อมูลผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน, อัตราการเข้าเรียน, และข้อมูลอื่นๆ ในอดีต เพื่อระบุแนวโน้มและชี้เป้าโรงเรียนหรือกลุ่มครูที่อาจต้องการการสนับสนุนเป็นพิเศษในอนาคตอันใกล้ 8 สิ่งนี้ช่วยให้ศึกษานิเทศก์สามารถจัดสรรทรัพยากรและเวลาที่มีอยู่อย่างจำกัดได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยมุ่งเน้นไปที่จุดที่มีความต้องการเร่งด่วนที่สุด นอกจากนี้ AI ยังสามารถทำหน้าที่เป็นเครื่องมือติดตามและประเมินผลการนิเทศที่มีประสิทธิภาพสูง โดยสามารถรวบรวมและแสดงผลข้อมูลความก้าวหน้าของครูและนักเรียนได้แบบเรียลไทม์ ทำให้การปรับเปลี่ยนแผนการนิเทศเป็นไปอย่างคล่องตัวและตอบสนองต่อสถานการณ์ได้ดียิ่งขึ้น 15

 การใช้ AI เป็นเครื่องมือวิเคราะห์และพัฒนาการจัดการเรียนรู้ของครู

AI สามารถทำหน้าที่เสมือน “ผู้ช่วยนิเทศ” ที่ทำงานร่วมกับศึกษานิเทศก์ในการวิเคราะห์การจัดการเรียนรู้ของครูในระดับที่ลึกและละเอียดกว่าที่เคยเป็นมา แพลตฟอร์ม AI สมัยใหม่สามารถวิเคราะห์วิดีโอบันทึกการสอน เพื่อให้ข้อมูลเชิงลึกในมิติต่างๆ เช่น สัดส่วนเวลาที่ครูพูดต่อนักเรียนพูด, ประเภทของคำถามที่ครูใช้ (คำถามปลายปิด/ปลายเปิด), รูปแบบการมีปฏิสัมพันธ์ในชั้นเรียน หรือระดับการมีส่วนร่วมของนักเรียนแต่ละคน ข้อมูลเหล่านี้เป็นข้อมูลป้อนกลับที่เป็นกลางและเป็นรูปธรรม ซึ่งศึกษานิเทศก์สามารถนำมาใช้เป็นจุดเริ่มต้นในการสนทนาสะท้อนผล (Reflective Dialogue) กับครูได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ AI ยังสามารถช่วยวิเคราะห์องค์ประกอบอื่นๆ ของการจัดการเรียนรู้ เช่น แผนการจัดการเรียนรู้, สื่อการสอน หรือแบบทดสอบที่ครูสร้างขึ้น โดยให้ข้อเสนอแนะเบื้องต้นเกี่ยวกับความสอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้ หรือความเหมาะสมกับระดับของผู้เรียน 26 ยิ่งไปกว่านั้น AI ยังสามารถสร้างสถานการณ์จำลอง (Simulations) ที่สมจริง เพื่อให้ครูได้ฝึกฝนทักษะการสอนหรือการจัดการชั้นเรียนในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย และได้รับข้อมูลป้อนกลับเพื่อการปรับปรุงได้ทันที 14 การใช้เครื่องมือเหล่านี้ช่วยให้กระบวนการพัฒนาครูเป็นไปอย่างต่อเนื่องและเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น

 การสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) บนแพลตฟอร์มดิจิทัล

หนึ่งในบทบาทที่สำคัญที่สุดของศึกษานิเทศก์ในยุคใหม่คือการสร้างและสนับสนุนให้เกิด “ชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ” (Professional Learning Community – PLC) ที่ครูสามารถแลกเปลี่ยนเรียนรู้ แบ่งปันประสบการณ์ และร่วมมือกันพัฒนานวัตกรรมการสอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบูรณาการ AI เข้ากับการเรียนรู้ 16

การมาถึงของ AI และแพลตฟอร์มดิจิทัลได้เปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงานของศึกษานิเทศก์ไปอย่างสิ้นเชิง จากเดิมที่ทำงานในลักษณะ “Hub-and-Spoke” คือศึกษานิเทศก์ (Hub) เป็นศูนย์กลางและเดินทางไปพบครู (Spokes) เป็นรายบุคคล ซึ่งเป็นการถ่ายทอดความรู้ที่จำกัดและไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร ไปสู่การเป็น “ผู้ถักทอเครือข่าย” (Network Weaver) หรือ “สถาปนิกชุมชนการเรียนรู้” (Community Architect) คุณค่าหลักของศึกษานิเทศก์ไม่ได้อยู่ที่การเป็นผู้เชี่ยวชาญเพียงหนึ่งเดียวอีกต่อไป แต่อยู่ที่ความสามารถในการสร้างและหล่อเลี้ยงเครือข่ายการเรียนรู้ทางวิชาชีพที่เข้มแข็งและมีชีวิตชีวา

