นวัตกรรมการนิเทศการศึกษา: จากทฤษฎีสู่การพัฒนารูปแบบและการปฏิบัติจริง
นวัตกรรมการนิเทศการศึกษา: จากทฤษฎีสู่การพัฒนารูปแบบและการปฏิบัติจริง
(Educational Supervision Innovation: From Theory to Model Development and Practice)
ดร.อนุศร หงษ์ขุนทด
ศึกษานิเทศก์ วิทยฐานะศึกษานิเทศก์เชี่ยวชาญ สพม.นครราชสีมา
Musicmankob@gmail.com
__________________________________
ภาคส่วนที่ 1: รากฐานและแนวคิดพื้นฐานของการนิเทศการศึกษา (Foundations and Core Concepts of Educational Supervision)
1.1 นิยาม ความมุ่งหมาย และความจำเป็นของการนิเทศในศตวรรษที่ 21
การนิเทศการศึกษา (Educational Supervision) ในบริบทการศึกษา
สมัยใหม่ ได้รับการนิยามในฐานะกระบวนการเชิงวิชาชีพที่ซับซ้อนและมีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยแก่นแท้แล้ว การนิเทศการศึกษา คือ “กระบวนการทำงานร่วมกับครูและบุคลากรทางการศึกษา” 1 โดยมีเป้าหมายหลักในการ “ให้ความช่วยเหลือ” (Helping), “แนะแนว” (Guiding), และ “ชี้แนะ” (Advising) 1 เพื่อส่งเสริมให้เกิดการปรับปรุงและพัฒนาการจัดการเรียนการสอน 1 จุดมุ่งหมายสูงสุดของการนิเทศการศึกษาจึงไม่ใช่การควบคุมหรือจับผิด แต่เป็นการพัฒนาคุณภาพของผู้เรียนให้เต็มตามศักยภาพ 1
ในศตวรรษที่ 21 ซึ่งเป็นยุคแห่งความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว (Rapid Change) 5 ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ 6 และการเกิดขึ้นขององค์ความรู้ใหม่ตลอดเวลา 4 การนิเทศการศึกษาได้แปรสภาพจาก “ทางเลือก” ไปสู่ “ความจำเป็น” (Necessity) 3 ศึกษานิเทศก์และผู้บริหารจึงมีบทบาทสำคัญในการเป็นกลไกสนับสนุนให้ครูสามารถปรับตัวและพัฒนาการจัดการเรียนการสอนของตนเองให้ทันต่อสมัย 4 เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาโดยรวมและสมรรถนะที่จำเป็นสำหรับผู้เรียนในโลกยุคใหม่ 8
จากความสำคัญดังกล่าว การนิเทศที่มีประสิทธิภาพจึงต้องตั้งอยู่บนหลักการสำคัญ (Key Principles) หลายประการ ได้แก่:
- หลักการมีส่วนร่วมและความร่วมมือ (Collaboration): การนิเทศเป็นกระบวนการทำงานร่วมกันระหว่างผู้นิเทศและผู้รับการนิเทศ 4
- หลักประชาธิปไตย (Democracy): ต้องมีการเคารพในความคิดเห็นของผู้อื่นและเปิดโอกาสให้มีการทำงานร่วมกันอย่างเท่าเทียม 9
- หลักการคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล (Individual Differences): นี่คือหลักการที่สำคัญที่สุดประการหนึ่ง โดยตระหนักว่าครูผู้สอนมีความแตกต่างกัน 10 จึงจำเป็นต้องใช้วิธีการนิเทศที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล 10
- หลักการดำเนินการอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง (Systematic & Continuous): การนิเทศไม่ใช่กิจกรรมที่จัดขึ้นเป็นครั้งคราว แต่ต้องเป็นกระบวนการที่เป็นระบบ 9, มีแบบแผน 9, และดำเนินการอย่างต่อเนื่อง 6
1.2 การถอดรหัส “รูปแบบการนิเทศ” (The Anatomy of a Supervision Model)
เพื่อให้การนิเทศบรรลุหลักการข้างต้นและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด การดำเนินงานจำเป็นต้องมีทิศทางที่ชัดเจน ซึ่งนำมาสู่แนวคิดเรื่อง “รูปแบบการนิเทศ” (Supervision Model)
ในเชิงวิชาการ “รูปแบบการนิเทศ” ไม่ใช่เพียงทฤษฎีลอยๆ แต่คือ “กรอบแนวคิด” (Conceptual Framework) 13 หรือ “ระบบปฏิบัติการ” (Operating System) ที่ถูกพัฒนาขึ้นอย่างมีหลักการ เพื่อใช้นำทาง (Guide) การปฏิบัติงานนิเทศให้บรรลุเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจง 15 การพัฒนารูปแบบเหล่านี้มักเป็นผลมาจากการวิจัยและพัฒนา (R&D) เพื่อให้ได้นวัตกรรมที่มีประสิทธิผล 16
จากการสังเคราะห์งานวิจัยและเอกสารทางวิชาการหลายฉบับ 14 พบว่า “รูปแบบการนิเทศ” ที่สมบูรณ์แบบและได้รับการยอมรับ มักประกอบด้วยองค์ประกอบแกน (Core Components) 4-5 ประการ ดังต่อไปนี้:
- หลักการและเหตุผล (Principles/Rationale): ส่วนที่อธิบายปรัชญาพื้นฐาน ทฤษฎีที่รองรับ และเหตุผลความจำเป็นในการพัฒนารูปแบบนั้นๆ 15
- วัตถุประสงค์ (Objectives): การระบุเป้าหมายที่ชัดเจนว่าต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหรือพัฒนาอะไรในตัวผู้รับการนิเทศ 15
- เนื้อหา/สาระการนิเทศ (Subject/Content): (พบในบางรูปแบบ) การกำหนด “เรื่อง” ที่จะมุ่งเน้นนิเทศเป็นพิเศษ เช่น การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) 10 หรือ การยกระดับผลสัมฤทธิ์ O-NET 18
- กระบวนการนิเทศ (Supervision Process): (องค์ประกอบที่สำคัญที่สุด) การระบุ “ขั้นตอน” การปฏิบัติงานที่ชัดเจน เป็นลำดับขั้น ว่าจะต้องทำอะไรบ้าง ตั้งแต่ต้นจนจบ 15
- การวัดและประเมินผล (Evaluation): การกำหนดวิธีการและเครื่องมือที่จะใช้ในการตรวจสอบว่าการนิเทศตามรูปแบบนั้นบรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้หรือไม่ 10
ความสัมพันธ์เชิงโครงสร้างขององค์ประกอบเหล่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสัมพันธ์ระหว่าง “รูปแบบ” และ “กระบวนการ” จากการวิเคราะห์โครงสร้าง 15 พบว่า “กระบวนการนิเทศ” (Process) ไม่ใช่สิ่งที่แยกต่างหากจาก “รูปแบบการนิเทศ” (Model) แต่เป็น “องค์ประกอบย่อย” (Component) ที่ถูกบรรจุอยู่ภายในรูปแบบ กล่าวคือ “รูปแบบ” เป็นกรอบคิดที่ใหญ่กว่า (Conceptual Framework) ส่วน “กระบวนการ” คือกลไกหรือส่วนปฏิบัติการ (Operational Arm) ที่ทำให้รูปแบบนั้นเกิดขึ้นจริง
นอกจากนี้ เป้าหมายของการพัฒนารูปแบบการนิเทศในศตวรรษที่ 21 ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ แนวคิดดั้งเดิมมักมุ่งเน้นที่ “การปรับปรุงการสอน” หรือ “การแก้ไขครู” (Fixing the Teacher) 1 แต่แนวคิดยุคใหม่เชื่อมโยงการนิเทศเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของโลก 5, การพัฒนาทักษะที่จำเป็นแห่งอนาคต 8, และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การสร้าง “ชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ” (Professional Learning Community: PLC) 15 ดังนั้น การนิเทศยุคใหม่จึงไม่ได้มุ่งเป้าที่การพัฒนาครูรายบุคคลเท่านั้น แต่มุ่งสร้างวัฒนธรรมองค์กร 20 และ “ระบบนิเวศการเรียนรู้” (Learning Ecosystem) ที่เอื้อต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน 4
1.3 ภาวะผู้นำทางวิชาการ (Instructional Leadership) ในฐานะหัวใจของการนิเทศ
การนิเทศการศึกษาไม่ใช่เพียง “งาน” (Task) ที่ปฏิบัติให้เสร็จสิ้นตามขั้นตอน แต่เป็น “บทบาท” (Role) ที่ต้องอาศัย “ภาวะผู้นำ” (Leadership) 10 ภาวะผู้นำในที่นี้หมายถึง ภาวะผู้นำทางวิชาการ (Instructional Leadership)
บทบาทของภาวะผู้นำในการนิเทศคือการ “สร้างแรงจูงใจให้เกิดการเปลี่ยนแปลง” (Motivating Change) 10 ผู้นิเทศ (ศึกษานิเทศก์ หรือ ผู้บริหาร) ต้องสามารถสร้างสัมพันธภาพแห่งการร่วมคิด ร่วมทำ 10 บนพื้นฐานของการพึ่งพา ช่วยเหลือ และยอมรับซึ่งกันและกัน 10 หากปราศจากภาวะผู้นำทางวิชาการ แม้จะมีรูปแบบและกระบวนการที่ดีเพียงใด การนิเทศก็อาจกลายเป็นเพียงการควบคุมเชิงบริหาร (Administrative Control) ที่ไม่นำไปสู่การพัฒนาการสอนอย่างแท้จริง
ภาคส่วนที่ 2: การสังเคราะห์ตัวแบบการนิเทศที่เป็นที่ยอมรับ (A Synthesis of Published Supervision Models)
ดังที่กล่าวไปในหลักการข้อที่ 3 ของการนิเทศ (ภาคส่วนที่ 1.1) ว่า “ครูผู้สอนมีความแตกต่างกัน” 10 จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีรูปแบบการนิเทศ “หนึ่งเดียวที่เหมาะสมกับทุกคน” (One-Size-Fits-All) 20 ศึกษานิเทศก์มืออาชีพจึงต้องมีความสามารถในการ “เลือกใช้รูปแบบการนิเทศที่ยืดหยุ่น” 20 หรือการนิเทศแบบผสมผสาน (Blended Supervision) 16 ให้สอดคล้องกับความต้องการ, บริบท, และระดับวุฒิภาวะของครูผู้รับการนิเทศ
