เจาะลึกบทบาทศึกษานิเทศก์: สู่ความเป็นเลิศทางวิชาชีพ
เจาะลึกบทบาทศึกษานิเทศก์: สู่ความเป็นเลิศทางวิชาชีพ
ดร.อนุศร หงษ์ขุนทด
ศึกษานิเทศก์ วิทยฐานะศึกษานิเทศก์เชี่ยวชาญ สพม.นครราชสีมา
Musicmankob@gmail.com 17 กันยายน 2568
บทนำ
ในระบบการศึกษาไทย ตำแหน่ง “ศึกษานิเทศก์” หรือที่เรียกโดยย่อว่า “ศน.” มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในฐานะกลไกเชื่อมต่อระหว่างนโยบายการศึกษาระดับชาติกับการปฏิบัติจริงในห้องเรียน ศึกษานิเทศก์ไม่ได้เป็นเพียงผู้ตรวจเยี่ยมหรือผู้ประเมิน แต่เป็นผู้นำทางวิชาการ เป็น “ครูของครู” และเป็น “กัลยาณมิตร” ของสถานศึกษา 1 ที่มีภารกิจในการส่งเสริม สนับสนุน และยกระดับคุณภาพการจัดการเรียนการสอนให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด บทบาทนี้จึงเปรียบเสมือนแกนกลางที่ค้ำจุนและขับเคลื่อนคุณภาพการศึกษาของประเทศให้ก้าวไปข้างหน้า
อย่างไรก็ตาม เส้นทางสู่ตำแหน่งศึกษานิเทศก์และการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนี้เต็มไปด้วยความท้าทายและความซับซ้อน ทั้งในมิติของภาระงานที่หลากหลาย ความคาดหวังจากทุกภาคส่วน และพลวัตของระบบการศึกษาที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ตำแหน่งที่เคยได้รับความสนใจอย่างสูงกลับเผชิญกับภาวะขาดแคลนผู้สมัครในบางพื้นที่ 2 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นในการทำความเข้าใจบทบาทนี้อย่างลึกซึ้งและรอบด้าน
รายงานฉบับนี้จึงจัดทำขึ้นเพื่อเป็นแนวทางสำหรับบุคลากรทางการศึกษาที่มีความมุ่งมั่นและสนใจในเส้นทางวิชาชีพศึกษานิเทศก์ โดยจะทำการวิเคราะห์อย่างเจาะลึกในทุกมิติ ตั้งแต่การถอดรหัสมาตรฐานตำแหน่งและภาระความรับผิดชอบ การเปรียบเทียบโครงสร้างการทำงานในระดับต่างๆ การสำรวจคุณลักษณะและสมรรถนะที่จำเป็นสำหรับศึกษานิเทศก์ยุคใหม่ ไปจนถึงการฉายภาพเส้นทางความก้าวหน้าทางวิชาชีพ และที่สำคัญที่สุดคือการ “ถอดบทเรียน” จากกรณีศึกษาผลงานวิชาการระดับเชี่ยวชาญ เพื่อให้เห็นกระบวนการคิดและการพัฒนานวัตกรรมที่เป็นรูปธรรม รายงานนี้มุ่งหวังที่จะมอบองค์ความรู้ที่ครอบคลุมและเป็นประโยชน์ เพื่อให้ผู้ที่สนใจสามารถวางแผนและเตรียมความพร้อมสู่การเป็นศึกษานิเทศก์มืออาชีพ ผู้มีส่วนสำคัญในการสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพให้กับการศึกษาไทยได้อย่างแท้จริง
ส่วนที่ 1: แก่นแท้ของตำแหน่งศึกษานิเทศก์: บทวิเคราะห์ตามมาตรฐานตำแหน่ง
การทำความเข้าใจตำแหน่งศึกษานิเทศก์ต้องเริ่มต้นจากการวิเคราะห์มาตรฐานตำแหน่งที่กำหนดโดยสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ซึ่งเป็นกรอบการทำงานหลักที่กำหนดทั้งหน้าที่ความรับผิดชอบ คุณสมบัติ และเส้นทางการเข้าสู่ตำแหน่ง มาตรฐานเหล่านี้ไม่เพียงเป็นข้อกำหนดทางกฎหมาย แต่ยังสะท้อนถึงปรัชญาและความคาดหวังที่ระบบการศึกษามีต่อผู้ดำรงตำแหน่งนี้
หน้าที่และความรับผิดชอบหลัก
ตามมาตรฐานกำหนดตำแหน่ง หน้าที่และความรับผิดชอบหลักของศึกษานิเทศก์ครอบคลุม 3 ด้านสำคัญ คือ การนิเทศการศึกษา การส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการศึกษา และการพัฒนาตนเองและวิชาชีพ 3 ซึ่งสามารถขยายความได้ดังนี้
- การนิเทศการศึกษา: นี่คือหัวใจของภารกิจ ศึกษานิเทศก์มีหน้าที่ส่งเสริมและสนับสนุนให้สถานศึกษาสามารถบริหารจัดการหลักสูตร จัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ พัฒนาระบบการประกันคุณภาพภายใน พัฒนาการวัดและประเมินผล รวมถึงพัฒนาสื่อ นวัตกรรม และเทคโนโลยีทางการศึกษาให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด 4
- การส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการศึกษา: นอกจากการนิเทศโดยตรง ศึกษานิเทศก์ยังมีบทบาทในการศึกษา ค้นคว้า วิเคราะห์ และวิจัยในประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา เช่น การพัฒนาหลักสูตร กระบวนการเรียนรู้ หรือระบบการบริหารงานวิชาการ เพื่อสร้างองค์ความรู้ใหม่ จัดทำเป็นเอกสาร คู่มือ หรือสื่อเผยแพร่แก่ผู้บริหาร ครู และผู้ที่เกี่ยวข้อง 4
- การพัฒนาตนเองและวิชาชีพ: ศึกษานิเทศก์ต้องพัฒนาตนเองอย่างสม่ำเสมอให้มีความรู้ความสามารถและทักษะที่ทันต่อการเปลี่ยนแปลง ทั้งในด้านเนื้อหาวิชาการที่นิเทศ ทักษะการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล และสมรรถนะทางวิชาชีพศึกษานิเทศก์ 4
ภารกิจเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าศึกษานิเทศก์ไม่ใช่เพียงผู้ให้คำแนะนำ แต่เป็น “ผู้นำการเปลี่ยนแปลงทางวิชาการ” ที่ต้องทำงานเชิงรุก ตั้งแต่การวิเคราะห์สภาพปัญหา การวางแผนการนิเทศ การสร้างเครื่องมือ ไปจนถึงการติดตามและประเมินผลเพื่อนำข้อมูลมาใช้ในการพัฒนางานอย่างเป็นระบบ 4
คุณสมบัติและเส้นทางการเข้าสู่ตำแหน่ง
การเข้าสู่ตำแหน่งศึกษานิเทศก์มีกระบวนการคัดเลือกที่เข้มข้นและมีคุณสมบัติเฉพาะที่ชัดเจน เพื่อให้ได้บุคลากรที่มีความพร้อมทั้งในด้านความรู้และประสบการณ์
- คุณสมบัติเบื้องต้น: โดยทั่วไป ผู้สมัครต้องดำรงตำแหน่งครูที่มีวิทยฐานะไม่ต่ำกว่า “ครูชำนาญการ” หรือตำแหน่งอื่นที่ ก.ค.ศ. เทียบเท่า 7 และต้องมีวุฒิการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีทางการศึกษา 8 อย่างไรก็ตาม การมีวุฒิปริญญาโทจะช่วยลดจำนวนปีของประสบการณ์การสอนที่ต้องการลง 8 และในทางปฏิบัติ วุฒิปริญญาโทถือเป็นคุณสมบัติที่จำเป็นอย่างยิ่ง
- กระบวนการคัดเลือก: การคัดเลือกประกอบด้วยการประเมินหลายมิติ ทั้งการประเมินประวัติและผลงาน (50 คะแนน) และการประเมินความสามารถในการนิเทศการศึกษา (150 คะแนน) 9 ผู้สมัครจะต้องนำเสนอเอกสารสำคัญ ได้แก่ ประวัติและผลงาน วิสัยทัศน์ในการเป็นศึกษานิเทศก์ และผลงานที่ภาคภูมิใจ (Best Practice) 8 นอกจากนี้ยังมีการสัมภาษณ์เพื่อประเมินบุคลิกภาพ ทักษะการสื่อสาร และวุฒิภาวะทางอารมณ์ 8
