Digital Learning Classroom
ศึกษานิเทศก์

แนวทางการเขียนแผนการนิเทศการศึกษา สำหรับศึกษานิเทศก์

แชร์เรื่องนี้

แผนการนิเทศการศึกษา (Supervision Plan)

แผนการนิเทศการศึกษา หมายถึง เอกสารที่จัดทำขึ้นอย่างเป็นระบบโดยศึกษานิเทศก์ เพื่อกำหนดแนวทาง กระบวนการ และกิจกรรมในการให้คำแนะนำ ช่วยเหลือ และสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพการศึกษาแก่สถานศึกษาและบุคลากรทางการศึกษา โดยมีองค์ประกอบสำคัญ ได้แก่

    • วัตถุประสงค์
    • เป้าหมาย
    • วิธีการดำเนินงาน
    • ระยะเวลา
    • ทรัพยากรที่ใช้
    • และการประเมินผล

ทั้งนี้ แผนการนิเทศการศึกษา จะต้องสอดคล้องกับนโยบายการศึกษา สภาพปัญหาและความต้องการของสถานศึกษา เพื่อนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพการจัดการเรียนการสอนและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

คำนิยามนี้ครอบคลุมองค์ประกอบสำคัญของแผนการนิเทศการศึกษา  สำหรับศึกษานิเทศก์ โดยเน้นประเด็นสำคัญดังนี้

    • เป็นเอกสารที่จัดทำอย่างเป็นระบบ
    • มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา
    • กำหนดแนวทาง กระบวนการ และกิจกรรมในการนิเทศ
    • ระบุองค์ประกอบสำคัญของแผน
    • สอดคล้องกับนโยบายการศึกษาและความต้องการของสถานศึกษา
    • มุ่งเน้นการพัฒนาการเรียนการสอนและผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียน

ประเภทและแนวคิดหลักในการออกแบบแผนนิเทศการศึกษา 

ประเภทของการนิเทศ

การนิเทศทางตรง (Direct Supervision)

    • เป็นการนิเทศแบบพบกันโดยตรงระหว่างผู้นิเทศและผู้รับการนิเทศ
    • มักใช้วิธีการสังเกตการสอน การประชุม หรือการสาธิต

การนิเทศทางอ้อม (Indirect Supervision)

 ไม่มีการพบกันโดยตรง แต่ใช้สื่อหรือเครื่องมือต่าง ๆ  ในการนิเทศ เช่น การใช้คู่มือ เอกสาร วิดีโอ หรือการนิเทศผ่านระบบออนไลน์

การนิเทศแบบกลุ่ม (Group Supervision)

    •  เป็นการนิเทศที่ทำพร้อมกันหลายคน
    • เหมาะสำหรับการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์

การนิเทศรายบุคคล (Individual Supervision)

    • เป็นการนิเทศแบบตัวต่อตัว
    • เหมาะสำหรับการให้คำแนะนำเฉพาะเจาะจง

แนวคิดหลักในการออกแบบแผนนิเทศการศึกษา

  1. การมีส่วนร่วม (Collaborative Approach)
    •  เน้นการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายในกระบวนการนิเทศ
    • สร้างความรู้สึกเป็นเจ้าของ และความรับผิดชอบร่วมกัน
  2.  การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง (Continuous Improvement)
    • มุ่งเน้นการพัฒนาทักษะและความสามารถอย่างต่อเนื่อง
    •  อาจใช้วงจร PDCA (Plan-Do-Check-Act) ในการปรับปรุงกระบวนการ ก็ได้
  3. การยึดเป้าหมายเป็นสำคัญ (Goal-Oriented)
    • กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนและวัดผลได้
    • ออกแบบกิจกรรมนิเทศที่สอดคล้องกับเป้าหมายที่ตั้งไว้
  4.  ความยืดหยุ่นและการปรับตัว (Flexibility and Adaptability)
    • ออกแบบแผนที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์
    • รองรับความต้องการที่หลากหลายของผู้รับการนิเทศ
  5.  การใช้เทคโนโลยี (Technology Integration):
    • นำเทคโนโลยีมาใช้ในกระบวนการนิเทศ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ เช่น การใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ การวิเคราะห์ข้อมูล
  6.  การสะท้อนคิด (Reflective Practice)
    • ส่งเสริมให้ผู้รับการนิเทศ และผู้นิเทศมีการสะท้อนคิดอย่างสม่ำเสมอ
    • ใช้การสะท้อนคิดเป็นเครื่องมือในการเรียนรู้และพัฒนา
  7.  การเน้นจุดแข็ง (Strengths-Based Approach)
    • มุ่งเน้นการค้นหาและพัฒนาจุดแข็งของผู้รับการนิเทศ
    •  สร้างความมั่นใจและแรงจูงใจในการพัฒนาตนเอง