ในวงการการศึกษา มีตัวแบบการนิเทศหลักที่ได้รับการยอมรับและมีการนำไปประยุกต์ใช้อย่างแพร่หลาย 4 ตัวแบบ ดังนี้:
2.2 การนิเทศแบบคลินิก (Clinical Supervision): ตัวแบบแห่งการวินิจฉัยการสอน
แนวคิดหลัก:
การนิเทศแบบคลินิกเป็นรูปแบบที่เน้น “กระบวนการปรับปรุงการสอนของครูอย่างเข้มข้น” 9 โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อ “วินิจฉัยและแก้ไขกระบวนการสอน” 21 หัวใจสำคัญของรูปแบบนี้คือการใช้ข้อมูลเชิงประจักษ์ที่รวบรวมได้จากการสังเกตการสอนจริงในห้องเรียน 22 มาวิเคราะห์ร่วมกันเพื่อพัฒนาการสอนโดยตรง
กระบวนการ (วัฏจักร):
แม้ว่าจะมีรายละเอียดปลีกย่อยที่แตกต่างกันในทางทฤษฎี (เช่น แนวคิดของ Cogan หรือ Goldhammer 22) แต่แก่นของกระบวนการนิเทศแบบคลินิกที่สกัดได้จากงานวิจัย 10 สามารถสรุปเป็นวัฏจักร (Cycle) ที่ชัดเจน ดังนี้:
- การประชุมก่อนการสังเกต (Pre-Observation Conference): ผู้นิเทศและครูประชุมร่วมกันเพื่อสร้างความเข้าใจ, ตกลงในจุดมุ่งหมาย, และวางแผนการสอนที่จะสังเกต 22
- การสังเกตการสอน (Observation): ผู้นิเทศเข้าสังเกตการสอนในชั้นเรียนจริง และ “เก็บรวบรวมข้อมูล” พฤติกรรมการสอนและการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นอย่างเป็นระบบ 10
- การวิเคราะห์การสอน (Analysis): ผู้นิเทศ (หรือครูและผู้นิเทศร่วมกัน) นำข้อมูลที่รวบรวมได้มาวิเคราะห์ 10 เพื่อค้นหาจุดเด่นและจุดที่ควรพัฒนา
- การประชุมหลังการสังเกต (Post-Observation Conference): ผู้นิเทศและครูประชุมร่วมกันอีกครั้งเพื่อ “ให้ข้อมูลย้อนกลับ” (Feedback) 10 โดยใช้ข้อมูลจากการวิเคราะห์เป็นฐาน 20 เพื่อสะท้อนคิดและวางแผนการพัฒนาในครั้งต่อไป 22
2.3 การนิเทศแบบพัฒนาการ (Developmental Supervision): ตัวแบบแห่งการปรับเปลี่ยนตามวุฒิภาวะครู
แนวคิดหลัก (Glickman):
รูปแบบการนิเทศนี้ 4 ตั้งอยู่บนปรัชญาพื้นฐานที่ว่า มนุษย์สามารถพัฒนาตนเองได้ 11 แต่ครูแต่ละคนมีระดับวุฒิภาวะ (Maturity) และ “ความแตกต่าง” กันใน 4 มิติสำคัญ 11 ได้แก่:
- ความสามารถในการคิดเชิงนามธรรม (Abstract Thinking)
- ความรู้สึกผูกพันต่อภาระหน้าที่ (Commitment)
- ความเชี่ยวชาญ (Expertise)
- แรงจูงใจ (Motivation)
การจำแนกระดับครูและวิธีการนิเทศ:
แนวคิดของ Glickman เสนอว่าผู้นิเทศต้อง “วินิจฉัย” (Diagnose) ระดับพัฒนาการของครูก่อน 27 แล้วจึงเลือกใช้ “วิธีการนิเทศ” (Supervisory Approach) ที่แตกต่างกัน 3 รูปแบบ เพื่อให้สอดคล้องกับระดับพัฒนาการนั้นๆ 26:
- ครูระดับพัฒนาการต่ำ (Low Conceptual Level / Stage I: Survival): มักขาดความมั่นใจ, กังวลต่อการอยู่รอด, และต้องการพึ่งพิงสูง 28
- วิธีการนิเทศที่เหมาะสม: การนิเทศแบบชี้นำ (Directive Approach) 26 ผู้นิเทศจะเป็นผู้ให้ข้อมูล, กำหนดมาตรฐาน, และชี้นำแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน
- ครูระดับพัฒนาการปานกลาง (Moderate Conceptual Level / Stage II: Improving): เริ่มมีความตระหนักรู้ในปัญหา, แสวงหาความเป็นอิสระ, แต่แรงจูงใจอาจยังผันผวน 28
- วิธีการนิเทศที่เหมาะสม: การนิเทศแบบร่วมมือ (Collaborative Approach) 27 ผู้นิเทศและครูจะทำงานร่วมกันในฐานะผู้ร่วมงาน, ร่วมกันแก้ปัญหา, และเจรจาต่อรองแนวทาง 27
- ครูระดับพัฒนาการสูง (High Conceptual Level / Stage III: Autonomy): มีความเป็นอิสระสูง, มีแรงจูงใจในตนเอง, และมีญาณทัศนะ (Insightful) ในการแก้ปัญหา 28
- วิธีการนิเทศที่เหมาะสม: การนิเทศแบบไม่ชี้นำ (Nondirective Approach) 27 ผู้นิเทศจะทำหน้าที่หลักในการ “รับฟัง” (Listening), สรุปความ, ให้กำลังใจ, และช่วย “สะท้อนคิด” (Reflecting) 27
ในประเทศไทย ได้มีการประยุกต์ใช้แนวคิดของ Glickman ในการพัฒนารูปแบบการนิเทศ เช่น “AIPDE Model” 25 ซึ่งประกอบด้วย 5 ขั้นตอน: (A) Assessing – ประเมินครูเพื่อจำแนกระดับ, (I) Informing – ให้ความรู้ที่จำเป็น, (P) Planning – วางแผนการนิเทศ, (D) Doing – ปฏิบัติการนิเทศ (โดยใช้วิธีการ 3 แบบที่เลือก), และ (E) Evaluating – ประเมินผลการนิเทศ
2.4 การนิเทศแบบเพื่อนช่วยเพื่อน (Peer Supervision/Coaching): ตัวแบบแห่งความเป็นกัลยาณมิตร
แนวคิดหลัก:
นี่คือการนิเทศโดยตรงที่เกิดขึ้นระหว่างครูกับครู 9 อาจเป็นลักษณะ “Buddy Supervision” (ครู 2 คนจับคู่กัน) หรือกลุ่มเล็กๆ 24 โดยมักเป็นครูที่มีปัญหา, ความสนใจ, หรือสอนในระดับชั้นเดียวกัน 24 แนวคิดนี้มุ่งเน้นการทำงานร่วมกันเพื่อพัฒนาวิชาชีพ 9 โดยอาศัยการลดลำดับชั้น (Hierarchy) และสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน 31
กระบวนการ:
กระบวนการนี้มีความคล้ายคลึงกับการนิเทศแบบคลินิกอย่างมาก โดยใช้กระบวนการพื้นฐาน 3 ขั้นตอน 24 แต่ผู้ปฏิบัติการคือ “เพื่อนครู”:
- การประชุมก่อนการสังเกต (Pre-Observation Conference)
- การสังเกตการสอน (Observation)
- การประชุมภายหลังการสังเกตการสอน (Post-Conference)
การนิเทศรูปแบบนี้ถือเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการ “เสริมพลัง” (Empowerment) 32 และสร้างการพัฒนาที่ยั่งยืน 20 ในบริบทนี้ ศึกษานิเทศก์จะเปลี่ยนบทบาทจาก “ผู้นิเทศ” (Supervisor) ไปเป็น “ผู้อำนวยความสะดวก” (Facilitator) ที่ช่วยสนับสนุนให้วง PLC หรือการนิเทศแบบเพื่อนช่วยเพื่อนดำเนินไปได้อย่างราบรื่น 20
2.5 การนิเทศแบบโค้ชเพื่อการรู้คิด (Cognitive Coaching): ตัวแบบแห่งการพัฒนากระบวนการคิด
แนวคิดหลัก:
การนิเทศแบบโค้ช (Coaching) 33 ไม่ใช่การ “บอก” หรือ “สอน” (Teaching) แต่คือการ “เป็นคู่คิด” (Partner in Thinking) 35 ที่ช่วยกระตุ้นให้ผู้รับการโค้ช (Coachee) สามารถดึงศักยภาพภายในของตนเองออกมาใช้ในการแก้ปัญหา 35
เป้าหมายที่แตกต่าง:
สิ่งที่ทำให้ Cognitive Coaching แตกต่างจากการนิเทศแบบคลินิกอย่างชัดเจน คือ การนิเทศแบบนี้มีลักษณะ “ไม่ตัดสิน” (Non-judgmental) 37 เป้าหมายสูงสุดไม่ใช่แค่การแก้ไขพฤติกรรมการสอน แต่คือการสร้าง “ความเป็นอิสระของครู” (Teacher Autonomy) 37 ผ่านการกระตุ้นให้เกิด “การสะท้อนคิดด้วยตนเอง” (Self-reflection) 37
กระบวนการ 5 ขั้นตอน:
กระบวนการโค้ชที่เป็นที่ยอมรับ (เช่น GROW Model หรือที่ประยุกต์ใช้) มักประกอบด้วย 5 ขั้นตอน ดังนี้ 35:
- การกำหนดเป้าหมาย (Goal Setting): ผู้รับการโค้ชกำหนดสิ่งที่ตนเองต้องการพัฒนา
- การตรวจสอบสภาพจริง (Reality Check): โค้ช (ผู้นิเทศ) ใช้คำถามกระตุ้นให้ผู้รับการโค้ชสำรวจสถานการณ์ปัจจุบัน
- การกำหนดทางเลือก (Options Generation): โค้ชช่วยให้ผู้รับการโค้ชระดมสมองหาแนวทางแก้ปัญหาที่เป็นไปได้
- การตัดสินใจ (Decision Making / Will): ผู้รับการโค้ชเลือกแนวทางที่ดีที่สุดและวางแผนปฏิบัติ
- การประเมินผลการโค้ช (Evaluation): การติดตามผลและสะท้อนคิดสิ่งที่ได้ลงมือทำไป 35
การวิเคราะห์ตัวแบบทั้งสี่นี้นำไปสู่ข้อสรุปเชิงสังเคราะห์ที่สำคัญสองประการ ประการแรก การจำแนกประเภทของตัวแบบ (Model Taxonomy) สามารถแบ่งได้ตาม “เป้าหมายหลัก” (Primary Goal) ของการนิเทศ:
- Clinical Supervision มุ่งเป้าที่ “การกระทำ” (Fixing the Action/Teaching) 21
- Cognitive Coaching มุ่งเป้าที่ “การคิด” (Developing the Thinking/Reflection) 37
- Peer Supervision มุ่งเป้าที่ “ความสัมพันธ์” (Leveraging the Relationship/Collegiality) 9
- Developmental Supervision มุ่งเป้าที่ “วุฒิภาวะ” (Matching the Maturity/Developmental Level) 27
ประการที่สอง ซึ่งเป็นข้อสรุปที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น คือ Glickman’s Developmental Model อาจไม่ใช่ “ตัวแบบ” ในความหมายเดียวกับ 3 ตัวแบบแรก แต่เป็น “กรอบแนวคิดเชิงกลยุทธ์” (Strategic Framework) สำหรับ เลือกว่าจะใช้ตัวแบบใด
กระบวนการคิดในเรื่องนี้คือ Glickman 27 แนะนำให้ผู้นิเทศใช้ 3 แนวทาง (Directive, Collaborative, Nondirective) เมื่อพิจารณาในรายละเอียด จะพบว่า:
