Digital Learning Classroom
การพัฒนาผู้เรียนข่าวการศึกษาบทความระเบียบและกฏหมายการศึกษาวิทยฐานะเชี่ยวชาญหลักการและแนวคิด

สรุปมาตรฐานวิชาชีพครูปฐมวัย พ.ศ. 2568

แชร์เรื่องนี้

สรุปมาตรฐานวิชาชีพครูปฐมวัย พ.ศ. 2568

ดร.อนุศร หงษ์ขุนทด
ศึกษานิเทศก์ วิทยฐานะศึกษานิเทศก์เชี่ยวชาญ สพม.นครราชสีมา
Musicmankob@gmail.com 


__________________________________

บทสรุปสำหรับผู้บริหาร

เอกสารฉบับนี้สรุปสาระสำคัญของมาตรฐานวิชาชีพครูปฐมวัยฉบับใหม่ ตามที่กำหนดใน ข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยมาตรฐานวิชาชีพครูปฐมวัย พ.ศ. 2568 และ ประกาศคณะกรรมการคุรุสภา เรื่อง รายละเอียดของมาตรฐานความรู้และประสบการณ์วิชาชีพครูปฐมวัย พ.ศ. 2568 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้หลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา มาตรฐานใหม่นี้ได้กำหนดกรอบการพัฒนาครูปฐมวัยอย่างเป็นระบบ โดยมีโครงสร้างหลัก 3 ประการคือ: มาตรฐานความรู้และประสบการณ์วิชาชีพมาตรฐานการปฏิบัติงาน, และ มาตรฐานการปฏิบัติตน

ประเด็นสำคัญของมาตรฐานใหม่ประกอบด้วย

  • มาตรฐานความรู้: กำหนดสาระความรู้และสมรรถนะที่จำเป็นสำหรับครูปฐมวัยใน 6 ด้านหลัก ตั้งแต่ความเข้าใจในพัฒนาการและธรรมชาติการเรียนรู้ของเด็ก, ศาสตร์การสอน, การพัฒนาหลักสูตร, การประเมิน, สุขภาพและความปลอดภัย ไปจนถึงความเข้าใจในระบบนิเวศรอบตัวเด็ก
  • มาตรฐานประสบการณ์วิชาชีพ: กำหนดให้ต้องผ่านการปฏิบัติการสอนในสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 1 ปี ซึ่งครอบคลุมทั้งการฝึกประสบการณ์ระหว่างเรียนและการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษาที่มีคุณภาพ
  • มาตรฐานการปฏิบัติงาน: แบ่งออกเป็น 3 ด้านสำคัญ ได้แก่ การปฏิบัติหน้าที่ครู, การจัดประสบการณ์การเรียนรู้, และความสัมพันธ์กับผู้ปกครองและชุมชน โดยแต่ละด้านมีข้อกำหนดการปฏิบัติที่ชัดเจน
  • มาตรฐานการปฏิบัติตน: ยึดโยงกับข้อบังคับคุรุสภาว่าด้วยจรรยาบรรณของวิชาชีพ พ.ศ. 2556
  • บทเฉพาะกาล: มีข้อกำหนดเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงสำหรับผู้ที่ได้รับใบอนุญาตฯ ตามมาตรฐานเดิม และให้เวลาสถาบันการศึกษาในการปรับปรุงหลักสูตร

โดยรวม มาตรฐานวิชาชีพครูปฐมวัย พ.ศ. 2568 มุ่งยกระดับคุณภาพครูปฐมวัยให้มีความรู้ความสามารถรอบด้าน ทันต่อการเปลี่ยนแปลง และสามารถส่งเสริมพัฒนาการของเด็กปฐมวัยได้อย่างเต็มศักยภาพและเป็นองค์รวม

——————————————————————————–

ภาพรวมและที่มาของมาตรฐานวิชาชีพ

มาตรฐานวิชาชีพครูปฐมวัย พ.ศ. 2568 จัดทำขึ้นภายใต้เอกสารทางกฎหมายสองฉบับหลัก ดังนี้