แนวทางการศึกษาความต้องการจำเป็นในการวางแผนการนิเทศการศึกษา ในสถานศึกษา

1. การวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานของสถานศึกษา

    • ศึกษาบริบทของสถานศึกษา (ขนาด ที่ตั้ง จำนวนนักเรียนและบุคลากร)
    •  วิเคราะห์ผลการประเมินคุณภาพภายในและภายนอก
    •  ทบทวนแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา

2. การสำรวจความคิดเห็นของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง

    •  ใช้แบบสอบถาม หรือแบบสัมภาษณ์กับครู ผู้บริหาร และบุคลากรทางการศึกษา
    • จัดประชุมระดมความคิดเห็นของคณะครูและผู้บริหาร
    • สำรวจความคิดเห็นของนักเรียนและผู้ปกครอง (ตามความเหมาะสม)

3. การวิเคราะห์ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน

    •  ศึกษาผลการทดสอบระดับชาติ (O-NET, NT, RT)
    • วิเคราะห์ผลการเรียนรายวิชาและกลุ่มสาระการเรียนรู้
    • เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์กับเป้าหมายที่สถานศึกษากำหนด

4. การสังเกตการณ์และประเมินการจัดการเรียนการสอน

    • สังเกตการสอนในชั้นเรียน
    •  ประเมินแผนการจัดการเรียนรู้ของครู
    •  วิเคราะห์สื่อและนวัตกรรมการเรียนการสอนที่ใช้

5. การวิเคราะห์นโยบายและเป้าหมายทางการศึกษา

    • ศึกษานโยบายการศึกษาระดับชาติและระดับเขตพื้นที่การศึกษา
    • วิเคราะห์ความสอดคล้องระหว่างนโยบายกับการปฏิบัติในสถานศึกษา

6. การประเมินทักษะและความสามารถของครู

    • วิเคราะห์ผลการประเมินการปฏิบัติงานของครู
    • สำรวจความต้องการในการพัฒนาตนเองของครู
    • ประเมินความสามารถในการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมการสอน

7. การวิเคราะห์ปัญหาและอุปสรรคในการจัดการศึกษา

    •  ระบุปัญหาที่เกิดขึ้นในกระบวนการจัดการเรียนการสอน
    •  วิเคราะห์สาเหตุของปัญหาและผลกระทบที่เกิดขึ้น
    •  จัดลำดับความสำคัญของปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไข

8.  การศึกษาแนวปฏิบัติที่ดี (Best Practices) 

    • ศึกษาตัวอย่างความสำเร็จในการจัดการศึกษาจากสถานศึกษาอื่น
    • วิเคราะห์ความเป็นไปได้ในการนำมาประยุกต์ใช้

9. การวิเคราะห์ทรัพยากรและงบประมาณ

    • ประเมินความพร้อมด้านทรัพยากรและงบประมาณของสถานศึกษา
    • วิเคราะห์ความต้องการในการสนับสนุนเพิ่มเติม

10. การสังเคราะห์ข้อมูลและสรุปผล

    • รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลจากทุกแหล่ง
    • จัดลำดับความสำคัญของความต้องการจำเป็น
    • สรุปประเด็นสำคัญที่ต้องนำไปใช้ในการวางแผนการนิเทศ