- Clinical Supervision 21 (ที่เน้นการวินิจฉัยและแก้ไข) มีลักษณะสอดคล้องกับแนวทางแบบ “Directive”
- Cognitive Coaching 37 และ Peer Supervision 9 (ที่เน้นการไม่ตัดสิน, การสะท้อนคิด, และความเป็นกัลยาณมิตร) มีลักษณะสอดคล้องกับแนวทางแบบ “Collaborative” หรือ “Nondirective”
ดังนั้น ศึกษานิเทศก์จึงควรใช้ Glickman’s Model เป็น “เครื่องมือวินิจฉัยครู” (ในขั้นตอน R1: Assess ของการวิจัย) เพื่อ “ตัดสินใจเชิงกลยุทธ์” ว่าจะเลือกใช้ Clinical, Peer, หรือ Cognitive Coaching กับครูคนนั้นๆ เพื่อให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด
ภาคส่วนที่ 3: กลไกการขับเคลื่อนการนิเทศ: กระบวนการและแผน (The Mechanics of Supervision: Process and Plan)
การมี “รูปแบบ” (Model) ที่ดียังไม่เพียงพอ หากขาดกลไกในการนำไปปฏิบัติจริง กลไกดังกล่าวประกอบด้วยสองส่วนหลัก คือ “กระบวนการ” และ “แผน”
3.1 ทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ “กระบวนการนิเทศ” (Supervision Process)
นิยาม:
กระบวนการนิเทศ หมายถึง “ขั้นตอนในการดำเนินงาน” 1 หรือ “การปฏิบัติงานการนิเทศอย่างมีระบบ” 1 ซึ่งเป็นแนวปฏิบัติเพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีระเบียบ 1
ตัวแบบกรอบกระบวนการ (Process Management Frameworks):
ในการบริหารจัดการการนิเทศให้เป็นระบบ มักมีการนำกรอบการบริหารงานคุณภาพ (Quality Management) มาประยุกต์ใช้ ซึ่งที่นิยมที่สุดคือ PDCA และ PDER:
- PDCA (วงจรเดมมิ่ง): เป็นกรอบที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในการบริหารและนิเทศ 39
- P (Plan – วางแผน): ศึกษาสภาพปัจจุบัน, วิเคราะห์ปัญหา, กำหนดเป้าหมาย, และวางแผนการนิเทศ 40
- D (Do – ปฏิบัติ): ดำเนินการนิเทศตามแผนที่วางไว้ 40
- C (Check – ตรวจสอบ): ประเมินผลและตรวจสอบความก้าวหน้าเทียบกับเป้าหมาย 40
- A (Act – ปรับปรุง): นำผลการประเมินมาวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงแก้ไข และวางแผนพัฒนาในวงจรต่อไปอย่างต่อเนื่อง 40
- PDER: เป็นกรอบกระบวนการอีกรูปแบบหนึ่งที่คล้ายคลึงกัน 15
- P (Planning): การวางแผนการนิเทศ
- D (Doing): การดำเนินการนิเทศ
- E (Evaluating): การประเมินผลการนิเทศ
- R (Reporting): การสรุปและรายงานผลการนิเทศ 15
เทคนิคและกิจกรรมในกระบวนการนิเทศ (Supervisory Techniques):
สิ่งเหล่านี้คือ “กิจกรรม” ที่เกิดขึ้นจริงในขั้นตอน “D – Do” ของ PDCA หรือ PDER 12 ผู้นิเทศสามารถเลือกใช้เทคนิคที่หลากหลายเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย 44 เช่น:
- การสังเกตการสอนในชั้นเรียน (Classroom Observation) 10
- การประชุม สัมมนา หรือ อบรมเชิงปฏิบัติการ (Meetings/Workshops) 44
- การสร้างชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) 15
- การให้คำปรึกษาหารือ (Consultation) 6
- การศึกษาดูงาน (Study Visits) 44
- การวิจัยเชิงปฏิบัติการในชั้นเรียน (Action Research) 44
- การจัดนิทรรศการ (Exhibitions) 44
ข้อควรพิจารณาที่สำคัญคือ การแยกแยะระหว่าง “กระบวนการบริหาร” กับ “กระบวนการนิเทศ” กรอบแนวคิดเช่น “PDCA” 40 หรือ “PDER” 15 แท้จริงแล้วไม่ใช่ “กระบวนการนิเทศ” (Supervision Process) โดยตรง แต่เป็น “กระบวนการบริหารจัดการการนิเทศ” (Supervision Management Process) ซึ่งเป็นภาพใหญ่ (Macro-level) ที่ใช้ในการวางแผนและประเมินผลระบบนิเทศทั้งหมด ในทางกลับกัน “กระบวนการนิเทศ” (เช่น วัฏจักร 3 ขั้นตอนของ Clinical หรือ Peer Supervision 22) เป็นขั้นตอนการปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคล (Interpersonal) ซึ่งเป็นภาพเล็ก (Micro-level) ที่มักจะเกิดขึ้น ภายในขั้นตอน “D” (Do) ของวงจร PDCA นั่นเอง
3.2 ทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ “แผนการนิเทศ” (Supervision Plan)
นิยาม:
แผนการนิเทศ คือ “เอกสาร” (Document) 47 ที่แสดง “แนวทางการดำเนินงานอย่างเป็นระบบ” 47 ซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อเป็น “เครื่องมือ” (Tool) ในการบริหารจัดการการนิเทศ 48 และการประกันคุณภาพ 48
ความสำคัญ:
การจัดทำแผนการนิเทศเป็นลายลักษณ์อักษรมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด เพราะช่วยให้การปฏิบัติงานนิเทศเป็นไปอย่าง “เป็นระบบ ต่อเนื่อง ทั่วถึง” 50 และที่สำคัญที่สุดคือ “ตรงกับสภาพปัจจุบัน ปัญหา และความต้องการ” ของสถานศึกษาและครู 50 ซึ่งช่วยขจัดการนิเทศแบบตามอำเภอใจ (Ad-hoc) ที่มักขาดทิศทางและประสิทธิภาพ
องค์ประกอบของแผนการนิเทศ:
แผนการนิเทศที่ดีควรมีองค์ประกอบที่ชัดเจน 49 ดังนี้:
- การวิเคราะห์สภาพการณ์ (Situation Analysis): การศึกษาสภาพปัจจุบัน ปัญหา (เช่น ผล O-NET, NT) และความต้องการจำเป็น 49
- วัตถุประสงค์และเป้าหมาย (Objectives & Goals): ระบุสิ่งที่ต้องการพัฒนาให้ชัดเจน 49
- กลุ่มเป้าหมาย (Target Group): ระบุชัดเจนว่านิเทศใคร (เช่น ครู, โรงเรียนกลุ่มเป้าหมาย) 49
- เนื้อหา/กิจกรรม/เทคนิคการนิเทศ (Content/Activities/Techniques): ระบุว่าจะใช้วิธีการใดในการนิเทศ (เช่น PLC, สังเกตการสอน, อบรม) 49
- การบริหารจัดการ (Management): รวมถึงการบริหารจัดการ 4P (คน-ผู้รับผิดชอบ, เงิน-งบประมาณ, เนื้อหา/สื่อ, วัสดุอุปกรณ์) 49
- ระยะเวลา และ ปฏิทินการนิเทศ (Timeline & Supervision Calendar): 49
- เครื่องมือที่ใช้ในการนิเทศ (Supervision Tools): (เช่น แบบสังเกต, แบบสอบถาม) 51
- การประเมินผลและสะท้อนคิด (Evaluation & Reflection): ระบุวิธีประเมินความสำเร็จของแผน 48
ปฏิทินการนิเทศ (Supervision Calendar):
ส่วนประกอบที่เป็นรูปธรรมและสำคัญที่สุดในแผน คือ “ปฏิทินการนิเทศ” 45 ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้แผนการนิเทศ “เกิดขึ้นจริง” (Actionable) โดยจะระบุรายละเอียดชัดเจนว่า “วัน/เดือน/ปี” ใด, จะมี “กิจกรรม” อะไรเกิดขึ้น, และ “ผู้รับผิดชอบ” คือใคร 49
ความเชื่อมโยงระหว่าง “แผน” (Plan) และ “กระบวนการบริหาร” (Management Process) นั้นชัดเจนมาก “แผนการนิเทศ” (Supervision Plan) แท้จริงแล้วคือ “ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม” (Tangible Output) ของขั้นตอน “P-Plan” ในวงจร PDCA/PDER นั่นเอง เมื่อเปรียบเทียบองค์ประกอบของ PDCA 41 กับองค์ประกอบของแผน 49 จะเห็นว่า P (Plan) ใน PDCA ครอบคลุมการวิเคราะห์สภาพ, กำหนดเป้าหมาย, กิจกรรม, ทรัพยากร (4P), และปฏิทิน ซึ่งทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ถูกบันทึกลงใน “แผนการนิเทศ”
ภาคส่วนที่ 4: การวิเคราะห์เปรียบเทียบเชิงลึก: รูปแบบ กระบวนการ และแผน (The Core Comparative Analysis)
การทำความเข้าใจความแตกต่างและความสัมพันธ์ระหว่าง “รูปแบบ”, “กระบวนการ”, และ “แผน” ถือเป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยให้ศึกษานิเทศก์สามารถปฏิบัติงานได้อย่างเฉียบคมและมีประสิทธิภาพ (ตอบโจทย์คำถามของผู้ใช้ข้อที่ 6)
4.1 การสังเคราะห์ความสัมพันธ์เชิงโครงสร้าง (Structural Relationship Analysis)
จากการวิเคราะห์เอกสารในภาคส่วนที่ 1 และ 3 10 สามารถสรุปความสัมพันธ์เชิงโครงสร้าง (Structural Relationship) หรือลำดับชั้น (Hierarchy) ของทั้งสามองค์ประกอบได้ดังนี้:
- ระดับบนสุด: รูปแบบ (Model)
- เป็น “กรอบคิดเชิงทฤษฎี” (Conceptual Framework) หรือ “ระบบปฏิบัติการ” (Operating System) 18
- ทำหน้าที่กำหนดปรัชญา, โครงสร้าง, และองค์ประกอบทั้งหมดของการนิเทศนั้นๆ 18
- ระดับกลาง: กระบวนการ (Process)
- เป็น “ขั้นตอนการปฏิบัติ” (Operational Steps)
- สถานะ: เป็น “องค์ประกอบย่อย” (Component) ที่ถูกบรรจุอยู่ ภายใน “รูปแบบ” 18
- ระดับปฏิบัติการ: แผน (Plan)
- เป็น “เอกสารนำสู่การปฏิบัติ” (Implementation Document) 18
