แนวทางการออกแบบการจัดการเรียนรู้เชิงรุกเป็นฐาน (Active-based Learning) ในชั้นเรียน 60 นาที
แนวทางการออกแบบการจัดการเรียนรู้เชิงรุกเป็นฐาน (Active-based Learning) ในชั้นเรียน 60 นาที
ท่านรู้ไหมครับว่า ใน 1 ชั่วโมงของการเรียนการสอนนักเรียนสามารถจดจำและเรียนรู้เนื้อหาได้มากน้อยเท่าไหร่ ?
การเรียนการสอนแบบเดิมนักเรียนสามารถจดจำและเรียนรู้เนื้อหาได้มากน้อยเท่าไหร่ ?
ขั้นตอนการออกแบบการจัดการเรียนรู้เชิงรุกเป็นฐาน (Active-based Learning) ในชั้นเรียน 60 นาที
การหยั่งเสียงหรือตอบคำถาม (Poll)
5 นาทีแรกให้เริ่มต้นด้วย “การหยั่งเสียงหรือตอบคำถาม” เพื่อแนะนำ และกระตุ้นความสนใจในการสอน
บรรยายหรือสอนแบบดั้งเดิม (Lecture)
15 นาทีต่อมา
ให้ทำการ “บรรยายหรือสอนแบบดั้งเดิม” ซึ่งเกิดขึ้นภายในช่วงเวลาที่นักเรียน ยังคงรักษาระดับความสนใจเอาไว้
การจัดกิจกรรมโดยเน้นให้ผู้เรียนได้ลงมือกระทำ (Active Learning)
15-30 นาทีต่อมา
ให้ทำการจัดกิจกรรมต่างๆ เช่น “แบ่งผู้เรียนเป็นกลุ่มย่อยเพื่อเปิดโอกาสให้ปรึกษา หรือวางแผนการค้นหาคำตอบด้วยความอิสระ” ตามภาระกิจที่ได้รับมอบหมาย หรือจากประเด็นคำถามต่าง ๆ จากการบรรยาย เพื่อให้ผู้เรียนได้นำเสนอผลการค้นหาคำตอบ
การอภิปราย หรือทำการสรุปเนื้อหา (Discussion)
10 นาทีสุดท้าย
“ผู้สอนเปิดโอกาสให้มีการอภิปราย หรือทำการสรุปเนื้อหา หรือกิจกรรม” หากมีเวลาเหลือผู้สอนควรทำการอธิบายเนื้อหาเพิ่มเติม หรือเปิดประเด็นใหม่ ให้ผู้เรียนเกิดความสงสัยอยากเรียนรู้เพิ่มเติม
แนวทางในการออกแบบกิจกรรมการจัดการเรียนรู้เชิงรุกเป็นฐาน
ขั้นปฐมนิเทศและเร้าความสนใจ ด้วยการหยั่งเสียงหรือตอบคำถาม (Poll)
การสอนในขั้นปฐมนิเทศเป็นขั้นตอนสำคัญในการพัฒนาศักยภาพ และความสนใจของผู้เรียน ดังนั้น การออกแบบการสอนในระดับนี้ต้องเน้นไปที่การสร้างประสบการณ์ที่น่าสนใจและเพลิดเพลินสำหรับผู้เรียน เพื่อให้ผู้เรียนมีความสนใจในการเรียนรู้และการพัฒนาตนเองอย่างเต็มที่ ดังนั้นในการออกแบบการสอนในขั้นปฐมนิเทศและเร้าความสนใจควีมีกิจกรรมดังนี้
- สร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่เป็นกันเองและสนุกสนาน ใช้สถานที่ที่มีสีสันสดใส สิ่งของที่น่าสนใจ และเครื่องเล่นที่เหมาะสมในการสอน เช่น ผ้าม่านที่มีลวดลายสวยงาม เครื่องดนตรีเล็กๆ หรือของเล่นที่สร้างความสนุกสนาน
- ใช้วิธีการสอนที่เป็นการเรียนรู้ตามความสนใจของผู้เรียน สำรวจความสนใจของผู้เรียน และใช้มันในการออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ เช่น ถ้าผู้เรียนชอบสัตว์ สามารถใช้ภาพของสัตว์ในการเรียนรู้เกี่ยวกับตัวเลข หรือการอ่าน
