หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2568: สรุปประเด็นสำคัญและการเปลี่ยนแปลง
หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2568: สรุปประเด็นสำคัญและการเปลี่ยนแปลง
บทนำ
หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2568 เป็นการปรับปรุงที่สำคัญจากหลักสูตรเดิมปี 2560 โดยเกิดขึ้นจากมติของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เมื่อปลายเดือนตุลาคม พ.ศ. 2567 ที่ให้จัดทำหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยฉบับใหม่ขึ้น หลักสูตรนี้ยึดความสามารถของผู้เรียนและให้สอดคล้องกับพัฒนาการของผู้เรียน โดยเป็นการจัดการศึกษาที่ยึดผู้เรียนเป็นสำคัญและเน้นพัฒนาเด็กอย่างเป็นองค์รวม
การเปลี่ยนแปลงสำคัญจากหลักสูตรปี 2560
1. การปรับปรุงปรัชญาการศึกษาปฐมวัย
หลักสูตรปี 2560: จัดการศึกษาสำหรับเด็กแรกเกิดจนกระทั่งถึง 6 ปีบริบูรณ์ โดยแยกออกเป็น 2 ส่วน:
- เด็กแรกเกิดถึง 3 ปี (เอกสารหลักสูตรสำหรับเด็กที่ต่ำกว่า 3 ขวบ)
 - เด็ก 3-6 ปีบริบูรณ์ (หลักสูตรสำหรับ 3-6 ปีบริบูรณ์)
 
หลักสูตรปี 2568: จัดทำสำหรับเด็ก 3 ขวบจนถึง 6 ปีบริบูรณ์เท่านั้น โดยมีการเพิ่มเติมในปรัชญาการศึกษาปฐมวัยเรื่องของ:
- ทักษะชีวิต
 - การเรียนรู้ผ่านการเล่น
 - การมีปฏิสัมพันธ์ที่ดี
 - การลงมือปฏิบัติ
 
ปรัชญาใหม่ระบุอย่างชัดเจนว่า “เด็กปฐมวัย 3-6 ปีบริบูรณ์เรียนรู้ผ่านการเล่น การมีปฏิสัมพันธ์ที่ดี และการลงมือปฏิบัติ” นอกจากนี้ยังกำหนดบทบาทของครูปฐมวัยที่ต้องให้ความรัก ความเอื้ออาทร และความเข้าใจต่อเด็ก เพื่อนำไปสู่การพัฒนาความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์
2. การปรับเปลี่ยนวิสัยทัศน์
หลักสูตรปี 2560: แบ่งพัฒนาการออกเป็น 4 ด้าน ได้แก่:
- ด้านร่างกาย
 - ด้านอารมณ์จิตใจ
 - ด้านสังคม
 - ด้านสติปัญญา
 
หลักสูตรปี 2568: ปรับเปลี่ยนเป็น 5 ด้าน ดังนี้:
ด้านสุขภาวะทางกาย
ปรับจาก “ด้านร่างกาย” เป็น “ด้านสุขภาวะทางกาย” โดยสุขภาวะหมายถึงความเป็นอยู่ที่ดีหรือภาวะที่เป็นสุขทางด้านร่างกาย ไม่เพียงแค่ความแข็งแรงทางกายภาพ แต่รวมถึงการมีสุขนิสัย ความปลอดภัย และสุขภาวะทางกายที่ดีโดยรวม
ด้านอารมณ์จิตใจและสังคม
นำอารมณ์จิตใจและสังคมมาอยู่ด้วยกัน เนื่องจากคณะทำงานมองเห็นว่าทั้งสองด้านมีความเชื่อมโยงและเกี่ยวข้องกันอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในสภาพสังคมปัจจุบันที่มีความไม่แน่นอน เด็กที่จะอยู่ได้ในสังคมปัจจุบันจะต้องเป็นเด็กที่สามารถรู้จักควบคุมอารมณ์ของตนเอง มีจิตใจที่จดจ่อต่อความเป็นอยู่ และสามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข
ด้านความเป็นพลเมืองและความเป็นไทย
แยกออกจากด้านสังคมเดิม เป็นด้านเฉพาะ เนื่องจาก:
- ความเป็นพลเมือง: เด็กต้องเคารพกฎกติกาเพื่อจะอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข
 - ความเป็นไทย: มีความสำคัญในเรื่องของความเป็นอยู่ ขนบธรรมเนียมประเพณี โดยเด็กในแต่ละภาคของประเทศมีวัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมประเพณีของตนเอง แม้จะเป็นคนไทยด้วยกัน แต่วัฒนธรรมในแต่ละภาคมีความแตกต่างกัน
 