- การพัฒนาภาคบังคับ: ผู้ที่ผ่านการคัดเลือกจะต้องเข้ารับการพัฒนาตามหลักสูตรที่ ก.ค.ศ. กำหนด ซึ่งมีระยะเวลาไม่น้อยกว่า 35 ชั่วโมง 9 เนื้อหาจะมุ่งเน้นด้านการนิเทศการศึกษาและความเป็นผู้นำทางวิชาการ เมื่อผ่านการพัฒนาแล้วจะได้รับใบรับรองซึ่งมีอายุ 4 ปี เพื่อใช้ประกอบการบรรจุและแต่งตั้ง 9
การวิเคราะห์ข้อดี-ข้อด้อย: โอกาสและความท้าทายในวิชาชีพ
ตำแหน่งศึกษานิเทศก์มีทั้งโอกาสและความท้าทายที่ผู้สนใจควรพิจารณาอย่างรอบด้าน การตัดสินใจเข้าสู่เส้นทางนี้จึงต้องอาศัยการชั่งน้ำหนักระหว่างผลตอบแทนทางวิชาชีพกับความท้าทายในการปฏิบัติงานจริง
ข้อดี (Pros):
- โอกาสในการสร้างผลกระทบในวงกว้าง: ศึกษานิเทศก์มีโอกาสที่จะยกระดับคุณภาพการศึกษาได้มากกว่าหนึ่งห้องเรียนหรือหนึ่งโรงเรียน บทบาท “ครูของครู” ทำให้สามารถถ่ายทอดความรู้และกลยุทธ์การสอนที่มีประสิทธิภาพไปยังครูจำนวนมาก ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพของผู้เรียนในภาพรวม 1
- ความเป็นผู้นำทางวิชาการ: ตำแหน่งนี้เป็นเวทีสำหรับผู้ที่มีความเชี่ยวชาญและมีความเป็นผู้นำทางวิชาการอย่างแท้จริง สามารถนำเสนอแนวคิดใหม่ๆ ริเริ่มโครงการพัฒนา และเป็นที่ยอมรับในแวดวงการศึกษา 11
- ความก้าวหน้าในสายงานและผลตอบแทน: มีเส้นทางความก้าวหน้าทางวิทยฐานะที่ชัดเจน ตั้งแต่ระดับชำนาญการไปจนถึงเชี่ยวชาญพิเศษ ซึ่งมาพร้อมกับอัตราเงินเดือนและเงินวิทยฐานะที่สูงขึ้น 12
ข้อด้อย (Cons):
- ภาระงานที่หนักและหลากหลาย: ศึกษานิเทศก์มักถูกมองว่าเป็น “ตัวสรรหางานนอก” 2 เนื่องจากต้องรับผิดชอบงานโครงการและงานตามนโยบายเร่งด่วนจากหน่วยงานต้นสังกัดจำนวนมาก ทำให้เวลาและทรัพยากรสำหรับการนิเทศการสอนในชั้นเรียนซึ่งเป็นภารกิจหลักลดน้อยลง 13 ความเห็นจากครูสะท้อนว่า “งานมันล้นมือค่ะ” และต้องเดินทางบ่อย 2
- ความเข้าใจผิดในบทบาท: การที่ศึกษานิเทศก์ต้องติดตามงานตามนโยบายจำนวนมาก อาจทำให้ครูในโรงเรียนมองว่าศึกษานิเทศก์เป็น “เจ้านาย” ที่มาสั่งงานหรือตรวจสอบ มากกว่าจะเป็น “กัลยาณมิตร” ที่มาช่วยเหลือและให้คำปรึกษา ซึ่งอาจสร้างความสัมพันธ์เชิงลบและเป็นอุปสรรคต่อการนิเทศที่มีประสิทธิภาพ 14
- ความท้าทายในการเลื่อนวิทยฐานะ: การทำผลงานทางวิชาการเพื่อเลื่อนวิทยฐานะมีความซับซ้อนกว่าครูผู้สอน เนื่องจากต้องอาศัยความร่วมมือและผลงานที่เกิดจากการพัฒนาครูและสถานศึกษา ไม่สามารถสร้างผลงานได้โดยตรงจากห้องเรียนของตนเอง 11 อีกทั้งการนับระยะเวลาต่อเนื่องจากตำแหน่งครูอาจมีปัญหา ทำให้เกิดความล่าช้าในความก้าวหน้า 11
ภาวะที่ตำแหน่งศึกษานิเทศก์ได้รับความสนใจลดลงในปัจจุบัน 2 ไม่ได้เกิดจากภาระงานที่หนักเพียงอย่างเดียว แต่มีรากฐานมาจากความขัดแย้งเชิงโครงสร้างระหว่าง “เป้าประสงค์ตามมาตรฐานตำแหน่ง” กับ “การปฏิบัติงานจริง” มาตรฐานตำแหน่งได้กำหนดบทบาทของศึกษานิเทศก์ในฐานะผู้นำทางวิชาการที่มุ่งพัฒนาคุณภาพการสอน 1 แต่ในทางปฏิบัติ ระบบบริหารจัดการมักใช้ศึกษานิเทศก์เป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนนโยบายและจัดการภารกิจเร่งด่วนของเขตพื้นที่ 13 ความขัดแย้งนี้ส่งผลให้ศึกษานิเทศก์ไม่สามารถทุ่มเทให้กับภารกิจหลักได้อย่างเต็มที่ นำไปสู่ความไม่พึงพอใจในงานของตนเอง และสร้างการรับรู้เชิงลบจากฝั่งครูผู้สอน 14 ซึ่งมองว่าการมาของศึกษานิเทศก์คือการเพิ่มภาระงานมากกว่าการสนับสนุนทางวิชาการ ปรากฏการณ์นี้ได้สร้าง “คอขวด” ที่สำคัญในระบบการศึกษา เพราะกลไกหลักที่จะแปลงนโยบายไปสู่การปฏิบัติในห้องเรียนกำลังถูกเบี่ยงเบนไปทำหน้าที่อื่น ทำให้การปฏิรูปการศึกษาหยั่งรากได้ยากและอาจนำไปสู่ภาวะชะงักงันในการพัฒนาการสอนในภาพรวมของประเทศ
มิติ (Aspect) | ข้อดี (Advantage) | ข้อด้อย (Disadvantage) |
ผลกระทบทางวิชาชีพ (Professional Impact) | สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงและยกระดับคุณภาพการศึกษาในวงกว้าง เป็น “ครูของครู” 1 | ถูกเบี่ยงเบนไปทำงานธุรการและงานนโยบาย ทำให้การนิเทศการสอนซึ่งเป็นภารกิจหลักไม่มีประสิทธิภาพ 13 |
ความก้าวหน้าในอาชีพ (Career Development) | มีเส้นทางวิทยฐานะที่ชัดเจนและได้รับการยอมรับในแวดวงวิชาการ 11 | การทำผลงานวิชาการมีความซับซ้อนและต้องพึ่งพาผลจากครู การนับเวลาต่อเนื่องอาจมีปัญหา 11 |
สมดุลงานและชีวิต (Work-Life Balance) | มีโอกาสในการพัฒนาตนเองผ่านการอบรมและสร้างเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง 11 | ภาระงานล้นมือ เดินทางบ่อย ไม่มีช่วงปิดเทอมเหมือนครูผู้สอน 2 |
ความสัมพันธ์กับสถานศึกษา (Relationship with Schools) | สามารถเป็นกัลยาณมิตรและที่ปรึกษาที่ได้รับความไว้วางใจจากครูและผู้บริหาร 11 | อาจถูกมองว่าเป็นผู้ตรวจสอบหรือผู้สั่งงาน ทำให้เกิดทัศนคติเชิงลบและความร่วมมือลดลง 14 |
ความเป็นอิสระและความรับผิดชอบ (Autonomy & Responsibility) | มีความเป็นอิสระในการวางแผนและออกแบบกระบวนการนิเทศของตนเอง | ต้องรับผิดชอบต่อนโยบายจำนวนมากจากส่วนกลาง ซึ่งอาจจำกัดความเป็นอิสระในการทำงานตามบริบทพื้นที่ 2 |
ส่วนที่ 2: โครงสร้างและพลวัตการทำงาน: จากนโยบายสู่ห้องเรียน
การทำงานของศึกษานิเทศก์เป็นกระบวนการที่เชื่อมโยงกันหลายระดับ ตั้งแต่การรับนโยบายจากส่วนกลาง การวางแผนและปฏิบัติการในระดับเขตพื้นที่การศึกษา ไปจนถึงการทำงานร่วมกับสถานศึกษาอย่างใกล้ชิด เพื่อให้เกิดการพัฒนาคุณภาพการศึกษาอย่างเป็นรูปธรรม
บทบาทในระดับนโยบาย: การขับเคลื่อนภารกิจจาก สพฐ.