- สร้างประสบการณ์การเรียนรู้แบบมั่นคง การใช้กิจกรรมการเรียนรู้ที่เชื่อมโยงกับประสบการณ์ของเผู้เรียนจะช่วยให้ผู้เรียนจดจำ และเรียนรู้ได้ดีขึ้น เช่น การให้ผู้เรียนเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับประสบการณ์ส่วนตัว การเปิดตัววัตถุสัมผัส หรือการทำกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติ
- ส่งเสริมการเรียนรู้แบบทางวิทยาศาสตร์และการสำรวจ สนับสนุนการสงเคราะห์ และการค้นพบโลกรอบตัว ใช้วัตถุดิบธรรมชาติ เช่น ให้ผู้เรียนไปสำรวจสวนสาธารณะ หรือป่าไม้ และให้ผู้เรียนสังเกตและทดลองสิ่งต่าง ๆ ที่พบ
- สร้างโอกาสให้ผู้เรียนมีประสบการณ์การเรียนรู้แบบมีความหมาย ให้ผู้เรียนมีโอกาสในการเลือกทำกิจกรรมตามความสนใจของตนเอง และสร้างโอกาสให้ผู้เรียนได้สร้างผลงานหรือสิ่งที่พวกเขาสนใจ
- สร้างประสบการณ์การเรียนรู้แบบมีความหมาย สร้างโอกาสให้ผู้เรียนมีโอกาสในการเลือกทำกิจกรรมตามความสนใจของตนเอง และสร้างโอกาสให้ผู้เรียนได้สร้างผลงาน หรือสิ่งที่ผู้เรียนสนใจ
ขั้นดำเนินการจัดการเรียนรู้ ด้วยการบรรยาย หรือสอนแบบดั้งเดิม (Lecture)
การจัดการเรียนรู้เชิงรุกเป็นกระบวนการที่เน้นการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นจากประสบการณ์ที่ผ่านมา และความสนใจของผู้เรียน เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ที่มีความหมาย และต่อเนื่อง ดังนั้นขั้นตอนในการออกแบบการจัดการเรียนรู้เชิงรุกในขั้นดำเนินการจัดการเรียนรู้ ควรออกแบบกิจกรรม ดังนี้
- วางแผนการเรียนรู้ด้วยการเริ่นนำเกี่ยวกับสิ่งมราจะบรรยาย การเริ่มต้นด้วยการสำรวจความรู้พื้นฐานของผู้เรียน และตระหนักถึงความสนใจ และประสบการณ์ที่มีอยู่แล้วของผู้เรียน ใช้ข้อมูลเหล่านี้ในการวางแผนการเรียนรู้ที่เหมาะสม และมีความสอดคล้องกับความต้องการและความสนใจของผู้เรียน
- สร้างสถานการณ์การเรียนรู้ที่เกิดจากประสบการณ์ การใช้เรื่องราวจากชีวิตประจำวัน การทดลอง หรือการเล่นเกมในการสอนทักษะและความรู้ จะช่วยให้ผู้เรียนได้รับประสบการณ์การเรียนรู้ที่มีความหมายและต่อเนื่อง
- สนับสนุนการเรียนรู้เชิงปฏิบัติการ การให้โอกาสให้ผู้เรียนมีประสบการณ์การเรียนรู้ผ่านการปฏิบัติจริง โดยใช้การศึกษาด้านห้องเรียนเป็นพื้นที่ทดลอง การสร้างโปรเจกต์ หรือการให้ผู้เรียนเลือกปฏิบัติการที่เกี่ยวข้องกับความสนใจของผู้เรียน
- ส่งเสริมการเรียนรู้โดยการเรียนรู้ร่วมกัน สร้างโอกาสให้ผู้เรียนมีการเรียนรู้จากกันและจากผู้อื่น โดยการใช้กลุ่มเป็นหน่วยงานในการแก้ปัญหา หรือการดำเนินโปรเจกต์ร่วมกัน
- ใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือในการเรียนรู้ การใช้เทคโนโลยีในการเรียนรู้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียนรู้ และสร้างการต่อเนื่องในการศึกษา ใช้เครื่องมือจาดอินเทอร์เน็ต เช่น วิดีโอการสอนออนไลน์ แอปพลิเคชันการเรียนรู้ หรือแพลตฟอร์มการเรียนรู้ออนไลน์
- ให้ความสำคัญกับการประเมินผล การเรียนรู้เชิงรุกเน้นไปที่กระบวนการการเรียนรู้และการเรียนรู้เอง ดังนั้น การประเมินควรเน้นไปที่การสะท้อนการเรียนรู้ของผู้เรียน และการพัฒนาทักษะต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
การออกแบบการจัดการเรียนรู้เชิงรุกนี้จะช่วยให้นักเรียนมีประสบการณ์การเรียนรู้ที่มีความหมายและมีการต่อเนื่องในการพัฒนาตนเองอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ยังส่งเสริมให้พัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์และการแก้ปัญหาในสถานการณ์จริงด้วย
ขั้นการสร้างองค์ความรู้ร่วมกัน
การสร้างการจัดการเรียนรู้เชิงรุกในการสร้างองค์ความรู้ร่วมกันสามารถทำได้โดยใช้วิธีการต่อไปนี้
- วางแผนเพื่อสร้างระบบการแบ่งปัน ให้สร้างโครงสร้าง หรือระบบที่ช่วยให้นักเรียน และครู สามารถแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ร่วมกันได้โดยสะดวก เช่น ใช้เว็บไซต์ หรือแพลตฟอร์มการแบ่งปันเนื้อหา เพื่อสร้างพื้นที่ที่นักเรียน และครูสามารถโพสต์ และแลกเปลี่ยนไอเดีย ข้อมูล หรือเนื้อหาการเรียนรู้กันได้
- สร้างโอกาสให้นักเรียนและครูมีการเรียนรู้ร่วมกัน สร้างกิจกรรม หรือโปรเจกต์ที่ให้นักเรียน และครูทำงานร่วมกัน เช่น โปรเจกต์การศึกษาภาษาต่างประเทศ การแก้ปัญหาสังคม หรือโปรเจกต์การวิจัยที่เน้นการทำงานเป็นกลุ่ม
- สนับสนุนการสร้างร่วมกันผ่านเทคโนโลยี ใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือในการสร้างร่วมกันในการเรียนรู้ เช่น ใช้แพลตฟอร์มการแชร์เอกสารออนไลน์ เครื่องมือสื่อสารเชิงสร้างสรรค์ เว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันสำหรับการทำงานร่วมกัน
- สร้างสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมการเรียนรู้ร่วมกัน สร้างสภาพแวดล้อมในห้องเรียนที่สนับสนุนการสร้างร่วมกัน และสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักเรียนและครูว่าการแบ่งปันองค์ความรู้ร่วมกันเป็นสิ่งที่ดีและมีความคุ้มค่า
- สร้างโอกาสให้ครูและนักเรียนเรียนรู้จากกันและจากโลกภายนอก สร้างโอกาสให้ครูและนักเรียนได้เรียนรู้จากประสบการณ์ และความรู้ที่มีอยู่ข้างนอกโดยใช้เชิงปฏิบัติการ เช่น นำเข้าผู้เชี่ยวชาญมาให้บรรยาย หรือนำเข้าข้อมูลและทรัพยากรจากโลกภายนอกเข้ามาในการเรียนรู้