ด้านสติปัญญา
ยังคงเดิม แต่แยกย่อยให้เห็นทั้งหมด 5 ด้านย่อย โดยทุกด้านมีความสำคัญเท่าเทียมกัน เพื่อให้เห็นว่าภาษาและการรู้หนังสือ การคิดรวบยอดและการคิดคำนวณ การแก้ปัญหาและการตัดสินใจ การแสวงหาความรู้ และจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ ล้วนมีความสำคัญเท่าเทียมกัน
นอกจากนี้ยังเพิ่มการพัฒนาในเรื่องของ “การมีจิตสำนึกรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม” ซึ่งสะท้อนถึงความตระหนักในปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เป็นประเด็นสำคัญของโลกปัจจุบัน
ตารางเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงสำคัญของหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย
1. การปรับปรุงปรัชญาการศึกษาปฐมวัย
| ประเด็น | หลักสูตรปี 2560 | หลักสูตรปี 2568 | 
| ขอบเขตกลุ่มเป้าหมาย | เด็กแรกเกิดจนกระทั่งถึง 6 ปีบริบูรณ์ | เด็ก 3 ขวบจนถึง 6 ปีบริบูรณ์เท่านั้น | 
| การแบ่งกลุ่ม | 2 ส่วน:• เด็กแรกเกิดถึง 3 ปี• เด็ก 3-6 ปีบริบูรณ์ | 1 ส่วน:• เด็ก 3-6 ปีบริบูรณ์ | 
| องค์ประกอบเพิ่มเติม | ไม่มีการระบุเฉพาะ | เพิ่ม:• ทักษะชีวิต• การเรียนรู้ผ่านการเล่น• การมีปฏิสัมพันธ์ที่ดี• การลงมือปฏิบัติ | 
| ความเชื่อหลัก | เด็กเรียนรู้ผ่านการพัฒนาตามธรรมชาติ | “เด็กปฐมวัย 3-6 ปีบริบูรณ์เรียนรู้ผ่านการเล่น การมีปฏิสัมพันธ์ที่ดี และการลงมือปฏิบัติ” | 
| บทบาทครู | ระบุในลักษณะทั่วไป | กำหนดชัดเจน: ต้องให้ความรัก ความเอื้ออาทร และความเข้าใจต่อเด็ก | 
| เป้าหมายสูงสุด | การพัฒนาเด็กอย่างรอบด้าน | การพัฒนาความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ | 
2. การปรับเปลี่ยนวิสัยทัศน์และโครงสร้างพัฒนาการ
| ด้านพัฒนาการ | หลักสูตรปี 2560 | หลักสูตรปี 2568 | เหตุผลการเปลี่ยนแปลง | 
| จำนวนด้าน | 4 ด้าน | 5 ด้าน | เพิ่มความชัดเจนและครอบคลุมมากขึ้น | 
| ด้านที่ 1 | ด้านร่างกาย | ด้านสุขภาวะทางกาย | เปลี่ยนจากเน้นแค่ความแข็งแรงเป็นความเป็นอยู่ที่ดีครอบคลุม | 
| ด้านที่ 2 | ด้านอารมณ์จิตใจ | ด้านอารมณ์จิตใจและสังคม | รวมเข้าด้วยกันเพราะมีความเชื่อมโยงในโลกปัจจุบัน | 
| ด้านที่ 3 | ด้านสังคม | ด้านความเป็นพลเมืองและความเป็นไทย | แยกออกเป็นด้านเฉพาะเพื่อเน้นความสำคัญ | 
| ด้านที่ 4 | ด้านสติปัญญา | ด้านสติปัญญา | ยังคงเดิม แต่แยกย่อยเป็น 5 องค์ประกอบ | 
| ด้านที่ 5 | ไม่มี | เพิ่มจิตสำนึกรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม | ตอบสนองปัญหาสิ่งแวดล้อมปัจจุบัน | 
3. รายละเอียดด้านสุขภาวะทางกาย
| องค์ประกอบ | หลักสูตรปี 2560 | หลักสูตรปี 2568 | 
| แนวคิดหลัก | ร่างกายแข็งแรง | สุขภาวะทางกายที่ดี | 
| ความหมาย | เน้นความแข็งแรงทางกายภาพ | ความเป็นอยู่ที่ดีหรือภาวะที่เป็นสุขทางร่างกาย | 
| องค์ประกอบ | • ร่างกายแข็งแรง• การเจริญเติบโต | • ร่างกายแข็งแรง • สุขนิสัย• ความปลอดภัย • สุขภาวะทางกายที่ดีโดยรวม  | 
4. รายละเอียดด้านอารมณ์จิตใจและสังคม
| องค์ประกอบ | หลักสูตรปี 2560 | หลักสูตรปี 2568 | 
| โครงสร้าง | แยกเป็น 2 ด้านต่างหาก:• ด้านอารมณ์จิตใจ• ด้านสังคม | รวมเป็น 1 ด้าน: • ด้านอารมณ์จิตใจและสังคม  | 
| เหตุผลการรวม | ไม่มีการอธิบาย | เพราะมีความเชื่อมโยงและเกี่ยวข้องกันอย่างใกล้ชิด | 
| ความสำคัญ | ความสำคัญแบบทั่วไป | เท่าเทียมกับภาษาและคณิตศาสตร์ มีผลต่อการเรียน การทำงาน และชีวิต | 
| แนวคิดสนับสนุน | ไม่ได้ระบุเฉพาะ | Social Emotional Learning (SEL) | 
| ความจำเป็น | การพัฒนาทักษะสังคม | การอยู่ในสังคมที่ไม่แน่นอน ต้องควบคุมอารมณ์และมีจิตใจจดจ่อ | 
5. รายละเอียดด้านความเป็นพลเมืองและความเป็นไทย
| องค์ประกอบ | หลักสูตรปี 2560 | หลักสูตรปี 2568 | 
| สถานะ | รวมอยู่ในด้านสังคม | แยกเป็นด้านเฉพาะ | 
| ความเป็นพลเมือง | • การอยู่ร่วมกันในสังคม • การปฏิบัติตามกฎระเบียบ  | • การเคารพกฎกติกา • การอยู่ในระบอบประชาธิปไตย • การแก้ข้อขัดแย้งอย่างสันติ  | 
| ความเป็นไทย | • การรักชาติ • การรักษาประเพณี  | • ความเป็นอยู่และขนบธรรมเนียมประเพณี • วัฒนธรรมในแต่ละภาค • ภาษาไทย • การปรับตัวกับความหลากหลาย  | 
| ความท้าทาย | ไม่ได้ระบุเฉพาะ | การอยู่ในสังคมที่มีวัฒนธรรมหลากหลาย | 
6. รายละเอียดด้านสติปัญญา
| องค์ประกอบ | หลักสูตรปี 2560 | หลักสูตรปี 2568 | 
| จำนวนองค์ประกอบ | ไม่ได้แยกย่อยชัดเจน | 5 องค์ประกอบ | 
| องค์ประกอบที่ 1 | รวมอยู่ในสติปัญญาทั่วไป | ภาษาและการรู้หนังสือ | 
| องค์ประกอบที่ 2 | รวมอยู่ในสติปัญญาทั่วไป | การคิดรวบยอดและการคิดคำนวณ | 
| องค์ประกอบที่ 3 | รวมอยู่ในสติปัญญาทั่วไป | การคิดแก้ปัญหาและการตัดสินใจ | 
| องค์ประกอบที่ 4 | รวมอยู่ในสติปัญญาทั่วไป | การแสวงหาความรู้ | 
| องค์ประกอบที่ 5 | รวมอยู่ในสติปัญญาทั่วไป | จินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ | 
| หลักการสำคัญ | ไม่ได้เน้นเฉพาะ | ทุกองค์ประกอบมีความสำคัญเท่าเทียมกัน | 
7. การปรับปรุงหลักการจัดการศึกษา
| หลักการ | หลักสูตรปี 2560 | หลักสูตรปี 2568 | 
| หลักการเดิม | • การอบรมเลี้ยงดู • การส่งเสริมพัฒนาการ  | • การอบรมเลี้ยงดู • การส่งเสริมพัฒนาการ  | 
| หลักการใหม่ที่ 1 | ไม่มี | การจัดประสบการณ์การเรียนรู้เชิงรุก | 
| หลักการใหม่ที่ 2 | ไม่มี | การบูรณาการบริบทสังคมและวัฒนธรรม | 
8. รายละเอียดหลักการจัดประสบการณ์การเรียนรู้เชิงรุก
| องค์ประกอบ | หลักสูตรปี 2560 | หลักสูตรปี 2568 | 
| ชื่อเรียก | การจัดประสบการณ์แบบลงมือกระทำ / Active Learning | การจัดประสบการณ์การเรียนรู้เชิงรุก | 
| สื่อการเรียนรู้ | มีสื่อหลากหลาย | สื่อหลากหลายแบบจำเพาะ: • สื่อของจริง • ของจำลอง • ภาพถ่าย • ภาพวาด • สัญลักษณ์  | 
| การให้เลือก | ระบุในลักษณะทั่วไป | เน้นการให้โอกาสเด็กเลือกสื่อที่ตนเองชื่นชอบ | 
| การลงมือกระทำ | เด็กได้ลงมือกระทำ | เด็กได้ลงมือกระทำ (manipulate) และใช้ภาษาของตนเอง | 
| บทบาทผู้ใหญ่ | สนับสนุนการเรียนรู้ | มีการเสริมให้เด็กเกิดการเรียนรู้ได้ดียิ่งขึ้น และช่วยให้เด็กพัฒนาจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง | 
| ผลลัพธ์ | เด็กเรียนรู้ได้ดี | เด็กเรียนรู้อย่างมีความสุขและเข้าใจได้ดี | 
9. รายละเอียดหลักการบูรณาการบริบทสังคมและวัฒนธรรม
| องค์ประกอบ | หลักสูตรปี 2560 | หลักสูตรปี 2568 | 
| การรับรู้ | ไม่ได้เน้นเฉพาะ | หลักการใหม่ที่เพิ่มขึ้นมา | 
| เหตุผล | ไม่ได้ระบุ | สภาพสังคมปัจจุบันมีความหลากหลายทางวัฒนธรรม | 
| ปรากฏการณ์ | ไม่ได้กล่าวถึง | การเคลื่อนไหวและการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี | 
| ความท้าทาย | ไม่ได้ระบุ | ความแตกต่างระหว่างวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีมีความแตกต่างกัน | 
| เป้าหมาย | การรักษาวัฒนธรรมไทย | ให้เด็กเรียนรู้วิถีชีวิตและวัฒนธรรมของตนเอง ในขณะเดียวกันก็ปรับตัวอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข | 
| การประยุกต์ | ไม่ได้ระบุชัดเจน | เด็กสามารถเห็นความแตกต่างและปรับตัวได้ | 
10. สรุปการเปลี่ยนแปลงหลัก
| ประเด็น | ลักษณะการเปลี่ยนแปลง | ความสำคัญ | 
| ขอบเขต | จาก 0-6 ปี เป็น 3-6 ปี | โฟกัสชัดเจนขึ้น | 
| จำนวนด้าน | จาก 4 ด้าน เป็น 5 ด้าน | ครอบคลุมมากขึ้น | 
| การรวมด้าน | รวมอารมณ์จิตใจและสังคม | สะท้อนความเชื่อมโยง | 
| การแยกด้าน | แยกความเป็นพลเมืองและความเป็นไทย | เน้นความสำคัญเฉพาะ | 
| สติปัญญา | แยกย่อยเป็น 5 องค์ประกอบ | ชัดเจนและเท่าเทียมกัน | 
| หลักการใหม่ | เพิ่ม 2 หลักการสำคัญ | ตอบสนองสังคมปัจจุบัน | 
| สิ่งแวดล้อม | เพิ่มจิตสำนึกรับผิดชอบ | ตอบสนองปัญหาโลก | 
3. การปรับปรุงหลักการจัดการศึกษา
หลักสูตรปี 2560: มีหลักการเดิมเกี่ยวกับการอบรมเลี้ยงดูและการส่งเสริมพัฒนาการ
หลักสูตรปี 2568: เพิ่มหลักการขึ้นมา 2 ข้อ:
หลักการจัดประสบการณ์การเรียนรู้เชิงรุก
ปรับจากคำว่า “การจัดประสบการณ์แบบลงมือกระทำ” หรือ “Active Learning” มาเป็น “การจัดประสบการณ์การเรียนรู้เชิงรุก” ซึ่งประกอบด้วย:
- การที่ครูมีสื่อหลากหลายให้เด็กเลือก ไม่ว่าจะเป็นสื่อของจริง ของจำลอง ภาพถ่าย ภาพวาด จนถึงสัญลักษณ์
 - การให้โอกาสเด็กเลือกสื่อที่ตนเองชื่นชอบ
 - การที่เด็กได้ลงมือกระทำ (manipulate) และใช้ภาษาของตนเอง
 - การที่ผู้ใหญ่รอบข้างมีการเสริมให้เด็กเกิดการเรียนรู้ได้ดียิ่งขึ้น และช่วยให้เด็กพัฒนาจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งได้
 