รูปแบบการนิเทศ

 1. การนิเทศแบบคลินิก (Clinical Supervision)

ลักษณะ: เน้นการสังเกตการสอนในชั้นเรียนและให้ข้อมูลย้อนกลับ

ขั้นตอน

    1. ประชุมก่อนการสังเกต
    2. สังเกตการสอน
    3.  วิเคราะห์ข้อมูล
    4. ประชุมให้ข้อมูลย้อนกลับ
    5. ประเมินผลและวางแผนการพัฒนา

เหมาะสำหรับ:  การพัฒนาทักษะการสอนของครูรายบุคคล

2. การนิเทศแบบร่วมพัฒนา (Collaborative Supervision)

ลักษณะ: เน้นการทำงานร่วมกันระหว่างผู้นิเทศและผู้รับการนิเทศ

กระบวนการ

    •  ร่วมกันวางแผน
    • ร่วมกันปฏิบัติ
    • ร่วมกันประเมินผล

เหมาะสำหรับ: สถานศึกษาที่ต้องการสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้ร่วมกัน

 3. การนิเทศแบบพัฒนาตนเอง (Self-directed Supervision)

ลักษณะ: ครูเป็นผู้กำหนดเป้าหมายและวิธีการพัฒนาตนเอง

บทบาทผู้นิเทศ: ให้คำปรึกษาและสนับสนุนทรัพยากร

เหมาะสำหรับ: ครูที่มีประสบการณ์และมีแรงจูงใจในการพัฒนาตนเอง

4. การนิเทศแบบพี่เลี้ยง (Mentoring Supervision)

ลักษณะ: ครูที่มีประสบการณ์ให้คำแนะนำและสนับสนุนครูใหม่

กิจกรรม

– การสังเกตการสอน
– การให้คำปรึกษา
– การแลกเปลี่ยนประสบการณ์

เหมาะสำหรับ: การพัฒนาครูใหม่หรือครูที่ย้ายมาใหม่

5. การนิเทศแบบเพื่อนช่วยเพื่อน (Peer Coaching)

ลักษณะ: ครูที่มีความเชี่ยวชาญใกล้เคียงกันร่วมมือกันพัฒนาการสอน

กิจกรรม

– แลกเปลี่ยนการสังเกตการสอน
– ให้ข้อมูลย้อนกลับซึ่งกันและกัน
– ร่วมกันแก้ปัญหา

เหมาะสำหรับ: การสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC)

 6. การนิเทศแบบใช้การวิจัยเป็นฐาน (Research-based Supervision)

ลักษณะ: ใช้กระบวนการวิจัยในการพัฒนาการเรียนการสอน

ขั้นตอน:

1. ระบุปัญหา
2. ตั้งสมมติฐาน
3. ออกแบบและดำเนินการวิจัย
4. วิเคราะห์ผล
5. นำผลไปใช้พัฒนา

เหมาะสำหรับ: การแก้ปัญหาเฉพาะด้านในการจัดการเรียนการสอน

7. การนิเทศแบบพัฒนาทั้งองค์กร (Whole-school Supervision)

ลักษณะ: มุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพของสถานศึกษาทั้งระบบ

กระบวนการ

– วิเคราะห์องค์กร
– กำหนดเป้าหมายร่วมกัน
– วางแผนพัฒนาทั้งระบบ
– ดำเนินการพัฒนาทุกส่วน
– ประเมินผลและปรับปรุง

เหมาะสำหรับ: การยกระดับคุณภาพของสถานศึกษาทั้งระบบ

คำถามเพื่อนำไปสู่กระบวนการจัดทำแผนการนิเทศการศึกษา

หลักการและแนวคิดการบริหารจัดการโดยใช้วงจรคุณภาพกับการจัดทำแผนการนิเทศการศึกษา

การวางแผนการนิเทศการศึกษา

หลักการและแนวคิดการบริหารจัดการโดยใช้วงจรคุณภาพกับการจัดทำแผนการนิเทศการศึกษา

แนวคิดหลักในการออกแบบแผนนิเทศการศึกษา

1. การมุ่งเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ (Student-Centered Approach)