ศึกษานิเทศก์คือบุคลากรด่านหน้าที่รับผิดชอบการขับเคลื่อนนโยบายสำคัญและจุดเน้นจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ไปสู่การปฏิบัติในพื้นที่ 15 พวกเขาทำหน้าที่เป็น “สะพานเชื่อม” ที่สำคัญ โดยต้องมีความสามารถในการตีความและแปลงนโยบายระดับมหภาค เช่น การยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน O-NET, การพัฒนาทักษะการอ่านออกเขียนได้ หรือนโยบาย “เรียนดี มีความสุข” ให้กลายเป็นแผนปฏิบัติการที่สอดคล้องกับบริบทของแต่ละโรงเรียน 15 ในทางกลับกัน ศึกษานิเทศก์ยังมีหน้าที่รวบรวมข้อมูล สรุป และรายงานผลการดำเนินงานตามนโยบายกลับไปยังหน่วยงานต้นสังกัด 15 ซึ่งเป็นข้อมูลย้อนกลับที่สำคัญในการปรับปรุงและพัฒนานโยบายในอนาคต บทบาทนี้จึงต้องการความเข้าใจอย่างลึกซึ้งทั้งในเจตนารมณ์ของนโยบายและสภาพความเป็นจริงของพื้นที่ปฏิบัติงาน 17
การปฏิบัติงานในระดับเขตพื้นที่การศึกษา
ศูนย์กลางการทำงานของศึกษานิเทศก์อยู่ที่ “กลุ่มนิเทศ ติดตาม และประเมินผลการจัดการศึกษา” ภายในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา 4 ซึ่งมีกระบวนการทำงานที่เป็นระบบและต่อเนื่อง ดังนี้
- การวิเคราะห์และวางแผน (Analysis & Planning): กระบวนการเริ่มต้นด้วยการศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลและบริบทของสถานศึกษาในความรับผิดชอบ 4 ศึกษานิเทศก์จะรวบรวมข้อมูลหลากหลายมิติ เช่น ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระดับต่างๆ (O-NET, NT, RT), ข้อมูลสารสนเทศของโรงเรียน, และผลการนิเทศในปีก่อนหน้า เพื่อวิเคราะห์จุดเด่น จุดที่ควรพัฒนา และความต้องการจำเป็นของแต่ละโรงเรียนหรือกลุ่มโรงเรียน 4
- การพัฒนาแผนการนิเทศ (Plan Development): จากข้อมูลการวิเคราะห์ ศึกษานิเทศก์จะจัดทำ “แผนการนิเทศรายบุคคล” ซึ่งระบุวัตถุประสงค์, เป้าหมาย, กิจกรรม, และตัวชี้วัดความสำเร็จที่ชัดเจน แผนนี้ต้องสอดคล้องกับนโยบายของ สพฐ. จุดเน้นของเขตพื้นที่ และความต้องการของสถานศึกษา 4
- การสร้างและพัฒนาเครื่องมือ (Tool Creation): เพื่อให้การนิเทศมีประสิทธิภาพ ศึกษานิเทศก์จะดำเนินการคัดสรร สร้าง หรือพัฒนาสื่อ นวัตกรรม และเครื่องมือที่ใช้ในการนิเทศ เช่น แบบสังเกตการสอน, แบบประเมิน, คู่มือสำหรับครู, หรือสื่อการเรียนรู้ต้นแบบ 4
- การปฏิบัติการนิเทศ (Execution): ศึกษานิเทศก์ลงพื้นที่ปฏิบัติการนิเทศตามแผนที่วางไว้ โดยใช้รูปแบบและเทคนิคการนิเทศที่หลากหลาย เพื่อให้เหมาะสมกับเป้าหมายและบริบท เช่น
- การนิเทศแบบคลินิก (Clinical Supervision): เป็นกระบวนการที่เน้นการพัฒนาการสอนในห้องเรียนโดยตรง ประกอบด้วยการประชุมวางแผนก่อนสอน, การสังเกตการสอน, และการให้ข้อมูลป้อนกลับหลังการสอน 15
- การนิเทศแบบชี้แนะและระบบพี่เลี้ยง (Coaching and Mentoring): เป็นการทำงานแบบตัวต่อตัวหรือกลุ่มเล็ก เพื่อให้คำปรึกษา ชี้แนะ และสร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกัน 15
- การนิเทศแบบร่วมพัฒนา (Collaborative Supervision): เน้นการทำงานร่วมกับครูและผู้บริหารในลักษณะของทีม เพื่อแก้ไขปัญหาและพัฒนานวัตกรรมร่วมกัน 15
- การติดตามและประเมินผล (Monitoring & Evaluation): ระหว่างและหลังการนิเทศ ศึกษานิเทศก์จะติดตามความก้าวหน้าและประเมินผลการดำเนินงานเทียบกับเป้าหมายที่กำหนดไว้ในแผน 4 เพื่อรวบรวมข้อมูลสำหรับปรับปรุงกระบวนการและรายงานผล
- การสรุปและรายงานผล (Reporting): ศึกษานิเทศก์จะจัดทำรายงานสรุปผลการนิเทศ เพื่อสะท้อนผลการพัฒนาให้สถานศึกษาและผู้บริหารเขตพื้นที่การศึกษารับทราบ 4 รายงานนี้จะเป็นข้อมูลสำคัญในการวางแผนการนิเทศในรอบต่อไป
กลไกความร่วมมือกับสถานศึกษา: หัวใจของการพัฒนา
ประสิทธิผลของการนิเทศไม่ได้ขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญของศึกษานิเทศก์เพียงฝ่ายเดียว แต่ขึ้นอยู่กับคุณภาพของ “ความร่วมมือ” กับสถานศึกษา การนิเทศยุคใหม่ได้เปลี่ยนผ่านจากรูปแบบการตรวจราชการที่เน้นการควบคุมสั่งการ ไปสู่กระบวนการทำงานร่วมกันแบบประชาธิปไตยที่ตั้งอยู่บนฐานของความเป็นกัลยาณมิตร 20
- การสร้างความไว้วางใจและเป้าหมายร่วม: การทำงานจะเริ่มต้นด้วยการสร้างความเข้าใจและความไว้วางใจซึ่งกันและกัน 19 ศึกษานิเทศก์และทีมงานของโรงเรียน (ผู้บริหาร, ครู) จะร่วมกันวิเคราะห์ปัญหาและกำหนดเป้าหมายการพัฒนาที่ชัดเจนร่วมกัน 20
- การใช้กระบวนการทำงานร่วมกัน: แทนที่จะเป็นการให้คำแนะนำฝ่ายเดียว ศึกษานิเทศก์จะทำหน้าที่เป็น “ผู้อำนวยความสะดวก” (Facilitator) ในกระบวนการพัฒนาต่างๆ เช่น
- ชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC – Professional Learning Community): ศึกษานิเทศก์อาจเป็นผู้ริเริ่มหรือสนับสนุนการทำ PLC ในโรงเรียน เพื่อให้ครูได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้และพัฒนากระบวนการจัดการเรียนการสอนร่วมกันอย่างต่อเนื่อง 21
- การศึกษาชั้นเรียน (Lesson Study): เป็นกระบวนการที่ครูทำงานร่วมกันเป็นทีมเพื่อวางแผนการสอน, สังเกตการณ์สอน, และสะท้อนผลร่วมกัน โดยมีศึกษานิเทศก์ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงหรือที่ปรึกษา 20
- การสร้างเครือข่ายความร่วมมือ: ศึกษานิเทศก์มีบทบาทสำคัญในการประสานงานและสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างโรงเรียน หรือระหว่างโรงเรียนกับหน่วยงานภายนอก เพื่อระดมทรัพยากรและองค์ความรู้มาใช้ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับโรงเรียนขนาดเล็กที่อยู่ห่างไกลซึ่งต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ 22
เป้าหมายสูงสุดของกลไกความร่วมมือเหล่านี้ คือการสร้างความเข้มแข็งให้กับ “ระบบนิเทศภายใน” ของสถานศึกษา 15 เพื่อให้โรงเรียนสามารถขับเคลื่อนกระบวนการพัฒนาคุณภาพได้อย่างยั่งยืนด้วยตนเองในระยะยาว 22
ประสิทธิผลของศึกษานิเทศก์ในปัจจุบันจึงขึ้นอยู่กับความสามารถในการปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์การทำงานจาก “ผู้ตรวจสอบ” (Auditor) ไปสู่ “ที่ปรึกษาและผู้อำนวยความสะดวก” (Consultant and Facilitator) อย่างสมบูรณ์ รูปแบบการนิเทศแบบดั้งเดิมที่เน้นการประเมินและตัดสินผลกำลังถูกแทนที่ด้วยแนวทางที่เป็นประชาธิปไตยและเน้นการเสริมสร้างศักยภาพจากภายใน การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนให้เห็นว่าบทบาทของศึกษานิเทศก์ได้วิวัฒนาการไปสู่การเป็น “ตัวเร่งปฏิกิริยา” (Catalyst) สำหรับการสร้างวัฒนธรรมการทำงานร่วมกันในโรงเรียน แทนที่จะเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์จากภายนอก การเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลอย่างลึกซึ้งต่อการคัดเลือกและพัฒนาศึกษานิเทศก์ในอนาคต การเป็นผู้เชี่ยวชาญในสาขาวิชาใดวิชาหนึ่งนั้นไม่เพียงพออีกต่อไป แต่ศึกษานิเทศก์ยุคใหม่จำเป็นต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านพลวัตของมนุษย์ การอำนวยความสะดวกในกลุ่ม และการบริหารการเปลี่ยนแปลง หากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาใดไม่สามารถสนับสนุนการปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์นี้ได้ ศึกษานิเทศก์ในสังกัดก็จะประสบปัญหาในการสร้างความร่วมมือกับสถานศึกษา นำไปสู่การปฏิบัติงานเพียงเพื่อให้เป็นไปตามระเบียบ แต่ไม่เกิดการพัฒนาการสอนอย่างแท้จริง