หลักการบูรณาการบริบทสังคมและวัฒนธรรม
เนื่องจากในสภาพสังคมปัจจุบัน เด็กจะอยู่ในวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมที่มีความหลากหลาย ความแตกต่างระหว่างวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีมีความแตกต่างกัน ในปัจจุบันมีการเคลื่อนไหวและการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีต่างๆ เพราะฉะนั้น หลักการบูรณาการบริบทสังคมและวัฒนธรรมจึงให้เด็กเรียนรู้วิถีชีวิตและวัฒนธรรมของตนเองในขณะเดียวกันก็ปรับตัวอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข
4. การปรับปรุงจุดหมายการศึกษา
จุดหมายใหม่มีการเพิ่มรายละเอียดในแต่ละข้อ:
ข้อที่ 1: ด้านสุขภาวะทางกาย
เปลี่ยนจาก “ร่างกายแข็งแรง” เป็น “มีสุขภาวะทางกายที่ดี” พร้อมเพิ่มเติมเรื่องความปลอดภัย
ข้อที่ 2: ด้านอารมณ์จิตใจและสังคม
เพิ่ม “การมีความสุข มีสุนทรียภาพ และมีสัมพันธภาพที่ดี”
ข้อที่ 3: ด้านความเป็นพลเมืองและความเป็นไทย
เน้น “วินัยในตนเอง” และ “รักความเป็นไทย” โดยมีการปฏิบัติตนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (เช่น ความประหยัดในการใช้สื่อวัสดุต่างๆ) มีวินัยในตนเอง (self-discipline) ที่เกิดจากภายในของตัวเด็กเอง ไม่ใช่วินัยที่เกิดจากการบังคับ และรักในความเป็นไทย เช่น ภาษาไทย ความเป็นอยู่ต่างๆ ความเห็นอกเห็นใจกัน
ข้อที่ 4: ด้านสติปัญญา
เน้น “ทักษะการคิด การใช้ภาษาสื่อสาร และการแสวงหาความรู้” โดยเฉพาะในยุคนี้ การแสวงหาความรู้มีความสำคัญ โดยให้เด็กรู้จักเลือกข้อมูลที่เป็นประโยชน์และเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง ไม่ถูกหลอกหรือไม่เป็นจริง
คุณภาพผู้เรียนที่คาดหวัง
การเปลี่ยนแปลงจากมาตรฐานคุณลักษณะที่พึงประสงค์เป็นความสามารถผู้เรียน
หลักสูตรปี 2560: เน้นมาตรฐานคุณลักษณะที่พึงประสงค์ 12 ข้อ ตัวบ่งชี้ 29 ข้อ และสภาพที่พึงประสงค์ 59 ข้อ
หลักสูตรปี 2568: ใช้ความสามารถผู้เรียน โดยแบ่งเป็น:
- ความสามารถของผู้เรียนเมื่อจบการศึกษาในระดับปฐมวัย
 - ความสามารถของผู้เรียนในแต่ละชั้นปี (3-4 ขวบ, 4-5 ขวบ, 5-6 ขวบ)
 
ความสามารถผู้เรียนเมื่อจบการศึกษาระดับปฐมวัย
1. ด้านสุขภาวะทางกาย
ความสามารถหลัก:
- มีร่างกายที่เจริญเติบโต แข็งแรง มีสุขอนามัยและสุขนิสัยที่ดี
 - มีการรักษาความปลอดภัยของตนเองและผู้อื่น
 - เคลื่อนไหวร่างกายอย่างคล่องแคล่วและใช้ได้อย่างประสานสัมพันธ์กัน
 
ความสำคัญ: สำหรับเด็กเล็กๆ ตั้งแต่ 3 ขวบ 4 ขวบ 5 ขวบ เรื่องของกล้ามเนื้อเล็กของเด็กยังไม่มีการประสานสัมพันธ์ที่ดี ดังนั้นการช่วยให้เด็กได้เคลื่อนไหวร่างกายอย่างคล่องแคล่วและใช้ได้อย่างประสานสัมพันธ์กันจะช่วยให้เด็กไปเรียนอ่านเขียนต่อไปหรือเติบโตขึ้นไปอย่างมีร่างกายที่แข็งแรงได้
ตัวอย่างความสามารถในแต่ละชั้นปี:
อนุบาลปีที่ 1 (3-4 ขวบ):
- ใช้สิ่งของและเครื่องใช้อย่างปลอดภัย
 - ไม่ไปกับคนแปลกหน้า
 - ทิ้งขยะ แยกขยะ และทิ้งขยะถูกที่
 
อนุบาลปีที่ 2 (4-5 ขวบ):
- สามารถวางแผน ปฏิบัติ และทำกิจกรรมจนสำเร็จ
 - คัดแยกขยะและทิ้งขยะถูกที่
 
อนุบาลปีที่ 3 (5-6 ขวบ):
- ระมัดระวังความปลอดภัยจากบุคคล สิ่งแวดล้อม และคนแปลกหน้า
 - สามารถวางเป้าหมาย วางแผน และมุ่งมั่นทำสิ่งต่างๆ จนสำเร็จ
 
2. ด้านอารมณ์จิตใจและสังคม
หลักการสำคัญ: การเรียนรู้ทางอารมณ์และสังคม (Social Emotional Learning) มีความสำคัญเท่าเทียมกับเรื่องของภาษาและคณิตศาสตร์ และมีผลต่อการเรียน การทำงาน และชีวิตของเด็ก
องค์ประกอบสำคัญ:
การกำกับตนเอง (Self-regulation)
เป็นความสามารถที่ช่วยให้เด็กจดจ่อ ตั้งใจ สนใจ หรือควบคุมอารมณ์ จัดการกับความคิดของตนเอง พฤติกรรม และความรู้สึกของตน มีความสัมพันธ์และเชื่อมโยงกับ Executive Function และการเรียนรู้ทางอารมณ์สังคม เป็นส่วนหนึ่งของความฉลาดทางอารมณ์
ความสามารถในแต่ละชั้นปี:
อนุบาลปีที่ 2:
- สามารถวางแผน ปฏิบัติ และทำกิจกรรมจนสำเร็จ
 
อนุบาลปีที่ 3:
- สามารถวางเป้าหมาย วางแผน และมุ่งมั่นทำสิ่งต่างๆ จนสำเร็จ
 - สามารถกำกับตนเองในการทำกิจกรรมได้
 
การมีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น (Empathy)
ความสามารถในแต่ละชั้นปี:
อนุบาลปีที่ 1-2:
- แสดงสีหน้าท่าทางรับรู้ความรู้สึกของผู้อื่นในบางสถานการณ์
 - แสดงความยินดีเมื่อผู้อื่นมีความสุข
 
อนุบาลปีที่ 3:
- ใช้คำพูดหรือการกระทำแสดงความยินดีเมื่อผู้อื่นมีความสุข
 - เห็นใจเมื่อผู้อื่นเศร้าและเสียใจ
 - ช่วยเหลือปลอบโยนเมื่อผู้อื่นเสียใจหรือได้รับบาดเจ็บ
 
ตัวอย่างการแสดงออก: เมื่อเห็นเพื่อนเศร้าเสียใจ เด็กจะเข้าไปแตะหรือรูปหลังเพื่อน ซึ่งแสดงว่าเด็คนนั้นมี empathy หรือเห็นอกเห็นใจผู้อื่น
ความสำคัญในโลกปัจจุบัน: ในโลกที่มีความไม่แน่นอน สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นบางทีก็เกิดขึ้นโดยที่เราไม่คาดคิด เด็กจะอยู่ในสังคมได้ถ้าเขามีอารมณ์ที่รู้จักปรับตัว รู้จักควบคุมอารมณ์ เห็นอกเห็นใจผู้อื่น จัดการต่ออารมณ์ของตนเองได้ และรู้จักรับผิดชอบ
3. ด้านความเป็นพลเมืองและความเป็นไทย
คุณธรรม จริยธรรม และจิตใจที่ดี เป็นสิ่งสำคัญมากต่อความเป็นไทยและความเป็นพลเมืองในศตวรรษที่ 21
ความสามารถหลัก:
การดูแลรักษาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ความสำคัญ: ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เช่น ปัญหาฝุ่น ต้องการเด็กที่เติบโตขึ้นไปและดูแลรักษาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของตนเองให้อยู่ได้
ความสามารถในแต่ละชั้นปี:
อนุบาลปีที่ 1:
- มีส่วนร่วมดูแลรักษาธรรมชาติ ต้นไม้ สัตว์เลี้ยง สิ่งแวดล้อม และทิ้งขยะถูกที่
 
อนุบาลปีที่ 2:
- คัดแยกขยะและทิ้งขยะถูกที่
 
อนุบาลปีที่ 3:
- นำวัสดุหรือสิ่งของเครื่องใช้ที่ใช้แล้วมาใช้ซ้ำหรือแปรรูปนำกลับมาใช้ใหม่
 
วินัยในตนเอง
การพัฒนา self-discipline ที่เกิดจากภายในของตัวเด็กเอง ไม่ใช่วินัยที่เกิดจากการบังคับ แต่เป็นวินัยที่เกิดมาจากภายในของตัวเด็กเอง ซึ่งต้องใช้เวลาในการพัฒนา
ความเป็นไทย
- การมีมารยาทไทย
 - การปฏิบัติตามวัฒนธรรมและประเพณี
 - การภูมิใจในความเป็นไทย
 - การภูมิใจในการใช้ภาษาไทย
 - การปฏิบัติตามแนวทางของหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
 
การเป็นสมาชิกที่ดีของสังคมประชาธิปไตย
- การอยู่ร่วมกันในกฎกติกาของสังคม
 - การแก้ไขข้อขัดแย้งอย่างสันติ
 - การไม่ใช้ความรุนแรงทั้งทางกายและทางจิตใจ
 