แผนนิเทศที่ดีต้องให้ความสำคัญกับผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียนเป็นอันดับแรก ทุกกิจกรรมในแผนควรส่งผลโดยตรงต่อการพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอน โดยคำนึงถึงความแตกต่างของผู้เรียนและบริบทของสถานศึกษา การตั้งคำถามว่า “กิจกรรมนี้จะส่งผลอย่างไรต่อการเรียนรู้ของผู้เรียน?” เป็นสิ่งสำคัญในทุกขั้นตอนของการออกแบบแผน

ประเด็นสำคัญ

  •  คำนึงถึงผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียนเป็นหลัก
  • ออกแบบกิจกรรมนิเทศที่ส่งผลโดยตรงต่อการพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอน

2. การพัฒนาอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน (Continuous and Sustainable Development)

การนิเทศไม่ควรเป็นเพียงกิจกรรมระยะสั้น หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นครั้งคราว แต่ควรเป็นกระบวนการต่อเนื่องที่ฝังอยู่ในวัฒนธรรมของสถานศึกษา แผนนิเทศควรมีลักษณะเป็นวงจรการพัฒนาที่ไม่มีที่สิ้นสุด โดยใช้ข้อมูลจากการประเมินผลมาปรับปรุงแผนอย่างสม่ำเสมอ การสร้างระบบพี่เลี้ยงและการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างครูเป็นวิธีการหนึ่งที่ช่วยให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน

ประเด็นสำคัญ

  • วางแผนการนิเทศในระยะยาว ไม่ใช่เพียงกิจกรรมระยะสั้น
  • สร้างกลไกการพัฒนาที่สามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่องในสถานศึกษา

3. การมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย (Collaborative Approach)

ความสำเร็จของแผนนิเทศขึ้นอยู่กับการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่ผู้บริหาร ครู บุคลากรทางการศึกษา ไปจนถึงนักเรียนและผู้ปกครอง การเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมในการออกแบบ ดำเนินการ และประเมินผลแผนนิเทศ จะช่วยสร้างความรู้สึกเป็นเจ้าของและความรับผิดชอบร่วมกัน นำไปสู่การปฏิบัติที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ประเด็นสำคัญ

  •  เปิดโอกาสให้ครู ผู้บริหาร และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องมีส่วนร่วมในการออกแบบและดำเนินการนิเทศ
  •  สร้างความรู้สึกเป็นเจ้าของและความรับผิดชอบร่วมกัน

4.  การใช้ข้อมูลเป็นฐาน (Data-Driven Decision Making)

การออกแบบแผนนิเทศควรอยู่บนพื้นฐานของข้อมูลที่เชื่อถือได้ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ผลการประเมินคุณภาพภายในและภายนอก หรือข้อมูลจากการสำรวจความต้องการของครูและนักเรียน การวิเคราะห์ข้อมูลอย่างรอบด้านจะช่วยให้แผนนิเทศตอบสนองต่อความต้องการที่แท้จริงของสถานศึกษา นอกจากนี้ การกำหนดตัวชี้วัดความสำเร็จที่ชัดเจนและวัดผลได้จะช่วยให้การติดตามและประเมินผลแผนมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ประเด็นสำคัญ

  • ใช้ข้อมูลจากการประเมินความต้องการจำเป็นในการออกแบบแผนนิเทศ
  • กำหนดตัวชี้วัดความสำเร็จที่ชัดเจนและวัดผลได้

5. ความยืดหยุ่นและการปรับตัว (Flexibility and Adaptability)

ในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แผนนิเทศต้องมีความยืดหยุ่นและสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ การออกแบบแผนควรคำนึงถึงสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตและเตรียมทางเลือกหรือแผนสำรองไว้ การทบทวนและปรับปรุงแผนอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้แผนยังคงมีความเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ

ประเด็นสำคัญ

  • ออกแบบแผนที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์และความต้องการที่เปลี่ยนแปลง
  •  เตรียมทางเลือกและแผนสำรองสำหรับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด

6. การบูรณาการกับงานประจำ (Integration with Regular Work)

แผนนิเทศที่ดีควรบูรณาการเข้ากับงานประจำของครูและบุคลากรทางการศึกษา ไม่ควรเป็นภาระงานเพิ่มเติมที่แยกออกจากการทำงานปกติ การออกแบบกิจกรรมนิเทศที่สามารถดำเนินการได้ในระหว่างการจัดการเรียนการสอนหรือการทำงานประจำวัน จะช่วยให้การนิเทศเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมการทำงานในสถานศึกษา

ประเด็นสำคัญ

  • ออกแบบกิจกรรมนิเทศที่สามารถบูรณาการเข้ากับงานประจำของครูได้
  •  หลีกเลี่ยงการสร้างภาระงานเพิ่มเติมที่ไม่จำเป็น

7.  การใช้เทคโนโลยีสนับสนุน (Technology Integration)

เทคโนโลยีสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการนิเทศได้อย่างมาก การใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ในการแลกเปลี่ยนข้อมูล การใช้วิดีโอในการสังเกตการสอน หรือการใช้ซอฟต์แวร์วิเคราะห์ข้อมูล ล้วนเป็นตัวอย่างของการนำเทคโนโลยีมาสนับสนุนการนิเทศ นอกจากนี้ การส่งเสริมให้ครูใช้เทคโนโลยีในการจัดการเรียนการสอนก็ควรเป็นส่วนหนึ่งของแผนนิเทศด้วย

ประเด็นสำคัญ

  • นำเทคโนโลยีมาใช้ในกระบวนการนิเทศเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสะดวก
  • ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีในการจัดการเรียนการสอน

8. การพัฒนาวิชาชีพครู (Professional Development)

แผนนิเทศควรมุ่งเน้นการพัฒนาสมรรถนะของครูในทุกด้าน ทั้งด้านความรู้ในเนื้อหาวิชา ทักษะการสอน การใช้เทคโนโลยี และทักษะการวิจัยในชั้นเรียน การสร้างโอกาสในการเรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างครู เช่น การจัดอบรมเชิงปฏิบัติการ การศึกษาดูงาน หรือการสร้างเครือข่ายครูมืออาชีพ เป็นส่วนสำคัญของแผนนิเทศที่มีประสิทธิภาพ

ประเด็นสำคัญ

  • มุ่งเน้นการพัฒนาสมรรถนะของครูในด้านต่างๆ
  • สร้างโอกาสในการเรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างครู

9. การสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ (Professional Learning Community)

การส่งเสริมให้เกิดชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (Professional Learning Community: PLC) ในสถานศึกษาเป็นแนวคิดสำคัญในการออกแบบแผนนิเทศ การสร้างวัฒนธรรมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การทำงานร่วมกัน และการพัฒนาร่วมกันระหว่างครู จะช่วยให้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน แผนนิเทศควรมีกิจกรรมที่ส่งเสริมการสร้าง PLC เช่น การจัดกลุ่มครูที่สอนวิชาเดียวกันให้ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์และร่วมกันแก้ปัญหา

ประเด็นสำคัญ

  • ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และการทำงานร่วมกันระหว่างครู
  • สร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้และพัฒนาร่วมกันในสถานศึกษา

10.  การประเมินผลและการสะท้อนคิด (Evaluation and Reflection)

การประเมินผลเป็นส่วนสำคัญของแผนนิเทศที่มีประสิทธิภาพ ควรมีการกำหนดกระบวนการประเมินผลที่ชัดเจน ทั้งการประเมินระหว่างดำเนินการและการประเมินผลลัพธ์สุดท้าย นอกจากนี้ การส่งเสริมให้ครูและผู้เกี่ยวข้องมีการสะท้อนคิดอย่างสม่ำเสมอ จะช่

ประเด็นสำคัญ

  • กำหนดกระบวนการประเมินผลการนิเทศที่ชัดเจน
  •  ส่งเสริมการสะท้อนคิดและการเรียนรู้จากประสบการณ์