ส่วนที่ 3: บุคลิกภาพและสมรรถนะ: ใครคือผู้ที่เหมาะสมกับตำแหน่งศึกษานิเทศก์
การเป็นศึกษานิเทศก์ที่มีประสิทธิภาพไม่ได้อาศัยเพียงความรู้ทางวิชาการ แต่ยังต้องการคุณลักษณะส่วนบุคคลและชุดทักษะที่เหมาะสม เพื่อให้สามารถสร้างความน่าเชื่อถือ สร้างแรงบันดาลใจ และทำงานร่วมกับบุคลากรทางการศึกษาได้อย่างราบรื่น
คุณลักษณะที่พึงประสงค์: จากงานวิจัยสู่การปฏิบัติ
งานวิจัยจำนวนมากได้สรุปคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของศึกษานิเทศก์ ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นมิติต่างๆ ได้ดังนี้
- ภาวะผู้นำทางวิชาการ (Academic Leadership): ศึกษานิเทศก์ต้องมีความรู้แตกฉานและลึกซึ้งในเนื้อหาที่ตนเองรับผิดชอบนิเทศ ทั้งในด้านหลักสูตร การจัดการเรียนการสอน การวัดและประเมินผล 13 และต้องมีลักษณะของความเป็นผู้นำ สามารถนำครูไปสู่การพัฒนาได้อย่างมีทิศทาง 23
- ความเป็นกัลยาณมิตร (Kalyanamitra): นี่คือคุณลักษณะที่ถูกกล่าวถึงบ่อยครั้งที่สุด ศึกษานิเทศก์ในอุดมคติต้องเป็นผู้ที่เข้าถึงง่าย มีมนุษยสัมพันธ์ดี ให้ความเป็นกันเอง ยุติธรรม และสร้างบรรยากาศการทำงานเชิงบวก 1 สามารถรับฟังปัญหาของครูด้วยความเห็นอกเห็นใจ และทำงานในลักษณะของเพื่อนร่วมทางมากกว่าผู้ควบคุม 11
- บุคลิกภาพภายนอก (Personal Traits): งานวิจัยชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของบุคลิกภาพที่น่าเชื่อถือ ซึ่งประกอบด้วยหลายองค์ประกอบ เช่น การแต่งกายดี เหมาะสมกับกาลเทศะ 23, การพูดจาไพเราะ ชัดเจน และสุภาพ 23, การมีใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส, การวางตัวที่เหมาะสม, และการควบคุมอารมณ์ได้ดีในทุกสถานการณ์ 23
- คุณลักษณะภายใน (Internal Attributes): ศึกษานิเทศก์ต้องเป็นผู้มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์, มีความกระตือรือร้น, ใฝ่รู้และพัฒนาตนเองอยู่เสมอ, มีทัศนคติเชิงบวก, มีความอดทน และมีความรับผิดชอบสูง 25
ทักษะและความรู้แห่งศตวรรษที่ 21
นอกเหนือจากคุณลักษณะส่วนบุคคล ศึกษานิเทศก์ยุคใหม่จำเป็นต้องมีสมรรถนะและทักษะที่เฉพาะเจาะจง เพื่อรับมือกับความท้าทายของการศึกษาในศตวรรษที่ 21
- ทักษะการสื่อสารและมนุษยสัมพันธ์ (Communication & Interpersonal Skills): ความสามารถในการฟังอย่างลึกซึ้ง, การพูดเพื่อสื่อสารข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ, และการเขียนเพื่อถ่ายทอดประเด็นสำคัญได้อย่างชัดเจน ถือเป็นทักษะพื้นฐานที่สำคัญที่สุด 27
- ทักษะการวิจัยและการวิเคราะห์ (Research & Analytical Skills): ศึกษานิเทศก์ต้องสามารถใช้กระบวนการวิจัยเป็นฐานในการทำงาน (Research-based Supervision) 13 ซึ่งหมายถึงความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณ (เช่น ผลสัมฤทธิ์) และเชิงคุณภาพ (เช่น ข้อมูลจากการสังเกตชั้นเรียน), สังเคราะห์องค์ความรู้จากงานวิจัยต่างๆ, และใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการระบุจุดแข็งจุดอ่อนเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหา 27
- ความรู้เท่าทันดิจิทัลและการบูรณาการเทคโนโลยี (Digital Literacy & Technology Integration): ในยุคดิจิทัล ศึกษานิเทศก์ต้องมีความสามารถในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและสารสนเทศเพื่อการปฏิบัติงานอย่างชาญฉลาด 13 ซึ่งรวมถึงการใช้เครื่องมือในการวิเคราะห์ข้อมูล, การสร้างสื่อ, การสื่อสารออนไลน์ และล่าสุดคือการประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการนิเทศ เช่น การใช้ AI ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมาก หรือช่วยร่างรายงานและโครงการต่างๆ 18
- ทักษะการโค้ชและการอำนวยความสะดวก (Coaching & Facilitation): เนื่องจากรูปแบบการนิเทศเปลี่ยนไปเน้นการทำงานร่วมกัน ทักษะการโค้ช (Coaching) จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งรวมถึงการตั้งคำถามเพื่อกระตุ้นให้ครูเกิดการสะท้อนคิด (Reflection) 21 และการให้ข้อมูลป้อนกลับเชิงบวกและสร้างสรรค์ 28 รวมถึงทักษะในการบริหารจัดการกลุ่มเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ
จะเห็นได้ว่าสมรรถนะที่จำเป็นสำหรับศึกษานิเทศก์ได้เกิดวิวัฒนาการที่สำคัญ จากเดิมที่เน้นการเป็น “ผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อหา” (Content Expert) ไปสู่การเป็น “ผู้เชี่ยวชาญด้านกระบวนการและระบบ” (Process and Systems Expert) แม้ความรู้เชิงลึกในสาขาวิชาจะยังคงเป็นรากฐานที่สำคัญ แต่ศึกษานิเทศก์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในยุคปัจจุบันคือผู้ที่เชี่ยวชาญใน “กระบวนการ” ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการพัฒนาครู, กระบวนการพัฒนาโรงเรียน, หรือกระบวนการขับเคลื่อนนโยบายในระบบการศึกษาที่ซับซ้อน การเปลี่ยนแปลงนี้อาจบ่งชี้ถึงความไม่สอดคล้องกันระหว่างสมรรถนะที่ต้องการกับกระบวนการคัดเลือกและพัฒนาศึกษานิเทศก์ในปัจจุบัน ระบบอาจยังคงให้ความสำคัญกับประสบการณ์การสอนในสาขาใดสาขาหนึ่งมากเกินไป ในขณะที่อาจประเมินค่าของทักษะด้านการเรียนรู้ของผู้ใหญ่ (Adult Learning), การพัฒนาองค์กร, และภาวะผู้นำที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data-driven Leadership) ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น เพื่อสร้างกองทัพศึกษานิเทศก์แห่งศตวรรษที่ 21 ที่มีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง จำเป็นอย่างยิ่งที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องทบทวนและปรับปรุงโมเดลสมรรถนะเพื่อให้น้ำหนักกับทักษะเชิงกระบวนการเหล่านี้มากขึ้นทั้งในขั้นตอนการสรรหาและการพัฒนาต่อเนื่อง
ด้าน (Competency Domain) | สมรรถนะ (Specific Competency) | ความสำคัญต่อบทบาท (Relevance to Supervisor’s Role) |
ภาวะผู้นำทางวิชาการ (Academic Leadership) | ความเชี่ยวชาญด้านหลักสูตร การสอน และการประเมินผล 13 | สร้างความน่าเชื่อถือและสามารถให้คำแนะนำเชิงลึกแก่ครูและผู้บริหารได้ |