การประยุกต์ในห้องเรียน: ในการเล่นและทำกิจกรรมต่างๆ เด็กจะมีข้อขัดแย้งกับเพื่อน ครูจะช่วยให้เด็กเกิดการเรียนรู้ว่าการขัดแย้งสามารถแก้ไขกันได้โดยไม่ใช้ความรุนแรง
4. ด้านสติปัญญา
แม้จะแยกออกมาให้เห็นในแต่ละด้าน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเน้นเฉพาะด้านสติปัญญาด้านเดียว ทุกด้านที่กล่าวมาแล้วมีความสำคัญเท่าเทียมกับสติปัญญา
4.1 ภาษาและการรู้หนังสือ
หลักการสำคัญ: ไม่ใช่การบังคับให้เด็กอ่านออกเขียนได้ แต่เป็นการพัฒนาการรู้หนังสือขั้นต้น
องค์ประกอบของการรู้หนังสือขั้นต้น:
การมีแรงจูงใจในการอ่าน
- การอ่านหนังสือนิทานที่เด็กชอบให้ฟัง (บางครูอ่านให้เด็กฟังทุกวัน)
 - การมีมุมหนังสือและหนังสือนิทานให้เด็กได้เข้าไปเปิดอ่าน
 - เมื่อเด็กชื่นชอบ เด็กจะทำท่าการอ่านหนังสือเหมือนผู้ใหญ่ พลิกหนังสือ มีการชี้ไปตามตัวอักษรจากบนลงล่าง และพูดอ่านนิทานไป แม้ไม่ได้อ่านถูกต้องตามนั้น
 
การพัฒนาคลังคำศัพท์
จากการวิจัย เด็กจะเรียนรู้ภาษาที่ 2 หรือภาษาต่างประเทศได้ดี เขาจะต้องมีคลังคำศัพท์และการใช้ภาษาแม่ที่เข้มแข็งมาก่อน มีการใช้ภาษาแม่ที่แข็งแรง รู้คำศัพท์ต่างๆ
การตระหนักรู้เกี่ยวกับหนังสือ
- รู้ว่าหนังสือมีชื่อหนังสือ ชื่อผู้แต่ง ชื่อผู้เขียนภาพ
 - รู้ว่าการเปิดหนังสือจะเปิดอย่างไร
 - รู้จักปกหน้า ปกกลาง ปกหลัง
 
การรู้จักพยัญชนะและตัวอักษร
แรงจูงใจที่ดีที่สุด: สิ่งที่เกี่ยวข้องกับตัวเด็ก คือ ชื่อของเด็ก เพราะแต่ละคนจะมีชื่อเรียกแตกต่างกัน ชื่อของเด็กเป็นสิ่งแรกที่เขาจะเรียนรู้ว่าตัวอักษรชื่อของเขาคืออะไร ตัวแรกคืออะไร โดยใช้เกม ใช้ภาพ ใช้วิธีการต่างๆ เข้ามาประกอบ
วิธีการที่ไม่เหมาะสม: การให้เด็กคัดตัวอักษร กไก่ ถึง ฮนกฮูก ในแต่ละหน้า ซึ่งไม่ทำให้เด็กเกิดความสุขหรือเกิดการเรียนรู้และอยากจะอ่าน
ความสามารถในแต่ละชั้นปี:
อนุบาลปีที่ 1:
- รู้ว่าภาพและข้อความมีความสัมพันธ์กัน
 - มีการชี้ข้อความที่เห็นบ่อยๆ
 - รู้จักตัวอักษรที่ประกอบเป็นคำที่มีความหมาย เช่น ชื่อของเด็ก
 
อนุบาลปีที่ 2:
- ชี้คำหรือข้อความที่เด็กเห็นบ่อยๆ ในชีวิตประจำวัน
 
อนุบาลปีที่ 3:
- รู้จักคำและออกเสียงคำที่คุ้นเคย
 - ชี้คำหรือข้อความที่เห็นบ่อยๆ
 - ชี้ตัวอักษรตัวแรกและอักษรตัวสุดท้ายของคำที่คุ้นเคยได้
 
4.2 การคิดรวบยอดและการคิดคำนวณ
หลักการสำคัญ: ในชีวิตประจำวันของเด็ก เด็กจะพัฒนาแนวคิดด้านคณิตศาสตร์อย่างเป็นธรรมชาติ
พื้นฐานสำคัญก่อนการเรียนจำนวนและตัวเลข:
- การสังเกต
 - การจำแนก
 - การจัดกลุ่ม/จัดหมวดหมู่
 - การเรียนรู้รูปทรงต่างๆ
 - การเรียนรู้แบบรูป (Pattern)
 - การจับคู่ 1 ต่อ 1 (ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการเรียนบวกลบต่อไป)
 
ความสำคัญของบรรยากาศการเรียนรู้: ถ้าเด็กในชีวิตประจำวันได้เรียนรู้คณิตศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับตัวเขา และครูหรือผู้ที่เกี่ยวข้องส่งเสริมการเรียนรู้มีบรรยากาศที่ดึงดูดใจ จะมีความสำคัญมากต่อการเริ่มต้นการเรียนรู้คณิตศาสตร์
ความสามารถหลัก: ใช้ค่าของจำนวนและตัวเลขในชีวิตประจำวัน
ความสามารถในแต่ละชั้นปี:
- อนุบาลปีที่ 1, 2, และ 3: ในแต่ละชั้นปีเมื่อจบแล้ว หากเด็กได้เรียนรู้คณิตศาสตร์ในชีวิตประจำวันแล้ว จะเป็นพื้นฐานที่ดีในการเรียนคณิตศาสตร์ต่อไป
 
4.3 การคิดแก้ปัญหาและการตัดสินใจ
องค์ประกอบสำคัญ:
- การคิดอย่างมีเหตุมีผล
 - การคิดเชื่อมโยง
 - การมีโอกาสได้แก้ปัญหา
 - การมีการลองผิดลองถูก
 - การระบุปัญหา
 - การแก้ปัญหา
 - การสร้างตัวเลือก
 - การเลือกวิธีการ
 - การลงมือแก้ปัญหาด้วยตัวเอง
 
ผลลัพธ์: ทำให้เด็กได้เรียนรู้แก้ปัญหาในชีวิตประจำวันได้
4.4 การแสวงหาความรู้
ความสำคัญในยุคปัจจุบัน: ความรู้ทุกอย่างไม่ใช่เกิดจากครูเป็นผู้บอกฝ่ายเดียว ในยุคนี้แล้ว เด็กแม้จะเป็นเด็กปฐมวัย แต่เขาสามารถเรียนรู้ว่าข้อมูลต่างๆ หากอยากรู้ตอบคำถามของตนเอง จะหาได้จากไหนบ้าง อย่างไร และจะเชื่อถือในข้อมูลนั้นได้อย่างไร
ความสามารถหลัก: ค้นหาคำตอบเกี่ยวกับปัญหาหรือข้อสงสัยโดยใช้การสืบเสาะหาความรู้
การประยุกต์: ให้เด็กได้มีโอกาสในการแสวงหาความรู้ ค้นหาคำตอบ สืบเสาะหาความรู้
4.5 จินตนาการและความคิดสร้างสรรค์
ความสำคัญ: สังคมของเราต้องการบุคคลและเด็กที่เติบโตไปที่มีความคิดสร้างสรรค์
การสังเกตและประเมิน: ครูสามารถสังเกตเด็กได้จาก:
- การทำงานศิลปะ
 - การเคลื่อนไหวจังหวะของเด็ก
 - การสร้างผลงานและชิ้นงานขึ้นมา
 - การสื่อสารความคิดและความรู้สึกของตน
 
ตัวอย่างความสามารถ: เด็กมีการสร้างผลงานและชิ้นงานขึ้นมา และมีการสื่อสารความคิดความรู้สึกของตนผ่านผลงานนั้น
โครงสร้างและลักษณะของหลักสูตร
การเปรียบเทียบโครงสร้าง
หลักสูตรปี 2560: มีโครงสร้างทั้งหมด 12 ข้อ ตั้งแต่ปรัชญาการศึกษาปฐมวัย วิสัยทัศน์ หลักการ จุดหมาย ลงมาสู่มาตรฐานคุณลักษณะที่พึงประสงค์
หลักสูตรปี 2568: ยังคงโครงสร้างเดิม แต่เปลี่ยนจาก “มาตรฐานคุณลักษณะที่พึงประสงค์” เป็น:
- ความสามารถผู้เรียนเมื่อจบการศึกษาในระดับปฐมวัย
 - ความสามารถผู้เรียนเมื่อจบชั้นปี
 - การประเมินความสามารถผู้เรียน (แทนการประเมินพัฒนาการ)
 
ลักษณะสำคัญของหลักสูตร
1. ความเป็นเอกภาพ
ไม่ว่าผู้ที่เกี่ยวข้องจะเป็น:
- ผู้บริหารสถานศึกษา
 - ศึกษานิเทศก์
 - ครูปฐมวัย
 - กลุ่มทุกกลุ่มที่จัดการศึกษาในระดับปฐมวัย
 
ทุกกลุ่มจะมีเป้าหมายร่วมกันในการพัฒนาเด็กให้มีความสามารถตามหลักสูตร:
- ความสามารถด้านสุขภาวะทางกาย
 - ความสามารถด้านอารมณ์จิตใจและสังคม
 - ความสามารถด้านความเป็นพลเมืองและความเป็นไทย
 - ความสามารถด้านสติปัญญา
 
