ตัวอย่างการเขียนแผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ด้วย TIP Model
แผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ด้วย TIP Model

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง: การสำรวจระบบสุริยะ
รายวิชา: วิทยาศาสตร์
ระดับชั้น: ประถมศึกษาปีที่ 6
หน่วยการเรียนรู้: ระบบสุริยะของเรา
เรื่อง: การสำรวจระบบสุริยะ
เวลา: 3 ชั่วโมง
1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด
- ว 7.1 ป.6/1 สร้างแบบจำลองและอธิบายการเกิดฤดูกาล ข้างขึ้น ข้างแรม สุริยุปราคา จันทรุปราคา และอธิบายการใช้ประโยชน์ของเทคโนโลยีอวกาศ
- ว 8.1 ป.6/1-8 ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์ในการสืบเสาะหาความรู้
2. จุดประสงค์การเรียนรู้
- นักเรียนสามารถอธิบายลักษณะและคุณสมบัติของดาวเคราะห์แต่ละดวงในระบบสุริยะได้ (K)
- นักเรียนสามารถใช้แอปพลิเคชันในการสืบค้นและนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับระบบสุริยะได้ (P)
- นักเรียนมีความสนใจใฝ่รู้และมีเจตคติที่ดีต่อการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (A)
3. สาระสำคัญ
ระบบสุริยะประกอบด้วยดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลาง และมีดาวเคราะห์ 8 ดวง รวมทั้งดาวเคราะห์แคระ ดาวเคราะห์น้อย ดาวหาง โคจรรอบดวงอาทิตย์ ดาวเคราะห์แต่ละดวงมีลักษณะ ขนาด ระยะห่างจากดวงอาทิตย์ และคุณสมบัติที่แตกต่างกัน การศึกษาระบบสุริยะช่วยให้เข้าใจปรากฏการณ์ธรรมชาติและจักรวาลที่เราอาศัยอยู่
4. กิจกรรมการเรียนรู้
ชั่วโมงที่ 1: การสำรวจระบบสุริยะผ่านเทคโนโลยี
ขั้นนำ: สร้างความสนใจ (Engagement) – 15 นาที
- ครูเปิดคลิปวิดีโอแอนิเมชัน “การกำเนิดระบบสุริยะ” จาก OBEC Content Center
- ครูใช้คำถามกระตุ้นความคิด:
- “ถ้านักเรียนจะเดินทางไปเยี่ยมชมดาวเคราะห์ดวงหนึ่ง นักเรียนอยากไปดวงใดมากที่สุด เพราะอะไร?”
- “นักเรียนคิดว่าดาวเคราะห์แต่ละดวงมีลักษณะที่แตกต่างกันอย่างไร?”
- ครูแนะนำวัตถุประสงค์การเรียนรู้และกิจกรรมที่จะทำในคาบเรียนนี้
ขั้นสำรวจ: สืบค้นและรวบรวมข้อมูล (Exploration) – 25 นาที
- ครูแบ่งนักเรียนเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน
- ครูสาธิตการใช้แอปพลิเคชัน Solar System Scope บนจอโปรเจคเตอร์
- นักเรียนแต่ละกลุ่มใช้แท็บเล็ตหรือคอมพิวเตอร์เพื่อสำรวจระบบสุริยะผ่านแอปพลิเคชัน โดยแต่ละกลุ่มได้รับมอบหมายให้ศึกษาดาวเคราะห์ดวงที่แตกต่างกัน
- นักเรียนบันทึกข้อมูลลงในใบกิจกรรม “สำรวจดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ” โดยระบุ:
- ชื่อดาวเคราะห์
- ลำดับจากดวงอาทิตย์
- ขนาดเปรียบเทียบกับโลก
- ระยะเวลาในการโคจรรอบดวงอาทิตย์
- ลักษณะพิเศษที่น่าสนใจ
- ภาพดาวเคราะห์ที่สำรวจพบ