- ส่งเสริมทักษะการคิด Critically and Creatively ให้นักเรียนและครูเริ่มต้นการสร้างความคิด และแก้ปัญหาที่ซับซ้อนโดยใช้ทักษะการคิดวิเคราะห์ และการสร้างสรรค์ เช่น การสนับสนุนการสร้างโปรเจกต์ หรือสร้างแบบจำลองที่ต้องการการคิดวิเคราะห์และการสร้างสรรค์ในขั้นตอนการทำงาน
การออกแบบการจัดการเรียนรู้เชิงรุกในการสร้างองค์ความรู้ร่วมกันจะสร้างแรงบันดาลใจ และกระตุ้นการเรียนรู้ที่เป็นอย่างดีในนักเรียนและครูทั้งหลาย ซึ่งจะช่วยสร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่เต็มไปด้วยความกระตือรือร้นและความมุ่งมั่นในการเรียนรู้ด้วย
ขั้นปฏิบัติงานกลุ่ม ด้วยการจัดกิจกรรมโดยเน้นให้ผู้เรียนได้ลงมือกระทำ (Active Learning)
การจัดการเรียนรู้เชิงรุกในการปฏิบัติงานกลุ่มเป็นวิธีที่เน้นการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ของการทำงานร่วมกันในกลุ่ม เพื่อส่งเสริมการพัฒนาทักษะการสื่อสาร การทำงานร่วมกัน และการแก้ปัญหาในขั้นนี้ควรแบ่งกิจกรรมออกเป็น 4 กิจกรรม ดังนี้
- สะท้อนความคิดและอภิปราย เพื่อให้เกิดการสร้างองค์ความรู้ร่วมกัน
- ประสบการณ์ เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนประสบการณ์
- ประยุกต์แนวคิด เพื่อให้เกิดการประยุกต์ใช้ความรู้
- ความคิดรวบยอด เพื่อให้เกิดการนำเสนอความรู้
โดยอาจมีกิจกรรมเพิ่มเติมดังนี้
- วางแผนงานการเรียนรู้ที่มีโครงสร้าง กำหนดวัตถุประสงค์ของการเรียนรู้ และหลักสูตรการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับความต้องการ และระดับความรู้ของนักเรียน และกำหนดกิจกรรมที่เหมาะสมสำหรับการทำงานร่วมกันในกลุ่ม
- กำหนดบทบาทและภารกิจของแต่ละสมาชิกในกลุ่ม กำหนดบทบาท และภารกิจของแต่ละสมาชิกในกลุ่ม เพื่อให้มีความชัดเจน และสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- สร้างสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนการทำงานร่วมกัน สร้างสภาพแวดล้อมในห้องเรียนที่สนับสนุนการทำงานร่วมกันโดยการจัดห้องให้เหมาะสม และสร้างบรรยากาศที่เปิดกว้างและสร้างความสนุกสนาน
- สร้างกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน สร้างกิจกรรมที่เชื่อมโยงกับประสบการณ์และความสนใจของนักเรียนในชีวิตประจำวัน เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจและความสนใจในการทำงานร่วมกัน
- ส่งเสริมการสื่อสารและการทำงานเป็นทีม สร้างโอกาสให้นักเรียนมีการสื่อสารและทำงานร่วมกันในกลุ่ม โดยใช้กิจกรรมที่เน้นการแก้ปัญหา การเสนอแนวคิด และการต่อสู้กับความขัดแย้ง