- สถานะ: ถูกเขียนขึ้น โดยอ้างอิง “รูปแบบ” และ “กระบวนการ” ที่เลือกใช้ เพื่อบริหารจัดการทรัพยากรและกำหนดกรอบเวลา 48
ตัวอย่าง: ศึกษานิเทศก์อาจเลือกใช้ “รูปแบบ” การนิเทศแบบคลินิก (Clinical Supervision Model) 21 ซึ่งภายในมี “กระบวนการ” 4 ขั้นตอน (Pre-Observe, Observe, Analyze, Post) 22 จากนั้น ศึกษานิเทศก์จึงนำรูปแบบและกระบวนการนี้มาจัดทำ “แผน” การนิเทศ โดยระบุใน “ปฏิทิน” ว่าจะนิเทศครู ก. ด้วยกระบวนการนี้ในวันที่ 10, ครู ข. ในวันที่ 15 เป็นต้น
4.2 ตารางเปรียบเทียบในมิติของศึกษานิเทศก์
เพื่อตอบสนองต่อโจทย์ “เปรียบเทียบข้อแตกต่าง…ในทุกมิติของศึกษานิเทศก์” การวิเคราะห์นี้ได้สังเคราะห์มิติสำคัญที่ศึกษานิเทศก์ต้องเผชิญในการทำงานจริง ดังแสดงในตารางที่ 1
การวิเคราะห์ตารางที่ 1 นำไปสู่ข้อสรุปที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับศึกษานิเทศก์ นั่นคือ ในการทำงาน 3 ส่วนนี้ ศึกษานิเทศก์ต้องสวม “หมวก” (Hats) หรือสวม “บทบาท” (Roles) 3 ใบที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง:
- หมวกนักวิจัย/นักทฤษฎี (Researcher/Theorist): เมื่อศึกษานิเทศก์กำลัง “พัฒนารูปแบบ” (Model) (ตามภาคส่วนที่ 5) บทบาทของเขาคือการสร้างนวัตกรรม, สังเคราะห์ทฤษฎี, และดำเนินการวิจัย (R&D)
- หมวกผู้บริหารจัดการ (Manager): เมื่อศึกษานิเทศก์กำลัง “เขียนแผน” (Plan) บทบาทของเขาคือการบริหาร, การจัดสรรทรัพยากร (4P), และการกำหนดปฏิทิน 49
- หมวกผู้อำนวยความสะดวก/โค้ช (Facilitator/Coach): เมื่อศึกษานิเทศก์กำลัง “ดำเนินการตามกระบวนการ” (Process) กับครู บทบาทของเขาคือการใช้ทักษะการสื่อสาร, การรับฟัง, การสร้างความสัมพันธ์, และการเป็นกัลยาณมิตร 12
ความล้มเหลวของการนิเทศจำนวนมาก เกิดจากการที่ศึกษานิเทศก์ “ไม่สามารถแยกแยะ” หรือ “สวมหมวกผิดใบ” ในสถานการณ์ที่ไม่ถูกต้อง ตัวอย่างที่พบบ่อยที่สุดคือ การสวม “หมวกผู้บริหาร” (Managerial hat) ในขณะที่กำลัง “ดำเนินการตามกระบวนการ” (Process) กับครู เช่น การเข้าไปสังเกตการสอน (กระบวนการ) แต่กลับใช้ทัศนคติแบบการ “ตรวจสอบ” (Check) เพื่อประเมินผล (บทบาท Manager) แทนที่จะใช้ทัศนคติแบบ “โค้ช” (Coach) เพื่อพัฒนา (บทบาท Facilitator) ผลลัพธ์คือครูจะรู้สึกเหมือนถูก “จับผิด” แทนที่จะ “ได้รับการพัฒนา” และเกิดการต่อต้านการนิเทศในที่สุด
ตารางที่ 1: การวิเคราะห์เปรียบเทียบมิติสำคัญของการนิเทศ (Model vs. Process vs. Plan)
| มิติการเปรียบเทียบ | 1. รูปแบบการนิเทศ (Supervision Model) | 2. กระบวนการนิเทศ (Supervision Process) | 3. แผนการนิเทศ (Supervision Plan) |
| นิยาม | “กรอบคิดเชิงทฤษฎี” (Conceptual Framework) หรือ “ระบบปฏิบัติการ” [15, 18] | “ลำดับขั้นตอนการปฏิบัติ” (Operational Steps) 1 | “เอกสารนำสู่การปฏิบัติ” (Implementation Document) [18, 47, 48] |
| วัตถุประสงค์หลัก | เพื่ออธิบาย “ทำไม” และ “อย่างไร” (Why & How) ในการนิเทศเพื่อเป้าหมายเฉพาะ 11 | เพื่อนำการนิเทศไปปฏิบัติให้ “สำเร็จ” ตามลำดับขั้น [10, 41] | เพื่อ “บริหารจัดการ” (Manage) การนิเทศให้เป็นระบบ ต่อเนื่อง และมีประสิทธิภาพ [48, 50] |
| ขอบเขต | นามธรรม (Abstract) / เชิงทฤษฎี (Theoretical) | กึ่งรูปธรรม (Procedural) / เชิงปฏิบัติการ (Operational) | รูปธรรม (Concrete) / เชิงบริหาร (Administrative) |
| องค์ประกอบหลัก | 1. หลักการ 2. วัตถุประสงค์ 3. กระบวนการ 4. การประเมินผล 15 | ลำดับขั้นตอน (Steps) เช่น P-D-C-A 40 หรือ Pre-Observe-Post 24 | 1. เป้าหมาย 2. กิจกรรม 3. ปฏิทิน 4. ทรัพยากร (4P) 5. เครื่องมือ 6. การประเมินผล 49 |
| ผลลัพธ์ (Output) | นวัตกรรม/องค์ความรู้ (เช่น “AIPDE Model” 25) | การนิเทศที่เสร็จสมบูรณ์ 1 รอบ (เช่น ข้อมูลย้อนกลับให้ครู) | “ปฏิทินการนิเทศ” 53 หรือ “รายงานผลการนิเทศประจำปี” 50 |
| บทบาทศึกษานิเทศก์ | นักวิจัย/นักพัฒนา (Developer) (ต้องทำ R&D 55) | ผู้อำนวยความสะดวก/โค้ช (Facilitator/Coach) (ต้องใช้ทักษะสัมพันธ์ 12) | ผู้บริหารจัดการ (Manager) (ต้องวางแผน 4P 49) |
ภาคส่วนที่ 5: ขั้นตอนการพัฒนารูปแบบการนิเทศ (The Model Development Process)
คำถามสำคัญที่ผู้ใช้เน้นย้ำ (หัวข้อ 3 และ 7) คือ “จะพัฒนารูปแบบการนิเทศ Model ทุก Model ที่มีเผยแพร่ได้อย่างไร” คำตอบสำหรับคำถามนี้อยู่ในกระบวนการที่เป็นสากล คือ “การวิจัยและพัฒนา”
5.1 แนวคิดหลัก: การพัฒนารูปแบบในฐานะ “การวิจัยและพัฒนา (R&D)”
การสร้าง “รูปแบบการนิเทศแนวใหม่” (New Supervision Model) 56 ไม่ใช่การ “คิดขึ้นเอง” (Invention) จากประสบการณ์ส่วนตัว แต่เป็นกระบวนการวิจัยเชิงวิชาการที่เรียกว่า “การวิจัยและพัฒนา” (Research and Development: R&D) 17
R&D เป็นกระบวนการที่เป็นระบบในการสร้างนวัตกรรมทางการศึกษา โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนารูปแบบหรือผลิตภัณฑ์ใหม่ และมีการทดสอบประสิทธิภาพเพื่อให้มั่นใจว่ารูปแบบที่พัฒนาขึ้นนั้นมีคุณภาพและสามารถแก้ปัญหาได้จริง 11
5.2 การวิเคราะห์กระบวนการ R&D 4 ขั้นตอนในการพัฒนารูปแบบ
จากการสังเคราะห์กระบวนการ R&D ที่ใช้ในการพัฒนารูปแบบการนิเทศในงานวิจัยหลายฉบับ 11 สามารถสรุปขั้นตอนมาตรฐาน 4 ขั้นตอน (ซึ่งมักแบ่งเป็น R1, D1, R2, D2) ได้ดังนี้:
ขั้นตอนที่ 1: R1 – การศึกษาวิจัย (Research & Needs Assessment)
- เป้าหมาย: ศึกษาสภาพปัจจุบัน, ปัญหา, บริบท และความต้องการจำเป็น (Needs Assessment) 17
- การปฏิบัติ:
- สังเคราะห์เอกสาร, ตำรา, แนวคิด, ทฤษฎี, และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง (Literature Review) เพื่อสร้างกรอบแนวคิด 17
- สัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญ (Expert Interviews) เพื่อยืนยันกรอบแนวคิด 17
- สำรวจ/สัมภาษณ์กลุ่มเป้าหมาย (ผู้บริหาร, ครู) เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงประจักษ์เกี่ยวกับปัญหาและความต้องการ 55
ขั้นตอนที่ 2: D1 – การพัฒนาและตรวจสอบ (Development & Validation)
- เป้าหมาย: “สร้าง (ร่าง) รูปแบบการนิเทศ” (Develop the Model) และ “เครื่องมือ” (Tools) ที่เกี่ยวข้อง 17
- การปฏิบัติ:
- นำข้อมูลจาก R1 มาสังเคราะห์เพื่อสร้างองค์ประกอบของรูปแบบ (ตามที่ระบุในภาคส่วนที่ 1.2) 14
- สร้างคู่มือการใช้รูปแบบ 46 และเครื่องมือที่จำเป็น (เช่น แบบสังเกตการสอน, แบบประเมิน)
- การตรวจสอบคุณภาพ (Validation):
- นำร่างรูปแบบและเครื่องมือที่สร้างขึ้นไปให้ “ผู้เชี่ยวชาญ” (Experts) (มักจะ 5-9 คน) 14 ตรวจสอบ
- ผู้เชี่ยวชาญจะประเมินความเหมาะสม (Appropriateness) 14 และความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา (Content Validity) ซึ่งมักคำนวณเป็นค่าดัชนี IOC (Index of Item-Objective Congruence) 19
- ปรับปรุงแก้ไขตามข้อเสนอแนะของผู้เชี่ยวชาญ
ขั้นตอนที่ 3: R2 – การวิจัยภาคสนาม (Research & Implementation)
- เป้าหมาย: “ทดลองใช้” (Try-out) รูปแบบที่พัฒนาและตรวจสอบคุณภาพแล้ว ในสถานการณ์จริง 11
- การปฏิบัติ:
- นำรูปแบบไปใช้กับกลุ่มตัวอย่าง (Sample Group) เช่น ครูในโรงเรียนนำร่อง 11
- เก็บรวบรวมข้อมูลอย่างเป็นระบบ เพื่อวัดประสิทธิผลของรูปแบบ
- การเก็บข้อมูลเชิงปริมาณ: เช่น การทดสอบความรู้ครูก่อน-หลัง (Pre-test/Post-test) 11, แบบสอบถามความพึงพอใจ 11
- การเก็บข้อมูลเชิงคุณภาพ: เช่น การสัมภาษณ์, การสนทนากลุ่ม (Focus Group) 57, การสังเกตพฤติกรรม
ขั้นตอนที่ 4: D2 – การประเมินและปรับปรุง (Development & Refinement)
- เป้าหมาย: ประเมิน “ประสิทธิผล” (Effectiveness) ของรูปแบบ และ “ปรับปรุง” (Refinement) รูปแบบให้สมบูรณ์ 60
- การปฏิบัติ:
- นำข้อมูลเชิงปริมาณและคุณภาพจาก R2 มาวิเคราะห์ (Content Analysis, t-test, etc.) 11