ขั้นอธิบาย: วิเคราะห์และสรุปผล (Explanation) – 20 นาที
- นักเรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอข้อมูลดาวเคราะห์ที่ตนศึกษา โดยใช้แอปพลิเคชันประกอบการนำเสนอ
- ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเปรียบเทียบความเหมือนและความแตกต่างของดาวเคราะห์แต่ละดวง
- ครูเสริมความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดกลุ่มดาวเคราะห์ (ดาวเคราะห์หิน และดาวเคราะห์แก๊ส)
ชั่วโมงที่ 2: การสร้างแบบจำลองระบบสุริยะ
ขั้นขยายความรู้: ประยุกต์ใช้ความรู้ (Elaboration) – 50 นาที
- ครูทบทวนความรู้เกี่ยวกับระบบสุริยะจากชั่วโมงที่แล้ว
- นักเรียนแต่ละกลุ่มสร้างแบบจำลองระบบสุริยะโดยใช้ Google Earth และ Solar System Scope ประกอบการออกแบบ
- นักเรียนจัดทำแบบจำลองทางกายภาพของระบบสุริยะ โดยใช้วัสดุต่างๆ ที่ครูเตรียมให้
- นักเรียนคำนวณขนาดและระยะห่างของดาวเคราะห์ในแบบจำลองโดยใช้มาตราส่วนที่เหมาะสม
- นักเรียนตกแต่งแบบจำลองให้มีรายละเอียดตามข้อมูลที่ได้ศึกษาจากแอปพลิเคชัน
ชั่วโมงที่ 3: การนำเสนอและประเมินผล
ขั้นประเมินผล: นำเสนอและสะท้อนคิด (Evaluation) – 50 นาที
- นักเรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอแบบจำลองระบบสุริยะที่สร้างขึ้น
- นักเรียนอธิบายลักษณะเด่นของดาวเคราะห์แต่ละดวงและความสัมพันธ์ภายในระบบสุริยะ
- นักเรียนกลุ่มอื่นและครูร่วมกันให้ข้อเสนอแนะและประเมินผลงาน
- นักเรียนทำแบบทดสอบความรู้เรื่องระบบสุริยะผ่านแอปพลิเคชัน Kahoot
- ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้ที่ได้จากการเรียนรู้ทั้งหมด
- นักเรียนสะท้อนการเรียนรู้ของตนเองผ่าน Exit Ticket ในรูปแบบดิจิทัล
5. สื่อและแหล่งการเรียนรู้
- คลิปวิดีโอแอนิเมชัน “การกำเนิดระบบสุริยะ” จาก OBEC Content Center
- แอปพลิเคชัน Solar System Scope
- แอปพลิเคชัน Google Earth
- แท็บเล็ตหรือคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
- วัสดุสำหรับสร้างแบบจำลอง (โฟม ลูกปิงปอง กระดาษสี สีเทียน ฯลฯ)
- ใบกิจกรรม “สำรวจดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ”
- แอปพลิเคชัน Kahoot สำหรับการทดสอบความรู้
6. การวัดและประเมินผล
- การประเมินด้านความรู้ (K):
- แบบทดสอบผ่านแอปพลิเคชัน Kahoot (20 คะแนน)
- การนำเสนอข้อมูลดาวเคราะห์ (10 คะแนน)
- การประเมินด้านทักษะกระบวนการ (P):
- การใช้แอปพลิเคชันในการสืบค้นข้อมูล (10 คะแนน)
- การสร้างแบบจำลองระบบสุริยะ (20 คะแนน)
- การประเมินด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A):
- การมีส่วนร่วมในกิจกรรมกลุ่ม (5 คะแนน)
- ความสนใจใฝ่รู้และการสะท้อนคิด (5 คะแนน)
7. บันทึกหลังการสอน
ผลการจัดการเรียนรู้: …………………………….. ปัญหาและอุปสรรค: …………………………….. แนวทางแก้ไขและพัฒนา:……………………………..