ในบทบาทใหม่นี้ ศึกษานิเทศก์จะใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและ AI เพื่อเอาชนะข้อจำกัดทางภูมิศาสตร์และเวลา ทำให้ครูจากต่างโรงเรียนสามารถเชื่อมต่อและเรียนรู้ร่วมกันได้ตลอดเวลา AI สามารถช่วยอำนวยความสะดวกให้ชุมชนเหล่านี้ได้หลายวิธี เช่น การวิเคราะห์การสนทนาในฟอรัมเพื่อสรุปประเด็นสำคัญ, การแนะนำทรัพยากรหรือบทความที่เกี่ยวข้องกับความสนใจของครูแต่ละคน, หรือการจับคู่ครูที่กำลังเผชิญปัญหาคล้ายกันให้ได้มาปรึกษาหารือกัน เมื่อศึกษานิเทศก์พบเห็นแนวปฏิบัติที่ดีจากครูคนหนึ่ง (ซึ่งอาจถูกค้นพบโดยระบบวิเคราะห์ข้อมูลของ AI) ก็สามารถทำหน้าที่เป็นผู้ส่งเสริมและอำนวยความสะดวกให้แนวปฏิบัตินั้นถูกแบ่งปันและขยายผลไปทั่วทั้งเครือข่าย กลยุทธ์นี้เป็นการขยายผลกระทบ (Scale up the impact) ของศึกษานิเทศก์ได้อย่างมหาศาล แทนที่จะช่วยเหลือครูได้ทีละคน ศึกษานิเทศก์กำลังใช้ประโยชน์จากภูมิปัญญาร่วมของทั้งเครือข่าย ซึ่งถูกขยายศักยภาพด้วย AI ความสำเร็จของศึกษานิเทศก์ในยุคนี้จึงไม่ได้วัดจากจำนวนครั้งที่ไปนิเทศโรงเรียน แต่วัดจากความเข้มแข็งและความกระตือรือร้นของชุมชนการเรียนรู้ที่ตนเองได้สร้างขึ้น

ตอนที่ 5 แนวปฏิบัติที่เป็นเลิศ: การโค้ชครูเพื่อบูรณาการ AI สู่ผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน

การเปลี่ยนผ่านสู่บทบาทโค้ชการเรียนรู้จำเป็นต้องมีแนวปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมและจับต้องได้ เพื่อให้ศึกษานิเทศก์สามารถนำทางและสนับสนุนครูในการบูรณาการ AI เข้ากับการจัดการเรียนรู้ได้อย่างมีความหมายและเกิดประสิทธิผลสูงสุดต่อผู้เรียน บทนี้จะนำเสนอแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practices) โดยอิงจากกรอบแนวคิดและกรณีศึกษาที่เกี่ยวข้อง

 กรอบแนวคิดการโค้ชครูเพื่อการใช้เทคโนโลยี (Coaching Framework for Technology Integration)

เพื่อให้การโค้ชมีทิศทางและเป้าหมายที่ชัดเจน ศึกษานิเทศก์ควรมีกรอบการทำงาน (Framework) เป็นเครื่องมือนำทาง หนึ่งในกรอบแนวคิดที่มีประสิทธิภาพสำหรับการบูรณาการเทคโนโลยีคือ กรอบแนวคิด Triple E (Engage, Enhance, Extend) 16 ซึ่งศึกษานิเทศก์สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการตั้งคำถามและร่วมออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้กับครู ดังนี้

  • Engage (การมีส่วนร่วม): การใช้ AI ช่วยให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้อย่างกระตือรือร้น (Active Learning) ได้อย่างไร? ศึกษานิเทศก์สามารถโค้ชครูให้ออกแบบกิจกรรมที่ใช้ AI เพื่อสร้างความน่าสนใจ เช่น การใช้เกมหรือสถานการณ์จำลองที่ขับเคลื่อนด้วย AI 6 หรือการใช้แชทบอทเพื่อให้นักเรียนได้ฝึกฝนและโต้ตอบในสภาพแวดล้อมที่ปราศจากแรงกดดัน 16
  • Enhance (การยกระดับ): การใช้ AI ช่วยยกระดับการเรียนรู้และพัฒนาทักษะของผู้เรียนให้สูงขึ้นกว่าการเรียนแบบเดิมๆ ที่ไม่มีเทคโนโลยีได้อย่างไร? ศึกษานิเทศก์สามารถโค้ชครูให้ใช้ AI เป็นเครื่องมือช่วยในการพัฒนาทักษะการคิดขั้นสูง เช่น การใช้ AI ช่วยวิเคราะห์ชุดข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อหาความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน หรือการใช้ AI ช่วยในการวางแผนและแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ 16
  • Extend (การขยายผล): การใช้ AI ช่วยเชื่อมโยงการเรียนรู้ในห้องเรียนเข้ากับชีวิตจริงและโลกภายนอกได้อย่างไร? ศึกษานิเทศก์สามารถโค้ชครูให้ออกแบบโครงงานที่ให้นักเรียนใช้ AI ในการแก้ปัญหาจริงในชุมชน หรือใช้ AI เพื่อเชื่อมต่อและทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญหรือนักเรียนจากที่อื่นทั่วโลก เพื่อขยายประสบการณ์การเรียนรู้ให้กว้างไกลออกไป 16