- สร้างโอกาสให้แบ่งปันความรู้และประสบการณ์ สร้างโอกาสให้นักเรียนและครูได้แบ่งปันความรู้ ประสบการณ์ และความสำเร็จที่ได้รับในการทำงานร่วมกันในกลุ่ม
- ประเมินและส่งเสริมการพัฒนา ประเมินผลและส่งเสริมการพัฒนาของนักเรียนในทักษะการทำงานร่วมกัน และการสื่อสารในกลุ่ม เพื่อปรับปรุงและพัฒนาการเรียนรู้ของนักเรียนอย่างต่อเนื่อง
การออกแบบการจัดการเรียนรู้เชิงรุกในการปฏิบัติงานกลุ่มจะช่วยส่งเสริมทักษะการทำงานร่วมกันและการเรียนรู้ที่เป็นประสบการณ์ที่มีความหมายสำหรับนักเรียนในขณะที่พัฒนาทักษะสำคัญอื่น ๆ อีกด้วย
ขั้นประเมินผล
การประเมินผลในการปฏิบัติงานกลุ่มต้องเน้นไปที่การวัดทักษะ และความสามารถในการทำงานร่วมกันของนักเรียน เพื่อให้ได้รับข้อมูลที่สมบูรณ์และแม่นยำเกี่ยวกับผลการเรียนรู้และความก้าวหน้าของกลุ่ม ในการออกแบบการประเมินผลตามสภาพจริงในการปฏิบัติงานกลุ่ม มีดังนี้
- กำหนดวัตถุประสงค์ของการปฏิบัติงาน กำหนดวัตถุประสงค์ของการทำงานในกลุ่มเพื่อให้มุ่งเน้นการประเมินในแง่ของวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้
- กำหนดเกณฑ์การประเมินที่ชัดเจน กำหนดเกณฑ์การประเมินที่ชัดเจนและเหมาะสมกับวัตถุประสงค์ของการทำงาน โดยให้คำนึงถึงทักษะที่ต้องการทดสอบ เช่น ทักษะการสื่อสาร การทำงานร่วมกัน การแก้ปัญหา เป็นต้น
- ใช้เครื่องมือและเทคนิคที่เหมาะสม ใช้เครื่องมือและเทคนิคที่เหมาะสมเพื่อการประเมิน เช่น แบบฟอร์มการประเมินตามสภาพจริง การสังเกตการทำงานของนักเรียนในกลุ่ม หรือการสำรวจความพึงพอใจของสมาชิกในกลุ่ม
- สร้างโอกาสให้สมาชิกในกลุ่มมีส่วนร่วม สร้างโอกาสให้สมาชิกในกลุ่มมีส่วนร่วมในการประเมินผล โดยให้เกี่ยวข้องกับกระบวนการการทำงาน และเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาของกลุ่ม
- ประเมินผลอย่างต่อเนื่อง การประเมินผลอย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งสำคัญในการให้ข้อมูลที่สมบูรณ์และทันสมัย โดยให้ทำการประเมินอย่างน้อยอย่างน้อยหนึ่งครั้งต่อรอบของการทำงาน
- ให้ข้อเสนอแนะและข้อคิดเห็น หลังจากการประเมินผลให้ให้ข้อเสนอแนะและข้อคิดเห็นที่สอดคล้องกับผลการทำงานของกลุ่ม เพื่อช่วยในการปรับปรุงและพัฒนาการทำงานในอนาคต
สรุปและแจ้งผลการประเมิน สรุปผลการประเมินอย่างชัดเจนและให้คำแนะนำสำหรับการพัฒนาของกลุ่ม โดยการแจ้งผลให้เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้และเป็นที่เข้าใจสำหรับสมาชิกในกลุ่ม