11. ความสอดคล้องกับนโยบายและมาตรฐานการศึกษา (Alignment with Educational Policies and Standards)

การออกแบบแผนนิเทศต้องคำนึงถึงความสอดคล้องกับนโยบายการศึกษาระดับชาติ ระดับเขตพื้นที่การศึกษา และมาตรฐานการศึกษาที่เกี่ยวข้อง การศึกษาและวิเคราะห์นโยบายและมาตรฐานเหล่านี้อย่างละเอียดจะช่วยให้แผนนิเทศมีทิศทางที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาการศึกษาในระดับที่สูงขึ้น

นอกจากนี้ การออกแบบแผนนิเทศที่สอดคล้องกับนโยบายและมาตรฐานการศึกษายังช่วยให้

  • สถานศึกษาสามารถบรรลุเป้าหมายตามที่หน่วยงานต้นสังกัดกำหนด
  • เกิดการพัฒนาที่เป็นไปในทิศทางเดียวกันทั้งระบบการศึกษา
  • สามารถเชื่อมโยงการพัฒนาในระดับสถานศึกษากับการพัฒนาในระดับประเทศ
  • มีความพร้อมสำหรับการประเมินคุณภาพทั้งภายในและภายนอก

ประเด็นสำคัญ

  • ออกแบบแผนนิเทศที่สอดคล้องกับนโยบายการศึกษาระดับชาติและมาตรฐานการศึกษา
  • คำนึงถึงเป้าหมายการพัฒนาคุณภาพการศึกษาในระดับต่างๆ

12.  การสร้างแรงบันดาลใจและแรงจูงใจ (Inspiration and Motivation)

ประเด็นสำคัญ

  • ออกแบบกิจกรรมที่สร้างแรงบันดาลใจและกระตุ้นความกระตือรือร้นในการพัฒนาตนเองของครู
  • เน้นการเสริมพลังและการให้กำลังใจแก่ครูในกระบวนการพัฒนา

การนำแนวคิดเหล่านี้มาใช้ในการออกแบบแผนนิเทศจะช่วยให้แผนมีความครอบคลุม มีประสิทธิภาพ และตอบสนองต่อความต้องการของสถานศึกษาได้อย่างแท้จริง

แนวคิดหลักในการออกแบบแผนนิเทศ

ด้านการนิเทศการศึกษา 

  • ออกแบบ แผนนิเทศ
  • คัดสรร สร้าง พัฒนา
  • นิเทศ
  • รายงาน

ด้านการส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการศึกษา 

  • วิเคราะห์ กลุ่มเป้าหมาย
  • ประสาน
  • ติดตาม

ด้านการพัฒนาตนเองและวิชาชีพ

  • พัฒนา ตนเอง 
  • มีส่วนร่วม 
  • ความรู้ 
  • ส่งต่อครู/ ผู้เรียน 

ด้านคุณลักษณะ

  • วินัย 
  • คุณธรรม 
  • จริยธรรม 
  • เป็นแบบอย่างที่ดี 
  • ดำรงชีวิตตาม หลักปรัชญา เศรษฐกิจ พอเพียง 
  • มีจิตสำนึก จรรยาบรรณ วิชาชีพ

ที่มา: แนวทางการเขียนแผนนิเทศการศึกษา เรียบเรียงเขียนโดย ดร.สุรัตน์นารี ธิลาใจ สาขาการนิเทศการศึกษาดุษฏีบัณฑิต

แบบฟอร์มการเขียนแผนการนิเทศ

1. ข้อมูลทั่วไป

  • ชื่อโครงการนิเทศ: …………………………

  • ผู้รับผิดชอบโครงการ: …………………………

  • วันที่เริ่มต้น-สิ้นสุดโครงการ: …………………………

  • สถานที่ดำเนินการ: …………………………

2. หลักการและเหตุผล

(อธิบายความเป็นมา ความสำคัญ และความจำเป็นของการนิเทศ)