 

การโค้ชเพื่อสร้างประสบการณ์การเรียนรู้เฉพาะบุคคลด้วย AI (Coaching for AI-Personalized Learning)

นี่คือหัวใจสำคัญของการใช้ AI ในการศึกษา ศึกษานิเทศก์มีบทบาทอย่างยิ่งในการโค้ชครูให้สามารถใช้ประโยชน์จากศักยภาพนี้ได้อย่างเต็มที่ แนวทางการโค้ชควรมุ่งเน้นไปที่การใช้ “ระบบการเรียนรู้แบบปรับเหมาะ” (Adaptive Learning Systems) 16 ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ใช้ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลการเรียนรู้ของผู้เรียนแต่ละคนแบบเรียลไทม์ และปรับเปลี่ยนเนื้อหา ความยากง่าย หรือลำดับการเรียนรู้ให้เหมาะสมกับจังหวะและความต้องการของแต่ละบุคคล 7

การโค้ชในประเด็นนี้ควรมุ่งเน้นให้ครูเปลี่ยนมุมมองจากการสอนแบบ “หนึ่งขนาดเหมาะกับทุกคน” (One-size-fits-all) ไปสู่การเป็นผู้ออกแบบและอำนวยความสะดวกในเส้นทางการเรียนรู้ที่หลากหลาย ศึกษานิเทศก์ต้องโค้ชครูให้สามารถตีความข้อมูลเชิงลึกที่ได้จากระบบ AI เพื่อทำความเข้าใจจุดแข็ง จุดอ่อน และรูปแบบการเรียนรู้ของผู้เรียนแต่ละคน 26 และนำข้อมูลนั้นมาใช้ในการออกแบบการสนับสนุนที่ตรงจุด ไม่ว่าจะเป็นการให้แบบฝึกหัดเสริมสำหรับนักเรียนที่ต้องการการทบทวน หรือการมอบหมายโจทย์ที่ท้าทายขึ้นสำหรับนักเรียนที่มีความสามารถสูง รวมถึงการใช้ AI เพื่อสนับสนุนผู้เรียนที่มีความต้องการพิเศษได้อย่างมีประสิทธิภาพ 16

 การโค้ชเพื่อส่งเสริมการประเมินผลเพื่อการพัฒนาด้วย AI (Coaching for AI-Enhanced Formative Assessment)

AI มีศักยภาพในการปฏิวัติกระบวนการประเมินผล โดยเปลี่ยนจากการประเมินผลเพื่อตัดสิน (Summative Assessment) ไปสู่การประเมินผลเพื่อการพัฒนา (Formative Assessment) ที่ให้ข้อมูลป้อนกลับอย่างต่อเนื่อง ศึกษานิเทศก์ควรโค้ชครูให้ใช้เครื่องมือ AI ในด้านต่างๆ ดังนี้:

  • การสร้างและตรวจข้อสอบอัตโนมัติ: โค้ชครูให้ใช้เครื่องมือ AI ในการสร้างแบบทดสอบและตรวจคำตอบอัตโนมัติ เพื่อลดภาระงานและทำให้นักเรียนได้รับข้อมูลป้อนกลับเกี่ยวกับความเข้าใจของตนเองได้อย่างรวดเร็ว 10
  • การประเมินผลแบบปรับตัว (Adaptive Assessment): แนะนำและสนับสนุนให้ครูทดลองใช้ระบบการประเมินที่ใช้ AI ในการปรับระดับความยากของคำถามให้เหมาะสมกับระดับความสามารถของผู้เรียนแต่ละคน ทำให้การวัดผลมีความแม่นยำและท้าทายอย่างเหมาะสม 16
  • การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อปรับการสอน: โค้ชครูให้ใช้แดชบอร์ด (Dashboard) ที่แสดงผลการวิเคราะห์ข้อมูลจากการประเมิน เพื่อระบุได้อย่างรวดเร็วว่ามีแนวคิดหรือหัวข้อใดที่นักเรียนส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจ และสามารถปรับแผนการสอนในครั้งต่อไปได้ทันท่วงที 10
  • การสร้างรายงานผลป้อนกลับเชิงลึก: ส่งเสริมให้ครูใช้ AI สร้างรายงานผลการประเมินที่ละเอียดและเป็นภาพ ซึ่งไม่เพียงแต่บอกคะแนน แต่ยังให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับจุดแข็งและจุดที่ต้องพัฒนาของผู้เรียนแต่ละคน เพื่อให้ครูสามารถให้ข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์และเฉพาะเจาะจงได้ 16