สรุปและการประยุกต์ใช้โมเดล TIP ในการออกแบบการจัดการเรียนรู้เชิงรุก
จากตัวอย่างแผนการจัดการเรียนรู้ เราสามารถเห็นแนวทางการนำโมเดล TIP (Technology Integration Planning) มาบูรณาการกับกระบวนการจัดการเรียนรู้เชิงรุกตามรูปแบบ 5E (Engagement, Exploration, Explanation, Elaboration, Evaluation) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งมีองค์ประกอบสำคัญดังนี้

1. การวางแผนอย่างเป็นระบบ
โมเดล TIP ช่วยให้ครูวางแผนการบูรณาการเทคโนโลยีในการสอนอย่างเป็นระบบ โดยคำนึงถึงปัจจัยสำคัญ ได้แก่ ความรู้ด้านเนื้อหา วิธีการสอน และเทคโนโลยี (TPCK) รวมถึงการพิจารณาความได้เปรียบของการใช้เทคโนโลยี การกำหนดวัตถุประสงค์ และการออกแบบกลยุทธ์การบูรณาการที่เหมาะสม
2. การใช้เทคโนโลยีที่หลากหลายและเหมาะสม
แต่ละแผนการเรียนรู้ใช้เทคโนโลยีที่หลากหลายและเหมาะสมกับเนื้อหา ได้แก่:
- วิทยาศาสตร์: Solar System Scope, Google Earth, OBEC Content Center, Kahoot
- ภาษาไทย: MindMeister, Google Docs, Canva, Padlet, Google Forms
- คณิตศาสตร์: GeoGebra, Khan Academy, Desmos, Quizizz, Google Forms
3. การส่งเสริมการเรียนรู้เชิงรุก
แผนการสอนเน้นให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในกระบวนการเรียนรู้อย่างกระตือรือร้น ได้สำรวจ สืบค้น วิเคราะห์ และสร้างสรรค์ผลงานด้วยตนเอง โดยมีเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือสนับสนุน ส่งผลให้นักเรียนเกิดทักษะการคิดขั้นสูงและสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ได้จริง
4. การประเมินผลที่หลากหลาย
แผนการสอน มีการประเมินผลที่หลากหลายวิธี ทั้งการประเมินด้านความรู้ ทักษะกระบวนการ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยใช้เทคโนโลยีช่วยในการประเมิน เช่น Kahoot, Quizizz, Google Forms และ Padlet ทำให้การประเมินผลมีประสิทธิภาพและสามารถให้ข้อมูลย้อนกลับแก่ผู้เรียนได้อย่างรวดเร็ว
5. การปรับปรุงและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
โมเดล TIP เน้นการประเมินและปรับปรุงการใช้เทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งช่วยให้ครูสามารถพัฒนาการสอนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยการบันทึกหลังการสอนและวางแผนการปรับปรุงในครั้งต่อไป
ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมในการนำโมเดล TIP ไปใช้
- เริ่มต้นจากทรัพยากรที่มีอยู่: เลือกใช้เทคโนโลยีที่โรงเรียนมีอยู่ก่อน เพื่อให้สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง ก่อนที่จะขยายไปสู่เทคโนโลยีใหม่ๆ
- เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ: เลือกเทคโนโลยีที่จะใช้ในการสอนอย่างพิถีพิถัน โดยพิจารณาว่าเทคโนโลยีนั้นจะช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ได้อย่างไร ไม่จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีหลายประเภทในคราวเดียว
- ฝึกอบรมและพัฒนาครู: จัดอบรมให้ครูมีความรู้และทักษะในการใช้เทคโนโลยีที่จะนำมาใช้ในการสอน เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- สร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้: ส่งเสริมให้ครูแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวปฏิบัติที่ดีในการบูรณาการเทคโนโลยีในการสอน
- ติดตามและประเมินผลอย่างต่อเนื่อง: มีระบบการติดตามและประเมินผลการใช้เทคโนโลยีในการสอน เพื่อนำข้อมูลมาปรับปรุงและพัฒนาการสอนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
โมเดล TIP เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการช่วยให้ครูวางแผนและออกแบบการจัดการเรียนรู้ที่บูรณาการเทคโนโลยีอย่างเป็นระบบ ซึ่งจะช่วยให้นักเรียนได้เรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความสุขในการเรียน สามารถพัฒนาทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 และนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริงได้
Comments
Powered by Facebook Comments