  1. ข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยมาตรฐานวิชาชีพครูปฐมวัย พ.ศ. 2568
    • ลงนามประกาศ: ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2568
    • ประกาศในราชกิจจานุเบกษา: เล่มที่ 142 ตอนพิเศษ 279 ง วันที่ 22 สิงหาคม 2568
    • ผลบังคับใช้: ตั้งแต่วันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
  2. ประกาศคณะกรรมการคุรุสภา เรื่อง รายละเอียดของมาตรฐานความรู้และประสบการณ์วิชาชีพครูปฐมวัย พ.ศ. 2568
    • ลงนามประกาศ: ณ วันที่ 15 ตุลาคม 2568
    • ประกาศในราชกิจจานุเบกษา: เล่มที่ 142 ตอนพิเศษ 343 ง วันที่ 27 ตุลาคม 2568
    • ผลบังคับใช้: ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรฐานวิชาชีพนี้กำหนดคุณวุฒิของผู้ประกอบวิชาชีพครูปฐมวัยว่าต้องมีคุณวุฒิไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีทางการศึกษาหรือเทียบเท่า หรือคุณวุฒิอื่นที่คุรุสภารับรอง

โครงสร้างหลักของมาตรฐานวิชาชีพ

มาตรฐานวิชาชีพครูปฐมวัยประกอบด้วย 3 มาตรฐานหลัก ดังนี้

  1. มาตรฐานความรู้และประสบการณ์วิชาชีพ: กำหนดความรู้และทักษะที่จำเป็นในการประกอบวิชาชีพ
  2. มาตรฐานการปฏิบัติงาน: กำหนดกรอบการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะครูปฐมวัย
  3. มาตรฐานการปฏิบัติตน: กำหนดจรรยาบรรณและข้อพึงปฏิบัติในวิชาชีพ

การวิเคราะห์เชิงลึกของแต่ละมาตรฐาน

1. มาตรฐานความรู้และประสบการณ์วิชาชีพ

(ก) มาตรฐานความรู้

กำหนดสาระความรู้ (Content Knowledge) และสมรรถนะ (Competencies) ที่จำเป็น 6 ด้าน ดังนี้

ด้านที่หัวข้อสาระความรู้สมรรถนะ
1พัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย(1) ธรรมชาติการเรียนรู้และการทำงานของสมอง
(2) หลักการ ทฤษฎีพัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย
(3) จิตวิทยาพัฒนาการ และจิตวิทยาการเรียนรู้
(4) การเรียนรู้ทางอารมณ์และสังคม
(5) การสร้างวินัยและสัมพันธภาพเชิงบวก
(6) การปฏิบัติที่เหมาะสมกับพัฒนาการ
(7) การดูแลและส่งเสริมเด็กปฐมวัยที่มีความต้องการพิเศษ
(1) ปฏิบัติต่อเด็กปฐมวัยที่แสดงถึงความเข้าใจพัฒนาการ ธรรมชาติ และการเรียนรู้
(2) ส่งเสริมการเรียนรู้ทางอารมณ์และสังคม
(3) สร้างวินัยและรักษาสัมพันธภาพเชิงบวก
(4) ดูแล ส่งเสริมพัฒนาการและการเรียนรู้ที่เหมาะสมสำหรับเด็กที่มีความต้องการพิเศษ
2ศาสตร์การสอนสำหรับเด็กปฐมวัย(1) หลักการและแนวคิดในการจัดประสบการณ์
(2) การออกแบบการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการผ่านการลงมือทำ
(3) การเรียนรู้ผ่านการเล่น
(4) การออกแบบสื่อและสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้
(5) การบริหารจัดการชั้นเรียนที่ส่งเสริมการเรียนรู้
(6) การจัดการศึกษาแบบเรียนรวม
(1) ประยุกต์ใช้หลักการและแนวคิดในการจัดประสบการณ์แบบบูรณาการอย่างเป็นองค์รวม ผ่านการเล่นและลงมือทำ
(2) จัดโอกาสให้เด็กได้เล่นอิสระอย่างสร้างสรรค์และเพียงพอ
(3) สร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการเรียนรู้และใช้วินัยเชิงบวก
(4) ออกแบบสื่อและสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้
(5) ออกแบบและจัดการเรียนรู้ที่สนับสนุนแนวคิดการจัดการศึกษาแบบเรียนรวม
3หลักสูตรและการพัฒนาหลักสูตร(1) หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย
(2) การพัฒนาหลักสูตรสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยที่เหมาะกับบริบทและตอบสนองต่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
(3) การสร้างรอยเชื่อมต่อทางการศึกษา (เด็ก ครอบครัว สถานพัฒนาเด็กฯ และโรงเรียนประถมศึกษา)
(1) พัฒนาหลักสูตรสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยที่สอดคล้องกับหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย เหมาะกับบริบทและตอบสนองการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยคำนึงถึงรอยเชื่อมต่อ
(2) ออกแบบและจัดทำแผนการจัดประสบการณ์แบบบูรณาการผ่านการเล่นและลงมือทำ
(3) ออกแบบและจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมพัฒนาการและการเรียนรู้ที่ราบรื่น โดยคำนึงถึงรอยเชื่อมต่อ
4การประเมินและการประกันคุณภาพ(1) หลักการ แนวทาง และจรรยาบรรณในการประเมินพัฒนาการ
(2) การประเมินเพื่อเฝ้าระวังและคัดกรองพัฒนาการและการเจริญเติบโต
(3) การประกันคุณภาพระดับการศึกษาปฐมวัย
(1) สังเกตและบันทึกพัฒนาการและการเรียนรู้ด้วยวิธีการและเครื่องมือที่หลากหลายตามสภาพจริง
(2) ประเมินและติดตามความก้าวหน้าเป็นรายบุคคลโดยใช้แบบประเมินที่เป็นมาตรฐาน
(3) คัดกรองปัญหาพฤติกรรมและพัฒนาการ สรุปผล และวางแผนช่วยเหลือ
(4) จัดทำผลการประเมินและนำผลไปใช้ร่วมกับผู้ที่เกี่ยวข้อง
(5) วางแผน ดำเนินงาน ตรวจสอบ ประเมินผล และปรับปรุงการจัดการศึกษาอย่างเป็นระบบ
5สุขภาพ โภชนาการ และความปลอดภัย(1) การส่งเสริมสุขภาวะทางกายและใจ
(2) โภชนาการสำหรับเด็กปฐมวัย
(3) การจัดการด้านความปลอดภัยและสวัสดิศึกษา
(4) การใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม
(1) ดูแล เอาใจใส่ ตอบสนองความต้องการทางร่างกายและจิตใจของเด็กเป็นรายบุคคล
(2) จัดอาหารที่มีประโยชน์ครบถ้วนและส่งเสริมพฤติกรรมการบริโภคที่ดี
(3) จัดสภาพแวดล้อม ระบบการดูแลความปลอดภัย และส่งเสริมให้เด็กดูแลความปลอดภัยของตนเองและผู้อื่น
(4) เลือกใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือสนับสนุนการเรียนรู้อย่างเหมาะสม
6ระบบนิเวศรอบตัวเด็ก และการมีส่วนร่วม(1) ระบบนิเวศรอบตัวที่ส่งผลต่อพัฒนาการ (ครอบครัว, ชุมชน, สังคม)
(2) กฎหมาย นโยบาย สื่อ และเทคโนโลยีดิจิทัลที่เกี่ยวข้อง
(3) การมีส่วนร่วมของครอบครัว ชุมชน และสังคม
(1) สร้างความสัมพันธ์และการมีส่วนร่วมกับครอบครัว ชุมชน สังคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
(2) ดูแล พัฒนา ปกป้อง และคุ้มครองสิทธิเด็กปฐมวัยตามกฎหมาย
(3) สร้างความตระหนักและการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองและชุมชนในการใช้สื่อและเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างมีความรับผิดชอบ