 

การโค้ชเพื่อปลูกฝังทักษะแห่งอนาคต: การคิดเชิงวิพากษ์, ความคิดสร้างสรรค์, และการทำงานร่วมกับ AI

ในโลกที่ AI สามารถให้ “คำตอบ” ที่ถูกต้องได้อย่างรวดเร็ว คุณค่าของการศึกษาไม่ได้อยู่ที่การท่องจำข้อมูลอีกต่อไป แต่อยู่ที่การพัฒนาทักษะที่เครื่องจักรยังทำได้ไม่ดีเท่ามนุษย์ ศึกษานิเทศก์จึงมีภารกิจสำคัญในการโค้ชครูให้ออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ที่มุ่งเน้นการพัฒนาทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 4

แนวทางการโค้ชคือการส่งเสริมให้ครูออกแบบโจทย์หรือโครงงานที่นักเรียนต้องใช้ AI ในฐานะ “ผู้ร่วมงาน” (Collaborator) ไม่ใช่ “ผู้รับใช้” (Servant) ตัวอย่างเช่น แทนที่จะถามคำถามที่สามารถค้นหาคำตอบได้จาก AI ควรมอบหมายโครงงานที่ให้นักเรียนใช้ AI เป็นเครื่องมือในการสำรวจข้อมูล, วิเคราะห์หารูปแบบ, และสร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆ 16 ศึกษานิเทศก์สามารถโค้ชครูในการจัดทำโครงงานที่ให้นักเรียนใช้ Generative AI ในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ ดนตรี วรรณกรรม 16 หรือการออกแบบผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อแก้ปัญหาในชีวิตจริง 20 ซึ่งกระบวนการเหล่านี้จะช่วยส่งเสริมทั้งความคิดสร้างสรรค์ ทักษะการแก้ปัญหา และความสามารถในการทำงานร่วมกับเทคโนโลยีได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 การจัดการความท้าทายในชั้นเรียน: การโค้ชครูเรื่องจริยธรรมการใช้ AI และการป้องกันการทุจริต

การนำ AI เข้ามาในห้องเรียนย่อมมาพร้อมกับความท้าทายใหม่ๆ ที่ครูต้องรับมือ ศึกษานิเทศก์ในฐานะโค้ชและนักจริยธรรมดิจิทัลต้องเตรียมพร้อมให้การสนับสนุนครูในประเด็นที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้

  • จริยธรรมการใช้ AI: ศึกษานิเทศก์ต้องโค้ชครูให้สามารถจัดกระบวนการเรียนรู้ที่สอดแทรกการอภิปรายเรื่องการใช้ AI อย่างมีจริยธรรม 16 เช่น การพูดคุยถึงประเด็นอคติของ AI, ความเป็นส่วนตัวของข้อมูล, และผลกระทบของ AI ต่อสังคม เพื่อให้นักเรียนกลายเป็นพลเมืองดิจิทัลที่มีความรับผิดชอบและรู้เท่าทันเทคโนโลยี 5
  • ความซื่อสัตย์ทางวิชาการ (Academic Integrity): ความกังวลเรื่องนักเรียนใช้ AI ในการทำการบ้านหรือเขียนเรียงความแทนตนเองเป็นความท้าทายที่สำคัญ 4 ศึกษานิเทศก์ต้องโค้ชครูในการรับมือกับปัญหานี้อย่างสร้างสรรค์ ไม่ใช่ด้วยการสั่งห้ามใช้เทคโนโลยี แต่ด้วยการปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานและการประเมินผล เช่น การกำหนดนโยบายการใช้ AI ในชั้นเรียนที่ชัดเจน 19, การออกแบบการประเมินที่เน้นกระบวนการคิด การสะท้อนผล หรือการนำเสนอผลงานด้วยตนเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ AI ไม่สามารถทำแทนได้ทั้งหมด

เพื่อช่วยให้ศึกษานิเทศก์มีแนวทางที่ชัดเจนในการโค้ชครูเกี่ยวกับการใช้เครื่องมือ AI ประเภทต่างๆ ตารางต่อไปนี้ได้สรุปตัวอย่างการประยุกต์ใช้และประเด็นสำคัญในการโค้ช