การใช้แนวคิดต่างๆ: แม้จะใช้แนวคิดการจัดการศึกษาต่างๆ เช่น แนวคิดของ Waldorf หรือ Montessori แต่ต้องพัฒนาเด็กให้มีความสามารถตามที่หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยปี 2568 กำหนด
2. ความยืดหยุ่น
- ใช้ได้กับทุกกลุ่ม: รวมถึงเด็กที่มีความสามารถหรือมีความต้องการพิเศษ แม้จะมีพัฒนาการที่แตกต่างกัน มีลักษณะเฉพาะของตนเอง แต่ทุกคนจะได้รับการพัฒนาไปตามลำดับตามความสามารถที่หลักสูตรกำหนด โดยจะมีความแตกต่างกันในแต่ละกลุ่ม
 - ใช้ได้กับทุกกลุ่มอายุ: ตั้งแต่ 3 ขวบ 4 ขวบ 5 ขวบ
 - ยืดหยุ่นในเรื่องเวลา: หลักสูตรกำหนดว่าเด็กจะต้องมีเวลาเรียนไม่น้อยกว่า 180 วันต่อปีการศึกษา
 
3. คุณภาพของผู้เรียนบนพื้นฐานของพัฒนาการตามวัย
แม้จะกำหนดเป็นความสามารถ แต่ครูปฐมวัยทุกคนจะต้องทำความเข้าใจว่า เด็กที่รับผิดชอบอยู่ (ไม่ว่าจะกลุ่มอายุ 3 ขวบ 4 ขวบ 5 ขวบ) มีพัฒนาการตามวัยเป็นอย่างไร
หลักการสำคัญ: เด็กปฐมวัยจะมีพัฒนาการเป็นไปตามลำดับขั้น จะช้าเร็วแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคลขึ้นอยู่กับสิ่งแวดล้อม แต่เด็กจะพัฒนาไปตามขั้นตอนของเขา ไม่ว่าเด็กจะอยู่ในภาคใดของประเทศไทย แต่ในกลุ่มอายุ 3-6 ปีบริบูรณ์ก็จะมีพัฒนาการไปเป็นไปตามวัยของเขา
4. ใช้ได้กับทุกกลุ่มเป้าหมาย
หลักสูตรสามารถใช้ได้กับเด็กทุกกลุ่ม รวมถึงเด็กพิเศษและเด็กที่มีความต้องการที่แตกต่างกัน
จุดเน้นของหลักสูตร
1. การพัฒนาเด็กอย่างเป็นองค์รวม
จุดเน้นนี้เห็นได้ชัดเจนตั้งแต่ระดับปรัชญาการศึกษาปฐมวัย ที่ระบุความเชื่อว่าเด็กจะต้องได้รับการพัฒนาอย่างเป็นองค์รวม
หลักการ: ไม่ว่าจะเป็นสุขภาวะทางกาย อารมณ์จิตใจสังคม หรือสติปัญญา จะต้องได้รับการพัฒนาทุกด้านอย่างเท่าเทียมกัน ไม่เน้นด้านใดด้านหนึ่ง
เป้าหมาย: ต้องการเด็กที่พัฒนาได้ครบทุกด้าน ไม่ต้องการเด็กที่มี “ศีรษะโต แต่แขนขาเล็ก” หรือเด็กที่เก่งอย่างเดียวแต่ไม่มีคุณธรรมจริยธรรม เพราะเด็กเช่นนั้นจะอยู่ในสังคมไม่ได้ เข้ากับคนอื่นไม่ได้ และจะมีชีวิตที่ไม่มีความสุข
2. การยึดเด็กเป็นสำคัญ (Child-Centered)
หลักการ: เด็กแต่ละคนมีความแตกต่างกัน เด็กแต่ละคนมีลักษณะการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน:
- บางคนเรียนรู้ได้ดีด้วยการใช้ประสาทสัมผัสทางตา
 - บางคนเรียนรู้ได้ดีด้วยการใช้ประสาทสัมผัสทางหู (เวลาที่ฟังครูพูด บางทีเด็กก็หลับตา แต่จริงๆ แล้วเขายังติดตามว่าครูต้องการอะไร พูดอะไร)
 - บางคนต้องลงมือกระทำ ได้ใช้มือ สัมผัส จับต้อง
 
การประยุกต์: ครูผู้สอนจะยึดว่าเด็กแต่ละคนมีความแตกต่างกัน และจัดการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับลักษณะการเรียนรู้ของเด็กแต่ละคน
3. การเรียนรู้ด้วยการลงมือกระทำ (Active Learning)
องค์ประกอบสำคัญ:
- สื่อหลากหลาย: ครูมีสื่อหลากหลายให้เด็กเลือก ไม่ว่าจะเป็นสื่อของจริง ของจำลอง ภาพถ่าย ภาพวาด จนถึงสัญลักษณ์
 - การมีโอกาสเลือก: เด็กมีโอกาสเลือกสื่อที่ตนเองชื่นชอบ ซึ่งจะทำให้เด็กได้เรียนรู้อย่างมีความสุข
 - การลงมือกระทำ: เด็กได้ลงมือกระทำ (manipulate) และใช้ภาษาของตนเอง
 - การเสริมจากผู้ใหญ่: ผู้ใหญ่ที่อยู่รอบข้างมีการเสริมต่อให้เด็กเกิดการเรียนรู้ได้ดียิ่งขึ้น ช่วยให้เด็กพัฒนาจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งได้
 
4. การบูรณาการผ่านการเล่นและประสบการณ์สำคัญ
การเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยจะเกิดขึ้นผ่าน:
- การเล่น
 - การมีปฏิสัมพันธ์ที่ดี
 - การลงมือปฏิบัติ
 - ประสบการณ์สำคัญที่ส่งเสริมการพัฒนาความสามารถของเด็ก
 
การจัดประสบการณ์การเรียนรู้
หลักการจัดประสบการณ์
1. การอบรมเลี้ยงดูและให้การศึกษา (Educare)
การอบรมเลี้ยงดู:
- ดูแลเด็ก
 - ทำกิจวัตรประจำวัน
 - ให้เด็กได้มีโอกาสได้เล่น
 - ได้ออกกำลังกาย
 - ได้ออกไปเล่นกลางแจ้ง
 - ได้พักผ่อนนอนตอนกลางวันอย่างเพียงพอ
 
การให้การศึกษา: ครูปฐมวัยต้องให้การศึกษาให้เด็กได้เรียนรู้ในสิ่งที่เขาจะต้องเรียนรู้เกี่ยวกับ:
- ตนเอง (เรียนรู้ชื่อ เรียนรู้เกี่ยวกับตัวเอง)
 - บุคคลที่แวดล้อม (บุคคล อาชีพต่างๆ ที่เด็กได้เข้าไปเกี่ยวข้องสัมผัส)
 - สถานที่แวดล้อม (ในโรงเรียน สถานที่ที่อยู่แวดล้อมตัวเด็กที่เด็กควรจะทำความเข้าใจ)
 - ธรรมชาติรอบตัว
 - สิ่งต่างๆ รอบตัว
 
หลักการสำคัญ: ใช้เนื้อหาเป็น “ทุ่นเกาะ” ไม่ใช่อบรมเลี้ยงดูให้เด็กปลอดภัยและเจริญเติบโตทางด้านร่างกายอย่างเดียว แต่ต้องให้การศึกษาให้เด็กเรียนรู้เพื่อให้เขาอยู่ในสังคมได้ โดยไม่เน้นให้เด็กท่องจำเนื้อหาได้ แต่ให้เด็กเรียนรู้เพื่อพัฒนาให้เกิดความสามารถตามที่หลักสูตรกำหนด
2. การจัดประสบการณ์การเรียนรู้เชิงรุก
ยึดหลักการ Active Learning โดย:
- มีสื่อหลากหลาย
 - ให้เด็กมีโอกาสเลือก
 - เด็กได้ลงมือกระทำ
 - ผู้ใหญ่คอยเสริมและสนับสนุน
 
3. การบูรณาการบริบทสังคมและวัฒนธรรม
ความจำเป็น: ในสภาพสังคมปัจจุบัน มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม (diversity) มีการเคลื่อนไหวและการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีต่างๆ
เป้าหมาย: ให้เด็กได้เห็นความแตกต่าง และสามารถปรับตัวอยู่ได้ เรียนรู้วิถีชีวิตและวัฒนธรรมของตนเองในขณะเดียวกันก็ปรับตัวอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข
4. การมีส่วนร่วมของครอบครัว สถานศึกษา และชุมชน
ทุกฝ่ายร่วมกันพัฒนาเด็กให้เกิดความสามารถตามที่ต้องการ
แนวการจัดประสบการณ์
1. การยึดจิตวิทยาพัฒนาการ
ครูต้องมีความเข้าใจในการทำงานของสมอง เพื่อที่จะจัดประสบการณ์ได้อย่างเหมาะสมกับเด็กในวัยที่ตนเองรับผิดชอบ
2. การเรียนรู้แบบ Active Learning
ให้เด็กได้ลงมือกระทำและเรียนรู้ผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5
3. การใช้สารนิทัศน์ (Documentation)
วัตถุประสงค์: ไตร่ตรองและพัฒนาเด็กเป็นรายบุคคล
แหล่งข้อมูล:
- การสังเกตเด็ก
 - ชิ้นงานต่างๆ ของเด็ก
 - Portfolio ของเด็ก
 