3. วัตถุประสงค์

  1. …………………………
  2. …………………………
  3. …………………………
  4. …………………………

4. กลุ่มเป้าหมาย

  • จำนวนผู้เข้าร่วม: …………………………

  • คุณสมบัติผู้เข้าร่วม: …………………………

5. ขอบเขตการนิเทศ

(ระบุขอบเขตเนื้อหา พื้นที่ หรือระยะเวลาของการนิเทศ)

6. วิธีดำเนินการนิเทศ

  1. ขั้นเตรียมการ

    • …………………………
    • …………………………
  2. ขั้นดำเนินการ

    • …………………………
    • …………………………
  3. ขั้นติดตามและประเมินผล

    • …………………………
    • …………………………

7. ปฏิทินการนิเทศ

วัน/เดือน/ปี

กิจกรรม

ผู้รับผิดชอบ

………………………… ………………………… …………………………
………………………… ………………………… …………………………

8. งบประมาณ

(ระบุรายละเอียดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการนิเทศ)

9. การประเมินผล

  • วิธีการประเมิน:

    • …………………………

    • …………………………
  • เครื่องมือที่ใช้ในการประเมิน: 

    • …………………………
    • …………………………
  • เกณฑ์การประเมิน:

    • …………………………
    • …………………………

10. ผลที่คาดว่าจะได้รับ

  1. …………………………
  2. …………………………
  3. …………………………

11. การรายงานผล

(ระบุวิธีการ ระยะเวลา และรูปแบบการรายงานผลการนิเทศ)

ผู้เขียนแผน: ____________________ วันที่: ____________________

ผู้อนุมัติ: ____________________ วันที่: ____________________

เค้าโครงการเขียนแผนนิเทศการศึกษา  (แนวทางการเขียนแผนนิเทศการศึกษา เรียบเรียงเขียนโดย ดร.สุรัตน์นารี ธิลาใจ สาขาการนิเทศการศึกษาดุษฏีบัณฑิต)

เค้าโครงการเขียนแผนนิเทศการศึกษา (PA)

ส่วนที่ 1 บทนำ 

หลักการและเหตุผลของการนิเทศ 

    • เขียน ภารกิจ บทบาท หน้าที่ ขอบเขตความรับผิดชอบ ใน PA และอื่น ๆ ที่ได้รับมอบหมาย 

วัตถุประสงค์ของการนิเทศ 

กรอบแนวคิดการนิเทศ 

ส่วนที่ 2 วิธีการดำเนินงานนิเทศ 

วางแผน (Plan)

    • ศึกษาสภานการณ์ และจัดทำที่สอดคล้องกับ PA ( นโยบาย จุดเน้น หลักการนิเทศ โครงสร้างการนิเทศ ขอบเขตหน้าที่ กลุ่มเป้าหมาย เทคนิคการนิเทศ กิจกรรมการนิเทศ)
    • ประชุมบริหารจัดการ 4P (คน เงิน เนื้อหา สื่อ วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ การนิเทศ จัดสรรภาระงาน)
    • กำหนดปฏิทินการนิเทศ

ปฏิบัติการนิเทศ (Do)

    • รูปแบบการนิเทศ 
    • กิจกรรมการนิเทศ 
    • เทคนิคการนิเทศ 
    • เครื่องมือนิเทศ 
    • สื่อ /นวัตกรรม /เทคโนโลยี 
    • ความร่วมมือ /วิจัย 

สรุป ผลการนิเทศ (Check)

    • เครื่องมือนิเทศ 
    • รวบรวม 
    • วิเคราะห์ 
    • ประเมินค่า 
    • สังเคราะห์ 

ปฏิบัติการนิเทศกรณีเพิ่มเติม (Act)

ทบทวน  และ การปฏิบัติงาน 

สรุป รายงานผลการนิเทศ 

    • รวบรวม 
    • วิเคราะห์ 
    • สังเคราะห์ 
    • ประเมิน 
    • สรุปผล 

ส่วนที่ 3 ระบบสนับสนุน Online/Ofline

    • ปฏิทินการนิเทศ 

    • รายละเอียดรูปแบบการนิเทศ (On-site/On-Air/On-Demand/On-Line/On-Hand)