(ข) มาตรฐานประสบการณ์วิชาชีพ

กำหนดให้ผู้ประกอบวิชาชีพต้องผ่านการปฏิบัติการสอนในสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยตามหลักสูตรปริญญาทางการศึกษาเป็นเวลา ไม่น้อยกว่าหนึ่งปี และผ่านเกณฑ์การประเมินของคุรุสภา โดยประกอบด้วย:

  1. การฝึกประสบการณ์วิชาชีพระหว่างเรียน
  2. การปฏิบัติการสอนในสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยที่มีคุณภาพ

2. มาตรฐานการปฏิบัติงาน

กำหนดกรอบการปฏิบัติงานของครูปฐมวัยใน 3 ด้านหลัก ดังนี้

(ก) การปฏิบัติหน้าที่ครู

  • การพัฒนาตนเอง: พัฒนาความรู้ความสามารถ จิตวิญญาณ และคุณลักษณะที่ดีของความเป็นครูปฐมวัยอย่างต่อเนื่อง
  • การสร้างสัมพันธภาพกับเด็ก: สร้างสัมพันธภาพที่ดี ด้วยความรัก เมตตา เอื้ออาทร ให้เกียรติ ไม่เลือกปฏิบัติ เพื่อให้เกิดความผูกพันและไว้วางใจ
  • การวางแผนและประเมิน: ใช้ความรู้ในการวางแผน พัฒนา และประเมินอย่างเหมาะสม สอดคล้องกับพัฒนาการ ความแตกต่างรายบุคคล และบริบท
  • การทำงานเป็นทีม: ทำงานร่วมกับครู เครือข่าย และบุคลากรที่เกี่ยวข้องทั้งในและนอกสถานศึกษา
  • การคุ้มครองสิทธิเด็ก: คุ้มครองสิทธิของเด็กทุกคนให้อยู่รอดปลอดภัย ได้รับการดูแล พัฒนา ปกป้อง และมีส่วนร่วมในการแสดงออก
  • การส่งเสริมสุขภาวะ: ส่งเสริมสุขนิสัยที่ดี ดูแลโภชนาการ สุขอนามัย และความปลอดภัยในทุกมิติ
  • การเฝ้าระวังและช่วยเหลือ: เฝ้าระวัง คัดกรองปัญหาการเจริญเติบโต พัฒนาการและการเรียนรู้ และให้ความช่วยเหลือในระยะแรกเริ่มร่วมกับผู้ปกครองและสหวิชาชีพ
  • การใช้เทคโนโลยีดิจิทัล: รู้เท่าทันและสามารถใช้สื่อดิจิทัลและเทคโนโลยีทางการศึกษาเพื่อส่งเสริมพัฒนาการและการเรียนรู้