การคิดเชิงวิเคราะห์ สังเคราะห์ และวิจารณญาณ 27 | สามารถวิเคราะห์ปัญหานโยบายและสภาพหน้างานเพื่อออกแบบการนิเทศที่ตรงจุด | |
มนุษยสัมพันธ์และการสื่อสาร (Interpersonal & Communication) | การฟังอย่างลึกซึ้งและการโค้ชเพื่อการสะท้อนคิด 27 | สร้างความไว้วางใจและกระตุ้นให้ครูค้นพบแนวทางการพัฒนาด้วยตนเอง |
การสื่อสารอย่างสร้างสรรค์และมีประสิทธิภาพ 27 | สามารถถ่ายทอดนโยบายที่ซับซ้อนให้เข้าใจง่าย และให้ข้อมูลป้อนกลับที่ไม่ทำลายขวัญกำลังใจ | |
การวิจัยและการใช้ข้อมูล (Research & Data Literacy) | การนิเทศโดยใช้การวิจัยเป็นฐาน (Research-based Supervision) 28 | ทำให้การนิเทศมีหลักการทางวิชาการรองรับและเพิ่มโอกาสความสำเร็จ |
การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อการตัดสินใจ 18 | สามารถใช้ข้อมูลผลสัมฤทธิ์และข้อมูลเชิงคุณภาพเพื่อระบุความต้องการและวางแผนการนิเทศได้อย่างแม่นยำ | |
เทคโนโลยีดิจิทัล (Digital & Technological Fluency) | การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและ AI ในการปฏิบัติงาน 13 | เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดภาระงานเอกสาร และสร้างนวัตกรรมการนิเทศที่ทันสมัย |
การส่งเสริมให้ครูใช้เทคโนโลยีในการจัดการเรียนรู้ | ช่วยยกระดับคุณภาพการสอนให้สอดคล้องกับทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 | |
จรรยาบรรณวิชาชีพ (Professional & Ethical Practice) | การมีวินัย คุณธรรม จริยธรรม และความเป็นกัลยาณมิตร 3 | เป็นรากฐานสำคัญในการสร้างศรัทธาและความร่วมมือจากผู้รับการนิเทศ |
การพัฒนาตนเองและวิชาชีพอย่างต่อเนื่อง 3 | ทำให้ศึกษานิเทศก์มีความรู้และทักษะที่ทันสมัย สามารถนำการเปลี่ยนแปลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ |
ส่วนที่ 4: เส้นทางความก้าวหน้าทางวิชาชีพและการพัฒนาตนเอง
เส้นทางความก้าวหน้าในวิชาชีพศึกษานิเทศก์ถูกกำหนดไว้อย่างเป็นระบบผ่านลำดับขั้นของวิทยฐานะ ซึ่งการจะไต่เต้าขึ้นไปในแต่ละระดับนั้นจำเป็นต้องอาศัยการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง โดยมี “ข้อตกลงในการพัฒนางาน (Performance Agreement: PA)” เป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนและประเมินผล
ลำดับขั้นวิทยฐานะ
วิทยฐานะของศึกษานิเทศก์เป็นเครื่องหมายแสดงถึงระดับความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในวิชาชีพ โดยแบ่งออกเป็น 4 ระดับหลัก 12:
- ศึกษานิเทศก์ชำนาญการ (Practitioner)
- ศึกษานิเทศก์ชำนาญการพิเศษ (Senior Practitioner)
- ศึกษานิเทศก์เชี่ยวชาญ (Expert)
- ศึกษานิเทศก์เชี่ยวชาญพิเศษ (Senior Expert)
การเลื่อนขึ้นสู่ระดับที่สูงขึ้นต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่างประกอบกัน ได้แก่ ระยะเวลาการดำรงตำแหน่งในวิทยฐานะเดิม, ผลการปฏิบัติงานตามข้อตกลง (PA), และที่สำคัญสำหรับวิทยฐานะระดับเชี่ยวชาญขึ้นไป คือการมี “ผลงานทางวิชาการ” ที่มีคุณภาพและแสดงให้เห็นถึงการสร้างองค์ความรู้ใหม่หรือนวัตกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อการนิเทศการศึกษา 12
แนวทางการพัฒนาตนเองและบทบาทของข้อตกลงในการพัฒนางาน (PA)
ข้อตกลงในการพัฒนางาน หรือ PA เป็นกลไกหลักที่ ก.ค.ศ. กำหนดขึ้นเพื่อใช้ในการประเมินผลการปฏิบัติงาน การคงวิทยฐานะ และการขอเลื่อนวิทยฐานะ 32 สำหรับศึกษานิเทศก์ PA จะครอบคลุมการปฏิบัติงาน 3 ด้านหลัก ซึ่งสอดคล้องกับหน้าที่ความรับผิดชอบตามมาตรฐานตำแหน่ง 31:
- ด้านการนิเทศการศึกษา: ประเมินจากผลงานที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการนิเทศ เช่น การออกแบบและจัดทำแผนการนิเทศ, การปฏิบัติการนิเทศ, การพัฒนาสื่อและนวัตกรรม, และการติดตามประเมินผล
- ด้านการส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการศึกษา: ประเมินจากผลงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนางานวิชาการในภาพรวม เช่น การประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ, การเสริมสร้างความเข้มแข็งให้สถานศึกษา
- ด้านการพัฒนาตนเองและวิชาชีพ: ประเมินจากการที่ศึกษานิเทศก์พัฒนาตนเองให้มีความรู้และทักษะที่สูงขึ้น และการมีส่วนร่วมในชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ
PA จึงเป็นเครื่องมือที่บังคับให้ศึกษานิเทศก์ต้องวางแผนการพัฒนาตนเองและพัฒนางานอย่างเป็นระบบในทุกปีงบประมาณ การพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง (Upskill/Reskill) ถือเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในยุคที่องค์ความรู้และเทคโนโลยีทางการศึกษาเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว 11 ศึกษานิเทศก์ที่ประสบความสำเร็จคือผู้ที่ไม่หยุดนิ่งในการเรียนรู้ แสวงหาองค์ความรู้ใหม่ๆ เข้าร่วมเครือข่ายแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางวิชาชีพ 11 และสามารถนำความรู้ที่ได้มาประยุกต์ใช้ในการพัฒนานวัตกรรมการนิเทศของตนเอง เป้าหมายสูงสุดของการพัฒนานี้คือการเปลี่ยนบทบาทจากผู้ให้คำแนะนำ (Advisor) ไปสู่การเป็น “ผู้นำการเปลี่ยนแปลงเชิงระบบ” (System Change Leader) ที่สามารถใช้ข้อมูลและเทคโนโลยีเป็นฐานในการขับเคลื่อนคุณภาพการศึกษาได้อย่างแท้จริง 18
แม้ว่าระบบ PA จะถูกออกแบบมาเพื่อส่งเสริมการพัฒนา แต่ในทางปฏิบัติก็อาจก่อให้เกิดผลกระทบที่ไม่ตั้งใจได้ กล่าวคือ ระบบนี้อาจส่งเสริมให้เกิดการมุ่งเน้นที่ “การปฏิบัติตามข้อกำหนดเชิงบริหาร” มากกว่า “การสร้างผลกระทบที่แท้จริงต่อการสอน” หากการบริหารจัดการไม่รัดกุม เนื่องจาก PA กำหนดให้ศึกษานิเทศก์ต้องจัดทำเอกสารหลักฐานเพื่อแสดงผลการปฏิบัติงานตามตัวชี้วัดต่างๆ 31 จึงเป็นเรื่องง่ายและรวดเร็วกว่าที่จะรวบรวมหลักฐานที่เกิดจาก “ผลผลิต” (Outputs) ที่จับต้องได้ เช่น รายงานการประชุม, จำนวนครั้งที่ลงพื้นที่, หรือเอกสารโครงการ มากกว่าการวัดและจัดทำหลักฐานที่สะท้อน “ผลลัพธ์” (Outcomes) ที่แท้จริง ซึ่งเป็นนามธรรมและต้องใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล เช่น การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการสอนของครู หรือพัฒนาการในการเรียนรู้ของนักเรียน สถานการณ์นี้สร้างแรงกดดันเชิงระบบให้ศึกษานิเทศก์เลือกทำภารกิจที่สามารถสร้างเอกสารรายงานได้ง่าย เพื่อให้ผ่านการประเมิน PA ซึ่งอาจต้องแลกมาด้วยการลดทอนเวลาและพลังงานที่จะใช้ในงานที่ซับซ้อนและต้องใช้ความทุ่มเทสูงอย่างการโค้ชและการสร้างศักยภาพครูในระยะยาว ดังนั้น เพื่อให้ระบบ PA เป็นกลไกขับเคลื่อนคุณภาพอย่างแท้จริง ตัวชี้วัดและเกณฑ์การประเมินสำหรับศึกษานิเทศก์จำเป็นต้องได้รับการพัฒนาให้สามารถสะท้อนผลกระทบเชิงคุณภาพได้มากขึ้น เช่น การใช้กรณีศึกษา (Case Study) การพัฒนาครู, การวิเคราะห์แฟ้มผลงานนักเรียน, หรือการใช้ข้อมูลสะท้อนกลับจากสถานศึกษามาประกอบการประเมิน หากไม่มีการปรับเปลี่ยนนี้ ระบบ PA ก็อาจกลายเป็นอีกหนึ่งภาระงานเอกสารที่ดึงศึกษานิเทศก์ให้ออกห่างจากภารกิจหลักของตนเอง และยิ่งซ้ำเติมปัญหาความขัดแย้งในบทบาทที่ได้กล่าวไว้ในตอนต้น