    • ข้อมูลพื้นฐานของกลุ่มเป้าหมายการนิเทศ 

    • เครื่องมือสำหรับการนิเทศ 

    • คำสั่งคณะทำงาน 

    • ข้อมูลพื้นฐานของศึกษานิเทศก์

    • เครือข่ายที่ใช้ติดต่อประสานงาน 

แหล่งอ้างอิงเกี่ยวกับการนิเทศการศึกษา (รูปแบบ APA 7)

แหล่งอ้างอิงเหล่านี้ครอบคลุมหัวข้อที่สำคัญเกี่ยวกับการนิเทศการศึกษาและการพัฒนาคุณภาพการศึกษา ซึ่งรวมถึง

  • ทฤษฎีและแนวคิดพื้นฐานเกี่ยวกับการนิเทศ
  • รูปแบบและกลยุทธ์ในการนิเทศ
  • การพัฒนาวิชาชีพครู
  • การประเมินการสอน
  • การพัฒนาหลักสูตร
  • ชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC)
  • การโค้ชเพื่อพัฒนาการสอน
  • การวิจัยทางการศึกษา
  • การบริหารการเปลี่ยนแปลงในสถานศึกษา

แหล่งอ้างอิงเหล่านี้เป็นหนังสือและรายงานวิจัยที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในวงการการศึกษา และสามารถใช้เป็นพื้นฐานในการศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับการนิเทศการศึกษาได้

  • Glickman, C. D., Gordon, S. P., & Ross-Gordon, J. M. (2018). *Supervision and instructional leadership: A developmental approach* (10th ed.). Pearson.
  • Sergiovanni, T. J., & Starratt, R. J. (2013). *Supervision: A redefinition* (9th ed.). McGraw-Hill.
  • Zepeda, S. J. (2017). *Instructional supervision: Applying tools and concepts* (4th ed.). Routledge.
  • Sullivan, S., & Glanz, J. (2013). *Supervision that improves teaching and learning: Strategies and techniques* (4th ed.). Corwin Press.
  • Marzano, R. J., Frontier, T., & Livingston, D. (2011). *Effective supervision: Supporting the art and science of teaching*. ASCD.
  • Wiles, J., & Bondi, J. (2014). *Supervision: A guide to practice* (9th ed.). Pearson.
  • Glatthorn, A. A., Boschee, F., Whitehead, B. M., & Boschee, B. F. (2019). *Curriculum leadership: Strategies for development and implementation* (5th ed.). SAGE Publications.
  • Danielson, C. (2013). *The framework for teaching evaluation instrument* (2013 ed.). The Danielson Group.
  • Darling-Hammond, L., Hyler, M. E., & Gardner, M. (2017). *Effective teacher professional development*. Learning Policy Institute.
  • Hattie, J. (2012). *Visible learning for teachers: Maximizing impact on learning*. Routledge.
  • DuFour, R., DuFour, R., Eaker, R., Many, T. W., & Mattos, M. (2016). *Learning by doing: A handbook for professional learning communities at work* (3rd ed.). Solution Tree Press.
  • Knight, J. (2018). *The impact cycle: What instructional coaches should do to foster powerful improvements in teaching*. Corwin.
  • Yin, R. K. (2018). *Case study research and applications: Design and methods* (6th ed.). SAGE Publications.
  • Creswell, J. W., & Creswell, J. D. (2018). *Research design: Qualitative, quantitative, and mixed methods approaches* (5th ed.). SAGE Publications.
  • Fullan, M. (2016). *The new meaning of educational change* (5th ed.). Teachers College Press.

เอกสารประกอบการเขียนแผนการนิเทศ

https://tinyurl.com/35mzxn3k

ตัวอย่างแผนการนิเทศการศึกษา

Comments

comments

Powered by Facebook Comments

ติดต่อ ดร.อนุศร หงษ์ขุนทด
error: Content is protected !!