(ข) การจัดประสบการณ์การเรียนรู้

  • การออกแบบ: ออกแบบและวางแผนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ โดยบูรณาการการเรียนรู้ผ่านการเล่นและกิจกรรมที่หลากหลาย
  • การจัดประสบการณ์: จัดประสบการณ์แบบบูรณาการที่สอดคล้องกับพัฒนาการ ความแตกต่างระหว่างบุคคล และความต้องการพิเศษ
  • การจัดสภาพแวดล้อม: จัดสื่อและสภาพแวดล้อมทางกายภาพและสังคมทั้งในและนอกห้องเรียนที่เอื้อต่อการเรียนรู้
  • การจัดกิจกรรม: จัดกิจกรรมและกิจวัตรประจำวันที่เสริมสร้างทักษะชีวิต ทักษะอารมณ์ สังคม โดยคำนึงถึงความสนใจและความสุขของเด็ก
  • การสังเกตและประเมิน: สังเกต บันทึก และประเมินพัฒนาการของเด็กแต่ละคนอย่างรอบด้านและเป็นระบบ

(ค) ความสัมพันธ์กับผู้ปกครองและชุมชน

  • การให้ความรู้: ให้ความรู้ความเข้าใจกับผู้ปกครองเกี่ยวกับพัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็ก โดยใช้การสื่อสารเชิงบวก
  • การสร้างเครือข่าย: สร้างระบบเครือข่ายความร่วมมือระหว่างโรงเรียน บ้าน ชุมชน และสหวิชาชีพ
  • การประสานความร่วมมือ: ประสานความร่วมมือกับเพื่อนครู ผู้ปกครอง และชุมชนให้มีส่วนร่วมในการวางแผนและส่งเสริมพัฒนาการเด็ก
  • การติดตามและประเมินผล: ติดตามและประเมินผลการประสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วน

3. มาตรฐานการปฏิบัติตน

กำหนดให้ผู้ประกอบวิชาชีพครูปฐมวัยต้องมีมาตรฐานการปฏิบัติตนตาม ข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยจรรยาบรรณของวิชาชีพ พ.ศ. 2556

บทเฉพาะกาล

ข้อบังคับฯ ได้กำหนดบทเฉพาะกาลเพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่าน ดังนี้:

  • การคุ้มครองสิทธิ: ข้อบังคับนี้ไม่กระทบสิทธิและหน้าที่ของผู้ที่ได้รับหรือกำลังขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูตามมาตรฐาน พ.ศ. 2556
  • การใช้คุณวุฒิเดิม: ผู้สำเร็จการศึกษาตามหลักสูตรเดิมที่คุรุสภารับรอง (ตามมาตรฐาน พ.ศ. 2556) ยังสามารถใช้คุณวุฒิดังกล่าวในการขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูได้
  • การปรับปรุงหลักสูตร: สถาบันที่ยังปรับปรุงหลักสูตรไม่แล้วเสร็จ สามารถใช้หลักสูตรตามมาตรฐาน พ.ศ. 2556 ไปพลางก่อนได้ แต่ต้องไม่เกิน 3 ปีนับจากวันที่ข้อบังคับนี้มีผลใช้บังคับ
  • ผู้สำเร็จการศึกษาหลักสูตรใหม่: ผู้สำเร็จการศึกษาตามมาตรฐานครูปฐมวัย พ.ศ. 2568 สามารถใช้คุณวุฒิในการขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูปฐมวัยได้ตามข้อบังคับฯ ว่าด้วยใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ พ.ศ. 2565

Comments

comments

Powered by Facebook Comments

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

ติดต่อ ดร.อนุศร หงษ์ขุนทด
error: Content is protected !!