ส่วนที่ 5: เจาะลึกผลงานวิชาการระดับเชี่ยวชาญ: กรณีศึกษาและกระบวนการถอดบทเรียน
การก้าวสู่ตำแหน่ง “ศึกษานิเทศก์เชี่ยวชาญ” ถือเป็นจุดหมายสำคัญในเส้นทางวิชาชีพ ซึ่งหัวใจของการประเมินในระดับนี้คือ “ผลงานทางวิชาการ” ที่มีคุณภาพสูง การทำความเข้าใจกระบวนการสร้างสรรค์ผลงานเหล่านี้ผ่านการถอดบทเรียนจากกรณีศึกษาจริง จะช่วยให้ผู้ที่สนใจเห็นภาพที่ชัดเจนและสามารถวางแนวทางการพัฒนางานของตนเองได้อย่างมีทิศทาง
ภาพรวมของผลงานวิชาการเพื่อเลื่อนวิทยฐานะ
ตามหลักเกณฑ์ของ ก.ค.ศ. การขอเลื่อนเป็นวิทยฐานะศึกษานิเทศก์เชี่ยวชาญ กำหนดให้ผู้ขอต้องมีผลงานทางวิชาการจำนวน 1 รายการ ซึ่งต้องเป็น “ผลงานวิจัยเกี่ยวกับการพัฒนาการนิเทศการศึกษา” หรือ “นวัตกรรมการนิเทศการศึกษา” 31 ผลงานดังกล่าวต้องแสดงให้เห็นถึงระดับการปฏิบัติงานที่คาดหวังตามมาตรฐานวิทยฐานะ และต้องจัดทำในรูปแบบไฟล์ PDF เพื่อเสนอเข้าระบบการประเมิน 31 ผลงานนี้จึงไม่ใช่เพียงรายงานการปฏิบัติงานทั่วไป แต่ต้องเป็นงานที่ผ่านกระบวนการศึกษาค้นคว้าอย่างเป็นระบบ มีการสร้างองค์ความรู้ใหม่ หรือพัฒนานวัตกรรมที่สามารถนำไปใช้แก้ปัญหาและพัฒนาคุณภาพการศึกษาได้อย่างเป็นรูปธรรม 12
กรณีศึกษาที่ 1: การพัฒนารูปแบบการนิเทศเพื่อส่งเสริมความสามารถของครู
- ชื่องาน: การพัฒนารูปแบบการนิเทศเพื่อส่งเสริมความสามารถในการพัฒนาหลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติมของครู ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต ๑๘ 34
- ผู้จัดทำ: นางธนนันท์ คณะรมย์
- ประเภทผลงาน: นวัตกรรมการนิเทศการศึกษา (รูปแบบการนิเทศ)
กระบวนการถอดบทเรียน
การพัฒนานวัตกรรมลักษณะนี้มักใช้กระบวนการวิจัยและพัฒนา (Research and Development: R&D) ซึ่งสามารถถอดบทเรียนตามหลักการ “Why-How-What-Impact” ได้ดังนี้
- Why (เหตุผลและความจำเป็น):
- ปัญหาที่พบ: ศึกษานิเทศก์น่าจะเริ่มต้นจากการวิเคราะห์สภาพปัญหาและพบว่า ครูในพื้นที่ยังขาดความรู้ความเข้าใจหรือขาดกระบวนการสนับสนุนที่มีประสิทธิภาพในการพัฒนาหลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติม ซึ่งเป็นหลักสูตรที่สถานศึกษาต้องพัฒนาขึ้นเองให้สอดคล้องกับบริบทและความต้องการของผู้เรียนและชุมชน โดยเฉพาะในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งมีความต้องการกำลังคนที่มีทักษะเฉพาะทาง
- ความสำคัญ: การที่ครูสามารถพัฒนาหลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติมได้เอง จะทำให้การจัดการศึกษาสามารถตอบสนองต่อความต้องการของท้องถิ่นและตลาดแรงงานได้อย่างแท้จริง ซึ่งจะส่งผลดีต่ออนาคตของผู้เรียนโดยตรง
- How (กระบวนการวิจัยและพัฒนา):
- ขั้นที่ 1: การวิจัยและวิเคราะห์ (Research/Analysis): ศึกษานิเทศก์จะเริ่มต้นด้วยการศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับรูปแบบการนิเทศ, การพัฒนาหลักสูตร, และสมรรถนะของครู จากนั้นอาจทำการสำรวจความต้องการ (Needs Assessment) ของครูในพื้นที่ เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับปัญหาและอุปสรรคที่แท้จริง
- ขั้นที่ 2: การออกแบบและพัฒนารูปแบบ (Design/Development): นำข้อมูลที่ได้มาออกแบบ “ร่างรูปแบบการนิเทศ” ซึ่งเป็นหัวใจของนวัตกรรม รูปแบบนี้จะประกอบด้วยองค์ประกอบสำคัญ เช่น หลักการ, วัตถุประสงค์, และขั้นตอนการดำเนินงานที่ชัดเจน ซึ่งอาจมีลักษณะเป็นวงจรการทำงานแบบ PDCA (Plan-Do-Check-Act) 35 ในแต่ละขั้นตอนจะมีการกำหนดกิจกรรม, สื่อ, และเครื่องมือที่ใช้ เช่น การจัดอบรมเชิงปฏิบัติการ (Workshop), การให้คำปรึกษาแบบโค้ช (Coaching), การจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (PLC)
- ขั้นที่ 3: การนำไปใช้และทดลอง (Implementation): นำร่างรูปแบบที่พัฒนาขึ้นไปทดลองใช้กับกลุ่มเป้าหมาย (ครู) ในสถานการณ์จริง เพื่อเก็บข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานของรูปแบบ
- ขั้นที่ 4: การประเมินและปรับปรุง (Evaluation/Refinement): รวบรวมข้อมูลเพื่อประเมินประสิทธิภาพของรูปแบบ เช่น ประเมินจากคุณภาพของหลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติมที่ครูพัฒนาขึ้น, ประเมินความพึงพอใจของครู, หรือประเมินสมรรถนะของครูที่เพิ่มขึ้น จากนั้นนำผลการประเมินมาวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงแก้ไขรูปแบบให้มีความสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพสูงสุดก่อนนำเสนอเป็นนวัตกรรมฉบับสมบูรณ์
- What (นวัตกรรมที่เกิดขึ้น):
- ผลลัพธ์สุดท้ายของงานชิ้นนี้คือ “รูปแบบการนิเทศฯ” ที่ผ่านการตรวจสอบคุณภาพและได้รับการยืนยันว่ามีประสิทธิภาพ 34 ซึ่งประกอบด้วยคู่มือการใช้รูปแบบ, เครื่องมือต่างๆ ที่ใช้ในแต่ละขั้นตอน, และชุดกิจกรรมการพัฒนาครู นวัตกรรมนี้ไม่ใช่แค่แนวคิด แต่เป็นกระบวนการที่เป็นระบบและสามารถนำไปปฏิบัติซ้ำได้ (Replicable)
- Impact (ผลกระทบที่เกิดขึ้น):
- ต่อครู: ครูที่เข้าร่วมกระบวนการตามรูปแบบนี้จะมีความสามารถและความมั่นใจในการพัฒนาหลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติมสูงขึ้น
- ต่อผู้เรียน: ผู้เรียนจะได้รับประโยชน์จากการเรียนในหลักสูตรที่ทันสมัยและสอดคล้องกับความต้องการของตนเองและชุมชน
- ต่อวงวิชาชีพ: ศึกษานิเทศก์ท่านอื่นสามารถนำรูปแบบการนิเทศนี้ไปปรับใช้ในพื้นที่ของตนเอง เพื่อขยายผลการพัฒนาในวงกว้าง
กรณีศึกษาที่ 2: การพัฒนาครูผ่านนวัตกรรมคู่มือการจัดการเรียนรู้
ชื่องาน: การพัฒนาครูผู้สอนด้านการจัดการเรียนรู้ที่เน้นทักษะการวิเคราะห์ โดยใช้คู่มือฝึกอบรมการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นทักษะการวิเคราะห์ 36
ผู้จัดทำ: นางจันทรา ด่านคงรักษ์
ประเภทผลงาน: นวัตกรรมการนิเทศการศึกษา (คู่มือและกระบวนการฝึกอบรม)
กระบวนการถอดบทเรียน
ผลงานชิ้นนี้มุ่งเน้นการสร้างเครื่องมือที่เป็นรูปธรรม (คู่มือ) เพื่อใช้ในการพัฒนาครู ซึ่งสามารถถอดบทเรียนได้ดังนี้
- Why (เหตุผลและความจำเป็น):
- ปัญหาที่พบ: ทักษะการคิดวิเคราะห์เป็นหนึ่งในทักษะที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 แต่ครูผู้สอนจำนวนมากอาจยังขาดความเข้าใจและเทคนิคการสอนที่ชัดเจนในการพัฒนาทักษะนี้ให้กับผู้เรียน
- ความสำคัญ: การพัฒนาครูให้สามารถจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ส่งเสริมการคิดวิเคราะห์ได้ จะเป็นการยกระดับคุณภาพการเรียนการสอนโดยตรง และช่วยเตรียมความพร้อมให้ผู้เรียนสามารถเผชิญกับโลกที่ซับซ้อนได้