ตารางที่ 2: เครื่องมือ AI สำหรับการนิเทศและการจัดการเรียนรู้: แนวทางการโค้ช

ประเภทเครื่องมือ AI (AI Tool Category)ตัวอย่างการประยุกต์ใช้สำหรับครู (Teacher Application Examples)ประเด็นการโค้ชสำหรับศึกษานิเทศก์ (Coaching Points for Supervisors)
Generative AI (เช่น ChatGPT, Gemini, Midjourney)สร้างแผนการสอน, สื่อการเรียน, แบบฝึกหัด, ออกแบบโครงงาน, สร้างรูปภาพประกอบการสอนการตั้งคำสั่ง (Prompt Engineering) ที่มีประสิทธิภาพ, การตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล (Fact-checking), การปรับแก้ผลลัพธ์ให้เหมาะสมกับบริบท, การสอนเรื่องการอ้างอิงและจริยธรรมการใช้
Data Analytics Platforms (แพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูลผู้เรียน)วิเคราะห์ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน, ติดตามความก้าวหน้า, ระบุกลุ่มนักเรียนที่ต้องการความช่วยเหลือการตีความข้อมูลเชิงลึกเพื่อนำไปสู่การปรับการสอน, การระวังอคติในข้อมูล, การรักษาสมดุลระหว่างข้อมูลเชิงปริมาณกับข้อมูลเชิงคุณภาพ (การสังเกต), การสื่อสารผลกับผู้ปกครอง
Adaptive Learning Systems (ระบบการเรียนรู้แบบปรับเหมาะ)จัดเส้นทางการเรียนรู้เฉพาะบุคคล, มอบหมายงานตามระดับความสามารถ, ให้แบบฝึกหัดเสริมอัตโนมัติการเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสม, การรักษาสมดุลระหว่างการเรียนรู้ผ่านเทคโนโลยีกับปฏิสัมพันธ์ในชั้นเรียน, การติดตามและให้กำลังใจนักเรียน, การบูรณาการเข้ากับกิจกรรมกลุ่ม
AI-Powered Assessment Tools (เครื่องมือประเมินผลด้วย AI)สร้างแบบทดสอบ, ตรวจคำตอบอัตโนมัติ, ให้ข้อมูลป้อนกลับเบื้องต้นในงานเขียน, การประเมินแบบปรับตัวการออกแบบการประเมินที่วัดทักษะการคิดขั้นสูง (ไม่ใช่แค่ความจำ), การสอนให้นักเรียนใช้ข้อมูลป้อนกลับเพื่อการพัฒนา, การตรวจสอบความแม่นยำของ AI, การใช้เป็นเครื่องมือเพื่อการพัฒนา ไม่ใช่เพื่อการตัดสิน

การมีแนวปฏิบัติและเครื่องมือที่ชัดเจนเหล่านี้ จะช่วยให้ศึกษานิเทศก์สามารถทำหน้าที่โค้ชได้อย่างมั่นใจและมีทิศทาง นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงการจัดการเรียนรู้ในห้องเรียนที่ยั่งยืนและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้เรียน

ตอนที่ 6 บทสรุปและข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย: ก้าวต่อไปของการนิเทศการศึกษาไทยในยุค AI

การเดินทางผ่านภูมิทัศน์การศึกษาที่กำลังถูกพลิกโฉมโดยปัญญาประดิษฐ์ ได้เผยให้เห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการปฏิรูปบทบาทของศึกษานิเทศก์อย่างถึงรากถึงโคน การเปลี่ยนผ่านนี้ไม่ใช่เพียงการนำเครื่องมือใหม่มาใช้ แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงตัวตน คุณค่า และพันธกิจของวิชาชีพ เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อความท้าทายและคว้าโอกาสแห่งอนาคตได้อย่างแท้จริง

สรุปการปฏิรูปบทบาทของศึกษานิเทศก์: จากผู้ติดตามสู่สถาปนิกแห่งการเรียนรู้

บทบาทของศึกษานิเทศก์ได้ถูกขับเคลื่อนโดยเทคโนโลยี AI ให้วิวัฒนาการจากการเป็น “ผู้กำกับติดตาม” ที่มุ่งเน้นการตรวจสอบการปฏิบัติตามกฎระเบียบและมาตรฐาน ไปสู่การเป็น “สถาปนิกแห่งการเรียนรู้” ที่มีบทบาทหลากหลายมิติและซับซ้อนยิ่งขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นการเปลี่ยน “ตัวตน” (Identity) และ “คุณค่า” (Value) ของวิชาชีพอย่างสิ้นเชิง โดยมีองค์ประกอบสำคัญดังนี้:

  • จากผู้ให้คำแนะนำ สู่ โค้ช (Coach): เปลี่ยนจากการให้คำตอบสำเร็จรูป ไปสู่การใช้กระบวนการโค้ชที่เน้นการตั้งคำถามเพื่อดึงศักยภาพและส่งเสริมให้ครูเป็นเจ้าของการพัฒนาตนเอง
  • จากผู้รักษาสภาพ สู่ ผู้นำการเปลี่ยนแปลง (Change Leader): เปลี่ยนจากการรักษาสภาพเดิมให้เป็นไปตามระเบียบ ไปสู่การเป็นผู้นำที่สร้างวิสัยทัศน์และสนับสนุนให้ครูและสถานศึกษากล้าที่จะทดลองและปรับตัวเข้ากับนวัตกรรมใหม่ๆ
  • จากผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อหา สู่ นักจริยธรรมดิจิทัล (Digital Ethicist): ขยายบทบาทจากการเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านหลักสูตรและการสอน ไปสู่การเป็นที่ปรึกษาที่สามารถนำการอภิปรายและตัดสินใจในประเด็นเชิงจริยธรรมที่ซับซ้อนซึ่งเกิดจากการใช้เทคโนโลยี
  • จากผู้ปฏิบัติงานเดี่ยว สู่ ผู้ถักทอเครือข่าย (Network Weaver): เปลี่ยนจากการทำงานแบบตัวต่อตัวเป็นหลัก ไปสู่การเป็นผู้สร้างและหล่อเลี้ยงชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ ที่ซึ่งความรู้และแนวปฏิบัติที่ดีสามารถถูกแบ่งปันและขยายผลได้อย่างกว้างขวางผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล

การปฏิรูปบทบาทนี้คือหัวใจสำคัญที่จะทำให้การนิเทศการศึกษายังคงมีความเกี่ยวข้องและสามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อคุณภาพการศึกษาไทยในยุคดิจิทัลได้อย่างยั่งยืน

 ประเด็นชวนคิด ชวนเรียนรู้ ชวนลงมือทำ: ข้อเสนอสำหรับศึกษานิเทศก์, ผู้บริหารสถานศึกษา, และผู้กำหนดนโยบาย

เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงนี้ให้เกิดขึ้นจริง ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องจำเป็นต้องร่วมมือกันลงมือทำ รายงานฉบับนี้จึงขอฝากประเด็นชวนคิดเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติสำหรับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในแต่ละระดับ ดังนี้

สำหรับศึกษานิเทศก์:

  • ชวนเรียนรู้: ท่านจะเริ่มต้นพัฒนาสมรรถนะด้าน AI และทักษะการโค้ชของตนเองจากจุดใด? มีแหล่งเรียนรู้ออนไลน์ ชุมชน หรือเครือข่ายใดที่ท่านสามารถเข้าร่วมเพื่อพัฒนาตนเองได้บ้าง?
  • ชวนคิด: ท่านจะสร้างสมดุลระหว่างการใช้ข้อมูลเชิงลึกที่ได้จาก AI กับการใช้สัญชาตญาณ ประสบการณ์ และความเข้าอกเข้าใจในความเป็นมนุษย์ของท่านในการนิเทศครูได้อย่างไร?
  • ชวนลงมือทำ: ลองเลือกโรงเรียนนำร่อง 1-2 แห่ง เพื่อทดลองใช้แนวทางการนิเทศแบบใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วย AI และกระบวนการโค้ช และสร้างเป็นกรณีศึกษาเพื่อแบ่งปันในเครือข่ายของท่าน

สำหรับผู้บริหารสถานศึกษา:

  • ชวนเรียนรู้: ท่านมีความเข้าใจในศักยภาพและข้อจำกัดของ AI ต่อการบริหารจัดการและการเรียนการสอนในโรงเรียนของท่านมากน้อยเพียงใด?
  • ชวนคิด: ท่านจะสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เปิดกว้างต่อการทดลองนวัตกรรมและสนับสนุนบทบาทใหม่ของศึกษานิเทศก์ในฐานะโค้ชได้อย่างไร? 16
  • ชวนลงมือทำ: จัดสรรทรัพยากร (เวลา, งบประมาณ, อุปกรณ์) เพื่อสนับสนุนให้ครูและศึกษานิเทศก์สามารถเข้าถึงและใช้เครื่องมือ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งกำหนดนโยบายการใช้ AI ในสถานศึกษาที่ชัดเจนและส่งเสริมการใช้งานอย่างมีจริยธรรม 16

สำหรับผู้กำหนดนโยบาย (ระดับเขตพื้นที่การศึกษาและระดับชาติ):