- สรุปผลว่ารูปแบบที่พัฒนาขึ้นสามารถแก้ปัญหาได้จริงหรือไม่ 11 (เช่น ครูมีสมรรถนะสูงขึ้น, นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์สูงขึ้น 11)
- จัดทำ “คู่มือการใช้รูปแบบ” (Handbook/Manual) ฉบับสมบูรณ์ 46 เพื่อการเผยแพร่และนำไปใช้ในวงกว้าง
กระบวนการ R&D ทั้ง 4 ขั้นตอนนี้ สะท้อน “วงจรการทำงาน” (Working Cycle) ของศึกษานิเทศก์มืออาชีพอย่างสมบูรณ์แบบ กล่าวคือ:
- R1 (Needs Assessment) คือ การวิเคราะห์บริบทและปัญหาของโรงเรียน (การตรวจสุขภาพโรงเรียน 63)
- D1 (Development) คือ การสร้างนวัตกรรมหรือเลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสม 63
- R2 (Implementation) คือ การปฏิบัติการนิเทศจริง (การนิเทศ กำกับ ติดตาม 63)
- D2 (Evaluation) คือ การประเมินผลและสรุปรายงาน 63
ดังนั้น การทำความเข้าใจ R&D จึงไม่ใช่แค่เพื่อการทำวิจัย แต่คือการยกระดับการทำงานนิเทศประจำวันให้มีคุณภาพ อิงหลักวิชาการ และสร้างผลกระทบที่วัดผลได้จริง
ภาคส่วนที่ 6: เครื่องมือและการประเมินผลการนิเทศ (Supervision Tools and Evaluation)
การนิเทศที่มีประสิทธิภาพไม่สามารถเกิดขึ้นได้จากการพูดคุยเพียงอย่างเดียว แต่ต้องอาศัย “สื่อและเครื่องมือ” (Tools and Media) ที่เหมาะสม 1 เพื่อรวบรวมข้อมูลและประเมินผล
6.1 ชุดเครื่องมือการนิเทศ (The Supervision Toolkit)
เครื่องมือการนิเทศคือสิ่งจำเป็นที่ขาดไม่ได้ในการนิเทศเชิงวิชาการ ทำหน้าที่เป็น “ตัวกลาง” (Mediator) ที่เชื่อม “กระบวนการ” (Process) ที่เป็นนามธรรม (เช่น การสังเกต) เข้ากับ “ข้อมูล” (Data) ที่เป็นรูปธรรม หากไม่มีเครื่องมือ เช่น “แบบสังเกตการสอน” 64 กระบวนการสังเกตใน Clinical Supervision 22 ก็จะเป็นเพียงการใช้ความรู้สึกส่วนตัว (Subjective) แต่เมื่อมีเครื่องมือ การสังเกตจะกลายเป็นการเก็บ “ข้อมูลเชิงประจักษ์” (Objective Data) 20 เพื่อใช้ในการวิเคราะห์และให้ข้อมูลย้อนกลับอย่างสร้างสรรค์
ชุดเครื่องมือการนิเทศสามารถจำแนกตามขั้นตอนของกระบวนการนิเทศได้ ดังนี้:
- เครื่องมือวิเคราะห์ (Analysis Tools):
- ใช้เมื่อ: ขั้นตอน P (Plan) ของ PDCA หรือ R1 (Research) ของ R&D
- ตัวอย่าง: แบบสำรวจความต้องการจำเป็น 6, แบบประเมินตนเองของครู (Self-Assessment Form) 65
- เครื่องมือวางแผน (Planning Tools):
- ใช้เมื่อ: ขั้นตอน P (Plan)
- ตัวอย่าง: แผนการนิเทศ (Supervision Plan) 51, ปฏิทินการนิเทศ (Supervision Calendar) 53
- เครื่องมือปฏิบัติการ (Implementation Tools):
- ใช้เมื่อ: ขั้นตอน D (Do)
- ตัวอย่าง:
- แบบประเมินแผนการจัดการเรียนรู้ (Lesson Plan Evaluation Form): ใช้ประเมิน “เอกสาร” ก่อนสอนจริง 10
- แบบสังเกตการสอน (Classroom Observation Form): ใช้เก็บข้อมูล “การปฏิบัติ” ขณะสอน 10
- แบบบันทึกการนิเทศ (Supervision Log/Record): ใช้บันทึกข้อตกลง, ผลการสนทนา, และข้อมูลย้อนกลับ 18
- เครื่องมือประเมินผล (Evaluation Tools):
- ใช้เมื่อ: ขั้นตอน C (Check) หรือ D2 (Evaluation)
- ตัวอย่าง:
- แบบประเมินสมรรถนะครู (Teacher Competency Evaluation) 11
- แบบประเมินความพึงพอใจ (Satisfaction Survey) 11
- แบบทดสอบผลสัมฤทธิ์นักเรียน (Student Achievement Test) 11
6.2 กระบวนการประเมินผลการนิเทศ (Evaluation of Supervision)
การประเมินผลการนิเทศ 4 ไม่ใช่แค่การประเมิน “ครู” แต่คือการประเมิน “ตัวการนิเทศ” เองว่ามีประสิทธิภาพเพียงใด และรูปแบบที่ใช้ได้ผลหรือไม่
กรอบการประเมินประสิทธิผลการนิเทศ (Effectiveness Evaluation Framework) ที่สมบูรณ์ ควรวัดผลกระทบ (Impact) ใน 3-4 ระดับ (ประยุกต์จาก Kirkpatrick’s Model) ดังที่ปรากฏในงานวิจัย 11:
- ระดับที่ 1: ปฏิกิริยา (Reaction):
- วัดอะไร: “ความพึงพอใจ” ของผู้รับการนิเทศ (ครู, ผู้บริหาร) และผู้นิเทศ 11
- เครื่องมือ: แบบสอบถามความพึงพอใจ
- ระดับที่ 2: การเรียนรู้ (Learning):
- วัดอะไร: สมรรถนะ, ความรู้, ทักษะ, และทัศนคติ ที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งของ “ผู้นิเทศ” 11 และ “ผู้รับการนิเทศ” (ครู) 11
- เครื่องมือ: แบบทดสอบความรู้, แบบประเมินสมรรถนะ (ก่อน-หลัง)
- ระดับที่ 3: พฤติกรรม (Behavior):
- วัดอะไร: การที่ครูนำสิ่งที่ได้เรียนรู้จากการนิเทศไป “เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการสอน” ในห้องเรียนจริง 10
- เครื่องมือ: แบบสังเกตการสอน (เปรียบเทียบก่อน-หลัง)
- ระดับที่ 4: ผลลัพธ์ (Results):
- วัดอะไร: ผลกระทบสุดท้ายที่เกิดขึ้นกับ “ผู้เรียน”
- เครื่องมือ: “ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน” 10, พฤติกรรมการเรียนรู้ของนักเรียน 11
ข้อควรพิจารณาที่สำคัญที่สุดคือ: การประเมินผลการนิเทศที่แท้จริงต้องวัดให้ถึงระดับที่ 4 (ผลลัพธ์ต่อผู้เรียน) 11 หากการประเมินหยุดเพียงแค่ระดับที่ 1 (ความพึงพอใจ) ศึกษานิเทศก์จะไม่สามารถสรุป “ประสิทธิผล” (Effectiveness) ของรูปแบบการนิเทศนั้นได้เลย
กรอบการประเมินผล 4 ระดับนี้ ควรถููกนำไปใช้เป็น “ตัวแปรตาม” (Dependent Variables) ในขั้นตอน R2 (Implementation) และ D2 (Evaluation) ของกระบวนการพัฒนารูปแบบ (R&D) ในภาคส่วนที่ 5 เพื่อพิสูจน์ว่า “รูปแบบ” (Model) ที่พัฒนาขึ้นใน D1 นั้น “มีประสิทธิผล” (Effective) จริงหรือไม่ ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงกระบวนการทั้งหมดเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์
ภาคส่วนที่ 7: ศึกษานิเทศก์ยุคใหม่: สมรรถนะและจรรยาบรรณวิชาชีพ (The Modern Supervisor: Competencies and Ethics)
การที่จะนำรูปแบบ, กระบวนการ, และแผนทั้งหมดไปปฏิบัติให้เกิดผลได้จริง ปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือ “ตัวตน” ของผู้นิเทศ
7.1 การเปลี่ยนผ่านบทบาท: จากผู้ตรวจราชการ (Inspector) สู่ ผู้นำการเปลี่ยนแปลง (Change Agent)
ในอดีต ศึกษานิเทศก์มักถูกมองในบทบาทที่เน้นงานธุรการ, การติดตามโครงการ, หรืองานนโยบาย 71 ซึ่งบทบาทดั้งเดิมนี้ไม่เพียงพออีกต่อไปสำหรับโลกยุคปัจจุบัน 71
บทบาทใหม่ของศึกษานิเทศก์ในยุค 4.0 71 และศตวรรษที่ 21 5 คือการเป็น “ผู้นำการเปลี่ยนแปลง” (Change Agent) 71, “ผู้สร้างเครือข่าย” (Network Builder) 71, “ผู้วิจัยและพัฒนา” (Researcher & Developer) 58 และ “ผู้ช่วยครูพัฒนาการสอน” (Instructional Coach) 71
7.2 สมรรถนะหลักของศึกษานิเทศก์ยุคใหม่ (Modern Supervisor Competencies)
เพื่อให้สามารถปฏิบัติบทบาทใหม่นี้ได้ ศึกษานิเทศก์จำเป็นต้องมีสมรรถนะ (Competencies) ที่หลากหลาย จากการสังเคราะห์ข้อมูล 58 สมรรถนะหลักที่จำเป็นในยุคใหม่ ประกอบด้วย:
- สมรรถนะด้านเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Technology): ความเชี่ยวชาญในการเข้าถึง, ใช้, และประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนิเทศและการเรียนรู้ 63
- สมรรถนะด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D): ความสามารถในการสร้างและพัฒนาองค์ความรู้ใหม่, สื่อ, และนวัตกรรมการนิเทศ 58 (ดังที่อธิบายในภาคส่วนที่ 5)
- สมรรถนะด้านการคิดเชิงระบบ (Systems Thinking): ความสามารถในการมองเห็นภาพรวม, วิเคราะห์ข้อมูล, และเชื่อมโยงเครือข่าย 63
- สมรรถนะด้านการทำงานเป็นทีมและเครือข่าย (Collaboration): ความสามารถในการสร้าง PLC และประสานความร่วมมือ 58
- สมรรถนะด้านการโค้ชและการสื่อสาร (Coaching & Communication): ทักษะในการถ่ายทอดความรู้ 71, การให้คำปรึกษา, และการสร้างสัมพันธภาพเชิงบวก 12
- สมรรถนะด้านการตระหนักรู้ต่อผู้รับบริการ (Customers Awareness): การยึดครู, ผู้เรียน, และสถานศึกษาเป็นศูนย์กลางในการให้บริการ 74
7.3 จรรยาบรรณวิชาชีพ: รากฐานของความไว้วางใจ (Code of Ethics)
เหนือกว่าสมรรถนะใดๆ คือ “จรรยาบรรณวิชาชีพ” (Code of Ethics) 75 ซึ่งเป็นมาตรฐานการปฏิบัติตนที่สร้าง “ความไว้วางใจ” (Trust) 8 อันเป็นรากฐานที่ขาดไม่ได้ของการนิเทศยุคใหม่