การใช้ประโยชน์: ครูนำข้อมูลมาพิจารณาดูเด็กเป็นรายบุคคลว่าควรจะจัดอะไรเพิ่มเติมให้เด็กพัฒนาได้ตามที่หลักสูตรกำหนด
4. การจัดกิจกรรมประจำวัน
หลักการสำคัญ: ต้องดูว่าเป็นกิจกรรมหนักหรือกิจกรรมเบา
กิจกรรมหนัก (ใช้ความคิด):
- ไม่ควรเกิน 20 นาทีต่อครั้ง
 - ต้องมีการวางแผนอย่างดี
 
กิจกรรมเบา (การเล่นเสรี):
- ประมาณ 1 ชั่วโมง
 - ให้เด็กมีโอกาสเลือกกิจกรรม
 
ความสมดุล: ต้องมีความสมดุลระหว่างกิจกรรมต่างๆ เป็นหลักการจัดตามหลักสูตรปฐมวัย
การประเมินผล
การเปลี่ยนแปลงในการประเมิน
หลักสูตรปี 2560: ประเมินพัฒนาการตามหลักการ 5 ข้อ
หลักสูตรปี 2568: ประเมินตามความสามารถผู้เรียน โดยมีหลักการที่ให้ผู้ปกครองมีส่วนร่วมในการประเมินด้วย
การมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง
ความสำคัญ: ผู้ปกครองมีส่วนร่วมในการประเมินจะช่วยให้การประเมินมีความครอบคลุมและตรงกับสภาพจริงของเด็กมากขึ้น เนื่องจากผู้ปกครองเห็นพฤติกรรมของเด็กที่บ้านซึ่งอาจแตกต่างจากที่โรงเรียน
วิธีการ: การมีส่วนร่วมของผู้ปกครองในการประเมินจะมีรายละเอียดเฉพาะที่จะได้รับการชี้แจงในโมดูลเกี่ยวกับการประเมินต่อไป
สาระการเรียนรู้และประสบการณ์สำคัญ
การปรับเปลี่ยนจากหลักสูตรปี 2560
หลักสูตรปี 2560:
- ประสบการณ์สำคัญแยกตามพัฒนาการในแต่ละด้าน
 - สาระที่ควรเรียนรู้แยกเป็น: ตัวเด็ก, บุคคลและสถานที่แวดล้อมเด็ก, ธรรมชาติรอบตัว, และสิ่งต่างๆรอบตัว
 
หลักสูตรปี 2568:
- ประสบการณ์สำคัญแยกตามความสามารถในแต่ละองค์ประกอบ
 - สาระที่ควรเรียนรู้ยังคงยึดหลักการเดิมว่าเนื้อหาเป็นทุ่นเกาะ แต่เพิ่มรายละเอียดเนื้อหา
 
หลักการสำคัญของสาระการเรียนรู้
การใช้เนื้อหาเป็นทุ่นเกาะ: เวลาที่ให้เนื้อหากับเด็กหรือ Content นั้น เนื้อหาเป็นเพียงทุ่นเกาะ สิ่งที่เด็กควรจะเรียนรู้คือสิ่งที่เด็กต้องเรียนรู้เกี่ยวกับ:
- ตนเอง – เรียนรู้เกี่ยวกับตัวเองก่อน เรียนรู้ชื่อ เรียนรู้เกี่ยวกับตัวเอง
 - บุคคลที่แวดล้อม – เรียนรู้บุคคลที่อยู่แวดล้อม อาชีพต่างๆ ที่เด็กได้เข้าไปเกี่ยวข้องสัมผัส
 - สถานที่แวดล้อม – เรียนรู้ในสถานที่แวดล้อม ในโรงเรียน สถานที่ที่อยู่แวดล้อมตัวเด็กที่เด็กควรจะทำความเข้าใจ
 - ธรรมชาติรอบตัว – เรียนรู้ว่าธรรมชาติรอบตัวมีอะไรบ้าง
 - สิ่งต่างๆ รอบตัว – เรียนรู้ว่าสิ่งต่างๆ รอบตัวมีอะไร
 
จุดประสงค์: ใช้เนื้อหาเป็นทุ่นที่นำมาให้เด็กได้เกิดการเรียนรู้เพื่อให้เกิดความสามารถตามองค์ประกอบที่หลักสูตรกำหนดขึ้นมา
การไม่เน้นการท่องจำ: ไม่เน้นให้เด็กท่องจำเนื้อหาได้ แต่ให้เด็กเรียนรู้เพื่อพัฒนาให้เกิดความสามารถตามที่หลักสูตรกำหนด
ความหมายและบทบาทของหลักสูตร
ความหมายของหลักสูตร
ความหมายกว้าง: ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในห้องเรียน ในโรงเรียน ที่เด็กได้รับประสบการณ์ ถือว่าเป็นหลักสูตรที่จะทำให้เด็กเกิดการเรียนรู้และเกิดความสามารถตามที่หลักสูตรกำหนด
ความหมายแคบ: เอกสารหลักสูตรในปี 2568 ที่มีการกำหนดโครงสร้างและรายละเอียดต่างๆ อย่างชัดเจน
บทบาทของหลักสูตร: เป็นกรอบทิศทางหรือแนวปฏิบัติที่ผู้ที่เกี่ยวข้องจะต้องทำความเข้าใจ ไม่ว่าจะเป็น:
- ผู้บริหารสถานศึกษา
 - ศึกษานิเทศก์
 - ครูปฐมวัย
 
ทุกฝ่ายต้องทำความเข้าใจว่าหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยปี 2568 มีเป้าหมายอะไรบ้าง เพื่อที่จะนำไปสู่การปฏิบัติได้ตรงกับเป้าหมายที่หลักสูตรต้องการ
ความเชื่อมโยงกับการวิจัยและทฤษฎี
การเรียนรู้ทางอารมณ์และสังคม (Social Emotional Learning)
ความสำคัญระดับโลก: หลายประเทศทั่วโลกมองเห็นความสำคัญของการเรียนรู้ทางอารมณ์และสังคมอย่างมากในโลกปัจจุบัน เพราะมีผลต่อการเรียน การทำงาน และชีวิตของเด็ก
องค์ประกอบของความฉลาดทางอารมณ์:
- การตระหนักรู้ตนเอง – รู้ว่าตนเองคือใคร ชอบไม่ชอบอะไร มีความรู้สึกและอารมณ์อย่างไร
 - การกำกับตนเอง – การจดจ่อ ตั้งใจ สนใจ ควบคุมอารมณ์ จัดการกับความคิด พฤติกรรม และความรู้สึก
 - การเห็นอกเห็นใจผู้อื่น – ความสามารถในการเข้าใจและรับรู้ความรู้สึกของผู้อื่น
 - การมีแรงจูงใจภายใน – ความสามารถในการพัฒนาตนเอง
 - การมีสัมพันธภาพและทักษะทางสังคม – การใช้ภาษาสื่อสารและทักษะต่างๆ ในการอยู่ร่วมกับผู้อื่น
 
การพัฒนาการรู้หนังสือขั้นต้น (Early Literacy)
หลักการจากการวิจัย:
- เด็กจะเรียนรู้ภาษาที่ 2 หรือภาษาต่างประเทศได้ดี ต้องมีคลังคำศัพท์และการใช้ภาษาแม่ที่เข้มแข็งมาก่อน
 - การพัฒนาการรู้หนังสือต้องเริ่มจากการสร้างแรงจูงใจในการอ่าน
 - การรู้จักตัวอักษรควรเริ่มจากสิ่งที่เกี่ยวข้องกับตัวเด็ก โดยเฉพาะชื่อของเด็ก
 
ทักษะศตวรรษที่ 21
หลักสูตรมีการบูรณาการทักษะสำคัญสำหรับศตวรรษที่ 21:
- ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity)
 - การคิดวิเคราะห์ (Critical Thinking)
 - การคิดวิจารณญาณ (Analytical Thinking)
 - การทำงานร่วมกัน (Collaboration)
 - การสื่อสาร (Communication)
 
แต่ทักษะเหล่านี้ต้องอยู่บนพื้นฐานของคุณธรรม จริยธรรม และมีจิตใจที่ดีงาม
การนำหลักสูตรไปสู่การปฏิบัติ
ความท้าทายในการนำไปปฏิบัติ
1. ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
ตัวอย่างความเข้าใจผิด: บางท่านเข้าใจผิดว่าหลักสูตรปี 2568 ที่ระบุเรื่องภาษาและการรู้หนังสือ หมายความว่าต้องสอนให้เด็กอ่านออกเขียนได้
ความเป็นจริง: หลักสูตรเน้นการพัฒนาการรู้หนังสือขั้นต้น ไม่ใช่การบังคับให้อ่านออกเขียนได้ การเน้นการอ่านออกเขียนได้สำหรับเด็กปฐมวัยอาจไม่เหมาะสมกับพัฒนาการของเด็กในวัยนี้
2. การสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง
สิ่งที่ต้องทำ:
- ศึกษาเอกสารหลักสูตรให้ละเอียด
 - ทำความเข้าใจหลักการและแนวคิดหลัก
 - นำหลักสูตรไปสู่การปฏิบัติที่ถูกต้อง
 - พัฒนาเด็กตามความสามารถที่หลักสูตรกำหนด
 