  • ชวนเรียนรู้: นโยบายปัจจุบันเกี่ยวกับการนิเทศการศึกษาและการประเมินผลงานของศึกษานิเทศก์สอดคล้องหรือเป็นอุปสรรคต่อการเปลี่ยนผ่านสู่บทบาทโค้ชการเรียนรู้ในยุค AI?
  • ชวนคิด: จะมีการปรับปรุงเกณฑ์การประเมินและเส้นทางความก้าวหน้าในสายอาชีพของศึกษานิเทศก์อย่างไร ให้สะท้อนถึงคุณค่าและสมรรถนะใหม่ที่จำเป็นในยุคนี้?
  • ชวนลงมือทำ: พัฒนานโยบายระดับชาติในการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลทางการศึกษาอย่างทั่วถึง 26 จัดทำแผนการพัฒนาบุคลากรทางการศึกษา (ทั้งครูและศึกษานิเทศก์) ด้าน AI อย่างเป็นระบบ และส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างระบบนิเวศ AI ทางการศึกษาของประเทศไทยเอง 19

 

อนาคตของการนิเทศ: การทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์และปัญญาประดิษฐ์เพื่อการศึกษาที่ยั่งยืน

อนาคตของการนิเทศการศึกษาไม่ได้อยู่ที่การเลือกระหว่างมนุษย์หรือปัญญาประดิษฐ์ แต่อยู่ที่การสร้างรูปแบบการทำงานร่วมกัน (Human-AI Collaboration) ที่ดึงเอาจุดแข็งของทั้งสองฝ่ายมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด AI จะทำหน้าที่ในสิ่งที่เครื่องจักรทำได้ดีที่สุด นั่นคือการประมวลผลข้อมูลจำนวนมหาศาลอย่างรวดเร็วและแม่นยำ, การทำงานที่ซ้ำซ้อนโดยอัตโนมัติ, และการค้นหารูปแบบที่ซ่อนอยู่ในข้อมูลซึ่งอาจมองไม่เห็นด้วยตามนุษย์

ในขณะเดียวกัน ศึกษานิเทศก์จะถูกปลดปล่อยให้สามารถทุ่มเทสมาธิและพลังงานไปกับสิ่งที่มนุษย์ทำได้ดีที่สุดและ AI ไม่สามารถทดแทนได้ นั่นคือการสร้างความสัมพันธ์บนฐานของความไว้วางใจ, การใช้ปัญญาและวิจารณญาณในการตีความบริบทที่ซับซ้อน, การแสดงความเห็นอกเห็นใจ, การให้กำลังใจ, และการตัดสินใจเชิงจริยธรรมที่ละเอียดอ่อน นี่คือหนทางที่จะนำไปสู่ระบบการนิเทศที่มีทั้งประสิทธิภาพและมนุษยธรรมในเวลาเดียวกัน เป็นระบบที่ใช้เทคโนโลยีเพื่อยกระดับความเป็นมนุษย์ ไม่ใช่ลดทอน และท้ายที่สุด จะนำไปสู่การยกระดับคุณภาพการศึกษาของประเทศไทยให้ทัดเทียมนานาชาติและพร้อมสำหรับความท้าทายแห่งอนาคตได้อย่างยั่งยืน