จากการวิเคราะห์ข้อบังคับคุรุสภา 76 จรรยาบรรณของศึกษานิเทศก์สามารถแบ่งได้ 5 ด้านหลัก:
- จรรยาบรรณต่อตนเอง: การมีวินัย, พัฒนาตนเองด้านวิชาชีพและวิสัยทัศน์อย่างต่อเนื่อง, ไม่เกี่ยวข้องกับอบายมุข 76
- จรรยาบรรณต่อวิชาชีพ: รัก, ศรัทธา, ซื่อสัตย์สุจริตต่อวิชาชีพ, สร้างสรรค์เทคนิคใหม่ๆ, และอุทิศตนเพื่อความก้าวหน้าของวิชาชีพ 76
- จรรยาบรรณต่อผู้รับบริการ (สำคัญที่สุด):
- สิ่งที่พึงประสงค์: รัก, เมตตา, เอาใจใส่, ช่วยเหลือ, และ “ให้กำลังใจ” แก่ผู้รับบริการ 76
- ให้บริการด้วยความจริงใจและเสมอภาค 76
- “รับฟังความคิดเห็น” ที่มีเหตุผล 76
- เสริมสร้างความภาคภูมิใจด้วยการยกย่อง ชมเชย และให้กำลังใจอย่าง “กัลยาณมิตร” 76
- สิ่งที่ไม่พึงประสงค์: ไม่เรียกรับหรือยอมรับผลประโยชน์จากการใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ 76
- จรรยาบรรณต่อผู้ร่วมประกอบวิชาชีพ: การช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันอย่างสร้างสรรค์ และสร้างความสามัคคี 76
- จรรยาบรรณต่อสังคม: การเป็นผู้นำในการอนุรักษ์และพัฒนาสังคม, ศาสนา, ศิลปวัฒนธรรม, และสิ่งแวดล้อม 76
ข้อสรุปเชิงสังเคราะห์ที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งคือ “จรรยาบรรณ” ถือเป็น “เงื่อนไขจำเป็น” (Prerequisite) ที่กำหนดว่าศึกษานิเทศก์จะสามารถเลือกใช้ “ตัวแบบ” (Model) ใดได้บ้าง
กระบวนการคิดในประเด็นนี้คือ: ตัวแบบการนิเทศยุคใหม่เกือบทั้งหมด (เช่น Glickman’s Collaborative/Nondirective 27, Peer Coaching 31, และ Cognitive Coaching 37) ล้วนตั้งอยู่บนฐานของ “ความไว้วางใจ” (Trust) 8
หากศึกษานิเทศก์ไม่สามารถปฏิบัติตาม “จรรยาบรรณต่อผู้รับบริการ” ได้ (เช่น ไม่รับฟัง, ชอบตัดสิน, สร้างบรรยากาศเชิงลบ, หรือถูกมองว่าแสวงหาผลประโยชน์ 76) ความไว้วางใจนั้นจะถูกทำลายลงทันที เมื่อความไว้วางใจสิ้นสุดลง ศึกษานิเทศก์จะสูญเสียความสามารถในการใช้ตัวแบบที่เน้นการร่วมมือและการสะท้อนคิด และจะถูกบังคับโดยสถานการณ์ให้ใช้ได้เพียง “การนิเทศแบบชี้นำ” (Directive/Clinical Supervision) 27 เท่านั้น ซึ่งมักนำไปสู่การต่อต้านจากครู
ดังนั้น จรรยาบรรณจึงไม่ใช่แค่ข้อบังคับทางวินัย แต่เป็นตัวกำหนด “ขอบเขตของเครื่องมือและรูปแบบ” ที่ศึกษานิเทศก์สามารถเลือกใช้ได้จริงในภาคสนาม
บทสรุป: การบูรณาการองค์ความรู้สู่การปฏิบัติ
เอกสารฉบับนี้ได้ทำการสังเคราะห์และวิเคราะห์องค์ความรู้ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนารูปแบบการนิเทศการศึกษา โดยสรุปให้เห็นความสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงกันเป็นระบบ ตั้งแต่รากฐานทางทฤษฎีไปจนถึงการปฏิบัติจริงของศึกษานิเทศก์
- รูปแบบการนิเทศ (Model) คือ “กรอบคิด” (Why) ที่กำหนดปรัชญาและโครงสร้าง
- แผนการนิเทศ (Plan) คือ “เอกสารบริหาร” (When/Where) ที่จัดสรรทรัพยากรและกำหนดปฏิทิน
- กระบวนการนิเทศ (Process) คือ “ขั้นตอนปฏิบัติ” (How) ที่ใช้ในการปฏิสัมพันธ์กับครู
- การวิจัยและพัฒนา (R&D) คือ “กลไกการสร้าง” (Creation) ที่ใช้ในการพัฒนารูปแบบใหม่
- สมรรถนะและจรรยาบรรณ (Competency & Ethics) คือ “คุณสมบัติของผู้นำ” (Who) ซึ่งเป็นปัจจัยชี้ขาดที่จะทำให้ระบบทั้งหมดทำงานได้จริง
การนิเทศการศึกษาที่มีประสิทธิภาพในศตวรรษที่ 21 จึงเป็นภารกิจที่ท้าทาย ซึ่งเรียกร้องให้ศึกษานิเทศก์ต้องเป็นมากกว่าผู้ปฏิบัติงาน แต่ต้องเป็น “นักวิจัย” ที่สามารถพัฒนานวัตกรรม (ผ่าน R&D), เป็น “ผู้บริหาร” ที่สามารถวางแผนอย่างเป็นระบบ (ผ่าน Supervision Plan), และเป็น “โค้ช” ที่สามารถสร้างความไว้วางใจและพัฒนาศักยภาพมนุษย์ (ผ่าน Process และ Ethics) ได้อย่างแท้จริง
Works cited
- บทที่2 เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง – ผลงานวิชาการ, accessed November 4, 2025, https://research.otepc.go.th/files/7%20%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%202_6wbdlbk5.pdf
- การนิเทศในสถานศึกษา – mystou, accessed November 4, 2025, https://mystou.files.wordpress.com/2012/02/23503-8-t.pdf
- “การนิเทศการศึกษา” หนึ่งตัวช่วยในการพัฒนาสมรรถนะการจัดการเรียนรู้ – ThaiJo, accessed November 4, 2025, https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jra/article/download/248267/172396/938183
- “การนิเทศการศึกษา” หนึ่งตัวช่วยในการพัฒนาสม, accessed November 4, 2025, https://doi.nrct.go.th/admin/doc/doc_615839.pdf
- การนิเทศการศึกษา* – Educational Supervision – ThaiJO, accessed November 4, 2025, https://so07.tci-thaijo.org/index.php/JMCR/article/download/1911/1301/9292
- THE EDUCATIONAL SUPERVISION PROCESS OF SCHOOL IN YANG-HAK SUBDISTRIC PAKTHO RATCHABURI, accessed November 4, 2025, http://ithesis-ir.su.ac.th/dspace/bitstream/123456789/1524/1/59252336.pdf
- การพัฒนารูปแบบการนิเทศภายใน เพื่อส่งเสริมศักยภาพการจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่21 ของวิทยาลัยการอาชีพนครศรีธรรมราช – ผลงานวิชาการ, accessed November 4, 2025, https://research.otepc.go.th/files/__________________________________mz446v4a.pdf
- รูปแบบการนิเทศการศึกษาเพื่อส่งเสริมสมรรถนะผู้เรียนตามกรอบ pisa supervisory model to enhance student competencies in the pisa framework – ThaiJo, accessed November 4, 2025, https://so08.tci-thaijo.org/index.php/EJFE/article/download/5222/3947
- การพัฒนาแนวทางการนิเทศภายในแบบเพื่อนช่วยเพ – มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, accessed November 4, 2025, http://khoon.msu.ac.th/_dir/fulltext/2021/10/Supattra%20Parajoom63.pdf
- รูปแบบการนิเทศที่การส่งเสริมการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning), accessed November 4, 2025, https://www.sesaoskt.go.th/wp-content/uploads/2023/11/2.-%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8-Active-Learning-%E0%B8%AA%E0%B8%9E%E0%B8%A1.%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B9%82%E0%B8%82%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%A2.pdf
- การพัฒนารูปแบบการนิเทศการสอนตามแนวคิดของกลิ๊กแมน เพื่อพัฒนาสมรรถภาพการจัดการเรียนรู้ด้านทักษะการอ่านของครูภาษาไทย – ThaiJO, accessed November 4, 2025, https://he02.tci-thaijo.org/index.php/Veridian-E-Journal/article/download/7607/6583
- กระบวนการนิเทศและเทคนิคการนิเทศทางการศึกษา E – ThaiJo, accessed November 4, 2025, https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jra/article/download/277593/188777/1226706
- รูปแบบการบริหารจัดการการนิเทศการศึกษา สําหรับศตวรรษที่21 – าง – Silpakorn University, accessed November 4, 2025, http://www.thapra.lib.su.ac.th/objects/thesis/fulltext/snamcn/Pantira_Suppakarn_Doctor/fulltext.pdf
- รูปแบบการบริหารจัดการการนิเทศการศึกษา สาหรับศตวรรษที่21 – ThaiJO, accessed November 4, 2025, https://he02.tci-thaijo.org/index.php/Veridian-E-Journal/article/download/40991/33912/94081
- บทที่2 เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง – ผลงานวิชาการ – ก.ค.ศ., accessed November 4, 2025, https://research.otepc.go.th/files/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%202_qgg851oh.pdf
- รูปแบบการนิเทศการศึกษาแบบผสมผสานเพื่อส่งเสริมการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครู – มหาวิทยาลัยนเรศวร, accessed November 4, 2025, https://nuir.lib.nu.ac.th/dspace/bitstream/123456789/5835/3/WishirataWorathadasawat.pdf