การออกแบบการประเมินผลในการปฏิบัติงานกลุ่มต้องเน้นการตระหนักถึงความสำคัญของการทำงานร่วมกันและการพัฒนาทักษะการสื่อสารและการทำงานร่วมกันในทีมในนักเรียนแต่ละคนในกลุ่ม ทำให้การประเมินผลเป็นประโยชน์และมีประสิทธิภาพในการพัฒนาการเรียนรู้ของนักเรียนในอนาคต
ตัวอย่างของเครื่องมือวัด และเครื่องมือประเมินผลที่ใช้ในการปฏิบัติงานกลุ่ม
เครื่องมือวัด
- แบบสำรวจความพึงพอใจของสมาชิกในกลุ่ม สำรวจความพึงพอใจของสมาชิกในกลุ่มต่อกระบวนการการทำงานร่วมกัน โดยให้การให้คะแนนเกี่ยวกับประสบการณ์การทำงาน ความสำเร็จ และปัญหาที่พบ เพื่อให้สมาชิกทุกคนได้มีส่วนร่วมในการปรับปรุงและพัฒนากลุ่มต่อไป
- การสังเกตการทำงานของกลุ่ม การสังเกตการทำงานของกลุ่มในระหว่างการปฏิบัติงาน โดยให้คะแนนเกี่ยวกับการสื่อสาร การแก้ไขปัญหา และการทำงานร่วมกัน เพื่อให้สามารถบันทึกข้อมูลและตระหนักถึงความก้าวหน้าและความสำเร็จของกลุ่ม
เครื่องมือประเมินผล
- แบบประเมินความสามารถในการทำงานร่วมกัน ใช้เพื่อประเมินความสามารถในการทำงานร่วมกันของสมาชิกในกลุ่ม โดยให้คะแนนเกี่ยวกับการสื่อสาร การแก้ไขปัญหา การเข้าใจและรับฟัง และการทำงานร่วมกันอย่างเป็นทีม
- แบบประเมินผลการปฏิบัติงาน ใช้เพื่อประเมินผลการปฏิบัติงานของกลุ่ม โดยให้คะแนนเกี่ยวกับความสำเร็จในการบรรลุวัตถุประสงค์ ความสามารถในการแก้ไขปัญหา และความพึงพอใจของผู้รับผิดชอบหรือผู้สังเกตงาน
- การสำรวจความพึงพอใจของผู้รับผิดชอบหรือผู้สังเกตงาน การสำรวจความพึงพอใจของผู้รับผิดชอบ หรือผู้สังเกตงานต่อผลการปฏิบัติงานของกลุ่ม โดยให้คะแนนเกี่ยวกับประสิทธิภาพ คุณภาพ และความสำเร็จของงานที่ปฏิบัติในกลุ่ม
เครื่องมือเหล่านี้จะช่วยให้สามารถประเมินความสำเร็จและความพึงพอใจของกลุ่มในการทำงานร่วมกันอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ
ขั้นสรุปกิจกรรม ด้วยการอภิปราย หรือทำการสรุปเนื้อหา (Discussion)
การออกแบบกิจกรรมการอภิปรายจากการทำกิจกรรมการปฏิบัติงานกลุ่มในขั้นสรุปกิจกรรมเป็นสิ่งที่สำคัญ เพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้และสร้างความเข้าใจที่ลึกซึ้งในเนื้อหา ขั้นตอนในการออกแบบกิจกรรมการอภิปราย ควรมีกิจกรรมดังนี้
- เลือกกระบวนการหรือผลการเรียนรู้ที่สำคัญ เลือกกระบวนการ หรือผลการเรียนรู้ที่สำคัญจากกิจกรรมการปฏิบัติงานกลุ่มที่น่าสนใจ เช่น ปัญหาที่เกิดขึ้น ความรู้ที่ได้รับ หรือทักษะที่พัฒนาขึ้น
- กำหนดเป้าหมายการอภิปราย กำหนดเป้าหมายที่ต้องการให้นักเรียนเรียนรู้ หรือเข้าใจจากกิจกรรมการอภิปราย เช่น เพิ่มความเข้าใจในหัวข้อที่เกี่ยวข้อง สรุปผลการเรียนรู้ เปรียบเทียบและวิเคราะห์ผลการทำงาน หรือเสนอวิธีการแก้ไขปัญหา