- How (กระบวนการวิจัยและพัฒนา):
กระบวนการพัฒนานวัตกรรมชิ้นนี้สามารถมองผ่านกรอบแนวคิด “SALA” (Show, Learn, Apply, Reflect) ซึ่งเป็นแนวทางปฏิบัติที่ทันสมัยในการพัฒนาบุคลากร 18 ได้อย่างชัดเจน
- ขั้นที่ 1: การวิเคราะห์และออกแบบ (Analyze & Design): ศึกษานิเทศก์ทำการวิเคราะห์เนื้อหาเกี่ยวกับทฤษฎีการสอนคิดวิเคราะห์, สังเคราะห์เทคนิคและกิจกรรมต่างๆ ที่มีประสิทธิภาพ จากนั้นนำมาออกแบบโครงสร้างและเนื้อหาของ “คู่มือฝึกอบรม”
- ขั้นที่ 2: การพัฒนาคู่มือและกระบวนการ (Develop): จัดทำต้นฉบับคู่มือซึ่งประกอบด้วย ภาคทฤษฎี, ตัวอย่างแผนการจัดการเรียนรู้, ตัวอย่างสื่อและเครื่องมือวัดผล จากนั้นนำไปให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบความถูกต้องและความเหมาะสม (Content Validity) และทำการปรับปรุงแก้ไข
- ขั้นที่ 3: การนำไปใช้และพัฒนา (Implement & Develop – Show, Learn, Apply):
- Show & Learn: จัดกิจกรรม “อบรมเชิงปฏิบัติการ” โดยใช้คู่มือที่พัฒนาขึ้นเป็นเครื่องมือหลัก เพื่อ แสดง (Show) ให้ครูเห็นตัวอย่างและแนวปฏิบัติ และเปิดโอกาสให้ครูได้ เรียนรู้ (Learn) และฝึกปฏิบัติ
- Apply: หลังจากอบรม ครูนำความรู้และเทคนิคจากคู่มือไป ประยุกต์ใช้ (Apply) ในการจัดการเรียนการสอนจริงในห้องเรียนของตนเอง โดยอาจมีศึกษานิเทศก์คอยติดตามให้คำปรึกษา
- ขั้นที่ 4: การประเมินและสะท้อนผล (Evaluate & Reflect):
- Reflect: ศึกษานิเทศก์จัดกิจกรรมให้ครูได้ สะท้อนคิด (Reflect) เกี่ยวกับผลการนำคู่มือไปใช้ ปัญหาที่พบ และแนวทางการปรับปรุง ซึ่งอาจทำผ่านกระบวนการ PLC หรือการประชุมกลุ่มย่อย
- Evaluate: ศึกษานิเทศก์รวบรวมข้อมูลเพื่อประเมินประสิทธิผลของคู่มือและกระบวนการอบรม เช่น สังเกตพฤติกรรมการสอนของครูที่เปลี่ยนแปลงไป, ประเมินจากแผนการสอนของครู, หรืออาจวัดผลที่ทักษะการคิดวิเคราะห์ของนักเรียน
- What (นวัตกรรมที่เกิดขึ้น):
- นวัตกรรมหลักคือ “ชุดคู่มือฝึกอบรม” ที่สมบูรณ์ 36 ซึ่งไม่ใช่แค่ตัวเล่มเอกสาร แต่หมายรวมถึงกระบวนการนำคู่มือไปใช้ในการพัฒนาครูอย่างเป็นระบบ (Workshop + Follow-up)
- Impact (ผลกระทบที่เกิดขึ้น):
- ต่อครู: ครูได้รับเครื่องมือและแนวทางที่ชัดเจนเป็นรูปธรรม สามารถนำไปใช้พัฒนาการสอนของตนเองได้ทันที
- ต่อผู้เรียน: นักเรียนได้รับการพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ผ่านกิจกรรมการเรียนรู้ที่มีคุณภาพมากขึ้น
- ต่อระบบ: เกิดต้นแบบของสื่อและกระบวนการพัฒนาครูที่สามารถขยายผลไปยังโรงเรียนอื่นๆ ได้
การถอดบทเรียนจากทั้งสองกรณีศึกษาแสดงให้เห็นว่า การสร้างผลงานวิชาการระดับเชี่ยวชาญของศึกษานิเทศก์นั้น มีหัวใจอยู่ที่การมองเห็น “ปัญหา” หรือ “ความต้องการ” ในพื้นที่ แล้วใช้ “กระบวนการวิจัยและพัฒนา” ที่เป็นระบบในการสร้างสรรค์ “นวัตกรรม” ที่สามารถแก้ไขปัญหาและสร้าง “ผลกระทบ” เชิงบวกต่อคุณภาพการศึกษาได้อย่างแท้จริง
บทสรุป
ตำแหน่งศึกษานิเทศก์เป็นบทบาทที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อระบบการศึกษาไทย เป็นจุดเชื่อมต่อที่ขาดไม่ได้ระหว่างนโยบายระดับชาติและการปฏิบัติในชั้นเรียน จากการวิเคราะห์อย่างรอบด้านจะเห็นได้ว่าบทบาทนี้มีลักษณะสองด้านที่เด่นชัด ด้านหนึ่งคือศักยภาพในการสร้างผลกระทบเชิงบวกในวงกว้าง สามารถยกระดับคุณภาพการสอนและเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงทางวิชาการได้อย่างแท้จริง แต่อีกด้านหนึ่งก็ต้องเผชิญกับความท้าทายเชิงระบบที่หนักหน่วง ทั้งภาระงานที่หลากหลายเกินขอบเขต ความคาดหวังที่สูงจากทุกฝ่าย และความขัดแย้งระหว่างภารกิจหลักด้านการนิเทศกับภาระงานด้านบริหารและนโยบายที่มักเข้ามาเบียดบังเวลาและทรัพยากร
สำหรับบุคลากรทางการศึกษาที่กำลังพิจารณาเส้นทางนี้ ข้อเสนอที่มีคุณค่าที่สุดจากรายงานฉบับนี้คือ การตระหนักว่าการเป็นศึกษานิเทศก์ที่ประสบความสำเร็จในยุคปัจจุบันนั้นต้องการมากกว่าความเชี่ยวชาญในสาขาวิชา แต่ต้องการส่วนผสมที่ลงตัวของ ภาวะผู้นำทางวิชาการ, ทักษะการสื่อสารและความเป็นกัลยาณมิตร, ความสามารถในการวิจัยและใช้ข้อมูล, และความคล่องตัวในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ผู้ที่เหมาะสมกับตำแหน่งนี้คือบุคคลที่มีความยืดหยุ่น สามารถปรับเปลี่ยนบทบาทจากผู้ให้ความรู้เป็นผู้โค้ช จากผู้ตรวจสอบเป็นผู้อำนวยความสะดวก และจากผู้ตามนโยบายเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงเชิงระบบ
อนาคตของการศึกษาไทยขึ้นอยู่กับความสามารถในการสร้างและพัฒนาศึกษานิเทศก์รุ่นใหม่ที่มีพลวัต ขับเคลื่อนการทำงานด้วยข้อมูล และมีหัวใจของการทำงานร่วมกัน บุคคลเหล่านี้คือผู้ที่จะสามารถนำพาครูและสถานศึกษาให้ก้าวข้ามความท้าทาย และสร้างสรรค์การเรียนรู้ที่มีคุณภาพเพื่อผู้เรียนได้อย่างยั่งยืน แม้เส้นทางนี้จะเต็มไปด้วยอุปสรรค แต่สำหรับผู้ที่มีความมุ่งมั่นและมีคุณสมบัติที่เหมาะสมแล้ว ตำแหน่งศึกษานิเทศก์ยังคงเป็นหนึ่งในเส้นทางอาชีพที่ทรงคุณค่าและสร้างความภาคภูมิใจได้มากที่สุดในวงการศึกษา เพราะนี่คือการเปลี่ยนจากการสร้างอนาคตของเด็กในห้องเรียน ไปสู่การสร้างอนาคตทางการศึกษาของทั้งภูมิภาค
ผลงานที่อ้างอิง
- โครงการศึกษานิเทศก์ดีของแผ่นดิน, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 https://www.thaisuprateacher.org/project/โครงการศึกษานิเทศก์ดีข/
- ก.ค.ศ.ถกแนวทางความก้าวหน้าวิชาชีพศึกษานิเทศก์, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 https://sobkroo.com/articledetail.asp?id=14152
- มาตรฐานกำหนดตำแหน่ง – ศึกษานิเทศก์, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 http://hr2.chpao.org/wp-content/pdf/มาตรฐานกำหนดตำแหน่งศึกษานิเทศก์.pdf
- คู่มือการปฏิบัติงานศึกษานิเทศก์, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 https://www.nsw2.go.th/wp/wp-content/uploads/2023/06/ma-june.pdf
- คู่มือปฏิบัติงานตำแหน่งศึกษานิเทศก์ฉบับนี้ จัดทำขึ้นเพื่อเป็นคู่มือการปฏิบัติงานในหน้าที่ – สพป.พังงา, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 https://www.phangngaedarea.go.th/site/wp-content/uploads/ita/67/O10/supervision/นต.-พจมาศ.pdf
- บทบาทหน้าที่ของ ศน. – กลุ่มนิเทศ ติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษา สพป.อุทัยธานี เขต ๑, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 https://spv.utt1.go.th/hom/บทบาทหนาทของ-ศน
- การกำหนดตำแหน่งอื่นที่ ก.ค.ศ. เทียบเท่าเป็นคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่ง », เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 https://krukob.com/web/v9-5/
- ประกาศคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัดตรัง – เรื่อง การคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำาแหน่งศึกษานิเทศก์, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 ประกาศคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัดตรัง – เรื่อง การคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำาแหน่งศึกษานิเทศก์
- Untitled – กลุ่มบริหารงานบุคคล, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 https://personnel.seapt.go.th/wp-content/uploads/2025/03/รวมหลักเกณฑ์.pdf
- EP: 6 หลักเกณฑ์และวิธีการพัฒนาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งศึกษานิเทศก์, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 https://www.youtube.com/watch?v=yXjmbjf0kWw
- แนวทางการพัฒนาศึกษานิเทศก์ในมุมมองของครูผู้สอนในยุคของการ …, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 https://krukob.com/web/sv-11/
- ทางก้าวหน้าของศึกษานิเทศก์ 2539, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 www.nsdv.go.th/www2019/attachments/241_ทางก้าวหน้าของ2539.pdf
- ศึกษานิเทศก์ 4.0 เพิ่มพูนศักยภาพตนเองอย่างไร – สพป.พัทลุง เขต 1, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 ศึกษานิเทศก์ 4.0 เพิ่มพูนศักยภาพตนเองอย่างไร
- ศึกษานิเทศก์มีหน้าที่อะไรบ้าง ทำไมเห็นบางคนชอบทำตัวเป็นเจ้านายสั่งงานครูคะ ? – Pantip, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 https://pantip.com/topic/42388819
- ขอบข่ายงานของศึกษานิเทศก์สู่การปฏิบัติ (ตอนที่ 2) » – Digital Learning Classroom, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 https://krukob.com/web/sv-9/
- หน่วยศึกษานิเทศก์ – ฐานข้อมูลศึกษานิเทศก์, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 https://www.esdc.name/esdc2022/pages/index.php
- “บทบาทของศึกษานิเทศก์ ในการนิเทศการศึกษาสู่การพัฒนาคุณภาพผู้เรียนตามนโยบาย “เรียนดี มีความสุข” – YouTube, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 https://www.youtube.com/watch?v=6yCzIztlY8w
- ถอดบทเรียนและต่อยอดองค์ความรู้: AI พลิกโฉมการนิเทศ สู่การศึกษาไทยที่ …, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 https://krukob.com/web/sv-23/
- แนวทางการนิเทศบูรณาการโดยใช้พื้นที่เป็นฐาน, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 http://web.kalasin3.go.th/web/news_file/p53183481951.pdf
- การนิเทศการศึกษา* – Educational Supervision – ThaiJO, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 https://so07.tci-thaijo.org/index.php/JMCR/article/download/1911/1301/9292
- รับชมย้อนหลัง ห้องเรียนอารมณ์ดี : ความสำเร็จและความก้าวหน้าของศึกษานิเทศก์ คืออะไร – YouTube, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 https://www.youtube.com/watch?v=YiOzVB_xXx0
- รูปแบบการนิเทศด้วยเครือข่ายความร่วมมือเพื่ – มหาวิทยาลัยนเรศวร, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 https://nuir.lib.nu.ac.th/dspace/bitstream/123456789/3380/3/61030440.pdf
- การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสมรรถนะในการปฏิบัติหน้าที่ของ …, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 https://fulltext.rmu.ac.th/fulltext/2558/116324/Chapter%204.pdf
- คุณลักษณะความเป็นกัลยาณมิตรของศึกษานิเทศก์ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 https://so05.tci-thaijo.org/index.php/tgt/article/view/110883
- เรื่องที่ 3.3 การพัฒนาภาพลักษณ์ของศึกษานิเทศก์, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 http://118.174.134.188/TEPE/D13/subject04/content8/index.php
- การพัฒนาตัวบ่งชี้สมรรถนะการปฏิบัติงานของศึกษานิเทศก์ กลุ่มงานวัดและประเมินผลการศึกษา – Burapha University Research Information – มหาวิทยาลัยบูรพา, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 https://buuir.buu.ac.th/bitstream/1234567890/6930/1/Fulltext.pdf
- ศึกษานิเทศก์ – WE Space, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 https://wespace.in.th/explore/career/E0301.00
- สมรรถนะการนิเทศการศึกษาของศึกษานิเทศก์ในศตวรรษที่ 21 – thaijo.org, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 https://so04.tci-thaijo.org/index.php/JAPDEAT/article/download/252224/177059/995413
- 1. ผลที่เกิดจากการนิเทศ ค้นพบวิธีการพัฒนาครูให้มีความกระตือรือร้นใส่ใจในการจัดการเรียนรู้, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 http://www.mkarea3.go.th/mk3/file/ID-Plan/ID-Plan-supervisors.pdf
- ประเภท บุคลากรทางการศึกษา – สายงาน นิเทศการศึกษา, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 https://www.chaechangsao.go.th/index/add_file/tfhoP1xWed40149.pdf
- แนวทำงกำรด ำเนินกำร, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 แนวทำงกำรด ำเนินกำร
- แนวทางการดำเนินการ (ว.PA) ตำแหน่งศึกษานิเทศก์ – PubHTML5, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 https://pubhtml5.com/jibv/kjih/
- การพัฒนาศึกษานิเทศก์สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเพื่อรองรับหลักสูตรฐานสมรรถนะ และการ – DSpace at Silpakorn University, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 http://ithesis-ir.su.ac.th/dspace/bitstream/123456789/5385/1/61252918.pdf
- – เผยแพร่ผลงานทางวิชาการ เรื่อง รายงานผลการใช้คู่มือนิเทศการจัดการศึกษาเรียนรวมของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาชลบุรี ระยอง ของ นางสาวศมณณ์ญา บุญประสพ ตำแหน่งศึกษานิเทศก์ และเรื่องการพัฒนารูปแบบการนิเทศเพื่อส่งเสริมความสามารถในการพัฒนาหลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติมของครู ในพื้นที่, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 https://www.sesapy.go.th/release/1711/
- (10) แนวทางการดำเนินกิจกรรม _ถอดบทเรียน – AnyFlip, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 https://anyflip.com/gykef/zywt/basic
- ก.ค.ศ.อนุมัติวิทยฐานะเชี่ยวชาญ 14 ราย | PDF – SlideShare, เข้าถึงเมื่อ กันยายน 15, 2025 https://www.slideshare.net/slideshow/14-62692086/62692086
Comments
Powered by Facebook Comments