- การพัฒนารูปแบบการนิเทศเพื่อส่งเสริมสมรรถนะการวิจัยในชั้นเรียน สำหรับครูสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา เชียงราย เขต 3, accessed November 4, 2025, https://www.cr3.go.th/wp-content/uploads/2022/09/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%A2.pdf
- คู่มือการใช้รูปแบบการนิเทศการศึกษา, accessed November 4, 2025, https://www.kroobannok.com/news_file/p89795561154.pdf
- การพัฒนารูปแบบการนิเทศตามแนวคิดการชี้แนะร่, accessed November 4, 2025, http://dept.npru.ac.th/jssr/data/files/11.2jssr11.pdf
- แนวทางการนิเทศการศึกษาเพื่อส่งเสริมการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) สำหรับครูในศตวรรษที่ 21: แนวปฏิบัติสู่การนิเทศแบบผสมผสาน » – Digital Learning Classroom, accessed November 4, 2025, https://krukob.com/web/sv-31/
- การนิเทศแบบคลินิก(1) – Panchalee’s Blog, accessed November 4, 2025, https://panchalee.wordpress.com/2009/06/22/clinical-supervision1/
- ทฤษฎีการนิเทศแบบคลินิก – การนิเทศการศึกษา – GotoKnow, accessed November 4, 2025, https://www.gotoknow.org/posts/207341
- การนิเทศทางคลินิก การนเทศทางคลนก Clinical Supervision, accessed November 4, 2025, https://www.si.mahidol.ac.th/Th/division/nursing/NDivision/N_qd/admin/download_files/3_72_1.pdf
- บทที่2 วรรณกรรมที่เกี่ยวข้อง, accessed November 4, 2025, http://www.cmruir.cmru.ac.th/bitstream/123456789/2002/5/Chapter2.pdf
- การพัฒนารูปแบบการนิเทศการสอนตามแนวคิดของกลิ๊กแมน เพื่อพัฒนาสมรรถภาพการจัดการเรียนรู้ด้านทักษะการอ่านของครูภาษาไทย | Veridian E-Journal,Silpakorn University (Humanities, Social Sciences and arts) – ThaiJO, accessed November 4, 2025, https://he02.tci-thaijo.org/index.php/Veridian-E-Journal/article/view/7607
- การพัฒนารูปแบบการนิเทศการสอนตามแนวคิดของกลิ๊กแมนเพื่อพัฒนาสมรรถภาพการจัดการเรียนรู้ด้านทักษะการอ่านของครู ภาษาไทย – ThaiEdResearch, accessed November 4, 2025, http://backoffice.thaiedresearch.org/uploads/public/439445102e6d7c6602a7b5ac105d9860.pdf
- DEVELOPMENTAL SUPERVISION: AN EXPLORATORY … – ASCD, accessed November 4, 2025, https://files.ascd.org/staticfiles/ascd/pdf/journals/jcs/jcs_1990summer_gordon.pdf
- Developmental supervision | PPTX – Slideshare, accessed November 4, 2025, https://www.slideshare.net/slideshow/developmental-supervision-249606420/249606420
- THE DEVELOPMENTAL APPROACH TO SUPERVISION – ASCD, accessed November 4, 2025, https://files.ascd.org/staticfiles/ascd/pdf/journals/ed_lead/el_198011_glickman.pdf
- EJ236674 – The Developmental Approach to Supervision., Educational Leadership, 1980-Nov – ERIC, accessed November 4, 2025, https://eric.ed.gov/?id=EJ236674
- Developing Guideline-based Peer Coaching Supervision for Schools under the Mahasarakham Primary Educational Service Area Office, accessed November 4, 2025, http://202.28.34.124/dspace/bitstream/123456789/1113/1/61010586038.pdf
- การนิเทศแบบเพื่อนช่วยเพื่อนเสริมพลังครูสู่ชั้นเรียน | Journal of Education, Silpakorn University, accessed November 4, 2025, https://so02.tci-thaijo.org/index.php/suedujournal/article/view/92234
- การนิเทศแบบโค้ชชิ่งของโรงเรียนอ้อมน้อยโสภณ – มหาวิทยาลัยศิลปากร, accessed November 4, 2025, http://ithesis-ir.su.ac.th/dspace/bitstream/123456789/4365/1/630620082.pdf
- การพัฒนาการนิเทศแบบสอนแนะเพื่อส่งเสริมการจัดกระบวนการเรียนรู้กลุ่มสาระ – บทความวิจัย (Research Article), accessed November 4, 2025, https://so06.tci-thaijo.org/index.php/IEJ/article/download/263077/176397
- การโค้ชเพื่อการรู้คิด (Cognitive Coaching), accessed November 4, 2025, http://www.curriculumandlearning.com/upload/Books/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%8A3_1539206334.pdf
- ใบความรู้ที่ 1.1 เรื่อง “เทคนิคการนิเทศแบบชี้แนะ(Coaching Techniques)”, accessed November 4, 2025, https://pound1983.wordpress.com/wp-content/uploads/2012/06/utq-225.pdf
- Building Self-Directed Teachers: A Case Study of Teachers’ Perspectives of the Effects of Cognitive Coaching on Professional Practices – Cornerstone, accessed November 4, 2025, https://cornerstone.lib.mnsu.edu/cgi/viewcontent.cgi?article=1082&context=etds
- Reflections on Cognitive Coaching – ASCD, accessed November 4, 2025, https://www.ascd.org/el/articles/reflections-on-cognitive-coaching
- วงจรการบริหารคุณภาพในองค์กร (PDCA) คืออะไร – Dropbox.com, accessed November 4, 2025, https://www.dropbox.com/th_TH/resources/pdca
- PDCA คืออะไร ? ประโยชน์ และตัวอย่างการใช้เพื่อพัฒนาองค์กร – HREX.asia, accessed November 4, 2025, https://th.hrnote.asia/orgdevelopment/what-is-pdca-210610/
- การนิเทศการจัดการเรียนรู้แบบ PRT-RED Model ภายใต้กระบวนการบริหาร …, accessed November 4, 2025, http://prt.ac.th/_files_school/52100509/workteacher/52100509_1_20210408-064654.pdf
- กระบวนการ PDCA กับ การนิเทศการสอน (เพิ่มเติมรายละเอียด) – GotoKnow, accessed November 4, 2025, https://www.gotoknow.org/posts/191135
- แนวทางการสร้างความเข้มแข็ง การนิเทศภายในสถานศึกษา, accessed November 4, 2025, https://toongnangok.com/wp-content/uploads/2024/09/%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B9%81%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B9%81%E0%B8%82%E0%B9%87%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%83%E0%B8%99-1.pdf
- รูปแบบการนิเทศแบบมีส่วนร่วม, accessed November 4, 2025, https://digital_collect.lib.buu.ac.th/dcms/files//01965/chapter4.pdf
- การนิเทศในโรงเรียนสกลวิทยา INSTRUCTIONAL SUPERVISION IN SAKOLWITTAYA SCHOOL – ThaiJO, accessed November 4, 2025, https://so02.tci-thaijo.org/index.php/EdAd/article/download/211435/146491/
- การพัฒนารูปแบบการนิเทศการจัดการเรียนการสอนทางไกล โดยใช้ – สำนักงานศึกษาธิการภาค 9, accessed November 4, 2025, http://www.reo9.obec.in.th/gis/eoffice/10000005tbl_orgdownload/20211027102947mr1gnTS..pdf
- accessed November 4, 2025, https://krukob.com/web/sv-7/#:~:text=%E0%B9%81%E0%B8%9C%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%20%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%96%E0%B8%B6%E0%B8%87%20%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3,%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A8%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2%20%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%81%E0%B8%B3%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%94
- เมื่อศึกษานิเทศก์ต้อง…เขียนแผนการนิเทศ » – Digital Learning Classroom, accessed November 4, 2025, https://krukob.com/web/sv-7/
- แนวทางการเขียนแผนการนิเทศการศึกษา สำหรับศึกษานิเทศก์ » – Digital Learning Classroom, accessed November 4, 2025, https://krukob.com/web/sv-5/
- แผนการนิเทศการศึกษา – jt2554 – หน้าหนังสือ 1 – PubHTML5, accessed November 4, 2025, https://pubhtml5.com/jibv/cntd/