- เตรียมวัสดุการอภิปราย เตรียมวัสดุที่จะใช้ในการอภิปราย เช่น สไลด์โปรเจคเตอร์ ภาพถ่าย วีดีโอ หรือวัสดุการศึกษาอื่นๆ ที่มีประสิทธิภาพในการสนับสนุนการอภิปราย
- สร้างโจทย์หรือคำถามที่เปิดโอกาสให้อภิปราย สร้างโจทย์ หรือคำถามที่เปิดโอกาสให้นักเรียนเริ่มต้นการอภิปราย เพื่อกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์และความเข้าใจ
- สร้างกิจกรรมการอภิปรายที่สร้างสรรค์ สร้างกิจกรรมการอภิปรายที่สร้างสรรค์และน่าสนใจ เช่น การสร้างโครงการ หรือแผนการแก้ไขปัญหา การนำเสนอความคิด หรือการสร้างผลงานที่แสดงความเข้าใจ
- สร้างโอกาสให้ผู้เรียนแลกเปลี่ยนความคิด สร้างโอกาสให้นักเรียนแลกเปลี่ยนความคิดและเห็นความคิดของกันและกัน โดยใช้กระบวนการอภิปราย
- ประเมินการอภิปราย ประเมินการอภิปรายโดยให้คำแนะนำและข้อเสนอแนะ เพื่อช่วยให้นักเรียนได้พัฒนาความคิดและความเข้าใจอย่างเต็มที่
ตัวอย่างกิจกรรมการอภิปรายอาจเป็นการนำเสนอโครงการที่นักเรียนได้พัฒนาขึ้นจากกิจกรรมการปฏิบัติงานกลุ่ม หรือการสร้างโอกาสให้นักเรียนเล่าประสบการณ์ หรือความรู้ที่ได้รับในระหว่างการทำงานร่วมกันในกลุ่ม โดยใช้เวลาอภิปรายและแสดงวิธีการแก้ไขปัญหาหรือข้อเสนอสรุปในสิ่งที่ได้เรียนรู้
ตัวอย่างกิจกรรมการอภิปราย
ตัวอย่างของการอภิปรายจากกิจกรรมการปฏิบัติงานกลุ่ม มีดังนี้
- การนำเสนอโครงการ สมมติว่ากลุ่มได้ทำโปรเจกต์เกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงานในโรงเรียน เมื่อเสร็จสิ้นกิจกรรม กลุ่มสามารถนำเสนอโครงการนี้ให้กับผู้ดูแลโรงเรียน หรือคณะกรรมการโรงเรียน โดยอภิปรายเกี่ยวกับแนวคิดของโปรเจกต์ วัตถุประสงค์ ขั้นตอนการดำเนินงาน และผลการทำงานที่คาดหวัง
- การแสดงผลงาน หากกลุ่มได้สร้างผลงาน เช่น งานศิลปะ โครงงานวิทยาศาสตร์ หรือโปสเตอร์ นักเรียนสามารถนำผลงานนี้มาแสดงให้คณะผู้บริหาร หรือผู้ปกครองได้ เพื่ออภิปรายเกี่ยวกับกระบวนการทำงาน แรงบันดาลใจ และผลประโยชน์ที่ได้รับ
- การเล่าประสบการณ์ สมมติว่ากลุ่มได้ทำงานภายในสถานประกอบการ เมื่อกลุ่มเสร็จสิ้นกิจกรรม สมาชิกในกลุ่มสามารถมาอภิปรายในห้องเรียนเกี่ยวกับประสบการณ์ที่ได้รับ รวมถึงความรู้สึก ความสำเร็จ และความเป็นประโยชน์ที่ได้รับจากการทำงาน
- การสนทนากลุ่ม สมมติว่ากลุ่มมีการสร้างโครงการสังคมบำบัดในชุมชน เมื่อสิ้นสุดกิจกรรม สมาชิกในกลุ่มสามารถมาอภิปรายกับผู้เข้าร่วม หรือผู้ที่สนใจในเรื่องที่กลุ่มทำ โดยการเสนอแนวคิด การสร้างผลประโยชน์ และการแก้ไขปัญหาที่พบในการดำเนินงาน
ตัวอย่างการฝึกอบรมของครู
ศึกษาเพิ่มเติม
Comments
Powered by Facebook Comments