แนวทางการนำไปปฏิบัติ
1. สำหรับผู้บริหารสถานศึกษา
- ทำความเข้าใจหลักสูตรอย่างลึกซึ้ง
 - กำหนดวิสัยทัศน์ของสถานศึกษาให้สอดคล้องกับหลักสูตร
 - สนับสนุนครูในการพัฒนาความเข้าใจและทักษะ
 - จัดหาสื่อและสิ่งอำนวยความสะดวกที่เหมาะสม
 
2. สำหรับศึกษานิเทศก์
- ศึกษาและทำความเข้าใจหลักสูตรอย่างถ่องแท้
 - ให้คำแนะนำและการนิเทศที่ถูกต้อง
 - ช่วยครูแก้ไขความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
 - ติดตามและประเมินการนำหลักสูตรไปปฏิบัติ
 
3. สำหรับครูปฐมวัย
- ศึกษาหลักสูตรอย่างละเอียด
 - ทำความเข้าใจพัฒนาการของเด็กในแต่ละวัย
 - จัดประสบการณ์การเรียนรู้ที่หลากหลาย
 - สังเกตและประเมินเด็กอย่างต่อเนื่อง
 - ใช้สารนิทัศน์ในการพัฒนาเด็กรายบุคคล
 
4. สำหรับผู้ปกครอง
- ทำความเข้าใจหลักสูตรและการจัดการศึกษาปฐมวัย
 - ร่วมมือกับสถานศึกษาในการพัฒนาเด็ก
 - มีส่วนร่วมในการประเมินเด็ก
 - สนับสนุนการเรียนรู้ของเด็กที่บ้าน
 
ประโยชน์ที่คาดหวังจากหลักสูตรใหม่
1. เด็กมีความพร้อมสำหรับการเรียนรู้ต่อไป
เด็กที่ได้รับการพัฒนาตามหลักสูตรนี้จะมีความพร้อมที่จะขึ้นไปอยู่ในชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 และเรียนรู้ร่วมกันไปตามหลักสูตรที่ประถมศึกษากำหนดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. เด็กมีพื้นฐานทักษะชีวิตที่แข็งแกร่ง
เด็กจะมีทักษะในการ:
- กำกับตนเอง
 - แก้ปัญหา
 - ทำงานร่วมกับผู้อื่น
 - สื่อสาร
 - ดูแลตนเองและผู้อื่น
 
3. เด็กมีความสามารถในการปรับตัว
เด็กจะสามารถ:
- อยู่ในสังคมที่หลากหลายได้อย่างมีความสุข
 - ปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลง
 - เคารพความแตกต่าง
 - รักษาและภูมิใจในความเป็นไทย
 
4. เด็กมีจิตสำนึกรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
เด็กจะ:
- ดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม
 - มีความรับผิดชอบต่อส่วนรวม
 - ปฏิบัติตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง
 - เป็นพลเมืองที่ดีของสังคม
 
บทสรุป
หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2568 เป็นการปรับปรุงที่สำคัญและเป็นระบบ ที่สะท้อนถึงความเข้าใจเชิงลึกเกี่ยวกับการพัฒนาเด็กปฐมวัยและความต้องการของสังคมไทยในศตวรรษที่ 21 การปรับปรุงนี้ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงแบบรุนแรง แต่เป็นการพัฒนาต่อยอดจากหลักสูตรเดิมให้มีความทันสมัย ครอบคลุม และตอบสนองความต้องการของเด็กและสังคมได้ดียิ่งขึ้น
จุดเด่นของหลักสูตรใหม่
- ความชัดเจนในการกำหนดความสามารถ – แยกความสามารถในแต่ละชั้นปีและเมื่อจบการศึกษาอย่างชัดเจน
 - การบูรณาการที่สมบูรณ์ – นำองค์ความรู้และทักษะต่างๆ มาบูรณาการได้อย่างลงตัว
 - ความยืดหยุ่นในการปฏิบัติ – สามารถนำไปปรับใช้กับบริบทและเด็กที่หลากหลาย
 - การเน้นทักษะสำหรับอนาคต – เตรียมเด็กสำหรับการเป็นพลเมืองโลกในศตวรรษที่ 21
 
ความสำคัญของการนำไปปฏิบัติ
หลักสูตรที่ดีจะมีประสิทธิภาพได้ก็ต่อเมื่อมีการนำไปปฏิบัติอย่างถูกต้อง การนำหลักสูตรนี้ไปสู่การปฏิบัติจึงต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ:
- ผู้บริหารสถานศึกษา ที่ต้องสร้างนโยบายและสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้
 - ศึกษานิเทศก์ ที่ต้องให้คำแนะนำและการนิเทศที่ถูกต้อง
 - ครูปฐมวัย ที่ต้องมีความเข้าใจและทักษะในการจัดประสบการณ์การเรียนรู้
 - ผู้ปกครอง ที่ต้องเข้าใจและร่วมมือในการพัฒนาเด็ก
 
วิสัยทัศน์สำหรับอนาคต
เมื่อหลักสูตรนี้ได้รับการนำไปปฏิบัติอย่างเต็มรูปแบบและถูกต้อง คาดหวังว่าเด็กไทยจะเติบโตเป็น:
- มนุษย์ที่สมบูรณ์ ที่มีพัฒนาการครบทุกด้านอย่างสมดุล
 - พลเมืองที่ดี ที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
 - คนไทยที่ภูมิใจ ในอัตลักษณ์และวัฒนธรรมของตนเอง
 - ผู้เรียนรู้ตลอดชีวิต ที่มีทักษะในการปรับตัวและเรียนรู้ต่อไป
 - สมาชิกสังคมโลก ที่สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างสันติและสร้างสรรค์
 
หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2568 จึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการวางรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับอนาคตของเด็กไทย และการพัฒนาประเทศชาติในระยะยาว การลงทุนในการศึกษาปฐมวัยที่มีคุณภาพจะส่งผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมไทยในอนาคตอย่างแน่นอน
ดังนั้น การที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้ศึกษา ทำความเข้าใจ และนำหลักสูตรนี้ไปสู่การปฏิบัติอย่างจริงจัง จะเป็นการมอบของขวัญที่ล้ำค่าที่สุดให้กับเด็กไทยและอนาคตของประเทศชาติ ขอให้ทุกท่านร่วมมือกันทำให้หลักสูตรนี้บรรลุเป้าหมายในการสร้างเด็กไทยที่มีคุณภาพ อยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข และเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์อย่างแท้จริง
ตารางสังเคราะห์หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2568
ตารางที่ 1: เปรียบเทียบโครงสร้างหลักสูตร
| องค์ประกอบ | หลักสูตรปี 2560 | หลักสูตรปี 2568 | การเปลี่ยนแปลง | 
| ปรัชญา | แรกเกิด-6 ปีบริบูรณ์ | 3-6 ปีบริบูรณ์ + ทักษะชีวิต | โฟกัสชัดเจนขึ้น | 
| วิสัยทัศน์ | 4 ด้านพัฒนาการ | 5 ด้านความสามารถ | ครอบคลุมมากขึ้น | 
| หลักการ | การอบรมเลี้ยงดู + ส่งเสริมพัฒนาการ | เดิม + Active Learning + บูรณาการวัฒนธรรม | เพิ่ม 2 หลักการ | 
| จุดหมาย | 4 ข้อตามด้านพัฒนาการ | 5 ข้อ + รายละเอียดเพิ่มเติม | ชัดเจนและเฉพาะเจาะจง | 
| คุณภาพผู้เรียน | มาตรฐาน 12 ข้อ + ตัวบ่งชี้ 29 ข้อ | ความสามารถตามชั้นปีและเมื่อจบ | เปลี่ยนมาเป็นความสามารถ | 
| การประเมิน | ประเมินพัฒนาการ 5 หลักการ | ประเมินความสามารถ + ส่วนร่วมผู้ปกครอง | เน้นการมีส่วนร่วม | 
ตารางที่ 2: การเปลี่ยนแปลงด้านพัฒนาการ
| ด้าน | หลักสูตรปี 2560 | หลักสูตรปี 2568 | เหตุผลการเปลี่ยนแปลง | 
| ด้านที่ 1 | ร่างกาย | สุขภาวะทางกาย | เน้นความเป็นอยู่ที่ดีครอบคลุม | 
| ด้านที่ 2 | อารมณ์จิตใจ | อารมณ์จิตใจและสังคม | มีความเชื่อมโยงในโลกปัจจุบัน | 
| ด้านที่ 3 | สังคม | ความเป็นพลเมืองและความเป็นไทย | เน้นความสำคัญเฉพาะ | 
| ด้านที่ 4 | สติปัญญา | สติปัญญา (5 องค์ประกอบ) | แยกย่อยให้ชัดเจน | 
| ด้านที่ 5 | – | จิตสำนึกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม | ตอบสนองปัญหาสิ่งแวดล้อม | 
ตารางที่ 3: ความสามารถด้านสุขภาวะทางกายตามชั้นปี
| ความสามารถ | อนุบาล 1 (3-4 ขวบ) | อนุบาล 2 (4-5 ขวบ) | อนุบาล 3 (5-6 ขวบ) | 
| ความปลอดภัย | • ใช้เครื่องใช้อย่างปลอดภัย • ไม่ไปกับคนแปลกหน้า  | • วางแผนทำกิจกรรมจนสำเร็จ • คัดแยกขยะถูกที่  | • ระมัดระวังจากบุคคล สิ่งแวดล้อม • วางเป้าหมายและมุ่งมั่น  | 
| การดูแลสิ่งแวดล้อม | • ทิ้งขยะถูกที่ • แยกขยะ  | • คัดแยกขยะ • ทิ้งขยะถูกที่  | • นำวัสดุมาใช้ซ้ำ • แปรรูปของใช้  | 
| พัฒนาการกล้ามเนื้อ | กล้ามเนื้อใหญ่-เล็กเบื้องต้น | ประสานสัมพันธ์ดีขึ้น | เคลื่อนไหวคล่องแคล่ว | 
ตารางที่ 4: ความสามารถด้านอารมณ์จิตใจและสังคม
ตารางที่ 5: ความสามารถด้านสติปัญญา – 5 องค์ประกอบ
| องค์ประกอบ | จุดเน้น | ตัวอย่างการพัฒนา | ข้อควรระวัง | 
| 1. ภาษาและการรู้หนังสือ | การรู้หนังสือขั้นต้น | • แรงจูงใจในการอ่าน • รู้จักตัวอักษรจากชื่อตนเอง • เข้าใจความสัมพันธ์ภาพ-ข้อความ  | ไม่ใช่การบังคับให้อ่านออกเขียนได้ | 
| 2. การคิดรวบยอดและคำนวณ | คณิตศาสตร์ในชีวิตประจำวัน | • สังเกต จำแนก จัดกลุ่ม • รู้จักรูปทรง แบบรูป • จับคู่ 1 ต่อ 1  | พื้นฐานก่อนการบวกลบ | 
| 3. การคิดแก้ปัญหาและตัดสินใจ | คิดอย่างมีเหตุผล | • ระบุปัญหา • สร้างตัวเลือก • ลงมือแก้ปัญหา  | ให้โอกาสลองผิดลองถูก | 
| 4. การแสวงหาความรู้ | ทักษะศตวรรษที่ 21 | • ค้นหาคำตอบ • ใช้แหล่งข้อมูล • เลือกข้อมูลที่ถูกต้อง  | ไม่ใช่ครูบอกฝ่ายเดียว | 
| 5. จินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ | การสร้างสรรค์ | • งานศิลปะ • การเคลื่อนไหว • สื่อสารความคิดความรู้สึก  | สำคัญต่อสังคมอนาคต | 
ตารางที่ 6: ลักษณะและจุดเน้นของหลักสูตร
| ลักษณะ | รายละเอียด | ประโยชน์ | 
| ความเป็นเอกภาพ | เป้าหมายร่วมกันทุกสถานศึกษาทั่วประเทศ | มาตรฐานเดียวกัน | 
| ความยืดหยุ่น | • ใช้ได้กับเด็กทุกกลุ่ม • ปรับได้ตามบริบท • เวลาเรียน 180 วัน/ปี  | เหมาะกับความหลากหลาย | 
| พื้นฐานพัฒนาการตามวัย | ยึดพัฒนาการเป็นหลัก | เหมาะสมกับเด็ก | 
| การพัฒนาองค์รวม | ทุกด้านเท่าเทียมกัน | เด็กพัฒนาสมบูรณ์ | 
ตารางที่ 7: หลักการจัดประสบการณ์การเรียนรู้
| หลักการ | องค์ประกอบ | การปฏิบัติ | 
| Active Learning | • สื่อหลากหลาย • โอกาสเลือก • ลงมือกระทำ • ผู้ใหญ่เสริม  | • ของจริง-จำลอง-ภาพ-สัญลักษณ์ • เด็กเลือกเอง• Manipulate + ใช้ภาษา • Scaffolding  | 
| บูรณาการวัฒนธรรม | • ความหลากหลาย • การปรับตัว • รักษาอัตลักษณ์  | • เรียนรู้วัฒนธรรมตนเอง • ปรับตัวในสังคม • ภูมิใจความเป็นไทย  | 
| การมีส่วนร่วม | • ครอบครัว • สถานศึกษา • ชุมชน  | • ผู้ปกครองประเมินร่วม • ครูจัดประสบการณ์ • ชุมชนสนับสนุน  | 
ตารางที่ 8: การจัดกิจกรรมประจำวัน
| ประเภทกิจกรรม | ระยะเวลา | ลักษณะ | ตัวอย่าง | 
| กิจกรรมหนัก | ไม่เกิน 20 นาที | ใช้ความคิด จดจ่อสูง | • กิจกรรมที่ต้องคิดวิเคราะห์ • การแก้ปัญหา • การเรียนรู้แนวคิดใหม่  | 
| กิจกรรมเบา | ประมาณ 1 ชั่วโมง | เลือกได้ตามใจชอบ | • การเล่นเสรี • กิจกรรมศิลปะ • การเล่นกลางแจ้ง  | 
| ความสมดุล | ตลอดวัน | สลับกันอย่างเหมาะสม | มีทั้งกิจกรรมที่ท้าทายและผ่อนคลาย | 
ตารางที่ 9: การประเมินผลและการมีส่วนร่วม
| แง่มุม | หลักสูตรปี 2560 | หลักสูตรปี 2568 | ประโยชน์ | 
| วิธีการประเมิน | ประเมินพัฒนาการ | ประเมินความสามารถ | เน้นสิ่งที่เด็กทำได้ | 
| หลักการ | 5 หลักการ | ความสามารถ + ส่วนร่วมผู้ปกครอง | ครอบคลุมและแท้จริง | 
| เครื่องมือ | • การสังเกต • แบบประเมิน  | • การสังเกต • ชิ้นงาน • Portfolio • การประเมินร่วมกับผู้ปกครอง  | ข้อมูลหลากหลายมากขึ้น | 
| การใช้ประโยชน์ | รายงานพัฒนาการ | สารนิทัศน์ + พัฒนารายบุคคล | นำไปพัฒนาเด็กต่อได้ | 
ตารางที่ 10: การนำหลักสูตรไปสู่การปฏิบัติ
| กลุ่มเป้าหมาย | บทบาทหน้าที่ | สิ่งที่ต้องทำ | ผลลัพธ์ที่คาดหวัง | 
| ผู้บริหาร | กำหนดนโยบาย | • ศึกษาหลักสูตร • กำหนดวิสัยทัศน์ • สนับสนุนครู • จัดหาสื่อ  | สถานศึกษามีทิศทางชัดเจน | 
| ศึกษานิเทศก์ | นิเทศแนะนำ | • ศึกษาอย่างลึก • แนะนำครู • แก้ไขความเข้าใจผิด • ติดตามประเมิน  | ครูปฏิบัติถูกต้อง | 
| ครูปฐมวัย | จัดการเรียนรู้ | • ศึกษาหลักสูตร • เข้าใจพัฒนาการ • จัดประสบการณ์ • ใช้สารนิทัศน์  | เด็กพัฒนาตามความสามารถ | 
| ผู้ปกครอง | สนับสนุนร่วมมือ | • เข้าใจหลักสูตร • ร่วมมือกับโรงเรียน • ประเมินร่วม • สนับสนุนที่บ้าน  | เด็กได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง | 
ตารางที่ 11: ประโยชน์ที่คาดหวังจากหลักสูตรใหม่
| ด้าน | ประโยชน์ระยะสั้น | ประโยชน์ระยะยาว | 
| ความพร้อมเรียนรู้ | พร้อมเข้าประถม ป.1 | เรียนรู้ตลอดชีวิต | 
| ทักษะชีวิต | • กำกับตนเอง • แก้ปัญหา • ทำงานร่วมกัน  | ปรับตัวในโลกอนาคต | 
| ความเป็นไทย | รักษาอัตลักษณ์ | ภูมิใจในความเป็นไทย | 
| จิตสำนึกสิ่งแวดล้อม | ดูแลสิ่งแวดล้อมใกล้ตัว | รับผิดชอบต่อโลก | 
| พลเมืองที่ดี | อยู่ร่วมกันอย่างสันติ | สร้างสังคมที่ดี | 
ตารางที่ 12: ความท้าทายและแนวทางแก้ไข
| ความท้าทาย | สาเหตุ | แนวทางแก้ไข | 
| ความเข้าใจผิด | ตีความหลักสูตรผิด(เช่น บังคับให้อ่านออกเขียนได้) | • อบรมชี้แจงอย่างถูกต้อง • ยกตัวอย่างการปฏิบัติที่ดี • ติดตามประเมินอย่างต่อเนื่อง  | 
| การขาดทักษะครู | ไม่เข้าใจการจัดประสบการณ์Active Learning | • พัฒนาครูอย่างเป็นระบบ • สร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ • การนิเทศสนับสนุน  | 
| ผู้ปกครองไม่เข้าใจ | คาดหวังผลลัพธ์แบบเดิม | • สื่อสารอย่างชัดเจน • แสดงตัวอย่างการพัฒนา • เชิญมีส่วนร่วม  | 
| ขาดแคลนทรัพยากร | งบประมาณ สื่อ สิ่งอำนวยความสะดวก | • ใช้ทรัพยากรท้องถิ่น • สร้างสื่อจากวัสดุเหลือใช้ • ระดมทุนชุมชน  | 
แหล่งอ้างอิง: MODULE 4 : รู้เรื่องหลักสูตร โดย รศ.ดร. พัชรี ผลโยธิน อาจารย์พิเศษ สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2568 สำหรับเด็กอายุ 3-6 ปี สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ไลฟ์สดเมื่อวันที่ 30 เม.ย. 2025
Comments
Powered by Facebook Comments