- วันเสาร์ที่ 20 พฤศจิกายน 2564 เวลา 13.00-16.00 น. ดร.สุรัตน์นารี ธิลาใจ ศึกษานิเทศก์ช านาญการพิเศษ – ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีวศึกษาภาคเหนือ, accessed November 4, 2025, http://km.nsdv.go.th/files/10000001_23080716160703.pdf
- EDUCATION SUPERVISION IN THE NEW NORMAL ERA OF THE SECONDARY EDUCATION SERVICE AREA OFFICE – SURE Home, accessed November 4, 2025, https://sure.su.ac.th/xmlui/handle/123456789/29602
- ปฏิทินการนิเทศภายใน_merged – Flip eBook Pages 1-7 | AnyFlip, accessed November 4, 2025, https://anyflip.com/zgywk/slro/basic
- คู่มือการนิเทศภายใน, accessed November 4, 2025, http://www.thaischool.in.th/_files_school/65101273/data/65101273_1_20220119-143703.pdf
- บทที่ 3 วิธีด ำเนินกำรวิจัย, accessed November 4, 2025, http://cmruir.cmru.ac.th/bitstream/123456789/1440/6/Chapter%203.pdf
- รูปแบบการนิเทศแนวใหม่ : ทางออกการจัดการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐาน | Thoongourn, accessed November 4, 2025, http://www.ojs.mcu.ac.th/index.php/JGMP/article/view/7232
- การพัฒนารูปแบบการนิเทศโดยใช้กระบวนการชี้แนะและระบบพี่เลี้ยง เพื่อส่งเสริมศักยภาพการจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 สังกัด ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จังหวัดเชียงใหม่ – สมาคมนักวิจัยแห่งประเทศไทย, accessed November 4, 2025, http://www.ar.or.th/ImageData/Magazine/20052/DL_10470.pdf?t=637505838625362600
- 16 สมรรถนะการนิเทศการศึกษาของศึกษานิเทศก์ในศ – thaijo.org, accessed November 4, 2025, https://so04.tci-thaijo.org/index.php/JAPDEAT/article/download/252224/177059/995413
- รูปแบบการนิเทศการสอนเพื่อส่งเสริมความสามาร, accessed November 4, 2025, https://libdoc.dpu.ac.th/thesis/160991.pdf
- การพัฒนารูปแบบการนิเทศเพื่อส่งเสริมทักษะกา – ThaiJo, accessed November 4, 2025, https://so06.tci-thaijo.org/index.php/obecresearch/article/download/282862/190300/1253343
- รูปแบบการนิเทศยุคดิจิทัลของโรงเรียนขนาดเล็ A – ThaiJO, accessed November 4, 2025, https://so02.tci-thaijo.org/index.php/edunsrujo/article/download/269750/184322/1205625
- การพัฒนารูปแบบการนิเทศแบบมีส่วนร่วมเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ของครูในโรงเรียนประถมศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ – ฐานข้อมูลวิทยานิพนธ์ (E-Thesis) SNRU – มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร, accessed November 4, 2025, https://gsmis.snru.ac.th/e-thesis/thesis_detail?r=62632233108
- การนิเทศการศึกษา: แนวโน้มในการออกแบบและการพัฒนาบทบาทของผู้ …, accessed November 4, 2025, https://krukob.com/web/sv-28/
- แบบสังเกตการสอนและการนิเทศการจัดการเรียนรู้, accessed November 4, 2025, https://qa.bodin.ac.th/wp-content/uploads/2023/03/05_%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%9F%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89.pdf
- คู่มือการนิเทศการนิเทศการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครูผู้สอน – โรงเรียนสตรีทุ่งสง, accessed November 4, 2025, https://www.stss.ac.th/uploads/prostd_013720.pdf
- (ตัวอย’า ง) เครื่องมือการนิเทศการเรียนการสอนของครู, accessed November 4, 2025, https://krukob.com/web/wp-content/uploads/2021/03/%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87-%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B9-.pdf
- แบบสังเกตและบันทึกพฤติกรรมการสอนแบบตรวจสอบ, accessed November 4, 2025, http://fth1.com/uppic/10105475/news/10105475_1_20210909-222137.pdf
- แบบสังเกตการสอน, accessed November 4, 2025, https://registrar.ku.ac.th/wp-content/uploads/2022/07/GE05.pdf
- การประเมินโครงการยกระดับคุณภาพครูทั้งระบบ ก, accessed November 4, 2025, http://www.resource.lib.su.ac.th/ejournal/images/stories/SUTJ_Social/Vol31No2/article10.pdf
- รูปแบบการนิเทศด้านการวัดและประเมินผลการเรี – ThaiJo, accessed November 4, 2025, https://so06.tci-thaijo.org/index.php/dhammathas/article/download/78092/86983/
- ศึกษานิเทศก์ 4.0 เพิ่มพูนศักยภาพตนเองอย่างไร – สพป.พัทลุง เขต 1, accessed November 4, 2025, https://www.phatthalung1.go.th/%E0%B8%A8%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B8%81%E0%B9%8C-4-0-%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%B9%E0%B8%99%E0%B8%A8/
- แชร์แนวคิดศึกษานิเทศก์ยุคใหม่ คิดอย่างไรถึงก้าวทันโลก? – Starfishlabz, accessed November 4, 2025, https://www.starfishlabz.com/blog/1339-%E0%B9%81%E0%B8%8A%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%81%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%84%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%A8%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B8%81%E0%B9%8C%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%84%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88-%E0%B8%84-%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%A2-%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%A3%E0%B8%96-%E0%B8%87%E0%B8%81-%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%97-%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81
- การพัฒนาตัวบ่งชี้สมรรถนะการปฏิบัติงานของศึกษานิเทศก์ กลุ่มงานวัดและประเมินผลการศึกษา – Burapha University Research Information – มหาวิทยาลัยบูรพา, accessed November 4, 2025, https://buuir.buu.ac.th/bitstream/1234567890/6930/1/Fulltext.pdf
- การกำหนดสมรรถนะศึกษานิเทศก์ สป.ศธ. – AnyFlip, accessed November 4, 2025, https://anyflip.com/qrubr/boeg/basic
- 1. มาตรฐานวิชาชีพ – พัฒนาศึกษานิเทศก์ 2567, accessed November 4, 2025, https://sv1.esdc.go.th/%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%81/%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A2%E0%B8%B0%E0%B8%97-1-%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%92%E0%B8%99%E0%B8%B2/1-%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%90%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%9E
- แบบแผนพฤติกรรมตามจรรยาบรรณของวิชาชีพศึกษานิเทศก์ – KSP, accessed November 4, 2025, https://ksp-boardgame.org/assets/doc/2eb8cb0edb50c7bf612cc38838ecdc33.pdf
- จรรยาบรรณของวิชาชีพ, accessed November 4, 2025, https://bussayamas123.files.wordpress.com/2012/05/e0b8a7e0b8b4e0b88ae0b8b2e0b88ae0b8b5e0b89ee0b8a8e0b8b6e0b881e0b8a9e0b8b2e0b899e0b8b4e0b980e0b897e0b8a8e0b881e0b98c-e0b8ad-e0b984e0b89e.ppt
- 8. มาตรฐานการปฏิบัติตนของศึกษานิเทศก์ (จรรยาบรรณวิชาชีพ) | PDF – Scribd, accessed November 4, 2025, https://www.scribd.com/document/887802458/8-%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%90%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%8F%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A8%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B8%81-%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%9E
Comments
Powered by Facebook Comments