ผลงานที่อ้างอิง

  1. แนวทางการพัฒนาศึกษานิเทศก์ในมุมมองของครูผู้สอนในยุคของการ …, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 13, 2025 https://krukob.com/web/sv-11/
  2. บทที่ 2 เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 13, 2025 http://cmruir.cmru.ac.th/bitstream/123456789/1440/5/Chapter%202.pdf
  3. การพัฒนารูปแบบการนิเทศภายในโดยใช้กระบวนการนิเทศแบบให้คำชี้แนะ, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 13, 2025  https://research.otepc.go.th/files/ฉบับสมบูรณ์_4gqwujcb.pdf
  4. ผลกระทบของ AI ต่อการศึกษาระดับมัธยม: ความท้าทายและโอกาส – DivMagic, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 13, 2025 https://divmagic.com/th/blog/the-impact-of-ai-on-high-school-education-challenges-and-opportunities-137fgg
  5. คู่มือการใช้AI – กลุ่มนิเทศฯ สพป.ชร1, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 13, 2025 https://nitedcr1.go.th/wp-content/uploads/2025/03/OBEC-AI-Guidance_.pdf
  6. ข้อดีและข้อเสียของ AI ในการศึกษาและผลกระทบต่อครูในปี 2566 | ClassPoint, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 13, 2025  https://www.classpoint.io/blog/th/ข้อดีและข้อเสียของ-ai-ในก
  7. บทบาทของครูในยุค AI ความท้าทายและโอกาสใหม่, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 13, 2025 https://kruthaidev.com/news/4367/
  8. ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในด้านการศึกษา – Intel, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 13, 2025 https://www.thailand.intel.com/content/www/th/th/learn/ai-in-education.html
  9. ครูในยุค AI: การปรับบทบาทเพื่อนำทางผู้เรียนในโลกที่เปลี่ยนไป – Break Through Providence, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 13, 2025 https://breakthroughprovidence.org/education/ครูในยุค-ai-การปรับบทบาทเ/
  10. จุลสารนวัตกรรม ฉบับที่ 73 – ศึกษาปริทัศน์ เรื่อง AI มีประโยชน์และเป็นโทษต่อการศึกษา, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 13, 2025 https://il.mahidol.ac.th/th/newsletter73-page-2/
  11. เมื่อการศึกษาเผชิญหน้า AI: แง่มุมไหนที่การศึกษาไทยต้องเตรียมตัว | กสศ., เข้าถึงเมื่อ กันยายน 13, 2025 https://www.eef.or.th/clip-ai-for-teaching-and-learning/
  12. ปัญญาประดิษฐ์กับการนิเทศภายใน: แนวทางเพิ่มประสิทธิผลการบริหารสถานศึกษา, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 13, 2025 http://www.journalgrad.ssru.ac.th/index.php/miniconference/article/view/5336/3923
  13. ศึกษานิเทศก์ยุคใหม่ : การ … – JEAL || วารสารการบริหารการศึกษาและภาวะผู้นำ, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 13, 2025 https://jeal.snru.ac.th/ArticleView?ArticleID=1084
  14. บทบาทศึกษานิเทศก์ในยุคปัญญาประดิษฐ์: การปรับตัว และการเสริมสร้าง …, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 13, 2025 https://so07.tci-thaijo.org/index.php/JMCR/article/view/6451
  15. Ep:01 การใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อการนิเทศการศึกษา – YouTube, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 13, 2025 https://www.youtube.com/watch?v=B6UjryZf0hI
  16. 371.39 ส691ก สํานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา การประยุก ตใชAI ในการ …, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 13, 2025 http://backoffice.onec.go.th/uploads/Book/2104-file.pdf
  17. การใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อการนิเทศการศึกษา », เข้าถึงเมื่อ กันยายน 13, 2025 https://krukob.com/web/ai-6/
  18. AI ส่งผลต่อการศึกษาอย่างไร: ข้อดีและข้อเสียของการใช้ AI – Smodin, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 13, 2025 https://smodin.io/blog/th/how-ai-affects-education/
  19. การประยุกต์ใช้ Generative AI ในการศึกษา: โอกาสและความท้าทายสำหรับอนาคตแห่งการเรียนรู้ », เข้าถึงเมื่อ กันยายน 13, 2025 https://krukob.com/web/ai-21/
  20. รายงานนวัตกรรมการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice), เข้าถึงเมื่อ กันยายน 13, 2025 https://bomaiwa.ac.th/_files_school/63100861/workteacher/63100861_1_20250710-112526.pdf
  21. AI กับสังคม: ผลกระทบ อิทธิพล และการสร้างสมดุลเพื่ออนาคต – ALPHASEC, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 13, 2025 https://www.alphasec.co.th/post/ai-กับสังคม-ผลกระทบ-อิทธิพล-และการสร้างสมดุลเพื่ออนาคต
  22. การประยุกต์ใช้ AI ในการเรียนการสอนคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 13, 2025 https://www.utcc.ac.th/utcc-communication-ai-in-teaching/
  23. การพัฒนารูปแบบการโค้ชโดยผู้เชี่ยวชาญเพื่อส – ThaiJO, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 13, 2025 https://so02.tci-thaijo.org/index.php/jemri/article/download/257765/173446/977552
  24. (Active Learning) – สพฐ, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 13, 2025 https://academic.obec.go.th/images/document/1603180137_d_1.pdf
  25. การพัฒนารูปแบบโค้ชสะท้อนคิดเพื่อพัฒนาทักษะ – thaijo.org, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 13, 2025 https://so05.tci-thaijo.org/index.php/JTPLC/article/download/256425/173225/
  26. (PDF) แนวทางการประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการจัดการศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 2 – ResearchGate, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 13, 2025 https://www.researchgate.net/publication/386542429_naewthangkarprayuktchipayyapradisth_AI_nikarcadkarsuksa_sangkadsanakngankhetphunthikarsuksamathymsuksakrungthephmhankhr_khet_2
  27. so06.tci-thaijo.org, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 13, 2025 https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jber/article/view/279140/186140
  28. แบบอย่างที่ดี(Best Practice), เข้าถึงเมื่อ กันยายน 13, 2025 https://fth1.com/uppic/31100983/news/31100983_1_20250702-115943.pdf

Comments

comments

Powered by Facebook Comments

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

ติดต่อ ดร.อนุศร หงษ์ขุนทด
error: Content is protected !!